Categories
ลูกา

ลูกา 21

เงินถวายของหญิงม่าย

1 เมื่อพระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมอง ทรงเห็นพวกคนรวยเอาเงินใส่ที่รับเงินถวายของพระวิหาร

2 และพระองค์ยังทรงเห็นหญิง

ม่ายยากจนคนหนึ่งหย่อนเหรียญทองแดงเล็กๆ สองเหรียญถวายด้วย

3 พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าหญิงม่ายยากจนคนนี้ถวายมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด

4 เพราะคนเหล่านั้นล้วนเอาส่วนเล็กน้อยจากความมั่งคั่งของเขามาถวาย แต่หญิงม่ายนี้ทั้งที่ยากจนยังเอาทั้งหมดที่นางมีไว้เลี้ยงชีพมาถวาย”

หมายสำคัญแห่งวาระสิ้นยุค

5 บางคนในหมู่สาวกของพระองค์ตั้งข้อสังเกตถึงการที่พระวิหารประดับประดาด้วยศิลางดงามและของถวายต่างๆ ที่อุทิศแด่พระเจ้า แต่พระเยซูตรัสว่า

6 “สิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็นอยู่นี้ สักวันหนึ่งจะไม่เหลือศิลาซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด”

7 พวกเขาทูลถามว่า “พระอาจารย์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด? และอะไรเป็นหมายสำคัญว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น?”

8 พระองค์ตรัสว่า “จงระวัง เพื่อท่านจะไม่ถูกล่อลวง เพราะหลายคนจะมาในนามของเรา อ้างตัวว่า ‘เราคือผู้นั้น’ และอ้างว่า ‘วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว’ อย่าไปตามคนพวกนี้

9 เมื่อท่านได้ยินข่าวสู้รบและการปฏิวัติ อย่าตื่นตกใจ สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่วาระสุดท้ายยังไม่มาในทันที”

10 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ประชาชาติต่อประชาชาติ อาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน

11 จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้ง การกันดารอาหารและโรคระบาดในที่ต่างๆ ตลอดจนเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวและหมายสำคัญยิ่งใหญ่จากฟ้าสวรรค์

12 “แต่ก่อนเหตุการณ์ทั้งปวงนี้ พวกเขาจะจับกุมท่านและข่มเหงท่าน เขาจะส่งตัวท่านไปยังธรรมศาลาและคุกตะราง ท่านจะถูกคุมตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ ไปพบผู้ว่าการ และทั้งหมดนี้เป็นเพราะนามของเรา

13 การนี้จะส่งผลให้ท่านได้เป็นพยานแก่พวกนั้น

14 แต่ท่านจงตัดสินใจที่จะไม่กังวลไปก่อนว่าจะพูดแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร

15 เพราะเราจะให้ถ้อยคำและสติปัญญาแก่ท่าน อย่างที่เหล่าปฏิปักษ์ของท่านไม่สามารถต่อต้านหรือโต้แย้งได้เลย

16 แม้กระทั่งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตรของท่านก็จะทรยศท่านด้วย และพวกท่านบางคนจะถูกฆ่า

17 คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา

18 แต่ผมบนศีรษะของท่านสักเส้นเดียวก็จะไม่พินาศ

19 โดย การยืนหยัดอย่างมั่นคง ท่านจะได้รับชีวิต

20 “เมื่อท่านเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ท่านก็จะรู้ว่าหายนะของกรุงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว

21 เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ให้ผู้ที่อยู่ในกรุงออกไป และผู้ที่อยู่ในชนบทอย่าเข้ามาในกรุง

22 เพราะนี่เป็นวาระแห่งการลงโทษ เพื่อให้สิ่งทั้งปวงสำเร็จตามที่มีเขียนไว้

23 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน! จะเกิดทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ในแผ่นดินและจะมีพระพิโรธต่อชนชาตินี้

24 เขาทั้งหลายจะล้มตายด้วยคมดาบ จะถูกจับกุมเป็นนักโทษ และถูกนำตัวไปยังประชาชาติทั้งปวง คนต่างชาติจะเหยียบ ย่ำกรุงเยรูซาเล็ม จนครบวาระกำหนดของคนต่างชาติ

25 “จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลาย ในโลกนี้ประชาชาติต่างๆ จะตกอยู่ในความทุกข์ทรมานและความฉงนสนเท่ห์ที่เกิดเสียงกึกก้องและเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเล

26 ผู้คนจะสลบไสลเพราะความสยองขวัญและหวาดหวั่นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก เพราะสิ่งต่างๆ ในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน

27 วาระนั้นเขาทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยฤทธิ์อำนาจและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่

28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มขึ้น จงยืนขึ้นและเชิดศีรษะขึ้น เพราะท่านใกล้จะได้รับการไถ่แล้ว”

29 พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ให้เขาฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อและต้นไม้ทั้งปวงเถิด

30 เมื่อมันผลิใบ ท่านก็เห็นและรู้ด้วยตนเองว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว

31 เช่นเดียวกัน เมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว

32 “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า คนยุคนี้ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน

33 ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราไม่มีวันสูญสิ้น

34 “จงระวังให้ดี มิฉะนั้นใจของท่านจะจมอยู่กับความสนุกบันเทิงฝ่ายโลก การเมามาย และความวิตกกังวลต่างๆ ในชีวิต และวาระนั้นจะมาถึงตัวท่านอย่างไม่คาดคิดเหมือนกับดัก

35 เพราะวันนั้นจะมาถึงคนทั้งปวงที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นโลก

36 จงเฝ้าระวังอยู่เสมอและอธิษฐาน เพื่อท่านจะสามารถรอดพ้นจากสิ่งทั้งปวงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพื่อท่านจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”

37 พระเยซูทรงสอนที่พระวิหารทุกวัน และทุกค่ำคืนก็เสด็จไปประทับแรมที่ภูเขามะกอกเทศ

38 คนทั้งปวงจะมาที่พระวิหารตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อฟังพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LUK/21-b66b5db94128b694d6b229f1cbe68e8a.mp3?version_id=179—

Categories
ลูกา

ลูกา 22

ยูดาสตกลงใจจะทรยศพระเยซู

1 บัดนี้ใกล้จะถึงเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อที่เรียกว่าปัสกาแล้ว

2 พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์กำลังหาช่องทางที่จะกำจัดพระเยซูเพราะพวกเขากลัวประชาชน

3 แล้วซาตานเข้าดลใจยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท หนึ่งในสาวกสิบสองคน

4 และยูดาสจึงได้ไปพบกับพวกหัวหน้าปุโรหิตและหัวหน้ากองยามพระวิหาร และหารือกันว่าเขาจะมอบพระเยซูให้พวกนั้นได้อย่างไร

5 พวกนั้นดีใจและตกลงจะให้เงินเขา

6 ยูดาสจึงเห็นชอบและจ้องหาโอกาสที่จะมอบพระองค์ให้พวกเขาเมื่อปลอดคน

อาหารเย็นมื้อสุดท้าย

7 เมื่อถึงวันเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งจะต้องถวายแกะปัสกา

8 พระเยซูทรงสั่งเปโตรกับยอห์นว่า “จงไปจัดเตรียมปัสกาสำหรับพวกเรา”

9 พวกเขาทูลถามว่า “พระองค์ทรงประสงค์ให้จัดเตรียมปัสกาถวายที่ไหน?”

10 พระองค์ตรัสตอบว่า “เมื่อท่านเข้าไปในเมือง จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน จงตามคนนั้นไปในบ้านที่เขาเข้าไป

11 และกล่าวแก่เจ้าของบ้านว่า ‘พระอาจารย์ตรัสถามว่าห้องรับรองแขกที่เราจะรับประทานปัสการ่วมกับเหล่าสาวกของเราอยู่ที่ไหน?’

12 เขาจะให้ดูห้องใหญ่ชั้นบนซึ่งตกแต่งเตรียมไว้เรียบร้อย จงเตรียมปัสกาที่นั่น”

13 ทั้งสองก็ไปและได้พบสิ่งต่างๆ ตามที่พระเยซูตรัสไว้ พวกเขาจึงเตรียมปัสกา

14 เมื่อถึงเวลา พระเยซูกับเหล่าอัครทูตก็นั่งลงรับประทานที่โต๊ะ

15 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะรับประทานปัสกานี้ร่วมกับพวกท่านก่อนที่เราจะทนทุกข์

16 เพราะเราบอกท่านว่า เราจะไม่รับประทานปัสกานี้อีกจนกว่าปัสกานี้สำเร็จครบถ้วนในอาณาจักรของพระเจ้า”

17 พระองค์ทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณพระเจ้า แล้วตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้แบ่งกันดื่ม

18 เพราะเราบอกท่านว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง”

19 และพระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณพระเจ้า แล้วหักส่งให้พวกเขาและตรัสว่า “นี่คือกายของเราซึ่งให้แก่ท่าน จงทำเช่นนี้เป็นการระลึกถึงเรา”

20 หลังจากรับประทานแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยและกระทำอย่างเดียวกัน แล้วตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเราซึ่งหลั่งรินออกเพื่อท่าน

21 แต่มือของผู้ที่จะทรยศเราก็อยู่บนโต๊ะนี้ด้วยกันกับเรา

22 บุตรมนุษย์จะไปตามที่กำหนดไว้ แต่วิบัติแก่ผู้ที่ทรยศต่อบุตรมนุษย์”

23 เหล่าสาวกจึงเริ่มถามกันเองว่าใครในพวกเขาที่จะทำเช่นนั้น

24 ทั้งมีการโต้เถียงกันในหมู่พวกเขาด้วยว่าใครที่นับว่าเป็นใหญ่ที่สุด

25 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเป็นนายเขา และผู้ที่ใช้อำนาจเหนือเขาเรียกตนเองว่าเจ้าบุญนายคุณ

26 แต่พวกท่านไม่ควรเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกท่านควรเป็นเหมือนผู้เยาว์ที่สุด และผู้ที่ปกครองเสมือนเป็นผู้รับใช้

27 เพราะคนที่นั่งโต๊ะกับคนที่คอยรับใช้ ใครยิ่งใหญ่กว่ากัน? คนที่นั่งโต๊ะไม่ใช่หรือ? แต่เราอยู่ท่ามกลางพวกท่านเหมือนคนรับใช้

28 พวกท่านคือผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้างเราในยามที่เราเผชิญการทดลอง

29 และเรายกอาณาจักรหนึ่งให้แก่ท่าน เหมือนที่พระบิดาทรงยกอาณาจักรหนึ่งให้เรา

30 เพื่อท่านจะร่วมกินและดื่มที่โต๊ะของเราในอาณาจักรของเรา และนั่งบนบัลลังก์ตัดสินชนอิสราเอลสิบสองเผ่า

31 “ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ซาตานได้ขอไว้ที่จะฝัดร่อนท่านเหมือนข้าวสาลี

32 แต่ซีโมนเอ๋ย เราได้อธิษฐานเผื่อท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ล้มเหลว และเมื่อท่านหันกลับมาแล้ว จงช่วยให้พี่น้องของท่านเข้มแข็งขึ้น”

33 แต่เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมที่จะไปกับพระองค์ ไม่ว่าจะไปติดคุกหรือไปตาย”

34 พระเยซูตรัสตอบว่า “เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่าวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”

35 จากนั้นพระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เมื่อครั้งที่เราส่งท่านไปโดยไม่มีถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้า ท่านขาดสิ่งใดหรือไม่?”

พวกเขาทูลว่า “ไม่ขาดสิ่งใดเลย”

36 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “แต่ตอนนี้ถ้าท่านมีถุงเงิน จงเอาไป พร้อมทั้งย่ามด้วย และถ้าท่านไม่มีดาบ จงขายเสื้อคลุมไปซื้อดาบมา

37 มีคำเขียนไว้ว่า ‘และเขาถูกนับเป็นพวกเดียวกับคนล่วงละเมิด’เราบอกท่านว่าข้อความนี้จะต้องเป็นจริงกับตัวเรา ถูกแล้ว สิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเรากำลังจะสำเร็จ”

38 เหล่าสาวกทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ดูเถิด นี่มีดาบสองเล่ม”

พระองค์ตรัสตอบว่า “พอแล้ว”

พระเยซูทรงอธิษฐานบนภูเขามะกอกเทศ

39 พระเยซูเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคยและเหล่าสาวกก็ตามพระองค์ไป

40 เมื่อมาถึงที่นั่นพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง”

41 แล้วทรงเลี่ยงห่างจากเขาออกไปประมาณระยะขว้างหินตก ทรงคุกเข่าลงอธิษฐานว่า

42 “ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์ อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ขอให้สำเร็จดังพระประสงค์ของพระองค์”

43 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏ และช่วยให้พระองค์มีกำลังขึ้น

44 พระเยซูทรงเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ทรงอธิษฐานอย่างจริงจังยิ่งขึ้น และเหงื่อเหมือนเลือดหยดลงที่พื้น

45 เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานและกลับมาหาพวกสาวก พระองค์ทรงพบว่าพวกเขานอนหลับกันอยู่ ต่างสิ้นแรงเพราะความโศกเศร้า

46 พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านยังหลับอยู่? จงลุกขึ้นอธิษฐานเถิด เพื่อท่านจะไม่ตกอยู่ในการทดลอง”

พระเยซูทรงถูกจับกุม

47 พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ มีฝูงชนกลุ่มหนึ่งเข้ามา นำโดยยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคน ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูเพื่อจูบพระองค์

48 แต่พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ยูดาส ท่านกำลังจะทรยศบุตรมนุษย์ด้วยการจูบหรือ?”

49 เมื่อบรรดาผู้ติดตามพระเยซูเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า เราเอาดาบฟันเลยดีไหม?”

50 แล้วสาวกคนหนึ่งฟันหูขวาของคนรับใช้ของมหาปุโรหิตขาด

51 แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พอแล้ว!” และทรงแตะต้องหูของคนนั้นและทรงรักษาเขาให้หาย

52 แล้วพระเยซูตรัสกับพวกหัวหน้าปุโรหิต เจ้าหน้าที่ดูแลพระวิหาร และพวกผู้อาวุโสที่มานั้นว่า “เราก่อการกบฏหรือท่านถึงได้ถือดาบถือกระบองมา?

53 เราอยู่กับพวกท่านในลานพระวิหารทุกวันและท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่นี่เป็นเวลาของท่าน คือเมื่อความมืดครองอำนาจ”

เปโตรปฏิเสธพระเยซู

54 พวกเขาจับพระเยซูแล้วคุมตัวมาที่บ้านของมหาปุโรหิต เปโตรตามมาห่างๆ

55 แต่เมื่อเขาก่อไฟที่กลางลานบ้านและนั่งลงด้วยกัน เปโตรก็นั่งกับพวกเขา

56 สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งอยู่ในแสงไฟก็จ้องมองเขาและพูดว่า “ชายคนนี้ก็อยู่กับเขาด้วย”

57 แต่เปโตรปฏิเสธว่า “หญิงเอ๋ย ข้าไม่รู้จักเขา”

58 สักครู่หนึ่ง มีอีกคนเห็นเปโตรก็พูดว่า “เจ้าก็เป็นคนหนึ่งในพวกนั้นด้วย”

เปโตรปฏิเสธว่า “ท่านเอ๋ย ข้าไม่ได้เป็น!”

59 ประมาณอีกชั่วโมงหนึ่ง มีอีกคนยืนยันว่า “คนนี้อยู่กับเขาแน่ๆ เพราะเป็นชาวกาลิลี”

60 เปโตรตอบว่า “ท่านเอ๋ย ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!” เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำไก่ก็ขัน

61 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหันมามองตรงไปที่เปโตร เขาจึงนึกถึงคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับเขาไว้ว่า “วันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”

62 เขาจึงออกไปข้างนอกและร้องไห้อย่างขมขื่น

ยามพระวิหารเยาะเย้ยพระเยซู

63 บรรดาผู้ที่คุมตัวพระเยซูเริ่มเยาะเย้ยและทุบตีพระองค์

64 พวกเขาเอาผ้าปิดพระเนตรและว่า “ทำนายสิ! ใครตีเจ้า?”

65 และพวกเขาพูดลบหลู่พระองค์ต่างๆ นานา

พระเยซูต่อหน้าปีลาตและเฮโรด

66 พอรุ่งเช้าสภาของเหล่าผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนรวมทั้งพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์มาประชุมกัน พระเยซูถูกนำตัวมาต่อหน้าที่ประชุม

67 พวกเขาพูดว่า “ถ้าท่านคือพระคริสต์ก็จงบอกเรามา”

พระเยซูตรัสตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็จะไม่เชื่อเรา

68 และถ้าเราถามท่าน ท่านก็จะไม่ตอบ

69 แต่นับจากนี้ไป บุตรมนุษย์จะนั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์”

70 แล้วทั้งสภาก็ถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านคือบุตรของพระเจ้าหรือ?”

พระองค์ตรัสว่า “ท่านพูดถูกแล้วว่าเราเป็น”

71 แล้วพวกเขาจึงว่า “เราจะต้องการพยานอื่นอีกทำไม? เราได้ยินสิ่งนี้จากปากของเขาเองแล้ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LUK/22-6af3b601d81ca272c306ff5157af34df.mp3?version_id=179—

Categories
ลูกา

ลูกา 23

1 จากนั้นที่ประชุมทั้งหมดจึงลุกขึ้น นำพระองค์มาพบปีลาต

2 และฟ้องว่า “เราพบว่าชายผู้นี้ยุยงคนในชาติของเรา เขาคัดค้าน การเสียภาษีให้ซีซาร์และอ้างตัวเป็นพระคริสต์กษัตริย์องค์หนึ่ง”

3 ดังนั้นปีลาตจึงถามพระเยซูว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?”

พระเยซูตรัสว่า “ใช่อย่างที่ท่านว่า”

4 แล้วปีลาตจึงประกาศแก่พวกหัวหน้าปุโรหิตและฝูงชนว่า “เราไม่พบมูลเหตุใดๆ ว่าชายผู้นี้ทำผิดตามข้อกล่าวหา”

5 แต่พวกนั้นยืนกรานว่า “เขาใช้คำสอนปลุกปั่นประชาชนทั่วแคว้นยูเดียเริ่มตั้งแต่กาลิลีตลอดทางมาจนถึงที่นี่”

6 ปีลาตได้ฟังเช่นนั้นจึงถามว่าชายผู้นี้เป็นชาวกาลิลีหรือ

7 เมื่อทราบว่าพระเยซูเป็นคนในท้องที่ของเฮโรด เขาจึงส่งพระองค์ไปพบเฮโรด ซึ่งเวลานั้นอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย

8 เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซูก็ดีใจมาก เพราะอยากเห็นพระองค์มานานแล้ว จากที่ได้ยินมาเฮโรดหวังจะเห็นพระองค์ทำการอัศจรรย์บ้าง

9 เฮโรดซักถามพระองค์หลายประการ แต่พระเยซูไม่ได้ตรัสตอบเลย

10 พวกหัวหน้าปุโรหิตและธรรมาจารย์ยืนอยู่ที่นั่นและฟ้องร้องพระองค์อย่างเอาเป็นเอาตาย

11 จากนั้นเฮโรดกับเหล่าทหารก็เยาะเย้ยดูหมิ่นพระองค์ เอาเสื้อชุดงามสง่ามาให้พระองค์สวม แล้วส่งพระองค์กลับมาหาปีลาต

12 ในวันนั้นเฮโรดกับปีลาตกลายเป็นมิตรกันทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นศัตรูกัน

13 ปีลาตเรียกพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้นำ และประชาชนมาพร้อมหน้ากัน

14 แล้วกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายนำตัวชายผู้นี้มาพบเราในฐานะผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราได้ไต่สวนต่อหน้าพวกท่านแล้ว และไม่พบมูลเหตุใดๆ ว่าชายผู้นี้ผิดตามข้อกล่าวหาของพวกท่าน

15 เฮโรดก็เช่นกัน เพราะเฮโรดส่งเขากลับมาหาเราดังที่ท่านเห็นอยู่ เขาไม่ได้ทำอะไรที่สมควรรับโทษถึงตาย

16 ฉะนั้น เราจะลงโทษเขาและปล่อยเขาไป”

18 พวกนั้นร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “กำจัดคนนี้เสีย! ปล่อยบารับบัสให้เรา!”

19 (บารับบัสถูกจับเข้าคุก ข้อหาก่อการจลาจลในกรุงเยรูซาเล็มและฆ่าคน)

20 ปีลาตอยากปล่อยพระเยซูจึงพูดโน้มน้าวพวกเขาอีก

21 แต่พวกนั้นเฝ้าร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน! ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!”

22 ปีลาตกล่าวกับพวกเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ทำไม? เขาทำผิดอะไร? เราไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรที่สมควรมีโทษถึงตาย ฉะนั้นเราจะลงโทษและปล่อยเขา”

23 แต่พวกเขายังยืนกราน ตะโกนเรียกร้องเสียงดังให้ตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขน และเสียงตะโกนของพวกเขาชนะ

24 ดังนั้นปีลาตจึงตัดสินใจที่จะทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขา

25 เขาปล่อยคนที่พวกเขาขอ คือนักโทษที่ก่อการกบฏและฆ่าคน แล้วมอบพระเยซูให้พวกเขาไปจัดการตามใจชอบ

การตรึงที่ไม้กางเขน

26 ขณะพวกเขานำพระเยซูออกไป เขาเกณฑ์ซีโมนจากไซรีนที่เดินทางมาจากชนบทให้แบกไม้กางเขนตามหลังพระเยซู

27 ผู้คนมากมายติดตามพระองค์มา รวมทั้งพวกผู้หญิงซึ่งร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังเพราะพระองค์

28 พระเยซูทรงหันมาตรัสกับพวกผู้หญิงนั้นว่า “ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้เพื่อเราเลย จงร้องไห้เพื่อตนเองและเพื่อลูกๆ ของตนเถิด

29 เพราะวาระนั้นจะมาถึงเมื่อพวกท่านจะกล่าวว่า ‘ความสุขมีแก่หญิงผู้เป็นหมัน แก่ครรภ์ที่ไม่ได้คลอด และอกที่ไม่ได้ให้นมลูก!’

30 เมื่อนั้น

“ ‘เขาจะกล่าวแก่ภูเขาทั้งหลายว่า

“ล้มมาทับเราเถิด!”

และบอกเนินเขาทั้งหลายว่า “ปกคลุมเราไว้เถิด!” ’

31 เพราะถ้าเขายังทำอย่างนี้กับต้นไม้เขียวสด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไม้แห้งเล่า?”

32 มีอาชญากรอีกสองคนถูกนำตัวมาประหารพร้อมกับพระองค์

33 เมื่อมาถึงที่ซึ่งเรียกว่า หัวกะโหลก เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่ไม้กางเขนพร้อมกับอาชญากรสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย อีกคนหนึ่งอยู่ข้างขวาของพระองค์

34 พระเยซูตรัสว่า “พระบิดา ขอทรงยกโทษให้พวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”และพวกเขาเอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน

35 ประชาชนพากันยืนดูและพวกผู้นำพูดถากถางพระองค์ว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า เป็นผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ก็ให้เขาช่วยตนเองให้รอดเถิด”

36 พวกทหารก็มาเยาะเย้ยพระองค์ด้วย พวกเขาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์

37 แล้วพูดว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวก็จงช่วยตนเองให้รอดเถิด”

38 เหนือพระองค์มีป้ายเขียนติดไว้ว่า “นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว”

39 อาชญากรคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่ที่นั่นพูดสบประมาทพระองค์ว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? จงช่วยตนเองกับเราให้รอด!”

40 แต่อีกคนตำหนิเขาว่า “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือในเมื่อเจ้าเองก็ต้องโทษสถานเดียวกัน?

41 เราถูกลงโทษอย่างยุติธรรมเพราะเราได้รับสิ่งที่สมควรกับการกระทำของเราแล้ว แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำอะไรผิด”

42 แล้วเขาทูลว่า “พระเยซูเจ้าข้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระองค์”

43 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”

การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู

44 เวลานั้นประมาณเที่ยงวัน เกิดมืดมัวไปทั่วแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง

45 เพราะดวงอาทิตย์หยุดส่องแสงและม่านในพระวิหารขาดเป็นสองท่อน

46 พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “พระบิดา ข้าพระองค์ขอมอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” ตรัสดังนี้แล้วก็สิ้นพระชนม์

47 นายร้อยได้เห็นเหตุการณ์ก็สรรเสริญพระเจ้าและกล่าวว่า “แน่ทีเดียว ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบธรรม”

48 เมื่อคนทั้งปวงที่มาชุมนุมกันเพื่อเป็นพยานในเหตุการณ์นี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ทุบตีอกด้วยความเสียใจและจากไป

49 แต่คนทั้งปวงที่รู้จักพระองค์ รวมทั้งพวกผู้หญิงที่ติดตามพระองค์มาจากกาลิลี ยืนเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้อยู่ห่างๆ

การฝังพระศพพระเยซู

50 มีชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ เป็นสมาชิกสภา เขาเป็นคนดีและเที่ยงธรรม

51 ซึ่งไม่เห็นด้วยกับมติและการกระทำของคนเหล่านั้น เขามาจากอาริมาเธียแคว้นยูเดีย และเขากำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า

52 โยเซฟไปพบปีลาตเพื่อขอพระศพของพระเยซู

53 จากนั้นเขาเชิญพระศพลงมา เอาผ้าลินินพัน และวางพระศพไว้ในอุโมงค์ซึ่งสกัดไว้ในศิลา และอุโมงค์ฝังศพนี้ยังไม่เคยวางศพของใครเลย

54 วันนั้นเป็นวันเตรียม และวันสะบาโตกำลังจะเริ่มขึ้น

55 พวกผู้หญิงจากกาลิลีที่มากับพระเยซูตามโยเซฟมาและได้เห็นอุโมงค์ ตลอดจนได้เห็นว่าเขาวางพระศพไว้ในอุโมงค์อย่างไร

56 จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้านไปเตรียมเครื่องหอมกับน้ำมันหอม แต่พวกเขาหยุดพักในวันสะบาโตอันเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LUK/23-a14c55fd44960b1e6474cbab90adc199.mp3?version_id=179—

Categories
ลูกา

ลูกา 24

การคืนพระชนม์

1 เช้ามืดวันต้นสัปดาห์ พวกผู้หญิงนำเครื่องหอมที่เตรียมไว้มาที่อุโมงค์

2 พวกนางพบว่าก้อนหินถูกกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว

3 แต่เมื่อเข้าไป พวกนางก็ไม่พบพระศพขององค์พระเยซูเจ้า

4 ขณะที่กำลังแปลกใจในเรื่องนี้ ทันใดนั้นชายสองคนสวมเสื้อผ้าซึ่งส่องประกายเหมือนฟ้าแลบมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา

5 พวกผู้หญิงน้อมกายซบหน้าลงกับพื้นด้วยความตกใจ แต่ชายทั้งสองพูดกับพวกนางว่า “เหตุใดพวกท่านมามองหาคนเป็นในหมู่คนตาย?

6 พระองค์ไม่ได้ทรงอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! จงระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงบอกพวกท่านไว้ขณะที่ยังอยู่ในแคว้นกาลิลีที่ว่า

7 ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของคนบาป ถูกตรึงตายที่ไม้กางเขน และในวันที่สามจะทรงให้เป็นขึ้นมาใหม่’ ”

8 แล้วพวกเขาจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์

9 เมื่อพวกนางกลับมาจากอุโมงค์แล้วพวกนางก็เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ทั้งปวงฟัง

10 ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ให้เหล่าอัครทูตฟังคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่กับพวกเขา

11 แต่พวกเขาไม่เชื่อผู้หญิงเหล่านี้ เพราะฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล

12 แต่เปโตรลุกขึ้นวิ่งไปที่อุโมงค์แล้วก้มลงมอง เขาเห็นแต่แถบผ้าลินินกองอยู่ จึงกลับไปครุ่นคิดด้วยความประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

บนเส้นทางไปเอมมาอูส

13 ในวันนั้นสาวกสองคนกำลังจะไปหมู่บ้านเอมมาอูสซึ่งห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 11 กิโลเมตร

14 ทั้งสองสนทนากันเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

15 ขณะที่เขากำลังพูดคุยเรื่องต่างๆ กันอยู่นั้น พระเยซูเองได้เสด็จมาและทรงดำเนินไปกับพวกเขา

16 แต่ทรงบันดาลให้ทั้งคู่จำพระองค์ไม่ได้

17 พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ระหว่างเดินมาตามทาง พวกท่านถกเถียงเรื่องอะไรกันอยู่หรือ?” ทั้งสองยืนนิ่งหน้าตาโศกเศร้า

18 คนหนึ่งชื่อเคลโอปัสทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นเพียงแขกเมืองมากรุงเยรูซาเล็มหรือ จึงไม่รู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่นในช่วงนี้?”

19 “เรื่องอะไรหรือ?” พระองค์ตรัสถาม

ทั้งสองจึงทูลว่า “เรื่องพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ พระองค์ทรงเป็นผู้เผยพระวจนะ ทรงฤทธิ์อำนาจในวาจาและการกระทำทั้งต่อหน้าพระเจ้า และต่อหน้าประชาชนทั้งปวง

20 พวกหัวหน้าปุโรหิตกับผู้นำของเรามอบพระองค์ให้รับโทษประหาร พวกเขาตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขน

21 แต่พวกเราหวังไว้ว่าพระองค์คือผู้ที่จะมาไถ่ชนชาติอิสราเอล และยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวันที่สามนับตั้งแต่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น

22 นอกจากนั้นผู้หญิงบางคนในพวกเรายังทำให้เราประหลาดใจ คือเช้ามืดวันนี้พวกนางไปที่อุโมงค์

23 แต่ไม่พบพระศพของพระองค์ พวกนางกลับมาบอกเราว่าเห็นนิมิตมีทูตสวรรค์มาบอกว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่

24 แล้วเพื่อนของเราบางคนไปที่อุโมงค์และได้พบเหมือนอย่างที่พวกผู้หญิงบอกไว้แต่ไม่เห็นพระองค์”

25 พระเยซูตรัสกับทั้งสองว่า “พวกท่านช่างเขลาจริงหนอ และจิตใจช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อสิ่งทั้งปวงซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้!

26 พระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยสิ่งเหล่านั้น แล้วเข้าสู่พระเกียรติสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?”

27 จากนั้นพระองค์ทรงอธิบายทุกอย่างที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระองค์เองให้เขาทั้งสองฟังตั้งแต่โมเสสตลอดจนผู้เผยพระวจนะทั้งปวง

28 เมื่อเข้ามาใกล้หมู่บ้านที่เขาทั้งสองจะไปนั้น พระเยซูทรงทำทีว่าจะเลยไป

29 แต่ทั้งคู่ทูลคะยั้นคะยอว่า “แวะอยู่กับเราก่อนเถิด เพราะใกล้ค่ำจวนจะหมดวันแล้ว” ดังนั้นพระองค์จึงทรงพักอยู่กับพวกเขา

30 เมื่อพระองค์ทรงร่วมโต๊ะกับพวกเขา ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณพระเจ้าและหักส่งให้พวกเขา

31 แล้วตาของพวกเขาก็สว่างและจำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ทรงหายไปจากสายตาของพวกเขา

32 พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใจของเราเร่าร้อนอยู่ภายในไม่ใช่หรือขณะพระองค์ตรัสกับเรากลางทางและยกพระคัมภีร์มาอธิบายให้เราฟัง?”

33 ทั้งสองลุกขึ้นกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มทันที พวกเขาพบสาวกสิบเอ็ดคนกับพวกชุมนุมกันอยู่

34 และกำลังพูดกันว่า “เป็นความจริง! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นแล้ว ทรงปรากฏแก่ซีโมน”

35 ทั้งสองจึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลางทางและที่พวกเขาจำพระเยซูได้เมื่อทรงหักขนมปัง

พระเยซูทรงปรากฏแก่เหล่าสาวก

36 ขณะพวกเขากำลังพูดเรื่องนี้อยู่ พระเยซูเองทรงมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย”

37 พวกเขาสะดุ้งตกใจกลัว คิดว่าเห็นผี

38 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เหตุใดพวกท่านจึงวุ่นวายใจ? ทำไมเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจ?

39 จงดูมือและเท้าของเรา นี่เราเอง! มาจับต้องเราดู ผีไม่มีเนื้อและกระดูกอย่างที่ท่านเห็นอยู่ว่าเรามี”

40 เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงให้พวกเขาดูพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์

41 และขณะที่พวกเขายังไม่เชื่อเพราะความตื่นเต้นยินดีและประหลาดใจ พระองค์ก็ตรัสถามพวกเขาว่า “ที่นี่มีอะไรให้กินไหม?”

42 พวกเขาก็นำปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวาย

43 และพระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย

44 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่เราบอกไว้เมื่อยังอยู่กับท่านทั้งหลาย คือทุกสิ่งต้องสำเร็จตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในหนังสือบัญญัติของโมเสส หนังสือผู้เผยพระวจนะ และในหนังสือสดุดี”

45 จากนั้นพระองค์ทรงเปิดใจเขาเพื่อพวกเขาจะสามารถเข้าใจพระคัมภีร์

46 พระองค์ตรัสบอกพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ คือพระคริสต์ต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม

47 และให้ประกาศการกลับใจใหม่และการอภัยบาปในพระนามของพระองค์แก่มวลประชาชาติเริ่มตั้งแต่ที่เยรูซาเล็ม

48 ท่านทั้งหลายคือพยานของสิ่งเหล่านี้

49 เรากำลังจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญาไว้มาให้พวกท่าน แต่จงคอยอยู่ในกรุงนี้จนกว่าท่านจะได้รับฤทธิ์อำนาจจากเบื้องบน”

การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์

50 เมื่อพระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาที่ละแวกเบธานีแล้ว ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพรเขาทั้งหลาย

51 ขณะที่ทรงอวยพรอยู่ พระองค์ก็เสด็จจากพวกเขาไปและทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์

52 เขาทั้งหลายจึงนมัสการพระองค์และกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มด้วยความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวง

53 และพวกเขาอยู่ที่พระวิหารเป็นประจำ พากันสรรเสริญพระเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LUK/24-febc36475cf68f861b4036187112f57e.mp3?version_id=179—