Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 8

อย่าลืมองค์พระผู้เป็นเจ้า

1 จงใส่ใจปฏิบัติตามพระบัญชาทุกประการซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และทวีจำนวนขึ้น และเข้าไปยึดครองดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน

2 จงระลึกว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านผ่านถิ่นกันดารตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมานี้อย่างไร พระองค์ทรงทำให้ท่านถ่อมลงและทดสอบดูใจของท่านว่าท่านจะทำตามพระบัญชาของพระองค์หรือไม่

3 พระองค์ทรงทำให้ท่านถ่อมลงโดยให้ท่านหิวโหย แล้วทรงเลี้ยงดูท่านด้วยมานา ซึ่งท่านหรือบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งนี้เพื่อสอนท่านว่ามนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

4 ตลอดสี่สิบปีที่ผ่านมานี้เสื้อผ้าของท่านไม่ได้ซีดเปื่อย เท้าของท่านไม่ได้บวม

5 ฉะนั้นท่านพึงรู้อยู่แก่ใจว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงตีสั่งสอนท่านเหมือนพ่อตีสั่งสอนลูก

6 จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางของพระองค์และยำเกรงพระองค์

7 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังนำท่านเข้าสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ คือดินแดนที่มีลำธาร บ่อน้ำ น้ำพุทั้งในหุบเขาและภูเขา

8 เป็นดินแดนแห่งข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ องุ่นและต้นมะเดื่อ ต้นทับทิม น้ำมันมะกอก และน้ำผึ้ง

9 ดินแดนที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์และท่านจะไม่ขาดแคลนสิ่งใด ดินแดนซึ่งมีก้อนหินเป็นเหล็ก และท่านสามารถขุดแร่ทองแดงได้จากภูเขา

10 เมื่อท่านรับประทานอิ่มหนำ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสำหรับดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ท่าน

11 ท่านจงระวังให้ดี อย่าลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยการไม่ปฏิบัติตามพระบัญชา บทบัญญัติ และกฎหมายของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้

12 มิฉะนั้นเมื่อท่านได้รับประทานจนอิ่มหนำ เมื่อท่านตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านน่าอยู่

13 และเมื่อฝูงวัว แพะและแกะ ทั้งเงินและทอง และทุกสิ่งที่ท่านมีทวีจำนวนขึ้นมากมาย

14 จิตใจของท่านก็จะหยิ่งผยองและลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกมาจากอียิปต์ จากดินแดนแห่งความเป็นทาส

15 พระองค์ทรงนำท่านผ่านถิ่นกันดารอันกว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัว ที่ซึ่งร้อนระอุและแห้งแล้ง มีงูพิษและแมงป่อง พระองค์ประทานน้ำจากศิลาแก่ท่าน

16 พระองค์ทรงเลี้ยงดูท่านในถิ่นกันดารด้วยมานาซึ่งบรรพบุรุษของท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อทำให้ท่านถ่อมลงและทดสอบท่าน เพื่อจะเป็นผลดีแก่ท่านในบั้นปลาย

17 ท่านอาจจะบอกตัวเองว่า “เรามั่งมีขึ้นมาด้วยกำลังและอำนาจของเราเอง”

18 แต่จงระลึกว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือผู้ประทานความสามารถที่ทำให้ท่านมั่งมี เป็นการยืนยันพันธสัญญาที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่านดังที่เป็นอยู่ขณะนี้

19 หากท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แล้วหันไปติดตาม นมัสการ และกราบไหว้พระอื่นๆ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าท่านจะพินาศแน่นอน

20 หากท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านก็จะถูกทำลายไป เหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายชนชาติต่างๆ ไปต่อหน้าท่าน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/8-a233a468fb1f098906ed27b56db28ed3.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 9

ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมของอิสราเอล

1 อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด บัดนี้ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครองดินแดนของชนชาติต่างๆ ที่ฟากข้างโน้นซึ่งยิ่งใหญ่และเข้มแข็งกว่าท่านมากนัก เมืองของเขาใหญ่โต มีปราการสูงเสียดฟ้า

2 พวกเขาสูงใหญ่และแข็งแรงเพราะพวกเขาคือมนุษย์ยักษ์อานาค! ท่านรู้และเคยได้ยินผู้คนกล่าวกันว่า “ใครจะต่อสู้พวกมนุษย์ยักษ์อานาคได้?”

3 แต่วันนี้จงมั่นใจว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านคือผู้ที่จะนำหน้าท่านไปเหมือนไฟเผาผลาญ พระองค์จะทรงทำลายล้างพวกเขา ปราบพวกเขาลงต่อหน้าท่าน และท่านจะขับไล่และกวาดล้างพวกเขาออกไปโดยเร็ว ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับท่าน

4 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงขับไล่พวกเขาออกไปพ้นหน้าท่านแล้ว อย่านึกในใจว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำเรามายึดครองดินแดนนี้เพราะความชอบธรรมของเรา” เปล่าเลย เป็นเพราะความชั่วร้ายของชนชาติเหล่านี้ต่างหากองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าท่าน

5 ที่พวกท่านจะเข้ายึดครองดินแดนของเขาได้ ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมหรือความสัตย์ธรรมของท่าน แต่เป็นเพราะความชั่วร้ายของชนชาติเหล่านี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายจึงทรงขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าท่าน เพื่อให้เป็นไปตามคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ

6 พึงเข้าใจเถิดว่าที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ให้ท่านครอบครอง ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน เพราะที่จริงท่านเป็นประชากรที่ดื้อรั้นหัวแข็ง

ลูกวัวทองคำ

7 จงระลึกเสมอและอย่าลืมที่ท่านเคยยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในถิ่นกันดาร ตั้งแต่วันที่ท่านออกจากอียิปต์จนมาถึงที่นี่ ท่านกบฏขัดขืนองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอมา

8 ท่านยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่โฮเรบ ทำให้พระองค์กริ้วจนจะทำลายท่านอยู่แล้ว

9 ครั้งนั้นข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำไว้กับพวกท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเลย

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกด้วยนิ้วของพระองค์ เป็นบทบัญญัติทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศออกมาจากไฟบนภูเขาแก่ท่านในวันชุมนุมประชากรนั้น

11 เมื่อครบสี่สิบวันสี่สิบคืนองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศิลาสองแผ่นเป็นศิลาพันธสัญญาแก่ข้าพเจ้า

12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งข้าพเจ้าว่า “จงลงไปจากที่นี่โดยเร็วเพราะประชากรของเจ้าที่เจ้านำออกมาจากอียิปต์ได้เสื่อมทรามไปแล้ว พวกเขาหันเหจากสิ่งที่เราบัญชาไปอย่างรวดเร็ว และหล่อโลหะทำรูปเคารพขึ้นมา”

13 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว เป็นชนชาติที่ดื้อรั้นหัวแข็งจริงๆ!

14 อย่ามาห้ามเรา เพราะเราจะทำลายและลบชื่อพวกเขาออกจากใต้ฟ้า และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่เข้มแข็งและมีจำนวนมากมายกว่าพวกเขา”

15 ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขาซึ่งมีไฟลุกโชน และถือศิลาแห่งพันธสัญญาสองแผ่นมาด้วย

16 เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็เห็นว่าท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านได้หล่อรูปลูกวัวไว้เป็นรูปเคารพสำหรับพวกท่านเอง ท่านหันออกจากทางที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชานั้นอย่างรวดเร็ว

17 ข้าพเจ้าจึงเหวี่ยงแผ่นศิลาทั้งสองทิ้ง ทำให้ศิลาแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าต่อตาท่าน

18 แล้วอีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าหมอบกราบลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่กินไม่ดื่มอะไรเพราะบาปทั้งปวงที่ท่านได้ทำ ท่านได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงพระพิโรธ

19 ข้าพเจ้าเกรงกลัวพระพิโรธโกรธกริ้วขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์กริ้วจนจะทำลายท่านอยู่แล้ว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟังข้าพเจ้าอีกครั้ง

20 และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอาโรนมากจนจะทรงทำลายเขา แต่ในครั้งนั้นข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย

21 ข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งผิดบาปของพวกท่านคือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาทิ้งและบดเป็นผุยผง ทิ้งลงในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา

22 ท่านยังได้ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอีกที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์

23 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งท่านออกจากคาเดชบารเนียและตรัสสั่งว่า “จงเข้าไปครอบครองดินแดนที่เราให้เจ้า” แต่ท่านกบฏขัดขืนพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านไม่ไว้วางใจและไม่เชื่อฟังพระองค์

24 ท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอมาตั้งแต่ข้าพเจ้ารู้จักท่านแล้ว

25 ข้าพเจ้าจึงหมอบกราบลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่าจะทรงทำลายท่าน

26 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ขออย่าทำลายประชากรของพระองค์อันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เองซึ่งทรงไถ่โดยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ และทรงนำออกมาจากอียิปต์โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์

27 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงมองข้ามความดื้อรั้นหัวแข็ง ความชั่วร้าย และบาปของคนเหล่านี้

28 มิฉะนั้นประเทศซึ่งพระองค์ทรงนำพวกเราออกมาจะกล่าวว่า ‘เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถพาพวกเขาไปยังดินแดนที่ทรงสัญญาไว้ และเพราะพระองค์ทรงเกลียดพวกเขา จึงทรงพาพวกเขาเข้าไปตายในถิ่นกันดาร’

29 แต่พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงนำออกมาโดยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และพระกรที่เหยียดออก”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/9-106116d744bfa0ebd4a80fa5d566f0ed.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 10

แผ่นศิลาชุดที่สอง

1 ครั้งนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งข้าพเจ้าว่า “จงสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนชุดแรกและทำหีบไม้สำหรับเก็บรักษา แล้วกลับขึ้นมาหาเราบนภูเขา

2 เราจะจารึกข้อความเหมือนกับศิลาชุดแรกซึ่งเจ้าทำแตกไปแล้วนั้น และให้เจ้าเก็บรักษาแผ่นศิลาชุดใหม่นี้ไว้ในหีบ”

3 ข้าพเจ้าจึงใช้ไม้กระถินเทศทำหีบและสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนชุดแรก และข้าพเจ้าถือศิลาสองแผ่นขึ้นไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบนภูเขา

4 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจารึกข้อความเดียวกันกับครั้งก่อน คือบัญญัติสิบประการซึ่งทรงประกาศแก่ท่านจากเปลวไฟบนภูเขาในวันชุมนุมนั้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานศิลานั้นแก่ข้าพเจ้า

5 ข้าพเจ้าก็ลงมาจากภูเขา แล้วเก็บแผ่นศิลาไว้ในหีบที่ข้าพเจ้าทำขึ้น ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้ ซึ่งศิลานั้นยังคงอยู่ในหีบนั้นตราบจนบัดนี้

6 (ชนอิสราเอลเดินทางจากบ่อน้ำของชาวยาอาคานมายังโมเสราห์ ที่ซึ่งอาโรนสิ้นชีวิตลงและถูกฝังไว้ เอเลอาซาร์บุตรของเขาดำรงตำแหน่งปุโรหิตสืบต่อมา

7 จากที่นั่นพวกเขาเดินทางต่อมาถึงกุดโกดาห์และต่อมาถึงโยทบาธาห์ซึ่งเป็นดินแดนแห่งธารน้ำ

8 ครั้งนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคัดเลือกเผ่าเลวีให้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้เข้าเฝ้ารับใช้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวอวยพรในพระนามของพระองค์ดังที่พวกเขายังทำอยู่ตราบจนทุกวันนี้

9 ฉะนั้นเผ่าเลวีจึงไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ในหมู่พี่น้ององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านรับสั่งกับเขา)

10 ส่วนข้าพเจ้าได้อยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืนเหมือนคราวแรก ครั้งนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงรับฟังข้าพเจ้าอีกเช่นกัน พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์จะทำลายท่าน

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ลุกขึ้นเถิด นำประชากรไปตามทางของเขา เพื่อเขาจะได้เข้าครอบครองดินแดนที่เราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเขาว่าจะยกให้เขา”

จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

12 บัดนี้อิสราเอลเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ได้ทรงประสงค์สิ่งอื่นใด นอกเสียจากให้ท่านยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินในวิถีทั้งปวงของพระองค์ รักพระองค์ ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจ

13 และยึดถือปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมายขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เพื่อประโยชน์สุขของท่านเอง

14 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์ ทั้งฟ้าสวรรค์อันสูงสุดและโลกกับสรรพสิ่งในนั้นด้วย

15 แต่ถึงอย่างนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงรักและโปรดปรานบรรพบุรุษของท่าน จึงได้เลือกสรรท่านทั้งหลายผู้เป็นวงศ์วานให้อยู่เหนือชนชาติอื่นทั้งปวงดังเช่นทุกวันนี้

16 ฉะนั้นจงเข้าสุหนัตใจของท่าน อย่าดื้อรั้นหัวแข็งอีกต่อไป

17 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือพระทั้งปวง ทรงเป็นจอมเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงขาม ผู้ทรงปราศจากอคติและไม่ทรงเห็นแก่อามิสสินจ้าง

18 พระองค์ทรงดูแลปกป้องลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่าย ทรงรักคนต่างด้าว ประทานอาหารและเครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขา

19 ดังนั้นพวกท่านจงรักคนต่างด้าว เพราะพวกท่านเองเคยเป็นคนต่างด้าวในอียิปต์

20 จงยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์ จงยึดมั่นในพระองค์และปฏิญาณโดยอ้างพระนามของพระองค์

21 จงสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงสำแดงปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้ามเพื่อท่าน ซึ่งท่านเองได้เห็นกับตาแล้ว

22 เมื่อบรรพบุรุษของท่านลงไปอียิปต์นั้นมีเพียงเจ็ดสิบคน แต่เดี๋ยวนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงให้ท่านมีจำนวนมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/10-c52587b02339cd486214ba0f570370e9.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 11

จงรักและเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า

1 จงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายและปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎหมาย บทบัญญัติ และพระบัญชาของพระองค์เสมอ

2 ในวันนี้จงจำไว้เถิดว่าลูกหลานของท่านไม่ใช่ผู้ที่เคยเห็นหรือมีประสบการณ์การตีสั่งสอนของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งพระบารมี พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์

3 หมายสำคัญและสิ่งต่างๆ ซึ่งทรงกระทำในใจกลางอียิปต์ต่อฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และทั้งประเทศของเขา

4 สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำต่อกองทัพ ม้า และรถม้าศึกของอียิปต์ อย่างที่ทรงบันดาลให้น้ำในทะเลแดงท่วมพวกเขาขณะกำลังรุกไล่ท่าน และที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ชาวอียิปต์สิ้นเขี้ยวเล็บตราบจนทุกวันนี้

5 พวกลูกหลานไม่ได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อท่านในถิ่นกันดารจวบจนเดินทางมาถึงที่นี่

6 และสิ่งที่ทรงทำแก่ดาธานกับอาบีรัมบุตรของเอลีอับเผ่ารูเบน เมื่อธรณีแยกกลางอิสราเอลทั้งปวงและกลืนพวกเขาลงไปพร้อมทั้งครอบครัว เต็นท์ ตลอดจนทุกชีวิตที่เป็นของพวกเขา

7 แต่ท่านทั้งหลายได้เห็นการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทำด้วยตาของท่านเอง

8 ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะเข้มแข็งและเข้าไปยึดดินแดนซึ่งพวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครอง

9 และเพื่อท่านจะมีชีวิตยืนนานในดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่พวกเขากับวงศ์วาน เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง

10 ดินแดนที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดครองนี้ไม่เหมือนอียิปต์ที่ท่านจากมา ซึ่งท่านหว่านเมล็ดแล้วต้องวิดน้ำเข้าแปลงเหมือนสวนผัก

11 แต่ดินแดนที่ท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครองนี้เป็นดินแดนแห่งภูเขาและหุบเขาซึ่งได้ดื่มด่ำสายฝนจากฟ้าสวรรค์

12 เป็นดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำนุบำรุงและพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่เหนือที่นั่นตลอดทั้งปี

13 ฉะนั้นหากท่านเชื่อฟังพระบัญชาซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้อย่างซื่อสัตย์ คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ

14 แล้วพระองค์จะทรงให้ฝนตกตามฤดูกาลบนแผ่นดินของท่าน ทั้งฝนฤดูใบไม้ร่วงและฝนฤดูใบไม้ผลิซึ่งจะให้ผลผลิต เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมัน

15 พระองค์จะให้หญ้าในท้องทุ่งสำหรับฝูงสัตว์ของท่านและท่านจะรับประทานอย่างอิ่มหนำ

16 จงระวังอย่าให้จิตใจของท่านถูกล่อลวงไปกราบไหว้บูชาพระอื่นๆ

17 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพระพิโรธและปิดฟ้าสวรรค์ไม่ให้มีฝน และพื้นดินจะไม่ให้ผลิตผล แล้วในไม่ช้าท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ท่าน

18 จงจดจำถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้าไว้ในความคิดและจิตใจของท่าน จงผูกไว้ที่มือเป็นสัญลักษณ์และคาดไว้ที่หน้าผาก

19 จงสอนสิ่งเหล่านี้แก่บุตรหลานของท่าน จงพูดถึงสิ่งเหล่านี้เมื่อท่านนั่งอยู่ที่บ้าน ขณะเดินไปตามทาง ในยามที่นอนลงหรือลุกขึ้น

20 จงเขียนไว้ที่วงกบประตูและประตูรั้วของท่าน

21 เพื่อท่านและบุตรหลานของท่านจะมีชีวิตยืนยาวเท่ากับวันเวลาที่ฟ้าอยู่เหนือโลก ในดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณว่าจะให้กับบรรพบุรุษของท่าน

22 หากท่านปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้ามอบให้ท่านอย่างเคร่งครัด คือให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ และยึดมั่นในพระองค์

23 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงขับไล่ชนชาติทั้งปวงที่อยู่ตรงหน้าท่าน ท่านจะยึดครองดินแดนของชนชาติที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งกว่าท่าน

24 ทุกหนแห่งที่ท่านเหยียบย่างจะตกเป็นของท่าน พรมแดนของท่านจะขยายจากถิ่นกันดารจดเลบานอน และจากแม่น้ำยูเฟรติสจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

25 ไม่มีผู้ใดอาจหาญยืนหยัดต่อกรกับท่านได้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงบันดาลให้ทุกหนทุกแห่งที่ท่านไปหวาดกลัวครั่นคร้ามท่านตามที่ทรงสัญญาไว้

26 ดูเถิด วันนี้ข้าพเจ้าวางพระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน

27 ท่านจะได้รับพระพรหากท่านเชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้

28 และรับการสาปแช่งหากท่านไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และหันเหจากทางซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ โดยไปติดตามพระอื่นๆ ซึ่งท่านไม่เคยรู้จัก

29 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านไปยังดินแดนซึ่งท่านจะเข้าไปครอบครอง จงประกาศพระพรบนภูเขาเกริซิมและประกาศคำสาปแช่งบนภูเขาเอบาล

30 ตามที่พวกท่านรู้อยู่แล้วว่าภูเขาเหล่านี้อยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนฝั่งโน้นทางตะวันตกของเส้นทางไปตามทิศตะวันตกใกล้หมู่ต้นไม้ใหญ่แห่งโมเรห์ ในพรมแดนของชาวคานาอันผู้อาศัยในอาราบาห์ ใกล้ๆ กิลกาล

31 ท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปครอบครองดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทาน เมื่อท่านเข้ายึดครองและอาศัยในดินแดนนั้นแล้ว

32 ท่านจงเชื่อฟังกฎหมายและบทบัญญัติทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าวางไว้ต่อหน้าท่านในวันนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/11-181875130d91a62ac9947e3b5a8813ae.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 12

มีสถานนมัสการแห่งเดียว

1 ต่อไปนี้คือกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งท่านจะต้องใส่ใจปฏิบัติตามในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านประทานแก่ท่าน ตราบเท่าที่ท่านอาศัยอยู่ในดินแดนนั้น

2 จงทำลายสถานบูชาทั้งปวงที่ชนชาติต่างๆ กราบไหว้อยู่นั้นให้สิ้นซาก ชนชาติเหล่านี้เป็นชนชาติซึ่งท่านกำลังจะเข้าไปยึดครองดินแดนของเขา ไม่ว่าบนยอดเขา เนินเขา หรือใต้ต้นไม้ใหญ่

3 จงทุบแท่นบูชา ทุบทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ เผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทำลายรูปเคารพของเขา และกำจัดให้สิ้นชื่อไปจากที่นั่น

4 อย่านมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามแบบอย่างของพวกเขา

5 แต่จงแสวงหาที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือกสรรจากเผ่าทั้งหลาย เพื่อสถาปนาพระนามของพระองค์ไว้ให้เป็นที่ประทับ ท่านต้องไปที่นั่น

6 จงนำเครื่องเผาบูชาและของถวายต่างๆ สิบลด ของถวายพิเศษ เครื่องถวายตามคำปฏิญาณ เครื่องบูชาตามความสมัครใจ และลูกหัวปีจากฝูงแพะแกะและฝูงวัวของท่านไปที่นั่น

7 ท่านกับครอบครัวจะเลี้ยงฉลองกันต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นั่น และจะชื่นชมยินดีในทุกสิ่งที่ท่านทำ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรท่าน

8 ท่านอย่าทำตามใจชอบอย่างที่ท่านทำอยู่ที่นี่ในขณะนี้

9 เนื่องจากท่านยังไม่ได้เข้าสู่ที่พักและดินแดนกรรมสิทธิ์ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะประทานแก่ท่าน

10 แต่ท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นมรดก และพระองค์จะให้ท่านพักสงบจากศัตรูรอบด้าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอย่างปลอดภัย

11 เมื่อนั้นท่านจงนำทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากำชับไว้ คือเครื่องเผาบูชาและของถวายต่างๆ สิบลดและของถวายพิเศษ และทรัพย์สินที่ดีทั้งหลายที่ท่านได้ปฏิญาณไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้ามายังสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกให้เป็นที่ประทับเพื่อพระนามของพระองค์

12 จงชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นั่น ทั้งท่าน บุตรชายบุตรสาว คนใช้ชายหญิงของท่าน และคนเผ่าเลวีในเมืองของท่านซึ่งไม่มีกรรมสิทธิ์ส่วนแบ่งของตนเอง

13 จงระวัง อย่าถวายเครื่องเผาบูชาที่ไหนๆ ตามใจชอบ

14 จงถวายเครื่องบูชาเหล่านั้นเฉพาะในสถานที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือกในเขตเผ่าใดเผ่าหนึ่งเท่านั้น และจงทำทุกสิ่งที่นั่นตามที่ข้าพเจ้าได้กำชับท่านไว้

15 อย่างไรก็ตามท่านอาจฆ่าสัตว์ในเมืองใดๆ และรับประทานเนื้อได้มากเท่าที่ต้องการตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรท่าน เหมือนที่ท่านฆ่าละมั่งและกวางเพื่อรับประทานอยู่ในขณะนี้ ทั้งผู้ที่เป็นมลทินและไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีก็รับประทานได้ด้วย

16 แต่อย่ารับประทานเลือด จงเทลงบนพื้นเหมือนเทน้ำ

17 อย่ารับประทานส่วนใดๆ ของสิ่งเหล่านี้ในเมืองของท่าน ไม่ว่าจะเป็นสิบลดของข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน หรือลูกหัวปีจากฝูงแพะแกะและฝูงวัว หรือสิ่งใดๆ ซึ่งท่านทูลปฏิญาณว่าจะถวายแด่พระเจ้า ของถวายตามความสมัครใจ หรือของถวายพิเศษ

18 ทั้งท่าน บุตรชายบุตรสาว คนใช้ชายหญิงของท่าน และคนเลวีจากเมืองของท่านจะต้องนำสิ่งเหล่านี้มารับประทานต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือก และจงปีติยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ

19 อย่าละเลยชนเลวีตราบเท่าที่ท่านอาศัยในดินแดนของท่าน

20 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงขยายพรมแดนตามที่ทรงสัญญาไว้ และท่านอยากรับประทานเนื้อสัตว์ พร้อมกับกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากกินเนื้อ” ท่านก็กินได้มากเท่าที่ต้องการ

21 หากสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์นั้นอยู่ไกลเกินไปสำหรับท่าน ท่านก็สามารถฆ่าสัตว์จากฝูงแพะแกะและฝูงวัวที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานตามที่ข้าพเจ้ากำชับไว้ และรับประทานในเมืองของท่านมากน้อยตามความต้องการ

22 เหมือนที่ท่านรับประทานละมั่งหรือกวางอยู่ในขณะนี้ และแม้แต่ผู้ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีก็สามารถรับประทานเนื้อนั้นได้

23 แต่จงแน่ใจว่าท่านไม่ได้รับประทานเลือดเพราะเลือดเป็นชีวิต อย่ารับประทานชีวิตพร้อมกับเนื้อ

24 ท่านต้องไม่รับประทานเลือด จงเทเลือดลงบนพื้นดินเหมือนเทน้ำ

25 อย่ารับประทานเลือด เพื่อจะเป็นผลดีแก่ท่านและบุตรหลาน เนื่องจากท่านได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

26 แต่ของถวายแด่พระเจ้าและสิ่งใดๆ ซึ่งท่านปฏิญาณไว้ จะต้องนำไปยังสถานที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือก

27 จงถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งเนื้อและเลือด เลือดนั้นจะหลั่งลงข้างแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ส่วนเนื้อท่านรับประทานได้

28 จงใส่ใจปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้ที่ข้าพเจ้ามอบให้ เพื่อทุกสิ่งจะเป็นผลดีแก่ท่านและลูกหลานสืบไป เพราะท่านทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

29 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงทำลายล้างชนชาติต่างๆ ต่อหน้าท่านในดินแดนซึ่งท่านจะรุกเข้าไปยึดครอง แต่เมื่อท่านขับไล่พวกเขาออกไปและตั้งรกรากในดินแดนนั้น

30 และหลังจากพวกเขาถูกทำลายไปต่อหน้าท่านแล้ว จงระวังอย่าหลงติดกับโดยไปไต่ถามเกี่ยวกับพระของชนชาติเหล่านั้นว่า “ชนชาติเหล่านี้ปรนนิบัติพระของเขาอย่างไร? เพื่อเราจะได้ทำตาม”

31 อย่านมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามอย่างพวกเขา เพราะในการนมัสการพระของเขา พวกเขาล้วนทำสิ่งน่าชิงชังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียด พวกเขาถึงกับนำบุตรชายบุตรสาวมาเผาเป็นเครื่องบูชาแก่พระของเขา

32 จงพิเคราะห์ดูว่าท่านได้ปฏิบัติตามทุกสิ่งซึ่งข้าพเจ้ากำชับ อย่าเพิ่มเติมหรือตัดทอนเลย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/12-5acee4341cc12fe52b7ab3f62fe463f9.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 13

อย่านมัสการพระอื่น

1 หากมีผู้เผยพระวจนะหรือผู้ที่ทำนายอนาคตโดยอ้างความฝันอยู่ในหมู่พวกท่าน และประกาศกับพวกท่านว่าจะเกิดหมายสำคัญหรือปาฏิหาริย์

2 และหากหมายสำคัญหรือปาฏิหาริย์ที่เขาบอกไว้เป็นจริงขึ้นมา และเขากล่าวว่า “ให้เราไปติดตามพระอื่นๆ เถิด” (บรรดาพระที่ท่านไม่รู้จัก) “ให้เราไปกราบไหว้พระเหล่านั้นเถิด”

3 อย่าไปฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้นเลย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทดสอบดูว่าท่านรักพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจหรือไม่

4 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือผู้ที่ท่านต้องติดตามและยำเกรง จงปฏิบัติตามพระบัญชาและเชื่อฟังพระองค์ จงปรนนิบัติและยึดมั่นในพระองค์

5 ผู้เผยพระวจนะและผู้ฝันเห็นเหตุการณ์นั้นจะต้องถูกประหาร เพราะเขาสั่งสอนให้กบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ได้ทรงนำท่านออกจากอียิปต์และทรงไถ่ท่านจากแดนทาส ผู้นั้นพยายามชักจูงท่านให้หันเหจากทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสั่งให้ท่านเดินตาม ท่านต้องขจัดความชั่วออกไปจากหมู่พวกท่าน

6 หากพี่น้องของท่านเอง หรือบุตรชายบุตรสาว หรือภรรยาที่รัก หรือเพื่อนสนิท แอบชักจูงท่านโดยกล่าวว่า “ให้เราไปนมัสการพระอื่นๆ เถิด” (พระซึ่งท่านหรือบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน

7 พระของชนชาติต่างๆ รอบตัวท่าน ไม่ว่าใกล้หรือไกลจากสุดปลายแผ่นดินข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง)

8 อย่าคล้อยตามหรือรับฟัง อย่าสงสารเขา ไม่ต้องไว้ชีวิตหรือปกป้องเขาเลย

9 จงประหารเขา ตัวท่านเองจงลงมือประหารเขาเป็นคนแรก แล้วให้ประชาชนทั้งปวงลงมือด้วย

10 จงเอาหินขว้างเขาให้ตาย เพราะเขาพยายามชักจูงท่านให้หันเหจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากอียิปต์ จากแดนทาส

11 แล้วอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินเรื่องราวและจะได้เข็ดขยาด และไม่มีใครในพวกท่านทำสิ่งชั่วร้ายแบบนั้นอีก

12 หากท่านได้ยินคนกล่าวถึงเมืองใดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเป็นที่พักอาศัย

13 ว่ามีกลุ่มคนชั่วชักจูงชาวเมืองให้หลงผิดไปโดยกล่าวว่า “ให้เราไปนมัสการพระอื่นๆ เถิด” (พระซึ่งท่านไม่รู้จักมาก่อน)

14 ท่านต้องสืบสวนไล่เลียงไต่ถามอย่างถี่ถ้วน หากเป็นความจริงและพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำอันน่ารังเกียจเช่นนั้นในหมู่ท่าน

15 ท่านจงประหารชาวเมืองทั้งหมดด้วยดาบ ทำลายล้างทั้งประชาชนและฝูงสัตว์ให้สิ้นซาก

16 แล้วนำข้าวของทั้งหมดที่ยึดได้มากองไว้กลางลานเมืองและจุดไฟเผาทั้งเมืองและข้าวของให้สิ้น เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เมืองนั้นจะกลายเป็นซากปรักหักพังตลอดไป อย่าสร้างขึ้นใหม่อีกเลย

17 อย่าให้พบสิ่งที่ต้องทำลายทิ้งในมือของท่านเลย แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรงมาเมตตาและรักเอ็นดูท่าน และให้ท่านทวีจำนวนขึ้นตามที่ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน

18 เพราะท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ และทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/13-5041104ee99a71f78d7396e9a9608a84.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 14

อาหารที่ไม่เป็นมลทิน และอาหารที่เป็นมลทิน

1 ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ฉะนั้นเมื่อท่านไว้ทุกข์ให้ผู้ตาย อย่าเชือดเนื้อเถือหนังตัวเองหรือโกนหัว

2 ท่านเป็นประชาชาติบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรท่านจากประชาชาติทั้งหลายบนพื้นโลกให้เป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของพระองค์

3 อย่ารับประทานสิ่งใดๆ ซึ่งน่าขยะแขยง

4 สัตว์ต่อไปนี้ท่านรับประทานได้ คือ วัว แกะ แพะ

5 กวาง ละมั่ง เก้ง แพะป่า สมัน โครำขาว และแกะภูเขา

6 ท่านรับประทานสัตว์ที่มีกีบแยกและเคี้ยวเอื้องได้

7 แต่อย่ารับประทานสัตว์ใดที่ไม่มีคุณสมบัติครบทั้งสองข้อนี้ ฉะนั้นอย่ารับประทานอูฐ กระต่าย กระจงผา ซึ่งเคี้ยวเอื้องแต่กีบไม่แยก สัตว์เหล่านี้เป็นมลทินตามระเบียบพิธีสำหรับท่าน

8 อย่ารับประทานหมู ซึ่งแม้กีบแยกแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง และอย่าแตะต้องซากของสัตว์เหล่านี้

9 ท่านรับประทานสัตว์น้ำทั้งปวงที่มีครีบและเกล็ดได้

10 ท่านอย่ารับประทานสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ที่ไม่มีครีบและเกล็ดเพราะถือว่าเป็นมลทินสำหรับท่าน

11 ท่านรับประทานสัตว์ปีกทั้งหลายที่ไม่เป็นมลทินได้

12 แต่นกเหล่านี้ท่านอย่ารับประทานคือ นกอินทรี แร้งหนวดแพะ แร้งดำ

13 เหยี่ยวแดง เหยี่ยวดำ เหยี่ยวปีกแหลมพันธุ์ต่างๆ

14 กาพันธุ์ต่างๆ

15 นกเค้าใหญ่ นกเค้า นกนางนวล เหยี่ยวพันธุ์ต่างๆ

16 นกฮูก นกทึดทือ นกแสก

17 นกเค้าป่า นกออก นกกาน้ำ

18 นกกระสา นกยางพันธุ์ต่างๆ นกกะรางหัวขวาน และค้างคาว

19 แมลงมีปีกเป็นมลทินสำหรับท่าน อย่ารับประทานเลย

20 ส่วนสัตว์มีปีกที่ไม่เป็นมลทิน ท่านรับประทานได้

21 อย่ารับประทานสัตว์ที่ตายเอง ท่านอาจจะยกหรือขายให้คนต่างด้าวที่อาศัยในเมืองของท่าน เขารับประทานได้ ส่วนท่านอย่ารับประทานเพราะท่านเป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมแม่ของมัน

บทบัญญัติเรื่องสิบลด

22 จงแยกหนึ่งในสิบของผลิตผลทั้งหมดจากไร่นาของท่านในแต่ละปีไว้ต่างหาก

23 จงนำสิบลดนี้มารับประทานต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในที่ซึ่งพระองค์จะทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์ คือสิบลดจากเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน และลูกหัวปีจากฝูงแพะแกะและฝูงวัว เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเสมอ

24 หากที่นั่นไกลมากและพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรท่าน และท่านไม่สามารถขนสิบลดมา (เนื่องจากสถานที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามนั้นอยู่ไกลมาก)

25 ท่านก็จงแลกสิบลดเป็นเงินแล้วนำมายังสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือก

26 จงใช้เงินนั้นซื้อสิ่งใดก็ได้ที่ท่านต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวัว แกะ เหล้าองุ่นใหม่ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ได้จากการหมัก หรือสิ่งของอื่นๆ ที่ท่านต้องการ แล้วท่านและครอบครัวจะรับประทานด้วยความปีติยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

27 อย่าละเลยคนเลวีในเมืองของท่าน เพราะพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือมีกรรมสิทธิ์ของตน

28 ทุกปลายปีที่สามจงนำสิบลดทั้งหมดของพืชผลของปีนั้นมาสะสมไว้ในเมืองของท่าน

29 เพื่อชนเลวี (ผู้ซึ่งไม่มีส่วนแบ่งหรือกรรมสิทธิ์ของเขา) คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่ายที่อยู่ในเมืองของท่านจะได้รับประทานอย่างอิ่มหนำ แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในการงานทุกอย่างที่ท่านทำ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/14-eff435522be5e873e8c52f3e7f7cec6c.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 15

ปีแห่งการยกหนี้สิน

1 ทุกปลายปีที่เจ็ดท่านต้องยกหนี้สิน

2 โดยทำดังนี้คือ เจ้าหนี้ทุกรายจะยกหนี้ให้พี่น้องร่วมชาติอิสราเอล ไม่เรียกร้องให้ใช้หนี้ เพราะเป็นวาระที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศให้ยกเลิกพันธะหนี้สิน

3 ท่านอาจทวงหนี้จากคนต่างด้าวได้ แต่จงยกหนี้ให้พี่น้องร่วมชาติ

4 อย่างไรก็ตามจะไม่มีคนยากจนในหมู่พวกท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านอย่างเหลือล้นในดินแดนซึ่งพระองค์ประทานให้ท่านครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์

5 ถ้าเพียงแต่ท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างครบถ้วน และใส่ใจปฏิบัติตามคำบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้

6 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ท่านจะให้หลายชนชาติยืมแต่ไม่เคยต้องยืมจากใคร ท่านจะปกครองหลายชนชาติแต่จะไม่มีใครได้ปกครองท่าน

7 หากมีคนยากจนท่ามกลางพี่น้องในเมืองใดของดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะประทานแก่ท่าน อย่านิ่งดูดายหรือไม่ยอมเห็นใจช่วยเหลือเขา

8 จงใจกว้างเอื้อเฟื้อให้เขายืมตามที่เขาจำเป็น

9 จงระวัง อย่ามีความคิดชั่วร้ายว่า “ปีที่เจ็ดซึ่งเป็นปีแห่งการยกหนี้สินใกล้จะมาถึงแล้ว” ก็เลยไร้น้ำใจไม่ยอมให้อะไรแก่พี่น้องผู้ยากไร้ เขาอาจร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วจะถือเป็นความผิดบาปของท่าน

10 ท่านจงให้เขายืมด้วยใจกว้างขวางและอย่ามีใจคิดเสียดาย เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในกิจการงานทุกอย่างและทุกสิ่งที่ท่านทำ

11 จะมีคนจนในแผ่นดินเสมอ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงกำชับให้ท่านเอื้อเฟื้อแก่พี่น้อง คนยากไร้ ผู้ขัดสนในดินแดนของท่าน

ปลดปล่อยทาส

12 หากพี่น้องชาวฮีบรูไม่ว่าชายหรือหญิง ขายตัวเป็นทาสและรับใช้ท่านมาครบหกปี ท่านต้องปล่อยเขาเป็นไทในปีที่เจ็ด

13 และอย่าปล่อยเขาไปมือเปล่า

14 จงมีน้ำใจให้ของจากฝูงสัตว์ ลานนวดข้าว และบ่อย่ำองุ่นแก่เขาด้วย จงแบ่งปันให้เขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรท่าน

15 จงระลึกว่าท่านเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงไถ่ท่าน ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงแจ้งพระบัญชานี้แก่ท่านในวันนี้

16 แต่หากทาสของท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่อยากจากท่านไป” เพราะเขารักท่านและครอบครัวของท่าน และเขาอยู่กับท่านมีความสุขดี

17 ก็จงใช้เหล็กแหลมเจาะติ่งหูเขาแนบกับประตู และเขาจะเป็นทาสของท่านตลอดไป กับทาสหญิงก็ทำเช่นเดียวกัน

18 เมื่อท่านปล่อยทาสเป็นอิสระ อย่ารู้สึกเสียดาย เพราะตลอดหกปีที่เขารับใช้ท่าน ค่าแรงของเขามีค่าเป็นสองเท่าของค่าแรงลูกจ้าง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรทุกสิ่งที่ท่านทำ

ลูกหัวปีของสัตว์

19 จงแยกสัตว์หัวปีตัวผู้ทุกตัวจากฝูงแพะแกะและฝูงวัวสำหรับถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าเอาลูกวัวหัวปีไปใช้งาน และอย่าตัดขนลูกแกะหัวปี

20 แต่ละปีท่านกับครอบครัวจะรับประทานสัตว์เหล่านี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่ซึ่งพระองค์จะทรงเลือก

21 หากสัตว์หัวปีมีตำหนิเช่น ขาเก ตาบอด หรือมีอะไรผิดปกติ อย่านำมาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

22 ท่านจงรับประทานสัตว์เหล่านี้ในเมืองของท่านเอง แม้ผู้ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีในขณะนั้นก็รับประทานได้เหมือนที่รับประทานเนื้อละมั่งหรือกวาง

23 แต่อย่ารับประทานเลือด จงเทลงบนพื้นดินเหมือนเทน้ำ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/15-92ec7a032341689574a83d574bfd353b.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 16

เทศกาลปัสกา

1 จงฉลองเทศกาลปัสกาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในเดือนอาบีบ เพราะในเดือนนั้นพระองค์ทรงนำท่านออกจากอียิปต์ในยามค่ำคืน

2 จงเลือกเครื่องบูชาปัสกาจากฝูงแพะแกะและฝูงวัวของท่าน ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์

3 จงรับประทานเครื่องบูชานี้พร้อมกับขนมปังไม่ใส่เชื้อ จงรับประทานขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันนี้ ซึ่งเป็นขนมปังแห่งความทุกข์ เพราะท่านออกมาจากอียิปต์อย่างเร่งรีบ เพื่อท่านจะได้ระลึกถึงตอนที่ท่านออกมาจากอียิปต์ตลอดชีวิตของท่าน

4 ตลอดเจ็ดวันอย่าให้มีเชื้อยีสต์ในอาณาเขตของท่านเลย และอย่าให้เนื้อที่ท่านถวายในเย็นวันแรกเหลือค้างถึงรุ่งเช้า

5 อย่าถวายเครื่องบูชาปัสกาในเมืองใดๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทาน

6 ท่านจะต้องถวายในสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์เท่านั้น จงถวายปัสกาในเวลาเย็นเมื่อดวงอาทิตย์ลับไป ในวันครบรอบปีแห่งการเดินทางออกจากอียิปต์

7 จงย่างและรับประทานเครื่องบูชาในสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือก แล้วกลับไปยังเต็นท์ในเช้าวันรุ่งขึ้น

8 และจงรับประทานขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดหกวันหลังจากนั้น ในวันที่เจ็ดให้ประชากรมาชุมนุมกันต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และอย่าทำงาน

เทศกาลแห่งสัปดาห์

9 เจ็ดสัปดาห์หลังจากที่ท่านเริ่มลงมือเกี่ยวข้าว

10 จงฉลองเทศกาลแห่งสัปดาห์ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านโดยถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจ ตามสัดส่วนของพระพรที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ประทานแก่ท่าน

11 และท่าน บุตรชายบุตรสาว ทาสชายหญิง คนเลวีในเมืองของท่าน คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่ายซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกท่าน จงชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่ซึ่งพระองค์จะทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์

12 อย่าลืมว่าท่านเคยเป็นทาสในอียิปต์ ฉะนั้นจงใส่ใจปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้

เทศกาลอยู่เพิง

13 หลังจากเก็บรวบรวมผลิตผลจากลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่นแล้ว จงฉลองเทศกาลอยู่เพิงตลอดเจ็ดวัน

14 ท่าน บุตรชายบุตรสาว ทาสชายหญิง คนเลวี คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่ายในเมืองของท่านจงฉลองวาระชื่นชมยินดีด้วยกัน

15 ตลอดเจ็ดวันจงฉลองเทศกาลนี้ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านในสถานที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในการเก็บเกี่ยวและในการงานทุกอย่างที่ท่านทำ และท่านจะชื่นชมยินดีเต็มที่

16 ชายทุกคนในอิสราเอลต้องเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้งในสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเลือกในเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ เทศกาลแห่งสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง อย่าให้ผู้ใดเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามือเปล่า

17 แต่ละคนจงนำของถวายมาตามสัดส่วนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพร

ตุลาการ

18 จงแต่งตั้งตุลาการและเจ้าหน้าที่ปกครองสำหรับแต่ละเผ่าในทุกเมืองซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะประทานแก่ท่าน คนเหล่านี้จะตัดสินความอย่างยุติธรรม

19 อย่าบิดเบือนความยุติธรรมหรือมีอคติลำเอียง อย่ารับสินบนเพราะสินบนบังตาคนที่มีสติปัญญาและบิดเบือนถ้อยคำของผู้ชอบธรรม

20 จงปฏิบัติตามความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และครอบครองดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะประทานแก่ท่าน

การนมัสการพระอื่น

21 อย่าตั้งเสาไม้ของเจ้าแม่อาเชราห์ขึ้นข้างๆ แท่นบูชาที่ท่านสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

22 และอย่าตั้งหินศักดิ์สิทธิ์ขึ้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเกลียดชังสิ่งเหล่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/16-fe60c7f3974b2f8b52cbdb38f82047ae.mp3?version_id=179—

Categories
เฉลยธรรมบัญญัติ

เฉลยธรรมบัญญัติ 17

1 อย่าถวายแกะหรือวัวที่มีตำหนิหรือพิการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพระองค์

2 หากชายหรือหญิงคนใดที่อยู่ท่ามกลางท่านในเมืองใดเมืองหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ท่าน ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านโดยการละเมิดพันธสัญญาของพระองค์

3 ไปนมัสการกราบไหว้พระอื่นๆ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาว ซึ่งข้าพเจ้าได้สั่งห้ามไว้

4 และมีผู้มาร้องเรียนต่อท่าน ท่านต้องไต่สวนอย่างรอบคอบ หากเป็นจริงและมีข้อพิสูจน์ว่ามีสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้เกิดขึ้นในอิสราเอล

5 ก็จงนำชายหรือหญิงที่ทำชั่วนั้นออกไปที่ประตูเมือง แล้วเอาหินขว้างให้ตาย

6 แต่อย่าประหารใครเมื่อมีพยานเพียงปากเดียว จะต้องมีพยานอย่างน้อยสองหรือสามปาก

7 พยานต้องลงมือขว้างก่อน จากนั้นประชาชนจะร่วมขว้างด้วย ท่านต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน

ศาลยุติธรรม

8 หากมีคดีความใดยุ่งยากเกินกว่าท่านจะตัดสิน ไม่ว่าเป็นคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คดีฟ้องร้อง หรือคดีทำร้ายร่างกาย จงนำคดีเหล่านั้นไปยังสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือก

9 ไปแจ้งต่อปุโรหิตซึ่งเป็นคนเลวี และแจ้งตุลาการซึ่งประจำการอยู่ในขณะนั้น คนเหล่านี้จะเป็นผู้ไต่สวนและตัดสิน

10 ท่านจะต้องปฏิบัติตามคำตัดสินของเขาที่แจ้งท่านในที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลือก จงใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่พวกเขาสั่งท่าน

11 จงปฏิบัติตามบทบัญญัติที่พวกเขาสั่งสอนและทำตามคำตัดสินของเขา อย่าหันเหจากสิ่งที่เขาแจ้งท่านไปทางขวาหรือทางซ้าย

12 ผู้ใดดูหมิ่นตุลาการหรือปุโรหิตซึ่งปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นั่นจะต้องถูกประหาร ท่านจะต้องขจัดความชั่วออกจากอิสราเอล

13 ประชาชนทั้งปวงจะได้ยินเรื่องราวแล้วเกรงกลัวและจะไม่กล้าหมิ่นประมาทอีก

กษัตริย์

14 เมื่อท่านได้เข้าไปครอบครองและตั้งถิ่นฐานในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านแล้ว และกล่าวว่า “ให้พวกเราตั้งกษัตริย์ปกครองเราเหมือนชนชาติทั้งปวงรอบๆ เรา”

15 จงแน่ใจว่าท่านแต่งตั้งคนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ เขาจะต้องเป็นคนอิสราเอล ไม่ใช่คนต่างด้าว

16 กษัตริย์ต้องไม่หาม้ามากมายมาเป็นของตัว หรือส่งคนไปที่อียิปต์เพื่อหาม้ามาเพิ่ม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า “เจ้าจะต้องไม่หวนกลับไปทางนั้นอีก”

17 เขาจะต้องไม่มีภรรยาหลายคน มิฉะนั้นจิตใจของเขาจะหันเหไป และเขาจะต้องไม่สะสมเงินทองไว้มากมาย

18 เมื่อเขาขึ้นครองราชย์ ให้เขาคัดลอกบทบัญญัตินี้จากหนังสือม้วนของปุโรหิตผู้เป็นชนเลวี

19 บทบัญญัตินี้จะได้อยู่กับเขา ให้เขาอ่านตลอดชีวิต เพื่อเขาจะเรียนรู้ที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาและใส่ใจที่จะปฏิบัติตามทุกถ้อยคำของบทบัญญัติและกฎหมายเหล่านี้

20 เพื่อเขาจะไม่ถือว่าตัวเองดีกว่าพี่น้องร่วมชาติและหันเหจากบทบัญญัติไปทางขวาหรือทางซ้าย แล้วเขากับวงศ์วานจะได้ครอบครองราชบัลลังก์ในอิสราเอลยาวนานสืบไป

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/DEU/17-7c29c6264bf0c646aa7a0c41f9fa5daf.mp3?version_id=179—