Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 1

จุดประสงค์และหัวใจของสุภาษิต

1 สุภาษิตของกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอล โอรสของดาวิด

2 เพื่อบรรลุปัญญาและคำสั่งสอน

เพื่อให้เข้าใจถ้อยคำแห่งวิจารณญาณ

3 เพื่อรับฟังคำสั่งสอนที่ทำให้เกิดไหวพริบปฏิภาณ

ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรม และเที่ยงธรรม

4 เพื่อให้คนอ่อนต่อโลกรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม

ให้เยาวชนมีความรู้และความเฉลียวฉลาด

5 ให้ผู้ที่ฉลาดรับฟังและเพิ่มพูนความรู้

ให้ผู้ที่มีความเข้าใจได้รับการชี้แนะ

6 เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและคำอุปมา

คำสอนและคำปริศนาของปราชญ์

7 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบ่อเกิดของความรู้

ส่วนคนโง่ดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน

บทนำ

8 ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า

และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า

9 เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นมาลัยประดับเกล้า

เป็นสร้อยประดับคอของเจ้า

10 ลูกเอ๋ย หากคนบาปมาชักชวนเจ้า

อย่าคล้อยตามพวกเขา

11 หากพวกเขากล่าวว่า “มากับเราเถิด

ให้เราซุ่มคอยเอาเลือดคน

ให้เราดักทำร้ายคนบริสุทธิ์เล่นเถิด

12 ให้เราเป็นเหมือนหลุมฝังศพที่กลืนพวกเขาทั้งเป็น

กลืนพวกเขาทั้งตัวเหมือนคนตกลงไปในหลุมลึก

13 เราจะยึดของมีค่าทุกชนิด

เอาของที่ปล้นมาเก็บไว้ให้เต็มบ้านของเรา

14 มาเป็นพวกเราสิ

จะได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกับเรา”

15 ลูกเอ๋ย อย่าไปร่วมทางกับพวกเขา

อย่าเดินในทางของพวกเขาเลย

16 เพราะเท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความหายนะ

พวกเขาจะเสียเลือดเสียเนื้อในไม่ช้า

17 เปล่าประโยชน์ที่จะขึงตาข่าย

เพราะนกทุกตัวมองเห็น!

18 คนเหล่านี้ซุ่มคอยเอาโลหิตของตัวเอง

เขาดักเอาชีวิตตัวเอง!

19 นั่นแหละคือจุดจบของบรรดาผู้หากำไรมาโดยทุจริต

มันย่อมคร่าชีวิตตัวเขาเอง

คำเตือนไม่ให้ปฏิเสธปัญญา

20 ปัญญาป่าวร้องอยู่บนท้องถนน

เปล่งเสียงในที่ชุมชน

21 นางร้องเรียกอยู่บนยอดกำแพง

นางร้องบอกที่ประตูเมืองว่า

22 “พวกอ่อนต่อโลกเอ๋ย เจ้าจะรักความโง่ไปนานแค่ไหน?

คนมักเยาะเย้ยจะหลงใหลการเยาะเย้ยไปนานเพียงไร?

คนโง่จะชังความรู้ไปนานสักเท่าใด?

23 จงกลับตัวกลับใจมาฟังคำเตือนของเรา!

เราจะเทความคิดจิตใจของเราแก่เจ้า

และจะให้เจ้าเข้าใจคำสั่งสอนของเรา

24 แต่เนื่องจากเจ้าปฏิเสธเมื่อเราร้องเรียก

ไม่มีใครใส่ใจเมื่อเรากวักมือ

25 เพราะเจ้าไม่แยแสคำแนะนำทั้งสิ้นของเรา

ไม่ยอมรับคำตักเตือนจากเรา

26 ดังนั้นเราก็จะหัวเราะเยาะเจ้าเมื่อภัยพิบัติโจมตีเจ้า

เราจะเยาะเย้ยเจ้าเมื่อความหายนะมาถึงเจ้า

27 เมื่อความหายนะมาถึงเจ้าดั่งพายุ

เมื่อความพินาศถาโถมเข้ามาดั่งพายุหมุน

เมื่อความเดือดร้อนลำเค็ญท่วมท้นเจ้า

28 “เมื่อนั้นพวกเขาจะร้องเรียกเรา แต่เราจะไม่ตอบ

พวกเขาจะเสาะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบ

29 เพราะพวกเขาได้ชังความรู้

และเลือกที่จะไม่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

30 เพราะพวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของเรา

ไม่ไยดีต่อคำตักเตือนของเรา

31 พวกเขาจะได้รับผลจากวิถีทางของตัวเอง

และเต็มอิ่มกับผลจากแผนร้ายของตน

32 เพราะคนอ่อนต่อโลกจะฆ่าตัวเองด้วยการหันออกนอกลู่นอกทาง

และคนโง่จะทำลายตัวเองด้วยความเฉยเมยของพวกเขา

33 แต่ผู้ใดรับฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย

จะสุขสบาย ไม่หวั่นเกรงภยันตรายใดๆ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/1-66c2a351fd951158532b26ccfe419251.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 2

ข้อดีของปัญญา

1 ลูกเอ๋ย หากเจ้ารับถ้อยคำของเรา

และสะสมคำบัญชาของเราไว้กับตัว

2 หากเจ้าเงี่ยหูฟังปัญญา

ใจจดใจจ่อเพื่อที่จะเข้าใจ

3 หากเจ้าเรียกหาวิจารณญาณ

และร้องหาความเข้าใจ

4 และหากเจ้าดั้นด้นหาสิ่งนี้ดั่งหาเงิน

ขวนขวายหาถ้อยคำของเราประหนึ่งค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่

5 แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

และพบความรู้ของพระเจ้า

6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานปัญญา

ความรู้และความเข้าใจออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์

7 พระองค์ทรงสะสมดุลยพินิจไว้ให้คนเที่ยงธรรม

ทรงเป็นโล่ให้ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ

8 เพราะพระองค์ทรงพิทักษ์รักษาวิถีทางของผู้เที่ยงธรรม

และทรงคุ้มครองหนทางของผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์

9 แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าสิ่งใดถูกต้อง ยุติธรรม

และเที่ยงธรรม คือเข้าใจวิถีอันดีทุกทาง

10 เพราะสติปัญญาจะเข้าสู่จิตใจของเจ้า

และความรู้จะเป็นที่รื่นรมย์แก่จิตวิญญาณของเจ้า

11 ความสุขุมรอบคอบจะคุ้มครองเจ้า

ความเข้าใจจะพิทักษ์รักษาเจ้า

12 ปัญญาจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากทางของคนชั่ว

จากคนที่พูดตลบตะแลง

13 ผู้ที่ละทิ้งวิถีอันเที่ยงตรง

ไปเดินในทางมืด

14 ผู้หลงใหลในการทำชั่ว

และชื่นชอบความวิปริตชั่วร้าย

15 ทางของเขาลดเลี้ยวเคี้ยวคด

เขาเป็นคนคดในข้องอในกระดูก

16 ปัญญายังจะช่วยเจ้าให้พ้นจากหญิงแพศยา

จากผู้หญิงข้างถนนซึ่งออดอ้อนเย้ายวน

17 ผู้ทอดทิ้งคู่ครองที่อยู่กินด้วยกันมาตั้งแต่ยังสาวๆ

และไม่ไยดีต่อคำสัญญาที่นางให้ไว้

ต่อหน้าต่อตาพระเจ้า

18 บ้านของนางนำลงสู่ความตาย

ทางของนางพาไปหาชาวเมืองผี

19 ไม่มีสักคนที่ไปหานางแล้วได้กลับมา

หรือหวนเข้าสู่หนทางแห่งชีวิตได้อีก

20 ดังนั้นเจ้าควรจะเดินในทางของคนด

และยึดมั่นในวิถีอันชอบธรรม

21 เพราะคนเที่ยงธรรมจะได้อาศัยในแผ่นดินนั้น

และคนที่ไร้ที่ติจะคงอยู่ที่นั่น

22 แต่คนชั่วร้ายจะถูกตัดขาดจากแผ่นดินนั้น

และคนอสัตย์จะถูกถอนรากถอนโคนจากที่นั่น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/2-a709656565fd5b9b955615c60f9447b9.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 3

ข้อดีอื่นๆ ของปัญญา

1 ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา

แต่จงรักษาคำบัญชาของเราไว้ในใจของเจ้า

2 เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยต่ออายุของเจ้าให้ยืนยาว

และนำสันติสุขกับความเจริญรุ่งเรืองมาให้

3 อย่าให้ความรักและความซื่อสัตย์ละจากเจ้าไป

จงผูกมันไว้รอบคอ

จงจารึกไว้บนแผ่นดวงใจของเจ้า

4 แล้วเจ้าจะได้รับความโปรดปรานและมีชื่อเสียงดี

ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์

5 จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างหมดใจ

อย่าพึ่งความเข้าใจของตนเอง

6 จงยอมรับพระองค์ในทุกวิถีทางของเจ้า

แล้วพระองค์จะทรงทำทางของเจ้าให้ราบเรียบ

7 อย่าคิดว่าตนฉลาด

จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและหลีกหนีจากความชั่ว

8 เพราะสิ่งนี้จะรักษาร่างกายของเจ้า

และหล่อเลี้ยงกระดูกของเจ้า

9 จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า

ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า

10 แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น

และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่

11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า

อย่าขุ่นข้องหมองใจเมื่อพระองค์ทรงว่ากล่าวตักเตือน

12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก

ดั่งพ่อตีสั่งสอนลูกที่ตนชื่นชม

13 ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา

ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ

14 เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน

และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ

15 ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม

สิ่งใดๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้

16 ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว

ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ

17 หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์

วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข

18 ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้

ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น

19 โดยปัญญาองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางฐานรากของโลก

โดยความเข้าใจ ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์

20 โดยความรู้ของพระองค์ ห้วงลึกก็แยกออก

และเมฆก็หยาดน้ำค้างลงมา

21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งเหล่านี้คลาดไปจากสายตาของเจ้า

จงรักษาดุลยพินิจและความสุขุมรอบคอบไว้

22 สิ่งเหล่านี้จะเป็นชีวิตสำหรับเจ้า

และเป็นอาภรณ์ประดับคอของเจ้า

23 แล้วเจ้าจะดำเนินไปตามทางของตนอย่างปลอดภัย

และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด

24 เมื่อเจ้าเอนกายลง เจ้าจะไม่กลัว

เมื่อเจ้านอนลง เจ้าจะหลับสบาย

25 ไม่ต้องหวั่นเกรงภัยพิบัติฉับพลัน

หรือหายนะซึ่งจู่โจมคนชั่ว

26 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า

และจะทรงป้องกันไม่ให้เท้าของเจ้าติดกับ

27 อย่าหน่วงเหนี่ยวสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ

เมื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะจัดการได้

28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านว่า

“กลับมาพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วฉันจะให้”

ในเมื่อเจ้าสามารถให้ได้ทันที

29 อย่าคิดปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า

ผู้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เจ้าอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ

30 อย่ากล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีมูลเหตุ

ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า

31 อย่าอิจฉาคนโหดเหี้ยม

หรือเลือกวิถีทางใดๆ ของเขา

32 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังคนคดในข้องอในกระดูก

แต่ทรงเชื่อใจคนเที่ยงธรรม

33 คำสาปแช่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่บนบ้านของคนชั่ว

แต่พระองค์ทรงอวยพรครัวเรือนของคนชอบธรรม

34 พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย

แต่สำแดงพระคุณแก่คนถ่อมใจที่ถูกรังแก

35 คนฉลาดได้รับเกียรติยศเป็นมรดก

ส่วนคนโง่จะได้รับแต่ความอัปยศ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/3-f39c37582fa666bd03d5e2c21d06101d.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 4

สละทุกอย่างเพื่อปัญญา

1 ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า

จงใส่ใจเพื่อจะได้ความเข้าใจ

2 เพราะเราให้คำสอนที่ดีแก่เจ้า

ดังนั้นอย่าละทิ้งคำสอนของเรา

3 เมื่อเราเป็นเด็กอยู่ในบ้านของพ่อ

ยังอ่อนเยาว์เป็นลูกรักของแม่

4 พ่อสอนเราว่า

“จงยึดคำสอนของพ่อด้วยสุดใจของเจ้า

ทำตามคำสั่งของพ่อ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่

5 จงรับปัญญาและความเข้าใจ

อย่าลืม อย่าหันเหจากคำสอนของพ่อ

6 อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วนางจะช่วยปกปักรักษาเจ้า

จงรักนางแล้วนางจะคอยปกป้องเจ้า

7 จุดเริ่มต้นของปัญญาคือให้ยึดปัญญาไว้

แม้ต้องลงทุนหมดตัวก็จงยึดความเข้าใจไว้

8 จงเทิดทูนนาง และนางจะเชิดชูเจ้า

จงโอบกอดปัญญาไว้ และนางจะให้เกียรติเจ้า

9 นางจะสวมมงคลงามบนศีรษะของเจ้า

มงกุฎงดงามจะเป็นของเจ้า”

10 ลูกเอ๋ย จงฟังและรับถ้อยคำของเรา

เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนยาว

11 เราชี้แนะเจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา

และนำเจ้าไปในทางตรง

12 ยามเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น

ยามเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด

13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดมือไป

จงรักษาไว้ให้ดี เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า

14 อย่าย่างกรายเข้าไปในทางของคนชั่ว

หรือเดินในทางของคนเลว

15 จงหลีกห่าง อย่าเดินไปบนทางนั้น

จงหันหนีและเลี่ยงไปทางอื่น

16 เพราะสำหรับคนชั่วนั้น วันไหนไม่ได้ทำชั่วเขานอนไม่หลับ

เขาจะหลับตาไม่ลงจนกว่าจะได้ทำให้ใครล้มลงเสียก่อน

17 เขาบริโภคความชั่วเป็นอาหาร

และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความโหดเหี้ยมทารุณ

18 ทางของคนชอบธรรมเป็นดั่งดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ

ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มวัน

19 แต่ทางของคนชั่วดั่งความมืดมิด

เขาไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดอะไร

20 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังสิ่งที่เรากล่าว

เงี่ยหูฟังถ้อยคำของเรา

21 อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า

จงรักษามันไว้ในใจของเจ้า

22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ

เป็นพลานามัยแก่ร่างกายทั้งหมดของเขา

23 ที่สำคัญที่สุด จงระแวดระวังใจของเจ้า

เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนไหลออกมาจากใจ

24 ให้ปากของเจ้าปราศจากคำตลบตะแลง

ให้ริมฝีปากของเจ้าห่างไกลจากคำหลอกลวง

25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า

จดจ่อแน่วแน่ไม่หันเห

26 จงเฝ้าระวังทุกย่างก้าวของเจ้า

และเดินอยู่ในทางนั้นอย่างมั่นคง

27 อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้าย

จงยั้งเท้าของเจ้าไว้จากความชั่วร้าย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/4-354c744ab480828664d0dc13206e7cad.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 5

อย่าสำส่อน

1 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของเรา

จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งของเรา

2 เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ

และริมฝีปากของเจ้าจะสงวนความรู้ไว้

3 เพราะริมฝีปากของหญิงแพศยาหวานปานน้ำผึ้ง

และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน

4 แต่ท้ายที่สุด นางขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด

คมยิ่งกว่าดาบสองคม

5 เท้าของนางนำไปสู่ความตาย

ย่างก้าวของนางตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพ

6 นางไม่สนใจทางแห่งชีวิต

วิถีของนางวกวนไร้จุดหมาย แต่นางไม่รู้เลย

7 ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา

และอย่าหันหนีจากถ้อยคำของเรา

8 จงให้วิถีของเจ้าห่างไกลจากนาง

อย่าเฉียดกรายไปใกล้ประตูบ้านของนาง

9 เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น

และให้ศักดิ์ศรีของเจ้าแก่คนโหดร้าย

10 เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินความสามารถของเจ้า

และน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกแก่บ้านของคนอื่น

11 ในบั้นปลายชีวิต เจ้าจะร้องโอดครวญ

เมื่อกำลังและร่างกายของเจ้าถูกกัดกินจนเสื่อมโทรมไป

12 เจ้าจะกล่าวว่า “เราเคยเกลียดการตีสั่งสอนยิ่งนัก!

และไม่แยแสคำตักเตือน!

13 เราไม่ยอมเชื่อฟังครูอาจารย์

หรือรับฟังผู้สั่งสอนของเรา

14 เราจวนเจียนจะถลำสู่หายนะ

ต่อหน้าสาธารณชน”

15 จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้า

น้ำที่ไหลจากบ่อของเจ้าเอง

16 ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลล้นออกไปตามถนน

หรือให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปยังย่านชุมชน?

17 จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว

ไม่ใช่แบ่งปันกับคนแปลกหน้า

18 จงให้ธารน้ำพุของเจ้าได้รับพร

จงปีติยินดีในภรรยาคู่ชีวิตที่ได้มาในวัยหนุ่ม

19 ดั่งนางกวางที่น่ารัก เลียงผาที่น่าชม

จงให้อ้อมอกของนางเป็นที่หนำใจเจ้าเสมอ

จงหลงใหลในความรักของนางตลอดไป

20 ลูกเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงไปหลงใหลภรรยาของชายอื่น?

เหตุใดเจ้าจึงไปซบอกหญิงแพศยา?

21 เพราะว่าทางทั้งสิ้นของมนุษย์อยู่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

พระองค์ทรงพิเคราะห์ดูทุกวิถีของเขา

22 คนชั่วติดกับเพราะบาปของตน

และบาปนั้นก็เป็นบ่วงรัดเขาไว้แน่น

23 เขาจะตายเพราะขาดวินัย

และหลงเตลิดไปเพราะความโง่มหันต์ของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/5-1137d68c74c0bd8c448421f5fd836bb5.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 6

อย่าโง่

1 ลูกเอ๋ย หากเจ้าค้ำประกันให้เพื่อนบ้าน

หากเจ้าจับมือวางมัดจำให้คนแปลกหน้า

2 เจ้าได้ติดกับวาจาของเจ้า

ถูกผูกมัดเพราะคำพูดของตัวเอง

3 ลูกเอ๋ย จงทำเช่นนี้เพื่อปลดปล่อยตัวเจ้าเอง

ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนบ้าน

ไป ไปอ้อนวอนจนกว่าจะหมดแรง

อย่าให้เพื่อนบ้านของเจ้าได้หยุดพัก!

4 อย่าให้ตาของเจ้าได้หลับ

อย่าให้เปลือกตาของเจ้าเคลิ้มไป

5 จงปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระเหมือนกวางหนีจากเงื้อมมือของนายพราน

เหมือนนกที่หนีจากบ่วงแร้วของคนดักนก

6 เจ้าคนขี้เกียจ จงไปเรียนจากมด

สังเกตวิธีการของมัน แล้วจงฉลาดขึ้น

7 มันไม่มีผู้บัญชาการ

ไม่มีผู้ควบคุมดูแล และไม่มีใครปกครอง

8 แต่มันก็ยังสะสมเสบียงในฤดูร้อน

และรวบรวมอาหารตั้งแต่ฤดูเก็บเกี่ยว

9 เจ้าคนขี้เกียจ จะนอนอีกนานสักเท่าใด?

เมื่อไหร่เจ้าจะลุกขึ้นเสียที?

10 หลับอีกนิด เคลิ้มอีกหน่อย

กอดอกงีบต่อสักประเดี๋ยว

11 แล้วความยากจนจะมาหาเจ้าดั่งขโมย

และความขัดสนจะเล่นงานเจ้าอย่างคนถืออาวุธ

12 คนเลวทรามและชั่วร้าย

ผู้พูดจาลดเลี้ยว

13 ผู้ขยิบตา

ขยับเท้า

กระดิกนิ้วส่งสัญญาณ

14 ผู้คิดอ่านทำการชั่วร้ายจากใจคิดคดทรยศ

พวกเขาคอยยุแยงตะแคงรั่วเสมอ

15 ฉะนั้นหายนะจึงมาถึงพวกเขาอย่างฉับพลัน

พวกเขาแหลกสลายเกินเยียวยาในชั่วพริบตา

16 มีสิ่งน่ารังเกียจหกอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดชัง

ที่จริง มีเจ็ดอย่างที่พระองค์ทรงรังเกียจ คือ

17 ตาที่หยิ่งยโส

ลิ้นที่โป้ปด

มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์

18 จิตใจที่คิดการชั่วร้าย

เท้าที่ปราดไปทำชั่ว

19 พยานเท็จผู้กล่าวมุสา

และคนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน

อย่าสำส่อน

20 ลูกเอ๋ย จงรักษาคำสั่งของพ่อเจ้า

และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า

21 จงตรึงมันไว้ในดวงใจเสมอ

จงผูกมันไว้รอบคอของเจ้า

22 ยามเจ้าเดิน คำสอนนั้นจะช่วยชี้นำ

ยามเจ้าหลับ มันจะคอยดูแล

ครั้นยามเจ้าตื่น มันจะพูดกับเจ้า

23 เพราะคำสั่งนี้เป็นดวงประทีป

คำสอนนี้เป็นความสว่าง

การอบรมบ่มนิสัย

เป็นทางแห่งชีวิต

24 เพื่อคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากภรรยาของเพื่อนบ้าน

และคำออดอ้อนของหญิงแพศยา

25 อย่ากระสันถึงความงามของนาง

อย่าตกเป็นทาสดวงตาหยาดเยิ้มของนาง

26 เพราะหญิงโสเภณีก็แลกได้ด้วยอาหารจานหนึ่ง

แต่ภรรยาของชายอื่นออกล่าเอาชีวิตอันล้ำค่าของเจ้า

27 เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเล่นกับไฟ

โดยที่เสื้อผ้าของเขาไม่ถูกไฟไหม้?

28 เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเดินย่ำถ่านร้อนๆ

โดยที่เท้าไม่ถูกไฟลวก?

29 ชายที่ไปนอนกับภรรยาของผู้อื่นก็เป็นเช่นนั้นแหละ

ไม่มีใครที่แตะต้องนางแล้วจะลอยนวลพ้นโทษไปได้

30 ผู้คนยังสงสารขโมย

ที่ลักทรัพย์เพราะความหิวโหย

31 แต่ถ้าเขาถูกจับได้ ก็จะถูกปรับถึงเจ็ดเท่า

แม้ว่าอาจจะต้องถึงกับขายของทุกอย่างในบ้านเพื่อชดใช้

32 แต่ชายที่ล่วงประเวณีเป็นคนไม่รู้จักคิด

ผู้ที่ทำเช่นนั้นก็ทำลายตนเอง

33 ผลที่จะได้รับคือรอยแผลและความอัปยศ

เป็นความอับอายขายหน้าตลอดกาล

34 เพราะความหึงหวงจะทวีความโกรธแค้นของสามีของหญิงนั้น

และเมื่อถึงคราวแก้แค้น เขาจะไม่ปรานีเลย

35 เขาจะไม่ยอมรับค่าชดใช้ใดๆ

ไม่ว่าสินบนจะมากมายสักเท่าใด เขาก็จะไม่ยอมเป็นอันขาด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/6-8b49d77a1d3cb6497fa0fa5e697744a6.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 7

คำเตือนเรื่องหญิงแพศยา

1 ลูกเอ๋ย จงปฏิบัติตามคำของเรา

จงสะสมคำบัญชาของเราไว้กับตัว

2 จงทำตามคำบัญชาของเรา และเจ้าจะมีชีวิตอยู่

จงรักษาคำสอนของเราไว้ดั่งแก้วตา

3 จงพันมันไว้รอบนิ้วเป็นเครื่องเตือนใจ

และจงจารึกมันไว้ในดวงใจ

4 จงกล่าวแก่ปัญญาว่า “เธอเป็นพี่สาวของฉัน”

จงเรียกความเข้าใจว่า “ญาติของฉัน”

5 สิ่งเหล่านี้จะคุ้มกันเจ้าจากหญิงแพศยา

จากคำออดอ้อนเย้ายวนของหญิงเสเพล

6 เพราะครั้งหนึ่งเรายืนอยู่ที่หน้าต่างบ้านของเรา

เรามองลอดหน้าต่างลงไป

7 เรามองลงไปในหมู่คนอ่อนต่อโลก

เราสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้จักคิด

8 เขาเดินไปตามถนนแถวบ้านของนาง

เดินไปตามทางสู่บ้านของนาง

9 ใกล้สิ้นวัน ยามโพล้เพล้

ขณะค่ำคืนย่างเข้ามา

10 ดูสิ! หญิงคนหนึ่งออกมาพบเขา

แต่งตัวเยี่ยงโสเภณีและมีเจตนาแอบแฝงในใจ

11 (นางพูดพล่ามไร้ยางอาย

อยู่ไม่ติดบ้าน

12 เดี๋ยวไปที่ถนน เดี๋ยวอยู่ที่ลานเมือง

คอยซุ่มดักอยู่ทุกมุมเมือง)

13 นางโผเข้ากอดเขา จูบเขา

และพูดหน้าตาเฉยว่า

14 “ฉันมีเครื่องเซ่นรออยู่ที่บ้าน

วันนี้ฉันได้แก้บนหลายเรื่องแล้ว

15 ดังนั้นฉันจึงออกมาพบเธอ

ฉันตามหาเธอ แล้วฉันก็พบเธอ

16 ฉันปูเตียงไว้

ด้วยผ้าลินินสีสวยจากอียิปต์

17 ประพรมด้วยมดยอบ

กฤษณาและอบเชย

18 มาสิ ให้เราเริงรักดื่มด่ำกันถึงพรุ่งนี้เช้าเลย

ให้เราเริงสำราญด้วยความรัก

19 สามีของฉันไม่อยู่บ้าน

เขาเดินทางไปแดนไกล

20 เขาเอาเงินไปเต็มกระเป๋า

กว่าจะกลับมาก็วันเพ็ญ”

21 นางโอ้โลมเขาด้วยคำหวานหู

ออดอ้อนจนเขาเสียที

22 เขาก็เดินต้อยๆ ตามนางไปทันที

เหมือนวัวถูกจูงเข้าโรงฆ่าสัตว์

เหมือนกวางก้าวไปติดกับ

23 จนกระทั่งถูกปักด้วยธนูลึกไปถึงตับ

เหมือนนกบินไปหากับดัก

ไม่รู้ว่าความตายรออยู่ข้างหน้า

24 ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเราเถิด

จงใส่ใจถ้อยคำของเรา

25 อย่าปล่อยใจไปตามทางของนาง

อย่าหลงไปตามทางนั้น

26 เพราะเหยื่อที่นางฟาดฟันลงนั้นมากมายนัก

แม้แต่คนยิ่งใหญ่ก็ตายเพราะนาง

27 บ้านของนางเป็นทางหลวงสู่หลุมศพ

นำไปถึงห้องแห่งความตาย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/7-d67832ec4c64c2032a6dce1188e6993d.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 8

เสียงเรียกของปัญญา

1 ปัญญาไม่ได้ส่งเสียงเรียกอยู่หรือ?

ความเข้าใจไม่ได้ร้องเรียกอยู่หรือ?

2 ปัญญายืนอยู่บนที่สูง ริมทางเดิน

และตรงทางแยก

3 ปัญญาร้องเสียงดัง

อยู่ที่ข้างประตูเข้าเมืองว่า

4 “มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย เราร้องเรียกพวกเจ้า

เราป่าวร้องแก่มนุษย์ทั้งปวง

5 เจ้าคนอ่อนต่อโลก จงมีความสุขุมรอบคอบ

เจ้าคนโง่ จงใส่ใจในสิ่งนี้

6 ฟังเถิด เรามีเรื่องสำคัญมากจะบอก

เราเอ่ยปากเพื่อกล่าวสิ่งที่ถูกต้อง

7 ปากของเรากล่าวความจริง

ริมฝีปากของเราชิงชังความชั่ว

8 วาจาทั้งสิ้นของเราเที่ยงธรรม

ไม่มีการลดเลี้ยวหรือบิดเบือน

9 คำพูดของเราตรงไปตรงมาสำหรับผู้มีความเข้าใจ

และถูกทำนองคลองธรรมสำหรับผู้มีความรู้

10 จงเลือกคำสอนของเราแทนที่จะเลือกเงิน

เลือกความรู้แทนที่จะเลือกทองเนื้อเก้า

11 เพราะปัญญาสูงค่ากว่าทับทิม

สิ่งที่เจ้าปรารถนาไม่มีอะไรเปรียบกับนางได้

12 “เรา ปัญญา อยู่คู่ความสุขุมรอบคอบ

เรามีความรู้และความเฉลียวฉลาด

13 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคือการเกลียดชังความชั่ว

เราชิงชังความหยิ่งยโส ความจองหอง

การประพฤติชั่ว และวาจาตลบตะแลง

14 คำปรึกษาและดุลยพินิจเป็นของเรา

เรามีความเข้าใจและอำนาจ

15 โดยเรา บรรดากษัตริย์จึงครอบครอง

และชนชั้นปกครองก็ตรากฎหมายที่ยุติธรรม

16 โดยเรา บรรดาเจ้านายจึงปกครอง

และบรรดาขุนนาง คือคนทั้งปวงที่ปกครองอยู่ในโลก

17 เรารักผู้ที่รักเรา

คนที่เสาะหาเราก็พบเรา

18 ทรัพย์สมบัติและเกียรติยศอยู่กับเรา

ความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรืองอันยั่งยืนด้วย

19 ผลของเราดียิ่งกว่าทองแท้

สิ่งที่เราให้ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินบริสุทธิ์

20 เราดำเนินในวิถีแห่งความชอบธรรม

ตามเส้นทางแห่งความยุติธรรม

21 เราให้ความมั่งคั่งเป็นมรดกแก่ผู้ที่รักเรา

ทำให้คลังสมบัติของเขาเต็มบริบูรณ์

22 “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงให้กำเนิดเราเป็นสิ่งแรกก่อนสิ่งอื่นที่พระองค์ทรงกระทำ

ก่อนบรรดาพระราชกิจของพระองค์ตั้งแต่ครั้งโบราณ

23 ตั้งแต่โบราณกาลเราถูกสร้างขึ้น

ตั้งแต่ปฐมกาลก่อนที่โลกนี้จะเกิดขึ้น

24 เราถือกำเนิดตั้งแต่ยังไม่มีมหาสมุทร

ก่อนน้ำพุพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก

25 ก่อนภูเขาและเนินเขาถูกสร้างขึ้น

เราก็เกิดแล้ว

26 ก่อนที่พระเจ้าทรงสร้างโลกและท้องทุ่ง

ก่อนผงธุลีใดๆ ของโลก

27 เราอยู่ที่นั่น เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์

เมื่อพระองค์ทรงกำหนดเส้นขอบฟ้าบนพื้นผิวของมหาสมุทร

28 เมื่อพระองค์ทรงวางตำแหน่งของเมฆเบื้องบน

และทรงกำหนดตาน้ำแห่งห้วงบาดาล

29 เมื่อพระองค์ทรงขีดพรมแดนของทะเล

เพื่อไม่ให้น้ำล้ำเขตตามพระบัญชาของพระองค์

และเมื่อพระองค์ทรงปักผังวางฐานรากของโลก

30 ในตอนนั้นเราอยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดเวลา

เปี่ยมด้วยความปีติยินดีวันแล้ววันเล่า

ชื่นชมยินดีอยู่ต่อหน้าพระองค์เสมอ

31 ชื่นชมยินดีกับโลกที่พระองค์ทรงสร้าง

และเปรมปรีดิ์ในมนุษยชาติ

32 “ดังนั้นลูกเอ๋ย จงฟังเรา

ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษาวิถีทางของเรา

33 จงฟังคำสอนของเรา แล้วจงฉลาดขึ้น

อย่าเพิกเฉยละเลย

34 ความสุขมีแก่ผู้ที่ฟังเรา

เฝ้ารอเราทุกวันที่ริมประตู

คอยท่าที่หน้าบ้านของเรา

35 เพราะผู้ใดก็ตามที่พบเราย่อมพบชีวิต

และได้รับความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

36 ส่วนผู้ที่พลาดจากเราก็ทำร้ายตัวเอง

ทุกคนที่เกลียดเราก็รักความตาย”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/8-d20d77cf1cc2ebe1affb6721c3791281.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 9

คำเชื้อเชิญของปัญญาและความโง่เขลา

1 ปัญญาได้สร้างบ้านขึ้นบนเสาหลักเจ็ดต้น

2 นางได้เตรียมเนื้อและผสมเหล้าองุ่นไว้

แล้วได้จัดโต๊ะอาหารของนางไว้ด้วย

3 แล้วส่งสาวใช้ออกไปเชื้อเชิญทุกคน

ปัญญาร้องเรียกจากจุดสูงสุดของเมืองว่า

4 “ให้บรรดาคนอ่อนต่อโลกมาที่บ้านของเราเถิด!”

นางกล่าวกับคนไร้สามัญสำนึกว่า

5 “เชิญมารับประทานอาหาร

และดื่มเหล้าองุ่นที่เราได้ผสมไว้

6 จงทิ้งวิถีอันอ่อนต่อโลกของเจ้า แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่

จงดำเนินในวิถีแห่งความเข้าใจ”

7 “ผู้ที่ตักเตือนคนชอบเยาะเย้ย มีแต่จะถูกตอกกลับ

ผู้ที่ตักเตือนคนชั่วร้าย มีแต่จะถูกทำร้าย

8 อย่าไปว่ากล่าวคนชอบเยาะเย้ย ไม่อย่างนั้นเขาจะเกลียดชังเจ้า

จงตักเตือนคนฉลาด แล้วเขาจะรักเจ้า

9 จงสอนคนฉลาด แล้วเขาจะฉลาดยิ่งขึ้น

จงสอนคนชอบธรรม แล้วเขาจะเรียนรู้มากขึ้น

10 “ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของปัญญา

การรู้จักองค์บริสุทธิ์ทำให้เกิดความเข้าใจ

11 เพราะเรา วันเวลาของเจ้าจะยืนยาว

และปีเดือนแห่งชีวิตของเจ้าจะเพิ่มพูน

12 หากเจ้าฉลาด สติปัญญาของเจ้าจะให้บำเหน็จแก่เจ้า

หากเจ้าชอบเยาะเย้ย เจ้าก็จะทนทุกข์ตามลำพัง”

13 ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า “โง่” ชอบพูดพล่าม

นางไร้ระเบียบวินัยและไม่รู้อะไรเลย

14 นางนั่งอยู่ที่ประตูบ้าน

หรือในที่สูงของเมือง

15 คอยร้องเรียกผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา

ผู้มุ่งหน้าไปตามทางของตน

16 “ให้บรรดาคนอ่อนต่อโลก มาที่บ้านของเราเถิด!”

นางกล่าวกับบรรดาคนไร้สามัญสำนึกว่า

17 “น้ำที่ลักเขาดื่มก็ชื่นใจดี

อาหารที่แอบเขากินก็เอร็ดอร่อย!”

18 แต่คนเหล่านั้นหารู้ไม่ว่าที่นั่นมีแต่คนตาย

และแขกของนางล้วนอยู่ก้นหลุมฝังศพ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/9-c9aef5cba6b2facbf2d4f698ba0cc2f1.mp3?version_id=179—

Categories
สุภาษิต

สุภาษิต 10

สุภาษิตของโซโลมอน

1 สุภาษิตของโซโลมอนมีดังนี้

ลูกฉลาดทำให้พ่อสุขใจยินดี

ส่วนลูกโง่เขลาทำให้แม่เศร้าใจ

2 ทรัพย์สมบัติที่ได้มาอย่างทุจริตนั้นไม่จีรังยั่งยืน

แต่ความชอบธรรมช่วยกอบกู้ให้พ้นจากความตาย

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมหิวโหย

และไม่ทรงปล่อยให้คนชั่วร้ายสมปรารถนา

4 มือที่เกียจคร้านทำให้ยากจน

ส่วนมือที่ขยันหมั่นเพียรทำให้มั่งคั่ง

5 ผู้ที่สะสมพืชผลในฤดูร้อนเป็นลูกที่รอบคอบ

ส่วนผู้ที่หลับใหลในฤดูเก็บเกี่ยวเป็นลูกที่ทำให้ขายหน้า

6 พระพรอยู่เหนือศีรษะของคนชอบธรรม

แต่ความทารุณโหดร้ายไหลท่วมปากของคนชั่ว

7 ชื่อของคนชอบธรรมจะใช้เป็นคำอวยพร

แต่ชื่อของคนชั่วจะเสื่อมเสียไป

8 จิตใจที่ฉลาดจะรับคำสั่งสอน

ส่วนคนโง่พูดพล่อยๆ ก็ถึงแก่หายนะ

9 คนที่เดินอยู่ในทางเที่ยงตรงจะเดินอย่างมั่นคง

ส่วนคนที่เดินอยู่ในทางคดจะถูกเปิดโปง

10 ผู้ที่ขยิบตาอย่างมีเลศนัยสร้างความเดือดร้อน

และคนโง่พูดพล่อยๆ ก็ถึงแก่หายนะ

11 ปากของคนชอบธรรมเป็นบ่อน้ำพุซึ่งให้ชีวิต

แต่ปากของคนชั่วซุกซ่อนความโหดร้ายทารุณ

12 ความเกลียดชังยั่วยุให้เกิดความแตกแยก

แต่ความรักบดบังความผิดทั้งมวล

13 สติปัญญาพบได้จากริมฝีปากของผู้มีวิจารณญาณ

ส่วนไม้เรียวมีไว้หวดหลังคนไร้สามัญสำนึก

14 คนฉลาดสั่งสมความรู้

แต่ปากของคนโง่นำไปสู่ความย่อยยับ

15 ความมั่งคั่งของคนรวยเป็นเหมือนป้อมปราการของเขา

ส่วนความยากจนเป็นหายนะของคนจน

16 คนชอบธรรมได้ชีวิตเป็นค่าจ้าง

ส่วนคนชั่วได้ความบาปและความตายเป็นสมบัติ

17 ผู้ที่รับฟังคำสั่งสอนก็สำแดงทางสู่ชีวิต

ส่วนผู้ที่ไม่แยแสคำตักเตือนก็พาคนอื่นหลงผิด

18 ผู้ที่ซ่อนเร้นความเกลียดชังมีริมฝีปากที่โกหก

ผู้ที่กระพือคำนินทาว่าร้ายเป็นคนโง่

19 ไม่อาจหยุดความบาปได้ด้วยการพูดมาก

ผู้ที่รู้จักยั้งลิ้นของตนก็เป็นคนฉลาด

20 ลิ้นของคนชอบธรรมคือเงินเนื้อดี

ส่วนจิตใจของคนชั่วก็ไม่ค่อยมีค่า

21 ริมฝีปากของคนชอบธรรมหล่อเลี้ยงคนมากมาย

แต่คนโง่ตายเพราะขาดสามัญสำนึก

22 พระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้านำความมั่งคั่งมาให้

และไม่ได้ทรงแถมความทุกข์ร้อนมาด้วย

23 คนโง่เพลิดเพลินกับการทำชั่ว

แต่ผู้มีความเข้าใจเพลิดเพลินในสติปัญญา

24 สิ่งที่คนชั่วหวาดกลัวจะมาถึงเขา

ส่วนสิ่งที่คนชอบธรรมปรารถนาจะบรรลุผล

25 เมื่อมรสุมพัดกระหน่ำ คนชั่วร้ายก็สิ้นไป

แต่คนชอบธรรมยืนหยัดมั่นคงเป็นนิตย์

26 เหมือนน้ำส้มกับฟัน และควันกับตา

คนเกียจคร้านก็ทำให้ผู้ที่ใช้งานเขาขัดเคืองเช่นนั้น

27 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อชีวิตให้ยืนยาว

แต่ปีเดือนของคนชั่วถูกตัดทอน

28 ความหวังของคนชอบธรรมจบลงด้วยความปีติยินดี

ส่วนความหวังทั้งสิ้นของคนชั่วก็สูญเปล่า

29 ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นป้อมปราการของคนไร้ที่ติ

แต่เป็นความหายนะของคนชั่ว

30 คนชอบธรรมจะไม่มีวันถูกถอนรากถอนโคน

ส่วนคนชั่วร้ายจะอยู่บนโลกได้ไม่นาน

31 ปากของคนชอบธรรมให้ปัญญา

แต่ลิ้นที่ปลิ้นปล้อนจะถูกตัดออก

32 ริมฝีปากของคนชอบธรรมรู้ว่าอะไรเหมาะสม

ส่วนปากของคนชั่วรู้แต่สิ่งที่ตลบตะแลง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PRO/10-4af900f534ce5617c54d888fcef2027f.mp3?version_id=179—