Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 1

ดาวิดทราบข่าวว่าซาอูลสิ้นพระชนม์

1 หลังจากซาอูลสิ้นพระชนม์แล้ว ดาวิดกลับมาจากการพิชิตชาวอามาเลขและพักอยู่ที่เมืองศิกลากได้สองวัน

2 ในวันที่สาม มีชายคนหนึ่งมาจากค่ายของซาอูล เสื้อผ้าขาดวิ่น และฝุ่นเต็มศีรษะ เขาหมอบกราบลงต่อหน้าดาวิดแสดงความเคารพ

3 ดาวิดถามว่า “เจ้ามาจากไหน?”

เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าหนีมาจากค่ายของอิสราเอล”

4 ดาวิดถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? บอกเราสิ”

เขาตอบว่า “ทหารของเราเตลิดหนี หลายคนถูกฆ่าตาย กษัตริย์ซาอูลและโยนาธานราชโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว”

5 ดาวิดจึงถามชายหนุ่มที่มาส่งข่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากษัตริย์ซาอูลและโยนาธานราชโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว?”

6 เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขากิลโบอา เห็นกษัตริย์ซาอูลทุ่มพระกายลงบนหอก รถม้าศึกของศัตรูก็ประชิดเข้ามา

7 เมื่อพระองค์เห็นข้าพเจ้า ก็ร้องเรียกให้เข้าไปหา แล้วข้าพเจ้าทูลถามว่า ‘จะทรงให้ข้าพระบาททำสิ่งใด?’

8 “พระองค์ตรัสถามว่า ‘เจ้าเป็นใคร?’

“ข้าพเจ้าทูลว่า ‘เป็นชาวอามาเลขพระเจ้าข้า’

9 “พระองค์จึงตรัสว่า ‘มาฆ่าเราทีเถิด เราใกล้จะตายแล้ว แต่ก็ไม่ตายเสียที’

10 “ข้าพเจ้าจึงปลงพระชนม์ เพราะเห็นว่าจะไม่รอดแน่ๆ แล้วข้าพเจ้าก็เอามงกุฎกับทองต้นพระกรมาให้ท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า”

11 แล้วดาวิดกับพรรคพวกทั้งหมดจึงฉีกเสื้อผ้าของตน

12 พวกเขาพากันไว้ทุกข์ ร่ำไห้ และถืออดอาหารจนถึงเวลาเย็น เพื่อไว้อาลัยแด่กษัตริย์ซาอูล และโยนาธานราชโอรส และเพื่อไพร่พลขององค์พระผู้เป็นเจ้าและชาวอิสราเอลซึ่งสิ้นชีวิตในสงคราม

13 ดาวิดพูดกับชายหนุ่มที่นำข่าวมาว่า “เจ้ามาจากไหน?”

เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นลูกคนต่างด้าวชาวอามาเลข”

14 ดาวิดถามว่า “ทำไมเจ้าจึงกล้าทำลายผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งไว้?”

15 แล้วดาวิดสั่งคนของตนว่า “เอาเขาไปฆ่าเสีย!” คนของดาวิดก็ฆ่าเขา

16 เพราะดาวิดได้กล่าวแล้วว่า “เจ้าสมควรตาย เพราะเจ้าเองได้สารภาพว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งไว้’”

ดาวิดไว้อาลัยซาอูลและโยนาธาน

17 แล้วดาวิดคร่ำครวญไว้อาลัยแด่กษัตริย์ซาอูลกับโยนาธานราชโอรส

18 และบัญชาให้สอนบทคร่ำครวญนี้แก่ชนยูดาห์ (บันทึกไว้ในหนังสือแห่งยาชาร์) ความว่า

19 “โอ อิสราเอลเอ๋ย ศักดิ์ศรีของเจ้านอนสิ้นชีพอยู่บนที่สูงของเจ้า

วีรชนแกล้วกล้าล้มลงเสียแล้วหนอ!

20 “อย่าแจ้งข่าวนี้ในเมืองกัท

อย่าประกาศข่าวนี้ตามถนนหนทางในอัชเคโลน

หาไม่แล้วธิดาแห่งฟีลิสเตียจะกระหยิ่มยิ้มย่อง

หาไม่แล้วเหล่าบุตรีของผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตจะลิงโลดยินดี

21 “โอ ภูเขากิลโบอา

ขออย่าให้เจ้าได้รับฝนหรือหยาดน้ำค้าง

ขออย่าให้ท้องทุ่งเกิดธัญญาหารเพื่อเป็นเครื่องบูชา

เพราะที่นั่นโล่ของผู้เกรียงไกรถูกเหยียดหยาม

โล่ของซาอูลไม่ได้ชโลมด้วยน้ำมันอีกแล้ว

22 “ธนูของโยนาธานดื่มเลือดไม่หยุด

และกินเนื้อของผู้มีกำลัง

ดาบของซาอูล

ไม่กลับมาเปล่า

23 “ซาอูลและโยนาธาน

ยามอยู่ทรงเป็นที่รักและน่าชื่นชม

ยามสิ้นไม่ทรงพรากจากกัน

ทรงว่องไวกว่านกอินทรี

แข็งแกร่งกว่าราชสีห์

24 “โอ เหล่าธิดาแห่งอิสราเอล

จงร่ำไห้ให้กับซาอูล

ผู้ทรงแต่งกายให้เธอด้วยอาภรณ์สีแดงเข้มและสิ่งงดงาม

และตกแต่งอาภรณ์ของเธอด้วยเครื่องประดับทองคำ

25 “วีรชนแกล้วกล้าล้มลงกลางสมรภูมิ!

โยนาธานนอนสิ้นชีพอยู่บนที่สูงของเจ้า

26 โอ โยนาธาน พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าอาลัยถึงท่าน

ท่านเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้า

ความรักที่ท่านมีต่อข้าพเจ้านั้นล้ำเลิศ

ล้ำเลิศยิ่งกว่าความรักของสตรี

27 “วีรชนแกล้วกล้าล้มลงเสียแล้ว!

อาวุธยุทโธปกรณ์ก็พินาศไป!”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/1-f7df643055e35a15f6dd27dfd1d66a2a.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 2

เจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์

1 หลังจากนั้นดาวิดทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรกลับไปเมืองใดเมืองหนึ่งในยูดาห์หรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ไปเถิด”

ดาวิดทูลถามว่า “ข้าพระองค์ควรไปเมืองใด?”

พระองค์ตรัสตอบว่า “เมืองเฮโบรน”

2 ดาวิดจึงไปที่นั่นพร้อมกับภรรยาทั้งสองคน คืออาหิโนอัมแห่งยิสเรเอลกับอาบีกายิลภรรยาม่ายของนาบาลแห่งคารเมล

3 ดาวิดได้นำพรรคพวกและครอบครัวของแต่ละคนมาอาศัยที่เมืองเฮโบรนและที่หัวเมืองต่างๆ ด้วย

4 ชาวยูดาห์มาที่เฮโบรนและเจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์

เมื่อดาวิดทรงทราบว่าชาวเมืองยาเบชกิเลอาดได้จัดการฝังพระศพซาอูล

5 จึงทรงส่งผู้สื่อสารไปแจ้งคนเหล่านั้นว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านทั้งหลายที่ได้สำแดงความกรุณาต่อซาอูลนายของท่าน โดยจัดการฝังพระศพของพระองค์

6 บัดนี้ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงความกรุณาและความซื่อสัตย์ต่อท่าน ข้าพเจ้าเองก็จะเอื้ออารีต่อท่านเนื่องด้วยการกระทำครั้งนี้ของท่าน

7 บัดนี้จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิดเพราะซาอูลนายของท่านสิ้นพระชนม์แล้ว และชาวยูดาห์ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา”

สงครามระหว่างดาวิดกับวงศ์วานของซาอูล

8 ฝ่ายอับเนอร์บุตรเนอร์แม่ทัพของซาอูลได้พาอิชโบเชทโอรสของซาอูลไปยังเมืองมาหะนาอิม

9 และแต่งตั้งอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกิเลอาด อาชูร์ยิสเรเอล เอฟราอิม เบนยามิน และทั่วทั้งอิสราเอล

10 อิชโบเชทราชโอรสของซาอูลมีพระชนมายุสี่สิบพรรษาเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ทรงครองราชย์อยู่สองปี แต่ชนยูดาห์ติดตามดาวิด

11 ดาวิดเป็นกษัตริย์อยู่เหนือวงศ์วานยูดาห์ในเมืองเฮโบรนอยู่เจ็ดปีกับหกเดือน

12 อับเนอร์บุตรเนอร์กับคนของอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลออกจากมาหะนาอิมมายังกิเบโอน

13 ฝ่ายโยอาบบุตรนางเศรุยาห์และคนของดาวิดออกมาเผชิญหน้ากับพวกเขาที่สระกิเบโอน โดยอยู่กันคนละฟากของสระ

14 อับเนอร์จึงบอกโยอาบว่า “ให้ทหารมาประลองฝีมือกันต่อหน้าเราดีกว่า”

โยอาบตอบว่า “ตกลงให้พวกเขาสู้กัน”

15 ฉะนั้นฝ่ายเบนยามินและอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลจึงเลือกทหารมาสิบสองคนและฝ่ายดาวิดก็เลือกสิบสองคนเช่นกัน

16 แต่ละฝ่ายจับศีรษะของคู่ต่อสู้และเอาดาบสั้นแทงสีข้างของอีกฝ่าย ต่างก็ล้มตายด้วยกันทั้งคู่ สถานที่แห่งนั้นในกิเบโอนจึงได้ชื่อว่า เฮลขัทฮัสซูริม

17 ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอย่างดุเดือดในวันนั้น ผลปรากฏว่าอับเนอร์และคนอิสราเอลพ่ายแพ้คนของดาวิด

18 บุตรทั้งสามของนางเศรุยาห์คือ โยอาบ อาบีชัย และอาสาเฮลอยู่ที่นั่น อาสาเฮลนั้นฝีเท้าเร็วเหมือนละมั่ง

19 เขาวิ่งไล่อับเนอร์โดยไม่หันซ้ายหันขวา

20 อับเนอร์เหลียวมาเห็นก็ถามว่า “นั่นเจ้าหรืออาสาเฮล?”

อาสาเฮลตอบว่า “ใช่แล้ว”

21 อับเนอร์เตือนว่า “หันไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ เล่นงานคนอื่นแล้วปลดอาวุธเขาไปดีกว่า” แต่อาสาเฮลไม่ฟัง ยังคงวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ

22 อับเนอร์ตะโกนย้ำว่า “อย่าตามมาเลย! จะให้เราฆ่าเจ้าทำไม? เราจะไปสู้หน้าโยอาบพี่ชายของเจ้าได้อย่างไร?”

23 แต่อาสาเฮลยังคงวิ่งตาม อับเนอร์จึงใช้หอกแทงท้องอาสาเฮลทะลุหลัง เขาล้มลงตายคาที่ ทุกคนซึ่งมาถึงตรงที่อาสาเฮลนอนตายอยู่ก็ตะลึงงัน

24 แต่โยอาบกับอาบีชัยไล่ตามอับเนอร์ไป ดวงอาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า เมื่อเขามาถึงเนินเขาอัมมาห์ใกล้กียาห์ ตามเส้นทางไปสู่ถิ่นกันดารกิเบโอน

25 คนเบนยามินวิ่งตามหลังอับเนอร์มาและรวมพลตั้งแถวบนยอดเนินเขา

26 อับเนอร์ตะโกนลงไปบอกโยอาบว่า “เราจะต้องเข่นฆ่ากันตลอดไปหรือ? ท่านไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างเศร้าโศก? อีกนานแค่ไหนเจ้าถึงจะสั่งคนของเจ้าให้เลิกตามฆ่าพี่น้องกันเอง?”

27 โยอาบตะโกนกลับไปว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ถ้าท่านไม่ได้พูดขึ้นมา พวกเราคงตามล่าพี่น้องจนถึงพรุ่งนี้เช้าฉันนั้น”

28 แล้วโยอาบก็เป่าแตรเขาสัตว์ ทหารทั้งปวงจึงหยุดต่อสู้ หยุดไล่ตามฝ่ายอิสราเอล

29 ตลอดคืนนั้นอับเนอร์กับพรรคพวกเดินทางผ่านอาราบาห์ ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และเดินทางผ่านหุบเขาบิทโรนต่อไปจนถึงเมืองมาหะนาอิม

30 โยอาบก็เลิกตามล่าอับเนอร์และสั่งรวมพล นอกจากอาสาเฮลแล้วมีคนของดาวิดอีกเพียงสิบเก้าคนที่ขาดหายไป

31 แต่คนของดาวิดฆ่าคนเบนยามินที่อยู่กับอับเนอร์ไปถึงสามร้อยคน

32 พวกเขานำร่างของอาสาเฮลไปฝังไว้ในอุโมงค์ของบิดาเขาที่เบธเลเฮม จากนั้นโยอาบกับคนของเขาเดินทางตลอดคืนและมาถึงเมืองเฮโบรนเมื่อรุ่งสาง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/2-c00417e82adf5572af81a32b81b4b8ec.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 3

1 การสู้รบระหว่างฝ่ายวงศ์วานของซาอูลกับฝ่ายดาวิดยืดเยื้อเป็นเวลานาน ดาวิดทรงเข้มแข็งขึ้นทุกทีๆ ในขณะที่ฝ่ายวงศ์วานของซาอูลเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ

2 ราชโอรสของดาวิดที่ประสูติในเมืองเฮโบรน ได้แก่ อัมโนนราชโอรสหัวปี ประสูติจากนางอาหิโนอัมแห่งยิสเรเอล

3 องค์ที่สองคือ คิเลอาบบุตรนางอาบีกายิลภรรยาม่ายของนาบาลแห่งคารเมล

องค์ที่สามคือ อับซาโลมบุตรนางมาอาคาห์ราชธิดาของกษัตริย์ทัลมัยแห่งเกชูร์

4 องค์ที่สี่คือ อาโดนียาห์บุตรนางฮักกีท

องค์ที่ห้าคือ เชฟาทิยาห์บุตรนางอาบีตัล

5 และองค์ที่หกคือ อิทเรอัมบุตรนางเอกลาห์

ราชโอรสเหล่านี้ของดาวิดประสูติที่เมืองเฮโบรน

อับเนอร์มาอยู่ฝ่ายดาวิด

6 ขณะที่การสู้รบระหว่างฝ่ายวงศ์วานของซาอูลกับฝ่ายดาวิดดำเนินไป อับเนอร์ก็ขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ในฝ่ายวงศ์วานของซาอูล

7 ซาอูลมีสนมคนหนึ่งชื่อริสปาห์บุตรสาวของอัยยาห์ และอิชโบเชทตรัสถามอับเนอร์ว่า “เหตุใดท่านจึงหลับนอนกับสนมของเสด็จพ่อ?”

8 คำพูดนี้ทำให้อับเนอร์โกรธจัดจึงตอบว่า “ข้าพระบาทเป็นสุนัขรับใช้ยูดาห์หรือ? ข้าพระบาทยังคงจงรักภักดีต่อซาอูลราชบิดาของฝ่าพระบาท และราชวงศ์กับพระสหายมาจนถึงบัดนี้ ข้าพระบาทไม่ได้มอบฝ่าพระบาทให้กับดาวิด แต่บัดนี้ฝ่าพระบาททรงกล่าวหาข้าพระบาทด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้!

9 ขอพระเจ้าทรงจัดการกับข้าพระบาทอย่างสาหัส หากข้าพระบาทไม่ช่วยดาวิดให้ลุล่วงตามพระสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณไว้กับเขา

10 และย้ายอาณาจักรจากราชวงศ์ซาอูล มาสถาปนาราชบัลลังก์ดาวิดขึ้นเหนืออิสราเอลและยูดาห์ จากดานจดเบเออร์เชบา”

11 อิชโบเชททรงไม่กล้าโต้ตอบประการใดเพราะกลัวอับเนอร์

12 แล้วอับเนอร์ส่งตัวแทนไปทูลดาวิดว่า “แผ่นดินนี้เป็นของใคร? หากทรงทำข้อตกลงกับข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จะช่วยนำอิสราเอลทั้งหมดมาสวามิภักดิ์ต่อฝ่าพระบาท”

13 ดาวิดตรัสว่า “ดี เราจะทำข้อตกลงกับท่าน แต่มีข้อแม้ว่าท่านต้องนำตัวมีคาลราชธิดาของซาอูลมาด้วยเมื่อท่านมาพบเรา”

14 แล้วดาวิดจึงทรงใช้ผู้สื่อสารไปทูลเรียกร้องกับอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลว่า “จงคืนตัวมีคาลมเหสีของเรา ซึ่งเราได้ใช้หนังปลายองคชาติของชาวฟีลิสเตียร้อยคนสู่ขอนางมา”

15 อิชโบเชทจึงตรัสสั่งให้ชิงตัวมีคาลจากสามีของนางคือปัลทีเอลบุตรลาอิช

16 ปัลทีเอลเดินตามนางมาจนถึงบาฮูริมและร้องไห้มาตลอดทาง อับเนอร์จึงกล่าวแก่เขาว่า “กลับบ้านไป!” เขาก็กลับ

17 อับเนอร์เกลี้ยกล่อมบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลว่า “พวกท่านก็อยากให้ดาวิดเป็นกษัตริย์มาตั้งนานแล้ว

18 ก็จงทำเดี๋ยวนี้! เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญากับดาวิดไว้ว่า ‘ดาวิดนี่แหละคือผู้ที่เราจะใช้ให้กอบกู้ประชากรอิสราเอลของเราจากมือชาวฟีลิสเตียและจากศัตรูทั้งปวง’ ”

19 อับเนอร์ยังได้พูดกับชนตระกูลเบนยามินด้วย แล้วเขาก็เดินทางมายังเมืองเฮโบรนเพื่อทูลทุกสิ่งทุกอย่างที่อิสราเอลและตระกูลเบนยามินต้องการจะทำแก่ดาวิด

20 เมื่ออับเนอร์พร้อมคนยี่สิบคนมาเข้าเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรน ดาวิดทรงจัดงานเลี้ยงให้เขาเหล่านั้น

21 อับเนอร์จึงทูลดาวิดว่า “ข้าพระบาทจะไปรวบรวมอิสราเอลทั้งหมดมาเพื่อฝ่าพระบาท พวกเขาจะได้ถวายสัตยาบัน และฝ่าพระบาทจะได้ทรงปกครองทุกคนตามชอบพระทัย” ดาวิดจึงทรงส่งอับเนอร์กลับไปโดยสวัสดิภาพ

โยอาบสังหารอับเนอร์

22 ขณะนั้นโยอาบและคนของดาวิดเพิ่งกลับจากการปล้น และนำข้าวของมากมายที่ริบได้กลับมาด้วย แต่อับเนอร์ไม่ได้อยู่กับดาวิดที่เมืองเฮโบรนแล้วเพราะดาวิดทรงส่งเขากลับไปอย่างสันติ

23 เมื่อโยอาบและทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขามาถึง โยอาบก็รู้ว่าอับเนอร์บุตรเนอร์เพิ่งมาเข้าเฝ้ากษัตริย์แล้วถูกส่งกลับไปอย่างสันติ

24 โยอาบก็เข้าเฝ้าดาวิดและทูลว่า “เหตุใดฝ่าพระบาททรงทำอย่างนี้? ดูเถิด อับเนอร์มาถึงแล้ว แต่ทรงปล่อยเขาไปได้อย่างไร? ตอนนี้เขาก็ไปแล้ว!

25 ฝ่าพระบาทก็ทรงทราบอยู่แล้วว่าเขามาสืบดูลาดเลาเพื่อจะวางแผนและกลับมาเล่นงานเรา”

26 โยอาบจึงทูลลาแล้วส่งคนตามอับเนอร์ไปทันที่บ่อสีราห์ อับเนอร์ก็กลับมาพร้อมกับพวกนั้นแต่ดาวิดไม่ทรงทราบเรื่องนี้

27 เมื่ออับเนอร์มาถึงเมืองเฮโบรน โยอาบดึงตัวเขามาข้างประตูเมือง ทำเหมือนมีเรื่องจะคุยเป็นการส่วนตัว แต่แล้วโยอาบก็แทงท้องอับเนอร์ตาย เป็นการแก้แค้นแทนอาสาเฮลน้องชายของตน

28 เมื่อดาวิดทรงทราบเรื่องจึงตรัสว่า “ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเรากับอาณาจักรของเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการตายของอับเนอร์บุตรเนอร์

29 ขอให้ความผิดครั้งนี้ตกแก่โยอาบและวงศ์ตระกูลของเขา! ขอให้วงศ์ตระกูลของเขามีคนที่เป็นแผลพุพองหรือโรคเรื้อนพิกลพิการ ตายด้วยความอดอยาก หรือล้มตายด้วยสงครามเสมอ”

30 (โยอาบและอาบีชัยน้องชายของเขาได้สังหารอับเนอร์เพราะเขาได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในการต่อสู้ที่กิเบโอน)

31 ดาวิดตรัสกับโยอาบและพรรคพวกที่อยู่ด้วยว่า “จงฉีกเสี้อผ้า สวมชุดผ้ากระสอบ และไว้ทุกข์ให้อับเนอร์” กษัตริย์ดาวิดเองทรงติดตามขบวนแห่ศพไปยังสุสาน

32 ศพของอับเนอร์ถูกฝังไว้ที่เมืองเฮโบรน กษัตริย์ทรงร่ำไห้เสียงดังตรงที่ฝังศพ ประชากรทั้งปวงก็ร่ำไห้ด้วย

33 ดาวิดทรงขับร้องบทคร่ำครวญสำหรับอับเนอร์ว่า

“ควรหรือที่อับเนอร์ต้องมาตายเยี่ยงคนเถื่อน?

34 มือของท่านไม่ได้ถูกมัด

เท้าของท่านไม่ได้ถูกจองจำ

ท่านล้มลงดั่งผู้ที่ล้มต่อหน้าคนชั่ว”

ประชากรทั้งปวงก็ร่ำไห้ให้กับอับเนอร์อีกครั้ง

35 แล้วพวกเขามาทูลดาวิดให้ทรงยอมเสวยพระกระยาหารบ้างขณะที่ยังกลางวันอยู่ แต่ดาวิดตรัสสาบานว่า “ขอพระเจ้าทรงจัดการกับเราอย่างหนัก หากเรากินขนมปังหรือสิ่งอื่นใดก่อนดวงอาทิตย์ลับฟ้า!”

36 การทำเช่นนี้เป็นที่ชื่นชอบแก่ประชาชนอย่างยิ่ง อันที่จริงพวกเขาชื่นชอบทั้งนั้นไม่ว่ากษัตริย์จะทำสิ่งใด

37 ในวันนั้นประชาชนทั้งหมดและชนอิสราเอลทั้งปวงจึงทราบว่าดาวิดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการสังหารอับเนอร์บุตรเนอร์เลย

38 แล้วกษัตริย์ดาวิดตรัสกับคนของพระองค์ว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าในวันนี้คนสำคัญและผู้นำที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้สิ้นชีพแล้วในอิสราเอล?

39 และวันนี้ถึงแม้เราจะเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้ เราก็อ่อนแอ และบุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์นี้ก็แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบสนองคนชั่วที่ได้ทำการชั่วเถิด!”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/3-748e9d3b86e0ef97f7f87444e71a2370.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 4

อิชโบเชทถูกปลงพระชนม์

1 เมื่ออิชโบเชทราชโอรสของซาอูลทรงทราบว่าอับเนอร์เสียชีวิตที่เมืองเฮโบรนก็ทรงหวาดหวั่น และชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ตื่นตกใจ

2 อิชโบเชทมีหัวหน้ากองโจรสองคน คือบาอานาห์และเรคาบ ทั้งสองเป็นบุตรของริมโมนเผ่าเบนยามินแห่งเมืองเบเอโรท ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเบนยามิน

3 เพราะชาวเบเอโรทหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองกิททาอิมในฐานะคนต่างถิ่นตราบจนทุกวันนี้

4 (โยนาธานราชโอรสของซาอูลมีบุตรชายคนหนึ่งซึ่งขาพิการทั้งสองข้าง เพราะขณะที่เด็กนั้นอายุห้าขวบ มีคนนำข่าวซาอูลกับโยนาธานจากยิสเรเอลมาแจ้ง พี่เลี้ยงจึงอุ้มขึ้นและพาหนี แต่ด้วยความรีบเด็กนั้นจึงตกลงมาและเป็นง่อย เขาชื่อว่า เมฟีโบเชท)

5 ฝ่ายเรคาบและบาอานาห์ บุตรของริมโมนชาวเมืองเบเอโรทออกเดินทางมายังตำหนักของอิชโบเชทและมาถึงในเวลาใกล้เที่ยง ขณะอิชโบเชทกำลังบรรทมพักเที่ยง

6 ทั้งสองเข้าไปยังส่วนในของตำหนักและทำทีว่าจะเข้าไปเอาข้าวสาลี แล้วพวกเขาก็แทงที่ท้องของอิชโบเชท จากนั้นเรคาบกับบาอานาห์ก็หนีไป

7 ทั้งสองเข้าไปในตำหนักขณะอิชโบเชทบรรทมอยู่บนพระแท่นในห้องบรรทม หลังจากพวกเขาจ้วงแทงและปลงพระชนม์แล้ว ก็ตัดพระเศียรและหิ้วหนีมาตลอดคืนตามเส้นทางอาราบาห์

8 เขานำพระเศียรอิชโบเชทมาเข้าเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรน และกราบทูลว่า “นี่คือศีรษะของอิชโบเชทราชโอรสของซาอูล ศัตรูผู้พยายามตามฆ่าฝ่าพระบาท วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแก้แค้นต่อซาอูลและลูกหลานของเขาเพื่อฝ่าพระบาทแล้ว”

9 ดาวิดตรัสตอบเรคาบและบาอานาห์สองพี่น้องซึ่งเป็นบุตรของริมโมนชาวเมืองเบเอโรทว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกอบกู้เราพ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวงนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด

10 เมื่อมีคนมาบอกเราว่า ‘กษัตริย์ซาอูลสิ้นพระชนม์แล้ว’ โดยหลงคิดว่าเอาข่าวดีมาบอกเรา เราก็ได้จับฆ่าในศิกลากฉันนั้น นั่นเป็นบำเหน็จที่เราให้สำหรับข่าวของเขา

11 ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดเราจะตอบแทนอย่างสาสมกับคนสารเลวที่ลอบฆ่าคนบริสุทธิ์ถึงในบ้านทั้งๆ ที่เขายังหลับอยู่บนเตียง เราไม่ควรเอาชีวิตเจ้ามาทดแทนและกำจัดเจ้าออกจากแผ่นดินหรือ!”

12 แล้วดาวิดจึงตรัสสั่งทหารให้ฆ่าเรคาบกับบาอานาห์ ตัดมือและเท้าของคนทั้งสองออกมา เอาร่างแขวนไว้ข้างสระในเมืองเฮโบรน แต่พวกเขาก็นำพระเศียรของอิชโบเชทไปฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของอับเนอร์ที่เมืองเฮโบรน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/4-e952504eedd7d438b2e855b4675105dc.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 5

ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

1 ชนอิสราเอลทุกเผ่ามาเข้าเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรน และทูลว่า “ข้าพระบาททั้งหลายเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตของฝ่าพระบาท

2 ตั้งแต่ในรัชกาลของกษัตริย์ซาอูล ฝ่าพระบาทก็ทรงเป็นผู้นำอิสราเอลในการรบองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับฝ่าพระบาทไว้ว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดูและเป็นผู้ปกครองอิสราเอลประชากรของเรา’ ”

3 เมื่อผู้อาวุโสทั้งปวงของอิสราเอลมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน กษัตริย์ทรงทำสัญญากับพวกเขาที่นั่นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและพวกเขาเจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

4 เมื่อดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ทรงมีพระชนมายุสามสิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่สี่สิบปี

5 พระองค์ทรงปกครองเหนือยูดาห์เจ็ดปีหกเดือนที่เมืองเฮโบรน และปกครองเหนืออิสราเอลกับยูดาห์ทั้งหมดสามสิบสามปีที่กรุงเยรูซาเล็ม

ดาวิดพิชิตเยรูซาเล็ม

6 ดาวิดและกองทหารเดินทัพไปยังเยรูซาเล็มเพื่อรบกับชาวเยบุสซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น คนเหล่านั้นบอกกับดาวิดว่า “เจ้าเข้ามาในนี้ไม่ได้หรอก แม้แต่คนตาบอดและคนง่อยก็ยังโยนเจ้าออกไปได้” พวกเขาคิดว่า “ดาวิดไม่อาจบุกเข้าไปได้”

7 แต่ดาวิดก็ยึดป้อมแห่งศิโยนเมืองดาวิดได้

8 ในวันนั้นดาวิดตรัสว่า “ใครก็ตามที่จะพิชิตพวกเยบุสได้จะต้องเข้าไปทางอุโมงค์ส่งน้ำ เพื่อบุกเข้าประชิดตัวและฆ่า ‘พวกคนตาบอดและคนง่อย’ ซึ่งเป็นศัตรูของดาวิด” นี่เป็นเหตุให้ผู้คนพูดกันว่า “ ‘คนตาบอดกับคนง่อย’ จะไม่ได้เข้าไปในวัง”

9 ดาวิดจึงประทับอยู่ในป้อมปราการนั้น และขนานนามว่า “เมืองดาวิด” พระองค์ทรงสร้างเมืองรอบๆ ตั้งแต่มิลโลเข้าไปข้างใน

10 ดาวิดเริ่มยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์สถิตอยู่ด้วย

11 ฝ่ายกษัตริย์ฮีรามแห่งไทระได้ส่งผู้สื่อสารมาเข้าเฝ้าดาวิดพร้อมทั้งซุงไม้สนซีดาร์ และช่างไม้กับช่างก่อมาสร้างพระราชวังของดาวิด

12 ดาวิดทรงตระหนักว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาเขาเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และทรงเชิดชูอาณาจักรของเขา ก็เพื่อเห็นแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์

13 หลังจากที่ย้ายจากเมืองเฮโบรนมาประทับที่กรุงเยรูซาเล็ม ดาวิดได้อภิเษกสมรสกับมเหสีองค์อื่นๆ และมีสนมหลายคน มีราชโอรสราชธิดาเพิ่มอีกหลายองค์

14 ราชโอรสซึ่งประสูติที่กรุงเยรูซาเล็มได้แก่ ชัมมุอา โชบับ นาธัน โซโลมอน

15 อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย

16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท

ดาวิดพิชิตฟีลิสเตีย

17 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ก็ระดมพลทั้งหมดมาตามหาดาวิด แต่ดาวิดทรงทราบเรื่องจึงเสด็จเข้าในที่มั่น

18 ครั้นชาวฟีลิสเตียมาถึงก็กระจายพลทั่วหุบเขาเรฟาอิม

19 ดาวิดจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรออกไปโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของข้าพระองค์หรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด เพราะเราจะมอบพวกฟีลิสเตียให้เจ้าแน่นอน”

20 ดาวิดจึงบุกเข้าโจมตีทัพฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและมีชัยชนะ ดาวิดตรัสว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงถาโถมเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าดั่งสายน้ำเชี่ยว” ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า บาอัลเปราซิม

21 ครั้งนั้นดาวิดและกองทหารยึดเทวรูปซึ่งชาวฟีลิสเตียทิ้งไว้ได้มากมาย

22 แต่ชาวฟีลิสเตียกลับมาอีก และกระจายกำลังทั่วหุบเขาเรฟาอิม

23 ดาวิดจึงทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ตรัสว่า “อย่าบุกโจมตีทางด้านหน้า แต่จงโอบล้อมด้านหลัง แล้วรุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าของหมู่ต้นยางสน

24 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงย่ำเท้าบนยอดต้นยางสน จงบุกเข้าไปโดยเร็ว เพราะเป็นสัญญาณว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเล่นงานกองทัพฟีลิสเตียแล้ว”

25 ดังนั้นดาวิดก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง และทำลายล้างชาวฟีลิสเตียตลอดทางตั้งแต่เมืองกิเบโอนจนถึงเมืองเกเซอร์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/5-601af9ae4657dcbd6797ee3f8f95d6f3.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 6

ดาวิดอัญเชิญหีบพันธสัญญามายังเยรูซาเล็ม

1 แล้วดาวิดนำพลอิสราเอลที่เลือกสรรแล้วสามหมื่นคน

2 ไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าซึ่งเรียกตามพระนามคือ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ประทับระหว่างเครูบบนหีบนั้น

3 พวกเขาตั้งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าบนเกวียนใหม่ และนำลงมาจากบ้านของอาบีนาดับซึ่งอยู่บนภูเขา โดยมีอุสซาห์กับอาหิโยบุตรอาบีนาดับเป็นผู้นำเกวียน

4 ที่บรรทุกหีบพันธสัญญาของพระเจ้าและอาหิโยเดินนำหน้า

5 ดาวิดและปวงชนอิสราเอลเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามีการขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา กรับและฉาบ

6 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของนาโคน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกไปยึดหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไว้

7 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ และทรงประหารเขาที่บังอาจทำอย่างไม่ยำเกรงพระองค์ เขาตายอยู่ข้างหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

8 ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์จวบจนบัดนี้

9 ในวันนั้นดาวิดรู้สึกเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับบ้านได้อย่างไร?”

10 ฉะนั้นจึงทรงดำริไม่นำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับมายังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมแห่งกัท

11 หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือนองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรแก่โอเบดเอโดมแห่งกัทและทุกคนในครัวเรือน

12 มีคนมาทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครอบครัวโอเบดเอโดมและทุกสิ่งที่เขามีเนื่องด้วยหีบพันธสัญญาของพระเจ้า” ดังนั้นดาวิดจึงเสด็จไปอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของโอเบดเอโดมมายังเมืองดาวิดด้วยความยินดี

13 เมื่อผู้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเดินไปได้หกก้าว ดาวิดก็ถวายวัวผู้หนึ่งตัวและลูกวัวขุนหนึ่งตัว

14 ดาวิดทรงสวมเอโฟดลินิน เต้นรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดกำลัง

15 ดาวิดและอิสราเอลทั้งปวงอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงแตร

16 ขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านเข้ามาในเมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลมองจากหน้าต่างเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงโลดเต้นและร่ายรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าก็นึกดูแคลนอยู่ในใจ

17 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาตั้งไว้ในเต็นท์ซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ แล้วดาวิดถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

18 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอำนวยพรแก่ประชากรในพระนามของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

19 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่ทุกคนทั้งชายและหญิง แล้วประชาชนทั้งปวงพากันกลับบ้าน

20 ส่วนดาวิดเสด็จกลับวังมาอวยพรแก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ แต่มีคาลราชธิดาของซาอูลออกมารับเสด็จ และตรัสว่า “วันนี้กษัตริย์แห่งอิสราเอลสง่าภาคภูมิจริงนะ ทรงเปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าทาสหญิงเหมือนคนถ่อยไร้ยางอาย!”

21 ดาวิดตรัสว่า “เราทำเช่นนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเลือกและแต่งตั้งเราให้เป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอลประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแทนที่จะเลือกราชบิดาของเจ้าหรือคนใดคนหนึ่งในวงศ์ตระกูลของเขา ดังนั้นเราจะเฉลิมฉลองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

22 แม้ว่าเราจะดูไร้เกียรติมากกว่านี้และดูด้อยค่าในสายตาของเราเอง แต่พวกทาสหญิงที่เจ้าเอ่ยมาก็จะยังคงให้เกียรติเรา”

23 และมีคาลราชธิดาของซาอูลก็ไม่มีราชโอรสราชธิดาเลยตลอดชีวิต

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/6-34f4497b8629fc13f17203744edc4206.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 7

คำสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิด

1 หลังจากกษัตริย์ดาวิดเข้าประทับในพระราชวัง และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานการพักสงบจากศัตรูรอบด้านแล้ว

2 ดาวิดตรัสกับผู้เผยพระวจนะนาธันว่า “ดูเถิด เราอยู่ในวังไม้สนซีดาร์ ในขณะที่หีบพันธสัญญาของพระเจ้ายังคงอยู่ในเต็นท์”

3 นาธันทูลว่า “ขอทรงทำตามพระดำริของฝ่าพระบาทเถิดเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับฝ่าพระบาท”

4 ในคืนนั้น มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงนาธันความว่า

5 “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะเป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่หรือ?

6 เราไม่เคยอยู่ในวิหารเลยนับตั้งแต่เรานำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์จวบจนทุกวันนี้ เราย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยมีเต็นท์เป็นที่สถิต

7 ไม่ว่าเราไปที่ไหนกับชนอิสราเอล เราเคยออกปากกับผู้ปกครองคนใดซึ่งเราสั่งให้เลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเราหรือว่า “ทำไมไม่สร้างวิหารด้วยไม้สนซีดาร์ให้เรา?” ’

8 “บัดนี้จงบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เราพาเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการต้อนฝูงแกะมาปกครองอิสราเอลประชากรของเรา

9 เราอยู่กับเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน และเราทำลายศัตรูทั้งปวงของเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเจ้า บัดนี้เราจะทำให้นามของเจ้าเลื่องลือไปเหมือนนามบุคคลสำคัญทั้งหลายของโลก

10 และเราจัดเตรียมที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเราตั้งรกราก เพื่อเขาจะมีบ้านเรือนเป็นของตนเองและไม่ต้องถูกรบกวนอีก คนชั่วจะไม่มาข่มเหงรังแกพวกเขาอย่างที่เคยทำอีกต่อไป

11 และเป็นอย่างนั้นเรื่อยมานับตั้งแต่เราได้แต่งตั้งผู้นำทั้งหลายให้ปกครองอิสราเอล เรายังจะให้เจ้าพักสงบจากศัตรูทั้งปวงอีกด้วย

“ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศต่อเจ้าว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะทรงสถาปนาวงศ์วานหนึ่งเพื่อเจ้า

12 เมื่อเจ้าหมดอายุขัยและล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะตั้งบุตรชายคนหนึ่งของเจ้าขึ้นครองราชย์ต่อจากเจ้า เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเอง เราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา

13 เขาจะเป็นผู้สร้างวิหารเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์แห่งอาณาจักรของเขาตลอดกาล

14 เราจะเป็นบิดาของเขาและเขาจะเป็นบุตรของเรา เมื่อเขาทำผิด เราจะใช้มนุษย์เป็นไม้เรียวลงโทษเขา โดยให้มนุษย์เฆี่ยนตีเขา

15 แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเขา ไม่เหมือนที่เราพรากเอาไปจากซาอูลผู้ซึ่งเราถอดถอนออกไปต่อหน้าเจ้า

16 วงศ์ตระกูลและอาณาจักรของเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปต่อหน้าเราบัลลังก์ของเจ้าจะยั่งยืนเป็นนิตย์’ ”

17 นาธันจึงกราบทูลพระดำรัสทั้งสิ้นที่ทรงเปิดเผยนี้ให้ดาวิดทราบ

คำอธิษฐานของดาวิด

18 จากนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงเสด็จเข้าไปประทับนั่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและทูลว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า วงศ์ตระกูลของข้าพระองค์เป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาถึงเพียงนี้?

19 และไม่เพียงเท่านี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์ยังตรัสถึงอนาคตของวงศ์วานผู้รับใช้ของพระองค์ ทรงกรุณาต่อมนุษย์เช่นนี้เสมอๆ หรือ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต?

20 “ดาวิดจะกราบทูลอะไรมากไปกว่านี้ได้? เพราะพระองค์ทรงรู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

21 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้และให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้รับใช้เพราะเห็นแก่พระวจนะของพระองค์ และตามพระประสงค์ของพระองค์

22 “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์ทรงยิ่งใหญ่นัก! เท่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมากับหู ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์

23 และมีชนชาติใดเล่าทั่วพิภพที่เสมอเหมือนอิสราเอลประชากรของพระองค์ ที่พระเจ้าเสด็จมาไถ่เขาในฐานะประชากรเพื่อพระองค์เอง และเพื่อนำเกียรติยศมาสู่พระนามของพระองค์ ทรงกระทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม โดยขับไล่ประชาชาติต่างๆ และพระของพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าประชากรของพระองค์ซึ่งทรงไถ่ออกจากอียิปต์

24 พระองค์ทรงตั้งอิสราเอลเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เองตลอดนิรันดร์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา

25 “และบัดนี้ ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ขอทรงกระทำตามพระสัญญาเกี่ยวกับผู้รับใช้และวงศ์วานตลอดไป

26 เพื่อพระนามของพระองค์จะยิ่งใหญ่นิรันดร แล้วคนทั้งหลายจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์คือพระเจ้าแห่งอิสราเอล!’ และวงศ์วานดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าพระองค์

27 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ได้ทรงเปิดเผยสิ่งนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และทรงตรัสว่า ‘เราจะสถาปนาวงศ์วานหนึ่งเพื่อเจ้า’ ดังนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าทูลอธิษฐานเช่นนี้

28 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า! พระดำรัสของพระองค์เชื่อถือได้ และพระองค์ทรงสัญญาจะประทานสิ่งดีเหล่านี้ให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์

29 บัดนี้ขอทรงโปรดอวยพรวงศ์วานผู้รับใช้ของพระองค์ให้ยืนยงตลอดไปในสายพระเนตรของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้ตรัสไว้เช่นนั้น ขอให้วงศ์วานผู้รับใช้ของพระองค์ได้รับการอวยพรจากพระองค์ตลอดกาลนานเถิด”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/7-84cbc41b8c42ce3edd7de26f43563378.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 8

ชัยชนะของดาวิด

1 ต่อมาดาวิดทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียอย่างราบคาบ พระองค์ยึดเมืองเมเธกอัมมาห์จากฟีลิสเตีย

2 ดาวิดยังได้ทรงพิชิตชาวโมอับ จับเชลยนอนเรียงแถวบนพื้นแล้ววัดด้วยสายวัด ทุกๆ สองช่วงของสายวัดเชลยที่นอนอยู่ในสองช่วงนั้นจะถูกประหาร และจะไว้ชีวิตเชลยที่อยู่ในช่วงที่สาม ชาวโมอับจึงขึ้นแก่ดาวิดและต้องส่งเครื่องบรรณาการ

3 ยิ่งกว่านั้นดาวิดยังทรงสู้รบกับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์ เมื่อฮาดัดเอเซอร์เสด็จไปกู้อำนาจคืนในแถบแม่น้ำยูเฟรติส

4 ดาวิดทรงยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน พลรถรบเจ็ดพันคนและทหารราบสองหมื่นคน ทรงตัดเอ็นขาม้าศึกทั้งหมด ยกเว้นม้าสำหรับเทียมรถหนึ่งร้อยตัว

5 เมื่อชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงสังหารพวกเขาไป 22,000 คน

6 ทรงวางกำลังทหารไว้ในอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัส และชาวอารัมก็ขึ้นกับดาวิด และต้องส่งบรรณาการมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

7 ดาวิดทรงนำโล่ทองคำของบรรดานายทหารของฮาดัดเอเซอร์มายังกรุงเยรูซาเล็ม

8 กษัตริย์ดาวิดยังได้นำทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลจากเมืองเทบาห์และจากเมืองเบโรธัยของฮาดัดเอเซอร์มาด้วย

9 เมื่อกษัตริย์โทอูแห่งเมืองฮามัทได้ข่าวว่าดาวิดทรงรบชนะทั้งกองทัพของฮาดัดเอเซอร์

10 ก็ส่งโยรัมราชโอรสมาถวายคำนับกษัตริย์ดาวิดและร่วมยินดีในชัยชนะเหนือฮาดัดเอเซอร์ เพราะฮาดัดเอเซอร์และโทอูเป็นศัตรูขับเคี่ยวกันมา โยรัมนำเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องทองสัมฤทธิ์มาถวายด้วย

11 กษัตริย์ดาวิดทรงถวายสิ่งเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับเงินและทองซึ่งริบจากชนชาติต่างๆ ที่ดาวิดพิชิตคือ

12 เอโดมโมอับ อัมโมน ฟีลิสเตีย และอามาเลข ตลอดจนของเชลยที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์ราชโอรสของกษัตริย์เรโหบแห่งโศบาห์

13 และหลังจากที่ดาวิดทรงประหารชาวเอโดมที่หุบเขาเกลือไป 18,000 คน ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดัง

14 ดาวิดทรงวางกำลังทหารไว้ในเอโดม และชาวเอโดมทั้งปวงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

ข้าราชบริพารของดาวิด

15 ดาวิดทรงปกครองทั่วแดนอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมเพื่อปวงประชากรของพระองค์

16 โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง

17 ศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรอาห์เป็นราชเลขา

18 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาดูแลพวกเคเรธีและคนเปเลท และบรรดาโอรสของดาวิดเป็นราชมนตรี

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/8-ca6452bc9921c60f98b64b5db5bc312a.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 9

ดาวิดและเมฟีโบเชท

1 ดาวิดตรัสถามว่า “มีสมาชิกคนใดในราชวงศ์ซาอูลที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างหรือไม่? เราจะได้แสดงน้ำใจต่อเขาเพื่อเห็นแก่โยนาธาน”

2 ขณะนั้นยังมีข้าราชบริพารคนหนึ่งของซาอูลชื่อศิบา เขาจึงถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้าและดาวิดตรัสกับเขาว่า “เจ้าคือศิบาหรือ?”

เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า”

3 ดาวิดตรัสถามว่า “ในราชวงศ์ของซาอูลมีใครเหลืออยู่บ้างไหม? เราจะได้แสดงความกรุณาของพระเจ้าต่อเขา”

ศิบาทูลว่า “บุตรชายของโยนาธานยังมีชีวิตอยู่ เท้าทั้งสองข้างของเขาเป็นง่อย”

4 กษัตริย์ตรัสถามว่า “เขาอยู่ที่ไหน?”

ศิบาทูลตอบว่า “เขาอยู่ที่บ้านของมาคีร์บุตรอัมมีเอลในเมืองโลเดบาร์”

5 กษัตริย์ดาวิดจึงทรงให้รับตัวเขามาจากโลเดบาร์ จากบ้านมาคีร์บุตรอัมมีเอล

6 เมื่อเมฟีโบเชทบุตรโยนาธานราชโอรสของซาอูลมาเข้าเฝ้าดาวิด ก็กราบลงถวายความเคารพ

ดาวิดตรัสว่า “เมฟีโบเชทเอ๋ย!”

เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า”

7 ดาวิดตรัสกับเขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราจะแสดงความเมตตากรุณาต่อเจ้าโดยเห็นแก่โยนาธานบิดาของเจ้าอย่างแน่นอน เราจะคืนที่ดินทั้งหมดของซาอูลปู่ของเจ้าให้กับเจ้า และเจ้าจะมานั่งร่วมโต๊ะกับเราเสมอ”

8 เมฟีโบเชทกราบลง แล้วทูลว่า “ควรหรือที่สุนัขตายเช่นข้าพระบาทจะได้รับพระกรุณาจากฝ่าพระบาท?”

9 ดาวิดจึงเรียกตัวศิบาข้าราชบริพารของซาอูลมาและตรัสกับเขาว่า “เราได้ยกข้าวของทุกอย่างที่เป็นของซาอูลและราชวงศ์ให้แก่หลานของนายเจ้า

10 ตัวเจ้ากับลูกๆ และคนรับใช้ จงทำไร่ไถนาให้เขาและนำพืชผลมาเพื่อเลี้ยงดูหลานของนายเจ้า และเมฟีโบเชทหลานของนายเจ้าจะร่วมโต๊ะกับเราเสมอ” (ฝ่ายศิบามีลูกชายสิบห้าคนและคนรับใช้ยี่สิบคน)

11 ศิบาก็ทูลว่า “ข้าพระบาทจะทำทุกอย่างตามพระบัญชา” ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงร่วมโต๊ะเสวยกับดาวิดเหมือนเป็นราชโอรสองค์หนึ่งของกษัตริย์

12 เมฟีโบเชทมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อมีคา ทุกคนในครัวเรือนของศิบาเป็นคนรับใช้ของเมฟีโบเชท

13 เมฟีโบเชทอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเขาต้องร่วมโต๊ะเสวยเป็นประจำ และเพราะเท้าทั้งสองข้างของเขาพิการ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/9-c468425eb974028b53327e77ba8edeca.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 10

ดาวิดพิชิตชาวอัมโมน

1 ต่อมากษัตริย์นาหาชแห่งอัมโมนสิ้นพระชนม์ และฮานูนราชโอรสขึ้นครองราชย์แทน

2 ดาวิดทรงรำพึงว่า “เราจะแสดงความกรุณาต่อฮานูนบุตรนาหาชเหมือนที่บิดาของเขาเคยแสดงความกรุณาต่อเรา” ดาวิดจึงทรงส่งทูตไปแสดงความเสียใจต่อฮานูนที่สูญเสียราชบิดา

แต่เมื่อคนของดาวิดมายังดินแดนอัมโมน

3 พวกขุนนางของฮานูนทูลกษัตริย์ของตนว่า “ฝ่าพระบาททรงคิดว่าดาวิดให้เกียรติแก่ราชบิดาของฝ่าพระบาทโดยส่งคนเหล่านี้มาแสดงความเห็นใจต่อฝ่าพระบาทหรือ? ดาวิดส่งพวกเขามาสอดแนมดูลาดเลาก่อนเข้าโจมตีไม่ใช่หรือ?”

4 ดังนั้นฮานูนจึงจับคนของดาวิดโกนเคราออกครึ่งหนึ่ง และตัดเสื้อผ้าตรงสะโพกออกแล้วปล่อยไป

5 เมื่อดาวิดทรงทราบก็ส่งผู้สื่อสารไปพบคนเหล่านั้นเพราะพวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก กษัตริย์ตรัสว่า “จงพักอยู่ที่เยรีโคจนกว่าเคราจะขึ้นดังเดิมแล้วค่อยกลับมา”

6 ถึงตอนนี้ชาวอัมโมนตระหนักดีว่าได้ยั่วยุดาวิดอย่างร้ายแรงเพียงใด พวกเขาจึงจ้างทหารราบชาวอารัมจากเบธเรโหบและโศบาห์ 20,000 คน จากกษัตริย์เมืองมาอาคาห์ 1,000 คน และจากเมืองโทบ 12,000 คน

7 เมื่อดาวิดทรงทราบเช่นนั้น ก็ส่งโยอาบและกองทัพอิสราเอลทั้งหมดไป

8 คนอัมโมนออกมาตั้งแนวรบที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่ชาวอารัมจากโศบาห์ เรโหบ โทบ และมาอาคาห์อยู่ในที่โล่งนอกเมือง

9 โยอาบเห็นว่ากองกำลังของศัตรูตั้งแนวรบอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ก็จัดกำลังทหารฝีมือดีที่สุดของอิสราเอลส่วนหนึ่งไปรับมือชาวอารัม

10 โยอาบให้ทหารส่วนที่เหลืออยู่ภายใต้การบัญชาการของอาบีชัยน้องชายของเขา และจัดทัพเคลื่อนออกไปรับมือกับชาวอัมโมน

11 โยอาบกล่าวว่า “ถ้าพวกอารัมแข็งแกร่งเกินกำลังของเรา เจ้าจงมาช่วยเรา แต่ถ้าพวกอัมโมนแข็งแกร่งเกินกำลังของเจ้า เราจะไปช่วยเจ้า

12 จงเข้มแข็งและให้เราต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อพี่น้องร่วมชาติของเราและเพื่อนครแห่งพระเจ้าของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำตามที่ทรงเห็นชอบ”

13 แล้วโยอาบกับกองทหารก็บุกเข้าโจมตี ชาวอารัมก็ถอยหนี

14 เมื่อชาวอัมโมนเห็นชาวอารัมล่าถอย พวกเขาก็ถอยหนีจากอาบีชัยเข้าไปในเมือง โยอาบจึงกลับจากการสู้รบกับชาวอัมโมนและมายังกรุงเยรูซาเล็ม

15 หลังจากชาวอารัมเห็นว่าถูกอิสราเอลรุกไล่ก็รวมกำลังกันอีก

16 ฮาดัดเอเซอร์นำคนอารัมจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสมาสมทบ พวกเขามายังเฮลาม มีโชบัคแม่ทัพของฮาดัดเอเซอร์เป็นผู้บัญชาการ

17 เมื่อดาวิดทรงทราบข่าว พระองค์ทรงระดมพลอิสราเอลทั้งหมดและข้ามแม่น้ำจอร์แดนมายังเฮลาม ชาวอารัมตั้งแนวรบประจันหน้ากับดาวิดและสู้รบกัน

18 แต่พวกเขาพ่ายหนีต่อหน้าอิสราเอล และดาวิดทรงสังหารพลรถรบของพวกเขาเจ็ดร้อยคนกับทหารราบอีกสี่หมื่นคน และทรงสังหารโชบัคแม่ทัพของพวกเขาตายที่นั่น

19 เมื่อบรรดากษัตริย์ซึ่งขึ้นกับฮาดัดเอเซอร์ เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้อิสราเอล ก็ขอสงบศึกและยอมเป็นเมืองขึ้นของอิสราเอล

ชาวอารัมจึงไม่กล้ามาช่วยชาวอัมโมนสู้รบอีกเลย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/10-08b465045e4f7a01e5a775decf46289a.mp3?version_id=179—