Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 1

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง

1 ถ้อยคำของปัญญาจารย์กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม เชื้อสายดาวิด

2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า

“อนิจจัง! อนิจจัง!

อนิจจังแท้ๆ!

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง”

3 มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการงานทั้งสิ้น

ที่เขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์?

4 คนรุ่นหนึ่งผ่านมาแล้วอีกรุ่นหนึ่งผ่านไป

แต่โลกยังคงอยู่ตลอดกาล

5 ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลับไป

และรีบวนมาขึ้นที่เดิมอีก

6 ลมพัดไปทางใต้แล้ว

กลับมาทางเหนือ

มันพัดวนไปเวียนมา

เป็นวัฏจักร

7 แม่น้ำไหลลงสู่ทะเล

แต่ทะเลก็ไม่เคยอิ่ม

และน้ำกลับไปสู่แม่น้ำอีกครั้ง

แล้วไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่ร่ำไป

8 ทุกสิ่งทุกอย่างอ่อนระโหย

เกินที่จะบรรยาย

ไม่ว่าเห็นสักเท่าไร เราก็ไม่อิ่ม

ไม่ว่าได้ยินสักแค่ไหน เราก็ไม่จุใจ

9 อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็เกิดขึ้นอีก

สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำกันอีก

ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์

10 อะไรบ้างที่เราจะบอกได้ว่า

“ดูเถิด นี่เป็นสิ่งใหม่”

เพราะมันมีมาตั้งนานแล้ว

มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยของเรา

11 ไม่มีการระลึกถึงคนรุ่นก่อน

และแม้แต่คนรุ่นที่กำลังจะเกิดมา

คนรุ่นต่อจากเขา

ก็ยังไม่ระลึกถึงพวกเขา

สติปัญญาอนิจจัง

12 ข้าพเจ้าปัญญาจารย์ เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลอยู่ในเยรูซาเล็ม

13 ได้ทุ่มเทศึกษาและใช้สติปัญญาใคร่ครวญทุกสิ่งที่ทำกันใต้ฟ้าสวรรค์ พระเจ้าทรงวางภาระหนักแก่มนุษย์จริงๆ!

14 ข้าพเจ้าได้เห็นทุกสิ่งซึ่งทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ล้วนแต่อนิจจังเหมือนวิ่งไล่ตามลม

15 สิ่งที่คดงอก็ทำให้เหยียดตรงไม่ได้

สิ่งที่ขาดอยู่ก็นับไม่ได้

16 ข้าพเจ้ารำพึงว่า “ดูเถิด เรามีสติปัญญามากกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ ที่ครองเยรูซาเล็ม เราเข้าถึงสติปัญญาและความรู้”

17 แล้วข้าพเจ้าก็ทุ่มเทสุดตัวที่จะเข้าใจสติปัญญา ความบ้าคลั่ง และความโฉดเขลาด้วย แต่ได้เรียนรู้ว่านี่ก็วิ่งไล่ตามลมเช่นกัน

18 เพราะยิ่งฉลาดมากก็ยิ่งโศกเศร้ามาก

ยิ่งรู้ก็ยิ่งทุกข์โศก

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/1-0236cb0e8d546a8f611dc7c380830c6e.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 2

ความสนุกสนานเพลิดเพลินก็อนิจจัง

1 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “งั้นมาเถอะ รื่นเริง สนุกสนาน บันเทิงใจเพื่อค้นหาสิ่งดีๆ” แต่ก็พบว่า นี่ก็อนิจจังอีก

2 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “การหัวเราะก็โง่เขลา ความสนุกสนานเพลิดเพลินให้ประโยชน์อะไรบ้าง?”

3 ข้าพเจ้าพยายามทำตัวให้เบิกบานด้วยเหล้าองุ่นและทำอะไรโง่ๆ แต่จิตใจก็ยังนำข้าพเจ้าไว้ด้วยสติปัญญา ข้าพเจ้าอยากจะดูว่าอะไรบ้างที่มีคุณค่าซึ่งมนุษย์ควรจะทำกันใต้ฟ้าสวรรค์ในชั่วอายุสั้นๆ ของตน

4 ข้าพเจ้าดำเนินโครงการใหญ่ๆ คือ สร้างบ้านให้ตัวเองหลายหลัง ทำสวนองุ่นหลายแห่ง

5 สร้างสวนหย่อนใจและปลูกผลไม้นานาชนิดในสวนเหล่านั้น

6 ทำแหล่งเก็บน้ำ ส่งน้ำไปรดแมกไม้ที่กำลังงอกงาม

7 ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงและมีทาสอื่นๆ อีกที่ถือกำเนิดในครัวเรือน ข้าพเจ้ามีฝูงสัตว์มากกว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มซึ่งอยู่มาก่อนข้าพเจ้า

8 ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้สำหรับตัวเอง ทั้งยังได้รับเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ ข้าพเจ้าจัดให้มีนักร้องชายหญิง และมีฮาเร็มอันเป็นสิ่งถูกใจผู้ชาย

9 ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มก่อนหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีสติปัญญาอยู่กับตัวในทุกสิ่งเหล่านี้

10 ตาอยากดูอะไร ข้าพเจ้าก็ไม่ปฏิเสธตัวเอง

ใจอยากสนุกอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไม่ห้าม

ข้าพเจ้าชื่นชมผลงานทั้งปวงของตน

และนี่เป็นรางวัลจากการลงทุนลงแรงของข้าพเจ้า

11 ถึงกระนั้นเมื่อข้าพเจ้าสำรวจดูทุกสิ่งที่ทำไป

และที่ตรากตรำเพื่อให้ได้มา

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

ไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาภายใต้ดวงอาทิตย์

สติปัญญาและความโฉดเขลาล้วนอนิจจัง

12 แล้วข้าพเจ้าจึงหันไปพิจารณาสติปัญญา

กับความบ้าคลั่งและความโง่เขลา

ผู้ครองราชย์ต่อจากกษัตริย์จะทำอะไรได้

นอกจากสิ่งที่เคยทำกันมาก่อนแล้ว?

13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญาดีกว่าความโฉดเขลา

เฉกเช่นแสงสว่างย่อมดีกว่าความมืด

14 คนฉลาดมีตาอยู่ในสมอง

ขณะที่คนโฉดเขลาเดินไปในความมืด

แต่ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ว่า

ชะตากรรมเดียวกันเกิดขึ้นแก่ทั้งสองฝ่าย

15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงในใจว่า

“ชะตากรรมที่เกิดกับคนโง่ก็จะเกิดกับเราด้วย

ฉะนั้นเราฉลาดไปจะได้อะไรขึ้นมา?”

ข้าพเจ้าบอกตัวเองว่า

“นี่ก็อนิจจังเหมือนกัน”

16 เพราะคนฉลาดก็เป็นเช่นเดียวกับคนโง่

เขาจะไม่อยู่ในความทรงจำเนิ่นนาน

ในวันข้างหน้าก็ถูกลืมเลือนไปทั้งคู่

คนฉลาดก็ต้องตายเช่นเดียวกับคนโง่!

การตรากตรำก็อนิจจัง

17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะการงานที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์เป็นความโศกสลดแก่ข้าพเจ้าล้วนแต่อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

18 ข้าพเจ้าเกลียดชังสิ่งทั้งปวงที่ตนเองตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะข้าพเจ้าจำต้องทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ให้คนที่มาภายหลังข้าพเจ้า

19 และใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะเป็นคนโง่หรือฉลาด? ถึงกระนั้นเขาก็จะได้ครอบครองผลงานทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและความชำนาญลงไปภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็อนิจจังด้วยเช่นกัน

20 ฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงท้อแท้สิ้นหวังต่อการงานอันตรากตรำทั้งปวงของตนภายใต้ดวงอาทิตย์

21 เพราะมนุษย์อาจทำงานด้วยสติปัญญา ความรู้ และความเชี่ยวชาญ แต่แล้วก็ต้องละทิ้งทุกสิ่งที่เขาครอบครองให้แก่ใครบางคนซึ่งไม่ได้ลงมือลงแรง นี่ก็เช่นกัน อนิจจังและโชคร้ายเหลือเกิน

22 คนเราได้ประโยชน์อะไรจากการดิ้นรนต่อสู้และการตรากตรำคร่ำเครียดทั้งปวงภายใต้ดวงอาทิตย์?

23 ตลอดชีวิตของเขา งานก็เป็นความเจ็บปวดและความทุกข์โศก แม้ยามค่ำคืนจิตใจก็ไม่สงบสุข นี่ก็อนิจจัง

24 คนเราไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่ากินดื่มและหาความอิ่มใจในงานของตน ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งนี้ก็มาจากพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วย

25 เพราะปราศจากพระองค์แล้ว ใครเล่าจะกินหรือพบความชื่นชมยินดีได้?

26 พระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้ และความสุขแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย แต่สำหรับคนบาป พระองค์ทรงมอบงานที่เขาต้องรวบรวมและสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อจะมอบให้บุคคลที่พระองค์พอพระทัย นี่ก็อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/2-3f5647756250794671eaef2780a8eb28.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 3

มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง

1 มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง

มีกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้

2 มีเวลาเกิด เวลาตาย

เวลาปลูก เวลาถอน

3 เวลาฆ่า เวลาเยียวยารักษา

เวลารื้อถอน เวลาสร้างขึ้นใหม่

4 เวลาร้องไห้ เวลาหัวเราะ

เวลาไว้ทุกข์ เวลาเต้นรำ

5 เวลาโยนก้อนหิน เวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน

เวลาโอบกอด เวลาหันหนี

6 เวลาค้นหา เวลาเลิกรา

เวลาทะนุถนอม เวลาเหวี่ยงทิ้งไป

7 เวลาฉีกขาด เวลาซ่อมแซม

เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา

8 เวลารัก เวลาเกลียด

เวลาสงคราม เวลาสันติ

9 คนเราได้อะไรจากการตรากตรำทำงานหรือ?

10 ข้าพเจ้าเห็นภาระซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้บนมนุษย์

11 พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลาของมัน ทั้งทรงตั้งนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำตั้งแต่ต้นจนจบได้

12 ข้าพเจ้ารู้ว่าสำหรับมนุษย์ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำตัวให้มีความสุข และทำดีขณะยังมีชีวิตอยู่

13 คนเราทุกคนควรกิน ดื่ม และหาความอิ่มใจในการตรากตรำทำงานทั้งสิ้น เพราะนี่คือของขวัญจากพระเจ้า

14 ข้าพเจ้ารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำจะดำรงอยู่นิรันดร์ ไม่สามารถเพิ่มอะไรเข้าไป หรือตัดทอนอะไรออกได้ พระเจ้าทรงทำไว้เพื่อมนุษย์จะยำเกรงพระองค์

15 อะไรก็ตามที่เป็นอยู่ และอะไรที่จะเกิดขึ้น

ก็เป็นอยู่มาก่อนแล้ว

และพระเจ้าจะทรงนำอดีตมาพิพากษาอีก

16 ยิ่งกว่านั้น ภายใต้ดวงอาทิตย์ ข้าพเจ้ายังเห็นอีกว่า

ในที่แห่งการพิพากษาก็มีความชั่วร้ายอยู่ด้วย

ในที่ของความยุติธรรมก็มีความเลวทรามอยู่ด้วย

17 ข้าพเจ้ารำพึงว่า

“พระเจ้าจะทรงนำทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมมาพิพากษา

เพราะจะมีเวลาสำหรับทุกเรื่อง

มีเวลาสำหรับการกระทำทุกอย่าง”

18 ข้าพเจ้าคิดอีกว่า “สำหรับมนุษย์ พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขา ก็เพื่อพวกเขาจะเห็นว่าตนเองก็เหมือนสัตว์

19 ชะตากรรมของมนุษย์ก็เหมือนของสัตว์ ทั้งสองมีอันเป็นไปเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็ตาย ต่างก็มีลมปราณเช่นกัน มนุษย์ไม่ได้เปรียบมากกว่าสัตว์ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง

20 ทั้งสองพวกต่างไปสู่ที่แห่งเดียวกัน ล้วนมาจากธุลีดินและต้องกลับกลายเป็นธุลีดิน

21 ใครจะรู้ได้ว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ขึ้นไปยังเบื้องบนหรือไม่ และวิญญาณของสัตว์ลงสู่พิภพโลกหรือไม่?”

22 ฉะนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่จะสนุกกับงาน เพราะนั่นเป็นส่วนของเขา ใครเล่าจะทำให้เขาเห็นได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเขา?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/3-e1d044eaecc3fadca75aac49384871f9.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 4

การกดขี่ข่มเหง การตรากตรำ และการไร้ญาติขาดมิตร

1 แล้วข้าพเจ้าได้มองดูและได้เห็นการกดขี่ข่มเหงทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์

ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง

และไม่มีใครปลอบโยนเขา

อำนาจทั้งหลายก็อยู่ในมือของคนที่กดขี่

และไม่มีใครปลอบโยนเขา

2 ข้าพเจ้าจึงประกาศว่าคนที่ตายไปแล้ว

มีความสุขมากกว่าคนเป็นซึ่งยังต้องมีชีวิตอยู่

3 แต่คนที่ยังไม่เกิดมา

ที่ยังไม่เคยเห็นความชั่วร้าย

ที่เขาเคยทำกันมาภายใต้ดวงอาทิตย์

ก็ยังดีกว่าคนทั้งสองจำพวกนั้น

4 และข้าพเจ้าได้เห็นว่าการงานทั้งหลายและความสำเร็จทั้งปวงเกิดขึ้นจากการอิจฉาเพื่อนบ้านด้วยกัน นี่ก็อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

5 คนโง่งอมืองอเท้า

และทำลายตัวเอง

6 มีทรัพย์เพียงกำมือเดียวแต่มีความสงบสุข

ก็ดีกว่ามีเต็มสองมือแต่ต้องตรากตรำ

และวิ่งไล่ตามลม

7 ข้าพเจ้ายังเห็นความอนิจจังบางอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์

8 คนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง

ไม่มีลูก ไม่มีพี่น้อง

เขาตรากตรำไม่จบสิ้น

ถึงอย่างนั้นตาของเขาก็ไม่พึงพอใจกับทรัพย์สมบัติที่ตนมี

เขาถามตนเองว่า “ฉันจะตรากตรำไปเพื่อใคร

และฉันจะทำตัวอดอยากปากแห้งไปทำไม?”

นี่ก็อนิจจัง

เป็นเรื่องน่าสังเวช!

9 สองคนช่วยกันทำดีกว่าทำคนเดียว

เพราะจะได้ผลงานที่ดีกว่า

10 หากคนหนึ่งล้มลง

เพื่อนของเขาก็สามารถพยุงเขาขึ้น

แต่น่าสงสารคนที่อยู่คนเดียว

เพราะเมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีใครพยุงเขาขึ้น!

11 นอกจากนี้หากสองคนนอนด้วยกัน ก็ได้ไออุ่นจากกันและกัน

แต่คนที่นอนอยู่คนเดียวจะอุ่นได้อย่างไร?

12 ตัวคนเดียวอาจถูกปราบลง

สองคนปกป้องกันได้

เชือกสามเกลียวย่อมไม่ขาดง่ายๆ

ความก้าวหน้าก็อนิจจัง

13 เป็นคนหนุ่มยากจนแต่เฉลียวฉลาดดีกว่าเป็นกษัตริย์ชราผู้โง่เขลาที่ไม่รับฟังคำตักเตือน

14 หนุ่มคนนั้นอาจไต่เต้ามาจากการเป็นคนคุกสู่การเป็นพระราชาหรือเขาอาจจะเกิดมาในหมู่ยาจกที่อยู่ในราชอาณาจักรของเขาเอง

15 ข้าพเจ้าเห็นบรรดาผู้ที่มีชีวิตและดำเนินอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ติดตามชายหนุ่มคนนั้นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของกษัตริย์

16 ใครต่อใครมาเข้าเฝ้าเขาไม่จบสิ้น แต่แล้วคนรุ่นต่อไปก็ขึ้นมาและไม่ยอมรับเขา นี่ก็อนิจจังเช่นกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/4-1053c18823c901aa8cdd51bc9ea8595b.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 5

จงยำเกรงพระเจ้า

1 จงระมัดระวังแต่ละย่างก้าวเมื่อท่านไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปฟังใกล้ๆ ก็ดีกว่าถวายเครื่องบูชาแบบคนโง่ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด

2 อย่าปากไว

อย่าใจร้อนผลีผลาม

พลั้งปากพล่อยๆ ต่อหน้าพระเจ้า

พระเจ้าประทับในฟ้าสวรรค์

ส่วนท่านอยู่บนโลก

ฉะนั้นจงพูดแต่น้อยคำ

3 ห่วงกังวลมากก็ฝันมาก

ยิ่งพูดมากก็ยิ่งพูดโง่ๆ

4 เมื่อถวายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้ว จงรีบทำให้ครบถ้วน พระเจ้าไม่พอพระทัยคนโง่ จงทำตามที่ปฏิญาณไว้

5 ไม่ปฏิญาณยังดีกว่าปฏิญาณแล้วไม่ทำให้ครบถ้วน

6 อย่าให้ปากพาตัวหลงทำบาป และอย่าแก้ตัวกับผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเผลอปฏิญาณไป” จะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธวาจาของท่านและทำลายกิจการจากน้ำมือของท่านทำไมเล่า?

7 ฝันมากและพูดมากก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้าเถิด

ความร่ำรวยก็อนิจจัง

8 หากท่านเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงรังแกและเห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกละเลยในที่ใดก็ตาม อย่าฉงนสนเท่ห์เลย เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่อยู่เหนือเขาและเหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีผู้บังคับบัญชาสูงขึ้นไปอีก

9 ทุกคนฉวยเอาผลิตผลจากแผ่นดิน กษัตริย์เองทรงได้ประโยชน์จากเรือกสวนไร่นา

10 ผู้รักเงินย่อมไม่อิ่มด้วยเงิน

ผู้รักสมบัติไม่เคยอิ่มด้วยรายได้

นี่ก็อนิจจัง

11 เมื่อมีข้าวของเพิ่มขึ้น

ก็เพิ่มคนบริโภค

คนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไร

นอกจากชมเล่นเป็นขวัญตา?

12 กรรมกรนอนหลับสบาย

ไม่ว่าเขาได้กินมากหรือกินน้อย

แต่ข้าวของเหลือเฟือของคนรวย

ไม่ช่วยให้เขาหลับได้

13 ข้าพเจ้าได้เห็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจภายใต้ดวงอาทิตย์คือ

ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้จนเป็นภัยอันตรายแก่เจ้าของ

14 หรือทรัพย์สมบัติสูญสิ้นไปเนื่องจากเคราะห์กรรมบางอย่าง

จนไม่มีอะไรเหลือตกทอดให้ลูกหลาน

15 คนเราเกิดมาจากท้องแม่ตัวเปล่าอย่างไรก็จะจากไปอย่างนั้น

เขาไม่อาจหยิบฉวยผลงานจากการตรากตรำติดมือไปได้เลย

16 นี่ก็เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจด้วย

คือคนเรามาอย่างไรก็จากไปอย่างนั้น

แล้วเขาได้ประโยชน์อะไรเล่า

ในเมื่อเขาตรากตรำไปอย่างลมๆ แล้งๆ?

17 ตลอดชีวิตของเขา เขากินอยู่ในความมืดมน

เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ความทุกข์ทรมานและความโกรธเคืองอย่างมาก

18 แล้วข้าพเจ้าจึงตระหนักว่าดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ที่มนุษย์จะกินดื่ม และหาความอิ่มใจในการตรากตรำทำงานภายใต้ดวงอาทิตย์ตลอดชั่วชีวิตสั้นๆ ซึ่งพระเจ้าประทานให้ เพราะนี่เป็นส่วนของเขา

19 ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระเจ้าประทานทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งให้ พระองค์ก็ทรงกระทำให้เขาชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้น ให้รับส่วนของตนและเป็นสุขในงานของตนได้ นี่เป็นของขวัญของพระเจ้า

20 เขาไม่ต้องหวนคิดถึงวันคืนแห่งชีวิตของตนมากนัก เพราะพระเจ้าทรงให้เขาง่วนอยู่กับความชื่นใจ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/5-324ccb37ed4fd9f7c54791147f3d4466.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 6

1 ข้าพเจ้าเห็นความเลวร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ ซึ่งหนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์

2 คือพระเจ้าประทานความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ และเกียรติแก่บางคน จนเขามีทุกสิ่งที่ใจปรารถนา แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาชื่นชมสิ่งเหล่านั้น กลับมีคนแปลกหน้ามาชื่นชมแทน นี่ก็อนิจจัง เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจ

3 บางคนอาจมีลูกหลานนับร้อยและมีอายุยืน แต่ไม่ว่าจะอายุยืนแค่ไหน ถ้าไม่สามารถชื่นชมความรุ่งเรืองของตน และไม่ได้รับการจัดงานศพอย่างสมเกียรติแล้ว ข้าพเจ้าขอบอกว่าทารกที่ตายตั้งแต่เกิดยังดีกว่าเขาเสียอีก

4 ทารกนั้นเกิดมาอย่างไร้ความหมาย จากไปในความมืด และชื่อนั้นถูกคลุมไว้ในความมืด

5 แม้ไม่เคยเห็นแสงตะวัน ไม่รับรู้สิ่งใด ก็ยังได้พักสงบมากกว่าเขา

6 ต่อให้เขามีอายุยืนพันปีทวีเท่า แต่ไม่ได้ชื่นชมกับความเจริญรุ่งเรืองของตน ทุกคนล้วนไปยังที่เดียวกันไม่ใช่หรือ?

7 ทุกคนลงทุนลงแรงก็เพื่อปากท้อง

กระนั้นความอยากของเขาก็ไม่เคยอิ่ม

8 คนฉลาดได้เปรียบอะไรกว่าคนโง่?

คนยากจนแม้รู้ว่าควรประพฤติปฏิบัติอย่างไรต่อหน้าคนอื่นๆ

ก็จะได้ประโยชน์อะไรเล่า?

9 มีเท่าที่ตาเห็นก็ดีกว่าเที่ยวอยากได้ไปเรื่อย

นี่ก็อนิจจัง วิ่งไล่ตามลม

10 สิ่งใดๆ ที่มีอยู่ล้วนถูกระบุชื่อไว้ก่อนแล้ว

และมนุษย์เป็นอะไรก็รู้กันอยู่แล้ว

ไม่มีใครสามารถขัดขืนต่อสู้

กับผู้ที่แข็งแรงกว่าตน

11 ยิ่งพูดหลายคำ

ยิ่งลดทอนความหมาย

แล้วนั่นจะเป็นประโยชน์กับใคร?

12 เพราะใครเล่าจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับมนุษย์ในช่วงชีวิตอันสั้นและคืนวันอันอนิจจังซึ่งผ่านพ้นไปเหมือนเงา? ใครจะบอกเขาได้ว่าหลังจากเขาจากไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างภายใต้ดวงอาทิตย์?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/6-af60b54411c5681a71bc60a1ce0d7441.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 7

สติปัญญา

1 ชื่อเสียงดีมีค่ายิ่งกว่าน้ำหอมราคาแพง

และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด

2 ไปบ้านที่มีการไว้ทุกข์

ก็ดีกว่าไปบ้านที่มีงานเลี้ยง

เพราะความตายเป็นจุดหมายปลายทางของทุกคน

ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ควรใส่ใจในข้อนี้

3 โศกเศร้าดีกว่าหัวเราะ

เพราะใบหน้าโศกเศร้านั้นเป็นผลดีต่อจิตใจ

4 ใจแบบคนฉลาดพบได้ในบ้านที่มีความโศกเศร้า

แต่ใจแบบคนโง่พบได้ในบ้านที่มีความรื่นเริง

5 ฟังคำตำหนิของคนฉลาด

ดีกว่าฟังคนโง่ร้องเพลงสรรเสริญเยินยอ

6 เสียงหัวเราะของคนโง่

ก็เหมือนเสียงแตกปะทุของหนามในไฟใต้หม้อ

นี่ก็อนิจจัง

7 เมื่อคนฉลาดกดขี่ผู้อื่น

เขาก็ทำตัวเหมือนคนโง่

และเมื่อรับสินบน

ก็ทำให้ชีวิตเสื่อมทราม

8 ตอนจบดีกว่าตอนเริ่ม

ความอดทนอดกลั้นดีกว่าความหยิ่งจองหอง

9 อย่าปล่อยให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว

เพราะความโกรธอยู่ในใจของคนโง่

10 อย่าถามว่า “ทำไมสมัยก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?”

เพราะนั่นไม่ใช่คำถามที่ฉลาดเลย

11 สติปัญญาเป็นสิ่งดีเช่นเดียวกับมรดก

เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เห็นตะวัน

12 สติปัญญาเป็นที่พักพิง

เช่นเดียวกับเงิน

แต่ข้อได้เปรียบของความรู้ก็คือ

สติปัญญาสงวนชีวิตของผู้มีปัญญาไว้

13 จงพิเคราะห์ดูพระราชกิจของพระเจ้า

สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้คด

ใครจะเหยียดให้ตรงได้?

14 จงสุขใจในยามดี

แต่เมื่อถึงยามทุกข์ยากก็จงใคร่ครวญ

พระเจ้าทรงบันดาลทั้งยามดีและยามร้าย

มนุษย์จึงไม่สามารถรู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคตของตน

15 ในชีวิตอนิจจังนั้น ข้าพเจ้าเห็นทั้งสองสิ่งนี้มาแล้ว

คนชอบธรรมต้องพินาศทั้งๆ ที่ชอบธรรม

และคนชั่วร้ายอายุยืนทั้งๆ ที่ชั่วร้าย

16 อย่าเป็นคนชอบธรรมเกินไป

และอย่าฉลาดเกินไป

จะทำลายตัวเองทำไม?

17 อย่าชั่วร้ายเกินไป

และอย่าโง่เง่าเต่าตุ่น

เรื่องอะไรจะต้องตายก่อนกำหนด?

18 เป็นการดีที่จะยึดสิ่งหนึ่งไว้

และไม่ปล่อยให้อีกสิ่งหลุดมือไป

ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าจะหลีกเลี่ยงเรื่องสุดโต่งทั้งหมดนี้ไปได้

19 สติปัญญาทำให้คนฉลาดมีอำนาจ

มากยิ่งกว่าผู้ครอบครองสิบคนที่ครองเมือง

20 ไม่มีสักคนเดียวในโลกนี้ที่ดีพร้อม

ที่ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและไม่เคยทำบาปเลย

21 อย่าใส่ใจทุกถ้อยคำที่ใครๆ พูดกัน

มิฉะนั้นท่านอาจได้ยินคนใช้ของท่านเองแช่งด่าท่าน

22 เพราะท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า

ตัวท่านเองแช่งด่าคนอื่นหลายครั้ง

23 ทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าทดสอบด้วยสติปัญญาแล้ว และข้าพเจ้ากล่าวว่า

“เราตั้งใจจะเป็นคนฉลาด”

แต่มันก็เกินไขว่คว้า

24 สติปัญญาจะเป็นอะไรก็ตามแต่

มันช่างไกลลิบลับและลึกซึ้งนัก

ใครเล่าจะค้นพบได้?

25 ข้าพเจ้าจึงมุ่งหาความเข้าใจ

พินิจพิเคราะห์และเสาะหาสติปัญญากับมูลเหตุของสิ่งต่างๆ

และพยายามเข้าใจความโง่เขลาของความชั่ว

และความบ้าบอของความโฉดเขลา

26 ข้าพเจ้าพบว่าสิ่งที่ขมขื่นยิ่งกว่าความตาย

ก็คือผู้หญิงซึ่งเป็นกับดัก

ใจของนางเป็นบ่วงแร้ว

มือของนางคือโซ่ตรวน

ผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานจะรอดพ้นจากนาง

แต่คนบาปต้องติดกับของนาง

27 ปัญญาจารย์กล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าค้นพบสิ่งนี้คือ

“การนำเอาสิ่งหนึ่งมาปะติดปะต่อกับอีกสิ่งเพื่อหามูลเหตุ

28 ขณะที่หาอยู่แต่ยังไม่พบ

ข้าพเจ้าก็พบว่าในพันคนจะมีผู้ชายซื่อตรงคนหนึ่ง

แต่ไม่มีผู้หญิงซื่อตรงสักคน

29 ข้าพเจ้าพบแต่เพียงว่า

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ซื่อตรง

แต่มนุษย์สรรหากลอุบายต่างๆ นานา”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/7-9d5534bec2f4533985374180e049a7aa.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 8

1 ใครเล่าเสมอเหมือนคนฉลาด?

ใครเล่ารู้คำอธิบายของสิ่งต่างๆ?

สติปัญญาทำให้หน้าตาของคนเราแจ่มใส

และทำให้สีหน้าแข็งกระด้างเปลี่ยนไป

เชื่อฟังกษัตริย์

2 จงเชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ เพราะท่านได้ปฏิญาณไว้ต่อหน้าพระเจ้าแล้ว

3 อย่าหุนหันออกไปให้พ้นพระพักตร์กษัตริย์ อย่ายืนหยัดปกป้องสิ่งที่ไม่ดี เพราะพระองค์จะทรงกระทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย

4 เนื่องจากพระดำรัสของกษัตริย์มีอำนาจสูงสุด ใครจะแย้งพระองค์ได้ว่า “พระองค์ทรงทำอะไรเช่นนั้น?”

5 ผู้ใดเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์จะไม่ประสบอันตราย

จิตใจของคนมีปัญญาจะรู้โอกาสและวิธีการอันเหมาะอันควร

6 เพราะมีโอกาสและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่ง

แม้ว่าความทุกข์ยากของมนุษย์จะถาโถมเข้าใส่เขาอย่างหนักหน่วงก็ตาม

7 เนื่องจากไม่มีมนุษย์คนใดหยั่งรู้อนาคต

ใครเล่าจะสามารถบอกได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?

8 ไม่มีใครฉุดรั้งจิตวิญญาณไว้ได้ฉันใด

ก็ไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตายฉันนั้น

ยามสงครามไม่มีการปลดประจำการฉันใด

ความชั่วร้ายก็จะไม่ยอมปล่อยคนชั่วฉันนั้น

9 ข้าพเจ้าเห็นมาหมดแล้ว เมื่อใส่ใจกับทุกสิ่งที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็พบว่าบางครั้งมีคนขึ้นมามีอำนาจเหนือผู้อื่น แต่กลับเป็นภัยแก่ตน

10 และข้าพเจ้าก็เห็นบรรดาคนชั่วร้ายถูกฝัง ผู้ซึ่งเข้าออกในสถานบริสุทธิ์และได้รับการยกย่องในนครซึ่งเขาทำชั่วนั่นแหละ นี่ก็อนิจจัง

11 เมื่ออาชญากรยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษ จิตใจของผู้คนก็เต็มไปด้วยกลอุบายที่จะทำผิด

12 ถึงแม้คนชั่วจะก่อกรรมทำเข็ญเป็นร้อยครั้งและยังมีชีวิตอยู่ยืนยาว ข้าพเจ้าก็ยังรู้แน่แก่ใจว่าบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งอยู่ต่อหน้าพระองค์ย่อมได้ดีกว่า

13 เนื่องจากคนชั่วไม่ยำเกรงพระเจ้า เขาจะไม่ได้ดีและวันคืนของเขาจะไม่ทอดยาวเหมือนเงา

14 มีสิ่งอนิจจังอีกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้คือ คนชอบธรรมรับผลที่ควรตกแก่คนชั่ว แต่คนชั่วกลับรับผลที่ควรตกแก่คนชอบธรรม ข้าพเจ้ากล่าวว่า นี่ก็อนิจจัง

15 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงสนับสนุนให้ชื่นชมกับชีวิต เพราะสำหรับมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์แล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่ากินดื่มและเปรมปรีดิ์ แล้วความชื่นชมยินดีจะอยู่เคียงข้างเขาไปในการงาน ตลอดวันคืนแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าประทานแก่เขาภายใต้ดวงอาทิตย์

16 เมื่อข้าพเจ้าใส่ใจที่จะรู้จักสติปัญญา และสังเกตการตรากตรำทำงานของผู้คนในโลกนี้ พวกเขาอดนอนทั้งวันทั้งคืน

17 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เป็นไปภายใต้ดวงอาทิตย์ แม้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด แสวงหาคำตอบ แต่มนุษย์ก็ไม่พบความหมาย ต่อให้คนฉลาดซึ่งอ้างว่าตนรู้ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/8-c0d2845683abd95cb888630035c922fc.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 9

จุดหมายปลายทางของทุกคน

1 ข้าพเจ้าจึงได้พิเคราะห์สิ่งทั้งปวงนี้ และสรุปว่า ทั้งคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า

2 ทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนชั่ว คนดีหรือคนเลวคนไม่เป็นมลทินหรือคนเป็นมลทิน คนถวายเครื่องบูชาหรือคนไม่ถวาย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีฉันใด

ก็เกิดขึ้นกับคนบาปฉันนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่กล่าวคำสาบานฉันใด

ก็เกิดขึ้นกับคนที่กลัวจะสาบานฉันนั้น

3 นี่เป็นสิ่งเลวร้ายในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือทุกคนมีอันเป็นไปแบบเดียวกันหมด ยิ่งกว่านั้นจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่งตราบชั่วชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ตายตามคนอื่นไป

4 มีความหวังสำหรับคนเป็นเท่านั้นแม้แต่สุนัขเป็นๆ ก็ยังดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว!

5 เพราะอย่างน้อยคนเป็นรู้ว่าเขาจะตาย

แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย

ไม่มีบำเหน็จรางวัลต่อไป

ไม่มีแม้แต่ผู้ที่ระลึกถึงเขา

6 ความรัก ความเกลียด และความอิจฉาของเขา

ล้วนผ่านพ้นไปนานแสนนาน

และเขาไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดๆ

ที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป

7 ฉะนั้นไปเถิด ไปรับประทานอาหารของท่านด้วยความปีติยินดี และดื่มเหล้าองุ่นของท่านด้วยใจเปรมปรีดิ์ เพราะขณะนี้แหละที่พระเจ้าโปรดปรานสิ่งที่ท่านทำ

8 จงสวมเสื้อผ้าสีขาวเสมอและชโลมศีรษะด้วยน้ำมัน

9 จงอยู่กินกับภรรยาที่รักด้วยความชื่นชมยินดีตลอดวันคืนอนิจจัง ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะนี่คือส่วนในชีวิตของท่าน และในการงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์

10 มือของท่านหยิบจับการใด จงทำการนั้นเต็มกำลังความสามารถเพราะในแดนมรณาที่ท่านกำลังจะไปถึงนั้น ไม่มีงาน ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรู้หรือสติปัญญา

11 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งอื่นอีกภายใต้ดวงอาทิตย์คือ

คนว่องไวไม่ชนะการวิ่งแข่งเสมอไป

คนเข้มแข็งไม่ชนะศึกเสมอไป

หรือใช่ว่าคนฉลาดจะได้อาหาร

ใช่ว่าคนปราดเปรื่องจะได้ทรัพย์สมบัติ

และใช่ว่าผู้รู้จะได้รับความโปรดปราน

แต่เวลาและโอกาสมาถึงพวกเขาทุกคน

12 ยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรจะถึงคราวของตน

เหมือนปลาติดร่างแหอันโหดร้าย

และนกติดกับฉันใด

คนก็ติดกับของคราวร้าย

ซึ่งโถมเข้าใส่เขาโดยไม่นึกไม่ฝันฉันนั้น

สติปัญญาดีกว่าความโฉดเขลา

13 และภายใต้ดวงอาทิตย์ข้าพเจ้าเห็นแบบอย่างของสติปัญญาซึ่งข้าพเจ้าประทับใจมาก

14 มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีคนอาศัยอยู่เพียงหยิบมือเดียว และมีมหาราชองค์หนึ่งกรีธาทัพมาล้อมเมืองไว้

15 ในเมืองนั้นมีชายคนหนึ่งยากจนแต่ฉลาด และเขาช่วยเมืองนั้นไว้ได้โดยสติปัญญาของเขา แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนั้น

16 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “สติปัญญาดีกว่าพละกำลัง” แต่สติปัญญาของชายยากจนก็ถูกดูหมิ่น และถ้อยคำของเขาก็ไม่มีใครรับฟัง

17 ถ้อยคำแผ่วเบาของคนฉลาดน่าฟัง

ยิ่งกว่าเสียงตะโกนของผู้ปกครองที่โง่เขลา

18 สติปัญญาเหนือกว่าอาวุธสงคราม

แต่คนบาปคนเดียวทำให้เสียหายนักต่อนัก

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/9-99a6af558013f13fdc5678016dfb2f7f.mp3?version_id=179—

Categories
ปัญญาจารย์

ปัญญาจารย์ 10

1 แมลงวันตายทำให้น้ำหอมเหม็นคลุ้งฉันใด

ความโง่เขลานิดหน่อยก็อาจบั่นทอนสติปัญญาและเกียรติฉันนั้น

2 ใจของคนฉลาดไขว่คว้าหาความถูกต้อง

ส่วนใจของคนโง่เอียงไปสู่ความชั่วร้าย

3 คนโง่แม้เดินไปตามถนนหนทาง

ก็ยังไม่มีสำนึก

และทำให้คนดูออกว่าเขาโง่แค่ไหน

4 หากเจ้านายโกรธเคืองท่าน

อย่าเพิ่งทิ้งหน้าที่ไป

ความสงบสยบความผิดพลาดใหญ่หลวงได้

5 ข้าพเจ้าได้เห็นความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์

เป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากผู้ครอบครอง

6 คือให้คนโง่ได้ตำแหน่งสูง

ขณะที่คนร่ำรวยอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย

7 ข้าพเจ้าเห็นทาสนั่งบนหลังม้า

ขณะที่เจ้านายเดินเท้าไปเหมือนทาส

8 คนที่ขุดหลุมอาจจะตกลงไปในหลุม

คนที่รื้อกำแพงอาจจะถูกงูกัด

9 คนที่สกัดหินอาจได้รับบาดเจ็บเพราะหิน

คนที่เลื่อยซุงอาจได้รับอันตรายจากซุง

10 หากขวานทื่อ

และไม่ได้ลับให้คม

เวลาใช้ก็ต้องออกแรงมากขึ้น

แต่ความเชี่ยวชาญจะนำความสำเร็จมาให้

11 หมองูก็ไม่มีประโยชน์

หากเขาถูกกัดก่อนที่จะสะกดมันได้

12 ถ้อยคำของคนฉลาดนั้นน่าฟัง

แต่คนโง่ย่อยยับเพราะลมปากของตัวเอง

13 พอเริ่มพูดก็แสดงความโง่

พูดจบก็ยิ่งบ้าเลวทราม

14 และต่อความยาวสาวความยืดไม่รู้จบ

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ใครเล่าจะบอกเขาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง?

15 งานของคนโง่ทำให้เขาอ่อนระโหย

เขาไม่รู้จักทางเข้าเมือง

16 วิบัติแก่เจ้า ดินแดนซึ่งมีคนรับใช้เป็นกษัตริย์

และบรรดาเจ้านายกินเลี้ยงเฮฮากันตั้งแต่เช้า

17 ความสุขมีแก่เจ้า ดินแดนที่กษัตริย์ของเจ้ามีคุณธรรมสูง

และเจ้านายรู้จักกินดื่มในเวลาอันควร

เพื่อให้มีกำลังวังชา ไม่ใช่เพื่อเมามาย

18 หากผู้ใดเกียจคร้าน จันทันก็ผุพัง

หากงอมืองอเท้า เรือนก็รั่ว

19 งานเลี้ยงสังสรรค์ให้เสียงหัวเราะ

เหล้าองุ่นให้ชีวิตรื่นเริง

แต่เงินคือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง

20 อย่าแช่งด่ากษัตริย์ แม้แต่ในความคิดคำนึง

หรือแช่งด่าคนรวยในห้องนอนของท่าน

เพราะนกในอากาศอาจจะคาบวาจาของท่านไป

และนกที่โบยบินอาจจะรายงานสิ่งที่ท่านพูด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/10-f485e8e73d2f586c514b72f8fd32fee5.mp3?version_id=179—