Categories
โยบ

โยบ 1

บทนำ

1 ในดินแดนอูสมีชายคนหนึ่งชื่อโยบ เป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว

2 เขามีบุตรชายเจ็ดคนและบุตรสาวสามคน

3 และเขามีแกะถึงเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวผู้ห้าร้อยคู่ ลาห้าร้อยตัว และมีคนรับใช้มากมาย เขาเป็นคนยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาชาวตะวันออก

4 บุตรชายของโยบจะผลัดกันจัดงานเลี้ยงในบ้านของตน และเชิญพี่น้องชายหญิงมาร่วมในงานด้วย

5 เมื่องานเลี้ยงเสร็จสิ้นลงแต่ละครั้ง โยบจะให้พวกเขามาชำระตัว ตั้งแต่เช้าตรู่โยบจะถวายเครื่องเผาบูชาให้บุตรแต่ละคนโดยระลึกว่า “บางทีลูกของเราอาจทำบาปหรือแช่งด่าพระเจ้าอยู่ในใจ” นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของโยบเสมอมา

การทดสอบโยบครั้งแรก

6 วันหนึ่งบรรดาทูตสวรรค์มาชุมนุมกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าซาตานก็มาด้วย

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?”

ซาตานทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่องเที่ยวไปมาในโลกพระเจ้าข้า”

8 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับซาตานว่า “เจ้าสังเกตดูโยบผู้รับใช้ของเราบ้างหรือไม่? ทั่วโลกนี้ไม่มีใครเหมือนเขา เขาเป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว”

9 ซาตานทูลตอบว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าโดยไม่หวังอะไรเลยหรือ?

10 พระองค์ทรงล้อมรั้วป้องกันเขาและครอบครัวกับทรัพย์สินทุกอย่างของเขาไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงอวยพรกิจการทุกอย่างที่เขาทำ ดังนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลายของเขาจึงขยายทั่วแผ่นดิน

11 ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายทรัพย์สินทุกอย่างของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์ต่อหน้าเลยทีเดียว”

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซาตานว่า “เอาเถิด ทุกอย่างที่เขามีก็อยู่ในมือของเจ้าแล้ว แต่อย่าแตะต้องตัวเขาก็แล้วกัน”

ซาตานจึงทูลลาองค์พระผู้เป็นเจ้าไป

13 วันหนึ่งขณะที่บุตรชายบุตรสาวของโยบกำลังกินเลี้ยงกันอยู่ที่บ้านของพี่ชายคนโต

14 ก็มีคนหนึ่งมาบอกโยบว่า “วัวของท่านกำลังไถนาอยู่และลากินหญ้าอยู่ใกล้ๆ

15 ก็มีพวกเสบามาปล้น ต้อนสัตว์ไปและฆ่าฟันคนเลี้ยงตายหมด มีข้าพเจ้าเพียงคนเดียวหนีรอดมาเรียนท่าน!”

16 ขณะที่คนนั้นพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีอีกคนมาบอกว่า “ไฟของพระเจ้าตกลงมาจากท้องฟ้าเผาผลาญฝูงแกะและคนเลี้ยงของท่านวอดวาย มีข้าพเจ้าเพียงคนเดียวหนีรอดมาเรียนท่าน!”

17 ก่อนที่คนนั้นจะพูดจบ ก็มีอีกคนมาบอกว่า “กองโจรชาวเคลเดียสามกองมาไล่ต้อนอูฐของท่านไปและฆ่าฟันบ่าวไพร่ของท่าน มีข้าพเจ้าเพียงคนเดียวหนีรอดมาเรียนท่าน!”

18 ขณะที่เขายังพูดอยู่ก็มีอีกคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า “บุตรชายบุตรสาวของท่านกำลังกินเลี้ยงกันอยู่ที่บ้านพี่ชายคนโต

19 ทันใดนั้นก็มีพายุใหญ่พัดจากทะเลทรายซัดกระหน่ำจนบ้านพังลงมาทับพวกเขาตายหมด มีข้าพเจ้าเพียงคนเดียวหนีรอดมาเรียนท่าน!”

20 เมื่อโยบได้ยินดังนั้น เขาจึงลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุม และโกนศีรษะ เขาซบกายลงกับพื้นนมัสการพระเจ้า

21 และกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์มารดาตัวเปล่า

และข้าพเจ้าจะจากไปตัวเปล่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเอาไป

สรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์”

22 ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบไม่ได้ทำบาปโดยกล่าวโทษพระเจ้าเลย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/1-c66f7fd1e49d9a092ca6cc0fdec2136d.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 2

การทดสอบโยบครั้งที่สอง

1 อีกวันหนึ่งเมื่อบรรดาทูตสวรรค์มาชุมนุมกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและซาตานก็มาร่วมชุมนุมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?”

ซาตานกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่องเที่ยวไปมาในโลกพระเจ้าข้า”

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับซาตานว่า “เจ้าสังเกตดูโยบผู้รับใช้ของเราบ้างหรือไม่? ทั่วโลกนี้ไม่มีใครเหมือนเขา เขาเป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว เขายังคงซื่อสัตย์ภักดีต่อเราทั้งๆ ที่เจ้าท้าทายให้เรายอมให้เจ้าทำลายเขาโดยไม่มีสาเหตุ”

4 ซาตานกราบทูลว่า “หนังแทนหนัง! คนเรายอมเสียอะไรก็ได้เพื่อแลกชีวิตของตน

5 ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายเลือดเนื้อร่างกายของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์ต่อหน้าเลยทีเดียว”

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเถิด เจ้าจะทำอะไรเขาก็ได้ แต่ต้องไว้ชีวิตเขา”

7 ซาตานจึงทูลลาองค์พระผู้เป็นเจ้าไป แล้วทรมานโยบด้วยฝีร้ายซึ่งลามตั้งแต่ฝ่าเท้าถึงกลางกระหม่อม

8 โยบจึงเอาเศษหม้อแตกขูดเนื้อของเขาขณะนั่งอยู่ในกองขี้เถ้า

9 ภรรยาของโยบกล่าวกับเขาว่า “ท่านยังจะซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าอยู่อีกหรือ? จงแช่งด่าพระเจ้าแล้วก็ตายเสียเถอะ!”

10 โยบตอบว่า “เธอพูดเหมือนคนโง่เขลาเราจะรับแต่สิ่งดีๆ จากพระเจ้าโดยไม่ยอมรับความทุกข์ร้อนบ้างเลยหรือ?”

ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้โยบไม่ได้ทำบาปในสิ่งที่เขาพูดเลย

เพื่อนสามคนของโยบ

11 เมื่อเพื่อนสามคนของโยบ คือเอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ ได้ข่าวเรื่องความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นที่เกิดกับเขา ก็นัดกันเดินทางจากบ้านมาเพื่อร่วมทุกข์และให้กำลังใจโยบ

12 เมื่อพวกเขาเห็นโยบแต่ไกลก็จำเขาแทบไม่ได้ พวกเขาจึงพากันร้องไห้เสียงดัง ฉีกเสื้อผ้า และโปรยฝุ่นใส่ศีรษะ

13 แล้วนั่งอยู่ที่พื้นเป็นเพื่อนโยบตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่มีใครเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียวเพราะเห็นว่าโยบทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงใด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/2-2e32437ada9bd3f98964f3e22c5f50d2.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 3

คำกล่าวของโยบ

1 ต่อมาโยบเอ่ยปากสาปแช่งวันที่เขาเกิดมา

2 เขากล่าวว่า

3 “หากเป็นไปได้ ขอให้วันที่ข้าเกิดมาและคืนที่พวกเขาพูดกันว่า

‘เด็กชายคนหนึ่งเกิดมาแล้ว!’ พินาศเถิด

4 ขอให้วันนั้นกลับกลายเป็นความมืด

ขอพระเจ้าเบื้องบนอย่าใส่พระทัยกับวันนั้น

อย่าให้มีแสงใดๆ ส่องในวันนั้น

5 ขอให้ความมืดและเงาดำครอบคลุมมันไว้

ขอให้เมฆปกคลุมเหนือมัน

ขอให้ความมืดบดบังแสงสว่างของวันนั้น

6 ขอให้ความมืดกลืนค่ำคืนที่ข้าได้เกิดมานั้น

ขอให้ลบวันนั้นออกจากปฏิทิน

อย่านับมันเข้ากับวันหรือเดือนใดๆ อีกเลย

7 ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน

อย่าให้ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดี

8 ขอให้ผู้มีอาคมสาปแช่งวันทั้งหลาย

ผู้พร้อมจะปลุกเรียกเลวีอาธาน

ขึ้นมาสาปแช่งวันนั้น

9 ขอให้ดาวรุ่งในเช้านั้นอับแสงไป

ขอให้ความหวังที่จะได้เห็นแสงสว่างนั้นสูญเปล่า

และไม่มีวันได้เห็นแสงอรุณ

10 จงสาปแช่งวันนั้น เพราะมันไม่ยอมปิดครรภ์มารดาของข้า

ปล่อยให้ข้าเกิดมารู้เห็นความทุกข์นี้

11 “ทำไมหนอข้าจึงไม่ตายตั้งแต่เกิด?

ทำไมไม่สิ้นลมตั้งแต่คลอด?

12 ทำไมหนอจึงมีตักที่รองรับข้าไว้

มีอ้อมอกที่เลี้ยงดู?

13 ไม่เช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้นอนอย่างสงบ

ข้าคงได้หลับและพักอย่างสบาย

14 กับบรรดากษัตริย์และที่ปรึกษาของโลก

ผู้สร้างสถานที่สำหรับตนซึ่งบัดนี้ปรักหักพัง

15 กับบรรดาผู้ครอบครอง

ซึ่งมีเงินทองเต็มบ้าน

16 ทำไมหนอข้าจึงไม่ถูกดินกลบหน้าเหมือนทารกที่ตายตั้งแต่ยังไม่คลอด

ที่ไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวัน?

17 ที่นั่นคนชั่วหยุดวุ่นวาย

และคนเหนื่อยอ่อนก็ได้พักสงบ

18 เชลยอยู่อย่างสบาย

ไม่ได้ยินเสียงตะคอกจากนายทาสอีกต่อไป

19 ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยอยู่ที่นั่น

และทาสก็เป็นอิสระจากนาย

20 “ทำไมหนอจึงยังให้แสงสว่างแก่ผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญ

และให้ชีวิตแก่ผู้ที่ขมขื่นในดวงวิญญาณ?

21 แก่ผู้ที่กระหายหาความตายแต่ไม่พบ

ทั้งๆ ที่เขาเสาะหามันยิ่งกว่าขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่

22 ผู้เต็มไปด้วยความเปรมปรีดิ์

และชื่นชมยินดีเมื่อพวกเขาได้ไปถึงหลุมฝังศพ

23 ทำไมยังให้ชีวิต

กับชายจนตรอก

ผู้ที่พระเจ้าทรงปิดทางออกของชีวิตไว้?

24 เพราะการทอดถอนใจมาถึงข้าแทนข้าวปลาอาหาร

เสียงครวญครางของข้าพรั่งพรูออกมาเหมือนสายน้ำ

25 สิ่งที่ข้ากลัวได้มาถึงข้า

สิ่งที่ข้าหวาดหวั่นเกิดขึ้นกับข้าแล้ว

26 ข้าไม่มีสันติสุข ไม่มีความสงบ

ข้าไม่ได้พักผ่อน มีแต่ความวุ่นวายเท่านั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/3-9796d3e670100710e766acd1044fb3b4.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 4

เอลีฟัส

1 แล้วเอลีฟัสชาวเทมานตอบว่า

2 “ถ้าใครจะพูดอะไรกับท่านสักคำ ท่านพอจะทนฟังได้ไหม?

แต่ใครเล่าจะอดใจไว้ไม่พูดออกมา?

3 คิดดูสิว่าท่านเคยแนะนำคนมากมาย

เคยช่วยให้คนที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงมีกำลังขึ้นมาแล้วอย่างไร

4 คำพูดของท่านเคยค้ำจุนผู้ที่สะดุดล้ม

ท่านทำให้คนที่ล้มพับลงเข้มแข็งขึ้นมาได้

5 แต่เดี๋ยวนี้เมื่อความทุกข์ร้อนมาถึงท่าน ท่านก็ท้อแท้

เมื่อความทุกข์ร้อนกระหน่ำใส่ ท่านก็หมดกำลังใจ

6 ไม่ควรหรือที่คุณธรรมของท่านจะให้ความมั่นใจแก่ท่าน

และความประพฤติดีพร้อมของท่านจะให้ความหวังแก่ท่าน?

7 “บัดนี้จงใคร่ครวญดูเถิด มีหรือที่คนบริสุทธิ์ต้องพินาศ?

มีหรือที่คนชอบธรรมต้องถูกทำลาย?

8 ข้าสังเกตว่าคนที่ไถความชั่วและหว่านความเดือดร้อน

ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น

9 พวกเขาพินาศโดยลมหายใจของพระเจ้า

ย่อยยับโดยพระพิโรธของพระองค์

10 สิงโตอาจจะส่งเสียงขู่คำราม

แต่เขี้ยวเล็บของราชสีห์ก็ยังถูกหัก

11 สิงโตย่อยยับเพราะหาเหยื่อไม่ได้

ลูกสิงห์ต้องกระจัดกระจายไป

12 “มีถ้อยคำมาถึงข้าอย่างลี้ลับ

เป็นเสียงกระซิบที่หูของข้าได้ยิน

13 ในฝันร้ายซึ่งเข้ามายามค่ำคืน

ขณะที่ผู้คนหลับสนิท

14 ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจู่โจมข้า

ทำให้กระดูกทุกซี่ของข้าสั่นสะท้าน

15 วิญญาณดวงหนึ่งวูบผ่านหน้าข้าไป

ข้าขนลุกซู่

16 วิญญาณดวงนั้นหยุด

แต่ข้าบอกไม่ได้ว่ามันเป็นอะไร

มีร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้า

และข้าได้ยินเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งกล่าวว่า

17 ‘มนุษย์จะชอบธรรมกว่าพระเจ้าได้หรือ?

คนเราจะบริสุทธิ์กว่าพระผู้สร้างของเขาได้หรือ?

18 หากว่าพระเจ้ายังทรงไว้วางพระทัยผู้รับใช้ของพระองค์เองไม่ได้

หากว่าพระองค์ยังทรงกล่าวโทษความผิดพลาดของเหล่าทูตสวรรค์

19 แล้วผู้ที่อาศัยในเรือนดินจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด

ผู้ซึ่งมีรากฐานอยู่ในธุลีดิน

ซึ่งขยี้ให้ตายได้ง่ายดายยิ่งกว่าแมลงเม่า!

20 จากรุ่งอรุณถึงสนธยา เขาถูกห้ำหั่นเป็นชิ้นๆ

พินาศไปนิรันดร์โดยไม่มีผู้ใดสังเกต

21 เชือกขึงเต็นท์ของพวกเขาถูกดึงออก

จนเขาตายไปโดยปราศจากสติปัญญาไม่ใช่หรือ?’

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/4-65240795900f869b651ec4e1f3744b80.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 5

1 “ร่ำร้องไปเถิด แต่ใครเล่าจะตอบท่าน?

ท่านจะหันหน้าไปหาเทพเจ้าองค์ไหน?

2 คนโง่ตายเพราะโทสะจริต

ความอิจฉาริษยาเข่นฆ่าคนเขลา

3 ข้าเองเคยเห็นคนโง่สร้างตัวเป็นหลักเป็นฐาน

แต่ทันใดนั้นบ้านของเขาก็ถูกสาปแช่ง

4 ลูกหลานของเขาอยู่อย่างไร้ความปลอดภัย

และถูกคาดคั้นในศาลโดยไม่มีใครปกป้อง

5 พืชผลของเขาถูกคนหิวโหยผลาญหมด

แม้แต่ที่ขึ้นในพงหนามก็หมดสิ้น

ทรัพย์สินของเขาถูกคนกระหายฉกฉวยไป

6 เพราะความทุกข์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากดิน

ความเดือดร้อนไม่ได้งอกขึ้นจากพื้น

7 แต่คนเราเกิดมาเพื่อความทุกข์ยาก

เหมือนประกายไฟย่อมพุ่งขึ้นฟ้า

8 “หากเป็นข้า ข้าจะวิงวอนต่อพระเจ้า

ข้าจะนำเรื่องราวของข้าร้องทูลต่อพระองค์

9 พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์

ที่เกินการหยั่งรู้และเหลือคณานับ

10 พระองค์ทรงให้ฝนตกลงมาบนโลก

ทรงส่งน้ำเข้ามาในท้องทุ่ง

11 ทรงเชิดชูผู้ที่ต่ำต้อย

และทรงยกชูผู้คร่ำครวญขึ้นสู่สวัสดิภาพ

12 พระองค์ทรงขัดขวางแผนการของคนเจ้าเล่ห์

เพื่อการงานของเขาจะไม่สำเร็จ

13 พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเขาเอง

และทรงล้มแผนการของคนชั่ว

14 ความมืดมนมาเหนือเขาในยามกลางวัน

กลางวันแสกๆ เขาคลำสะเปะสะปะเหมือนอยู่ในยามกลางคืน

15 พระเจ้าทรงช่วยผู้ยากไร้จากวาจาเชือดเฉือนของพวกเขา

ทรงกู้เขาจากอุ้งมือของผู้มีอิทธิพล

16 ดังนั้นคนยากจนยังมีความหวัง

และความอยุติธรรมก็เป็นฝ่ายปิดปากเงียบ

17 “ความสุขมีแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงตักเตือน

ฉะนั้นอย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์ทรงฤทธิ์

18 เพราะพระองค์ทรงทำให้เป็นแผล แต่ก็ทรงสมานรอยแผล

พระองค์ทรงทำให้บาดเจ็บ แต่ก็ทรงรักษาให้หาย

19 พระองค์จะทรงกอบกู้ท่านจากอันตรายหกครั้ง

แม้จะมีครั้งที่เจ็ดก็ไม่อาจทำอันตรายท่านได้

20 พระองค์จะทรงช่วยท่านให้พ้นจากความตายในยามกันดารอาหาร

และจากคมดาบในยามสงคราม

21 ท่านจะได้รับการปกป้องจากคำนินทาว่าร้าย

และไม่จำเป็นต้องหวั่นกลัวเมื่อความพินาศมาถึง

22 ท่านจะยิ้มเยาะให้แก่ความพินาศและการกันดารอาหาร

และไม่ต้องหวาดกลัวสัตว์ร้าย

23 ท่านจะผูกมิตรกับก้อนหินในทุ่งนา

และหมู่สัตว์ป่าจะญาติดีกับท่าน

24 ท่านจะมั่นใจว่าเต็นท์ของท่านมั่นคงปลอดภัย

ตรวจดูทรัพย์สินก็ไม่มีอะไรขาดหาย

25 ท่านจะได้ทราบว่าลูกหลานของท่านจะมีมากมาย

และพงศ์พันธุ์ของท่านจะมีมากมายเหมือนหญ้าบนแผ่นดินโลก

26 แม้มาถึงหลุมฝังศพ ท่านก็ยังแข็งแรง

เหมือนฟ่อนข้าวที่เก็บเกี่ยวตามฤดูกาล

27 “เราได้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ก็พบว่าเป็นความจริง

ฉะนั้นท่านเองโปรดรับฟังและนำไปปฏิบัติเถิด”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/5-ee4f57a502e0af620a18ab22ef8dec91.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 6

โยบ

1 แล้วโยบตอบว่า

2 “อยากให้ชั่งดูความทุกข์ร้อนของข้า

และเอาความลำเค็ญทั้งหมดของข้าขึ้นตราชู!

3 แน่นอนว่ามันจะหนักยิ่งกว่าเม็ดทรายในทะเล

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าได้พูดอย่างวู่วาม

4 ลูกศรขององค์ทรงฤทธิ์ฝังอยู่ในข้า

ยาพิษที่อาบไว้ซึมซาบวิญญาณของข้า

ความหวาดหวั่นที่พระเจ้าส่งมาประดังเข้าใส่ข้า

5 มีหรือที่ลาป่าจะร้องเมื่อมีหญ้า?

มีหรือที่วัวจะส่งเสียงเมื่อมีอาหารกิน?

6 จะกินอาหารที่จืดชืดโดยไม่เหยาะเกลือได้หรือ?

ไข่ขาวดิบๆ จะมีรสชาติอะไร?

7 ข้าไม่ยอมแตะต้องอาหารแบบนั้นหรอก

เพราะทำให้ข้าเอือม

8 “โอ ขอให้ข้าได้ตามที่ทูลขอเถิด

ขอพระเจ้าโปรดประทานตามที่ข้าหวังไว้

9 คือขอให้พระเจ้าทรงขยี้ข้า

ขอทรงคลายพระหัตถ์ที่กำข้าไว้ แล้วปล่อยให้ข้าถูกตัดขาดไป!

10 อย่างน้อยข้าก็ยังมีข้อปลอบใจ

และยินดีขณะเจ็บปวดแสนสาหัส

ว่าข้าไม่ได้ปฏิเสธพระวจนะขององค์บริสุทธิ์

11 “ข้าเอากำลังจากไหนหนอจึงยังมีความหวังอยู่?

ข้ามีความคาดหมายอะไรหนอถึงทนอยู่ได้?

12 กำลังของข้าแข็งแกร่งดั่งหินผาหรือ?

เนื้อของข้าเป็นทองสัมฤทธิ์หรือ?

13 ข้ายังมีกำลังจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือ

ในเมื่อความสำเร็จมลายไปจากข้าแล้ว?

14 “ถึงแม้ว่าคนสิ้นหวังจะหมดความยำเกรงองค์ทรงฤทธิ์

แต่เขายังสมควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อนฝูง

15 แต่ข้าพึ่งพวกท่านที่เป็นเสมือนพี่น้องของข้าไม่ได้เลย เหมือนสายน้ำที่ไหลๆ หยุดๆ

เหมือนลำธารที่ไหลล้น

16 ซึ่งขุ่นดำและเอ่อล้น

เพราะน้ำแข็งและหิมะละลาย

17 แต่ยามแห้งแล้งกลับหยุดไหล

และเมื่ออากาศร้อนระอุกลับแห้งผาก

18 กองคาราวานหันออกจากเส้นทางของเขา

เข้าไปในแดนกันดารแล้วก็พินาศ

19 กองคาราวานของเหล่าพ่อค้าเร่จากเทมาและเชบา

เสาะหาน้ำด้วยความหวัง

20 พวกเขาทุกข์เพราะหวังไว้มาก

ครั้นมาถึงกลับต้องผิดหวัง

21 ท่านก็เป็นเช่นนั้น พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยเหลืออะไร

พอเห็นสิ่งที่น่าขยะแขยงท่านก็ขยาดกลัว

22 ข้าเคยเอ่ยปากหรือว่า ‘ขออะไรให้ข้าบ้าง

ขอไถ่ข้าด้วยทรัพย์สินของท่าน

23 หรือขอช่วยข้าจากมือของศัตรู

ขอไถ่ข้าจากอุ้งมือของคนอำมหิต’?

24 “สอนข้าเถิด แล้วข้าจะนิ่งสงบ

ชี้แจงมาสิว่าข้าผิดตรงไหน

25 คำพูดจริงใจช่างน่าเจ็บปวดจริงนะ!

แต่คำโต้แย้งของท่านพิสูจน์อะไรได้?

26 ท่านจงใจจะแก้คำพูดของข้า

และทำราวกับว่าถ้อยคำของคนสิ้นหวังเป็นเหมือนสายลมหรือ?

27 พวกท่านถึงกับจับฉลากเลือกลูกกำพร้าพ่อ

และขายเพื่อน

28 “แต่บัดนี้ โปรดเมตตาดูข้าเถิด

ข้าจะโกหกท่านซึ่งๆ หน้าหรือ?

29 หยุดเหมาว่าข้าผิดเสียทีเถิด อย่าอยุติธรรมนักเลย

ขอให้ทบทวนดูเพราะข้าชอบธรรม

30 ข้ากล่าวสิ่งชั่วร้ายอันใดหรือ?

ปากของข้าแยกแยะความชั่วไม่ได้หรือ?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/6-3b0e0c2ca4e1aa7923ad75b2d4d3bec1.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 7

1 “มนุษย์ไม่ต้องดิ้นรนตรากตรำในโลกเหมือนทหารที่ถูกเกณฑ์หรอกหรือ?

ชีวิตของเขาไม่เหมือนชีวิตลูกจ้างหรอกหรือ?

2 เหมือนทาสที่ใฝ่หายามเย็นหลังเลิกงาน

เหมือนลูกจ้างตั้งตารอเวลารับค่าจ้าง

3 ข้าก็เช่นกัน ได้รับส่วนปีเดือนอันไร้ผล

ได้รับคืนวันอันทุกข์ลำเค็ญ

4 เมื่อข้านอนลงข้าก็คิดว่า ‘อีกนานไหมกว่าจะได้ตื่น?’

ค่ำคืนช่างยืดยาวจริงๆ ข้านอนกระสับกระส่ายจนรุ่งสาง

5 ร่างของข้าเต็มไปด้วยหนอนและแผลตกสะเก็ด

ผิวหนังของข้าปริแตกและกลัดหนอง

6 “ชีวิตของข้าผ่านไปเร็วกว่ากระสวยของช่างทอ

แล่นไปสู่จุดจบอย่างสิ้นหวัง

7 ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกว่าชีวิตของข้าพระองค์นั้นเพียงอึดใจเดียว

ตาของข้าพระองค์จะไม่เห็นความสุขอีก

8 ตาของผู้ที่เห็นข้าพระองค์ตอนนี้ ต่อไปก็จะไม่เห็นอีกแล้ว

พระองค์จะทอดพระเนตรหาข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่อยู่เสียแล้ว

9 เหมือนเมฆสลายตัวและลับหายไป

คนที่ลงไปยังหลุมฝังศพก็ไม่หวนคืนมาอีก

10 เขาจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีกเลย

เขาจะไม่เป็นที่รู้จักในแถบนั้นอีก

11 “ฉะนั้นข้าพระองค์จะไม่นิ่งอยู่

ข้าพระองค์จะพูดออกมาด้วยความทุกข์ระทมใจ

ข้าพระองค์จะพร่ำบ่นด้วยความขมขื่นในดวงวิญญาณ

12 ข้าพระองค์เป็นทะเลหรือสัตว์ร้ายแห่งห้วงลึกกระนั้นหรือ

พระองค์จึงทรงวางยามเฝ้าข้าพระองค์ไว้?

13 เมื่อข้าพระองค์คิดว่าการนอนหลับจะช่วยปลอบใจ

และฟูกนุ่มๆ จะทำให้ข้าพระองค์คลายทุกข์ที่พร่ำบ่นถึงอยู่

14 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเขย่าขวัญข้าพระองค์ด้วยความฝัน

ทำให้ข้าพระองค์หวาดหวั่นด้วยนิมิตต่างๆ

15 ดังนั้นให้ข้าพระองค์อึดอัดใจและตายไป

ยังดีกว่าอยู่ในร่างกายอย่างนี้ต่อไป

16 ข้าพระองค์เบื่อหน่ายชีวิต ข้าพระองค์ไม่ขออยู่ค้ำฟ้า

โปรดทิ้งข้าพระองค์ไว้ตามลำพังเพราะวันเวลาของข้าพระองค์ไม่มีความหมาย

17 “มนุษย์นั้นสำคัญไฉนหนอ

พระองค์จึงเอาพระทัยใส่เขาขนาดนั้น?

18 ที่พระองค์จะต้องตรวจตราเขาอยู่ทุกเช้า

และทดสอบเขาอยู่ทุกขณะ

19 พระองค์จะทรงหันไปทางอื่น

หรือปล่อยข้าพระองค์ไว้ตามลำพังแม้สักครู่เดียวไม่ได้เลยหรือ?

20 ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเฝ้าดูมนุษยชาติ

หากข้าพระองค์ได้ทำบาป ข้าพระองค์ได้ทำอะไรต่อพระองค์เล่า?

เหตุใดทรงกระทำให้ข้าพระองค์ตกเป็นเป้าของพระองค์?

และทำให้ชีวิตข้าพระองค์เป็นภาระแก่พระองค์?

21 ทำไมหนอพระองค์จึงไม่อภัยความผิดพลั้ง

และยกโทษบาปของข้าพระองค์?

ในเมื่ออีกไม่นานข้าพระองค์ก็จะนอนลงกลางธุลีดิน

พระองค์จะทรงเสาะหาข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่อยู่เสียแล้ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/7-880a43cc76efb3105d200842f3c312ff.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 8

บิลดัด

1 บิลดัดชาวชูอาห์โต้ตอบโยบว่า

2 “ท่านจะพูดเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด

ถ้อยคำของท่านเป็นดั่งพายุบุแคม

3 พระเจ้าทรงบิดเบือนความยุติธรรมหรือ?

องค์ทรงฤทธิ์บิดเบือนความถูกต้องหรือ?

4 หากบุตรหลานของท่านทำบาปต่อพระองค์

พระองค์ก็ทรงลงโทษพวกเขา

5 แต่ถ้าท่านหมายพึ่งพระเจ้า

ทูลวิงวอนองค์ทรงฤทธิ์

6 หากท่านบริสุทธิ์และชอบธรรม

พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อท่าน

แล้วนำท่านคืนสู่ฐานะอันสมควรแก่ท่าน

7 ถึงแม้ว่าท่านจะเริ่มต้นด้วยสิ่งเล็กน้อย

อนาคตของท่านก็ยังจะเจริญรุ่งเรือง

8 “จงถามคนรุ่นก่อนดู

แล้วท่านจะค้นพบสิ่งที่บรรพบุรุษได้เรียนรู้

9 เพราะเราเพิ่งเกิดมาเมื่อวานนี้เท่านั้น และไม่รู้อะไร

และวันเวลาของเราในโลกนี้ก็เป็นเพียงเงา

10 บรรพบุรุษจะไม่บอกกล่าวเล่าสอนหรือ?

จะไม่พูดให้ท่านฟังจากความเข้าใจของพวกเขาหรอกหรือ?

11 ต้นกกจะขึ้นงามในที่ซึ่งไม่มีห้วยหนองคลองบึงหรือ?

ต้นอ้อจะอยู่ได้โดยปราศจากน้ำหรือ?

12 และทั้งๆ ที่พวกมันยังงอกงาม ไม่มีใครมาตัด

มันก็ยังเหี่ยวเฉาไปเร็วกว่าต้นหญ้าฉันใด

13 บั้นปลายของผู้ที่หลงลืมพระเจ้าก็เป็นไปฉันนั้น

ความหวังของผู้ที่ไม่มีพระเจ้าก็พินาศไป

14 สิ่งที่เขาพึ่งพาก็เปราะบาง

สิ่งที่เขาพึ่งพิงเป็นแค่ใยแมงมุม

15 เขาหวังพักพิง แต่มันก็ขาดไป

เขายึดกุมไว้ แต่มันก็ไม่คงอยู่

16 เขาเหมือนต้นไม้ที่ได้รับน้ำชุ่มชื่นกลางแดด

แผ่แขนงไปในสวน

17 รากของเขาหยั่งลงไปในกองหิน

เสาะหาที่จะชอนไชไป

18 แต่เมื่อถูกหักโค่นไป

ถิ่นนั้นก็ตัดขาดจากมันและกล่าวว่า ‘เราไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน’

19 แน่ทีเดียว ชีวิตของมันก็เหี่ยวเฉาไป

และมีพืชอื่นๆ งอกขึ้นมาแทนที่

20 “แน่ทีเดียว พระเจ้าย่อมไม่ทอดทิ้งคนที่ดีพร้อม

ทั้งจะไม่ค้ำจุนคนทำชั่ว

21 พระองค์จะยังคงให้ปากของท่านหัวเราะร่า

และให้ริมฝีปากของท่านโห่ร้องยินดี

22 ศัตรูของท่านจะเต็มไปด้วยความอับอาย

เต็นท์ของคนชั่วร้ายจะไม่มีอีกต่อไป”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/8-3f95d8bcff2568ad20d163d256897a5c.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 9

โยบ

1 โยบจึงตอบว่า

2 “จริงอยู่ ข้ารู้แล้วว่าเป็นอย่างนั้น

แต่มนุษย์จะชอบธรรมสำหรับพระเจ้าได้อย่างไร?

3 แม้คนใดปรารถนาจะโต้แย้งกับพระเจ้า

เขาก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้แม้แต่ครั้งเดียวจากพันครั้ง

4 เพราะสติปัญญาของพระเจ้าลึกซึ้ง และฤทธิ์อำนาจของพระองค์มหาศาล

ใครเล่าจะต่อต้านพระเจ้าและรอดมาโดยไม่มีอันตราย?

5 พระองค์ทรงเคลื่อนภูเขาโดยที่มันไม่ทันรู้ตัว

และพลิกคว่ำมันด้วยพระพิโรธ

6 พระองค์ทรงเขย่าโลกให้ออกจากที่

ทำให้เสาหลักของมันสั่นคลอน

7 พระองค์ตรัสสั่ง ดวงอาทิตย์ก็ไม่ส่องแสง

พระองค์ทรงผนึกดวงดาวไม่ให้ฉายแสง

8 พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออก

และทรงย่ำเหนือคลื่นทะเล

9 พระองค์ทรงสร้างดาวจระเข้และดาวไถ

ดาวลูกไก่และหมู่ดาวแห่งทิศใต้

10 พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์

ที่เกินการหยั่งรู้และเหลือคณานับ

11 เมื่อพระองค์เสด็จผ่านข้า ข้าไม่สามารถเห็นพระองค์

เมื่อเสด็จผ่านไป ข้าไม่สามารถประจักษ์

12 เมื่อพระองค์ทรงฉวยไป ใครจะยับยั้งพระองค์ได้?

ใครจะอาจหาญทูลถามพระองค์ว่า ‘ทรงทำอะไรนั่น?’

13 พระเจ้าไม่ได้ทรงยับยั้งพระพิโรธ

แม้แต่กองกำลังของราหับก็กลัวลานอยู่แทบพระบาทพระองค์

14 “แล้วข้าจะบังอาจโต้แย้งกับพระเจ้าหรือ?

ข้าจะสรรหาคำอะไรมาโต้เถียงกับพระองค์หรือ?

15 แม้ข้าไม่ผิด ข้าก็ไม่อาจโต้ตอบพระองค์

ได้แต่วอนขอความเมตตาจากองค์ตุลาการ

16 ถึงแม้ว่าข้าทูลร้องเรียกและพระองค์ทรงขานตอบ

ข้าก็ไม่เชื่อว่าพระองค์จะทรงสดับฟัง

17 พระองค์คงจะทรงบดขยี้ข้าด้วยลมพายุ

และทวีบาดแผลของข้าโดยไม่มีสาเหตุ

18 พระองค์จะไม่ทรงยอมให้ข้าหายใจ

แต่เติมความรันทดขมขื่นใส่ข้าจนล้นปรี่

19 ถ้าจะว่าด้วยเรื่องพลัง พระองค์ทรงเกรียงไกรนัก!

ถ้าจะว่าด้วยเรื่องความยุติธรรม ใครจะเรียกพระองค์มาให้การได้?

20 ถึงแม้ข้าไร้ผิด ปากของข้าเองยังกล่าวโทษข้า

แม้ข้าดีพร้อม ปากของข้าก็ยังจะพูดว่าตัวเองมีมลทิน

21 “แม้ว่าข้าไร้ตำหนิ

ข้าก็ไม่แยแสตัวเอง

ข้าชิงชังชีวิตของข้าเองยิ่งนัก

22 มันไม่ต่างอะไรกัน ฉะนั้นข้าจึงกล่าวว่า

‘พระองค์ทรงทำลายทั้งคนดีพร้อมและคนชั่วร้าย’

23 เมื่อโทษทัณฑ์นำความตายมาโดยฉับพลัน

พระองค์ทรงยิ้มเยาะความสิ้นหวังของผู้ที่ไม่มีความผิด

24 เมื่อแผ่นดินตกอยู่ในมือของคนชั่ว

พระเจ้าทรงทำให้ตาของบรรดาตุลาการมืดบอด

หากไม่ใช่พระองค์แล้วจะเป็นใครเล่า?

25 “วันคืนของข้าพระองค์ไวยิ่งกว่านักวิ่ง

ลอยลับไปโดยไม่มีความชื่นใจแม้แต่น้อยนิด

26 มันแล่นปราดไปเหมือนเรือพาไพรัส

เหมือนนกอินทรีโฉบลงบนเหยื่อ

27 หากกล่าวว่า ‘ข้าพระองค์จะลืมคำโอดครวญของตน

ข้าพระองค์จะเปลี่ยนสีหน้าและยิ้มแย้มร่าเริง’

28 แต่ข้าพระองค์ก็ยังขยาดความทุกข์ยากทั้งสิ้นของข้าพระองค์

เพราะรู้ว่าพระองค์ยังทรงถือว่าข้าพระองค์มีความผิด

29 ในเมื่อถูกตัดสินว่าผิด

ก็แล้วข้าพระองค์จะดิ้นรนต่อสู้ให้เปล่าประโยชน์ไปทำไม?

30 ถึงข้าพระองค์จะอาบน้ำชำระกายด้วยสบู่

เอาด่างล้างมือให้สะอาด

31 พระองค์ก็จะทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ลงในบ่อโคลน

จนแม้แต่เสื้อผ้าของข้าพระองค์ก็ยังรังเกียจตัวข้าพระองค์เอง

32 “พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์อย่างข้า ที่ข้าจะไปโต้ตอบได้

ที่เราจะเผชิญหน้ากันในศาล

33 อยากให้มีใครสักคนเป็นคนกลางระหว่างเราทั้งสอง

เผื่อจะได้ช่วยไกล่เกลี่ย

34 ใครสักคนที่จะช่วยเก็บไม้เรียวของพระเจ้าไปจากข้า

เพื่อข้าจะได้เลิกหวาดหวั่นพระอาชญาของพระองค์

35 แล้วข้าจะพูดโดยไม่ต้องหวาดกลัวพระองค์

แต่ขณะนี้ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/9-f9288edf6a2987e584f0a5aead43a6ba.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 10

1 “ข้าเกลียดชีวิตของข้าเสียจริง

ฉะนั้นข้าจะพร่ำบ่นตามอำเภอใจ

จะระบายความขมขื่นในวิญญาณของข้า

2 ข้าจะทูลพระเจ้าว่าขออย่าทรงตัดสินว่าข้าพระองค์ผิดเท่านั้น

โปรดบอกด้วยว่าพระองค์ทรงตั้งข้อหาอะไรต่อข้าพระองค์

3 ทรงพอพระทัยหรือที่จะบีบคั้นข้าพระองค์

และไม่ไยดีผู้ที่เป็นหัตถกิจของพระองค์

ในขณะที่ทรงยิ้มให้แผนการของคนชั่วร้าย?

4 พระองค์ทรงมีพระเนตรอย่างตาของคนหรือ?

พระองค์ทรงเห็นอย่างมนุษย์หรือ?

5 วันของพระองค์เหมือนวันของมนุษย์หรือ?

ปีของพระองค์เหมือนปีของมนุษย์หรือ?

6 พระองค์จึงต้องค้นหาความผิดของข้าพระองค์

และขุดคุ้ยบาปของข้าพระองค์

7 ทั้งๆ ที่ทราบว่าข้าพระองค์ไม่ได้ทำผิด

และไม่มีใครสามารถช่วยข้าพระองค์จากเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ได้

8 “พระหัตถ์ของพระองค์ทรงสร้างและทรงปั้นข้าพระองค์มา

บัดนี้กลับจะทรงทำลายข้าพระองค์หรือ?

9 ขอทรงระลึกว่าพระองค์ทรงปั้นข้าพระองค์ขึ้นมาจากดิน

บัดนี้จะทรงเปลี่ยนข้าพระองค์กลับไปเป็นธุลีดินอีกหรือ?

10 พระองค์ไม่ได้ทรงเทข้าพระองค์ลงเหมือนเทน้ำนม

และกวนข้าพระองค์เหมือนเนยแข็งหรือ?

11 ทรงห่อหุ้มข้าพระองค์ด้วยเนื้อกับหนัง

และทรงถักร้อยข้าพระองค์เข้าด้วยกันโดยกระดูกกับเส้นเอ็นไม่ใช่หรือ?

12 พระองค์ประทานชีวิตให้ และทรงสำแดงความกรุณาแก่ข้าพระองค์

และในการจัดเตรียมของพระองค์ ทรงเฝ้าพิทักษ์รักษาจิตวิญญาณของข้าพระองค์

13 “แต่นี่คือสิ่งที่พระองค์ซ่อนไว้ในพระทัย

และข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงดำริเช่นนี้

14 คือหากข้าพระองค์ทำบาป พระองค์ทรงเฝ้าดูอยู่

และไม่ปล่อยให้ข้าพระองค์ลอยนวลไปได้

15 หากข้าพระองค์ทำผิด วิบัติก็เกิดกับข้าพระองค์!

ถึงแม้ข้าพระองค์ไม่ผิด ข้าพระองค์ก็ยังไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้

เพราะข้าพระองค์รู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก

และจมอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมานของข้าพระองค์

16 หากข้าพระองค์เงยหน้าขึ้น พระองค์ก็ทรงย่างเข้าหาเหมือนราชสีห์

และแสดงฤทธิ์อำนาจอันน่าครั่นคร้ามของพระองค์ต่อข้าพระองค์

17 พระองค์ทรงเบิกพยานใหม่ๆ มากล่าวหาข้าพระองค์

และกริ้วข้าพระองค์มากยิ่งขึ้น

กองกำลังของพระองค์ถาโถมเข้าใส่ข้าพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

18 “ถ้าเช่นนั้นพระองค์ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดาทำไม?

ข้าพระองค์อยากจะตายตั้งแต่ยังไม่มีใครเห็น

19 ถ้าเพียงแต่ข้าพระองค์ไม่เคยเกิดมาเป็นตัวเป็นตน

หรือพอออกจากครรภ์มารดาก็ตรงดิ่งไปสู่หลุมฝังศพเลย!

20 ชีวิตสั้นๆ ของข้าพระองค์ใกล้จะดับแล้วไม่ใช่หรือ?

ขอทรงหันไปจากข้าพระองค์เถิด เผื่อข้าพระองค์อาจจะมีเวลาชื่นใจสักชั่วขณะหนึ่ง

21 ก่อนจะไปสู่ที่ที่ไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก

สู่ดินแดนแห่งความหม่นหมองและเงามืดมิด

22 ดินแดนแห่งค่ำคืนอันมืดสนิท

มีแต่เงามืดมิดและความวุ่นวาย

ที่ซึ่งแม้แต่ความสว่างก็ยังเหมือนความมืด”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/10-549eb80f4385fef724b0a893d041a7e7.mp3?version_id=179—