Categories
โยชูวา

โยชูวา 14

การแบ่งดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

1 ทั้งหมดนี้คือดินแดนในคานาอันที่ชนอิสราเอลได้รับกรรมสิทธิ์ ซึ่งปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และหัวหน้าตระกูลของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลเป็นผู้แบ่งสรรให้

2 พวกเขาทอดสลากแบ่งสรรกรรมสิทธิ์ในหมู่เก้าเผ่าครึ่ง ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ผ่านทางโมเสส

3 โมเสสได้มอบดินแดนทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนให้แก่สองเผ่าครึ่งเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว แต่เผ่าเลวีไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใดๆ ท่ามกลางเผ่าที่เหลือ

4 เพราะลูกหลานของโยเซฟได้กลายเป็นสองเผ่า คือเผ่ามนัสเสห์และเผ่าเอฟราอิม ชนเลวีไม่ได้รับดินแดนใดๆ เว้นแต่เมืองสำหรับอาศัยและทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของพวกเขา

5 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงแบ่งดินแดนกันตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

ให้เมืองเฮโบรนแก่คาเลบ

6 ครั้งนั้นคนเผ่ายูดาห์เข้าพบโยชูวาที่กิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์คนเคนัสกล่าวว่า “ท่านทราบแล้วที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสคนของพระเจ้าที่คาเดชบารเนียเกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้า

7 ข้าพเจ้าอายุสี่สิบปีเมื่อโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่งข้าพเจ้าจากคาเดชบารเนียไปสำรวจดินแดน และข้าพเจ้ากลับมารายงานตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า

8 พี่น้องที่ไปกับเราทำให้ประชากรเสียขวัญ แต่ส่วนข้าพเจ้าติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ

9 โมเสสจึงปฏิญาณกับข้าพเจ้าในวันนั้นว่า ‘ดินแดนส่วนที่เจ้าเหยียบย่างเข้าไปนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้ากับลูกหลานของเจ้าตลอดไป เพราะเจ้าได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างสุดใจ’

10 บัดนี้เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าอยู่รอดมา 45 ปีนับแต่พระองค์ตรัสกับโมเสสเมื่อครั้งที่อิสราเอลรอนแรมอยู่ในถิ่นกันดาร เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าก็อายุ 85 ปีแล้ว!

11 ข้าพเจ้ายังคงแข็งแรงเหมือนเมื่อครั้งโมเสสใช้ให้เราเดินทางไป ข้าพเจ้ายังแข็งขันในการสู้รบเท่าๆ กับในตอนนั้น

12 ฉะนั้นขอให้ท่านยกดินแดนเทือกเขาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับข้าพเจ้าในวันนั้น ท่านเองก็ได้ยินแล้วว่ามนุษย์ยักษ์อานาคอาศัยอยู่ที่นั่น เมืองของเขาใหญ่โต มีปราการแน่นหนา แต่หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย ข้าพเจ้าจะขับไล่พวกเขาออกไปตามที่พระองค์ตรัส”

13 แล้วโยชูวาจึงอวยพรคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ และมอบเฮโบรนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา

14 ดังนั้นเฮโบรนจึงเป็นของคาเลบบุตรเยฟุนเนห์คนเคนัสตั้งแต่นั้นมา เพราะคาเลบได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลอย่างสุดใจ

15 (เฮโบรนเคยมีชื่อว่าคีริยาทอารบา ตามชื่อของอารบาผู้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกอานาค)

แล้วแผ่นดินนั้นก็สงบว่างเว้นจากสงคราม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/14-333eebd732435ab3a7b638ca0e1744e3.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 15

ดินแดนของเผ่ายูดาห์

1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่ายูดาห์ตามแต่ละตระกูล ด้านใต้จดพรมแดนเมืองเอโดม ถึงถิ่นกันดารศินทางใต้สุด

2 พรมแดนด้านใต้ของพวกเขาเริ่มจากอ่าวที่ปลายทะเลเกลือด้านใต้

3 ผ่านทางใต้ของช่องแคบแมงป่อง มายังถิ่นกันดารศินไปที่ทางใต้ของคาเดชบารเนีย แล้วผ่านเฮสโรนไปยังอัดดาร์ อ้อมมาที่คารคา

4 ผ่านมายังอัสโมนไปจดลำน้ำแห่งอียิปต์และมาสิ้นสุดที่ทะเล นี่คือพรมแดนด้านใต้ของพวกเขา

5 พรมแดนด้านตะวันออกคือ ทะเลเกลือไปไกลถึงปากแม่น้ำจอร์แดน

พรมแดนด้านเหนือเริ่มจากอ่าวของทะเลที่ปากแม่น้ำจอร์แดน

6 ขึ้นไปถึงเบธโฮกลาห์ไปทางเหนือของเบธอาราบาห์ถึงศิลาแห่งโบฮันบุตรของรูเบน

7 จากที่นั่นผ่านหุบเขาอาโคร์ถึงเดบีร์ แล้วขึ้นเหนือไปยังกิลกาลตรงข้ามไหล่เขาอาดุมมิมทางด้านใต้ของหุบเขา ต่อไปถึงแหล่งน้ำเอนเชเมชและไปสู่เอนโรเกล

8 ผ่านหุบเขาเบนฮินโนม ตามไหล่เขาทิศใต้ของเมืองเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) แล้วขึ้นไปยังยอดเขาทางทิศตะวันตกของหุบเขาฮินโนม ไปถึงทางด้านเหนือของหุบเขาแห่งเรฟาอิม

9 จากยอดเขานี้ เส้นแบ่งอาณาเขตมุ่งไปยังน้ำพุเนฟโทอาห์ เมืองต่างๆ บริเวณภูเขาเอโฟรนเรื่อยมาจนถึงบาอาลาห์ (คือคีริยาทเยอาริม)

10 จากนั้นพรมแดนโค้งไปทางทิศตะวันตก จากบาอาลาห์ไปถึงภูเขาเสอีร์ เรื่อยมาตามลาดเขาด้านเหนือของภูเขาเยอาริม (คือเคสะโลน) ลงมาถึงเบธเชเมชและไปยังทิมนาห์

11 ไปสู่ลาดเขาทางเหนือของเอโครน เลี้ยวไปยังชิกเคโรน เรื่อยมาสู่ภูเขาบาอาลาห์ ผ่านยับเนเอลและสิ้นสุดที่ทะเล

12 เขตแดนด้านตะวันตกคือชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่คือพรมแดนโดยรอบของชนยูดาห์แบ่งตามตระกูลของพวกเขา

13 ตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโยชูวามอบดินแดนส่วนหนึ่งในยูดาห์ให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ คือคีริยาทอารบาหรือเฮโบรน (อารบาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ยักษ์อานาค)

14 คาเลบขับไล่พงศ์พันธุ์ทั้งสามของมนุษย์ยักษ์อานาคจากเฮโบรน คือเชชัย อาหิมาน และทัลมัย

15 แล้วเดินทัพต่อไปสู้รบกับชาวเดบีร์ (ซึ่งแต่ก่อนชื่อว่าคีริยาทเสเฟอร์)

16 คาเลบประกาศว่า “ข้าพเจ้าจะยกบุตรสาวชื่ออัคสาห์ให้เป็นภรรยาผู้ที่สามารถยึดเมืองคีริยาทเสเฟอร์ได้สำเร็จ”

17 โอทนีเอลบุตรเคนัส น้องชายของคาเลบพิชิตเมืองนั้นสำเร็จ คาเลบจึงยกนางอัคสาห์ให้เป็นภรรยา

18 อยู่มาวันหนึ่งนางชวนโอทนีเอลไปขอที่ดินจากบิดา เมื่อนางลงจากหลังลา คาเลบถามว่า “จะให้พ่อช่วยอะไรบ้าง?”

19 นางตอบว่า “โปรดกรุณาลูกเป็นพิเศษ พ่อยกที่ดินในเนเกบให้แล้ว โปรดยกน้ำพุให้ลูกด้วย” ดังนั้นคาเลบจึงยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้นาง

20 ต่อไปนี้คือกรรมสิทธิ์ของเผ่ายูดาห์แบ่งตามตระกูล

21 เมืองต่างๆ ใต้สุดของเผ่ายูดาห์ในเนเกบไปถึงชายแดนของเอโดม ได้แก่

ขับเซเอล เอเดอร์ ยากูร์

22 คีนาห์ ดีโมนาห์ อาดาดาห์

23 เคเดช ฮาโซร์ อิทนาน

24 ศิฟเทเลม เบอาโลท

25 ฮาโซร์ฮาดัททาห์ เคริโอทเฮสโรน (คือฮาโซร์)

26 อามัม เชมา โมลาดาห์

27 ฮาซารกัดดาห์ เฮชโมน เบธเปเลท

28 ฮาซารชูอาล เบเออร์เชบา บิซิโอธิยาห์

29 บาอาลาห์ อิยิม เอเซม

30 เอลโทลัด เคสีล โฮรมาห์

31 ศิกลาก มัดมันนาห์ ซันซันนาห์

32 เลบาโอธ ชิลฮิม อายิน และริมโมน รวม 29 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

33 แถบเชิงเขาทางตะวันตกได้แก่

เอชทาโอล โศราห์ อัชนาห์

34 ศาโนอาห์ เอนกันนิม ทัปปูวาห์ เอนัม

35 ยารมุท อดุลลัม โสโคห์ อาเซคาห์

36 ชาอาราอิม อาดีธาอิม และเกเดราห์ (หรือเกเดโรธาอิม)รวม 14 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

37 เศนัน ฮาดาชาห์ มิกดัลกาด

38 ดิเลอัน มิสปาห์ โยคเธเอล

39 ลาคีช โบสคาท เอกโลน

40 คับโบน ลามัส คิทลิช

41 เกเดโรท เบธดาโกน นาอามาห์ และมักเคดาห์ รวม 16 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

42 ลิบนาห์ เอเธอร์ อาชัน

43 อิฟทาห์ อัชนาห์ เนซีบ

44 เคอีลาห์ อัคซิบ และมาเรชาห์ รวม 9 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

45 เอโครนกับหมู่บ้านและถิ่นฐานโดยรอบ

46 ตะวันตกของเอโครนทั้งหมดในละแวกอัชโดดกับหมู่บ้าน

47 อัชโดดกับหมู่บ้านและถิ่นฐานโดยรอบ กาซากับหมู่บ้านและถิ่นฐานโดยรอบ ไปถึงลำน้ำแห่งอียิปต์และชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

48 ในดินแดนเทือกเขา ได้แก่

ชามีร์ ยาททีร์ โสโคห์

49 ดานนาห์ คีริยาทสันนาห์ (คือเดบีร์)

50 อานาบ เอชเทโมห์ อานิม

51 โกเชน โฮโลน และกิโลห์ รวม 11 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

52 อาหรับ ดูมาห์ เอชาน

53 ยานิม เบธทัปปูวาห์ อาเฟคาห์

54 ฮุมทาห์ คีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) และศิโยร์ รวม 9 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

55 มาโอน คารเมล ศิฟ ยุททาห์

56 ยิสเรเอล โยคเดอัม ศาโนอาห์

57 คาอิน กิเบอาห์ และทิมนาห์ รวม 10 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

58 ฮัลฮูล เบธซูร์ เกโดร์

59 มาอาราท เบธอาโนท และเอลเทโคน รวม 6 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

60 คีริยาทบาอัล (คือคีริยาทเยอาริม) กับรับบาห์ รวม 2 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

61 ในถิ่นกันดารได้แก่

เบธอาราบาห์ มิดดีน เสคะคาห์

62 นิบชาน เมืองเกลือ และเอนเกดี รวม 6 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

63 ชนยูดาห์ไม่สามารถขับไล่ชาวเยบุสออกไปจากเมืองเยรูซาเล็มได้ ชาวเยบุสจึงยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นร่วมกับชนยูดาห์จนถึงทุกวันนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/15-132c4c969a519d3402fa1f7e8ee20177.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 16

ดินแดนของเผ่าเอฟราอิมและมนัสเสห์

1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่าโยเซฟเริ่มจากจอร์แดนแห่งเยรีโคทางตะวันออกของห้วงน้ำแห่งเยรีโค ผ่านถิ่นกันดารเข้าสู่แถบเทือกเขาแห่งเบธเอล

2 จากเบธเอล (คือลูส)ข้ามไปสู่เขตแดนของชาวอารคีในอาทาโรท

3 ลงมาทางตะวันตกถึงเขตแดนของชาวยาเฟลที มายังเบธโฮโรนล่าง ไปเกเซอร์แล้วสุดที่ทะเล

4 เผ่ามนัสเสห์และเอฟราอิมวงศ์วานของโยเซฟได้รับกรรมสิทธิ์ตามนั้น

5 ดินแดนของเอฟราอิมแบ่งตามแต่ละตระกูล ได้แก่

พรมแดนด้านตะวันออกของพวกเขาเริ่มจากอาทาโรทอัดดาร์ ไปยังเบธโฮโรนตอนบน

6 และต่อเนื่องไปถึงทะเล จากมิคเมธัททางเหนือ เลี้ยวไปทางตะวันออกสู่ทาอานาทชิโลห์ มายังยาโนอาห์ทางด้านตะวันออก

7 จากยาโนอาห์มาทางใต้สู่อาทาโรทและนาอาราห์ จดเมืองเยรีโค สิ้นสุดลงที่แม่น้ำจอร์แดน

8 จากทัปปูวาห์มาทางทิศตะวันตกสู่ลำห้วยคานาห์ มาสิ้นสุดที่ทะเล นี่คือกรรมสิทธิ์ของเผ่าเอฟราอิมตามแต่ละตระกูล

9 และยังรวมเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านในเขตของเผ่ามนัสเสห์ที่แยกไว้ให้ชาวเอฟราอิมอีกด้วย

10 พวกเขาไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในเกเซอร์ออกไป ชาวคานาอันจึงยังคงอาศัยอยู่ในหมู่คนเอฟราอิม แต่ถูกเกณฑ์เป็นทาสแรงงานจนถึงทุกวันนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/16-9071d300d20ea51ff80a236d4b603bfc.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 17

1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่ามนัสเสห์ บุตรหัวปีของโยเซฟมีดังนี้ สำหรับมาคีร์ บุตรชายหัวปีของมนัสเสห์ ผู้เป็นบรรพบุรุษของกิเลอาดได้รับดินแดนกิเลอาดและบาชานไปแล้ว เพราะว่าพวกมาคีร์เป็นนักรบแกล้วกล้า

2 ดังนั้นดินแดนส่วนที่แบ่งนี้จึงยกให้แก่ตระกูลอื่นๆ ของมนัสเสห์ได้แก่ ตระกูลเอบีเอเซอร์ เฮเลค อัสรีเอล เชเคม เฮเฟอร์ และเชมิดา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานผู้ชายของมนัสเสห์บุตรโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา

3 ฝ่ายเศโลเฟหัดผู้เป็นบุตรของเฮเฟอร์ ผู้เป็นบุตรของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรของมาคีร์ ผู้เป็นบุตรของมนัสเสห์ ไม่มีบุตรชาย แต่มีบุตรสาวห้าคนคือ มาห์ลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์

4 หญิงเหล่านี้มาพบปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และบรรดาผู้นำ แล้วเรียนว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งโมเสสให้ยกกรรมสิทธิ์แก่พวกข้าพเจ้าเหมือนญาติพี่น้องผู้ชาย” โยชูวาจึงยกกรรมสิทธิ์ให้พวกนางร่วมกับพี่น้องของบิดาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

5 ส่วนของมนัสเสห์ประกอบด้วยที่ดินสิบส่วน นอกเหนือจากกิเลอาดและบาชานทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

6 เนื่องด้วยบรรดาบุตรสาวของเผ่ามนัสเสห์ได้รับกรรมสิทธิ์ในหมู่บุตรชาย ดินแดนกิเลอาดเป็นของวงศ์วานอื่นๆ ของมนัสเสห์

7 อาณาเขตของมนัสเสห์จากอาเชอร์ลงมาทางใต้สู่มิคเมธัททางตะวันออกของเชเคม ทางใต้จากมิคเมธัทครอบคลุมถิ่นเอนทัปปูวาห์

8 (ดินแดนทัปปูวาห์เป็นของมนัสเสห์ แต่เมืองทัปปูวาห์ซึ่งอยู่ในเขตพรมแดนของมนัสเสห์เป็นของเผ่าเอฟราอิม)

9 จากนั้นพรมแดนต่อไปทางใต้สู่ลำห้วยคานาห์ มีเมืองต่างๆ ของเอฟราอิมอยู่ท่ามกลางเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ แต่เขตแดนของมนัสเสห์อยู่ทางด้านเหนือของลำห้วยและสิ้นสุดที่ทะเล

10 ดินแดนทางใต้เป็นของเอฟราอิม ทางเหนือเป็นของมนัสเสห์ มีทะเลเป็นพรมแดน ทางเหนือจดกับอาเชอร์ ทางตะวันออกจดกับอิสสาคาร์

11 ในเขตอิสสาคาร์และอาเชอร์ เผ่ามนัสเสห์ยังได้รับเมืองเบธชาน อิบเลอัม โดร์ (คือนาโฟท) เอนโดร์ ทาอานาค และเมกิดโด รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบ

12 แต่เนื่องจากเผ่ามนัสเสห์ไม่สามารถยึดครองเมืองเหล่านั้นได้ ชาวคานาอันจึงยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นตามเดิม

13 แต่เมื่อชนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น ก็เกณฑ์แรงงานชาวคานาอัน แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป

14 ชนเผ่าโยเซฟกล่าวกับโยชูวาว่า “เหตุใดท่านจึงยกดินแดนให้พวกข้าพเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์เพียงส่วนเดียว ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรให้พวกข้าพเจ้ามีไพร่พลมากขนาดนี้?”

15 โยชูวาตอบว่า “หากพวกท่านมีคนมาก และแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมเล็กเกินไปสำหรับพวกท่าน ก็จงขึ้นไปหักร้างถางพงที่ซึ่งชาวเปริสซีและพวกมนุษย์ยักษ์เรฟาอิมอาศัยอยู่”

16 คนเผ่าโยเซฟจึงกล่าวว่า “ดินแดนเทือกเขาไม่พอสำหรับเรา และชาวคานาอันทั้งปวงที่อาศัยในที่ราบ ทั้งพวกที่อยู่ในเบธชานกับถิ่นฐานโดยรอบและพวกที่อยู่ในหุบเขายิสเรเอลล้วนแต่มีรถรบเหล็ก”

17 แต่โยชูวากล่าวกับชนเผ่าเอฟราอิมและมนัสเสห์ซึ่งเป็นวงศ์วานของโยเซฟว่า “พวกท่านมีคนมากและมีกำลังมาก ท่านจะไม่ได้แค่ส่วนเดียว

18 แต่จะได้ดินแดนป่าเขานั้นด้วย จงหักร้างถางพง และยึดครองไปจนสุดเขตเถิด ถึงแม้ชาวคานาอันจะเข้มแข็งและมีรถรบเหล็กก็ตาม แต่พวกท่านก็จะสามารถขับไล่เขาออกไปได้”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/17-ee6c8a2285a2a3c582e8aee8be7dc66f.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 18

การแบ่งดินแดนส่วนที่เหลือ

1 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ชิโลห์ และตั้งเต็นท์นัดพบขึ้น พวกเขาได้เข้าครอบครองดินแดนนั้น

2 แต่ชนอิสราเอลอีกเจ็ดเผ่ายังไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ของตน

3 โยชูวาจึงกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “ท่านจะรออีกนานเท่าใดจึงจะเข้าไปยึดครองดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษประทานแก่ท่าน?

4 จงคัดเลือกคนมาเผ่าละสามคน ข้าพเจ้าจะส่งพวกเขาไปสำรวจและบันทึกลักษณะของดินแดนตามกรรมสิทธิ์นั้น แล้วกลับมารายงานข้าพเจ้า

5 ท่านจงแบ่งดินแดนเป็นเจ็ดส่วน ยูดาห์ยังคงอยู่ในเขตของตนทางใต้ และเผ่าโยเซฟอยู่ในเขตของตนทางเหนือ

6 หลังจากท่านจดรายละเอียดส่วนต่างๆ ทั้งเจ็ดส่วนแล้ว จงนำมาให้ข้าพเจ้าที่นี่ ข้าพเจ้าจะทอดสลากแบ่งสรรให้พวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

7 อย่างไรก็ตามชนเลวีจะไม่ได้รับส่วนแบ่งท่ามกลางพวกท่าน เพราะกรรมสิทธิ์ของพวกเขาคือหน้าที่ปุโรหิตรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับเผ่ากาด รูเบน และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้รับดินแดนฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแล้ว ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้พวกเขา”

8 เมื่อคนเหล่านั้นออกเดินทางเพื่อจะไปสำรวจดินแดน โยชูวาสั่งพวกเขาว่า “จงไปสำรวจและบันทึกลักษณะของดินแดนนั้น แล้วกลับมาหาข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้ทอดสลากแบ่งสรรดินแดนให้แก่พวกท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์”

9 พวกเขาจึงออกไปสำรวจทั่วดินแดน จดรายละเอียดแต่ละเมืองในเจ็ดเขตลงบนหนังสือม้วน และกลับมารายงานโยชูวาในค่ายพักที่ชิโลห์

10 โยชูวาก็ทอดสลากแบ่งสรรต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์ และมอบดินแดนให้แก่ชนอิสราเอลแต่ละเผ่า

ดินแดนของเผ่าเบนยามิน

11 สลากแรกได้แก่เผ่าเบนยามินตามแต่ละตระกูล เขตแดนของเบนยามินอยู่ระหว่างยูดาห์กับโยเซฟ

12 อาณาเขตทิศเหนือเริ่มจากแม่น้ำจอร์แดน ผ่านลาดเขาทางเหนือของเยรีโค แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกผ่านดินแดนเทือกเขาและถิ่นกันดารเบธอาเวน

13 จากนั้นมายังลาดเขาของลูส (คือเบธเอล) และลงมาถึงอาทาโรทอัดดาร์บนภูเขาทางใต้ของเบธโฮโรนล่าง

14 จากเนินเขาที่หันไปทางเมืองเบธโฮโรนทางด้านใต้ของเขตแดน แล้วลงมาทางใต้ไปตามด้านตะวันตก สิ้นสุดลงที่คีริยาทบาอัล (คือคีริยาทเยอาริม) อันเป็นเมืองหนึ่งของเผ่ายูดาห์ นี่คืออาณาเขตทิศตะวันตก

15 ทิศใต้เริ่มจากชานเมืองคีริยาทเยอาริมทางตะวันตก มาถึงธารน้ำพุเนฟโทอาห์

16 และลงมาที่เชิงเขาใกล้หุบเขาเบนฮินโนม ทางเหนือของหุบเขาเรฟาอิม มาตามหุบเขาฮินโนม เลียบลาดเขาทางใต้ของเมืองเยบุส มาสู่เอนโรเกล

17 แล้วโค้งไปทางเหนือสู่เอนเชเมช ต่อไปถึงเกลีโลทซึ่งอยู่ตรงข้ามช่องแคบอาดุมมิม แล้วลงมาสู่ศิลาแห่งโบฮัน บุตรของรูเบน

18 จากที่นั่นไปตามลาดเขาทางเหนือของเบธอาราบาห์ลงไปถึงอาราบาห์

19 จากนั้นไปยังลาดเขาทางเหนือของเบธโฮกลาห์ มาออกที่อ่าวด้านเหนือของทะเลเกลือตรงปากแม่น้ำจอร์แดนด้านทิศใต้ นี่คือพรมแดนทางใต้

20 พรมแดนทิศตะวันออกคือแม่น้ำจอร์แดน

นี่คือพรมแดนโดยรอบของดินแดนซึ่งยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลต่างๆ ของเผ่าเบนยามิน

21 เผ่าเบนยามินตามแต่ละตระกูลได้รับเมืองต่างๆ ดังนี้คือ

เยรีโค เบธโฮกลาห์ เอเมคเคซีส

22 เบธอาราบาห์ เศมาราอิม เบธเอล

23 อัฟวิม ปาราห์ โอฟราห์

24 เคฟาร์อัมโมนี โอฟนี และเกบา รวม 12 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

25 กิเบโอน รามาห์ เบเอโรท

26 มิสปาห์ เคฟีราห์ โมซาห์

27 เรเคม อิรเปเอล ทาราลาห์

28 เศลาห์ ฮาเอเลฟ เมืองชาวเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) กิเบอาห์ และคีริยาท รวม 14 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

นี่คือกรรมสิทธิ์ของเผ่าเบนยามินแบ่งตามตระกูล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/18-708a6fa4f09665c5566b56ce5dcd1da4.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 19

ดินแดนของเผ่าสิเมโอน

1 สลากที่สองได้แก่เผ่าสิเมโอนตามแต่ละตระกูล กรรมสิทธิ์ของพวกเขาอยู่ในเขตแดนของยูดาห์

2 รวมเมืองต่างๆ ได้แก่

เบเออร์เชบา (หรือเชบา)โมลาดาห์

3 ฮาซารชูอาล บาลาห์ เอเซม

4 เอลโทลัด เบธูล โฮรมาห์

5 ศิกลาก เบธมารคาโบท ฮาซารซูซาห์

6 เบธเลบาโอท และชารุเฮน รวม 13 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

7 อายิน ริมโมน เอเธอร์ และอาชาน รวม 4 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ

8 และหมู่บ้านต่างๆ รอบเมืองเหล่านี้ไปจนถึงบาอาลัทเบเออร์ (รามาห์ในเนเกบ)

นี่คือกรรมสิทธิ์ของเผ่าสิเมโอนตามแต่ละตระกูล

9 กรรมสิทธิ์ของเผ่าสิเมโอนมาจากส่วนที่แต่ก่อนยกให้ยูดาห์ ทั้งนี้เพราะส่วนที่ยูดาห์ได้รับมากเกินกว่าที่พวกเขาต้องการ สิเมโอนจึงได้รับกรรมสิทธิ์ในเขตของยูดาห์

ดินแดนของเผ่าเศบูลุน

10 สลากที่สามได้แก่เผ่าเศบูลุนตามแต่ละตระกูล

อาณาเขตของเขาไปไกลถึงสาริด

11 มาทางตะวันตกถึงมาราลาห์จดกับดับเบเชท และขยายไปถึงลำห้วยใกล้โยกเนอัม

12 ไปทางตะวันออกจากสาริด ไปทางดวงอาทิตย์ขึ้นสู่เขตแดนคิสโลททาโบร์ ต่อมาถึงดาเบรัทและขึ้นไปยาเฟีย

13 จากนั้นต่อไปทางตะวันออกถึงกัทเฮเฟอร์ และเอทคาซินจนถึงริมโมนและเลี้ยวไปสู่เนอาห์

14 จากที่นั่นพรมแดนอ้อมขึ้นเหนือไปยังฮันนาโธน สิ้นสุดลงที่หุบเขาอิฟทาห์เอล

15 ครอบคลุมเมืองคัททาท นาหะลาล ชิมโรน อิดาลาห์ และเบธเลเฮม รวม 12 เมืองพร้อมทั้งหมู่บ้านโดยรอบ

16 เมืองและหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่าเศบูลุนตามแต่ละตระกูล

ดินแดนของเผ่าอิสสาคาร์

17 สลากที่สี่ได้แก่อิสสาคาร์ตามแต่ละตระกูล

18 อาณาเขตของพวกเขาครอบคลุม

เมืองยิสเรเอล เคสุลโลท ชูเนม

19 ฮาฟาราอิม ชิโยน อานาหะราท

20 รับบีท คีชิโอน เอเบส

21 เรเมท เอนกันนิม เอนฮัดดาห์ และเบธปัสเซส

22 พรมแดนไปจดทาโบร์ ชาหะซุมาห์ และเบธเชเมช สิ้นสุดลงที่แม่น้ำจอร์แดน รวมทั้งสิ้น 16 เมืองพร้อมทั้งหมู่บ้านโดยรอบ

23 เมืองและหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่าอิสสาคาร์ตามแต่ละตระกูล

ดินแดนของเผ่าอาเชอร์

24 สลากที่ห้าได้แก่เผ่าอาเชอร์ตามแต่ละตระกูล

25 อาณาเขตของพวกเขาครอบคลุมเมืองต่างๆ คือ

เฮลคัท ฮาลี เบเทน อัคชาฟ

26 อัลลัมเมเลค อามัดและมิชอาล พรมแดนทาง ทิศตะวันตกจดคารเมลและชิโหร์ลิบนาท

27 อ้อมไปทางตะวันออกสู่เบธดาโกน จดกับเศบูลุนและหุบเขาอิฟทาห์เอล ไปทางเหนือถึงเบธเอเมคและเนอีเอล ผ่านคาบูลทางซ้าย

28 จนถึงอับโดนเรโหบ ฮัมโมน และคานาห์ ไปไกลถึงไซดอนใหญ่

29 จากนั้นวกกลับไปยังรามาห์และเมืองป้อมปราการของไทระ เลี้ยวไปทางโฮสาห์และมาออกทะเลในภูมิภาคอัคซิบ

30 อุมมาห์ อาเฟค และเรโหบ รวม 22 เมืองพร้อมทั้งหมู่บ้านโดยรอบ

31 เมืองและหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่าอาเชอร์ตามแต่ละตระกูล

ดินแดนของเผ่านัฟทาลี

32 สลากที่หกได้แก่เผ่านัฟทาลีตามแต่ละตระกูล

33 พรมแดนของพวกเขาเริ่มจากเฮเลฟ และต้นไม้ใหญ่ในศาอานันนิม ผ่านอาดามีเนเกบ และยับเนเอลถึงลัคคูม สุดเขตที่แม่น้ำจอร์แดน

34 พรมแดนไปทางตะวันตกผ่านอัสโนททาโบร์และมาออกที่ฮุกกอก ทางใต้จดเศบูลุน ทางตะวันตกจดอาเชอร์ และทางตะวันออกจดแม่น้ำจอร์แดน

35 เมืองป้อมปราการต่างๆ ได้แก่ ศิดดิม เศอร์ ฮัมมัท รัคคัท คินเนเรท

36 อาดามาห์ รามาห์ ฮาโซร์

37 เคเดช เอเดรอี เอนฮาโซร์

38 อิโรน มิกดัลเอล โฮเรม เบธอานาท และเบธเชเมช รวม 19 เมืองพร้อมทั้งหมู่บ้านโดยรอบ

39 เมืองและหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่านัฟทาลีตามแต่ละตระกูล

ดินแดนของเผ่าดาน

40 สลากที่เจ็ดได้แก่เผ่าดานตามแต่ละตระกูล

41 ดินแดนในกรรมสิทธิ์ของพวกเขาครอบคลุมเมืองต่างๆ ดังนี้คือ

เมืองโศราห์ เอชทาโอล อิรเชเมช

42 ชาอาลับบิน อัยยาโลน อิทลาห์

43 เอโลน ทิมนาห์ เอโครน

44 เอลเทเคห์ กิบเบโธน บาอาลัท

45 เยฮูด เบเนเบราค กัทริมโมน

46 เมยารโคน และรัคโคน รวมทั้งดินแดนตรงข้ามกับเมืองยัฟฟา

47 (แต่เผ่าดานเข้าไปยึดครองดินแดนตามกรรมสิทธิ์ของตนอย่างยากลำบาก พวกเขาจึงขึ้นไปโจมตีเมืองเลเชม ฆ่าชาวเมืองนั้นและเข้าอาศัยที่นั่น และเรียกเมืองเลเชมว่าดานตามชื่อบรรพบุรุษของตน)

48 เมืองและหมู่บ้านเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่าดานตามแต่ละตระกูล

ส่วนแบ่งของโยชูวา

49 เมื่อแบ่งสรรดินแดนแก่เผ่าต่างๆ ตามอาณาเขตที่ระบุไว้เสร็จแล้ว ชนชาติอิสราเอลยกที่ดินผืนหนึ่งให้โยชูวาบุตรนูนเป็นกรรมสิทธิ์ท่ามกลางพวกเขา

50 ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ พวกเขายกเมืองให้ตามที่โยชูวาขอคือทิมนาทเสราห์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม เขาก็สร้างเมืองและตั้งหลักแหล่งที่นั่น

51 ทั้งหมดนี้คือดินแดนต่างๆ ซึ่งปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และบรรดาผู้นำของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลแบ่งสรร โดยการทอดสลากที่ชิโลห์ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ เป็นอันว่าพวกเขาแบ่งสรรดินแดนเสร็จเรียบร้อย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/19-134ad7ff17a538e60fc6aba3a4da7a9e.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 20

เมืองลี้ภัย

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า

2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้กำหนดเมืองลี้ภัยตามที่เราได้สั่งโมเสสไว้

3 ผู้ใดกระทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและเป็นอุบัติเหตุสามารถหนีมายังเมืองเหล่านี้ และได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากผู้แก้แค้น

4 “เมื่อผู้ถูกกล่าวหาหนีมายังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาต้องยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูเมืองและชี้แจงคดีต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของเมืองนั้น ผู้อาวุโสจะต้องยินยอมให้ผู้นั้นเข้ามาและให้ที่พักอาศัยแก่เขา

5 หากผู้แก้แค้นไล่ตามมา อย่ามอบตัวผู้ถูกกล่าวหาให้แก่ผู้แก้แค้น เพราะเขาฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คิดมุ่งร้ายไว้ก่อน

6 เขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนั้นจนกระทั่งได้รับการไต่สวนต่อหน้าชุมนุมประชากร และจวบจนมหาปุโรหิตซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงเกิดเหตุนั้นสิ้นชีวิต เขาจึงจะกลับภูมิลำเนาเดิมที่เขาหนีมาได้”

7 เมืองที่เขาตั้งเป็นเมืองลี้ภัยคือเคเดชแห่งกาลิลีในแถบเทือกเขาแห่งนัฟทาลี เชเคมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) ในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์

8 ทางฟากตะวันออกของจอร์แดนแห่งเยรีโคพวกเขากำหนดเมืองเบเซอร์ในถิ่นกันดารบนที่ราบสูงในเขตเผ่ารูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดในเขตเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานในเขตเผ่ามนัสเสห์

9 เมืองลี้ภัยเหล่านี้สำหรับทั้งชาวอิสราเอลและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อผู้ใดก็ตามที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา สามารถไปหลบอยู่ที่เมืองเหล่านี้โดยไม่ถูกฆ่าล้างแค้นก่อนที่จะได้รับการไต่สวนคดีต่อหน้าชุมนุมประชากร

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/20-631404e74fb468de165f40b320c1d7ce.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 21

เมืองสำหรับเผ่าเลวี

1 บรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าเลวีมาหารือกับปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูนและบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล

2 ที่ชิโลห์ในคานาอันและกล่าวกับพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ยกเมืองต่างๆ แก่พวกข้าพเจ้า เพื่อเป็นที่อาศัยพร้อมกับทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของเรา”

3 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงยกเมืองต่างๆ กับทุ่งหญ้าในเขตกรรมสิทธิ์ของตนให้แก่ชนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้

4 สลากแรกได้แก่ตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวี วงศ์วานของอาโรนตามแต่ละตระกูลได้รับ 13 เมืองจากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน

5 ส่วนลูกหลานที่เหลือของโคฮาทได้รับ 10 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าเอฟราอิม ดาน และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

6 วงศ์วานเกอร์โชนได้รับ 13 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลี และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าในบาชาน

7 วงศ์วานเมรารีตามแต่ละตระกูลได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุน

8 ดังนั้นชาวอิสราเอลได้แบ่งสรรเมืองและทุ่งหญ้าเหล่านี้ให้แก่คนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้

9 พวกเขาแบ่งสรรเมืองจากเผ่ายูดาห์และสิเมโอนตามรายชื่อดังนี้

10 (เมืองเหล่านี้เป็นของคนเลวีปุโรหิตจากตระกูลโคฮาทวงศ์วานของอาโรน เนื่องจากสลากแรกเป็นของพวกเขา)

11 พวกเขาได้ให้เมืองคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) กับทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ (อารบาเป็นบรรพบุรุษของชาวอานาค)

12 แต่ทุ่งนากับหมู่บ้านโดยรอบได้ยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์

13 เป็นอันว่าวงศ์วานของปุโรหิตอาโรนได้รับเมืองเฮโบรน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ลิบนาห์

14 ยาททีร์ เอชเทโมอา

15 โฮโลน เดบีร์

16 อายิน ยุททาห์ กับเบธเชเมช รวม 9 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าจากสองเผ่า

17 และจากเผ่าเบนยามิน พวกเขาให้กิเบโอน เกบา

18 อานาโธท และอัลโมนรวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

19 ฉะนั้นเมืองซึ่งมอบให้แก่บรรดาปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนรวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์

20 ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวีได้รับเมืองต่างๆ จากเผ่าเอฟราอิม ดังนี้

21 ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม พวกเขาได้รับเชเคม (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเกเซอร์

22 ขิบซาอิม และเบธโฮโรน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

23 จากเผ่าดาน พวกเขาได้รับเมืองเอลเทเคห์ กิบเบโธน

24 อัยยาโลน และกัทริมโมน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

25 จากมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า พวกเขาได้รับเมืองทาอานาค และกัทริมโมน รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

26 ฉะนั้นรวมทั้งหมด 10 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าที่มอบให้ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาท

27 ตระกูลเกอร์โชนของเผ่าเลวีได้รับดังนี้

จากมนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือโกลานในบาชาน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเบเอชเทราห์ รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

28 จากเผ่าอิสสาคาร์คือ คีชิโอน ดาเบรัท

29 ยารมูท และเอนกันนิม รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

30 จากเผ่าอาเชอร์คือ มิชอาล อับโดน

31 เฮลคัท และเรโหบ รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

32 จากเผ่านัฟทาลีคือ เคเดชในกาลิลี (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ฮัมโมทโดร์ และคารทาน รวม 3 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

33 รวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าได้ยกให้แก่ตระกูลเกอร์โชน

34 ตระกูลเมรารี (เผ่าเลวีที่เหลือ) ได้รับจากเผ่าเศบูลุนดังนี้คือ

โยกเนอัม คารทาห์

35 ดิมนาห์ และนาหะลาล รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

36 จากเผ่ารูเบนคือ

เบเซอร์ ยาฮาส

37 เคเดโมท และเมฟาอาท รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

38 จากเผ่ากาด

คือราโมทในกิเลอาด (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) มาหะนาอิม

39 เฮชโบน และยาเซอร์รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

40 รวมทั้งหมด 12 เมืองที่ยกให้แก่ตระกูลเมรารีซึ่งเป็นคนเลวีส่วนที่เหลือ

41 เผ่าเลวีได้รับทั้งสิ้น 48 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าในดินแดนที่ชนอิสราเอลครอบครอง

42 เมืองเหล่านี้มีทุ่งหญ้าล้อมรอบทุกเมือง

43 เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานดินแดนทั้งหมดนี้แก่อิสราเอลตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และพวกเขาเข้าไปยึดครองและตั้งถิ่นฐานที่นั่น

44 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานความสงบสุขทุกด้านแก่พวกเขาตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูคนใดยืนหยัดต่อสู้พวกเขาได้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบศัตรูทั้งปวงไว้ในเงื้อมมือของพวกเขา

45 สิ่งดีทั้งปวงซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับชนชาติอิสราเอลล้วนสัมฤทธิ์ผล ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ประการเดียว

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/21-c0aa4f7f1154944fae4e04812668aa68.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 22

เผ่าทางด้านตะวันออกกลับบ้าน

1 แล้วโยชูวาเรียกชุมนุมเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

2 และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และเชื่อฟังคำสั่งของข้าพเจ้าทุกอย่าง

3 ท่านไม่ได้ละทิ้งพี่น้อง แต่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบหมายมาเป็นเวลานานจนถึงทุกวันนี้

4 บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโปรดประทานการหยุดพักแก่พี่น้องของท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ฉะนั้นจงกลับไปยังบ้านของท่านในดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ท่านแล้ว

5 แต่จงตั้งใจปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงยึดมั่นในพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจเถิด”

6 โยชูวาจึงอวยพรพวกเขาและส่งกลับไปยังดินแดนของเขา

7 (โมเสสได้มอบดินแดนบาชานให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่า โยชูวาได้มอบดินแดนทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ครอบครองร่วมกับพี่น้องเผ่าอื่นๆ) โยชูวาส่งพวกเขากลับบ้านและอวยพรพวกเขา

8 พร้อมทั้งกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์จำนวนมาก และจงแบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน”

9 ดังนั้นบรรดาคนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงจากชนอิสราเอลที่ชิโลห์ในคานาอัน เพื่อกลับสู่กิเลอาดอันเป็นดินแดนกรรมสิทธิ์ของตนซึ่งได้มาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส

10 เมื่อพวกเขามาถึงเกลีโลทใกล้แม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้สร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น

11 เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินว่าพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เกลีโลท ชายแดนคานาอันใกล้แม่น้ำจอร์แดนในเขตแดนอิสราเอล

12 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดก็มาชุมนุมกันที่ชิโลห์เตรียมรบกับพวกเขา

13 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงส่งฟีเนหัสบุตรปุโรหิตเอเลอาซาร์มายังดินแดนกิเลอาดเพื่อพบเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้น

14 มีผู้นำสิบคนจากสิบเผ่าของอิสราเอลมาด้วย แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวจากตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอล

15 เมื่อพวกเขามาถึงกิเลอาดก็กล่าวกับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้นว่า

16 “ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เหตุใดท่านจึงทรยศต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลเช่นนี้? ท่านถือดีอย่างไรจึงบังอาจหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและสร้างแท่นบูชาของตัวเองเป็นการกบฏต่อพระองค์ในตอนนี้?

17 ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือกับบาปของเราที่เปโอร์? ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้ชำระตนเองจากบาปนั้น ทั้งๆ ที่ภัยพิบัติตกแก่ชุมชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า!

18 และบัดนี้ท่านกำลังหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ?

“ ‘หากท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะทรงพระพิโรธชุมชนอิสราเอลทั้งหมด

19 หากแผ่นดินที่ท่านครอบครองเป็นมลทิน ก็จงข้ามมายังดินแดนขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ซึ่งพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ มาแบ่งปันดินแดนกับเรา แต่อย่าได้กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือต่อพวกเราโดยสร้างแท่นบูชาของตนเอง นอกเหนือจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

20 เมื่ออาคานบุตรเศราห์ทุจริตเรื่องของต้องอุทิศถวายพระพิโรธตกอยู่แก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตายไปเพราะบาปนั้น’ ”

21 แล้วชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลว่า

22 “องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! พระองค์ทรงทราบ! และอิสราเอลจงทราบเถิด! หากนี่เป็นการกบฏหรือไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ก็อย่าไว้ชีวิตเราเลย

23 หากเราสร้างแท่นบูชาของเราเอง เพื่อหันเหจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องสันติบูชาบนแท่น ก็ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราด้วยพระองค์เองเถิด

24 “เปล่าเลย! เราสร้างแท่นนี้ขึ้นมาก็เพราะเราเกรงว่าในอนาคตลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านมีสิทธิ์อะไรในการนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล?

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนกั้นระหว่างเรากับท่าน พวกท่าน คนรูเบนและกาด! ไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วลูกหลานของท่านจะทำให้ลูกหลานของเราเลิกยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

26 “ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า ‘ให้เราเตรียมพร้อมและสร้างแท่นบูชาขึ้น ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาต่างๆ’

27 แต่ตรงกันข้าม แท่นนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับท่านและคนรุ่นต่อๆ ไปว่าเราจะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา และเครื่องถวายต่างๆ ของเราที่สถานนมัสการของพระองค์ แล้วในอนาคตลูกหลานของท่านไม่อาจพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’

28 “และพวกเรากล่าวว่า ‘หากพวกเขากล่าวเช่นนี้กับเราหรือลูกหลานของเรา เราก็จะตอบว่าดูแท่นบูชาจำลองขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างขึ้นสิ ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องบูชาหรือเครื่องเผาบูชา แต่เป็นพยานระหว่างเรากับท่าน’

29 “ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด ในวันนี้เราจะไม่กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือหันเหจากพระองค์ โดยสร้างแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องบูชาต่างๆ แทนที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่หน้าพลับพลาของพระองค์”

30 เมื่อปุโรหิตฟีเนหัสและผู้นำทั้งปวงของชุมชนซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอลได้ยินคำกล่าวจากเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์เช่นนี้ก็พอใจ

31 ปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ตอบชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ว่า “วันนี้เรารู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเรา เพราะว่าท่านไม่ได้ทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้ บัดนี้ท่านได้ช่วยชนอิสราเอลให้พ้นจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

32 แล้วปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำจึงกลับจากการพบกับชนเผ่ารูเบนและกาดในกิเลอาด มายังคานาอันและรายงานชนอิสราเอล

33 พวกเขาพากันดีใจที่ได้ฟังเรื่องราวและสรรเสริญพระเจ้า และพวกเขาไม่ได้พูดกันถึงเรื่องจะสู้รบเพื่อทำลายดินแดนของเผ่ารูเบนและกาดอีก

34 ชนเผ่ารูเบนและกาดตั้งชื่อแท่นนั้นว่า “พยานระหว่างเราว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/22-a91b7954392f8f873728a56d34b27f1c.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 23

โยชูวาอำลาเหล่าผู้นำ

1 หลังจากนี้เป็นเวลานานและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้อิสราเอลพักสงบจากศัตรูรอบด้าน ครั้งนั้นโยชูวาแก่มากแล้ว

2 เขาเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวง อันมีผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าก็แก่มากแล้ว

3 ท่านเองได้เห็นสิ่งทั้งปวงซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำแก่ชนชาติทั้งหมดนี้เพื่อท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนี่แหละที่ทรงต่อสู้กับศัตรูเพื่อท่าน

4 จงจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้แบ่งสรรดินแดนของชาติต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้พิชิตเช่นเดียวกับดินแดนที่ข้าพเจ้าได้พิชิตแล้วให้แก่ท่าน คือดินแดนทั้งหมดระหว่างแม่น้ำจอร์แดนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันตก

5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเองจะทรงขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นจากทางของท่าน และท่านจะยึดครองดินแดนของพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสัญญากับท่านไว้

6 “จงเข้มแข็งและใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส โดยไม่หันเหไปทางซ้ายหรือทางขวา

7 อย่าคบหากับชนชาติเหล่านี้ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางพวกท่าน อย่าเอ่ยนามหรือสาบานโดยอ้างชื่อพระทั้งหลายของเขา อย่าปรนนิบัติหรือกราบไหว้พระเหล่านั้น

8 แต่จงยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเหมือนที่ท่านทำอยู่จนถึงบัดนี้

9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปต่อหน้าท่าน และไม่มีผู้ใดต้านทานท่านได้ตราบจนทุกวันนี้

10 ท่านหนึ่งคนรุกไล่ศัตรูนับพันเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงต่อสู้เพื่อท่านตามที่ทรงสัญญาไว้

11 ฉะนั้นจงใส่ใจที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

12 “แต่หากพวกท่านหันหนี และไปคบหากับชนชาติเหล่านี้ที่ยังคงหลงเหลือท่ามกลางพวกท่าน หากท่านแต่งงานกับเขาหรือข้องเกี่ยวกับเขา

13 ก็จงรู้แน่เถิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าท่าน แต่ในทางกลับกัน เขาจะกลายป็นบ่วงแร้วและกับดักล่อท่าน เป็นแส้ที่โบยหลังของท่าน เป็นเสี้ยนหนามของท่าน จนกว่าท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน

14 “อีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านก็รู้ด้วยสุดจิตสุดใจว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็นจริง ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว

15 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานสิ่งดีงามทั้งปวงซึ่งทรงสัญญาไว้แล้วฉันใด พระยาห์เวห์ก็จะทรงนำสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ตรัสไว้มาตกแก่ท่านฉันนั้น จนกว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านให้พ้นจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน

16 หากท่านละเมิดพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งทรงบัญชาไว้ หันไปกราบไหว้ และปรนนิบัติพระอื่น พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเผาผลาญท่าน ท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระองค์ประทานให้นี้อย่างรวดเร็ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/23-5204a978b6be71790f5f3d4c3b1d4549.mp3?version_id=179—