Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 8

หญิงชาวชูเนมได้ที่ดินกลับคืนมา

1 เอลีชากล่าวแก่หญิงซึ่งเขาได้ชุบชีวิตบุตรของนางว่า “จงพาครอบครัวของเจ้าย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้เกิดการกันดารอาหารในแผ่นดินอิสราเอลถึงเจ็ดปี”

2 หญิงนั้นจึงอพยพครอบครัวไปอาศัยที่แผ่นดินฟีลิสเตียเป็นเวลาเจ็ดปีตามที่คนของพระเจ้าบอก

3 เมื่อครบเจ็ดปีนางก็กลับมาจากดินแดนฟีลิสเตีย ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อถวายฎีกาขอรับบ้านและที่ดินคืน

4 ขณะนั้นกษัตริย์ได้ตรัสกับเกหะซีคนรับใช้ของเอลีชาว่า “จงเล่าการใหญ่ทั้งปวงที่เอลีชาทำให้เราฟัง”

5 ระหว่างที่เกหะซีกำลังทูลเรื่องราวเมื่อครั้งเอลีชาชุบชีวิตเด็กชายคนหนึ่ง เวลานั้นเองมารดาของเด็กนั้นก็เดินเข้าไปเพื่อทูลขอบ้านและที่ดินคืน

เกหะซีจึงทูลว่า “ข้าแต่ฝ่าพระบาท นี่แหละผู้หญิงคนนั้น และนี่ก็ลูกของนางที่เอลีชาช่วยให้ฟื้นคืนชีวิต”

6 กษัตริย์จึงตรัสถามนาง นางก็กราบทูลว่าเป็นเช่นนั้น

แล้วกษัตริย์ทรงมอบหมายให้ข้าราชการคนหนึ่งจัดการเรื่องของนาง และตรัสว่า “จงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของนาง รวมทั้งรายได้จากที่ดินของนางตั้งแต่วันที่นางจากไปจนถึงวันนี้ด้วย”

ฮาซาเอลปลงพระชนม์เบนฮาดัด

7 เอลีชาไปยังกรุงดามัสกัส กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมประชวรอยู่ เมื่อทรงทราบว่าคนของพระเจ้ามา

8 ก็ตรัสกับฮาซาเอลว่า “จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า ให้เขาช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่?’ ”

9 ฮาซาเอลก็นำผลผลิตดีเยี่ยมของดามัสกัสบรรทุกอูฐสี่สิบตัวมาเป็นของกำนัลสำหรับเอลีชา เขามายืนต่อหน้าเอลีชาและกล่าวว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมบุตรของท่านส่งข้าพเจ้ามาเรียนถามว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่?’ ”

10 เอลีชาตอบว่า “จงไปบอกเขาว่า ‘เจ้าจะหายป่วยแน่นอน’ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่เราว่าเขาจะตาย”

11 เอลีชาจ้องหน้าฮาซาเอลเขม็งจนเขารู้สึกอึดอัด แล้วคนของพระเจ้าก็เริ่มร้องไห้

12 ฮาซาเอลถามว่า “ท่านร้องไห้ทำไม?”

เอลีชาตอบว่า “เรารู้ถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เจ้าจะทำแก่ชนอิสราเอล เจ้าจะเผาป้อมปราการของเขา ฆ่าฟันพวกคนหนุ่ม จับเด็กทารกฟาดกับพื้น และผ่าท้องหญิงมีครรภ์”

13 ฮาซาเอลกล่าวว่า “ผู้น้อยเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งจะทำการอุกอาจเช่นนั้นได้หรือ?”

เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่เราว่าเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์แห่งอารัม”

14 แล้วฮาซาเอลก็ละจากเอลีชากลับมาเข้าเฝ้า เมื่อกษัตริย์เบนฮาดัดตรัสถามว่า “เอลีชาบอกอะไรเจ้าบ้าง?” ฮาซาเอลทูลว่า “เขาบอกว่าฝ่าพระบาทจะหายประชวรแน่นอน”

15 แต่วันรุ่งขึ้นฮาซาเอลก็เอาผ้าหนาๆ ชุบน้ำปิดพระพักตร์กษัตริย์ พระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แล้วฮาซาเอลขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์

16 ในขณะที่เยโฮชาฟัทยังคงเป็นกษัตริย์ยูดาห์อยู่ เยโฮรัมโอรสของพระองค์เริ่มขึ้นครองราชย์ ตรงกับปีที่ห้าแห่งรัชกาลกษัตริย์โยรัมแห่งอิสราเอลโอรสของอาหับ

17 ขณะขึ้นเป็นกษัตริย์เยโฮรัมมีพระชนมายุ 32 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแปดปี

18 เยโฮรัมทรงดำเนินตามอย่างบรรดากษัตริย์อิสราเอล ตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะทรงอภิเษกกับพระธิดาองค์หนึ่งของอาหับ พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

19 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ประสงค์จะทำลายล้างยูดาห์เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่าจะรักษาดวงประทีปดวงหนึ่งไว้สำหรับดาวิดและวงศ์วานตลอดไป

20 ในรัชกาลของเยโฮรัม เอโดมกบฏต่อยูดาห์และตั้งกษัตริย์ปกครองตนเอง

21 เยโฮรัมจึงเสด็จไปยังศาอีร์พร้อมด้วยรถม้าศึกทั้งหมด ชาวเอโดมโอบล้อมพระองค์กับผู้บัญชาการรถรบ แต่เยโฮรัมทรงตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ในเวลากลางคืน ส่วนกองทัพของพระองค์หนีเตลิดกลับบ้าน

22 เอโดมจึงกบฏต่อยูดาห์จนถึงทุกวันนี้ ครั้งนั้นลิบนาห์ก็กบฏด้วย

23 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโฮรัมและพระราชกิจต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

24 แล้วเยโฮรัมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ด้วยกันในเมืองดาวิด แล้วอาหัสยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์

25 อาหัสยาห์โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ ตรงกับปีที่สิบสองของรัชกาลกษัตริย์โยรัมโอรสของอาหับแห่งอิสราเอล

26 อาหัสยาห์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษาเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์อยู่เพียงปีเดียวในกรุงเยรูซาเล็ม ราชมารดาคืออาธาลิยาห์ หลานสาวของกษัตริย์อมรีแห่งอิสราเอล

27 อาหัสยาห์ทรงดำเนินตามอย่างราชวงศ์อาหับ และทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างราชวงศ์อาหับ เพราะทรงอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ของอาหับ

28 อาหัสยาห์ทรงเข้าร่วมกับโยรัมโอรสของอาหับ ไปรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่เมืองราโมทกิเลอาด โยรัมได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของชาวอารัม

29 ดังนั้นกษัตริย์โยรัมจึงเสด็จกลับมาพักฟื้นที่ยิสเรเอล เพราะบาดเจ็บจากสงครามกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่ราโมท

แล้วอาหัสยาห์โอรสกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ก็เสด็จลงไปเยี่ยมพระอาการของโยรัมโอรสของอาหับที่ยิสเรเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/8-add53db98c2ab56c857ddc2c244e2b1c.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 9

เยฮูได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์อิสราเอล

1 เอลีชาเรียกผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมาสั่งว่า “จงคาดเอวทับเสื้อคลุมให้ทะมัดทะแมง ถือน้ำมันขวดนี้ไปราโมทกิเลอาด

2 เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ให้ถามหาเยฮูบุตรเยโฮชาฟัทหลานนิมชี นำเขาออกจากกลุ่มเพื่อนและพาเข้าไปในห้องชั้นใน

3 แล้วรินน้ำมันลงบนศีรษะของเขาและประกาศว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ จากนั้นเจ้าจงเปิดประตูและวิ่งไป อย่าชักช้า!”

4 ฉะนั้นผู้เผยพระวจนะหนุ่มจึงไปที่ราโมทกิเลอาด

5 เมื่อเขาไปถึงที่นั่นก็พบนายทัพทั้งหลายนั่งอยู่ด้วยกัน จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องจะเรียนท่านแม่ทัพ”

เยฮูถามว่า “แม่ทัพคนไหนล่ะ?”

เขาตอบว่า “ท่านนี่แหละ ท่านแม่ทัพ”

6 เยฮูจึงลุกขึ้นเข้าไปในบ้าน แล้วผู้เผยพระวจนะรินน้ำมันลงบนศีรษะของเยฮูและประกาศว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

7 เจ้าจงทำลายล้างราชวงศ์อาหับนายของเจ้า เราจะแก้แค้นให้กับโลหิตของผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา และบรรดาผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งถูกเยเซเบลสังหาร

8 ทั้งราชวงศ์ของอาหับจะพินาศ เราจะประหารผู้ชายทุกคนในวงศ์วานของอาหับทั้งที่เป็นทาสหรือเป็นไทในอิสราเอล

9 เราจะให้วงศ์วานของอาหับเป็นเหมือนวงศ์วานของเยโรโบอัมบุตรเนบัทและเหมือนวงศ์วานของบาอาชาบุตรอาหิยาห์

10 ส่วนเยเซเบลจะถูกสุนัขกัดกินบนที่ดินผืนนั้นในยิสเรเอล และจะไม่มีใครฝังศพพระนาง’ ” แล้วผู้เผยพระวจนะคนนั้นก็เปิดประตูวิ่งออกไป

11 เมื่อเยฮูกลับไปหาเพื่อนพ้อง เพื่อนคนหนึ่งถามเขาว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ? เจ้าคนบ้านั่นมาหาท่านทำไม?”

เยฮูตอบว่า “พวกท่านก็รู้ว่าเขาเป็นใครและมาพูดเรื่องอะไร”

12 พวกเขาตอบว่า “อย่าบ่ายเบี่ยงเลย! จงบอกมาเถิด”

เยฮูจึงกล่าวว่า “เขาบอกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่าเราได้เจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ ”

13 พวกเขาจึงกุลีกุจอเอาเสื้อคลุมของตนปูบนบันไดให้เยฮูยืน พวกเขาเป่าแตรและร้องประกาศว่า “เยฮูเป็นกษัตริย์!”

เยฮูปลงพระชนม์โยรัมและอาหัสยาห์

14 ฉะนั้นเยฮูบุตรเยโฮชาฟัทหลานนิมชีได้กบฏต่อโยรัม (โยรัมกับกองทัพอิสราเอลสู้รบป้องกันเมืองราโมทกิเลอาดกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัม

15 แต่กษัตริย์โยรัมเสด็จกลับมายังยิสเรเอลเพื่อพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บเพราะน้ำมือของชาวอารัมในการสู้รบกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัม) เยฮูกล่าวว่า “ในเมื่อพวกท่านเห็นชอบดังนี้ก็อย่าให้ใครเล็ดลอดไปแจ้งข่าวนี้ที่ยิสเรเอล”

16 แล้วเยฮูก็ขับรถม้าศึกมาที่ยิสเรเอลเพราะโยรัมประทับพักฟื้นอยู่ที่นั่น กษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ก็ได้เสด็จมาเยี่ยมโยรัมด้วย

17 ยามรักษาการณ์บนหอคอยของยิสเรเอลเห็นเยฮูกับกองทหารของเยฮูเข้ามาใกล้ก็ร้องตะโกนว่า “ข้าพเจ้าเห็นกองทหารกำลังตรงมาทางนี้”

โยรัมตรัสสั่งว่า “ส่งพลม้าไปพบพวกเขาและถามว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ?’ ”

18 พลม้านั้นออกไปพบเยฮูและกล่าวว่า “กษัตริย์ให้มาถามว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ?’ ”

เยฮูตอบว่า “ท่านจะมาพูดอะไรเรื่องสันติภาพ? จงตามเรามาเถิด”

ยามรักษาการณ์ทูลกษัตริย์ว่า “ผู้สื่อสารออกไปพบพวกเขาแล้ว แต่ไม่ได้กลับมา”

19 กษัตริย์จึงส่งพลม้าออกไปเป็นครั้งที่สอง เมื่อเขามาถึงก็แจ้งว่า “กษัตริย์ให้มาถามว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ?’ ”

เยฮูตอบว่า “ท่านจะมาพูดอะไรเรื่องสันติภาพ? จงตามเรามาเถิด”

20 ยามรายงานว่า “ผู้สื่อสารไปพบพวกนั้นแล้วก็ไม่กลับมาอีก ดูจากการขับรถน่าจะเป็นเยฮูบุตรนิมชี เขาขับมาเร็วอย่างบ้าคลั่ง”

21 โยรัมตรัสสั่งว่า “เตรียมรถม้าศึกของเราให้พร้อม” จากนั้นกษัตริย์โยรัมแห่งอิสราเอลและกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ต่างก็เสด็จขึ้นรถม้าศึกของตนออกมาพบเยฮู และประจันหน้ากันที่ทุ่งนาของนาโบทชาวยิสเรเอล

22 เมื่อโยรัมเห็นเยฮูก็ตรัสถามว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือเยฮู?”

เยฮูตอบว่า “จะสันติได้อย่างไรในเมื่อยังมีการกราบไหว้รูปเคารพ และการเล่นคาถาอาคมของเยเซเบลราชมารดาของฝ่าพระบาทอยู่มากมายเช่นนี้?”

23 โยรัมทรงหันกลับและหนีไป พลางตรัสบอกอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์! พวกนี้เป็นกบฏ!”

24 เยฮูจึงโก่งธนูยิงออกไปเต็มแรง ถูกโยรัมที่กลางหลัง ลูกธนูเสียบทะลุหัวใจโยรัมล้มลงในรถม้าศึก

25 เยฮูกล่าวกับบิดคาร์พลรถรบของเขาว่า “เอาศพของโยรัมโยนลงไปบนที่ดินของนาโบทชาวยิสเรเอล จำได้ไหมเมื่อครั้งเราสองคนขี่ม้าติดตามอาหับบิดาของเขาองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงคำพยากรณ์แก่เราเกี่ยวกับเขาว่า

26 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า เมื่อวานนี้เราได้เห็นเลือดของนาโบทกับลูกๆ และเราจะให้เจ้าชดใช้บนที่ดินนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น’บัดนี้จงทิ้งร่างของเขาไว้บนที่ผืนนั้นตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้”

27 เมื่อกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เสด็จหนีไปตามเส้นทางสู่เบธฮักกานเยฮูขี่ม้าไล่ตามและร้องตะโกนว่า “ฆ่าคนนี้ด้วย!” พวกทหารจึงทำให้อาหัสยาห์บาดเจ็บอยู่ในรถม้าศึกระหว่างทางขึ้นไปยังกูรใกล้อิบเลอัม แต่อาหัสยาห์หนีไปไกลถึงเมกิดโดและสิ้นพระชนม์ที่นั่น

28 ข้าราชบริพารรับพระศพขึ้นรถม้าศึกกลับมายังเยรูซาเล็ม และฝังไว้กับบรรพบุรุษในอุโมงค์ของพระองค์ที่เมืองดาวิด

29 (กษัตริย์อาหัสยาห์ขึ้นครองราชย์เหนือยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบเอ็ดของรัชกาลกษัตริย์โยรัมโอรสของอาหับ)

เยเซเบลถูกปลงพระชนม์

30 เมื่อเยเซเบลได้ยินว่าเยฮูมาที่ยิสเรเอล ก็เขียนตาแต่งผมและมองออกมานอกหน้าต่าง

31 เมื่อเยฮูผ่านประตูวังเข้ามา พระนางก็ร้องถามว่า “มาดีหรือเปล่า เจ้าฆาตกรศิมรีผู้ฆ่านายของตัวเอง?”

32 เยฮูมองขึ้นไปที่หน้าต่างและร้องตะโกนว่า “มีใครอยู่ฝ่ายเราบ้าง? มีใครบ้าง?” ขันทีสองสามคนก็มองลงมา

33 เยฮูจึงกล่าวว่า “โยนนางลงมา!” พวกเขาก็ช่วยกันจับพระนางทิ้งลงมาทางหน้าต่าง โลหิตกระเซ็นเปรอะกำแพงและม้า ขณะที่พระนางถูกม้าเหยียบ

34 เยฮูเข้าไปในวังรับประทานอาหารและดื่ม แล้วเขากล่าวว่า “ให้ใครออกไปฝังผู้หญิงที่ถูกสาปแช่งคนนั้นเถิด เพราะนางเป็นธิดากษัตริย์”

35 แต่เมื่อพวกเขาออกไปจะฝังศพพระนาง ก็พบแต่หัวกะโหลก กระดูกมือ และกระดูกเท้า

36 จึงกลับมาบอกเยฮู เยฮูจึงกล่าวว่า “นี่แหละเป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางเอลียาห์ชาวทิชบีผู้รับใช้ของพระองค์ว่าสุนัขจะกัดกินเนื้อเยเซเบลบนที่ดินผืนนั้นในยิสเรเอล

37 ร่างของนางจะกระจัดกระจายเหมือนขยะบนท้องทุ่งของยิสเรเอล จนไม่มีใครบอกได้ว่า ‘นี่คือเยเซเบล’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/9-0fbb823bac285982aa60678483f4eecf.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 10

ราชวงศ์อาหับถูกประหาร

1 ในเมืองสะมาเรียมีผู้ชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของอาหับอยู่เจ็ดสิบคน เยฮูจึงส่งสาส์นไปยังเจ้าหน้าที่ของยิสเรเอลบรรดาผู้อาวุโสและองครักษ์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ของอาหับ มีใจความว่า

2 “ในเมื่อวงศ์วานเจ้านายของท่านก็อยู่กับพวกท่าน และท่านมีรถม้าศึก ม้า เมืองป้อมปราการ และอาวุธ ดังนั้นทันทีที่ได้รับสาส์นฉบับนี้

3 จงเลือกเชื้อพระวงศ์คนที่ดีเลิศที่สุดของเจ้านายของท่าน และตั้งเขาไว้บนบัลลังก์ของบิดา จากนั้นจงต่อสู้เพื่อราชวงศ์ของนายของท่าน”

4 แต่พวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาและกล่าวว่า “กษัตริย์สององค์ยังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ แล้วเราจะทำอะไรได้?”

5 ฉะนั้นเจ้ากรมวัง เจ้ากรมเมือง บรรดาผู้อาวุโส และองครักษ์ทั้งหลายจึงส่งสาส์นมาถึงเยฮูว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของท่านและจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน เราจะไม่แต่งตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นกษัตริย์ ท่านจงทำตามที่เห็นว่าดีที่สุดเถิด”

6 เยฮูเขียนสาส์นฉบับที่สองถึงคนเหล่านั้นความว่า “หากท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายเราและจะปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ก็จงนำศีรษะเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เป็นชายของเจ้านายของท่านมาให้เราที่ยิสเรเอลพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกันนี้”

ขณะนั้นเชื้อพระวงศ์ทั้งเจ็ดสิบคนของอาหับพักอยู่ตามบ้านของบรรดาผู้นำของเมืองที่เลี้ยงดูพวกเขามา

7 เมื่อผู้นำเหล่านั้นได้รับสาส์นก็ประหารเชื้อพระวงศ์ของอาหับทั้งเจ็ดสิบคน ตัดศีรษะใส่ตะกร้านำมามอบให้เยฮูที่ยิสเรเอล

8 เมื่อผู้สื่อสารมาแจ้งเยฮูว่า “พวกเขาได้นำศีรษะของบรรดาเชื้อพระวงศ์มาแล้ว”

เยฮูก็สั่งว่า “ให้กองสุมกันเป็นสองกองตรงทางเข้าประตูเมืองจนถึงรุ่งเช้า”

9 เช้าวันรุ่งขึ้นเยฮูก็ออกไปปราศรัยต่อหน้าประชาชนทั้งปวงว่า “พวกท่านไม่ได้ทำผิดอันใด ข้าพเจ้าเองที่คิดล้มล้างนายของข้าพเจ้าและประหารเขา แต่ใครเล่าประหารเชื้อพระวงศ์เหล่านี้?

10 รู้ไว้เถิดว่าพระดำรัสที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับราชวงศ์อาหับจะสำเร็จทุกประการองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้ผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์”

11 จากนั้นเยฮูก็ประหารพวกพ้องทั้งหมดของอาหับที่เหลืออยู่ในยิสเรเอล รวมทั้งข้าราชบริพารคนสำคัญ สหายคนสนิทและปุโรหิต ไม่มีใครเหลือรอดสักคน

12 แล้วเยฮูออกเดินทางไปสะมาเรีย ที่เบธเอเขดหมู่บ้านของคนเลี้ยงแกะ

13 เยฮูพบเชื้อพระวงศ์ของอาหัสยาห์แห่งยูดาห์ จึงตรัสถามว่า “พวกท่านเป็นใครกัน?”

เขาตอบว่า “พวกเราเป็นญาติของกษัตริย์อาหัสยาห์ มาเยี่ยมพระราชวงศ์ของกษัตริย์และราชมารดา”

14 เยฮูตรัสสั่งว่า “จับตัวไว้” แล้วจับกุมพวกเขาไปยังบ่อน้ำแห่งเบธเอเขด และประหารพวกเขาทั้งหมด 42 คน ไม่ให้ใครเหลือรอดสักคนเดียว

15 เมื่อเยฮูออกเดินทางต่อไปก็พบเยโฮนาดับบุตรเรคาบออกมาต้อนรับ เยฮูทักทายแล้วตรัสว่า “ท่านใจตรงกับเรา เหมือนที่ใจเราตรงกับท่านหรือเปล่า?”

เยโฮนาดับตอบว่า “ถูกต้องแล้วพระเจ้าข้า”

เยฮูจึงตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น ยื่นมือมาเถิด” แล้วเยฮูก็ช่วยดึงเยโฮนาดับขึ้นมาบนรถม้าศึก

16 เยฮูตรัสว่า “มากับเราสิ มาดูว่าเรากระตือรือร้นเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแค่ไหน” เยโฮนาดับจึงร่วมเสด็จไปด้วย

17 เมื่อเยฮูมาถึงสะมาเรียก็ทรงประหารคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดในราชวงศ์อาหับตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับเอลียาห์

ประหารชีวิตผู้นมัสการพระบาอัล

18 แล้วเยฮูทรงเรียกประชาชนทั้งปวงมารวมกันและตรัสแก่พวกเขาว่า “อาหับปรนนิบัติพระบาอัลเล็กน้อย เยฮูจะปรนนิบัติพระบาอัลให้มาก

19 จงเรียกบรรดาผู้ทำนายและปุโรหิตของพระบาอัล รวมทั้งผู้ปรนนิบัติพระบาอัลมาให้หมด อย่าให้ขาดแม้สักคนเดียว เพราะเราจะจัดให้มีการเซ่นสังเวยครั้งใหญ่แก่พระบาอัล ใครไม่มาจะต้องถูกประหาร” ทั้งนี้เป็นแผนลวงของเยฮูที่จะกำจัดผู้ปรนนิบัติพระบาอัล

20 เยฮูตรัสว่า “จงพร้อมใจกันมาชุมนุมเพื่อเป็นเกียรติแก่พระบาอัล” พวกเขาจึงป่าวประกาศข้อความนั้น

21 แล้วพระองค์ทรงแจ้งไปทั่วแดนอิสราเอล ผู้ที่ปรนนิบัติพระบาอัลพากันมาครบทุกคน แน่นขนัดเต็มวิหารของพระบาอัล

22 เยฮูตรัสสั่งคนดูแลเสื้อผ้าว่า “จงนำเสื้อคลุมมาให้ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลให้ครบทุกคน” เขาจึงนำเสื้อคลุมออกมาให้ทุกคน

23 จากนั้นเยฮูกับเยโฮนาดับบุตรเรคาบเข้าไปในวิหาร และกล่าวแก่ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลว่า “มองดูให้รอบ อย่าให้มีผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมอยู่ในนี้เลย ให้มีแต่ผู้ปรนนิบัติพระบาอัลเท่านั้น”

24 ขณะที่ปุโรหิตของพระบาอัลเริ่มถวายเครื่องบูชาและเครื่องเผาบูชา เยฮูวางกำลังแปดสิบคนไว้นอกวิหาร และสั่งพวกเขาว่า “หากใครปล่อยให้คนที่เรามอบหมายไว้ในมือของเจ้าหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว เราจะเอาชีวิตของเจ้าทดแทนชีวิตของเขา”

25 เมื่อถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ เยฮูสั่งทหารและยามว่า “จงเข้าไปฆ่าให้หมด อย่าให้หนีรอดไปได้สักคนเดียว” พวกเขาจึงฆ่าฟันคนเหล่านั้นทั้งหมดและโยนศพออกมาข้างนอก แล้วเข้าไปยังสถานบูชาชั้นในของวิหารของพระบาอัล

26 พวกเขาโค่นรื้อเสาศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลออกมาเผาทิ้งนอกวิหาร

27 พวกเขาทำลายหินศักดิ์สิทธิ์และวิหารของพระบาอัล และประชาชนก็ใช้ที่นั่นเป็นห้องส้วมตั้งแต่นั้นมา

28 เป็นอันว่าเยฮูได้ทรงล้มล้างการนมัสการพระบาอัลไปจากอิสราเอล

29 แต่เยฮูยังทำบาปตามเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งได้ชักนำอิสราเอลให้ทำตาม คือนมัสการลูกวัวทองคำที่เบธเอลและดาน

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยฮูว่า “เพราะเจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และได้ทำลายราชวงศ์ของอาหับตามที่เราได้ตั้งใจไว้ทุกประการ ดังนั้นวงศ์วานของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้ครองบัลลังก์ของอิสราเอล”

31 แต่เยฮูไม่ได้ใส่ใจทำตามบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยสุดจิตสุดใจ เขาไม่ได้หันจากบาปของเยโรโบอัมซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม

32 ในครั้งนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มตัดทอนอาณาเขตของอิสราเอล ฮาซาเอลทรงพิชิตดินแดนอิสราเอลได้มากมายหลายส่วน

33 ทางแถบตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ในดินแดนกิเลอาดทั้งหมด (เขตเผ่ากาด รูเบน และมนัสเสห์) จากอาโรเออร์ ริมโกรกธารอารโนนผ่านกิเลอาดไปจนถึงบาชาน

34 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลกษัตริย์เยฮู พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งหมดมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

35 แล้วเยฮูทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในสะมาเรีย แล้วเยโฮอาหาสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

36 เยฮูทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลในสะมาเรีย 28 ปี

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/10-f92858463f676bfc64d19c77237f9770.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 11

พระนางอาธาลิยาห์กับโยอาช

1 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ราชมารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว ก็สังหารเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด

2 แต่เยโฮเชบาธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมน้องสาวของอาหัสยาห์ซ่อนตัวโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ไว้ไม่ให้ถูกประหารพร้อมโอรสองค์อื่นๆ เยโฮเชบาพาโยอาชกับพี่เลี้ยงไปซ่อนไว้ในห้องบรรทม ให้พ้นจากพระนางอาธาลิยาห์ โยอาชจึงไม่ถูกประหาร

3 โยอาชกับพี่เลี้ยงหลบซ่อนตัวในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหกปีที่พระนางอาธาลิยาห์ครองราชย์

4 ในปีที่เจ็ดเยโฮยาดาเรียกชุมนุมนายกองทหารรักษาพระองค์ชาวคารีและยามให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาทำพันธสัญญากับคนเหล่านั้นและให้พวกเขาถวายสัตย์ปฏิญาณที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากนั้นนำโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา

5 เยโฮยาดาสั่งพวกเขาว่า “หนึ่งในสามของผู้ประจำหน้าที่รักษาการณ์ในวันสะบาโตจะเฝ้าพระราชวัง

6 หนึ่งในสามอยู่ที่ประตูสูร และหนึ่งในสามอยู่ที่ประตูหลังยามซึ่งอยู่เวรเฝ้าพระวิหาร

7 และอีกสองพวกซึ่งออกเวรวันสะบาโตทั้งหมดจะเฝ้าพระวิหารเพื่ออารักขากษัตริย์

8 จงอารักขารอบองค์กษัตริย์ ถืออาวุธพร้อมและประหารทุกคนที่พยายามจะบุกเข้ามา จงอยู่เคียงข้างพระองค์ไม่ว่าจะเสด็จไปทางใด”

9 บรรดานายทหารจึงปฏิบัติตามคำสั่งของปุโรหิตเยโฮยาดา ต่างนำพลที่จะผลัดเวรกันในวันสะบาโตมาพบเยโฮยาดา

10 แล้วเขานำหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดในคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาแจกจ่ายให้บรรดานายทหาร

11 ทหารยามถืออาวุธพร้อมยืนอารักขารอบองค์กษัตริย์ ประจำการอยู่ใกล้แท่นบูชาและจากด้านทิศใต้ของพระวิหารไปจดด้านทิศเหนือ

12 เยโฮยาดานำราชโอรสออกมาและสวมมงกุฎให้พระองค์ ถวายหนังสือพันธสัญญาและประกาศว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมตั้งพระองค์ ประชาชนปรบมือและโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!”

13 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงยามและประชาชน พระนางก็เสด็จมาหาประชาชนที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

14 พระนางทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ประทับยืนอยู่ข้างเสาตามพระราชประเพณี มีเจ้าหน้าที่กับคนเป่าแตรอยู่ข้างพระองค์ และปวงชนกำลังรื่นเริงยินดีและเป่าแตร พระนางอาธาลิยาห์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์และร้องตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!”

15 ปุโรหิตเยโฮยาดาสั่งบรรดาผู้บังคับกองร้อยซึ่งรับผิดชอบกองทหารว่า “คุมตัวพระนางออกไปจากแถวทหาร อย่าประหารพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ให้ฆ่าทุกคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยพระนาง”

16 พวกเขาจึงคุมตัวพระนางไปยังประตูที่ม้าผ่านเข้าพระราชวัง และปลงพระชนม์พระนางที่นั่น

17 จากนั้นเยโฮยาดาให้กษัตริย์และประชากรทั้งปวงทำพันธสัญญาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าพวกเขาจะเป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งให้กษัตริย์และประชาชนกระทำพันธสัญญาต่อกัน

18 ประชาชนทุกคนทั่วแดนกรูเข้าไปรื้อทำลายวิหารของพระบาอัล ทุบแท่นบูชาและเทวรูปทั้งหลายทิ้ง และประหารมัททานปุโรหิตของพระบาอัลตรงหน้าแท่น

แล้วปุโรหิตเยโฮยาดาตั้งกองรักษาการณ์ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

19 เยโฮยาดา บรรดานายทหาร ทหารรักษาพระองค์ ชาวคารี ทหารยาม และประชากรทั้งปวงนำเสด็จกษัตริย์โยอาชจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านป้อมทหารรักษาการณ์เข้าสู่พระราชวัง แล้วกษัตริย์ขึ้นประทับบนราชบัลลังก์

20 ประชาชนทั่วแดนพากันชื่นชมยินดี และนครก็สงบสุข เพราะพระนางอาธาลิยาห์ถูกประหารด้วยดาบที่พระราชวังแล้ว

21 โยอาชมีพระชนมายุเจ็ดพรรษาเมื่อขึ้นครองราชย์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/11-c70ce7e984f4805c988b96d737e73ad9.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 12

โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหาร

1 โยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์ตรงกับปีที่เจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยฮู พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มอยู่สี่สิบปี ราชมารดาคือศิบียาห์จากเบเออร์เชบา

2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหลายปีที่มีปุโรหิตเยโฮยาดาคอยถวายคำปรึกษา

3 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ถูกทำลาย ประชากรยังคงไปถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น

4 โยอาชตรัสกับเหล่าปุโรหิตว่า “จงรวบรวมเงินที่ผู้คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือเงินที่เรียกเก็บรายบุคคลจากการทำสำมะโนประชากร เงินถวายตามคำปฏิญาณ และเงินถวายตามความสมัครใจให้แก่พระวิหาร

5 ให้ปุโรหิตทุกคนรับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินคนใดคนหนึ่ง แล้วใช้เงินนั้นซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด”

6 แต่จนถึงปีที่ยี่สิบสามแห่งรัชกาลโยอาช บรรดาปุโรหิตก็ยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหาร

7 โยอาชจึงเรียกเยโฮยาดาและปุโรหิตอื่นๆ มาเข้าเฝ้าและตรัสถามว่า “เหตุใดท่านทั้งหลายจึงยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด? ต่อแต่นี้ไปอย่ารับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินอีกเลย แต่จงมอบไว้สำหรับการบูรณะซ่อมแซมพระวิหาร”

8 บรรดาปุโรหิตจึงตกลงกันว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีกต่อไป และจะไม่ดำเนินการซ่อมแซมพระวิหารเอง

9 ปุโรหิตเยโฮยาดาเจาะรูไว้ที่ฝาหีบใหญ่ และนำหีบมาตั้งไว้ที่ข้างขวาแท่นบูชา ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตที่เฝ้าประตูจะนำเงินถวายทั้งหมดที่คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าหย่อนลงในหีบ

10 เมื่อใดก็ตามที่เห็นว่าในหีบมีเงินมากแล้ว ราชเลขาและมหาปุโรหิตจะนับเงินที่นำมาถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเก็บใส่ถุง

11 หลังจากจัดสรรเงินที่นับแล้วก็นำไปมอบให้ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจ่ายให้ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง

12 ช่างก่อ ช่างสกัดหิน เพื่อซื้อไม้ซุงและหินสกัด และเพื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับการซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

13 เงินถวายนี้ไม่ได้ใช้สำหรับทำอ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง อ่างประพรม แตร หรือภาชนะเงินหรือทองในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

14 แต่จ่ายให้กับคนงานเพื่อการซ่อมแซมพระวิหารเท่านั้น

15 ไม่จำเป็นต้องมีรายงานบัญชีจากผู้ควบคุมการก่อสร้างเหล่านี้ เพราะพวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง

16 ส่วนเงินที่นำมาถวายเป็นเครื่องบูชาลบมลทินและเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นให้เป็นของปุโรหิต ไม่ต้องนำมาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 ครั้งนั้นกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมมาโจมตีเมืองกัทและยึดเมืองไว้ได้ แล้วเคลื่อนทัพมุ่งหน้าจะมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม

18 แต่กษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์นำสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรพบุรุษ คือเยโฮชาฟัท เยโฮรัม และกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ได้ถวาย พร้อมทั้งสิ่งของที่โยอาชเองได้ถวาย รวมถึงทองคำทั้งหมดในคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของพระราชวัง ส่งไปให้กษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัม ฮาซาเอลจึงถอนทัพจากเยรูซาเล็ม

19 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยอาช และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

20 ข้าราชการของโยอาชสมคบกันปลงพระชนม์พระองค์ที่เบธมิลโลบนเส้นทางจะไปสิลลา

21 ผู้ปลงพระชนม์คือโยซาบาดบุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ โยอาชสิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้ร่วมกับบรรพบุรุษในเมืองดาวิด แล้วอามาซิยาห์โอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/12-6a823eba09d30f9caeca4cbb59487102.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 13

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอล

1 เยโฮอาหาสโอรสของเยฮูขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ยี่สิบสามของรัชกาลกษัตริย์โยอาชโอรสของอาหัสยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่สิบเจ็ดปี

2 เยโฮอาหาสทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปนั้น

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนัก และทรงให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมและเบนฮาดัดราชโอรสเป็นเวลานาน

4 แล้วเยโฮอาหาสอธิษฐานวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังเพราะทรงทอดพระเนตรเห็นว่ากษัตริย์อารัมกดขี่ข่มเหงอิสราเอลยิ่งนัก

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงประทานผู้กอบกู้ซึ่งช่วยอิสราเอลพ้นจากอำนาจของอารัม ดังนั้นชนอิสราเอลจึงได้อยู่ในบ้านเรือนของตนเหมือนแต่ก่อน

6 แต่พวกเขายังไม่ได้หันหนีจากบาปของราชวงศ์เยโรโบอัมซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พวกเขายังคงดำเนินในบาปนั้น เสาเจ้าแม่อาเชราห์ยังคงอยู่ในสะมาเรีย

7 กองทัพของเยโฮอาหาสเหลือเพียงพลม้าห้าสิบคน รถม้าศึกสิบคัน และพลเดินเท้าหนึ่งหมื่นคน เนื่องจากถูกกษัตริย์อารัมทำลายจนเป็นเหมือนฝุ่นละอองเวลานวดข้าว

8 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเยโฮอาหาส พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

9 เยโฮอาหาสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ที่สะมาเรีย แล้วเยโฮอาชโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอล

10 เยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรีย ตรงกับปีที่สามสิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์สิบหกปี

11 เยโฮอาชทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้เลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พระองค์ยังคงดำเนินในบาปนั้น

12 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโฮอาช พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งปวง รวมทั้งการสงครามกับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

13 เยโฮอาชทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในสะมาเรียร่วมกับบรรดากษัตริย์อิสราเอล แล้วเยโรโบอัมขึ้นครองราชย์แทน

14 เมื่อเอลีชาป่วยหนักใกล้ตาย กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลเสด็จมาเยี่ยมและทรงกันแสงต่อหน้าเขา และคร่ำครวญว่า “ท่านบิดา! ท่านบิดาของข้าพเจ้า! ผู้เป็นราชรถและพลม้าแห่งอิสราเอล!”

15 เอลีชาสั่งว่า “เอาคันธนูกับลูกศรมาสิ” เยโฮอาชก็ทรงทำตาม

16 เขาบอกกษัตริย์อิสราเอลว่า “หยิบธนูขึ้นมาเถิด” เมื่อกษัตริย์ทรงหยิบธนูแล้ว เอลีชาก็วางมือบนพระหัตถ์ของกษัตริย์

17 เขากล่าวว่า “จงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” พระองค์ก็ทรงเปิด เอลีชาสั่งว่า “จงยิงออกไป!” พระองค์ก็ทรงยิง เอลีชาประกาศว่า “ลูกศรแห่งชัยชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าลูกศรแห่งชัยชนะเหนืออารัม! เจ้าจะทำลายชาวอารัมที่อาเฟคจนหมดสิ้น”

18 แล้วเขากล่าวว่า “หยิบลูกศรขึ้นมา” กษัตริย์ก็ทรงหยิบ เอลีชาสั่งว่า “ฟาดลงกับพื้น” พระองค์ก็ทรงฟาดสามครั้งแล้วก็หยุด

19 คนของพระเจ้าไม่พอใจและกล่าวว่า “ท่านน่าจะฟาดพื้นสักห้าหรือหกครั้ง จะได้ฟาดฟันอารัมให้สิ้นไป นี่ท่านจะชนะอารัมแค่สามครั้งเท่านั้น”

20 เอลีชาสิ้นชีวิตและถูกฝังไว้

ครั้งนั้นกองโจรของชาวโมอับเคยมาบุกรุกดินแดนทุกฤดูใบไม้ผลิ

21 ครั้งหนึ่งคนอิสราเอลกำลังฝังร่างของคนคนหนึ่ง ทันทีที่เห็นกองโจรก็โยนร่างเข้าไปในอุโมงค์ฝังศพของเอลีชา เมื่อร่างนั้นแตะกับโครงกระดูกของเอลีชาก็กลับมีชีวิตลุกขึ้นยืน

22 กษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมกดขี่ข่มเหงอิสราเอลตลอดรัชกาลของเยโฮอาหาส

23 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกรุณาพวกเขา ทรงสงสารและทรงห่วงใยพวกเขาเพราะเห็นแก่พันธสัญญาที่ทรงให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ แม้บัดนี้ก็ไม่ได้ทรงประสงค์จะทำลายหรือเนรเทศพวกเขาให้พ้นพระพักตร์ไป

24 กษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมสิ้นพระชนม์ เบนฮาดัดโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

25 แล้วเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสทรงยึดหัวเมืองต่างๆ คืนจากเบนฮาดัดโอรสของฮาซาเอลซึ่งยึดไปตั้งแต่สมัยเยโฮอาหาสผู้เป็นราชบิดา เยโฮอาชรบชนะเบนฮาดัดสามครั้ง ดังนั้นพระองค์จึงได้หัวเมืองอิสราเอลคืนมา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/13-64acf4d37d785cd240af1577e880a8b0.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 14

กษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์

1 อามาซิยาห์โอรสกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์เยโฮอาช โอรสกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอล

2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดาคือเยโฮอัดดีนจากเยรูซาเล็ม

3 อามาซิยาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแม้จะไม่เทียบเท่าดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษ พระองค์ทรงดำเนินตามแบบอย่างทั้งสิ้นของโยอาชราชบิดา

4 แต่ไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น

5 ทันทีที่อามาซิยาห์ทรงกุมอำนาจเหนือราชอาณาจักร ก็ทรงประหารชีวิตข้าราชสำนักที่ปลงพระชนม์พระราชบิดาซึ่งเป็นกษัตริย์

6 แต่ไม่ได้ประหารลูกของเขาตามที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติของโมเสสซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า “อย่าประหารบิดาเพราะบาปของบุตร หรือประหารบุตรเพราะบาปของบิดา แต่ละคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง”

7 อามาซิยาห์คือผู้พิชิตชาวเอโดมหนึ่งหมื่นคนในหุบเขาเกลือ ทรงตีเมืองเสลาได้ และเปลี่ยนชื่อเป็นโยกเธเอล ซึ่งยังคงเรียกกันอยู่จนทุกวันนี้

8 แล้วอามาซิยาห์ส่งผู้สื่อสารไปถึงเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์เยฮูแห่งอิสราเอลท้าทายว่า “จงออกมาเผชิญหน้ากัน”

9 แต่กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงตอบกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ในเลบานอนว่า ‘ยกลูกสาวของท่านให้แต่งงานกับลูกชายของข้าพเจ้าเถิด’ แล้วมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนมาเหยียบย่ำต้นหนามนั้นป่นปี้

10 ท่านพิชิตเอโดมได้ก็เลยผยอง ขอเชิญภาคภูมิใจในชัยชนะไปเถิด แต่จงอยู่กับบ้าน! จะแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปทำไม ทำไมหาเรื่องให้ตัวท่านเองและยูดาห์ย่อยยับไปด้วย?”

11 แต่ว่าอามาซิยาห์ไม่ทรงฟัง กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงทรงบุกเข้าโจมตี และมาเผชิญหน้ากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์

12 แล้วยูดาห์ก็ถูกอิสราเอลรุกไล่ ทุกคนพ่ายหนีกลับบ้านของตน

13 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงจับกุมกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ซึ่งเป็นโอรสของโยอาชผู้เป็นโอรสของอาหัสยาห์ได้ที่เบธเชเมช เยโฮอาชเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และทรงทลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุมเป็นระยะทาง 400 ศอก

14 เยโฮอาชทรงริบเงินและทองทั้งหมดตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นที่พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและในคลังหลวง พร้อมทั้งทรงจับตัวประกันไป แล้วเสด็จกลับสู่สะมาเรีย

15 เหตุการณ์ต่างๆ ในรัชกาลเยโฮอาช พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งปวง รวมทั้งสงครามกับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

16 เยโฮอาชทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในสะมาเรียร่วมกับกษัตริย์องค์อื่นๆ ของอิสราเอล แล้วเยโรโบอัมผู้เป็นโอรสขึ้นครองราชย์แทน

17 อามาซิยาห์โอรสกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์มีพระชนม์ยาวนานกว่าเยโฮอาชโอรสกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอลสิบห้าปี

18 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอามาซิยาห์มีบันทึกในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

19 มีผู้คิดร้ายหมายปลงพระชนม์อามาซิยาห์ในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จึงเสด็จหนีไปยังเมืองลาคีช แต่ผู้คิดร้ายเหล่านั้นส่งคนตามไปปลงพระชนม์พระองค์ที่นั่น

20 พระศพถูกนำขึ้นหลังม้ากลับมาและถูกฝังไว้ในกรุงเยรูซาเล็มร่วมกับเหล่าบรรพบุรุษในเมืองดาวิด

21 แล้วชาวยูดาห์แต่งตั้งอาซาริยาห์ผู้มีพระชนมายุสิบหกพรรษาขึ้นเป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์ราชบิดา

22 พระองค์ทรงเป็นผู้บูรณะเมืองเอลัทและยึดคืนมาเป็นของยูดาห์ หลังจากที่อามาซิยาห์ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษแล้ว

กษัตริย์เยโรโบอัมที่สองแห่งอิสราเอล

23 เยโรโบอัมโอรสกษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงสะมาเรียตรงกับปีที่สิบห้าของรัชกาลกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์โอรสของโยอาช พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ 41 ปี

24 เยโรโบอัมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้เลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม

25 ทรงเป็นผู้ยึดเขตแดนจากเลโบฮามัทจดทะเลแห่งอาราบาห์กลับคืนมาเป็นของอิสราเอล เป็นไปตามพระดำรัสขององค์พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะโยนาห์บุตรอามิททัยจากกัทเฮเฟอร์

26 องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ลำเค็ญของอิสราเอล ไม่ว่าที่เป็นทาสหรือเป็นไท ไม่มีใครช่วยเหลืออิสราเอล

27 และองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ว่าจะทรงลบชื่ออิสราเอลออกไปจากแผ่นดินโลก ฉะนั้นพระองค์จึงทรงใช้เยโรโบอัมโอรสของเยโฮอาชมาช่วยเหลืออิสราเอล

28 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโรโบอัม พระราชกิจทั้งปวง และความสำเร็จด้านการทหาร ตลอดจนการกอบกู้เมืองดามัสกัสกับเมืองฮามัทซึ่งเคยเป็นของยูดาห์มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

29 เยโรโบอัมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษคือบรรดากษัตริย์อิสราเอล แล้วเศคาริยาห์โอรสขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/14-cb369bdaebab178537414ae638dfd7a3.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 15

กษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์

1 อาซาริยาห์โอรสกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอล

2 เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงมีพระชนมายุสิบหกพรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 52 ปี ราชมารดาคือเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม

3 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอามาซิยาห์ราชบิดา

4 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ได้ถูกทำลายไป ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้กษัตริย์อาซาริยาห์เป็นโรคเรื้อนจนสิ้นพระชนม์ อาซาริยาห์จึงแยกประทับอยู่ในพระตำหนักต่างหากโยธามราชโอรสของพระองค์ทรงดูแลพระราชวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้น

6 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาซาริยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

7 อาซาริยาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับพวกเขาในเมืองดาวิด แล้วโยธามโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์เศคาริยาห์แห่งอิสราเอล

8 เศคาริยาห์โอรสเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรงกับปีที่สามสิบแปดของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหกเดือน

9 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ไม่ได้ทรงหันจากบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม

10 ชัลลูมบุตรยาเบชคิดร้ายและปลงพระชนม์เศคาริยาห์ต่อหน้าประชาชนแล้วขึ้นครองราชย์แทน

11 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเศคาริยาห์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล

12 จึงเป็นจริงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยฮูว่า “วงศ์วานของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้ครองบัลลังก์อิสราเอล”

กษัตริย์ชัลลูมแห่งอิสราเอล

13 ชัลลูมบุตรยาเบชขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สามสิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ และทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหนึ่งเดือน

14 จากนั้นเมนาเฮมบุตรกาดีจากเมืองทีรซาห์ขึ้นมายังสะมาเรีย ปลงพระชนม์ชัลลูมแล้วขึ้นครองราชย์แทน

15 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลชัลลูมและการชิงราชบัลลังก์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล

16 ครั้งนั้นเมนาเฮมยกทัพจากเมืองทีรซาห์เข้าโจมตีเมืองทิฟสาห์และทุกคนในเมืองและละแวกนั้น เนื่องจากชาวเมืองนั้นไม่ยอมเปิดประตูรับ เขาปล้นเมืองทิฟสาห์และผ่าท้องหญิงมีครรภ์ทั้งหมด

กษัตริย์เมนาเฮมแห่งอิสราเอล

17 เมนาเฮมบุตรกาดีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่สามสิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียสิบปี

18 เมนาเฮมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ไม่ได้เลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตามตลอดรัชกาลของพระองค์

19 ต่อมากษัตริย์ปูลแห่งอัสซีเรียเข้ารุกราน เมนาเฮมถวายบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 34 ตันเพื่อขอการสนับสนุนให้ตนได้ครอบครองอาณาจักรอย่างมั่นคง

20 เมนาเฮมทรงรีดเงินจำนวนนี้จากอิสราเอล คนรวยทุกคนต้องจ่ายเงินหนัก 50 เชเขลเพื่อจ่ายให้กษัตริย์อัสซีเรีย ดังนั้นกษัตริย์อัสซีเรียจึงถอนทัพกลับไป

21 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเมนาเฮม พระราชกิจทั้งปวงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

22 เมนาเฮมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและเปคาหิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์เปคาหิยาห์แห่งอิสราเอล

23 เปคาหิยาห์โอรสของเมนาเฮมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ห้าสิบของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่สองปี

24 เปคาหิยาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม

25 แล้วผู้บัญชาการเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ได้สมคบกับชาวกิเลอาดห้าสิบคน ปลงพระชนม์เปคาหิยาห์ รวมทั้งสังหารอารโกบและอารีเอห์ด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ป้อมชั้นในของพระราชวังที่สะมาเรีย และเปคาห์ขึ้นครองราชย์แทน

26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเปคาหิยาห์และพระราชกิจทั้งปวงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล

กษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล

27 เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ห้าสิบสองของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ยี่สิบปี

28 เปคาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม

29 ในรัชกาลกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมายึดเมืองอิโยน อาเบล เบธมาอาคาห์ ยาโนอาห์ เคเดช และฮาโซร์ ทรงยึดกิเลอาด กาลิลี ดินแดนนัฟทาลีทั้งหมด และจับเชลยไปยังอัสซีเรีย

30 แล้วโฮเชยาบุตรเอลาห์ก็กบฏและปลงพระชนม์กษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ และขึ้นครองราชย์แทนตรงกับปีที่ยี่สิบของรัชกาลโยธามโอรสของอุสซียาห์

31 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเปคาห์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

กษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์

32 โยธามโอรสกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอล

33 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษาและทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี ราชมารดาคือเยรูชาธิดาของศาโดก

34 โยธามทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอุสซียาห์ราชบิดา

35 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ถูกทำลาย ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น โยธามทรงบูรณะประตูบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

36 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโยธามและพระราชกิจทั้งปวงบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

37 (ในสมัยนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้กษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์มาโจมตียูดาห์)

38 โยธามทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ร่วมกันในเมืองดาวิด ซึ่งเป็นเมืองของบรรพบุรุษ จากนั้นอาหัสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/15-f5937eb8df3150c484c81293d94bfd83.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 16

กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์

1 อาหัสโอรสกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์

2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี อาหัสไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์เหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ

3 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ถึงกับนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล

4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น

5 ต่อมากษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอลกรีธาทัพมารบกับอาหัสและล้อมกรุงเยรูซาเล็ม แต่พิชิตไม่ได้

6 ครั้งนั้นกษัตริย์เรซีนแห่งอารัมทรงยึดเอลัทคืนให้อารัม โดยขับไล่ชาวยูดาห์ออกไป แล้วชาวเอโดมจึงเข้าไปอาศัยอยู่ที่เอลัทตราบจนทุกวันนี้

7 อาหัสทรงส่งทูตไปแจ้งกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของท่านและผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ขอโปรดมาช่วยรบกับทัพอารัมและอิสราเอลซึ่งยกมาโจมตีข้าพเจ้าด้วยเถิด”

8 อาหัสได้นำทองคำและเงินที่มีในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและคลังหลวงส่งไปบรรณาการแด่กษัตริย์อัสซีเรีย

9 กษัตริย์อัสซีเรียจึงโจมตีและยึดเมืองดามัสกัส ประหารเรซีน แล้วกวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์

10 กษัตริย์อาหัสเสด็จไปที่เมืองดามัสกัสเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย พระองค์ทรงเห็นแท่นบูชาที่เมืองดามัสกัส จึงส่งแบบร่างและรายละเอียดในการสร้างแท่นบูชามาให้ปุโรหิตอุรียาห์

11 ดังนั้นปุโรหิตอุรียาห์จึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาอีกแท่นหนึ่งตามแบบที่กษัตริย์อาหัสส่งมาจากเมืองดามัสกัสทุกประการ และสร้างเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสจะเสด็จกลับมา

12 เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับมาจากเมืองดามัสกัสและเห็นแท่น ก็ถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น

13 ทรงถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา และประพรมเลือดจากเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้น

14 ส่วนแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแท่นเดิมนั้น พระองค์ทรงย้ายจากด้านหน้าของพระวิหาร คือระหว่างแท่นบูชาใหม่กับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปตั้งไว้ด้านทิศเหนือของแท่นบูชาใหม่

15 กษัตริย์อาหัสทรงบัญชาปุโรหิตอุรียาห์ว่า “จงใช้แท่นบูชาใหม่นี้สำหรับถวายเครื่องเผาบูชายามเช้า ธัญบูชายามเย็น เครื่องเผาบูชากับธัญบูชาของกษัตริย์ และเครื่องเผาบูชากับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาของประชากร และประพรมเลือดจากเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆ ที่แท่นใหม่นี้ด้วย ส่วนแท่นทองสัมฤทธิ์นั้น เราจะใช้สำหรับขอคำแนะนำ”

16 ปุโรหิตอุรียาห์ก็ทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อาหัส

17 กษัตริย์อาหัสทรงรื้อแผงด้านข้างของแท่นเคลื่อนที่ทองสัมฤทธิ์ และย้ายขันบรรจุน้ำที่วางบนแท่นออกไป พระองค์ทรงย้ายขันสาครจากหลังของวัวทองสัมฤทธิ์ไปตั้งไว้บนฐานหิน

18 และเพื่อเอาใจกษัตริย์อัสซีเรีย อาหัสทรงย้ายศาลาสะบาโตไปจากพระวิหาร แล้วปิดทางพระราชดำเนินส่วนพระองค์ด้านนอกที่มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

19 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาหัสมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

20 อาหัสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ร่วมกันในเมืองดาวิด แล้วเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/16-57558f084d3eb7ebd356cb0db51e67ab.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 17

โฮเชยากษัตริย์องค์สุดท้ายของอิสราเอล

1 โฮเชยาบุตรเอลาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่สิบสองของรัชกาลกษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่เก้าปี

2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่มากเท่ากษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ

3 กษัตริย์ชัลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีโฮเชยาซึ่งเคยสวามิภักดิ์และถวายบรรณาการ

4 แต่กษัตริย์อัสซีเรียพบว่าโฮเชยาคิดกบฏ งดส่งเครื่องบรรณาการประจำปี และส่งทูตไปเข้าเฝ้ากษัตริย์โสแห่งอียิปต์ พระองค์จึงทรงให้จับโฮเชยาล่ามโซ่ตรวนและจำไว้ในคุก

5 กษัตริย์อัสซีเรียทรงยกทัพมาตีทั่วแผ่นดินอิสราเอลและล้อมเมืองสะมาเรียอยู่สามปี

6 ในปีที่เก้าแห่งรัชกาลโฮเชยา กษัตริย์อัสซีเรียก็เข้ายึดเมืองสะมาเรียและกวาดต้อนชนอิสราเอลไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย ทรงให้ตั้งหลักแหล่งในเมืองฮาลาห์ในโกซานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำฮาโบร์ และตามเมืองต่างๆ ของมีเดีย

อิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาป

7 ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ พวกเขาหันไปนมัสการพระอื่นๆ

8 ดำเนินตามแบบอย่างของบรรดาชนชาติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพวกเขา และตามแบบอย่างที่กษัตริย์อิสราเอลชักนำ

9 ชนอิสราเอลยังได้ลอบทำบาปหลายอย่างต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และสร้างสถานบูชาบนที่สูงไว้ทั่วแผ่นดิน จากหอคอยจดป้อมปราการ

10 พวกเขาได้ตั้งหินศักดิ์สิทธิ์และเสาเจ้าแม่อาเชราห์บนเนินเขาสูงทุกยอดและโคนต้นไม้ใหญ่ทุกต้น

11 พวกเขาเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนที่สูงทุกแห่ง เหมือนอย่างชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ขับไล่ออกไปจากดินแดนเมื่ออิสราเอลเข้ามา อิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 เขานมัสการรูปเคารพต่างๆ ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “เจ้าอย่าทำสิ่งนี้”

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะและผู้ทำนายมาเตือนทั้งอิสราเอลและยูดาห์ว่า “จงหันจากวิถีชั่วร้ายของเจ้า จงปฏิบัติตามคำบัญชาและกฎหมายของเรา ตามบทบัญญัติทั้งสิ้นที่เราได้บัญชาให้บรรพบุรุษของเจ้าเชื่อฟัง และที่เราได้แจ้งแก่เจ้าผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา”

14 แต่อิสราเอลไม่ยอมฟัง เขามีใจดื้อดึงเช่นเดียวกับบรรพบุรุษผู้ที่ไม่ได้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

15 พวกเขาทิ้งกฎหมายและพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงให้ไว้แก่บรรพบุรุษ ไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ หันไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า ตนเองจึงเป็นคนไร้ค่า พวกเขาทำตามอย่างชนชาติต่างๆ ที่อยู่แวดล้อม ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามว่า “จงอย่าทำตามพวกเขา” แต่เขากลับทำในสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้

16 เขาลบหลู่พระดำรัสสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา สร้างรูปเคารพเป็นลูกวัวสองตัว และเสาเจ้าแม่อาเชราห์ เขานมัสการพระบาอัล กราบไหว้ดวงดาวต่างๆ ในฟากฟ้า

17 เขาถึงกับเอาลูกชายลูกสาวของตนเผาบูชายัญเขาใช้ไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา ปล่อยตัวทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

18 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนักและขับไล่เขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ เหลืออยู่แต่เพียงเผ่ายูดาห์

19 แม้แต่ยูดาห์เองก็ไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่ทำตามอิสราเอล

20 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งชนชาติอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ทรงลงโทษเขาและมอบเขาไว้ในมือของผู้ปล้นชิง ตราบจนทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์

21 เมื่อพระเจ้าทรงฉีกอิสราเอลออกไปจากวงศ์วานของดาวิด พวกเขาเลือกเยโรโบอัมบุตรเนบัทเป็นกษัตริย์ เยโรโบอัมชักนำอิสราเอลออกจากการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าไปทำบาปอันใหญ่หลวง

22 ชาวอิสราเอลจมอยู่ในบาปของเยโรโบอัมไม่ยอมเลิกรา

23 จนกระทั่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขจัดเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์ตามที่พระองค์ได้ทรงเตือนไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ฉะนั้นอิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเป็นเชลยอยู่ในอัสซีเรียตราบจนทุกวันนี้

คนต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสะมาเรีย

24 กษัตริย์อัสซีเรียทรงนำคนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท และเสฟารวาอิมเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียแทนที่ชาวอิสราเอล พวกเขามายึดครองสะมาเรียและอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ

25 เมื่อพวกเขามาถึงเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จึงทรงส่งสิงโตมาอยู่ท่ามกลางพวกเขาและฆ่าบางคนไป

26 กษัตริย์อัสซีเรียทรงได้รับรายงานว่า “ประชาชนที่พระองค์ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองสะมาเรียไม่ทราบบทบัญญัติของพระแห่งดินแดนนี้ พระองค์จึงทรงส่งสิงโตเข้ามาฆ่าเสียหลายคนเพราะไม่รู้สิ่งที่ควรปฏิบัติ”

27 กษัตริย์อัสซีเรียจึงมีพระบัญชาว่า “ให้ส่งปุโรหิตคนหนึ่งที่ถูกกวาดต้อนมาจากสะมาเรียกลับไปอยู่ที่นั่น เพื่อสอนประชาชนให้ทราบสิ่งที่พระแห่งดินแดนนั้นประสงค์”

28 ดังนั้นปุโรหิตคนหนึ่งซึ่งเป็นเชลยมาจากสะมาเรียจึงมาอยู่ที่เบธเอลและสอนประชาชนให้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า

29 แต่ชนชาติเหล่านี้ได้สร้างพระของตนในเมืองต่างๆ ที่มาตั้งถิ่นฐานด้วย และตั้งพระไว้ตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งชาวสะมาเรียได้สร้างไว้

30 คนที่มาจากบาบิโลนก็สร้างพระสุคคทเบโนท คนจากคูธาห์สร้างพระเนอร์กัล ส่วนคนจากฮามัทสร้างพระอาชิมา

31 ชาวอัฟวิมสร้างพระนิบหัสและพระทารทัก และชาวเสฟารวาอิมเผาลูกของตนสังเวยแด่พระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลค ซึ่งเป็นพระของเมืองเสฟารวาอิม

32 พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ตั้งคนของพวกเขาเองจากทุกประเภทให้เป็นปุโรหิตประจำสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย

33 พวกเขานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ก็นมัสการเทพเจ้าของตนที่นำมาด้วยตามประเพณีดั้งเดิม

34 พวกเขายังคงยึดถือขนบธรรมเนียมเดิมจวบจนทุกวันนี้ พวกเขาไม่ได้นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงหรือยึดมั่นในกฎหมายและกฎเกณฑ์ บทบัญญัติและพระบัญชาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ไว้แก่วงศ์วานของยาโคบซึ่งพระองค์ประทานนามว่าอิสราเอล

35 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล พระองค์ทรงบัญชาไว้ว่า “อย่านมัสการพระอื่นใด อย่ากราบไหว้ปรนนิบัติหรือถวายเครื่องบูชาแก่พระเหล่านั้น

36 แต่เจ้าจงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงผู้เดียว ผู้นำเจ้าทั้งหลายออกจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระกรที่เหยียดออก เจ้าจะกราบลงและถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์

37 เจ้าทั้งหลายจะต้องใส่ใจปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ บทบัญญัติ และพระบัญชาที่พระองค์เขียนไว้ให้เจ้า อย่าไปนมัสการพระอื่นๆ

38 อย่าลืมพันธสัญญาที่เราทำกับเจ้า อย่านมัสการพระอื่นใด

39 แต่จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ซึ่งจะกอบกู้เจ้าให้พ้นจากมือของศัตรูทั้งปวง”

40 แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง พวกเขายังคงทำตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิม

41 พวกเขานมัสการทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและรูปเคารพต่างๆ ของตน ลูกหลานของเขาก็ทำตามอย่างบรรพบุรุษเช่นนี้เรื่อยมา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/17-5b642a1b47b0825e11475fff8b1f65c3.mp3?version_id=179—