Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 18

กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์

1 เฮเซคียาห์โอรสกษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์โฮเชยาบุตรเอลาห์แห่งอิสราเอล

2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดาคืออาบียาห์ธิดาของเศคาริยาห์

3 เฮเซคียาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่ดาวิดบรรพบุรุษได้ทำ

4 พระองค์ทรงรื้อทลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย โค่นหินศักดิ์สิทธิ์ และเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทรงทำลายงูทองสัมฤทธิ์ซึ่งโมเสสได้สร้างขึ้น เพราะว่าชนอิสราเอลเผาเครื่องหอมถวายรูปงูนั้นตลอดมา (งูนั้นเรียกว่าเนหุชทาน)

5 เฮเซคียาห์ทรงวางพระทัยในพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีกษัตริย์องค์ใดในยูดาห์ก่อนหน้าหรือภายหลังพระองค์เสมอเหมือนพระองค์

6 พระองค์ทรงยึดมั่นและติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่ลดละ และทรงปฏิบัติตามพระบัญชาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสไว้

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเฮเซคียาห์ และไม่ว่าทรงทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จ เฮเซคียาห์ทรงแข็งเมืองต่อกษัตริย์อัสซีเรีย ไม่ยอมปรนนิบัติรับใช้เขา

8 ทั้งทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียไปไกลถึงเมืองกาซาและดินแดนโดยรอบ ทำลายตั้งแต่หอคอยจนถึงเมืองป้อมปราการ

9 ในปีที่สี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ซึ่งตรงกับปีที่เจ็ดของรัชกาลกษัตริย์โฮเชยาบุตรเอลาห์แห่งอิสราเอล กษัตริย์ชัลมาเนเสอร์แห่งอัสซีเรียยกทัพมาบุกอิสราเอลและล้อมเมืองสะมาเรียไว้

10 จนถึงปลายปีที่สาม เมืองสะมาเรียก็แตกซึ่งตรงกับปีที่หกของรัชกาลเฮเซคียาห์ หรือปีที่เก้าของรัชกาลโฮเชยาแห่งอิสราเอล

11 กษัตริย์อัสซีเรียกวาดต้อนคนอิสราเอลไปยังอัสซีเรีย ทรงให้ตั้งหลักแหล่งในเมืองฮาลาห์ เมืองโกซานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำฮาโบร์และตามเมืองต่างๆ ของมีเดีย

12 ที่เป็นเช่นนี้เพราะชนอิสราเอลไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา แต่ล่วงละเมิดพันธสัญญาทั้งสิ้นของพระองค์ตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งไว้ พวกเขาไม่ยอมฟังและไม่ปฏิบัติตามคำบัญชาเหล่านั้น

13 ในปีที่สิบสี่ของรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียมาโจมตีและยึดเมืองป้อมปราการทั้งหลายของยูดาห์ไป

14 ดังนั้นเฮเซคียาห์ทรงเจรจาขอสงบศึก และส่งสาส์นไปทูลกษัตริย์อัสซีเรียที่ลาคีชว่า “ข้าพเจ้าทำผิดไปแล้ว ข้าพเจ้าจะยอมเสียเครื่องบรรณาการทุกอย่างตามที่ท่านเรียกร้อง ขอเพียงแต่ท่านถอนกำลังกลับไป” กษัตริย์อัสซีเรียจึงเรียกร้องเงินหนักประมาณ 10 ตันและทองคำประมาณ 1 ตัน

15 เฮเซคียาห์จึงทรงมอบเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและในท้องพระคลังหลวงให้เซนนาเคอริบ

16 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ทรงลอกทองคำที่หุ้มประตูและเสาประตูของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปมอบให้กษัตริย์อัสซีเรีย

เซนนาเคอริบคุกคามกรุงเยรูซาเล็ม

17 ฝ่ายกษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพใหญ่ เสนาบดี และแม่ทัพจากลาคีชมาพร้อมด้วยทัพใหญ่ มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มและหยุดอยู่ที่ทางระบายน้ำของสระบนซึ่งเป็นเส้นทางสู่ลานซักล้าง

18 คนเหล่านี้เรียกร้องให้กษัตริย์ออกมา แล้วเจ้ากรมวังเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ราชเลขาเชบนาและอาลักษณ์หลวงโยอาห์บุตรอาสาฟก็ออกไปพบพวกเขา

19 แม่ทัพอัสซีเรียจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า

“ ‘กษัตราธิราชแห่งอัสซีเรียตรัสว่าเจ้าพึ่งพาสิ่งใดหรือจึงฮึกเหิมถึงเพียงนี้?

20 เจ้าพูดว่าเจ้ามียุทธศาสตร์และแสนยานุภาพ แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปาก เจ้าพึ่งใครจึงบังอาจกบฏต่อเรา?

21 ดูสิ เจ้าพึ่งอียิปต์ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าต้นอ้อที่หัก ใครพิงเข้าก็ถูกเสี้ยนตำเจ็บมือ! ใครพึ่งฟาโรห์แห่งอียิปต์ก็เป็นแบบนี้แหละ

22 และถ้าเจ้ากล่าวกับเราว่า “พวกเราพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” ก็พระเจ้าองค์นี้ไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์ทำลายแท่นบูชากับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และกล่าวกับชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า “เจ้าจะต้องนมัสการที่แท่นบูชาในเยรูซาเล็มเท่านั้น?”

23 “ ‘มาสิ มาต่อรองกับกษัตริย์อัสซีเรียนายของเรา เราจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้าหากเจ้าหาคนขี่ม้ามาได้!

24 ต่อให้เจ้าพึ่งรถม้าศึกและม้าจากอียิปต์ก็ไม่อาจต่อกรกับนายทหารที่เล็กที่สุดคนหนึ่งของนายเราได้

25 ยิ่งกว่านั้นเจ้าคิดว่าเรามาโจมตีและทำลายที่นี่โดยไม่มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?องค์พระผู้เป็นเจ้าเองนั่นแหละที่บอกให้เรายกทัพมาโจมตีและทำลายดินแดนนี้’ ”

26 แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ เชบนาและโยอาห์กล่าวแก่แม่ทัพนั้นว่า “โปรดพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคเถิด เพราะเราฟังเข้าใจ อย่าใช้ภาษาฮีบรูเลย เดี๋ยวผู้คนบนกำแพงจะได้ยิน”

27 แต่แม่ทัพนั้นตอบว่า “นายเราใช้เรามาพูดกับเจ้าและนายของเจ้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่กับพวกที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วยหรือ? พวกนั้นก็เหมือนเจ้า จะต้องกินอุจจาระและดื่มปัสสาวะของตัวเอง”

28 แล้วแม่ทัพของอัสซีเรียก็ยืนขึ้นร้องบอกเป็นภาษาฮีบรูว่า “จงฟังความจากกษัตราธิราชแห่งอัสซีเรีย!

29 กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่า อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า เขาช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นจากมือของเราไม่ได้หรอก

30 อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์เกลี้ยกล่อมเจ้าให้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าเชื่อเมื่อเขาบอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยกู้เราแน่นอน เมืองนี้จะไม่ตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’

31 “อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ กษัตริย์อัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า จงสวามิภักดิ์ต่อเราและออกมาหาเรา แล้วพวกเจ้าทุกคนจะได้กินองุ่นและมะเดื่อจากสวนของตนและดื่มน้ำจากบ่อของตน

32 จนกว่าเราจะมาพาเจ้าไปดินแดนหนึ่งซึ่งเหมือนดินแดนของเจ้าเอง เป็นดินแดนที่มีเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ ขนมปัง สวนองุ่น ต้นมะกอกและน้ำผึ้งอุดมสมบูรณ์ จงเลือกที่จะอยู่ดีกว่าตาย!

“อย่าไปฟังเฮเซคียาห์เพราะเขากำลังหลอกเจ้าให้หลงผิด เมื่อเขากล่าวว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยกอบกู้พวกเรา’

33 มีพระของชาติไหนบ้างที่กอบกู้ดินแดนของตนให้พ้นจากมือกษัตริย์อัสซีเรียได้?

34 ไหนล่ะบรรดาเทพเจ้าแห่งฮามัทและอารปัด? ไหนล่ะบรรดาเทพเจ้าแห่งเสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์? พระเหล่านั้นช่วยสะมาเรียให้พ้นจากมือของเราได้หรือ?

35 มีเทพเจ้าองค์ไหนในชนชาติเหล่านี้บ้างที่สามารถช่วยดินแดนของตนให้รอดจากเราได้? ก็แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสามารถช่วยกอบกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?”

36 แต่เหล่าประชากรนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบสักคำเดียว เพราะกษัตริย์ได้ตรัสสั่งว่า “อย่าตอบเขา”

37 แล้วเจ้ากรมวังเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ราชเลขาเชบนาและอาลักษณ์หลวงโยอาห์บุตรอาสาฟจึงกลับไปเข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลตามที่แม่ทัพอัสซีเรียได้กล่าวไว้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/18-dcfc1866a5fd8218c6c0479fe9394120.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 19

คำพยากรณ์ว่ากรุงเยรูซาเล็มจะได้รับการช่วยกู้

1 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์ สวมผ้ากระสอบ แล้วเสด็จเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

2 พระองค์ทรงใช้เจ้ากรมวังเอลียาคิม ราชเลขาเชบนา และบรรดาปุโรหิตอาวุโส ให้ไปพบผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศ ทุกคนล้วนสวมชุดผ้ากระสอบ

3 พวกเขากล่าวกับอิสยาห์ว่า “เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ระทม การประณามหยามเหยียด และความอับอาย เหมือนเมื่อทารกพร้อมจะเกิด แต่ผู้เป็นแม่ไม่มีแรงจะเบ่งออกมา

4 บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงได้ยินทุกถ้อยคำของแม่ทัพ ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาใช้ให้มาหมิ่นประมาทพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และพระองค์จะทรงลงโทษเขาเนื่องด้วยถ้อยคำที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงได้ยินนั้น ดังนั้นขอโปรดอธิษฐานเผื่อพวกเราที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนี้ด้วยเถิด”

5 เมื่อข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาพบอิสยาห์

6 อิสยาห์ก็กล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปบอกนายของท่านว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวสิ่งที่ได้ยิน คือถ้อยคำซึ่งลูกน้องของกษัตริย์อัสซีเรียได้หมิ่นประมาทเรา

7 จงฟังเถิด! เราจะบันดาลวิญญาณอย่างหนึ่งในตัวเขา เพื่อเมื่อเขาได้ยินรายงานบางอย่าง เขาจะกลับไปยังประเทศของตน และเราจะให้เขาตายด้วยดาบที่นั่น’ ”

8 ฝ่ายแม่ทัพอัสซีเรียได้ข่าวว่ากษัตริย์ของตนเสด็จออกจากลาคีชแล้ว ก็ถอนทัพไปและพบพระองค์กำลังรบอยู่กับเมืองลิบนาห์

9 แล้วเซนนาเคอริบได้รับรายงานว่า ทีรหะคาห์กษัตริย์ชาวคูชแห่งอียิปต์ยกทัพจะมาสู้รบกับพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งคนกลับมาแจ้งเฮเซคียาห์ว่า

10 “จงไปบอกกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ดังนี้ว่า อย่ายอมให้พระเจ้าซึ่งเจ้าพึ่งพานั้นหลอกลวงเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือกษัตริย์อัสซีเรีย’

11 เจ้าก็รู้ดีว่าบรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรแก่ประเทศทั้งปวงบ้าง กษัตริย์เหล่านั้นได้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างราบคาบ แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยกู้หรือ?

12 บรรดาพระของชนชาติต่างๆ ที่บรรพบุรุษของเราได้ทำลายล้างไปนั้นได้ช่วยกอบกู้พวกเขาไว้หรือ อย่างพระทั้งหลายของโกซาน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนในเทลอัสสาร์?

13 ไหนล่ะกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์อารปัด กษัตริย์เสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์?”

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์

14 เมื่อเฮเซคียาห์ทรงรับสาส์นฉบับนี้และอ่านจบ ก็เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและทรงคลี่สาส์นนั้นออกต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

15 แล้วเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่งระหว่างเครูบ พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้าเหนือมวลอาณาจักรของโลก พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับฟัง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงทอดพระเนตรและสดับฟังถ้อยคำซึ่งเซนนาเคอริบส่งมาสบประมาทพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

17 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความจริงที่ว่าบรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายล้างประชาชาติเหล่านั้นและแผ่นดินของพวกเขา

18 และได้เผาทำลายพระของพวกเขาทิ้งเพราะพระเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นเพียงแต่ไม้และหินที่ทำขึ้นด้วยมือมนุษย์

19 บัดนี้ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของเขา เพื่อมวลอาณาจักรในโลกนี้จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า”

อิสยาห์พยากรณ์ว่าเซนนาเคอริบจะล่มจม

20 จากนั้นอิสยาห์บุตรอาโมศจึงให้นำความมาทูลเฮเซคียาห์ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าเรื่องกษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียแล้ว

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสถึงเขาดังนี้ว่า

“ ‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน

ดูหมิ่นเจ้าและเยาะเย้ยเจ้า

ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม

ส่ายหน้าเมื่อเจ้าเตลิดหนี

22 ใครนะที่เจ้าเย้ยหยันและลบหลู่?

เจ้าขึ้นเสียง

และทำตาหยิ่งยโสใส่ใคร?

ก็องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะสิ!

23 เจ้าใช้ผู้สื่อสารของเจ้า

มากล่าววาจาลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า

และเจ้าได้กล่าวว่า

“ด้วยรถม้าศึกมากมายของข้า

ข้าได้ขึ้นไปถึงบรรดายอดเขาสูง

สู่สุดยอดแห่งเลบานอน

ข้าได้โค่นบรรดาสนซีดาร์ที่สูงที่สุด

และต้นสนที่ดีเยี่ยมที่สุด

ข้าได้เข้าไปถึงส่วนลึกที่สุด

คือป่าอันอุดมที่สุด

24 ข้าได้ขุดบ่อน้ำหลายบ่อในต่างแดน

และดื่มน้ำที่นั่น

ด้วยส้นเท้าของข้า

ลำธารทั้งหลายของอียิปต์ก็แห้งเหือด”

25 “ ‘เจ้าไม่เคยได้ยินเลยหรือ?

เราได้บัญชาไว้ตั้งนานมาแล้ว

เราได้วางแผนไว้ตั้งแต่อดีต

และบัดนี้เราก็ทำให้เป็นไปตามนั้น

คือให้เจ้าพิชิตเมืองป้อมปราการทั้งหลาย

ทำให้กลายเป็นกองหิน

26 ชาวเมืองเหล่านั้นหมดอำนาจ

ถดถอยและอับอาย

พวกเขาเหมือนพืชในทุ่งนา

เหมือนหน่ออ่อนเขียวสด

เหมือนหญ้างอกขึ้นบนหลังคา

ถูกแดดแผดเผาก่อนจะโตขึ้นมา

27 “ ‘แต่เรารู้จักเจ้าดี

ไม่ว่าความเป็นมาหรือความเป็นไปของเจ้า

และรู้ที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา

28 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา

และวาจาโอหังของเจ้าเข้าหูเรา

เราจะเอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของเจ้า

และเอาบังเหียนใส่ปากของเจ้า

และเราจะทำให้เจ้าหันกลับไป

ตามเส้นทางที่เจ้ามา’

29 “เฮเซคียาห์เอ๋ย นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือ

“ปีนี้เจ้าจะกินพืชพันธุ์ที่งอกขึ้นเอง

และปีที่สองก็จะกินพืชพันธุ์ที่ออกผลตามมา

แต่ในปีที่สาม จงหว่านและเก็บเกี่ยว

จงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน

30 ประชากรยูดาห์ที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนั้น

จะหยั่งรากและเกิดผลอีกครั้งหนึ่ง

31 เพราะจะมีคนที่เหลือรอดอยู่หยิบมือหนึ่งมาจากเยรูซาเล็ม

และผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งจะมาจากภูเขาศิโยน

ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะกระทำให้สำเร็จตามนี้

32 “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงกษัตริย์อัสซีเรียดังนี้ว่า

“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้

หรือยิงธนูที่นี่

เขาจะไม่มาถือโล่อยู่หน้าเมือง

หรือสร้างเชิงเทินล้อมโจมตีมัน

33 เขามาทางไหนก็จะกลับไปทางนั้น

เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

34 เราจะปกป้องและช่วยเมืองนี้ไว้

เพื่อเห็นแก่เราเองและเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา”

35 ในคืนนั้นเองทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ออกไปประหารคนในค่ายอัสซีเรีย 185,000 คน วันรุ่งขึ้นเมื่อผู้คนตื่นขึ้นก็เห็นซากศพเกลื่อนกลาด!

36 กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียจึงทรงให้รื้อค่าย และถอนทัพกลับไปยังเมืองนีนะเวห์และประทับอยู่ที่นั่น

37 วันหนึ่งขณะที่ทรงนมัสการอยู่ในวิหารของพระนิสรอคของพระองค์ อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์โอรสของพระองค์เองได้ปลงพระชนม์พระองค์ด้วยดาบ แล้วหนีไปยังดินแดนอารารัต และเอสารฮัดโดนโอรสอีกองค์หนึ่งของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/19-d28055b9208795888b18ba0783771218.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 20

เฮเซคียาห์ประชวร

1 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศมาเข้าเฝ้าพระองค์และทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเพราะเจ้าจะไม่หายป่วย แต่เจ้ากำลังจะตาย”

2 เฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าหากำแพง และอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

3 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในทางของพระองค์อย่างซื่อสัตย์ ยอมอุทิศตนอย่างสิ้นสุดใจและทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์อย่างไร” แล้วเฮเซคียาห์ก็ทรงกันแสงอย่างขมขื่น

4 ก่อนที่อิสยาห์จะก้าวพ้นเขตลานชั้นกลาง พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเขาว่า

5 “จงกลับไปบอกเฮเซคียาห์ผู้นำของประชากรของเราว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานและได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว เราจะรักษาเจ้า วันที่สามนับจากนี้เจ้าจะลุกจากเตียงไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้

6 เราจะต่ออายุให้เจ้าอีกสิบห้าปี และเราจะช่วยเจ้ากับเมืองนี้ให้พ้นจากมือกษัตริย์อัสซีเรีย เราจะปกป้องเมืองนี้ไว้เพื่อตัวเราเองและเพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ ”

7 แล้วอิสยาห์กล่าวว่า “จงเตรียมยาพอกจากมะเดื่อ” พวกเขาจึงทำตามนั้นและนำมาพอกที่ฝี แล้วเฮเซคียาห์ก็หายประชวร

8 เฮเซคียาห์ตรัสถามอิสยาห์ว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญให้รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาเรา และวันที่สามนับจากนี้เราจะขึ้นไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้อีก?”

9 อิสยาห์ตอบว่า “นี่เป็นหมายสำคัญที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้แก่ท่าน เพื่อแสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้คือ ท่านอยากให้เงาเคลื่อนไปข้างหน้าสิบขั้น หรือถอยหลังไปสิบขั้น?”

10 เฮเซคียาห์ตรัสว่า “การที่เงาจะเคลื่อนไปข้างหน้าสิบขั้นก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นขอให้ถอยหลังสิบขั้นก็แล้วกัน”

11 ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์จึงกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงบันดาลให้เงาบนนาฬิกาแดดของอาหัสเคลื่อนถอยหลังไปสิบขั้น

คณะทูตจากบาบิโลน

12 ครั้งนั้นเมโรดัคบาลาดันโอรสของกษัตริย์บาลาดันแห่งบาบิโลนได้ทราบข่าวว่าเฮเซคียาห์ประชวรก็ส่งสาส์นและของกำนัลมาให้

13 เฮเซคียาห์ต้อนรับผู้ส่งสาส์นเหล่านั้นและทรงอวดสมบัติทั้งสิ้นในท้องพระคลังให้พวกเขาชม คือเงิน ทอง เครื่องเทศ น้ำมันอย่างดี อาวุธยุทโธปกรณ์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่มีสักสิ่งเดียวในพระราชวังหรือทั่วอาณาจักรที่เฮเซคียาห์ไม่ได้อวด

14 แล้วผู้เผยพระวจนะอิสยาห์มาเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ และทูลถามว่า “คนพวกนี้พูดอะไร? พวกเขามาจากไหน?”

เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “มาจากบาบิโลนดินแดนอันไกลโพ้น”

15 ผู้เผยพระวจนะทูลถามว่า “พวกเขาได้เห็นอะไรในวังของท่านบ้าง?”

เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสักสิ่งเดียวในท้องพระคลังที่เราไม่ได้ให้พวกเขาดู”

16 อิสยาห์จึงกล่าวแก่เฮเซคียาห์ว่า “จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า

17 เวลานั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน เมื่อทุกอย่างในวังของเจ้าและทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมไว้จวบจนบัดนี้จะถูกกวาดไปยังบาบิโลน จะไม่มีอะไรเหลือเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

18 และวงศ์วานของเจ้าบางคน เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเองจะถูกกวาดต้อนไป ต้องกลายเป็นขันทีอยู่ในวังของกษัตริย์บาบิโลน”

19 เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่ท่านว่ามาก็ดีอยู่” เพราะเฮเซคียาห์ดำริว่า “อย่างน้อยก็ยังจะมีความสงบสุขและความมั่นคงปลอดภัยในชั่วอายุของเราไม่ใช่หรือ?”

20 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเฮเซคียาห์ ความสำเร็จทั้งปวง การสร้างสระน้ำและท่อส่งน้ำมายังตัวเมืองมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

21 เฮเซคียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ แล้วมนัสเสห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/20-1426d33044fcf4f9feb5aa03cc6594ff.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 21

กษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์

1 เมื่อมนัสเสห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี ราชมารดาคือ เฮฟซีบาห์

2 มนัสเสห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล

3 มนัสเสห์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งเฮเซคียาห์ราชบิดาได้ทรงทำลายทิ้งไปขึ้นมาใหม่ ทั้งทรงสร้างแท่นบูชาพระบาอัลและเสาเจ้าแม่อาเชราห์เหมือนที่กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลได้ทรงทำ ทรงกราบไหว้นมัสการดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า

4 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระต่างๆ ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “เราจะสถาปนานามของเราไว้ในเยรูซาเล็ม”

5 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าที่ลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 พระองค์ทรงนำโอรสของพระองค์เองมาเผาบูชายัญทรงใช้เวทมนตร์คาถาและถือโชคชะตาราศี ทรงปรึกษาคนทรงและหมอดู ทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

7 มนัสเสห์ทรงสร้างเสาสลักของเจ้าแม่อาเชราห์แล้วตั้งไว้ในพระวิหารที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับดาวิดและโซโลมอนราชโอรสว่า “เราจะสถาปนานามของเราไว้เป็นนิตย์ในวิหารแห่งนี้และในเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอล

8 ขอเพียงแต่ชนอิสราเอลใส่ใจปฏิบัติตามคำสั่งของเราและบทบัญญัติทั้งปวงซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของเราให้ไว้ เราก็จะไม่ทำให้พวกเขาต้องระเห็จจากดินแดนที่เรายกให้บรรพบุรุษของพวกเขาอีกเลย”

9 แต่เหล่าประชากรไม่ยอมฟัง มนัสเสห์ชักนำพวกเขาให้หลงผิดไป พวกเขาจึงทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายไปให้พ้นหน้าชนอิสราเอลเสียอีก

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า

11 “เนื่องจากกษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์ได้ทำบาปที่น่าชิงชังเหล่านี้ และยังชั่วร้ายยิ่งกว่าชาวอาโมไรต์ซึ่งเคยอยู่มาก่อน และเนื่องจากเขาได้ชักนำชนยูดาห์ให้ทำบาปด้วยรูปเคารพทั้งหลายของเขา

12 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะนำภัยพิบัติมาสู่เยรูซาเล็มและยูดาห์จนทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะถึงกับขนลุกขนพอง

13 เราจะลงโทษเยรูซาเล็มเหมือนที่ทำแก่เมืองสะมาเรียและแก่พงศ์พันธุ์ของอาหับเราจะกวาดล้างเยรูซาเล็มเหมือนคนล้างชามเช็ดแล้วคว่ำทิ้งไว้

14 เราจะทิ้งชนหยิบมือที่เหลือแห่งกรรมสิทธิ์ของเราและมอบพวกเขาให้แก่ศัตรู เขาจะถูกปล้น และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

15 เพราะพวกเขาได้ทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของเรา ยั่วโทสะเรา นับตั้งแต่บรรพบุรุษของเขาออกมาจากอียิปต์จวบจนบัดนี้”

16 มนัสเสห์ไม่เพียงแต่ชักนำชนยูดาห์ให้ทำบาป ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ยังได้ประหารคนบริสุทธิ์เป็นจำนวนมากจนเลือดนองทั่วทั้งกรุงเยรูซาเล็ม

17 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของมนัสเสห์ พระราชกิจทั้งสิ้นและบาปที่ทรงทำ มีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

18 มนัสเสห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในอุทยานของพระราชวังที่อุสซา แล้วอาโมนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์

19 เมื่ออาโมนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษาและทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสองปี ราชมารดาคือเมชุลเลเมทธิดาของฮารูสจากโยทบาห์

20 อาโมนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างมนัสเสห์ราชบิดา

21 อาโมนทรงดำเนินตามรอยราชบิดา พระองค์ทรงกราบไหว้นมัสการรูปเคารพทั้งหลายที่ราชบิดานมัสการ

22 พระองค์ทรงละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษและไม่ได้ดำเนินในทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

23 ข้าราชบริพารของอาโมนสมคบกันปลงพระชนม์พระองค์ในพระราชวัง

24 ประชาชนในดินแดนนั้นจึงประหารชีวิตผู้ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์อาโมนทุกคน แล้วแต่งตั้งโยสิยาห์โอรสของอาโมนขึ้นครองราชย์แทน

25 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาโมนและสิ่งที่ทรงทำมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

26 พระองค์ทรงถูกฝังไว้ที่สุสานของพระองค์ในอุทยานที่อุสซา แล้วโยสิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/21-0068de8dde50e0ae2e7c3dc3c80c4350.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 22

พบหนังสือธรรมบัญญัติ

1 เมื่อโยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุแปดพรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี ราชมารดาคือเยดีดาห์ธิดาของอาดายาห์จากโบสคาท

2 โยสิยาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและทรงดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษทุกประการ โดยไม่ได้หันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย

3 ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ พระองค์ทรงใช้ราชเลขาชาฟานบุตรอาซาลิยาห์หลานเมชุลลามไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

4 โยสิยาห์ตรัสสั่งว่า “จงขึ้นไปพบมหาปุโรหิตฮิลคียาห์ บอกให้เขารวบรวมเงินที่ปุโรหิตซึ่งเฝ้าประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเก็บจากประชาชนที่มานมัสการ

5 และนำไปมอบแก่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้บังคับบัญชางานพระวิหาร เพื่อจ่ายให้แก่คนงานที่มาซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 คือช่างไม้ ช่างก่อสร้าง และช่างก่อ และเพื่อซื้อไม้และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระวิหาร

7 พวกเขาไม่ต้องทำรายงานการเงินซึ่งพวกเขาได้รับมา เพราะพวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”

8 มหาปุโรหิตฮิลคียาห์แจ้งราชเลขาชาฟานว่า “ข้าพเจ้าได้พบหนังสือพระบัญญัติในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วเขามอบให้ชาฟานอ่าน

9 ราชเลขาชาฟานจึงไปทูลรายงานกษัตริย์ว่า “ข้าราชสำนักได้จ่ายเงินที่มีอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้คนงานและผู้ควบคุมการซ่อมแซมพระวิหาร”

10 แล้วราชเลขาชาฟานทูลกษัตริย์ว่า “ปุโรหิตฮิลคียาห์ได้มอบหนังสือนี้แก่ข้าพระบาท” ชาฟานจึงอ่านหนังสือนั้นต่อหน้ากษัตริย์

11 เมื่อกษัตริย์ได้ทรงฟังเนื้อความในหนังสือบทบัญญัตินั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์

12 และทรงบัญชาปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อัคโบร์บุตรมีคายาห์ ราชเลขาชาฟาน และมหาดเล็กอาสายาห์ว่า

13 “จงไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราและเหล่าประชากรทั่วทั้งยูดาห์เกี่ยวกับสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือที่ได้พบนี้ พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เผาผลาญเรานั้นร้ายแรงนัก เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ได้ปฏิบัติตามถ้อยคำในหนังสือนี้เลย ซึ่งมีบันทึกเกี่ยวโยงมาถึงเราทั้งหลาย”

14 ปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อัคโบร์บุตรมีคายาห์ ราชเลขาชาฟาน และมหาดเล็กอาสายาห์ จึงไปพบผู้เผยพระวจนะหญิงฮุลดาห์ซึ่งอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็มแขวงสอง นางเป็นภรรยาของชัลลูมบุตรทิกวาห์ผู้เป็นบุตรของฮารฮัสผู้ดูแลเครื่องทรง

15 นางกล่าวกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงแจ้งผู้ที่ใช้เจ้ามาหาเราว่า

16 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะนำหายนะทุกอย่างมายังที่แห่งนี้และมายังประชากรตามที่เขียนไว้ในหนังสือซึ่งกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้อ่านนั้น

17 เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งเราไปเผาเครื่องหอมถวายเทพเจ้าอื่นๆ และยั่วโทสะของเราด้วยรูปเคารพทั้งปวงที่มือของพวกเขาได้ทำขึ้นความโกรธของเราจะเผาผลาญที่แห่งนี้และจะระงับไม่ได้’

18 จงบอกกษัตริย์ยูดาห์ซึ่งใช้พวกเจ้ามาทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับข้อความที่เจ้าได้ยินดังนี้ว่า

19 เนื่องจากจิตใจของเจ้าน้อมรับและเจ้าได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อได้ยินสิ่งที่เรากล่าวไว้เกี่ยวกับสถานที่นี้และประชากรที่ว่าจะถูกสาปแช่งและจะต้องเริศร้าง และเนื่องจากเจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าและร่ำไห้ต่อหน้าเรา เราได้ยินแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

20 ฉะนั้นเราจะรวบรวมเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษและเจ้าจะถูกฝังอย่างสงบสุข ไม่ต้องเห็นหายนะทั้งปวงซึ่งเราจะนำมายังสถานที่นี้’ ”

พวกเขาจึงนำคำตอบของนางกลับไปทูลกษัตริย์โยสิยาห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/22-333436d03b4a53423aa8460fe67ea0e5.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 23

โยสิยาห์ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญา

1 กษัตริย์โยสิยาห์จึงทรงเรียกผู้อาวุโสของยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนมารวมกัน

2 พระองค์เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมชนยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็ม ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ คือประชากรทั้งปวงตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด กษัตริย์ทรงอ่านทุกถ้อยคำในหนังสือพันธสัญญาซึ่งพบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าพวกเขา

3 พระองค์ประทับยืนอยู่ข้างเสา ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าถวายปฏิญาณที่จะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติตามพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายของพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ เป็นการยืนยันใจความของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็ปฏิญาณเข้าร่วมในพันธสัญญา

4 กษัตริย์ทรงบัญชามหาปุโรหิตฮิลคียาห์ ปุโรหิตอื่นๆ ที่รองลงมาและนายประตูทั้งหลายให้กำจัดเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับพระบาอัล เจ้าแม่อาเชราห์ และดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าออกไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเผาของเหล่านั้นที่ลานหุบเขาขิดโรนนอกกรุงเยรูซาเล็มและนำเถ้าถ่านไปทิ้งที่เบธเอล

5 โยสิยาห์ทรงปลดปุโรหิตของพระทั้งหลายซึ่งบรรดากษัตริย์ยูดาห์ได้แต่งตั้งพวกเขาให้เผาเครื่องหอมในสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วแดนยูดาห์และรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มเพื่อบูชาพระบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาราจักรและดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า

6 กษัตริย์ทรงรื้อเสาเจ้าแม่อาเชราห์ออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้านำไปเผาที่หุบเขาขิดโรน นอกกรุงเยรูซาเล็ม แล้วบดเป็นผง โปรยบนหลุมฝังศพของสามัญชน

7 ทั้งทรงรื้อสำนักบูชาต่างๆ ของโสเภณีชายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของบรรดาหญิงทอผ้าสำหรับเจ้าแม่อาเชราห์

8 โยสิยาห์ทรงนำบรรดาปุโรหิตจากหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์มายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายจากเกบาจดเบเออร์เชบา ที่ซึ่งปุโรหิตทั้งหลายได้เผาเครื่องหอม พระองค์ทรงทำลายสถานบูชาตรงทางเข้าประตูที่โยชูวาผู้ว่าการเมืองของเยรูซาเล็มสร้างขึ้น ตั้งอยู่ทางซ้ายมือของประตูเมือง

9 ถึงแม้ปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ที่แท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ก็รับประทานขนมปังไม่ใส่เชื้อร่วมกับปุโรหิตอื่นๆ

10 โยสิยาห์ทรงทำลายโทเฟทในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อจะไม่มีใครสามารถใช้ที่นั่นเผาบุตรชายบุตรสาวของตนเป็นเครื่องบูชายัญแก่พระโมเลคได้อีก

11 ทรงรื้อรูปปั้นม้าที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าถัดจากห้องของขุนนางนาธันเมเลค รูปปั้นเหล่านี้กษัตริย์องค์ก่อนๆ ของยูดาห์ได้สร้างถวายดวงอาทิตย์ จากนั้นโยสิยาห์ได้เผารถม้าศึกที่สร้างถวายดวงอาทิตย์ด้วย

12 พระองค์ทรงรื้อแท่นบูชาต่างๆ ที่กษัตริย์ยูดาห์สร้างขึ้นบนดาดฟ้าพระราชวัง เหนือห้องประทับของอาหัส ส่วนแท่นบูชาซึ่งมนัสเสห์สร้างขึ้นในลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น โยสิยาห์ทรงทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโยนทิ้งในหุบเขาขิดโรน

13 พระองค์ทรงทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ทางใต้ของเนินเขาแห่งความเสื่อมทราม ซึ่งกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลสร้างขึ้นสำหรับเทวีอัชโทเรทอันชั่วช้าของชาวไซดอน สำหรับพระเคโมชอันเลวทรามของโมอับ และสำหรับพระโมเลคอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน

14 โยสิยาห์ทรงทุบหินศักดิ์สิทธิ์และโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้ง และถมที่เหล่านั้นด้วยกระดูกคนตาย

15 พระองค์ยังทรงรื้อแท่นบูชาและสถานบูชาบนที่สูงในเบธเอลซึ่งเยโรโบอัมบุตรเนบัทผู้ชักนำอิสราเอลให้ทำบาปได้สร้างขึ้น โยสิยาห์ทรงทุบทิ้งให้แหลกเป็นธุลี และทรงเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ด้วย

16 ขณะที่โยสิยาห์ทอดพระเนตรไปรอบๆ พระองค์ทรงสังเกตเห็นสุสานต่างๆ ข้างภูเขา ก็ทรงบัญชาให้นำกระดูกในสุสานเหล่านั้นออกมาเผาบนแท่นบูชาแห่งเบธเอล เพื่อให้แท่นนั้นเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น

17 โยสิยาห์ตรัสถามว่า “หินสุสานที่เห็นนั้นคืออะไร?”

ชาวเมืองกราบทูลว่า “เป็นหลุมฝังศพของคนของพระเจ้าจากยูดาห์ซึ่งประกาศว่าสิ่งที่ฝ่าพระบาทเพิ่งทำเสร็จลงไปจะเกิดขึ้นบนแท่นแห่งเบธเอลนี้”

18 โยสิยาห์จึงตรัสว่า “ปล่อยสุสานนั้นไว้ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาจึงไม่ได้เผากระดูกของผู้นั้นและกระดูกของผู้เผยพระวจนะจากสะมาเรีย

19 เช่นเดียวกับที่เบธเอล โยสิยาห์ทรงทลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วสะมาเรียและทำให้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ คือที่ซึ่งบรรดากษัตริย์อิสราเอลสร้างขึ้นยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

20 โยสิยาห์ทรงประหารปุโรหิตทั้งปวงของสถานบูชาบนที่สูงบนแท่นบูชาเหล่านั้น และทรงเผากระดูกคนบนแท่นบูชานั้น ด้วยจากนั้นก็เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม

21 โยสิยาห์ตรัสสั่งประชากรทั้งปวงว่า “จงฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้”

22 ไม่เคยมีการฉลองปัสกาอย่างนั้นเลยนับตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยของอิสราเอลและตลอดยุคของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์

23 แต่พิธีปัสกานี้ฉลองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็มในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์

24 ยิ่งกว่านั้นโยสิยาห์ยังได้ทรงกำจัดคนทรงหมอดู เทพเจ้าประจำเรือน รูปเคารพ และสิ่งที่น่าชิงชังทั้งปวงที่พบเห็นในยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดของบทบัญญัติซึ่งเขียนไว้ในหนังสือที่ปุโรหิตฮิลคียาห์พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

25 ก่อนหน้าหรือหลังโยสิยาห์ ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนพระองค์ ซึ่งหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและสุดกำลังตามบทบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส

26 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงหันเหพระพิโรธอันใหญ่หลวงที่มีต่อยูดาห์อันเนื่องมาจากการกระทำทั้งสิ้นของมนัสเสห์ซึ่งยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

27 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะขจัดยูดาห์ออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนที่เราได้ขจัดอิสราเอล และเราจะทิ้งเยรูซาเล็มเมืองที่เราเลือกสรรไว้และทิ้งวิหารซึ่งเรากล่าวว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’”

28 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยสิยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

29 ในขณะที่โยสิยาห์ยังทรงครองราชย์อยู่ ฟาโรห์เนโคแห่งอียิปต์เสด็จมายังแม่น้ำยูเฟรติสเพื่อช่วยกษัตริย์อัสซีเรีย โยสิยาห์ยกทัพออกไปรบกับเนโค และถูกประหารที่เมกิดโด

30 ทหารของโยสิยาห์จึงนำพระศพขึ้นรถม้าศึกจากเมกิดโดมายังกรุงเยรูซาเล็ม และฝังไว้ในสุสานของพระองค์เอง ประชาชนได้เลือกเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์และเจิมตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์แทนราชบิดา

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งยูดาห์

31 เมื่อเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน ราชมารดาคือฮามุทาลธิดาของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์

32 เยโฮอาหาสทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ

33 ฟาโรห์เนโคจับพระองค์ล่ามโซ่ไว้ที่ริบลาห์ในฮามัทเพื่อไม่ให้ทรงครองราชย์ที่กรุงเยรูซาเล็ม และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตันและทองหนักประมาณ 34 กิโลกรัม

34 ฟาโรห์เนโคทรงเลือกเอลียาคิมโอรสของโยสิยาห์ให้ครองราชย์ในเยรูซาเล็ม แล้วเปลี่ยนพระนามเป็นเยโฮยาคิม ส่วนเยโฮอาหาสถูกนำตัวไปยังอียิปต์และสิ้นพระชนม์ที่นั่น

35 เยโฮยาคิมทรงเก็บภาษีแผ่นดินจากประชากรเพื่อให้ได้เงินและทองเต็มจำนวนตามที่ฟาโรห์เนโคเรียกร้องมา

กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์

36 เมื่อเยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี ราชมารดาคือเศบิดาห์ธิดาเปดายาห์จากรูมาห์

37 เยโฮยาคิมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/23-312cffe2634dd56b2305b9b2342638c4.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 24

1 ในรัชกาลของเยโฮยาคิม กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมารุกรานดินแดน เยโฮยาคิมตกเป็นข้ารับใช้ของพระองค์สามปี แล้วทรงเปลี่ยนใจกบฏต่อเนบูคัดเนสซาร์

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งชาวบาบิโลนอารัม โมอับ และอัมโมนมาปล้นและทำลายยูดาห์ตามที่พระองค์ได้ทรงเตือนผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 เหตุการณ์เหล่านี้เกิดแก่ยูดาห์ตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะกวาดล้างพวกเขาออกไปให้พ้นพระพักตร์เนื่องจากบาปทั้งหลายของมนัสเสห์และสิ่งทั้งปวงที่ทรงทำ

4 รวมทั้งการทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหล เพราะทรงทำให้เยรูซาเล็มนองด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะอภัยให้

5 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโฮยาคิมและพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

6 เยโฮยาคิมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและเยโฮยาคีนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

7 ฟาโรห์แห่งอียิปต์ไม่ได้ยกทัพกลับมาอีก เพราะกษัตริย์บาบิโลนทรงยึดดินแดนทั้งหมดของพระองค์ตั้งแต่ลำน้ำแห่งอียิปต์จดแม่น้ำยูเฟรติส

กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์

8 เมื่อเยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบแปดพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน ราชมารดาคือเนหุชทาธิดาของเอลนาธันจากเยรูซาเล็ม

9 เยโฮยาคีนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ

10 ในรัชกาลนี้เอง กองทัพของเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนบุกมาล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้

11 ระหว่างที่ล้อมอยู่นั้น เนบูคัดเนสซาร์เองเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม

12 กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ ราชมารดา และขุนนางข้าราชการทั้งปวงยอมจำนนแก่เนบูคัดเนสซาร์

ในปีที่แปดแห่งรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ เยโฮยาคีนถูกจับไปเป็นเชลย

13 ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ เนบูคัดเนสซาร์ริบเอาสมบัติทั้งปวงจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวังกลับไป ตลอดจนภาชนะเครื่องใช้ทองคำทั้งหมดซึ่งกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลให้ทำขึ้นเพื่อใช้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย

14 เนบูคัดเนสซาร์ทรงจับกุมเชลยหนึ่งหมื่นคนไปจากกรุงเยรูซาเล็ม มีทั้งข้าราชการ นักรบ ช่างฝีมือ และช่างโลหะต่างๆ เหลือไว้แต่ราษฎรที่ยากไร้ที่สุด

15 เนบูคัดเนสซาร์ทรงจับกุมตัวเยโฮยาคีนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน รวมทั้งเหล่ามเหสี ราชมารดา ข้าราชการ และชนชั้นผู้นำของยูดาห์ด้วย

16 ทั้งทรงคุมตัวเหล่านักรบทั้งหมดเจ็ดพันคนไปยังบาบิโลน ล้วนแต่แข็งแรงและพร้อมที่จะออกรบ และช่างโลหะกับช่างฝีมืออีกหนึ่งพันคน

17 จากนั้นทรงแต่งตั้งมัททานิยาห์ ลุงของเยโฮยาคีนให้เป็นกษัตริย์แทนและเปลี่ยนพระนามเป็นเศเดคียาห์

กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์

18 เมื่อเศเดคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 21 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี ราชมารดาคือฮามุทาลธิดาของเยเรมีย์จากลิบนาห์

19 เศเดคียาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่เยโฮยาคิมได้ทรงทำ

20 เนื่องด้วยพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับกรุงเยรูซาเล็มและยูดาห์ และในที่สุดพระองค์ทรงเหวี่ยงพวกเขาพ้นจากพระพักตร์ของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/24-dc80c9175605c2d6c1b4e73b9dabcdcf.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศ์กษัตริย์

2พงศ์กษัตริย์ 25

กรุงเยรูซาเล็มล่มสลาย

ครั้งนั้นเศเดคียาห์ทรงกบฏต่อกษัตริย์บาบิโลน

1 ฉะนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงกรีธาทัพหลวงมารบกับกรุงเยรูซาเล็มในวันที่สิบเดือนที่สิบของปีที่เก้าแห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ พระองค์ทรงตั้งค่ายอยู่นอกเมืองแล้วสร้างเชิงเทินล้อมเมืองไว้

2 กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมอยู่จนถึงปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลเศเดคียาห์

3 เมื่อถึงวันที่เก้าของเดือนที่สี่กรุงนี้ก็กันดารอาหารอย่างหนักจนไม่มีอาหารรับประทานเลย

4 แล้วกำแพงเมืองก็ถูกพังลง ทั้งกองทัพก็หนีไปในเวลากลางคืน ผ่านประตูระหว่างกำแพงสองชั้นใกล้ราชอุทยาน แม้ว่าชาวบาบิโลนล้อมเมืองอยู่ พวกเขาหนีไปยังอาราบาห์

5 แต่กองทัพบาบิโลนไล่ล่ากษัตริย์ และมาทันพระองค์ในที่ราบเยรีโค ส่วนทหารทั้งปวงของเศเดคียาห์แตกหนีกันไปคนละทิศคนละทาง

6 และพระองค์ทรงถูกจับกุม พระองค์ทรงถูกคุมตัวมาเข้าเฝ้ากษัตริย์บาบิโลนที่ริบลาห์และรับการตัดสินโทษ

7 พวกเขาประหารบรรดาโอรสของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาพระองค์ แล้วควักพระเนตรของพระองค์ออกทั้งสองข้าง จองจำพระองค์ด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และคุมพระองค์ไปยังบาบิโลน

8 ในวันที่เจ็ดเดือนที่ห้าของปีที่สิบเก้าแห่งรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ผู้เป็นข้าราชการของกษัตริย์บาบิโลนมายังกรุงเยรูซาเล็ม

9 เขาจุดไฟเผาพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระราชวัง และบ้านเรือนทุกหลังในเยรูซาเล็ม รวมทั้งอาคารสำคัญทุกแห่ง

10 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์สั่งการให้กองทัพบาบิโลนทั้งหมดทลายกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็ม

11 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์กวาดต้อนผู้คนที่ยังอยู่ในกรุงนั้น ประชากรอื่นๆ ที่เหลือ และชาวยิวที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์บาบิโลนไปเป็นเชลย

12 แต่ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ทิ้งประชากรที่ยากจนข้นแค้นที่สุดบางคนไว้ให้ทำสวนองุ่นและทำไร่ไถนา

13 ชาวบาบิโลนทำลายเสาหานทองสัมฤทธิ์ทั้งสอง แท่นเคลื่อนที่ และขันสาครทองสัมฤทธิ์ที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและนำทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดไปยังบาบิโลน

14 พวกเขายังได้นำหม้อ ทัพพี กรรไกรตัดไส้ตะเกียง จานชาม และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ใช้ในพระวิหารไปด้วย

15 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ยังได้ริบกระถางไฟเผาเครื่องหอมและอ่างประพรมทั้งหมดที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หรือเงินไปด้วย

16 ทองสัมฤทธิ์ที่ได้จากเสาหานทั้งสองต้น ขันสาคร และแท่นเคลื่อนที่ซึ่งโซโลมอนทรงสร้างขึ้น เพื่อพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นมีปริมาณมากเกินกว่าที่จะชั่งน้ำหนักได้

17 เสาแต่ละต้นสูง 18 ศอกและมีข่ายทองสัมฤทธิ์สลับกับผลทับทิมทองสัมฤทธิ์ประดับรอบหัวเสายาว 3 ศอก

18 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้จับตัวเสไรอาห์หัวหน้าปุโรหิต เศฟันยาห์รองหัวหน้าปุโรหิต และนายประตูสามคนไว้

19 เขาจับกุมผู้ที่ยังอยู่ในเมืองได้แก่ แม่ทัพ ราชมนตรีห้าคน ราชเลขาผู้เป็นหัวหน้ากองเกณฑ์พล และคนของเขาที่พบในเมืองอีกหกสิบคน

20 ผู้บัญชาการเนบูซาระดานได้นำตัวคนทั้งหมดนี้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์บาบิโลนที่ริบลาห์

21 กษัตริย์ก็ให้ประหารคนเหล่านี้ที่ริบลาห์ในเขตฮามัท

ดังนั้นยูดาห์จึงตกเป็นเชลย ต้องถูกพรากจากดินแดนของตน

22 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมและเป็นหลานชาฟานให้ปกครองประชาชนที่เหลืออยู่ในยูดาห์

23 เมื่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของกองทัพกับพวกได้ข่าวว่ากษัตริย์บาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์เป็นผู้ว่าการ ก็พากันมาพบเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ได้แก่ อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ โยฮานันบุตรคาเรอาห์ เสไรอาห์บุตรทันหุเมทจากเนโทฟาห์และยาอาซันยาห์บุตรคนตระกูลมาอาคาห์กับคนของเขา

24 เกดาลิยาห์ยืนยันกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเจ้าหน้าที่ของบาบิโลน จงตั้งรกรากในดินแดนและรับใช้กษัตริย์บาบิโลน แล้วทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี”

25 แต่อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์และเป็นหลานเอลีชามาซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งไปยังมิสปาห์พร้อมคนอีกสิบคนในเดือนที่เจ็ด และได้สังหารเกดาลิยาห์กับชาวยูดาห์และชาวบาบิโลนที่อยู่ด้วย

26 แล้วประชากรทั้งหมดตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุดพร้อมทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่กองทัพ ก็หนีไปยังอียิปต์เพราะกลัวชาวบาบิโลน

เยโฮยาคีนได้รับการปลดปล่อย

27 ในปีที่สามสิบเจ็ดของการที่กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ตกเป็นเชลย ซึ่งเป็นปีที่เอวิลเมโรดักขึ้นเป็นกษัตริย์บาบิโลน พระองค์ทรงปล่อยเยโฮยาคีนออกจากคุกในวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนที่สิบสอง

28 พระองค์ตรัสกับเยโฮยาคีนอย่างอ่อนโยน และให้ประทับนั่งในตำแหน่งที่มีเกียรติกว่ากษัตริย์อื่นๆ ที่ถูกจับมาเป็นเชลยในบาบิโลน

29 ฉะนั้นเยโฮยาคีนจึงได้ทรงถอดชุดนักโทษออก และได้ทรงร่วมโต๊ะเสวยกับกษัตริย์เป็นประจำตลอดพระชนม์ชีพ

30 กษัตริย์ยังได้ประทานเบี้ยเลี้ยงประจำวันแก่เยโฮยาคีนตลอดพระชนม์ชีพ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2KI/25-fc40a117d3e1f0b95dda6178be70472d.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 1

บันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่อาดัมถึงอับราฮัม

จากอาดัมถึงบุตรทั้งหลายของโนอาห์

1 อาดัม เสท เอโนช

2 เคนัน มาหะลาเลล ยาเรด

3 เอโนค เมธูเสลาห์ ลาเมค โนอาห์

4 บุตรของโนอาห์ ได้แก่

เชม ฮาม และยาเฟท

เชื้อสายของยาเฟท

5 บุตรของยาเฟท ได้แก่

โกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส

6 บุตรของโกเมอร์ ได้แก่

อัชเคนัส รีฟาทและโทการมาห์

7 บุตรของยาวาน ได้แก่

เอลีชาห์ ทารชิช คิททิม และโรดานิม

เชื้อสายของฮาม

8 บุตรของฮาม ได้แก่

คูช มิสราอิมพูต และคานาอัน

9 บุตรของคูช ได้แก่

เสบา ฮาวิลาห์ สับทา ราอามาห์ และสับเทคา

บุตรของราอามาห์ ได้แก่

เชบากับเดดาน

10 คูชเป็นบิดาของ

นิมโรดซึ่งต่อมาได้เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

11 มิสราอิมเป็นบิดาของ

ชาวลูดิม ชาวอานามิม ชาวเลหะบิม ชาวนัฟทูฮิม

12 ชาวปัทรุสิม ชาวคัสลูฮิม (ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวฟีลิสเตีย) และชาวคัฟโทร์

13 คานาอันเป็นบิดาของ

ไซดอนผู้เป็นบุตรหัวปีและของชาวฮิตไทต์

14 ชาวเยบุส ชาวอาโมไรต์ ชาวเกอร์กาชี

15 ชาวฮีไวต์ ชาวอารคี ชาวสินี

16 ชาวอารวัด ชาวเศเมอร์ และชาวฮามัท

เชื้อสายของเชม

17 บุตรของเชม ได้แก่

เอลาม อัสชูร์ อารปัคชาด ลูด และอารัม

บุตรของอารัม ได้แก่

อูส ฮูล เกเธอร์ และเมเชค

18 อารปัคชาดเป็นบิดาของเชลาห์

เชลาห์เป็นบิดาของเอเบอร์

19 เอเบอร์มีบุตรชายสองคน ได้แก่

เปเลกเพราะโลกถูกแบ่งแยกในช่วงชีวิตของเปเลก และอีกคนหนึ่งคือ โยกทาน

20 โยกทานเป็นบิดาของ

อัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท เยราห์

21 ฮาโดรัม อุซาล ดิคลาห์

22 โอบาลอาบีมาเอล เชบา

23 โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของโยกทาน

24 เชม อารปัคชาดเชลาห์

25 เอเบอร์ เปเลก เรอู

26 เสรุก นาโฮร์ เทราห์

27 และอับราม (คืออับราฮัม)

ครอบครัวของอับราฮัม

28 บุตรของอับราฮัม ได้แก่

อิสอัคกับอิชมาเอล

วงศ์วานของนางฮาการ์

29 วงศ์วานของอิชมาเอล ได้แก่

เนบาโยทผู้เป็นบุตรหัวปี เคดาร์ อัดเบเอล มิบสัม

30 มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา

31 เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรของอิชมาเอล

วงศ์วานของนางเคทูราห์

32 บุตรซึ่งเกิดจากนางเคทูราห์ภรรยาน้อยของอับราฮัม ได้แก่

ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอาห์

บุตรของโยกชาน ได้แก่

เชบากับเดดาน

33 บุตรของมีเดียน ได้แก่

เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์

คนเหล่านี้เป็นวงศ์วานของนางเคทูราห์

วงศ์วานของนางซาราห์

34 อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค

อิสอัคมีบุตรชายสองคน ได้แก่

เอซาวกับอิสราเอล

เชื้อสายของเอซาว

35 บุตรของเอซาว ได้แก่

เอลีฟัส เรอูเอล เยอูช ยาลาม และโคราห์

36 บุตรของเอลีฟัส ได้แก่

เทมาน โอมาร์ เศโฟกาทาม เคนัส

และอามาเลขซึ่งเกิดจากนางทิมนา

37 บุตรของเรอูเอล ได้แก่

นาหาท เศราห์ ชัมมาห์ และมิสซาห์

ประชากรของเสอีร์ในเอโดม

38 บุตรของเสอีร์ ได้แก่

โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน

39 บุตรของโลทาน ได้แก่

โฮรีกับโฮมัม ทิมนาเป็นน้องสาวของโลทาน

40 บุตรของโชบาล ได้แก่

อัลวานมานาฮาท เอบาล เชโฟ และโอนัม

บุตรของศิเบโอน ได้แก่

อัยยาห์กับอานาห์

41 บุตรของอานาห์ ได้แก่

ดีโชน

บุตรของดีโชน ได้แก่

เฮมดานเอชบาน อิธราน และเคราน

42 บุตรของเอเซอร์ ได้แก่

บิลฮาน ศาอาวาน และอาขาน

บุตรของดีชานได้แก่

อูสกับอารัน

ผู้ปกครองของเอโดม

43 กษัตริย์ซึ่งปกครองในเอโดมก่อนที่จะมีกษัตริย์อิสราเอลได้แก่

เบลาบุตรเบโอร์แห่งเมืองดินฮาบาห์

44 เมื่อเบลาสิ้นพระชนม์ โยบับบุตรเศราห์จากโบสราห์ขึ้นครองราชย์แทน

45 เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์ หุชามจากดินแดนของชาวเทมานขึ้นครองราชย์แทน

46 เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์ ฮาดัดบุตรเบดัด ผู้ซึ่งพิชิตกองทัพมีเดียนในดินแดนโมอับขึ้นครองราชย์แทน เมืองของฮาดัดคืออาวีท

47 เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์ สัมลาห์จากมัสเรคาห์ขึ้นครองราชย์แทน

48 เมื่อสัมลาห์สิ้นพระชนม์ ชาอูลจากเรโหโบทริมแม่น้ำขึ้นครองราชย์แทน

49 เมื่อชาอูลสิ้นพระชนม์ บาอัลฮานันบุตรอัคโบร์ขึ้นครองราชย์แทน

50 เมื่อบาอัลฮานันสิ้นพระชนม์ ฮาดัดขึ้นครองราชย์แทน เมืองของพระองค์คือปาอูมเหสีของฮาดัดคือ เมเหทาเบลธิดาของมัทเรด ผู้เป็นธิดาของเมซาหับ

51 ต่อมาฮาดัดก็สิ้นพระชนม์เช่นกัน

ประมุของค์ต่างๆ ของเอโดม ได้แก่

ทิมนา อัลวาห์ เยเธท

52 โอโฮลีบามาห์ เอลาห์ ปิโนน

53 เคนัส เทมาน มิบซาร์

54 มักดีเอล และอิราม คนเหล่านี้คือประมุขของเอโดม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/1-7846cca46a3a930c8d3b149f2064c672.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 2

เชื้อสายของอิสราเอล

1 บุตรของอิสราเอล ได้แก่

รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ เศบูลุน

2 ดาน โยเซฟ เบนยามิน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์

ยูดาห์

ถึงบุตรของเฮสโรน

3 บุตรของยูดาห์ ได้แก่

เอร์ โอนัน และเชลาห์ ทั้งสามคนเกิดจากธิดาของชูอาชาวคานาอัน เอร์บุตรหัวปีนั้นเป็นคนชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จึงทรงประหารเขา

4 ทามาร์ลูกสะใภ้ของยูดาห์ให้กำเนิดลูกแฝด คือเปเรศกับเศราห์แก่ยูดาห์ ยูดาห์จึงมีบุตรชายทั้งหมดห้าคน

5 บุตรของเปเรศ ได้แก่

เฮสโรนกับฮามูล

6 บุตรของเศราห์ ได้แก่

ศิมรี เอธาน เฮมาน คาลโคล์ และดารดารวมห้าคน

7 บุตรของคารมี ได้แก่

อาคาร์ผู้นำความทุกข์ร้อนมาสู่อิสราเอลโดยเก็บสิ่งที่พระเจ้าตรัสสั่งให้ทำลาย

8 บุตรของเอธาน ได้แก่

อาซาริยาห์

9 บุตรของเฮสโรน ได้แก่

เยราห์เมเอล ราม และคาเลบ

จากรามบุตรของเฮสโรน

10 รามเป็นบิดาของ

อัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาห์โชนผู้นำของตระกูลยูดาห์

11 นาห์โชนเป็นบิดาของสัลโมนสัลโมนเป็นบิดาของโบอาส

12 โบอาสเป็นบิดาของโอเบด โอเบดเป็นบิดาของเจสซี

13 เจสซีเป็นบิดาของ

เอลีอับบุตรหัวปี บุตรคนที่สองคืออาบีนาดับ คนที่สามคือชิเมอา

14 คนที่สี่คือเนธันเอล คนที่ห้าคือรัดดัย

15 คนที่หกคือโอเซม และคนที่เจ็ดคือดาวิด

16 เจสซีมีบุตรสาวสองคนคือเศรุยาห์กับอาบีกายิล บุตรชายสามคนของนางเศรุยาห์ได้แก่ อาบีชัย โยอาบ และอาสาเฮล

17 อาบีกายิลมีบุตรชื่ออามาสา มีสามีชื่อเยเธอร์ชาวอิชมาเอล

จากคาเลบบุตรของเฮสโรน

18 คาเลบบุตรเฮสโรนมีภรรยาสองคนคือ อาซูบาห์กับเยรีโอท บุตรของอาซูบาห์ได้แก่ เยเชอร์ โชบับ และอารโดน

19 เมื่ออาซูบาห์สิ้นชีวิตแล้ว คาเลบแต่งงานกับเอฟรัทซึ่งให้กำเนิดบุตรชื่อเฮอร์

20 เฮอร์เป็นบิดาของอูรี อูรีเป็นบิดาของเบซาเลล

21 เฮสโรนแต่งงานกับบุตรสาวของมาคีร์บิดาของกิเลอาด (เขาแต่งงานเมื่ออายุหกสิบปี) และนางให้กำเนิดบุตรชื่อเสกุบ

22 เสกุบเป็นบิดาของยาอีร์ซึ่งครองเมือง 23 แห่งในแดนกิเลอาด

23 (แต่เกชูร์และอารัมยึดเมืองฮัฟโวทยาอีร์ไปจากเขา และยึดเมืองเคนัทกับหมู่บ้านหกสิบแห่งโดยรอบไปด้วย) คนเหล่านี้ล้วนเป็นวงศ์วานของมาคีร์บิดากิเลอาด

24 หลังจากที่เฮสโรนเสียชีวิตในคาเลบเอฟราธาห์ อาบียาห์ภรรยาของเฮสโรนให้กำเนิดบุตรชื่ออัชฮูร์ซึ่งเป็นบิดาของเทโคอา

จากเยราห์เมเอลบุตรของเฮสโรน

25 บุตรของเยราห์เมเอลบุตรหัวปีของเฮสโรน ได้แก่

รามผู้เป็นบุตรหัวปี บูนาห์ โอเรน โอเซม และอาหิยาห์

26 อาทาราห์ภรรยาอีกคนหนึ่งของเยราห์เมเอลให้กำเนิดบุตรชื่อโอนัม

27 บุตรของรามบุตรหัวปีของเยราห์เมเอล ได้แก่

มาอัส ยามีน และเอเคอร์

28 บุตรของโอนัม ได้แก่

ชัมมัยกับยาดา

บุตรของชัมมัย ได้แก่

นาดับกับอาบีชูร์

29 อาบีชูร์กับภรรยาชื่ออาบีฮายิลมีบุตรชื่อ อาห์บานกับโมลิด

30 บุตรของนาดับ ได้แก่

เสเลดกับอัปปาอิม เสเลดสิ้นชีวิตโดยไม่มีบุตร

31 บุตรของอัปปาอิม ได้แก่

อิชอีบิดาของเชชัน เชชันเป็นบิดาของอาห์ลัย

32 บุตรของยาดาน้องชายชัมมัย ได้แก่

เยเธอร์กับโยนาธาน เยเธอร์เสียชีวิตโดยไม่มีบุตร

33 บุตรของโยนาธาน ได้แก่

เปเลธกับศาซา

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเยราห์เมเอล

34 เชชันมีแต่บุตรสาว ไม่มีบุตรชาย

เขามีคนใช้ชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อยารฮา

35 เชชันยกบุตรสาวคนหนึ่งให้ยารฮา นางให้กำเนิดบุตรชื่ออัททัย

36 อัททัยเป็นบิดาของนาธัน

นาธันเป็นบิดาของศาบาด

37 ศาบาดเป็นบิดาของเอฟลาล

เอฟลาลเป็นบิดาของโอเบด

38 โอเบดเป็นบิดาของเยฮู

เยฮูเป็นบิดาของอาซาริยาห์

39 อาซาริยาห์เป็นบิดาเฮเลส

เฮเลสเป็นบิดาของเอเลอาสาห์

40 เอเลอาสาห์เป็นบิดาของสิสะมัย

สิสะมัยเป็นบิดาของชัลลูม

41 ชัลลูมเป็นบิดาของเยคามิยาห์ เยคามิยาห์เป็นบิดาของเอลีชามา

ตระกูลของคาเลบ

42 บุตรของคาเลบน้องชายของเยราห์เมเอล ได้แก่

เมชาบุตรหัวปีซึ่งเป็นบิดาของศิฟ ศิฟเป็นบิดาของมาเรชาห์ซึ่งเป็นบิดาของเฮโบรน

43 บุตรของเฮโบรน ได้แก่

โคราห์ ทัปปูวาห์ เรเคม และเชมา

44 เชมาเป็นบิดาของราฮัม ราฮัมเป็นบิดาของโยรเคอัม เรเคมเป็นบิดาของชัมมัย

45 ชัมมัยมีบุตรชื่อมาโอน มาโอนเป็นบิดาของเบธซูร์

46 เอฟาห์ภรรยาน้อยของคาเลบเป็นมารดาของฮาราน โมซา และกาเซส ฮารานเป็นบิดาของกาเซส

47 บุตรของยาดัย ได้แก่

เรเกม โยธาม เกชาน เปเลท เอฟาห์ และชาอัฟ

48 มาอาคาห์ภรรยาน้อยของคาเลบมีบุตรชื่อเชเบอร์และทีรหะนาห์

49 นางยังให้กำเนิดชาอัฟผู้เป็นบิดาของมัดมันนาห์ และเชวาผู้เป็นบิดาของมัคเบนาห์กับกิเบอา และคาเลบมีบุตรสาวชื่ออัคสาห์

50 คนเหล่านี้คือวงศ์วานของคาเลบ

บุตรของเฮอร์ผู้เป็นบุตรชายหัวปีของเอฟราธาห์ ได้แก่

โชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม

51 สัลมาผู้เป็นบิดาของเบธเลเฮม และฮาเรฟผู้เป็นบิดาของเบธกาเดอร์

52 วงศ์วานของโชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม ได้แก่

ฮาโรเอห์ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวมานาฮาทครึ่งหนึ่ง

53 และตระกูลต่างๆ ของคีริยาทเยอาริมได้แก่ ตระกูลอิทไรต์ ตระกูลปุไท ตระกูลชูมัท และตระกูลมิชรา ชาวโศราห์และชาวเอชทาโอลสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเหล่านี้

54 วงศ์วานของสัลมา คือ

เบธเลเฮม ชาวเนโทฟาห์ อัทโรทเบธ โยอาบ ชาวมานาฮาทอีกครึ่งหนึ่ง และชาวโศราห์

55 รวมทั้งตระกูลต่างๆ ของบรรดาอาลักษณ์ซึ่งอาศัยที่ยาเบสได้แก่ ตระกูลทิราไธต์ ตระกูลชิเมอัท และตระกูลสุคา คนเหล่านี้เป็นชาวเคไนต์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากฮัมมัทต้นตระกูลเรคาบ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/2-37c7afce09fba0ebf0b15f67c7c43b82.mp3?version_id=179—