Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 24

โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหาร

1 เมื่อโยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุเจ็ดพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสี่สิบปี ราชมารดาคือศิบียาห์จากเบเออร์เชบา

2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชั่วอายุของปุโรหิตเยโฮยาดา

3 เยโฮยาดาหามเหสีให้สององค์และโยอาชทรงมีโอรสธิดาหลายองค์

4 ต่อมาโยอาชตั้งพระทัยจะซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

5 จึงทรงเรียกปุโรหิตและคนเลวีมาประชุม แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปยังหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และรวบรวมเงินประจำปีจากอิสราเอลทั้งปวง เพื่อการซ่อมแซมพระวิหารของพระเจ้าของท่าน จงลงมือทำเดี๋ยวนี้” แต่คนเลวีไม่ได้ทำตามทันที

6 ฉะนั้นกษัตริย์ทรงเรียกเยโฮยาดาหัวหน้าปุโรหิตมาถามว่า “ทำไมท่านจึงไม่ออกคำสั่งให้คนเลวีออกไปเก็บภาษีบำรุงพระวิหารจากหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม? โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้เก็บภาษีนี้จากประชากรอิสราเอลเพื่อบำรุงรักษาเต็นท์แห่งพันธสัญญา”

7 ก่อนหน้านี้บริวารของพระนางอาธาลิยาห์ผู้ชั่วร้ายได้บุกเข้าไปในพระวิหาร และถึงกับนำของศักดิ์สิทธิ์ไปใช้สำหรับพระบาอัล

8 โยอาชตรัสสั่งให้ทำหีบใบหนึ่งตั้งไว้ข้างนอกที่ประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

9 และออกหมายประกาศในยูดาห์และในกรุงเยรูซาเล็ม ให้ประชาชนนำภาษีซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้กำหนดให้เก็บจากชนอิสราเอลในถิ่นกันดารมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

10 เจ้าหน้าที่และประชากรทั้งปวงต่างยินดีนำเงินมาใส่ไว้ในหีบจนเต็ม

11 เมื่อใดที่คนเลวียกหีบมาพบเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์และพวกเขาเห็นว่ามีเงินมาก ราชเลขากับเจ้าหน้าที่ของมหาปุโรหิตจะเก็บเงินออกจากหีบ แล้วนำหีบไปตั้งไว้ที่เดิม พวกเขาทำเช่นนี้สม่ำเสมอจนได้เงินก้อนใหญ่

12 กษัตริย์และเยโฮยาดามอบเงินนั้นแก่ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าคนเหล่านี้จ้างช่างก่อ ช่างไม้ ช่างเหล็ก และช่างทองสัมฤทธิ์มาซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

13 เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็ง ดูแลให้งานซ่อมแซมคืบหน้าไป พวกเขาปฏิสังขรณ์พระวิหารตามรูปแบบเดิมและเสริมให้แข็งแกร่งขึ้น

14 เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกเขานำเงินที่เหลือมามอบแด่กษัตริย์และเยโฮยาดา และใช้ทำเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ สำหรับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเครื่องใช้ในพิธีและการถวายเครื่องเผาบูชา รวมทั้งชามและภาชนะเงินและทอง มีการถวายเครื่องเผาบูชาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสม่ำเสมอตลอดชั่วอายุของปุโรหิตเยโฮยาดา

15 เยโฮยาดามีอายุยืนมาก เขาสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 130 ปี

16 เขาถูกฝังไว้รวมกับกษัตริย์องค์ต่างๆ ในเมืองดาวิด เพราะเขาได้บำเพ็ญประโยชน์มากมายในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและเพื่อพระวิหารของพระองค์

ความชั่วร้ายของโยอาช

17 หลังจากเยโฮยาดาสิ้นชีวิต บรรดาเจ้าหน้าที่ของยูดาห์มาถวายบังคมกษัตริย์และพระองค์ทรงฟังพวกเขา

18 พวกเขาพากันละทิ้งพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษไปกราบไหว้เสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพต่างๆ พระพิโรธของพระเจ้าจึงตกแก่ยูดาห์และเยรูซาเล็มเนื่องจากความผิดของพวกเขา

19 แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะมาเพื่อนำพวกเขาหันกลับไปหาพระองค์ และถึงแม้ว่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นว่ากล่าวตักเตือน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง

20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือเศคาริยาห์บุตรปุโรหิตเยโฮยาดา เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและกล่าวว่า “พระเจ้าตรัสว่า ‘เหตุใดพวกเจ้าไม่เชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า? พวกเจ้าจะไม่เจริญเพราะเจ้าได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จึงได้ทรงละทิ้งเจ้า’ ”

21 แต่พวกเขาคบคิดกันกำจัดเศคาริยาห์ พวกเขารุมเอาหินขว้างเศคาริยาห์จนตายในลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระราชโองการของกษัตริย์

22 กษัตริย์โยอาชไม่ได้ระลึกถึงบุญคุณของเยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์เลย แต่กลับฆ่าลูกของเขา ขณะจะสิ้นชีวิต เศคาริยาห์กล่าวว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรสิ่งนี้และเรียกร้องความรับผิดชอบจากท่าน”

23 ในปีต่อมากองทัพอารัมมารบกับโยอาช บุกโจมตียูดาห์และเยรูซาเล็ม สังหารผู้นำทุกคนของประชาชนและนำของที่ยึดมาได้ทั้งหมดกลับไปถวายกษัตริย์ของพวกเขาในเมืองดามัสกัส

24 แม้กองทัพอารัมมีกำลังพลน้อย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงให้พวกเขาชนะกองทัพใหญ่ เพราะยูดาห์ได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ โยอาชจึงถูกลงโทษ

25 เมื่อชาวอารัมกลับไป ทิ้งให้โยอาชบาดเจ็บสาหัส ข้าราชการของพระองค์คบคิดกันกำจัดโยอาชที่ได้ประหารบุตรของปุโรหิตเยโฮยาดา จึงปลงพระชนม์โยอาชซึ่งบรรทมอยู่บนแท่น แล้วฝังพระศพไว้ในเมืองดาวิด แต่ไม่ใช่ในสุสานหลวง

26 ผู้สมคบกันคือศาบาดบุตรนางชิเมอัทชาวอัมโมน และเยโฮซาบาดบุตรนางชิมริทชาวโมอับ

27 เรื่องราวเกี่ยวกับโอรสของโยอาช คำพยากรณ์ต่างๆ ว่าด้วยโยอาช และเรื่องราวการซ่อมแซมพระวิหารมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์องค์ต่างๆ แล้วอามาซิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/24-22b6d9a075b3af87864e99cefdb3da47.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 25

กษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์

1 เมื่ออามาซิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดา คือเยโฮอัดดีนจากเยรูซาเล็ม

2 อามาซิยาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ใช่ด้วยสุดใจ

3 ทันทีที่อามาซิยาห์ทรงกุมอำนาจเหนือราชอาณาจักร ก็ทรงประหารชีวิตข้าราชสำนักที่ปลงพระชนม์ราชบิดาซึ่งเป็นกษัตริย์

4 อามาซิยาห์ไม่ได้ประหารลูกของพวกเขา แต่ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งระบุไว้ในบทบัญญัติของโมเสสว่า “อย่าประหารบิดาเพราะบาปของบุตร หรือประหารบุตรเพราะบาปของบิดา แต่ละคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง”

5 อามาซิยาห์ทรงเรียกชาวยูดาห์มาชุมนุม และมอบหมายให้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อยตามวงศ์ตระกูลของตนทั่วยูดาห์และเบนยามิน จากนั้นระดมพลที่อายุยี่สิบปีขึ้นไปพบว่ามีสามแสนคนซึ่งพร้อมออกรบ สามารถใช้หอกกับโล่ได้

6 ทั้งยังทรงใช้เงินหนักประมาณ 3.4 ตันจ้างนักรบจากอิสราเอลหนึ่งแสนคน

7 แต่คนของพระเจ้ามาทูลอามาซิยาห์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ อย่าให้ทหารจากอิสราเอลร่วมทัพเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สถิตกับอิสราเอลหรือคนในเผ่าเอฟราอิมเลย

8 ถึงแม้ท่านออกรบอย่างกล้าหาญ พระเจ้าก็จะทรงเหวี่ยงท่านออกไปต่อหน้าศัตรู เพราะพระเจ้าทรงมีอำนาจจะช่วยเหลือหรือจะโค่นล้มก็ได้”

9 อามาซิยาห์ตรัสถามคนของพระเจ้าว่า “แล้วเงินหนักประมาณ 3.4 ตันที่เราจ่ายไปให้กองทัพอิสราเอลเหล่านี้เล่า?”

คนของพระเจ้าตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าสามารถประทานแก่ท่านมากกว่านั้นมากนัก”

10 ดังนั้นอามาซิยาห์จึงทรงปลดกองทหารที่มาจากเอฟราอิมให้กลับบ้านไป ซึ่งทำให้พวกเขาโกรธแค้นยูดาห์และกลับบ้านไปด้วยความเกรี้ยวกราด

11 แล้วอามาซิยาห์ทรงรวบรวมพลและนำทัพไปยังหุบเขาเกลือ สังหารชาวเสอีร์หนึ่งหมื่นคน

12 กองทัพยูดาห์จับเป็นชาวเสอีร์อีกหนึ่งหมื่นคน แล้วนำพวกเขาขึ้นไปบนยอดผาและโยนลงมาให้แหลกเป็นชิ้นๆ

13 ส่วนกองทหารรับจ้างซึ่งถูกส่งกลับบ้านโดยไม่ได้ร่วมรบก็บุกปล้นเมืองต่างๆ ของยูดาห์ จากสะมาเรียถึงเบธโฮโรน พวกเขาฆ่าผู้คนสามพันคน และริบเอาข้าวของไปเป็นอันมาก

14 เมื่ออามาซิยาห์เสด็จกลับมาจากการฆ่าฟันคนเอโดม พระองค์ทรงนำเทวรูปต่างๆ ของชาวเสอีร์มาสถาปนาขึ้นเป็นเทพเจ้าของพระองค์ ทรงหมอบกราบและเผาเครื่องบูชาถวายแก่เทวรูปเหล่านั้น

15 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอามาซิยาห์ยิ่งนัก จึงทรงใช้ผู้เผยพระวจนะมาถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงไปหาพระต่างๆ ของชนชาตินี้ ซึ่งไม่อาจแม้แต่ช่วยคนของตัวให้พ้นมือเจ้าได้?”

16 ขณะที่ผู้เผยพระวจนะกำลังพูดอยู่ กษัตริย์ตรัสโต้ตอบว่า “เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ตั้งแต่เมื่อใด? เงียบนะ! จะให้เราฆ่าเจ้าทำไม?”

ผู้เผยพระวจนะจึงหยุดแต่กล่าวว่า “ข้าพเจ้าทราบว่าพระเจ้าตกลงพระทัยจะทำลายท่านแล้วเพราะท่านทำอย่างนี้ และไม่รับฟังคำแนะนำของข้าพเจ้า”

17 ต่อมากษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ทรงหารือกับคณะที่ปรึกษา แล้วส่งคำท้าทายไปยังกษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอล โอรสของเยโฮอาหาสโอรสของเยฮูว่า “จงออกมาเผชิญหน้ากัน”

18 แต่กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงตอบกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ในเลบานอนว่า ‘ยกลูกสาวของท่านให้แต่งงานกับลูกชายของข้าพเจ้าเถิด’ แล้วมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนมาเหยียบย่ำต้นหนามนั้นป่นปี้

19 ท่านพิชิตเอโดมได้ก็เลยผยอง แต่จงอยู่กับบ้าน! จะแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปทำไม ทำไมหาเรื่องให้ตัวท่านเองและยูดาห์ย่อยยับไปด้วย?”

20 แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟัง เพราะพระเจ้าทรงเตรียมมอบพวกเขาให้กับเยโฮอาช เนื่องจากพวกเขาหันไปหาพระต่างๆ ของเอโดม

21 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงทรงบุกเข้าโจมตี และมาเผชิญหน้ากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์

22 แล้วยูดาห์ก็ถูกอิสราเอลรุกไล่ ทุกคนพ่ายหนีกลับบ้านของตน

23 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงจับกุมกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นโอรสของโยอาชผู้เป็นโอรสอาหัสยาห์ได้ที่เบธเชเมช แล้วนำตัวมายังกรุงเยรูซาเล็ม เยโฮอาชทรงทลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุมเป็นระยะทาง 400 ศอก

24 พระองค์ทรงริบเงินและทองทั้งหมด ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นที่พบในพระวิหารของพระเจ้าซึ่งโอเบดเอโดมดูแลรับผิดชอบอยู่ พร้อมทั้งริบทรัพย์สมบัติจากพระราชวังและจากตัวประกัน แล้วเสด็จกลับสะมาเรีย

25 อามาซิยาห์โอรสกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ทรงมีพระชนม์อยู่ต่อไปอีกสิบห้าปีหลังจากเยโฮอาชโอรสกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอลสิ้นพระชนม์

26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลอามาซิยาห์ตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

27 ตั้งแต่อามาซิยาห์หันเหจากการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้ามีผู้คิดร้ายหมายปลงพระชนม์อามาซิยาห์ในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จึงเสด็จหนีไปยังเมืองลาคีช แต่ผู้คิดร้ายเหล่านั้นส่งคนตามไปปลงพระชนม์พระองค์ที่นั่น

28 พระศพถูกนำขึ้นหลังม้ากลับมา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครแห่งยูดาห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/25-558c0c24492a4ae5f0a6dc3e91b62e3c.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 26

กษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์

1 แล้วชาวยูดาห์ทั้งปวงก็แต่งตั้งอุสซียาห์ผู้มีพระชนมายุสิบหกพรรษา ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์ราชบิดา

2 หลังจากอามาซิยาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ อุสซียาห์ทรงสร้างเมืองเอลัทขึ้นใหม่และกู้คืนมาเป็นของยูดาห์

3 เมื่ออุสซียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงมีพระชนมายุสิบหกพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 52 ปี ราชมารดาคือเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม

4 อุสซียาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอามาซิยาห์ราชบิดา

5 พระองค์ทรงแสวงหาพระเจ้าตลอดชั่วอายุของเศคาริยาห์ผู้อบรมสั่งสอนให้ทรงยำเกรงพระเจ้าและตราบเท่าที่พระองค์ทรงแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าก็ประทานความสำเร็จให้กับพระองค์

6 อุสซียาห์ทรงรบกับชาวฟีลิสเตีย ทรงทลายกำแพงเมืองกัท ยับเนห์ และอัชโดด จากนั้นทรงสร้างเมืองต่างๆ ในย่านอัชโดด และในภูมิภาคอื่นๆ ของฟีลิสเตีย

7 พระเจ้าทรงช่วยอุสซียาห์ในการรบกับชาวฟีลิสเตีย ชาวอาหรับซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกูร์บาอัล และชาวเมอูนี

8 ชาวอัมโมนมาถวายเครื่องบรรณาการแด่อุสซียาห์ และกิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปถึงอียิปต์ เพราะทรงมีอำนาจมาก

9 อุสซียาห์ทรงสร้างหอคอยในกรุงเยรูซาเล็มที่ประตูมุม ประตูหุบเขา และที่มุมกำแพงและทรงทำให้หอคอยเหล่านั้นแข็งแกร่ง

10 ทั้งทรงสร้างหอคอยในถิ่นกันดารและขุดบ่อเก็บน้ำหลายแห่ง เพราะทรงมีฝูงปศุสัตว์มากมายทั้งแถบเชิงเขาและตามที่ราบ และทรงให้คนทำงานในไร่นาและสวนองุ่นทั้งหลายทั้งที่อยู่บนเนินเขาและในดินแดนอุดมต่างๆ เพราะพระองค์ทรงรักการเกษตร

11 อุสซียาห์ทรงมีกองทัพที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีและพร้อมออกรบ แบ่งเป็นกองตามกำลังพล ผู้ระดมพลคือราชเลขาเยอีเอล และมาอาเสอาห์เจ้าหน้าที่ภายใต้การบัญชาการของฮานันยาห์ ซึ่งเป็นข้าราชสำนักคนหนึ่ง

12 มีผู้นำครอบครัวทั้งสิ้น 2,600 คนคอยดูแลนักรบ

13 กองทัพที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของพวกเขาประกอบด้วยทหาร 307,500 คน ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี เป็นแสนยานุภาพไว้ต่อกรกับศัตรูของกษัตริย์

14 อุสซียาห์ทรงจัดหาโล่ หอก หมวกเหล็ก เสื้อเกราะ ธนู และสลิงให้ทั้งกองทัพ

15 และทรงผลิตเครื่องกลสู้รบขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งประดิษฐ์โดยผู้เชี่ยวชาญ ใช้ยิงธนูและหินก้อนมหึมาจากหอคอยและมุมกำแพง พระองค์ทรงมีชื่อเสียงเลื่องลือเพราะพระเจ้าทรงช่วยเหลืออุสซียาห์อย่างเหลือล้นจนพระองค์ทรงมีอำนาจยิ่งใหญ่

16 แต่เมื่ออุสซียาห์เรืองอำนาจ ความเย่อหยิ่งลืมตนก็นำพระองค์ไปสู่ความตกต่ำ อุสซียาห์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ และล่วงล้ำเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่น

17 ปุโรหิตอาซาริยาห์ตามเข้ามาพร้อมด้วยปุโรหิตผู้กล้าหาญขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีกแปดสิบคน

18 เขาเหล่านั้นทูลทัดทานว่า “ข้าแต่อุสซียาห์ ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่าพระบาทที่จะมาเผาเครื่องหอมถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เป็นงานของปุโรหิตวงศ์วานอาโรนซึ่งผ่านการชำระตนเพื่อเผาเครื่องหอม ขอทรงเสด็จออกไปจากสถานนมัสการนี้เถิด เพราะฝ่าพระบาทไม่ซื่อสัตย์แล้ว และพระเจ้าพระยาห์เวห์จะไม่เชิดชูฝ่าพระบาทที่ทำเช่นนี้”

19 อุสซียาห์ซึ่งถือกระถางไฟพร้อมที่จะเผาเครื่องหอมได้ยินดังนั้นก็โกรธ และเมื่อพระองค์เกรี้ยวกราดใส่ปุโรหิตที่หน้าแท่นเผาเครื่องหอมในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าโรคเรื้อนก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของพระองค์

20 เมื่อหัวหน้าปุโรหิตอาซาริยาห์และปุโรหิตอื่นๆ เห็นโรคเรื้อนบนหน้าผากของพระองค์ก็ผลักไสพระองค์ออกไป อันที่จริงอุสซียาห์เองก็ร้อนพระทัยจะออกไปอยู่แล้วเพราะถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าลงโทษ

21 กษัตริย์อุสซียาห์ทรงเป็นโรคเรื้อนจนสิ้นพระชนม์ และประทับแยกอยู่ในพระตำหนักต่างหากถูกตัดขาดจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าโยธามราชโอรสของพระองค์ทรงดูแลพระราชวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้น

22 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลอุสซียาห์ตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้โดยผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศ

23 อุสซียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ พระศพถูกฝังไว้ในทุ่งที่ใช้ฝังศพซึ่งเป็นของกษัตริย์ เพราะประชาชนกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อน” แล้วโยธามโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/26-176cfa83e6ecfac081ca678dd8b8ccec.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 27

กษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์

1 เมื่อโยธามขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี ราชมารดาคือเยรูชาธิดาของศาโดก

2 โยธามทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอุสซียาห์ราชบิดา แต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนอุสซียาห์ ส่วนประชาชนยังคงประพฤติตัวเสื่อมทรามต่อไป

3 โยธามทรงบูรณะประตูบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นใหม่ ทั้งได้ต่อเติมกำแพงบนเนินเขาแห่งโอเฟล

4 ทรงสร้างเมืองต่างๆ บนเนินเขาของยูดาห์ และตั้งป้อมกับหอคอยต่างๆ ในเขตป่าไม้

5 โยธามทรงรบชนะกษัตริย์ของชาวอัมโมน ในปีนั้นโยธามจึงได้รับเครื่องบรรณาการประจำปีจากชาวอัมโมนเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตันข้าวสาลีประมาณ 2,200 กิโลลิตรและข้าวบาร์เลย์ประมาณ 2,200 กิโลลิตร และชาวอัมโมนได้ถวายเครื่องบรรณาการจำนวนเท่าเดิมในปีที่สองและสามด้วย

6 โยธามทรงเรืองอำนาจเพราะทรงดำเนินตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์อย่างแน่วแน่

7 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยธาม รวมทั้งสงครามและพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์

8 เมื่อโยธามขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี

9 โยธามทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด จากนั้นอาหัสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/27-809be8eafdf738807cef1756cfa3131f.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 28

กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์

1 เมื่ออาหัสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี พระองค์ไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ

2 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ทั้งยังทรงหล่อรูปเคารพต่างๆ สำหรับบูชาพระบาอัล

3 อาหัสเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม และนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล

4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น

5 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ทรงมอบอาหัสไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอารัม ชาวอารัมเข้ามาพิชิตและจับประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยที่ดามัสกัส

พระเจ้ายังทรงมอบอาหัสไว้ในมือของกษัตริย์อิสราเอลด้วย ทำให้ต้องสูญเสียกำลังพลมากมาย

6 ภายในวันเดียวเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ฆ่าทหารยูดาห์ถึง 120,000 คน เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

7 ศิครีนักรบจากเอฟราอิมสังหารมาอาเสอาห์โอรสของอาหัส อัสรีคัมเจ้ากรมวัง และอุปราชเอลคานาห์

8 กองทัพอิสราเอลจับภรรยา บุตรชาย และบุตรสาวของญาติพี่น้องชาวยูดาห์สองแสนคนไปเป็นเชลย และยึดข้าวของจำนวนมากกลับไปสะมาเรีย

9 แต่โอเดดผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น และออกมาต้อนรับกองทัพซึ่งกลับมายังสะมาเรีย เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงพระพิโรธยูดาห์ จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือพวกท่าน แต่ท่านได้สังหารพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมจนสะเทือนไปถึงฟ้าสวรรค์

10 และบัดนี้ท่านตั้งใจจะจับตัวชายหญิงชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเหล่านี้มาเป็นทาส พวกท่านไม่ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านด้วยหรือ?

11 จงฟังข้าพเจ้า! จงส่งพี่น้องร่วมชาติที่ท่านจับมาเป็นเชลยกลับไป เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่แก่ท่านแล้ว”

12 ผู้นำบางคนของเอฟราอิมได้แก่ อาซาริยาห์บุตรเยโฮฮานัน เบเรคิยาห์บุตรเมชิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชัลลูม และอามาสาบุตรหัดลัย เผชิญหน้ากับพวกที่กลับมาจากการรบ

13 และกล่าวว่า “อย่านำพวกเชลยมาที่นี่ มิฉะนั้นเราจะมีความผิดต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าท่านจงใจจะเพิ่มบาปผิดของเราให้หนักขึ้นไปอีกหรือ? เพราะความผิดของเราก็หนักหนาอยู่แล้ว และพระพิโรธอันรุนแรงของพระเจ้าก็ตกแก่อิสราเอลแล้ว”

14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยเชลยและคืนข้าวของที่ริบมาต่อหน้าบรรดาเจ้าหน้าที่และประชากรทั้งปวง

15 คนทั้งสี่ที่เอ่ยนามมาแล้วนั้นก็แจกจ่ายเสื้อผ้าที่ยึดมาได้ให้แก่เชลยทุกคนที่เปลือยกายอยู่ ให้เสื้อผ้า รองเท้า อาหาร เครื่องดื่ม และยาสมานแผล คนที่อ่อนแอก็ให้นั่งบนหลังลา จากนั้นพวกเขานำเหล่าเชลยกลับไปหาพี่น้องร่วมชาติที่เยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัม แล้วพวกเขากลับมายังสะมาเรีย

16 ครั้งนั้นกษัตริย์อาหัสส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย

17 ชาวเอโดมมารุกรานยูดาห์อีก และกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย

18 ขณะเดียวกันชาวฟีลิสเตียก็ปล้นเมืองต่างๆ แถบเชิงเขากับในเนเกบแห่งยูดาห์และยึดครองเมืองเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท โสโค ทิมนาห์ และกิมโซกับหมู่บ้านโดยรอบของเมืองเหล่านี้

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ยูดาห์ตกต่ำเนื่องจากกษัตริย์อาหัสแห่งอิสราเอลเพราะอาหัสส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์ และไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างมากที่สุด

20 กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมาหาพระองค์ก็จริง แต่มาสร้างความเดือดร้อนแทนที่จะช่วย

21 อาหัสทรงนำทรัพย์สิ่งของจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากพระราชวัง และจากเจ้านายองค์ต่างๆ มามอบให้แก่กษัตริย์อัสซีเรีย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

22 ในยามเดือดร้อนลำเค็ญเช่นนี้ กษัตริย์อาหัสยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 พระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาแก่บรรดาเทพเจ้าแห่งดามัสกัสซึ่งรบชนะพระองค์ เพราะคิดว่า “พระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือเหล่ากษัตริย์อารัม เราก็จะถวายเครื่องบูชาให้ด้วยเพื่อพระจะได้ช่วยเหลือเราบ้าง” แต่พระเหล่านี้คือหายนะของพระองค์กับอิสราเอลทั้งปวง

24 อาหัสทรงรวบรวมภาชนะต่างๆ จากพระวิหารของพระเจ้าและนำออกไปทรงปิดประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและตั้งแท่นบูชาไว้ทุกหัวมุมถนนในกรุงเยรูซาเล็ม

25 ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงในทุกเมืองของยูดาห์ เพื่อเผาเครื่องบูชาแด่พระต่างๆ เป็นการยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์

26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลและพระราชกิจทั้งปวงตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล

27 อาหัสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ พระศพถูกฝังไว้ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ไม่ใช่ในสุสานหลวงของกษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/28-46c155ac3289a0be53906ea793c2006d.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 29

เฮเซคียาห์ทรงชำระพระวิหาร

1 เมื่อเฮเซคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดาคืออาบียาห์ธิดาของเศคาริยาห์

2 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่ดาวิดบรรพบุรุษได้ทำ

3 ในเดือนแรกของปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลเฮเซคียาห์ พระองค์ทรงเปิดประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและซ่อมแซมเสียใหม่

4 พระองค์ทรงเรียกปุโรหิตกับคนเลวีมาประชุมที่ลานกลางแจ้งด้านตะวันออก

5 และตรัสว่า “ฟังเถิดชาวเลวีทั้งหลาย บัดนี้จงชำระตนให้บริสุทธิ์ และชำระพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่าน จงขจัดมลทินทั้งปวงจากสถานนมัสการ

6 บรรพบุรุษของเราไม่ซื่อสัตย์ ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราและละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีจากที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้าและหันหลังให้พระองค์

7 พวกเขาปิดประตูมุขพระวิหาร ดับประทีป ไม่เผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชาใดๆ ในสถานนมัสการแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอล

8 ฉะนั้นพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตกแก่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นที่น่าขยะแขยง น่าสยดสยอง และน่าเหยียดหยาม ดังที่ท่านเห็นกับตา

9 บรรพบุรุษของเราถูกฆ่าตายในสงคราม ลูกชายลูกสาวและภรรยาของเราถูกจับไปเป็นเชลยก็เพราะเหตุนี้

10 บัดนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์จะหันเหไปจากเราทั้งหลาย

11 ลูกๆ เอ๋ย อย่าละเลยหน้าที่ของท่าน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกท่านให้ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และรับใช้พระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าพระองค์และเผาเครื่องหอมถวาย”

12 ชนเลวีจึงเข้าปฏิบัติงาน

จากตระกูลโคฮาท ได้แก่

มาฮาทบุตรอามาสัยกับโยเอลบุตรอาซาริยาห์

จากตระกูลเมรารี ได้แก่

คีชบุตรอับดีกับอาซาริยาห์บุตรเยฮาลเลเลล

จากตระกูลเกอร์โชน ได้แก่

โยอาห์บุตรศิมมาห์กับเอเดนบุตรโยอาห์

13 จากวงศ์วานเอลีซาฟาน ได้แก่

ชิมรีกับเยอีเอล

จากวงศ์วานอาสาฟ ได้แก่

เศคาริยาห์กับมัททานิยาห์

14 จากวงศ์วานเฮมาน ได้แก่

เยฮีเอลกับชิเมอี

จากวงศ์วานเยดูธูน ได้แก่

เชไมอาห์กับอุสซีเอล

15 เมื่อคนเหล่านี้ได้เรียกพวกพี่น้องของตนมาชุมนุมและชำระตัวแล้ว พวกเขาก็เริ่มชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริสุทธิ์ตามพระบัญชาของกษัตริย์ ซึ่งปฏิบัติตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

16 บรรดาปุโรหิตเข้าไปชำระสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขานำเอาสิ่งที่เป็นมลทินทั้งปวงที่พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกมาที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้คนเลวีขนไปทิ้งที่หุบเขาขิดโรน

17 พวกเขาเริ่มชำระพระวิหารเมื่อวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และในวันที่แปดของเดือนนั้นก็ชำระออกมาถึงหน้ามุขขององค์พระผู้เป็นเจ้าใช้เวลาอีกแปดวันในการชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้างานทั้งหมดจึงเสร็จสิ้นในวันที่สิบหกของเดือนที่หนึ่ง

18 แล้วพวกเขากลับมาทูลรายงานกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ข้าพระบาททั้งหลายได้ชำระพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด ตลอดจนแท่นเผาบูชาและอุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ โต๊ะวางขนมปังเบื้องพระพักตร์ และเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นเรียบร้อยแล้ว

19 ทั้งได้เตรียมและชำระเครื่องใช้ไม้สอยทุกชิ้นที่กษัตริย์อาหัสย้ายออกไป เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าในขณะที่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ บัดนี้ของเหล่านั้นอยู่หน้าแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว”

20 เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นกษัตริย์เฮเซคียาห์เสด็จเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยบรรดาเจ้าหน้าที่ของเมืองนั้น

21 ทรงนำวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัว ลูกแกะตัวผู้เจ็ดตัว และแพะผู้เจ็ดตัว มาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับราชอาณาจักร สำหรับสถานนมัสการ และสำหรับยูดาห์ กษัตริย์ทรงบัญชาให้บรรดาปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

22 พวกเขาจึงฆ่าวัวผู้ แล้วปุโรหิตนำเลือดไปประพรมบนแท่นบูชา และจากนั้นฆ่าแกะผู้แล้วประพรมเลือดบนแท่นบูชา จากนั้นฆ่าลูกแกะแล้วประพรมเลือดบนแท่นบูชา

23 แพะผู้สำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถูกนำออกมาต่อหน้ากษัตริย์และชุมนุมประชากร แล้วพวกเขาวางมือลงบนแพะเหล่านั้น

24 จากนั้นปุโรหิตก็ฆ่าแพะ เอาเลือดประพรมบนแท่นเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เพื่อลบบาปให้กับอิสราเอลทั้งปวง เพราะกษัตริย์ทรงบัญชาให้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอลทั้งหมด

25 เฮเซคียาห์ทรงตั้งคนเลวีประจำหน้าที่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บรรเลงฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ตามที่ดาวิดและกาดผู้ทำนายของกษัตริย์และผู้เผยพระวจนะนาธันได้กำหนดไว้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเช่นนี้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะของพระองค์

26 คนเลวีจึงเข้าประจำที่เตรียมบรรเลงเครื่องดนตรีที่ดาวิดทำขึ้น ส่วนปุโรหิตก็เข้าประจำที่เตรียมเป่าแตร

27 เฮเซคียาห์ทรงบัญชาให้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่น และเมื่อเริ่มการถวาย ก็เริ่มร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าคลอด้วยเสียงแตรและเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล

28 ขณะที่นักร้องขับร้องและนักดนตรีเป่าแตร ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นก็น้อมกราบนมัสการ เป็นเช่นนี้จนกระทั่งถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ

29 เมื่อถวายเครื่องบูชาเสร็จแล้ว กษัตริย์และคนที่อยู่กับพระองค์ก็คุกเข่าลงกราบนมัสการ

30 แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์และขุนนางสั่งให้คนเลวีสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยบทสดุดีของดาวิดและของผู้ทำนายอาสาฟ ดังนั้นพวกเขาจึงร้องเพลงสรรเสริญด้วยความยินดีและก้มกราบนมัสการ

31 แล้วเฮเซคียาห์ตรัสว่า “บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงนำของถวายและเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” ดังนั้นประชากรจึงนำของถวายและเครื่องบูชาขอบพระคุณมาถวาย และทุกคนที่เต็มใจก็นำเครื่องเผาบูชามาถวายด้วย

32 เครื่องเผาบูชาซึ่งประชากรนำมาถวายมีดังนี้คือ วัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะผู้หนึ่งร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สองร้อยตัว ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

33 จำนวนสัตว์ที่ชำระถวายเป็นเครื่องบูชาได้แก่ วัวผู้หกร้อยตัว แกะและแพะสามพันตัว

34 แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไปสำหรับการถลกหนังสัตว์ที่เป็นเครื่องเผาบูชาทั้งหมด ฉะนั้นคนเลวีซึ่งเป็นพี่น้องของปุโรหิตจึงช่วยเหลือจนเสร็จ และจนปุโรหิตอื่นๆ ชำระตนแล้ว ทั้งนี้เพราะคนเลวีเคร่งครัดในการชำระตนมากกว่าปุโรหิต

35 มีเครื่องเผาบูชามากมาย พร้อมทั้งไขมันของเครื่องสันติบูชา และเครื่องดื่มบูชาควบคู่เครื่องเผาบูชา

ดังนั้นการนมัสการในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง

36 เฮเซคียาห์และมวลประชากรชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อประชากรของพระองค์ เพราะทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/29-674f799d0b51a7a60fa78c30180954c1.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 30

เฮเซคียาห์ฉลองปัสกา

1 เฮเซคียาห์ทรงแจ้งไปทั่วแดนอิสราเอลกับยูดาห์ และส่งสาส์นไปยังเอฟราอิมกับมนัสเสห์ เชื้อเชิญทุกคนให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

2 กษัตริย์เฮเซคียาห์ ข้าราชบริพาร และประชากรทั้งปวงในเยรูซาเล็มกำหนดให้ฉลองปัสกาในเดือนที่สอง

3 พวกเขาไม่สามารถเฉลิมฉลองตามกำหนดเดิมได้ เพราะปุโรหิตที่ชำระตนแล้วมีไม่เพียงพอและประชาชนยังไม่ได้มาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็ม

4 กษัตริย์และเหล่าประชากรต่างเห็นชอบกับมตินี้

5 จึงมีการประกาศไปทั่วอิสราเอลจากเมืองเบเออร์เชบาจดเมืองดาน เชิญชวนทุกคนมาร่วมกันฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่กรุงเยรูซาเล็ม เท่าที่มีบันทึกมายังไม่เคยมีคนมาร่วมฉลองกันมากมายเช่นนั้นเลย

6 ผู้ส่งข่าวนำพระราชสาส์นและสาส์นจากเหล่าข้าราชบริพารไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ตามพระบัญชาของกษัตริย์ ความว่า

“ประชากรอิสราเอลเอ๋ย จงหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลเถิด เพื่อพระองค์จะทรงหันกลับมาหาท่านทั้งหลายที่เหลืออยู่ซึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของเหล่ากษัตริย์อัสซีเรีย

7 อย่าเป็นอย่างบรรพบุรุษและพี่น้องของท่านซึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ จนพระองค์ทำให้พวกเขาเป็นที่น่าสยดสยองดังที่เห็นอยู่

8 อย่าดื้อด้านเหมือนบรรพบุรุษของท่าน จงยอมจำนนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจงมายังสถานนมัสการซึ่งทรงชำระให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพื่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์จะหันเหไปจากท่าน

9 หากท่านหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพี่น้องและลูกหลานของท่านจะได้รับความเมตตาเอ็นดูจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย และจะกลับมายังดินแดนแห่งนี้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและพระเมตตา พระองค์จะไม่ทรงเบือนพระพักตร์ไปจากท่าน หากท่านหันกลับมาหาพระองค์”

10 ผู้ส่งข่าวเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งทั่วแดนเอฟราอิมกับมนัสเสห์และไปไกลถึงเศบูลุน แต่ถูกประชาชนเยาะเย้ยเหยียดหยาม

11 แต่มีบางคนจากเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์ และเศบูลุน ถ่อมใจลงและมายังกรุงเยรูซาเล็ม

12 ในขณะเดียวกันพระหัตถ์ของพระเจ้าก็อยู่เหนือประชาชนในยูดาห์ ทำให้พวกเขาพร้อมใจกันทำตามคำสั่งของกษัตริย์และข้าราชบริพารซึ่งเป็นไปตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

13 ประชากรมากมายหลั่งไหลมาชุมนุมกันที่กรุงเยรูซาเล็มในเดือนที่สอง เพื่อฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ

14 พวกเขารื้อแท่นบูชาทั้งหลายในกรุงเยรูซาเล็มกับแท่นเผาเครื่องหอมต่างๆ และนำไปทิ้งในหุบเขาขิดโรน

15 ในวันที่สิบสี่เดือนที่สอง ประชากรได้ฆ่าแกะปัสกา จากนั้นบรรดาปุโรหิตและคนเลวีรู้สึกละอายใจและชำระตน แล้วพวกเขานำเครื่องเผาบูชามายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

16 พวกเขาเข้าประจำหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้า และบรรดาปุโรหิตได้ประพรมเลือดซึ่งรับมาจากคนเลวี

17 เนื่องจากมีประชาชนหลายคนที่ไม่ได้ชำระตน คนเลวีจึงต้องฆ่าลูกแกะปัสกาให้ทุกคนที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี และไม่สามารถชำระลูกแกะของตนถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

18 ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในหมู่ประชากรที่มาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุน ไม่ได้ชำระตน ก็รับประทานปัสกาทั้งๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัติ แต่เฮเซคียาห์อธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐทรงอภัยโทษแก่ทุกคน

19 ที่ตั้งใจจะแสวงหาพระเจ้า พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ แม้ว่าตามกฎของสถานนมัสการเขายังเป็นมลทินอยู่”

20 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังเฮเซคียาห์ และทรงรักษาเหล่าประชากร

21 ชนอิสราเอลที่อยู่กันพร้อมหน้าในกรุงเยรูซาเล็มจึงฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันด้วยความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวง ฝ่ายคนเลวีและบรรดาปุโรหิตก็ร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกวัน คลอกับเสียงเครื่องดนตรีที่ใช้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

22 เฮเซคียาห์ตรัสให้กำลังใจคนเลวีทั้งปวงที่ได้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างดี พวกเขารับประทานอาหารส่วนของตน ถวายเครื่องสันติบูชา และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษตลอดเจ็ดวัน

23 แล้วประชากรทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันว่าจะฉลองเทศกาลต่อไปอีกเจ็ดวัน จึงมีการฉลองต่อไปอีกเจ็ดวันด้วยความชื่นชมยินดี

24 กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ประทานวัวผู้หนึ่งพันตัวกับแกะและแพะเจ็ดพันตัวแก่ชุมนุมประชากร เหล่าข้าราชบริพารมอบวัวผู้หนึ่งพันตัวกับแกะและแพะหนึ่งหมื่นตัว ปุโรหิตจำนวนมากชำระตนให้บริสุทธิ์

25 ประชากรยูดาห์ทั้งปวงร่วมกับบรรดาปุโรหิต คนเลวี และคนทั้งหลายจากอิสราเอล รวมทั้งคนต่างด้าวที่มาจากอิสราเอลและที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ต่างพากันชื่นชมยินดี

26 มีความเปรมปรีดิ์ใหญ่หลวงในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะไม่เคยมีพิธีฉลองอย่างนี้เลยตั้งแต่สมัยกษัตริย์โซโลมอนโอรสกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล

27 ปุโรหิตและคนเลวียืนอวยพรเหล่าประชากร พระเจ้าทรงสดับฟังพวกเขาเพราะคำอธิษฐานของเขาเหล่านั้นขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/30-990c75bc56bb815f275c338a929c0ac3.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 31

1 เมื่อจบพิธีฉลองแล้ว ชนอิสราเอลซึ่งอยู่ที่นั่นก็ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ทุบทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ โค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และทำลายแท่นบูชาต่างๆ ทั่วยูดาห์ เบนยามิน และในเอฟราอิมกับมนัสเสห์ หลังจากทำลายหมดสิ้นแล้วชาวอิสราเอลทั้งปวงก็กลับสู่บ้านเมืองและที่ดินของตน

ร่วมกันถวายเพื่อการนมัสการ

2 เฮเซคียาห์ทรงแบ่งปุโรหิตและคนเลวีเป็นหมู่เหล่าตามหน้าที่ของแต่ละคน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชา เพื่อปรนนิบัติ ถวายคำขอบพระคุณ และร้องเพลงสรรเสริญที่ประตูต่างๆ ของที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 เฮเซคียาห์ถวายทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อเครื่องเผาบูชาประจำวันเวลาเช้าและเวลาเย็น เพื่อเครื่องเผาบูชาสำหรับวันสะบาโต วันขึ้นหนึ่งค่ำ และเทศกาลต่างๆ ประจำปีตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

4 พระองค์ทรงบัญชาให้ประชากรในกรุงเยรูซาเล็มนำส่วนที่ปุโรหิตและคนเลวีควรได้รับมาให้พวกเขา เพื่อปุโรหิตและคนเลวีจะอุทิศตนตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

5 ประชากรตอบสนองต่อพระบัญชาทันทีอย่างใจกว้างขวาง โดยนำผลแรกของเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน น้ำผึ้ง และพืชพันธุ์ทุกชนิดมาถวาย พวกเขาได้นำของถวายมามากมายคือหนึ่งในสิบของทุกอย่างที่มี

6 ชนอิสราเอลและยูดาห์ซึ่งอาศัยในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ยังนำหนึ่งในสิบของฝูงวัวกับฝูงแพะแกะ และหนึ่งในสิบของสิ่งบริสุทธิ์มาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา โดยรวมไว้เป็นกองๆ

7 พวกเขาเริ่มนำเข้ามาในเดือนที่สามจนครบถ้วนในเดือนที่เจ็ด

8 เมื่อเฮเซคียาห์และเหล่าข้าราชบริพารมาเห็นกองของถวายเหล่านี้ก็สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและอวยพรประชากรอิสราเอล

9 เฮเซคียาห์ตรัสถามปุโรหิตและคนเลวีเกี่ยวกับของถวายเหล่านั้น

10 และหัวหน้าปุโรหิตอาซาริยาห์จากครอบครัวของศาโดกทูลตอบว่า “ตั้งแต่ประชาชนนำของถวายมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกข้าพเจ้ารับประทานจนอิ่มและยังเหลือมากมายขนาดนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเหล่าประชากร”

11 เฮเซคียาห์ทรงบัญชาให้จัดเตรียมคลังไว้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาก็จัด

12 แล้วนำของถวายต่างๆ รวมทั้งสิบลดเข้ามาเก็บไว้อย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์คนเลวีเป็นหัวหน้าดูแล รองลงมาคือชิเมอีน้องชายของเขา

13 เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหาท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ เป็นผู้กำกับดูแลภายใต้การบังคับบัญชาของโคนานิยาห์กับชิเมอีน้องชายของเขา คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์เฮเซคียาห์และอาซาริยาห์เจ้าหน้าที่ดูแลพระวิหารของพระเจ้า

14 โคเรบุตรอิมนาห์คนเลวีซึ่งเป็นยามเฝ้าประตูตะวันออกดูแลของถวายตามความสมัครใจแด่พระเจ้า มีหน้าที่แจกจ่ายของที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและของถวายอันบริสุทธิ์

15 เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมอาห์ อามาริยาห์ และเชคานิยาห์ คอยช่วยเหลือเขาอย่างซื่อสัตย์ในเมืองต่างๆ ของปุโรหิต โดยทำหน้าที่แจกจ่ายให้แก่พี่น้องปุโรหิตตามหมู่เหล่าของพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าหนุ่มหรือแก่

16 นอกจากนี้พวกเขายังแจกจ่ายให้กับผู้ชายอายุสามปีขึ้นไปซึ่งมีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล คือทุกคนที่จะเข้าไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของพวกเขา ตามหน้าที่รับผิดชอบและหมู่เหล่าของพวกเขา

17 และพวกเขาแจกจ่ายแก่ปุโรหิตที่มีชื่อในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลตามครอบครัวของพวกเขา และแก่คนเลวีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ตามความรับผิดชอบและหมู่เหล่าของพวกเขาด้วยเช่นกัน

18 รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดง ภรรยา และบุตรชายบุตรสาวในชุมชนทั้งหมด ตามรายชื่อบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล เพราะพวกเขาซื่อสัตย์ในการชำระตนให้บริสุทธิ์

19 สำหรับปุโรหิตซึ่งเป็นวงศ์วานของอาโรนที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าโดยรอบหรือในเมืองอื่นๆ จะมีการระบุชื่อผู้แจกจ่ายส่วนแบ่งให้แก่ชายทุกคนในพวกเขาและแก่คนทั้งปวงที่มีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของคนเลวี

20 เฮเซคียาห์ทรงทำเช่นนี้ทั่วยูดาห์เป็นการทำสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง และซื่อสัตย์ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์

21 เฮเซคียาห์ทรงทำทุกสิ่งเพื่องานในพระวิหารของพระเจ้า และปฏิบัติตามบทบัญญัติและพระบัญชาด้วยการแสวงหาพระเจ้าและทำงานอย่างสุดใจ พระองค์จึงทรงเจริญรุ่งเรือง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/31-41847bbcd71ab51c39eb6ad57bc3c2cf.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 32

เซนนาเคอริบคุกคามกรุงเยรูซาเล็ม

1 หลังจากกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ปฏิบัติพระราชกิจทั้งสิ้นอย่างซื่อสัตย์แล้ว กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียมารุกรานยูดาห์ และล้อมเมืองป้อมปราการทั้งหลาย หมายจะพิชิตเป็นเมืองขึ้น

2 เมื่อเฮเซคียาห์เห็นว่าเซนนาเคอริบตั้งใจจะสู้รบกับเยรูซาเล็ม

3 ก็ทรงปรึกษากับข้าราชบริพารและนายทหารเพื่อจะถมธารน้ำพุต่างๆ นอกเมืองและพวกเขาก็ช่วยพระองค์

4 ระดมกำลังคนมากมายเพื่ออุดตาน้ำและปิดกั้นลำธารที่ไหลผ่านทั่วแดน พวกเขากล่าวว่า “ทำไมจะให้บรรดากษัตริย์อัสซีเรียมาพบน้ำมากมายเล่า?”

5 จากนั้นพระองค์ทรงเร่งซ่อมกำแพง อุดรอยโหว่ทุกแห่ง และสร้างหอคอยบนกำแพง ก่อกำแพงรอบนอก และเสริมกำลังป้อมปราการในเมืองดาวิด พระองค์ยังได้ทำอาวุธกับโล่จำนวนมากด้วย

6 พระองค์ทรงแต่งตั้งนายทหารดูแลประชาชน และให้พวกเขามาชุมนุมกันต่อหน้าพระองค์ที่ลานประตูเมือง และตรัสให้กำลังใจพวกเขาว่า

7 “จงเข้มแข็งและกล้าหาญ อย่ากลัวหรือท้อแท้เพราะกษัตริย์อัสซีเรียกับกองทัพมหึมาของเขา เพราะมีพลังอำนาจหนึ่งอยู่ฝ่ายเราซึ่งยิ่งใหญ่กว่าฝ่ายเขามากนัก

8 พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ ส่วนเรามีพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งจะช่วยเราทำสงคราม” สิ่งที่เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ตรัส ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจยิ่งนัก

9 ต่อมากษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียกับกองกำลังทั้งหมดซึ่งล้อมเมืองลาคีชอยู่ส่งเจ้าหน้าที่มายังกรุงเยรูซาเล็ม ให้นำสาส์นมาถึงกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์และปวงชนยูดาห์ซึ่งอยู่ที่นั่นความว่า

10 “กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า เจ้าทั้งหลายพึ่งพาอะไร จึงยังอยู่ในเยรูซาเล็มท่ามกลางวงล้อมของเรา?

11 เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า จะให้พวกเจ้าตายเพราะความหิวและกระหาย โดยพูดว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะช่วยเราให้พ้นมือกษัตริย์อัสซีเรีย’

12 ก็เฮเซคียาห์คนนี้เองไม่ใช่หรือที่รื้อทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายกับแท่นบูชาต่างๆ และบัญชายูดาห์กับเยรูซาเล็มว่า ‘ท่านจะต้องนมัสการและเผาเครื่องบูชาโดยใช้แท่นบูชาในพระวิหารเพียงแห่งเดียวเท่านั้น’?

13 “เจ้าไม่รู้หรือว่าเรากับบรรพบุรุษทำอะไรแก่ชนชาติทั้งหลายในดินแดนต่างๆ บ้าง? พระทั้งปวงของชนชาติเหล่านั้นสามารถกอบกู้ดินแดนของเขาจากมือเราได้หรือ?

14 เทพเจ้าของชนชาติต่างๆ องค์ไหนบ้างที่บรรพบุรุษของเราทำลายล้างไปซึ่งสามารถช่วยคนของตนให้พ้นจากมือเราได้? ก็แล้วพระเจ้าของพวกเจ้าจะช่วยเจ้าจากมือเราได้อย่างไร?

15 อย่าให้เฮเซคียาห์ล่อหลอกหรือเกลี้ยกล่อมเจ้า อย่าเชื่อเขาเลย เพราะไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนของชนชาติหรืออาณาจักรใดๆ สามารถกอบกู้คนของตนให้พ้นจากมือของเราหรือของบรรพบุรุษของเราได้ พระเจ้าของเจ้ายิ่งไม่อาจช่วยเจ้าให้พ้นมือเรา!”

16 คนของเซนนาเคอริบยังกล่าวลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้าพระยาห์เวห์และเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์อีกต่างๆ นานา

17 เซนนาเคอริบยังส่งสาส์นมาดูหมิ่นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “เช่นเดียวกับพระของชนชาติทั้งหลายในดินแดนต่างๆ ที่ไม่อาจช่วยคนของตนจากมือเรา พระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็ไม่อาจช่วยคนของเขาจากมือเราเช่นกัน”

18 จากนั้นพวกเขาร้องบอกเป็นภาษาฮีบรูข่มขู่ประชาชนบนกำแพงเมืองเพื่อข่มขวัญให้เสียกำลังใจ จะได้ยึดเมือง

19 พวกเขากล่าวถึงพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเหมือนที่ได้กล่าวถึงพระต่างๆ ของชนชาติทั้งหลายในโลกซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์

20 กษัตริย์เฮเซคียาห์และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศร้องทูลอธิษฐานขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้

21 และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตองค์หนึ่งมาทำลายล้างนักรบ ผู้นำ และนายทหารทั้งปวงในค่ายของกษัตริย์อัสซีเรียจนหมดสิ้น เซนนาเคอริบจึงถอยทัพกลับดินแดนของพระองค์ไปด้วยความอัปยศอดสู และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์ ก็ถูกโอรสบางองค์ปลงพระชนม์ด้วยดาบ

22 เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเฮเซคียาห์และชาวเยรูซาเล็มจากเงื้อมมือกษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียและคนอื่นๆ พระองค์ทรงปกป้องดูแลพวกเขาทุกด้าน

23 คนมากมายนำของถวายมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและนำของมีค่ามาถวายแด่กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ นับแต่นั้นมาพระองค์ทรงเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชนชาติทั้งปวง

ความเย่อหยิ่ง ความสำเร็จ และการสิ้นพระชนม์ของเฮเซคียาห์

24 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงตอบโดยประทานหมายสำคัญ

25 แต่เฮเซคียาห์มีพระทัยหยิ่งผยองและไม่ได้สำนึกในพระกรุณาองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธเฮเซคียาห์ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม

26 แล้วเฮเซคียาห์และชาวเยรูซาเล็มกลับใจจากความเย่อหยิ่ง ฉะนั้นพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ได้ตกแก่พวกเขาในรัชกาลเฮเซคียาห์

27 เฮเซคียาห์ทรงมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและทรงเกียรติอย่างมาก ทรงสร้างคลังต่างๆ เพื่อเก็บเงินทอง เพชรนิลจินดา เครื่องเทศ โล่ และของมีค่าทั้งปวง

28 ทั้งทรงสร้างคลังเก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน พร้อมทั้งคอกต่างๆ สำหรับปศุสัตว์ แกะและแพะ

29 พระองค์ทรงสร้างหมู่บ้านหลายแห่ง ทรงมีฝูงสัตว์และฝูงแพะแกะมากมาย เนื่องจากพระเจ้าประทานความมั่งคั่งแก่พระองค์เป็นอันมาก

30 เฮเซคียาห์ทรงกั้นน้ำพุกีโฮนด้านบน และทำทางระบายน้ำมาทางแถบตะวันตกของเมืองดาวิด พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในกิจการทุกอย่างที่ทรงทำ

31 แต่เมื่อคณะทูตจากผู้ปกครองบาบิโลนมาทูลถามเกี่ยวกับหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในดินแดน พระเจ้าทรงปล่อยเฮเซคียาห์เพื่อจะทดสอบและเพื่อจะทราบธาตุแท้ในใจของเฮเซคียาห์

32 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเฮเซคียาห์ และพระราชกิจทั้งปวงที่พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อพระเจ้ามีบันทึกอยู่ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล

33 เฮเซคียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้บนเนินเขาซึ่งเป็นอุโมงค์ฝังพระศพของวงศ์วานดาวิด ประชากรทั่วทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็มร่วมถวายพระเกียรติเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ จากนั้นมนัสเสห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/32-8b706f0a99132303b5912e35565e12b1.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 33

กษัตริย์มนัสเสห์แห่งยูดาห์

1 เมื่อมนัสเสห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี

2 มนัสเสห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล

3 มนัสเสห์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายซึ่งเฮเซคียาห์ราชบิดาได้ทำลายทิ้งไปแล้วขึ้นมาใหม่ ทั้งทรงสร้างแท่นบูชาพระบาอัลและเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ทรงกราบไหว้นมัสการดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า

4 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระต่างๆ ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “นามของเราจะดำรงอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป”

5 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าที่ลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 พระองค์ทรงนำโอรสของพระองค์เองมาเผาบูชายัญในหุบเขาเบนฮินโนม พระองค์ทรงเล่นคาถาอาคม ทำนายโชคชะตาราศี ใช้เวทมนตร์ และทรงปรึกษาคนทรงกับหมอผี ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์

7 มนัสเสห์ตั้งรูปเคารพแกะสลักที่ทรงทำขึ้นไว้ในพระวิหารของพระเจ้า ที่ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับดาวิดและโซโลมอนราชโอรสว่า “เราจะสถาปนานามของเราไว้เป็นนิตย์ในวิหารแห่งนี้และในเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอล

8 และขอเพียงแต่ชนอิสราเอลใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เราสั่งไว้ผ่านทางโมเสส เกี่ยวกับบทบัญญัติ กฎหมาย และข้อปฏิบัติต่างๆ เราก็จะไม่ทำให้พวกเขาต้องระเห็จจากดินแดนที่เรายกให้บรรพบุรุษของพวกเขาอีกเลย”

9 แต่มนัสเสห์กลับชักนำชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มให้หลงผิดไป ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายไปให้พ้นหน้าชนอิสราเอลเสียอีก

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเตือนมนัสเสห์กับประชากร แต่พวกเขาไม่สนใจ

11 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งแม่ทัพของกษัตริย์อัสซีเรียมาสู้รบ และจับมนัสเสห์ไปเป็นเชลย เอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของพระองค์ พันธนาการด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และคุมตัวไปยังบาบิโลน

12 ในความทุกข์ลำบาก มนัสเสห์ทรงถ่อมพระทัยลงอย่างยิ่งและทรงร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ

13 เมื่อมนัสเสห์อธิษฐาน พระองค์ก็ทรงสดับฟังและทรงตอบคำทูลวิงวอนพระองค์ให้มนัสเสห์ได้กลับคืนสู่กรุงเยรูซาเล็มและราชอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง มนัสเสห์จึงทรงสำนึกว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า

14 ต่อมามนัสเสห์ทรงสร้างกำแพงชั้นนอกของเมืองดาวิดขึ้นใหม่ จากด้านตะวันตกของธารน้ำพุกีโฮนในหุบเขาจนถึงประตูปลา และโอบล้อมเนินเขาโอเฟล และยังทรงสร้างกำแพงนั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทรงให้ผู้บัญชาการทหารเข้าประจำการในเมืองป้อมปราการทั้งหมดของยูดาห์

15 พระองค์ทรงกำจัดบรรดาพระต่างชาติออกไป และนำรูปเคารพออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรื้อแท่นบูชาทั้งหมดที่ทรงสร้างขึ้นบนภูเขาที่พระวิหารตั้งอยู่และในกรุงเยรูซาเล็ม และนำสิ่งเหล่านี้ไปทิ้งนอกเมือง

16 จากนั้นทรงซ่อมแซมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วทรงถวายเครื่องสันติบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณบนแท่นนั้น และทรงบัญชาให้ยูดาห์ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

17 แต่ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เพียงแต่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

18 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลมนัสเสห์ รวมทั้งคำอธิษฐานต่อพระเจ้าและคำทูลของบรรดาผู้ทำนายในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลล้วนบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล

19 คำอธิษฐานของมนัสเสห์ การที่พระเจ้าทรงตอบ ตลอดจนบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งปวงของมนัสเสห์ รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพต่างๆ ไว้ก่อนที่จะทรงถ่อมพระองค์ลง ล้วนกล่าวไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะ

20 มนัสเสห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในพระราชวังของพระองค์ แล้วอาโมนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์

21 เมื่ออาโมนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษาและทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสองปี

22 อาโมนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างมนัสเสห์ราชบิดา ทรงนมัสการและถวายเครื่องบูชาแก่รูปเคารพทั้งหมดที่มนัสเสห์ได้สร้างขึ้น

23 แต่ไม่ได้ทรงถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนมนัสเสห์ราชบิดา อาโมนกลับทำผิดมากยิ่งขึ้น

24 ข้าราชบริพารของอาโมนคบคิดกันปลงพระชนม์พระองค์ในพระราชวัง

25 แล้วประชาชนจึงประหารบรรดาผู้ที่คบคิดกันปลงพระชนม์กษัตริย์อาโมน และแต่งตั้งโยสิยาห์โอรสของอาโมนขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/33-443733ea908af45002d179e711c33d58.mp3?version_id=179—