Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 34

โยสิยาห์ทรงปฏิรูป

1 เมื่อโยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุแปดพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี

2 โยสิยาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษโดยไม่หันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย

3 ในปีที่แปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ก็ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษ และในปีที่สิบสองแห่งรัชกาลทรงเริ่มชำระยูดาห์และเยรูซาเล็ม กำจัดสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เสาเจ้าแม่อาเชราห์ รูปเคารพแกะสลัก และรูปเคารพหล่อทั้งปวง

4 พระองค์ทรงสั่งให้ทุบแท่นบูชาพระบาอัลทิ้งและทำลายแท่นเผาเครื่องหอมเหนือแท่นบูชา ทุบเสาเจ้าแม่อาเชราห์และรูปเคารพทั้งหลาย แล้วนำไปโปรยบนหลุมศพของบรรดาผู้ที่ถวายเครื่องบูชาแก่พระเหล่านั้น

5 พระองค์ทรงเผากระดูกของบรรดาปุโรหิตของพระเหล่านั้นบนแท่นบูชาของพวกเขาเอง เป็นการชำระยูดาห์และเยรูซาเล็ม

6 นอกจากนี้ในเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ เอฟราอิม และสิเมโอนไปจนถึงนัฟทาลี และในซากปรักหักพังโดยรอบ

7 พระองค์ทรงรื้อทำลายแท่นบูชา เสาเจ้าแม่อาเชราห์ บดขยี้รูปเคารพเป็นผุยผง ทุบแท่นเผาเครื่องหอมทั่วแดนอิสราเอล แล้วเสด็จกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม

8 ในการชำระดินแดนและพระวิหารในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ โยสิยาห์ทรงแต่งตั้งชาฟานบุตรอาซาลิยาห์และมาอาเสอาห์ผู้ปกครองเมืองกับอาลักษณ์โยอาห์บุตรโยอาฮาส ให้ซ่อมแซมพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์

9 คนเหล่านี้ไปพบมหาปุโรหิตฮิลคียาห์และมอบเงินที่คนนำมาถวายในพระวิหารของพระเจ้าให้เขา ชนเลวีที่เป็นยามประตูได้รับเงินเหล่านี้จากชาวมนัสเสห์ ชาวเอฟราอิม และประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในอิสราเอลทั้งหมด ตลอดจนชาวยูดาห์ ชาวเบนยามิน และผู้คนที่อาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม

10 แล้วพวกเขานำเงินนี้ไปมอบให้ผู้ควบคุมการซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจ่ายให้คนงานที่มาซ่อมแซมบูรณะพระวิหาร

11 และให้ช่างไม้และช่างก่อไปซื้อหินที่สกัดและแต่งแล้ว กับซุง กระดาน ไม้คาน สำหรับอาคารต่างๆ ที่บรรดากษัตริย์ยูดาห์ปล่อยทิ้งไว้ในสภาพปรักหักพัง

12 คนงานทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ผู้สั่งการได้แก่ ยาหาทกับโอบาดีห์ ชนเลวีจากตระกูลเมรารี เศคาริยาห์กับเมชุลลามจากตระกูลโคฮาท ส่วนคนเลวีซึ่งเชี่ยวชาญในการบรรเลงดนตรี

13 มีหน้าที่ดูแลสั่งการคนงานให้ทำงานแต่ละอย่าง คนเลวีบางคนทำหน้าที่เลขานุการ อาลักษณ์ และยามประตู

พบหนังสือธรรมบัญญัติ

14 วันหนึ่งขณะที่พวกเขานำเงินซึ่งประชากรถวายเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกมา ปุโรหิตฮิลคียาห์พบม้วนหนังสือพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งประทานผ่านทางโมเสส

15 ฮิลคียาห์กล่าวกับราชเลขาชาฟานว่า “ข้าพเจ้าได้พบหนังสือพระบัญญัติในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วมอบหนังสือม้วนนั้นแก่ชาฟาน

16 ชาฟานจึงนำไปถวายแด่กษัตริย์ และทูลรายงานว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ทำทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย

17 พวกเขานำเงินออกมาจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามอบให้แก่หัวหน้าผู้ดูแลและคนงาน”

18 แล้วราชเลขาชาฟานทูลกษัตริย์ว่า “ปุโรหิตฮิลคียาห์ได้มอบหนังสือนี้แก่ข้าพระบาท” ชาฟานจึงอ่านหนังสือนั้นต่อหน้ากษัตริย์

19 เมื่อกษัตริย์ได้ทรงฟังเนื้อความในหนังสือบทบัญญัตินั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์

20 และทรงบัญชาฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อับโดนบุตรมีคาห์ราชเลขาชาฟาน และมหาดเล็กอาสายาห์ว่า

21 “จงไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราและให้ชนหยิบมือที่เหลือในอิสราเอลและยูดาห์เกี่ยวกับสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือที่ได้พบนี้ พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตกแก่เรานั้นใหญ่หลวงนัก เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ได้ยึดพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามสิ่งทั้งปวงที่บันทึกไว้ในหนังสือนี้เลย”

22 ฮิลคียาห์กับคนที่กษัตริย์ส่งมาด้วยจึงไปพบผู้เผยพระวจนะหญิงฮุลดาห์ซึ่งอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็มแขวงสอง นางเป็นภรรยาของชัลลูมบุตรทกหาทบุตรของหัสราห์ชัลลูมเป็นผู้ดูแลเครื่องทรงในพระวิหาร

23 นางกล่าวกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงแจ้งผู้ที่ใช้เจ้ามาหาเราว่า

24 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะนำหายนะมายังที่แห่งนี้และมายังประชากรตามคำสาปแช่งทั้งปวงที่เขียนไว้ในหนังสือซึ่งอ่านกันต่อหน้ากษัตริย์ยูดาห์

25 เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งเราไปเผาเครื่องหอมถวายเทพเจ้าอื่นๆ และยั่วโทสะของเราด้วยทุกอย่างที่มือของพวกเขาได้ทำขึ้นเราจะระบายความโกรธลงเหนือที่แห่งนี้และจะระงับไม่ได้’

26 จงบอกกษัตริย์ยูดาห์ซึ่งใช้พวกเจ้ามาทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับข้อความที่เจ้าได้ยินดังนี้ว่า

27 เนื่องจากจิตใจของเจ้าน้อมรับ และเจ้าได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าเมื่อได้ยินสิ่งที่เรากล่าวไว้เกี่ยวกับสถานที่นี้และประชากร และเพราะเจ้าถ่อมตัว ฉีกเสื้อผ้า และร่ำไห้ต่อหน้าเรา เราได้ยินแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

28 เราจะรวบรวมเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษและเจ้าจะถูกฝังอย่างสงบสุข ไม่ต้องเห็นหายนะทั้งปวงซึ่งเราจะนำมายังสถานที่นี้และประชาชนเหล่านี้’ ”

พวกเขาจึงนำคำตอบของนางกลับไปทูลกษัตริย์

29 กษัตริย์โยสิยาห์จึงทรงเรียกผู้อาวุโสของยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนมารวมกัน

30 พระองค์เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมชาวยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็ม ปุโรหิต และคนเลวีคือประชากรทั้งปวง ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด กษัตริย์ทรงอ่านทุกถ้อยคำในหนังสือพันธสัญญาซึ่งพบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าพวกเขา

31 พระองค์ประทับยืนอยู่ข้างเสา ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่าจะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติตามพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายของพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ และที่จะเชื่อฟังถ้อยคำแห่งพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือนี้

32 แล้วโยสิยาห์ทรงให้ทุกคนในเยรูซาเล็มและเบนยามินปฏิญาณตนต่อพันธสัญญานั้น ชาวเยรูซาเล็มก็ทำเช่นนี้ตามพันธสัญญาของพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

33 โยสิยาห์ทรงกำจัดรูปคารพอันน่าชิงชังทั้งปวงไปจากดินแดนทั้งหมดที่เป็นของชนอิสราเอล และทรงเรียกร้องให้คนทั้งปวงในอิสราเอลปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาตลอดรัชกาลของโยสิยาห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/34-2213d402ef3fc5e1cc19c548921ac79b.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 35

โยสิยาห์ทรงฉลองปัสกา

1 โยสิยาห์ทรงฉลองปัสกาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม มีการฆ่าแกะปัสกา ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง

2 พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตให้เข้าประจำหน้าที่ และสนับสนุนให้รับใช้ในงานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 พระองค์ตรัสกับคนเลวีผู้สั่งสอนชนอิสราเอลทั้งปวงและผู้ชำระตนถวายแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วนั้นว่า “จงเก็บหีบพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในพระวิหารซึ่งโซโลมอนโอรสของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลสร้างขึ้น ไม่ต้องหามขึ้นบ่า บัดนี้จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปรนนิบัติอิสราเอลประชากรของพระองค์

4 จงเตรียมตัวทำหน้าที่ตามครอบครัวเป็นหมู่เหล่า ตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลและโซโลมอนราชโอรสกำหนดไว้เถิด

5 “ให้คนเลวีแต่ละกลุ่มประจำหน้าที่ในวิสุทธิสถานเพื่อปรนนิบัติพี่น้องร่วมชาติตามกลุ่มครอบครัวแต่ละกลุ่มที่ได้แบ่งไว้

6 จงฆ่าแกะปัสกา ชำระตน และเตรียมลูกแกะเพื่อพี่น้องร่วมชาติของท่าน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ผ่านทางโมเสส”

7 โยสิยาห์ทรงเตรียมลูกแกะลูกแพะเพื่อเป็นเครื่องบูชาปัสกาสามหมื่นตัว และวัวผู้สามพันตัว จากทรัพย์สินส่วนพระองค์สำหรับประชาชนทุกคนที่นั่น

8 ข้าราชบริพารของกษัตริย์ก็มอบของด้วยความสมัครใจแก่ประชาชน ปุโรหิต และคนเลวี ส่วนฮิลคียาห์ เศคาริยาห์ และเยฮีเอล เจ้าหน้าที่พระวิหารของพระเจ้ามอบลูกแกะลูกแพะ 2,600 ตัว และวัวผู้ 300 ตัวแก่ปุโรหิตเป็นเครื่องบูชาปัสกา

9 บรรดาผู้นำของคนเลวีได้แก่ โคนานิยาห์ กับเชไมอาห์และเนธันเอลน้องชายของเขา และฮาชาบิยาห์ เยอีเอล และโยซาบาดมอบลูกแกะลูกแพะปัสกาห้าพันตัวกับวัวผู้ห้าร้อยตัวแก่คนเลวี

10 เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย และปุโรหิตทั้งหลายเข้าประจำที่ของตน พร้อมทั้งคนเลวีได้เข้ากลุ่มปฏิบัติงานตามหมู่เหล่าดังที่กษัตริย์ตรัสบัญชาไว้แล้ว

11 ก็ฆ่าลูกแกะปัสกา ส่งเลือดให้ปุโรหิตประพรม ขณะที่คนเลวีถลกหนังสัตว์

12 พวกเขาแยกเครื่องเผาบูชาเพื่อมอบให้ตระกูลต่างๆ เพื่อให้ประชาชนถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสส พวกเขาก็ทำอย่างเดียวกันกับวัวผู้

13 พวกเขาย่างสัตว์ปัสกาตามที่ระบุไว้ และต้มของถวายอันบริสุทธิ์ในหม้อ กระทะ ภาชนะต่างๆ แล้วรีบนำออกไปให้ประชากรทั้งปวงรับประทาน

14 หลังจากนั้นคนเลวีก็จัดเตรียมสำหรับตนเองกับปุโรหิต เพราะปุโรหิตวงศ์วานอาโรนง่วนอยู่กับการถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันเครื่องบูชาจนค่ำ ดังนั้นคนเลวีจึงจัดเตรียมอาหารสำหรับตนเองและปุโรหิตวงศ์วานของอาโรน

15 เหล่านักดนตรีวงศ์วานของอาสาฟเข้าประจำที่ตามที่ดาวิด อาสาฟ เฮมาน และเยดูธูนผู้ทำนาย ส่วนพระองค์ของดาวิดกำหนดไว้ ยามเฝ้าประตูแต่ละประตูไม่จำเป็นต้องละจากจุดปฏิบัติงาน เพราะพี่น้องเลวีของเขาเตรียมอาหารไว้ให้

16 ครั้งนั้นงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้นในการฉลองปัสกาและถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำเร็จลุล่วงตามที่กษัตริย์โยสิยาห์ทรงบัญชา

17 ชนอิสราเอลซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมฉลองปัสกา และต่อด้วยเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้ออีกเจ็ดวัน

18 นับตั้งแต่ครั้งผู้เผยพระวจนะซามูเอล ไม่เคยมีการฉลองปัสกาในอิสราเอลเหมือนครั้งนั้นเลย ไม่มีกษัตริย์องค์ใดของอิสราเอลฉลองปัสกาเหมือนโยสิยาห์ร่วมกับปุโรหิต คนเลวี ชนยูดาห์และอิสราเอลทั้งปวงที่อาศัยอยู่กับประชาชนในกรุงเยรูซาเล็ม

19 การฉลองนี้มีขึ้นในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลโยสิยาห์

การสิ้นพระชนม์ของโยสิยาห์

20 หลังจากที่โยสิยาห์ทรงจัดระเบียบพระวิหารเรียบร้อยแล้ว กษัตริย์เนโคแห่งอียิปต์ยกทัพมาที่คารเคมิชริมแม่น้ำยูเฟรติส และโยสิยาห์กรีธาทัพออกไปรบกับพระองค์

21 แต่เนโคส่งผู้นำสาส์นมายังโยสิยาห์ความว่า “กษัตริย์ยูดาห์ ท่านและข้าพเจ้ามีเรื่องราวบาดหมางอะไรกันหรือ? ข้าพเจ้าไม่ได้ยกทัพมาโจมตีท่านในครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้ามารบกับศัตรูที่ขับเคี่ยวกันอยู่ พระเจ้าได้ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ารีบเร่ง ดังนั้นจงอย่าขัดขวางพระเจ้าผู้สถิตกับข้าพเจ้า มิฉะนั้นพระองค์จะทรงทำลายท่าน”

22 แต่โยสิยาห์ไม่ยอมถอยทัพ กลับปลอมตัวเข้าสู่สงครามในที่ราบเมกิดโด โยสิยาห์ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระเจ้าที่ตรัสผ่านเนโค

23 พลธนูยิงถูกกษัตริย์โยสิยาห์ พระองค์ทรงร้องบอกทหารว่า “พาเราออกไปที เราบาดเจ็บมาก”

24 พวกเขาจึงประคองพระองค์ลงจากรถม้าศึกของพระองค์ แล้วขึ้นรถม้าศึกอีกคันกลับสู่เยรูซาเล็ม โยสิยาห์ก็สิ้นพระชนม์ พระศพถูกฝังไว้ในสุสานบรรพบุรุษของพระองค์ ทั่วทั้งยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มพากันไว้อาลัย

25 เยเรมีย์แต่งบทเพลงคร่ำครวญไว้อาลัยแด่โยสิยาห์ และคณะนักร้องชายหญิงทุกคนยังคงขับร้องเพลงไว้อาลัยโยสิยาห์ตราบจนทุกวันนี้ซึ่งกลายเป็นประเพณีในอิสราเอล และมีบันทึกไว้ในประมวลบทเพลงคร่ำครวญ

26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโยสิยาห์และพระราชกิจที่ทรงทุ่มเทตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

27 เหตุการณ์ทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/35-ec7d6988d4b08c74b79a8e69399deafd.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 36

1 และประชาชนได้เลือกเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ในกรุงเยรูซาเล็มแทนราชบิดา

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งยูดาห์

2 เมื่อเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน

3 กษัตริย์อียิปต์ปลดเยโฮอาหาสจากราชบัลลังก์ในกรุงเยรูซาเล็ม และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตันและทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัม

4 กษัตริย์อียิปต์แต่งตั้งเอลียาคิมพี่ชายของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และเปลี่ยนนามเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม ส่วนเยโฮอาหาสถูกเนโคคุมตัวไปที่อียิปต์

กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์

5 เมื่อเยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่ว ในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์

6 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมาโจมตีและจับเยโฮยาคิมพันธนาการด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ คุมตัวไปยังบาบิโลน

7 เนบูคัดเนสซาร์ยังทรงนำเครื่องใช้ไม้สอยจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปเก็บไว้ในวิหารของพระองค์ในบาบิโลนด้วย

8 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเยโฮยาคิม สิ่งน่าชิงชังที่ทรงทำ และความเลวร้ายทั้งปวงเกี่ยวกับพระองค์ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ แล้วเยโฮยาคีนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์

9 เมื่อเยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบแปดพรรษาและทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือนสิบวัน พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

10 ในฤดูใบไม้ผลิ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้นำตัวเยโฮยาคีนไปยังบาบิโลน พร้อมกับของมีค่าทั้งปวงจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและตั้งเศเดคียาห์ลุงของเยโฮยาคีนเป็นกษัตริย์ครองยูดาห์และเยรูซาเล็ม

กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์

11 เมื่อเศเดคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมมายุ 21 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี

12 เศเดคียาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์และไม่ได้ถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ซึ่งนำพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาทูล

13 ทั้งทรงกบฏต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ผู้ให้พระองค์ปฏิญาณในพระนามพระเจ้า เศเดคียาห์ทรงแข็งขืน ถือทิฐิในใจ และไม่ยอมหันมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

14 ยิ่งกว่านั้นผู้นำทั้งหมดของปุโรหิตและของประชาชนก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ามากยิ่งขึ้น หันไปทำตามขนบธรรมเนียมอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ และสร้างมลทินแก่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วในกรุงเยรูซาเล็ม

เยรูซาเล็มล่มสลาย

15 พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาได้ส่งทูตของพระองค์มาเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพระองค์ทรงสงสารประชากรและที่ประทับของพระองค์

16 แต่เหล่าประชากรก็เยาะเย้ยบรรดาทูตของพระเจ้า ลบหลู่พระดำรัสของพระองค์ และหมิ่นประมาทผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย จนพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อประชากรของพระองค์จนไม่อาจระงับยับยั้งได้อีกต่อไป

17 พระเจ้าทรงนำกษัตริย์ของชาวบาบิโลนมาปราบเขา สังหารชายหนุ่มของเขาในสถานนมัสการ ไม่ไว้ชีวิตแม้กระทั่งเด็ก ผู้หญิงและคนแก่ พระเจ้าทรงมอบพวกเขาทั้งหมดไว้ในมือเนบูคัดเนสซาร์

18 พระองค์ได้นำเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในพระวิหารของพระเจ้าไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและทรัพย์สินต่างๆ ของกษัตริย์และของบรรดาข้าราชบริพารกลับไปยังบาบิโลน

19 พวกเขาจุดไฟเผาพระวิหารของพระเจ้า ทลายกำแพงเยรูซาเล็ม เผาวังทุกแห่งและทำลายของมีค่าทุกอย่างที่นั่น

20 บรรดาคนที่เหลืออยู่ผู้รอดชีวิตจากคมดาบถูกจับกุมตัวไปที่บาบิโลน เป็นเชลยของกษัตริย์และบรรดาโอรสของพระองค์จวบจนอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นมามีอำนาจ

21 แผ่นดินได้ชื่นชมกับสะบาโตแห่งการหยุดพักตลอดช่วงปีที่เริศร้างอยู่จนครบเจ็ดสิบปีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ผ่านทางเยเรมีย์

22 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลพระทัยกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า

23 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า

“ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์ ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตกับเขาและให้เขากลับไปเถิด’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/36-b79959c3be0c9ff1008dbcd2b2cf310d.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 1

ไซรัสช่วยเชลยกลับภูมิลำเนา

1 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า

2 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า

“ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์

3 ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขากลับไปยังเยรูซาเล็มในยูดาห์และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม

4 ให้ประชาชนในถิ่นที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่มอบเงิน ทอง ข้าวของ และฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของถวายตามความสมัครใจเพื่อพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มแก่พวกเขา’ ”

5 แล้วบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์และเบนยามิน กับปุโรหิตและคนเลวี คือทุกคนที่พระเจ้าทรงดลใจ ก็เตรียมตัวขึ้นไปสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม

6 เพื่อนบ้านทั้งปวงช่วยเหลือจุนเจือพวกเขาโดยให้เครื่องใช้ไม้สอยที่ทำจากเงินและทอง ข้าวของและฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของมีค่าต่างๆ นอกเหนือจากของถวายตามความสมัครใจ

7 นอกจากนี้กษัตริย์ไซรัสเองทรงมอบเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยึดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มและได้เก็บไว้ในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์

8 กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงให้ขุนคลังมิทเรดาทนำเครื่องใช้เหล่านี้ออกมานับจำนวนแล้วมอบให้เชชบัสซาร์ซึ่งเป็นเจ้านายของยูดาห์

9 รายการสิ่งของมีดังนี้ คือ

ชามทองคำ 30 ใบ
ชามเงิน 1,000 ใบ
กระทะเงิน 29 ใบ
10 อ่างทองคำ 30 ใบ
อ่างเงินที่เข้าชุดกัน 410 ใบ
เครื่องใช้อื่นๆ 1,000 ชิ้น

11 มีเครื่องใช้ทองและเงินทั้งสิ้น 5,400 ชิ้น เมื่อพวกเชลยออกจากบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม เชชบัสซาร์นำสิ่งของทั้งหมดนี้ไปด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/1-8e62078d2ff09649236cc4a7acbe2c75.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 2

รายชื่อเชลยที่กลับมา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปยังบาบิโลน (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์

2 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรอาห์ เรเอไลยาห์ โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์)

จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่

3 วงศ์วานของปาโรช 2,172 คน
4 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน
5 ของอาราห์ 775 คน
6 ของปาหัทโมอับ (ทางสาย เยชูอา และโยอาบ) 2,812 คน
7 ของเอลาม 1,254 คน
8 ของศัทธู 945 คน
9 ของศักคัย 760 คน
10 ของบานี 642 คน
11 ของเบบัย 623 คน
12 ของอัสกาด 1,222 คน
13 ของอาโดนีคัม 666 คน
14 ของบิกวัย 2,056 คน
15 ของอาดีน 454 คน
16 ของอาเทอร์ (ทางสายเฮเซคียาห์) 98 คน
17 ของเบไซ 323 คน
18 ของโยราห์ 112 คน
19 ของฮาชูม 223 คน
20 ของกิบบาร์ 95 คน
21 ชายชาวเบธเลเฮม 123 คน
22 ชาวเนโทฟาห์ 56 คน
23 ชาวอานาโธท 128 คน
24 ชาวอัสมาเวท 42 คน
25 ชาวคีริยาทเยอาริมชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน
26 ชาวรามาห์และเกบา 621 คน
27 ชาวมิคมาช 122 คน
28 ชาวเบธเอลและชาวอัย 223 คน
29 ชาวเนโบ 52 คน
30 ชาวมักบีช 156 คน
31 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน
32 ชาวฮาริม 320 คน
33 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 725 คน
34 ชาวเยรีโค 345 คน
35 ชาวเสนาอาห์ 3,630 คน

36 ปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของเยดายาห์ (ทางครอบครัว ของเยชูอา) 973 คน
37 ของอิมเมอร์ 1,052 คน
38 ของปาชเฮอร์ 1,247 คน
39 ของฮาริม 1,017 คน

40 คนเลวีได้แก่

วงศ์วานของเยชูอาและขัดมีเอล (ทางสายโฮดาวิยาห์) 74 คน

41 คณะนักร้องได้แก่

วงศ์วานของอาสาฟ 128 คน

42 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ
ชัลลูม อาเทอร์ ทัลโมน
อักขูบ ฮาทิทาและโชบัย 139 คน

43 ผู้ช่วยงานในพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ

ศีหะ ฮาสูฟา ทับบาโอท

44 เคโรส สีอาฮา พาโดน

45 เลบานาห์ ฮากาบาห์ อักขูบ

46 ฮากาบ ชัลมัย ฮานัน

47 กิดเดล กาฮาร์ เรอายาห์

48 เรซีน เนโคดา กัสซาม

49 อุสซา ปาเสอาห์ เบสัย

50 อัสนาห์ เมอูนิม เนฟัสสิม

51 บัคบูค ฮาคูฟา ฮารฮูร์

52 บัสลูท เมหิดา ฮารชา

53 บารโขส สิเสรา เทมาห์

54 เนซิยาห์ และฮาทิฟา

55 วงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอน ได้แก่

วงศ์วานของ

โสทัย หัสโสเฟเรท เปรุดา

56 ยาอาลา ดารโคน กิดเดล

57 เชฟาทิยาห์ ฮัททิล โปเคเรทหัสเซบาอิม และอามี

58 บรรดาผู้ช่วยงานในพระวิหารและวงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนมี 392 คน

59 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าครอบครัวของพวกเขาสืบเชื้อสายจากอิสราเอลได้แก

60 วงศ์วานของเดไลยาห์ โทบียาห์ และเนโคดา รวม 652 คน

61 และจากพวกปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของ

โฮบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของบารซิลลัยชาวกิเลอาด และได้ชื่อตามนั้น)

62 คนเหล่านี้ได้ค้นหาบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแต่ไม่พบ จึงไม่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มปุโรหิตเพราะถือว่าเป็นมลทิน

63 ผู้ว่าการสั่งห้ามพวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าจะมีปุโรหิตทูลถามเรื่องนี้ผ่านทางอูริมและทูมมิม

64 คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42,360 คน

65 ไม่รวมคนรับใช้ชายหญิง 7,337 คน และคณะนักร้องชายหญิง 200 คน

66 พวกเขามีม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว

67 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

68 เมื่อพวกเขามาถึงพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม หัวหน้าครอบครัวบางคนได้ถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

69 แต่ละคนถวายเข้าคลังเพื่องานนี้ตามกำลังความสามารถ รวมแล้วได้ทองคำประมาณ 500 กิโลกรัมกับเงินประมาณ 2.9 ตันและเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ชุด

70 ปุโรหิต คนเลวี คณะนักร้อง ยามเฝ้าประตูพระวิหาร และผู้ช่วยงานในพระวิหาร เข้าอาศัยในเมืองของตนพร้อมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่งและชนอิสราเอลที่เหลือตั้งถิ่นฐานในเมืองของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/2-fcf8afd11c0d2410520168b02826498e.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 3

สร้างแท่นบูชาขึ้นใหม่

1 หลังจากชนอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของตนแล้ว เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด พวกเขาก็มาชุมนุมในเยรูซาเล็มอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

2 แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักกับปุโรหิตคนอื่นๆ และเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับพวกพ้องเริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า

3 ถึงแม้ว่าประชากรเกรงกลัวชนชาติต่างๆ ที่อาศัยในแถบนั้น พวกเขาก็ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นบนฐานเดิม และถวายเครื่องเผาบูชายามเช้าและยามเย็นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

4 แล้วพวกเขาฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ พร้อมกับถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนซึ่งระบุไว้สำหรับแต่ละวัน

5 หลังจากนั้นพวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาตามปกติ เครื่องบูชาสำหรับวันขึ้นหนึ่งค่ำและเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเทศกาลที่กำหนดไว้ กับถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจของประชากรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

6 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด พวกเขาเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ยังไม่ได้เริ่มวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

7 แล้วพวกเขาให้เงินแก่ช่างก่อและช่างไม้ และมอบอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันแก่ชาวไซดอนและชาวไทระ เพื่อให้ผูกซุงไม้สนซีดาร์จากเลบานอนล่องทะเลมายังเมืองยัฟฟาตามที่ได้รับพระราชานุญาตจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย

8 ในเดือนที่สองของปีที่สองหลังจากกลับมาถึงพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล เยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องคนอื่นๆ (คือปุโรหิต ชนเลวี และคนทั้งปวงที่กลับมาจากการเป็นเชลยมายังเยรูซาเล็ม) ก็เริ่มปฏิบัติงาน และแต่งตั้งคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

9 เยชูอากับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของเขา ขัดมีเอลกับบรรดาบุตรชายของเขา (วงศ์วานของโฮดาวิยาห์) และบรรดาบุตรชายของเฮนาดัดกับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของพวกเขาซึ่งล้วนอยู่ในเผ่าเลวี ร่วมกันควบคุมดูแลการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า

10 เมื่อช่างก่อสร้างวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว บรรดาปุโรหิตซึ่งสวมเครื่องแต่งกายปุโรหิตและถือแตร คนเลวี (พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ) ถือฉาบเข้าประจำที่เพื่อถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลทรงกำหนดไว้

11 พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

“พระองค์ประเสริฐ

ความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่ออิสราเอลนั้นดำรงนิรันดร์”

จากนั้นประชากรทั้งปวงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะฐานรากพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้วางลงเรียบร้อยแล้ว

12 แต่บรรดาปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัว ที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งเคยเห็นพระวิหารเดิมพากันร้องไห้ระงมเมื่อพวกเขาได้เห็นฐานรากของพระวิหารที่วางเสร็จแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี

13 เสียงโห่ร้องยินดีกับเสียงร้องไห้ปนเปกันแยกไม่ออกเพราะประชาชนต่างก็เปล่งเสียงดังมากและเสียงนั้นได้ยินไปไกล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/3-08d9775db169986f4bb73dcce9d3236f.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 4

ศัตรูพยายามขัดขวาง

1 เมื่อบรรดาศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า เชลยทั้งหลายกำลังสร้างพระวิหารเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

2 พวกเขาก็มาพบเศรุบบาเบลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ และกล่าวว่า “ขอให้พวกเราช่วยท่านสร้างเถิด เพราะเราก็แสวงหาพระเจ้าของท่านเช่นเดียวกับท่าน เราได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์นับตั้งแต่กษัตริย์เอสารฮัดโดนแห่งอัสซีเรียนำเรามาที่นี่”

3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลตอบว่า “ท่านไม่มีส่วนร่วมกับเราในการสร้างพระวิหารถวายแด่พระเจ้าของเรา เราเท่านั้นที่จะสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตามที่กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาเราไว้”

4 บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้นจึงพยายามทำลายขวัญของชาวยูดาห์ และทำให้เขาไม่กล้าสร้างต่อ

5 คนเหล่านั้นว่าจ้างที่ปรึกษาไว้คอยก่อกวนขัดขวางงานของพวกเขาตลอดรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียจวบจนรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

การขัดขวางในรัชกาลเซอร์ซีสและอารทาเซอร์ซีส

6 ต้นรัชกาลกษัตริย์เซอร์ซีสพวกเขาตั้งข้อหาฟ้องร้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม

7 และในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอลกับพรรคพวกเขียนจดหมายราบทูลพระองค์เป็นภาษาอารเมคและมีผู้แปลถวาย

8 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยเขียนจดหมายฟ้องร้องเยรูซาเล็ม กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังนี้ว่า

9 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยพร้อมคณะ อันได้แก่ เหล่าตุลาการ และเจ้าหน้าที่ปกครองคนจากทริโปลิส เปอร์เซียเอเรก และบาบิโลน พวกเอลามแห่งสุสา

10 และชนชาติอื่นซึ่งอาชูร์บานิปาลผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์นำตัวมาและให้ตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม สะมาเรีย และทั่วดินแดนใกล้เคียงที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

11 (สำเนาจดหมายที่พวกเขานำขึ้นกราบทูลกษัตริย์ ความว่า)

กราบทูล กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

จากบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

12 ขอกราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวยิวซึ่งถูกส่งตัวจากบาบิโลนไปยังเยรูซาเล็มกำลังสร้างนครจอมกบฏและชั่วร้ายนั้นขึ้นใหม่ พวกเขากำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองและฐานราก

13 ยิ่งกว่านั้นฝ่าพระบาทควรจะได้ทราบว่า หากเมืองนี้สร้างเสร็จและซ่อมแซมกำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และค่าภาษี ทำให้เงินรายได้ของหลวงขาดหายไป

14 เนื่องจากเหล่าข้าพระบาทจงรักภักดีต่อฝ่าพระบาท ไม่ประสงค์จะเห็นฝ่าพระบาทถูกหมิ่นพระเกียรติ จึงนำความขึ้นกราบทูล

15 เพื่อขอทรงสั่งให้ค้นดูจดหมายเหตุของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ในบันทึกเหล่านี้ฝ่าพระบาทจะพบว่านครแห่งนี้ชอบกบฏและสร้างความเดือดร้อนแก่เหล่ากษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ เป็นนครที่ชอบกบฏแข็งเมืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทำลายไป

16 ข้าพระบาททั้งหลาย ขอกราบทูลว่าหากเมืองนี้สร้างสำเร็จและกำแพงเมืองสร้างขึ้นได้ ฝ่าพระบาทอาจจะสูญเสียจักรวรรดิที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสนี้ไป

17 กษัตริย์ทรงส่งพระราชสาส์นตอบว่า

ถึงผู้บัญชาการเรฮูม เลขานุการชิมชัย และพวกพ้องซึ่งอาศัยในสะมาเรียและอาศัยอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

สวัสดี

18 จดหมายที่ท่านส่งมามีการอ่านและแปลให้เราฟังแล้ว

19 เราสั่งให้สืบค้นเรื่องราวก็พบว่าเมืองนี้มีประวัติยาวนานว่าได้กบฏแข็งเมืองต่อกษัตริย์ต่างๆ และมักก่อการจลาจลและความวุ่นวายต่างๆ

20 ในเยรูซาเล็มยังเคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองดินแดนทั้งหมดเหนือแม่น้ำยูเฟรติส และเรียกเก็บภาษี เครื่องบรรณาการ และค่าธรรมเนียมมากมาย

21 ฉะนั้นจงสั่งให้คนเหล่านี้หยุดงานจะได้ไม่มีการสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่จนกว่าเราจะสั่ง

22 จงใส่ใจ อย่าละเลยเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้สถานการณ์นี้บานปลายจนเสียหายกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของหลวงทำไม?

23 เมื่อเรฮูมและเลขานุการชิมชัยกับพรรคพวกได้ฟังความในพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแล้ว ก็รีบมายังเยรูซาเล็ม และใช้กำลังบังคับให้ชาวยิวหยุดการก่อสร้าง

24 ฉะนั้นงานก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดชะงักลงจนถึงปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/4-ec3101778a47e31fb34dcc4b7133f386.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 5

จดหมายของทัทเทนัยถึงดาริอัส

1 ฝ่ายผู้เผยพระวจนะฮักกัยและผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโดได้เผยพระวจนะแก่ชาวยิวในยูดาห์และเยรูซาเล็มในพระนามพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงปกครองเหนือพวกเขา

2 แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับเยชูอาบุตรโยซาดักจึงลงมือก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มอีก และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือพวกเขา

3 ครั้งนั้นทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัยกับพวกมาถามพวกเขาว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

4 ทั้งได้ถามว่า “คนที่ทำการก่อสร้างพระวิหารนี้ชื่ออะไรบ้าง?”

5 แต่พระเจ้าทรงดูแลบรรดาผู้อาวุโสของพวกยิว พวกเขาจึงทำงานรุดหน้าไปไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามส่งรายงานไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส และพระองค์ทรงส่งสาส์นตอบกลับมา

6 นี่คือสำเนาจดหมายซึ่งทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัย กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เป็นพวกพ้องกันที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสส่งไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

7 รายงานของเขาที่ส่งไปถึงพระองค์ มีใจความว่า

กราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

ขอจงทรงพระเจริญ

8 ข้าพระบาททั้งหลายขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ข้าพระบาททั้งหลายได้ไปยังยูดาห์ ไปยังพระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชาชนกำลังก่อสร้างโดยใช้หินก้อนใหญ่และบุผนังด้วยไม้กระดาน พวกเขากำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งและงานกำลังคืบหน้าไปภายใต้การดูแลของพวกเขา

9 ข้าพระบาทถามเหล่าผู้อาวุโสว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

10 พร้อมทั้งยังถามเอารายชื่อของคนเหล่านั้นมาเพื่อกราบบังคมทูลฝ่าพระบาท

11 พวกเขาตอบข้าพระบาทว่า

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระวิหารซึ่งเคยสร้างจนสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนโดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของอิสราเอล

12 แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเรายั่วยุพระพิโรธของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์คนเคลเดีย กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้ทำลายพระวิหารนี้และกวาดต้อนประชาชนไปยังบาบิโลน

13 “แต่ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งบาบิโลน พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่

14 กษัตริย์ไซรัสเองถึงกับทรงคืนเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ทรงยึดไปจากพระวิหารในเยรูซาเล็มไปเก็บไว้ในวิหารที่บาบิโลนนั้นให้ด้วยแล้วกษัตริย์ไซรัสทรงมอบเครื่องใช้เหล่านี้แก่ชายชื่อเชชบัสซาร์ซึ่งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ

15 และทรงบัญชาเชชบัสซาร์ว่า ‘จงนำภาชนะเหล่านั้นไปเก็บไว้ในพระวิหารที่เยรูซาเล็มและจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม’

16 ดังนั้นเชชบัสซาร์ผู้นี้จึงมาวางฐานรากพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม การก่อสร้างจึงดำเนินมาจวบจนบัดนี้แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย”

17 ถ้าฝ่าพระบาททรงเห็นชอบ ก็ขอฝ่าพระบาททรงให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุของบาบิโลนเพื่อดูว่ากษัตริย์ไซรัสทรงเคยมีพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มขึ้นใหม่หรือไม่ และขอฝ่าพระบาทให้ข้าพระบาททั้งหลายทราบถึงพระราชวินิจฉัยในเรื่องนี้ด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/5-8dddbe899c1d8fda8d6e2ee8b994ea54.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 6

พระราชกฤษฎีกาของดาริอัส

1 กษัตริย์ดาริอัสจึงมีพระราชโองการให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุที่พระคลังในบาบิโลน

2 ก็พบหนังสือม้วนฉบับหนึ่งในป้อมเอคบาทานาในมณฑลมีเดีย ซึ่งมีข้อความว่า

บันทึก

3 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า

ให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ถวายเครื่องบูชาต่างๆ และวางฐานรากไว้ พระวิหารต้องมีขนาดสูง 60 ศอกและกว้าง 60 ศอก

4 ให้ก่อด้วยหินใหญ่สามชั้นและไม้ซุงอีกหนึ่งชั้น ค่าใช้จ่ายเบิกได้จากพระคลังหลวง

5 อีกทั้งให้นำเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงนำจากพระวิหารในเยรูซาเล็มมายังบาบิโลนกลับไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม เก็บไว้ในพระนิเวศของพระเจ้าตามเดิม

6 จึงบัญชามายังทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส กับเชธาร์โบเซนัยและพวกท่านที่เป็นข้าราชการส่วนอื่นๆ ประจำแว่นแคว้นให้หลีกห่างจากที่นั่น

7 อย่าขัดขวางการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า ให้ผู้ว่าการกับบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

8 นอกจากนี้ ในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า เราขอประกาศกฤษฎีกาให้เจ้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อาวุโสชาวยิวดังต่อไปนี้

ให้อนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเต็มจำนวนแก่พวกเขาจากพระคลังหลวงซึ่งเก็บได้ในเขตอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่องานจะได้ไม่หยุดชะงัก

9 สิ่งใดๆ ที่ต้องใช้เช่น วัวผู้ แกะผู้ และลูกแกะตัวผู้ เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทั้งข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น และน้ำมัน ซึ่งบรรดาปุโรหิตในเยรูซาเล็มขอมานั้น จงมอบแก่เขาทุกวันไม่ให้ขาด

10 เพื่อพวกเขาจะสามารถถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และอธิษฐานเผื่อสวัสดิภาพของกษัตริย์กับเหล่าราชโอรส

11 ยิ่งกว่านั้นเราประกาศว่าหากผู้ใดบิดเบือนข้อความนี้ ให้ดึงไม้คานอันหนึ่งออกจากบ้านของผู้นั้น แล้วยกเขาขึ้นเสียบด้วยไม้นั้น และให้บ้านของเขากลายเป็นกองขยะ

12 ขอพระเจ้าผู้ทรงสถาปนาพระนามของพระองค์ที่นั่น ทรงทำลายล้างกษัตริย์และใครก็ตามที่อาจเอื้อมบิดเบือนกฤษฎีกานี้ หรือทำลายพระวิหารนี้ในเยรูซาเล็ม เราดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา จงทำตามคำบัญชานี้ด้วยความพากเพียร

พระวิหารสร้างเสร็จและการมอบถวายพระวิหาร

13 เพราะพระราชกฤษฎีกาที่กษัตริย์ดาริอัสส่งมา ทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เชธาร์โบเซนัย และพวกพ้องของเขาจึงปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง

14 ดังนั้นบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวจึงดำเนินการก่อสร้างและงานก็คืบหน้าไปตามคำเทศนาของผู้เผยพระวจนะฮักกัยกับเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโด พวกเขาสร้างพระวิหารสำเร็จเรียบร้อยตามพระบัญชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และพระราชกฤษฎีกาของบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้แก่ไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีส

15 พระวิหารเสร็จสมบูรณ์ในวันที่สามของเดือนอาดาร์ ในปีที่หกแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส

16 แล้วประชากรอิสราเอล คือปุโรหิต คนเลวี และเชลยคนอื่นๆ ที่กลับมาก็ฉลองการถวายพระนิเวศของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี

17 ในพิธีถวายพระนิเวศของพระเจ้า พวกเขาถวายวัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะผู้สองร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สี่ร้อยตัว และนำแพะผู้สิบสองตัวมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอลทั้งปวง หนึ่งตัวสำหรับอิสราเอลหนึ่งเผ่า

18 แล้วพวกเขาก็แต่งตั้งปุโรหิตตามหมู่เหล่าและคนเลวีตามกลุ่มต่างๆ เพื่อรับใช้พระเจ้าในเยรูซาเล็มตามที่กำหนดไว้ในหนังสือของโมเสส

พิธีปัสกา

19 ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง บรรดาเชลยที่กลับมาก็ฉลองปัสกา

20 ปุโรหิตและคนเลวีได้ชำระตนให้บริสุทธิ์และพวกเขาทุกคนก็ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี คนเลวีฆ่าแกะปัสกาสำหรับเชลยทั้งปวง สำหรับตัวเอง และปุโรหิตผู้เป็นญาติพี่น้อง

21 ดังนั้นชนอิสราเอลที่กลับมาจากการเป็นเชลยจึงรับประทานปัสการ่วมกับคนทั้งปวงที่แยกตัวออกจากธรรมเนียมปฏิบัติอันเป็นมลทินของชนต่างชาติซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

22 พวกเขาฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อด้วยความชื่นชมยินดีตลอดเจ็ดวัน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้พวกเขาชื่นชมยินดี โดยทรงเปลี่ยนท่าทีของกษัตริย์อัสซีเรียให้หันมาช่วยเหลือพวกเขาในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/6-a3bbb29d508c7a8323eb27befe3c92ec.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 7

เอสรามายังเยรูซาเล็ม

1 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ระหว่างรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย เอสราผู้เป็นบุตรของเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของฮิลคียาห์

2 ผู้เป็นบุตรของชัลลูม ผู้เป็นบุตรของศาโดก ผู้เป็นบุตรของอาหิทูบ

3 ผู้เป็นบุตรของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเมราโยท

4 ผู้เป็นบุตรของเศราหิยาห์ ผู้เป็นบุตรของอุสซี ผู้เป็นบุตรของบุคคี

5 ผู้เป็นบุตรของอาบีชูวา ผู้เป็นบุตรของฟีเนหัส ผู้เป็นบุตรของเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรของอาโรนหัวหน้าปุโรหิต

6 เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน เอสราเป็นครูผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทาน กษัตริย์ประทานทุกอย่างตามที่เขาทูลขอ เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอยู่เหนือเขา

7 ชาวอิสราเอลบางคนรวมทั้งปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู และผู้ช่วยงานในพระวิหารร่วมเดินทางมายังเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสด้วย

8 เอสรามาถึงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้าปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลของกษัตริย์องค์นั้น

9 เอสราออกเดินทางจากบาบิโลนวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และมาถึงเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้า เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเอสรา

10 เพราะเอสราได้อุทิศตนในการศึกษาและปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อสอนกฎหมายและบทบัญญัตินั้นในอิสราเอล

สาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา

11 นี่เป็นสำเนาพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสราผู้เป็นปุโรหิตและเป็นครูซึ่งรอบรู้เกี่ยวกับพระบัญชาและกฎหมายขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับอิสราเอล ความว่า

12 จากจอมกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

ถึงปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

สวัสดี

13 บัดนี้ เราออกกฤษฎีกาว่า ชาวอิสราเอลคนใดในราชอาณาจักรของเรา รวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีที่ประสงค์จะกลับไปยังเยรูซาเล็มกับท่านก็ไปได้

14 กษัตริย์และที่ปรึกษาทั้งเจ็ดของพระองค์ส่งท่านไปเพื่อสอบถามถึงเรื่องยูดาห์และเยรูซาเล็มเกี่ยวกับบทบัญญัติของพระเจ้าซึ่งอยู่ในมือของท่าน

15 ยิ่งกว่านั้นจงนำทองคำและเงินซึ่งกษัตริย์กับที่ปรึกษาของพระองค์มอบถวายด้วยความสมัครใจแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ประทับในเยรูซาเล็มไปด้วย

16 พร้อมทั้งเงินและทองทั้งหมดที่รวบรวมได้จากแคว้นบาบิโลนกับของถวายตามความสมัครใจจากประชาชนและบรรดาปุโรหิต สำหรับพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

17 จงใช้เงินเหล่านี้ซื้อวัวผู้ แกะผู้ ลูกแกะตัวผู้ เครื่องธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา แล้วถวายบนแท่นบูชาของพระวิหารของพระเจ้าของท่านในเยรูซาเล็ม

18 เงินและทองที่เหลืออาจจะใช้ทำอะไรก็ได้ตามแต่ท่านและพี่น้องชาวยิวของท่านเห็นสมควรตามพระประสงค์ของพระเจ้าของท่าน

19 จงนำเครื่องใช้ทั้งหมดซึ่งเรามอบให้ท่านดูแลไปถวายพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเพื่อใช้สำหรับการนมัสการในพระวิหารของพระเจ้าของท่าน

20 อนุญาตให้เบิกปัจจัยอื่นที่จำเป็นสำหรับพระวิหารของพระเจ้าของท่านจากคลังหลวงได้

21 บัดนี้เรา กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ขอบัญชามายังนายคลังทุกแห่งในมณฑลที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสว่า จงจัดหาสิ่งต่างๆ แก่ปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อย่างสุดความสามารถตามที่เขายื่นคำขอ

22 จนถึงจำนวนเงินหนักประมาณ 3.4 ตันข้าวสาลีประมาณ 22 กิโลลิตรเหล้าองุ่นประมาณ 2.2 กิโลลิตรน้ำมันมะกอกประมาณ 2.2 กิโลลิตร และเกลือไม่จำกัดจำนวน

23 จงจัดหาทุกสิ่งที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงระบุไว้อย่างแข็งขันเพื่อพระวิหารของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เหตุใดจึงต้องให้พระเจ้าทรงพระพิโรธต่อราชอาณาจักรของกษัตริย์และโอรสของพระองค์เล่า?

24 พึงรู้อีกด้วยว่าพวกท่านไม่มีสิทธิอำนาจที่จะเรียกเก็บภาษีอากร บรรณาการ หรือค่าธรรมเนียมใดๆ จากปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู ผู้ช่วยงานพระวิหาร หรือคนงานอื่นๆ ในพระนิเวศของพระเจ้า

25 สำหรับท่าน เอสรา จงใช้สติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานให้แต่งตั้งตุลาการกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ประชากรทุกคนที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งรู้บทบัญญัติของพระเจ้า ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักบทบัญญัติ ท่านก็จงสอนเขา

26 ผู้ใดไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าของท่านและกฎหมายของกษัตริย์ ต้องถูกลงอาญาถึงตาย ถูกเนรเทศ ริบทรัพย์ หรือจำคุก

27 ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงบันดาลให้กษัตริย์มีพระทัยที่จะนำเกียรติยศมาสู่พระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มเช่นนี้

28 ผู้ทรงโปรดปรานและเชิดชูข้าพเจ้าต่อหน้ากษัตริย์ ต่อหน้าเหล่าที่ปรึกษาและข้าราชสำนักผู้ทรงอำนาจทั้งปวง เพราะว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีใจกล้า รวบรวมผู้นำจากอิสราเอลขึ้นไปกับข้าพเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/7-d865bee26e96d7c0f33105729294c3f7.mp3?version_id=179—