Categories
เอสรา

เอสรา 8

รายชื่อหัวหน้าครอบครัวที่กลับมากับเอสรา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อเหล่าผู้นำและบรรดาผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับพวกเขา ที่ร่วมทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลนในรัชกาลอารทาเซอร์ซีส

2 จากวงศ์วานฟีเนหัสคือ เกอร์โชม

จากวงศ์วานอิธามาร์คือ ดาเนียล

จากวงศ์วานดาวิดคือ ฮัททัช

3 ซึ่งสืบเชื้อสายมาทางเชคานิยาห์

จากวงศ์วานปาโรชคือ เศคาริยาห์ และชายอีก 150 คนที่ขึ้นทะเบียนกับเขา

4 จากวงศ์วานปาหัทโมอับคือ เอลีเอโฮเอนัยบุตรเศราหิยาห์ และชายอีก 200 คน

5 จากวงศ์วานศัทธูคือ เชคานิยาห์บุตรยาฮาซีเอล และชายอีก 300 คน

6 จากวงศ์วานอาดีนคือ เอเบดบุตรโยนาธาน และชายอีก 50 คน

7 จากวงศ์วานเอลามคือ เยชายาห์บุตรอาธาลิยาห์ และชายอีก 70 คน

8 จากวงศ์วานเชฟาทิยาห์คือ เศบาดิยาห์บุตรมีคาเอล และชายอีก 80 คน

9 จากวงศ์วานโยอาบคือ โอบาดีห์บุตรเยฮีเอล และชายอีก 218 คน

10 จากวงศ์วานบานีคือ เชโลมิทบุตรโยสิฟียาห์ และชายอีก 160 คน

11 จากวงศ์วานเบบัยคือ เศคาริยาห์บุตรเบบัย และชายอีก 28 คน

12 จากวงศ์วานอัสกาดคือ โยฮานันบุตรฮักคาทาน และชายอีก 110 คน

13 จากวงศ์วานอาโดนีคัมพวกสุดท้ายซึ่งมีชื่อว่า เอลีเฟเลท เยอูเอล เชไมอาห์ และชายอีก 60 คน

14 จากวงศ์วานบิกวัยคือ อุธัย ศักเคอร์ และชายอีก 70 คน

การกลับสู่เยรูซาเล็ม

15 ข้าพเจ้าให้พวกเขามาชุมนุมกันที่ลำน้ำซึ่งไหลไปสู่อาหะวาและตั้งค่ายอยู่ที่นั่นสามวัน เมื่อข้าพเจ้าตรวจดูหมู่ประชาชนและปุโรหิตพบว่าไม่มีคนเลวีเลย

16 ข้าพเจ้าจึงให้ไปตามบรรดาผู้นำคือ เอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมอาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม ทั้งให้ตามโยยาริบและเอลนาธันซึ่งเป็นผู้รอบรู้มาด้วย

17 ข้าพเจ้าส่งคนเหล่านี้ไปพบอิดโดหัวหน้าชาวยิวที่คาสิเฟีย ข้าพเจ้าบอกพวกเขาให้กล่าวแก่อิดโดและพี่น้องผู้ช่วยงานในพระวิหารที่อาศัยอยู่ที่คาสิเฟีย เพื่อพวกเขาจะได้พาคนที่จะทำงานในพระนิเวศของพระเจ้าของเรามาหาเรา

18 เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเรา พวกเขาส่งเชเรบิยาห์ผู้มีความสามารถพร้อมทั้งบุตรและพี่น้องของเขาสิบแปดคนมาให้ เชเรบิยาห์เป็นวงศ์วานของมาห์ลีผู้เป็นบุตรของเลวีผู้เป็นบุตรของอิสราเอล

19 และฮาชาบิยาห์กับเยชายาห์จากวงศ์วานของเมรารีพร้อมทั้งพี่น้องและหลานชายยี่สิบคน

20 ทั้งยังส่งผู้ช่วยงานในพระวิหารอีก 220 คน นี่เป็นกลุ่มคนซึ่งดาวิดและข้าราชบริพารตั้งขึ้นเพื่อให้คอยช่วยงานคนเลวี คนทั้งหมดนี้มีชื่อขึ้นทะเบียนไว้

21 ข้าพเจ้าประกาศที่ริมลำน้ำอาหะวาให้ถืออดอาหาร เพื่อเราจะถ่อมใจลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และอธิษฐานทูลขอให้ทั้งตัวเรา ลูกหลาน และข้าวของทุกอย่างเดินทางโดยปลอดภัย

22 ข้าพเจ้าละอายใจที่จะทูลขอกำลังทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ให้อารักขาเราจากศัตรูตามรายทาง เพราะเราได้กราบทูลกษัตริย์ไว้ว่า “พระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของเราอยู่เหนือทุกคนที่หวังพึ่งพระองค์ แต่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่งต่อคนทั้งปวงที่ละทิ้งพระองค์”

23 ดังนั้นเราจึงถืออดอาหารและทูลอ้อนวอนพระเจ้าของเราในเรื่องนี้ และพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของเรา

24 แล้วข้าพเจ้าแต่งตั้งผู้นำปุโรหิตสิบสองคนพร้อมด้วยเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ กับพี่น้องของเขาสิบคน

25 และข้าพเจ้าชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ มอบให้พวกเขา กษัตริย์ ที่ปรึกษาของพระองค์ ข้าราชการ และประชากรอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นได้ถวายสิ่งเหล่านี้เพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

26 ข้าพเจ้าชั่งน้ำหนักสิ่งต่อไปนี้มอบให้พวกเขา มีเงินหนักประมาณ 22 ตันเครื่องเงินต่างๆ หนักประมาณ 3.4 ตันทองคำหนักประมาณ 3.4 ตัน

27 ชามทองคำ 20 ใบ มีค่าเท่ากับทองคำประมาณ 8.5 กิโลกรัมทั้งมีเครื่องทองสัมฤทธิ์ขัดเงาชั้นดีสองชิ้น ซึ่งมีค่าเทียบเท่าทองคำ

28 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านและเครื่องใช้เหล่านี้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่วนเงินและทองคำเป็นของถวายตามความสมัครใจแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน

29 จงปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีจนกว่าท่านจะนำออกมาชั่งที่คลังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มต่อหน้าบรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอล”

30 แล้วปุโรหิตและคนเลวีจึงรับเงิน ทองคำ และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชั่งแล้วนั้น เพื่อนำไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของเราในเยรูซาเล็ม

31 เราออกเดินทางจากลำน้ำอาหะวามุ่งสู่เยรูซาเล็มในวันที่สิบสองของเดือนที่หนึ่ง พระหัตถ์ของพระเจ้าของเราอยู่เหนือเรา และพระองค์ทรงคุ้มครองเราจากศัตรูและโจรผู้ร้ายตามทาง

32 ดังนั้นเรามาถึงเยรูซาเล็มและพักอยู่เป็นเวลาสามวัน

33 ในวันที่สี่ที่พระนิเวศของพระเจ้าของเรา เราชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มอบให้ปุโรหิตเมเรโมทบุตรของอุรียาห์ และเอเลอาซาร์บุตรฟีเนหัส พร้อมกับคนเลวี ได้แก่โยซาบาดบุตรเยชูอาและโนอัดยาห์บุตรบินนุยก็อยู่ที่นั่นด้วย

34 มีการตรวจรับทุกอย่างตามจำนวนและน้ำหนัก และจดน้ำหนักทั้งหมดไว้ในครั้งนั้น

35 แล้วเชลยที่กลับมาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่ วัวผู้ 12 ตัวสำหรับอิสราเอลทั้งปวง แกะผู้ 96 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 77 ตัว พร้อมทั้งแพะผู้ 12 ตัว เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

36 พวกเขายังมอบพระราชโองการของกษัตริย์แก่เสนาบดีและผู้ว่าการมณฑลต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส พวกเขาจึงให้ความช่วยเหลือแก่ประชากรและแก่พระนิเวศของพระเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/8-431dfb8387e2ae0075f29c0a5041a921.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 9

คำอธิษฐานของเอสราเรื่องการแต่งงานกับคนต่างชาติ

1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น เหล่าผู้นำมาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า “ประชากรอิสราเอลรวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีไม่ได้แยกตัวจากชนชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังแบบเดียวกับชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวอัมโมน ชาวโมอับ ชาวอียิปต์ และชาวอาโมไรต์

2 พวกเขารับบุตรสาวของคนเหล่านั้นมาเป็นภรรยาและเป็นสะใภ้ ทำให้เผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ปนเปกับชนชาติทั้งหลายโดยรอบ ทั้งพวกผู้นำและเจ้าหน้าที่ก็เป็นตัวการในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์นี้”

3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็ฉีกเสื้อผ้าทึ้งผมทึ้งหนวด และนั่งลงด้วยความตระหนกตกใจ

4 แล้วทุกคนที่ยำเกรงพระดำรัสของพระเจ้าแห่งอิสราเอลจนตัวสั่นก็มานั่งล้อมรอบข้าพเจ้า เนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเหล่าเชลย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจจวบจนเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น

5 แล้วเมื่อถึงเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นจากการนั่งเป็นทุกข์ทั้งที่เสื้อผ้าขาดวิ่น คุกเข่าชูมือต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า

6 และอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อดสูละอายใจเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายสูงท่วมศีรษะ และความผิดของเหล่าข้าพระองค์ขึ้นถึงฟ้าสวรรค์

7 นับแต่สมัยบรรพบุรุษจวบจนบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดใหญ่หลวง เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกับกษัตริย์และเหล่าปุโรหิตตกเป็นเหยื่อคมดาบ ตกเป็นเชลยถูกย่ำยีและถูกปล้นชิง ได้รับความอัปยศอดสูโดยน้ำมือของบรรดากษัตริย์ต่างชาติดังเช่นทุกวันนี้

8 “แต่บัดนี้ ในชั่วขณะหนึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเมตตาให้มีชนหยิบมือที่เหลือ ทรงให้เหล่าข้าพระองค์มีที่มั่นคงในสถานนมัสการของพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งปวงทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ชื่นตาชื่นใจ บรรเทาจากภาวะคับแค้นที่ตกเป็นทาส

9 ถึงแม้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ทิ้งเหล่าข้าพระองค์ไว้ให้ถูกจองจำ พระองค์ทรงเมตตากรุณาเหล่าข้าพระองค์ต่อหน้าบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นใหม่ และซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง และประทานปราการป้องกันในยูดาห์และเยรูซาเล็ม

10 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงขนาดนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะกราบทูลว่าอะไรได้? เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ละเลยพระบัญชา

11 ซึ่งพระองค์ประทานไว้ผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘ดินแดนที่เจ้าจะเข้าครอบครองนั้นเสื่อมทรามไปเพราะมลทินบาปของชาวดินแดนนั้น พวกเขาทำให้ดินแดนแปดเปื้อนมลทินจากสุดเขตด้านหนึ่งจดอีกด้านหนึ่งโดยการประพฤติอันน่าชิงชัง

12 ฉะนั้นอย่ายกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุตรชายของเขา หรือรับบุตรสาวของเขามาเป็นสะใภ้ อย่าทำสัญญาผูกมิตรกับพวกเขาไม่ว่าจะเป็นเวลาใด เพื่อว่าเจ้าจะได้เข้มแข็งและอิ่มเอมกับความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนและสืบทอดเป็นมรดกแก่ลูกหลานตลอดไป’

13 “สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นก็เป็นผลจากการประพฤติชั่วและความผิดใหญ่หลวงของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงกระนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ก็ทรงกรุณาลงโทษข้าพระองค์ทั้งหลายน้อยกว่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายสมควรจะได้รับ และทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีคนหยิบมือหนึ่งที่เหลือนี้

14 ก็แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังจะละเมิดพระบัญชาของพระองค์ และไปแต่งงานกับชนชาติที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังเช่นนั้นอีกหรือ? มีหรือที่พระองค์จะไม่ทรงพระพิโรธจนทำลายล้างข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนหยิบมือเดียว?

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ทรงชอบธรรมแล้ว! ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเพียงคนหยิบมือที่เหลือ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดต่อหน้าพระองค์ เพราะมลทินนี้ข้าพระองค์ไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้แม้สักคนเดียว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/9-0dcbc936c0c390e4911c9583fae3aa5f.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 10

ประชาชนสารภาพบาป

1 ขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพบาป ร่ำไห้และทิ้งกายลงหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ฝูงชนอิสราเอลหมู่ใหญ่ทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็กมาห้อมล้อมเขา พวกเขาร้องไห้อย่างรันทดเช่นกัน

2 แล้วเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอลวงศ์วานเอลามกล่าวกับเอสราว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเราที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงจากชนชาติต่างๆ ที่แวดล้อมเรา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังเหลืออยู่สำหรับอิสราเอล

3 บัดนี้ให้เราทำพันธสัญญาต่อหน้าพระเจ้าของเราว่าจะทิ้งภรรยาเหล่านี้กับลูกๆ ตามคำแนะนำของเจ้านายของข้าพเจ้ากับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระบัญชาของพระเจ้าของเรา ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติเถิด

4 ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้สุดแท้แต่ท่าน เราจะสนับสนุนท่าน ขอให้กล้าหาญและลงมือทำเถิด”

5 ดังนั้นเอสราจึงลุกขึ้นและให้บรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และชนอิสราเอลทั้งปวงปฏิญาณว่าจะทำตามที่เสนอมา พวกเขาก็ปฏิญาณ

6 แล้วเอสราละจากหน้าพระนิเวศของพระเจ้าเข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ ขณะอยู่ที่นั่นเขาไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะทุกข์โศกเนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเชลยที่กลับมา

7 จากนั้นมีการออกหมายประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็มให้เชลยทุกคนมารวมกันที่เยรูซาเล็ม

8 ผู้ใดไม่มาปรากฏตัวภายในสามวันจะถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดตามมติของบรรดาเจ้าหน้าที่กับผู้อาวุโส และถูกขับออกจากชุมนุมของพวกเชลย

9 ภายในสามวันคนยูดาห์และเบนยามินทั้งหมดก็มาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม และในวันที่ยี่สิบเดือนที่เก้าประชากรทั้งปวงมานั่งอยู่ในลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า เป็นทุกข์ยิ่งนักเพราะเรื่องนี้และเพราะฝนตก

10 แล้วปุโรหิตเอสราจึงลุกขึ้นและกล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายไม่ซื่อสัตย์ ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เพิ่มความผิดให้อิสราเอล

11 บัดนี้จงสารภาพผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ จงแยกตัวออกจากชนชาติทั้งหลายโดยรอบและจากภรรยาต่างชาติของท่าน”

12 ทั้งชุมชนก็ตอบเสียงดังว่า “ท่านพูดถูก! เราต้องทำตามที่ท่านบอก

13 แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการให้เสร็จภายในวันสองวัน เพราะเราได้ทำบาปมากในเรื่องนี้ และที่นี่มีคนมากมาย ทั้งเป็นฤดูฝน เราจึงไม่อาจทนอยู่ข้างนอก

14 ขอให้บรรดาเจ้าหน้าที่จัดการแทนทั้งชุมชน แล้วให้ทุกคนในเมืองของเราที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาติมาพบกับผู้อาวุโสและตุลาการในแต่ละเมืองตามเวลาที่กำหนด จนกว่าพระพิโรธอันรุนแรงของพระเจ้าของเราในเรื่องนี้จะหันเหไปจากเรา”

15 มีแต่โยนาธานบุตรอาสาเฮลและยาไซอาห์บุตรทิกวาห์ที่ต่อต้านเรื่องนี้โดยได้รับการสนับสนุนจากเมชุลลามกับชับเบธัยคนเลวี

16 เหล่าเชลยจึงทำตามที่เสนอมา ปุโรหิตเอสราเลือกหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งจากกลุ่มครอบครัวแต่ละกลุ่มที่ได้แบ่งไว้และระบุชื่อทุกคน หัวหน้าเหล่านี้นั่งลงเพื่อไต่สวนแต่ละกรณีในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบ

17 เมื่อถึงวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง พวกเขาก็จัดการกับทุกคนที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติเรียบร้อย

รายชื่อผู้กระทำผิด

18 คนที่ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติในหมู่วงศ์วานปุโรหิตได้แก่

จากวงศ์วานของเยชูอาบุตรโยซาดักและพี่น้องของเขาได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลีเยเซอร์ ยารีบ และเกดาลิยาห์

19 (พวกเขาทั้งหมดยกมือปฏิญาณว่าจะทิ้งภรรยาและมอบแกะผู้จากฝูงคนละตัวเป็นเครื่องบูชาลบความผิด)

20 จากวงศ์วานของอิมเมอร์ได้แก่ ฮานานี และเศบาดิยาห์

21 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลียาห์ เชไมอาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์

22 จากวงศ์วานของปาชเฮอร์ได้แก่ เอลีโอเอนัย มาอาเสอาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และเอลาสาห์

23 ในหมู่คนเลวีได้แก่ โยซาบาด ชิเมอี เคลายาห์ (คือเคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเยเซอร์

24 จากพวกนักร้องได้แก่ เอลียาชีบ

จากพวกยามเฝ้าประตูได้แก่ ชัลลูม เทเลม และอูรี

25 และในหมู่ชาวอิสราเอลอื่นๆ ได้แก่

จากวงศ์วานของปาโรชได้แก่ รามียาห์ อิสซียาห์ มัลคียาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัลคียาห์ และเบไนยาห์

26 จากวงศ์วานของเอลามได้แก่ มัททานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท และเอลียาห์

27 จากวงศ์วานของศัทธูได้แก่ เอลีโอเอนัย เอลียาชีบ มัททานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา

28 จากวงศ์วานของเบบัยได้แก่ เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย และอัทลัย

29 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ เมชุลลาม มัลลุค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และเยเรโมท

30 จากวงศ์วานของปาหัทโมอับได้แก่ อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และมนัสเสห์

31 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ เอลีเยเซอร์ อิสชีอาห์ มัลคียาห์ เชไมอาห์ ชิเมโอน

32 เบนยามิน มัลลุค และเชมาริยาห์

33 จากวงศ์วานของฮาชูมได้แก่ มัทเทนัย มัททัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์ และชิเมอี

34 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ มาอาดัย อัมราม อูเอล

35 เบไนยาห์ เบไดยาห์ เคลุฮี

36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ

37 มัททานิยาห์ มัทเทนัย และยาอาสุ

38 จากวงศ์วานของบินนุยได้แก่ ชิเมอี

39 เชเลมิยาห์ นาธัน อาดายาห์

40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย

41 อาซาเรล เชเลมิยาห์ เชมาริยาห์

42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ

43 จากวงศ์วานของเนโบได้แก่ เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์

44 คนทั้งหมดนี้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ และบางคนมีบุตรที่เกิดจากภรรยาเหล่านั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/10-d0cd021d197c716fd40e1f8e408625f5.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 1

คำอธิษฐานของเนหะมีย์

1 ถ้อยคำของเนหะมีย์บุตรฮาคาลิยาห์ความว่า

เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่ป้อมเมืองสุสา ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

2 ฮานานีพี่น้องคนหนึ่งจากยูดาห์มาเยี่ยมข้าพเจ้าพร้อมกับคนอื่นๆ ข้าพเจ้าจึงซักถามพวกเขาเกี่ยวกับเยรูซาเล็มและชาวยิวที่เหลือซึ่งรอดพ้นจากการเป็นเชลย

3 พวกเขาตอบข้าพเจ้าว่า “คนที่เหลือซึ่งรอดพ้นจากการเป็นเชลยและกลับไปยังแว่นแคว้นเดิมนั้นมีความทุกข์และความอัปยศอย่างยิ่ง กำแพงเยรูซาเล็มก็ปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผาไปแล้ว”

4 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็นั่งลงร้องไห้ ข้าพเจ้าโศกเศร้า ถืออดอาหาร และอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อยู่หลายวัน

5 แล้วข้าพเจ้าอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อบรรดาผู้ที่รักและเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

6 ขอทรงสดับฟังและทอดพระเนตรผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งกำลังทูลอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืนเพื่อประชากรอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ขอสารภาพบาปที่เราชาวอิสราเอล รวมทั้งข้าพระองค์และตระกูลของข้าพระองค์ได้ละเมิดต่อพระองค์

7 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ประพฤติตัวเลวทรามต่อพระองค์ ไม่เชื่อฟังพระบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานแก่โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

8 “โปรดทรงระลึกถึงถ้อยคำของพระองค์ที่ทรงให้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไว้ว่า ‘หากพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ

9 แต่หากเจ้าหันกลับมาหาเราและเชื่อฟังคำสั่งของเรา ถึงแม้เจ้าจะตกเป็นเชลยในแดนไกลสุดขอบฟ้า เราก็จะรวบรวมเจ้าทั้งหลายกลับสู่สถานที่นี้ ซึ่งเราได้เลือกเป็นที่สถาปนานามของเรา’

10 “ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้รับใช้และเป็นประชากรของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้โดยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่และพระหัตถ์อันเกรียงไกร

11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดสดับฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้คนนี้และของบรรดาผู้รับใช้ซึ่งยำเกรงพระนามของพระองค์ด้วยความปีติยินดี โปรดประทานความสำเร็จแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ โดยให้ข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานของชายผู้นี้”

ข้าพเจ้าเป็นผู้เชิญจอกเสวยของกษัตริย์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/1-2d5aa632b43a6ad3b61453e8a3df1a23.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 2

กษัตริย์อารทาเซอร์ซีสส่งเนหะมีย์ไปเยรูซาเล็ม

1 ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ข้าพเจ้ากำลังถวายเหล้าองุ่นแด่กษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเศร้าหมองเวลาอยู่หน้าที่ประทับมาก่อนเลย

2 กษัตริย์จึงตรัสถามว่า “ทำไมเจ้าจึงหน้าตาเศร้าหมองนักในเมื่อไม่ได้เจ็บป่วยอะไร? คงไม่มีอะไรนอกจากจะทุกข์ใจ”

ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกลัวอย่างมาก

3 แต่ก็ทูลว่า “ขอจงทรงพระเจริญ! ข้าพระบาทอดเศร้าหมองไม่ได้ เนื่องจากเมืองที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทตกอยู่ในสภาพปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผาวอดวาย”

4 กษัตริย์ตรัสว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด?”

ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

5 แล้วทูลกษัตริย์ว่า “หากฝ่าพระบาทจะทรงโปรด และหากผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังเมืองในยูดาห์ซึ่งเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทเพื่อจะสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่”

6 ขณะนั้นพระราชินีประทับอยู่ข้างๆ ด้วย กษัตริย์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน? เจ้าจะกลับมาเมื่อใด?” เป็นอันว่ากษัตริย์ทรงโปรดเห็นชอบที่จะส่งข้าพเจ้าไป ดังนั้นข้าพเจ้าจึงกำหนดเวลาออกเดินทาง

7 ข้าพเจ้ากราบทูลด้วยว่า “หากทรงโปรด ขอประทานพระราชสาส์นให้ข้าพระบาทนำไปถึงบรรดาผู้ว่าการมณฑลที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยให้ข้าพระบาทผ่านเขตแดนจนไปถึงยูดาห์อย่างปลอดภัย

8 พร้อมทั้งโปรดมีพระราชสาส์นไปยังอาสาฟผู้ดูแลป่าไม้หลวงให้มอบไม้สำหรับทำคานประตูป้อมใกล้พระวิหาร สำหรับกำแพงเมือง และสำหรับที่พักซึ่งข้าพระบาทจะอาศัยด้วยเถิด” แล้วกษัตริย์ทรงอนุมัติตามคำทูลขอ เพราะพระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า

9 ข้าพเจ้าจึงไปพบบรรดาผู้ว่าการแว่นแคว้นต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบพระราชสาส์นแก่พวกเขา และกษัตริย์ได้ทรงส่งบรรดานายทหารและกองทหารม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย

10 เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่พอใจที่มีคนมาส่งเสริมสวัสดิภาพของชนอิสราเอล

เนหะมีย์สำรวจกำแพงเยรูซาเล็ม

11 หลังจากที่ข้าพเจ้ามาถึงเยรูซาเล็มได้สามวัน

12 ข้าพเจ้าออกไปในเวลากลางคืนและนำคนสองสามคนไปด้วย ข้าพเจ้าไม่ได้บอกใครเลยเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงดลใจข้าพเจ้าให้ทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปด้วยนอกจากตัวที่ข้าพเจ้าขี่ไป

13 ข้าพเจ้าออกไปทางประตูหุบเขาในเวลากลางคืน ตรงไปยังบ่อน้ำหมาในประตูกองขยะ ตรวจดูกำแพงเยรูซาเล็มซึ่งปรักหักพังและประตูที่ถูกเผาวอดวาย

14 จากนั้นข้าพเจ้าไปถึงประตูน้ำพุและถึงสระหลวง แต่สัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่ไม่สามารถผ่านช่องปรักหักพังนั้นไปได้

15 ข้าพเจ้าจึงขึ้นไปบนหุบเขาในเวลากลางคืนเพื่อสำรวจกำแพง แล้วย้อนกลับเข้าประตูหุบเขาดังเดิม

16 บรรดาข้าราชการไม่ทราบว่าข้าพเจ้าไปที่ไหนหรือทำอะไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่ได้บอกแผนการที่คิดไว้แก่ใครเลย ไม่ว่าชาวยิว ปุโรหิต ขุนนาง ข้าราชการหรือคนอื่นๆ ซึ่งจะทำงาน

17 แล้วข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่า “ท่านก็เห็นแล้วว่าเราทุกข์ใจเพราะเรื่องใด เยรูซาเล็มปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผา ให้เรามาช่วยกันสร้างกำแพงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่เถิด เราจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป”

18 แล้วข้าพเจ้าเล่าเรื่องที่พระหัตถ์แห่งพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า และสิ่งที่กษัตริย์ตรัสกับข้าพเจ้าให้พวกเขาฟัง

พวกเขากล่าวว่า “เราเริ่มงานซ่อมแซมกันเถิด” ฉะนั้นพวกเขาจึงเริ่มทำงานที่มีคุณค่านี้

19 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมกับโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนและเกเชมชาวอาหรับได้ยินเรื่องนี้ก็เยาะเย้ยและสบประมาทว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร? จะกบฏต่อกษัตริย์หรือ?”

20 ข้าพเจ้าจึงตอบพวกเขาว่า “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงช่วยให้เราทำสำเร็จ เราผู้รับใช้ของพระองค์จะเริ่มงานก่อสร้าง ส่วนท่านไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนใดๆ ในเยรูซาเล็ม”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/2-fb085b6720091153421943ef7ea64f33.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 3

ผู้สร้างกำแพงเมือง

1 มหาปุโรหิตเอลียาชีบและปุโรหิตอื่นๆ จึงลงมือซ่อมแซมประตูแกะ ทำพิธีถวายและติดตั้งประตู ซ่อมไปจนถึงหอคอยหนึ่งร้อยซึ่งพวกเขาทำพิธีถวาย และซ่อมไปจนถึงหอคอยฮานันเอล

2 ชาวเมืองเยรีโคสร้างส่วนถัดไป และศักเกอร์บุตรอิมรีก็สร้างส่วนถัดไป

3 บุตรทั้งหลายของหัสเสนาอาห์ซ่อมแซมประตูปลา เขาวางไม้คาน ติดตั้งประตู สลัก และดาล

4 เมเรโมทบุตรอุรียาห์บุตรของฮักโขสซ่อมช่วงถัดไป เมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์บุตรของเมเชซาเบลซ่อมแซมช่วงถัดจากเขา และศาโดกบุตรบาอานาซ่อมแซมช่วงถัดไป

5 ถัดไปได้แก่ชาวเมืองเทโคอา แต่บรรดาขุนนางของเขาไม่ยอมทำงานตามคำสั่งของผู้ดูแล

6 โยยาดาบุตรปาเสอาห์กับเมชุลลามบุตรเบโสไดอาห์ซ่อมแซมประตูเยชานาห์พวกเขาวางคาน ติดตั้งประตู สลัก และดาล

7 ถัดไปคืองานซ่อมแซมของเมลาติยาห์จากกิเบโอนกับของยาโดนจากเมโรโนท คนจากกิเบโอนและมิสปาห์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

8 อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์ซึ่งเป็นช่างทองซ่อมแซมส่วนถัดไป ถัดจากนั้นคือฮานันยาห์ผู้ปรุงน้ำหอม พวกเขาซ่อมแซมเยรูซาเล็มไปถึงกำแพงกว้าง

9 เรไฟยาห์บุตรเฮอร์ผู้ปกครองเยรูซาเล็มครึ่งหนึ่งซ่อมแซมส่วนถัดไป

10 ถัดไปคือเยดายาห์บุตรฮารุมัฟซ่อมส่วนที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเขา ถัดไปคือฮัททัชบุตรฮาชับเนยาห์

11 มัลคียาห์บุตรฮาริมกับหัสชูบบุตรปาหัทโมอับซ่อมแซมอีกช่วงหนึ่งพร้อมทั้งหอคอยเตาอบ

12 ชัลลูมบุตรฮัลโลเหชกับบรรดาบุตรสาวของเขาซ่อมแซมส่วนถัดไป เขาเป็นผู้ปกครองเยรูซาเล็มอีกครึ่งหนึ่ง

13 ฮานูนกับชาวศาโนอาห์ซ่อมแซมประตูหุบเขา ติดตั้งประตู สลัก และดาล และซ่อมกำแพงยาว 1,000 ศอกไปจนถึงประตูกองขยะ

14 ผู้ที่ซ่อมประตูกองขยะคือ มัลคียาห์บุตรเรคาบผู้ปกครองเขตเบธฮัคเคเรม เขาซ่อมแซมและติดตั้งประตู สลัก และดาล

15 ชัลลูมบุตรโคลโฮเซห์ผู้ปกครองเขตมิสปาห์ ซ่อมแซมประตูน้ำพุ และติดหลังคา ติดประตู สลัก และดาล และซ่อมกำแพงจากสระสิโลอัมข้างอุทยานหลวงถึงขั้นบันไดจากเมืองดาวิด

16 ถัดจากเขาคือเนหะมีย์บุตรอัสบูกผู้ปกครองเขตเบธซูร์ครึ่งหนึ่ง สร้างไปถึงจุดตรงข้ามสุสานของดาวิดไปจนถึงอ่างเก็บน้ำและโรงทหาร

17 ถัดไปเป็นกลุ่มคนเลวีภายใต้การกำกับดูแลของเรฮูมบุตรบานี ข้างๆ เขาคือฮาชาบิยาห์ผู้ปกครองเขตเคอีลาห์ครึ่งหนึ่ง ซึ่งซ่อมแซมส่วนที่อยู่ในเขตของเขา

18 ถัดมาคือพี่น้องร่วมวงศ์ของเขานำโดยบินนุยบุตรเฮนาดัดผู้ปกครองเขตเคอีลาห์อีกครึ่งหนึ่ง

19 ถัดจากเขาคือเอเซอร์บุตรเยชูอาผู้ปกครองเขตมิสปาห์ ซ่อมจากจุดที่หันหน้าไปทางขึ้นคลังอาวุธถึงมุมกำแพง

20 ถัดมาคือบารุคบุตรศับบัยได้ซ่อมแซมอย่างแข็งขันจากมุมกำแพงไปถึงทางเข้าบ้านมหาปุโรหิตเอลียาชีบ

21 ถัดมาคือเมเรโมทบุตรอุรียาห์บุตรของฮักโขส ซ่อมกำแพงจากทางเข้าบ้านของเอลียาชีบถึงริมสุดบ้าน

22 ถัดมาซ่อมแซมโดยบรรดาปุโรหิตจากภูมิภาครอบๆ

23 ถัดขึ้นไปเบนยามินกับหัสชูบซ่อมส่วนหน้าบ้านของเขา ถัดจากนั้นอาซาริยาห์บุตรมาอาเสอาห์ บุตรของอานานิยาห์ ซ่อมส่วนที่อยู่ข้างบ้านของเขา

24 ถัดไปคือบินนุยบุตรเฮนาดัด ซ่อมอีกส่วนหนึ่งจากบ้านของอาซาริยาห์จนถึงมุมกำแพง

25 ปาลาลบุตรอุซัยรับช่วงงานจากตรงข้ามมุมกำแพงและหอคอยที่ยื่นจากตำหนักบนซึ่งใกล้ลานทหารรักษาพระองค์ ถัดไปคือเปดายาห์บุตรปาโรช

26 และผู้ช่วยงานในพระวิหารซึ่งอาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ซ่อมกำแพงไปจนถึงจุดตรงข้ามประตูน้ำไปทางตะวันออกและหอคอยที่ยื่นออกไป

27 ถัดมาคือชาวเทโคอาซึ่งซ่อมกำแพงอีกช่วงหนึ่งจากหอคอยใหญ่ที่ยื่นออกไปจนถึงกำแพงโอเฟล

28 บรรดาปุโรหิตซ่อมกำแพงเหนือประตูม้า แต่ละคนซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน

29 ถัดจากนั้นศาโดกบุตรอิมเมอร์ซ่อมส่วนที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเขา ถัดไปคือเชไมอาห์บุตรเชคานิยาห์ยามประตูตะวันออกเป็นผู้ซ่อมแซม

30 ถัดจากเขาคือฮานันยาห์บุตรเชเลมิยาห์ ฮานูนบุตรคนที่หกของศาลาฟซ่อมอีกส่วนหนึ่ง ถัดไปเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ซ่อมแซมส่วนที่ตรงข้ามที่พักของเขา

31 ถัดไปมัลคียาห์ช่างทองซ่อมแซมไปจนถึงเรือนผู้ช่วยงานในพระวิหารและเรือนพ่อค้า ตรงข้ามประตูตรวจตราไปจนถึงห้องชั้นบนตรงหัวมุม

32 ช่างทองและพ่อค้าอื่นๆ ซ่อมส่วนที่อยู่ระหว่างห้องชั้นบนตรงหัวมุมนี้ไปจนถึงประตูแกะ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/3-74d12111bfa9a9402e3ca9ab766e2d98.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 4

อุปสรรคในการซ่อมแซม

1 สันบาลลัทโกรธจัดเมื่อได้ยินว่าพวกเรากำลังสร้างกำแพงขึ้นใหม่ เขาสบประมาทชาวยิว

2 เขาถากถางพวกเราต่อหน้าเพื่อนพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “เจ้ายิวกระจอกงอกง่อยพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่? จะซ่อมกำแพงหรือ? จะถวายเครื่องบูชาหรือ? จะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ? จะเอาหินไหม้ดำจากกองขยะกลับมาใช้อีกหรือ?”

3 โทบียาห์ชาวอัมโมนซึ่งอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ให้สุนัขจิ้งจอกแค่ตัวเดียวปีนขึ้นไปบนกำแพงที่พวกเขากำลังสร้าง มันก็จะพังครืนลงมา!”

4 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโปรดสดับฟัง เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเย้ยหยัน ขอให้คำสบประมาทของพวกเขาย้อนตกใส่ศีรษะของพวกเขาเอง ขอให้พวกเขาเป็นเหยื่อของการปล้นและตกไปเป็นเชลย

5 ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อความผิดของพวกเขาหรือลบล้างบาปของพวกเขาให้พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์ เพราะพวกเขาหยามน้ำหน้าบรรดาผู้สร้างกำแพง

6 ในที่สุดกำแพงก็เสร็จถึงครึ่งหนึ่งของความสูงเดิม เพราะประชาชนทำงานอย่างสุดใจ

7 แต่เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ ชาวอาหรับ ชาวอัมโมน และชาวอัชโดดได้ยินว่างานซ่อมแซมกำแพงเมืองเยรูซาเล็มคืบหน้าไป และช่องโหว่ในกำแพงก็ถูกอุดหมดแล้ว พวกเขาก็โกรธจัด

8 พวกเขาคบคิดกันจะยกพวกมาสู้กับเยรูซาเล็มเพื่อก่อความวุ่นวาย

9 แต่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และตั้งยามดูแลทั้งวันทั้งคืนเพื่อรับมือกับการคุกคาม

10 ขณะเดียวกันประชาชนในยูดาห์กล่าวว่า “คนงานหมดแรงแล้ว และมีซากปรักหักพังมากมายจนเราไม่อาจสร้างกำแพงขึ้นใหม่ได้”

11 ศัตรูของเราก็กล่าวว่า “เราจะไปอยู่ในหมู่พวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัวหรือเห็นเรา เราจะฆ่าพวกเขาและงานจะได้หยุดลง”

12 และชาวยิวที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ มาบอกเราสิบกว่าครั้งว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะหันไปทางไหน พวกเขาก็จะโจมตีเรา”

13 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงวางทหารยามจากแต่ละครอบครัวไว้หลังกำแพงตรงจุดต่างๆ ที่ต่ำที่สุด ที่เป็นช่องโหว่ และให้ถือดาบ หอก และธนูไว้

14 หลังจากดูแลตรวจตราแล้ว ข้าพเจ้ายืนขึ้นกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “อย่ากลัวพวกนั้น จงระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม จงต่อสู้เพื่อพี่น้อง บุตรชาย บุตรสาว ภรรยา และบ้านของท่านเถิด”

15 เมื่อศัตรูของเราได้ข่าวว่าเราล่วงรู้แผนการของเขาและรู้ว่าพระเจ้าทรงขัดขวางเขา เราทั้งหมดก็กลับมาทำงานของตนที่กำแพงต่อ

16 นับตั้งแต่วันนั้นคนของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำงาน อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ ธนู และสวมเสื้อเกราะ พวกนายทหารยืนคุ้มกันอยู่หลังชาวยูดาห์ทั้งปวง

17 ซึ่งก่อกำแพงอยู่ คนงานขนวัสดุทำงานด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งถืออาวุธ

18 ช่างก่อแต่ละคนสะพายดาบอยู่ข้างตัวขณะทำงาน ส่วนคนเป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า

19 ข้าพเจ้าจึงกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “งานขยายออกไปมาก และพวกเราก็อยู่ห่างกันไปตลอดแนวกำแพง

20 เมื่อใดที่ท่านได้ยินเสียงเป่าแตร ให้รีบมารวมตัวกับพวกเราที่นั่น พระเจ้าของพวกเราจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา!”

21 ดังนั้นพวกเราจึงทำงานต่อไปตั้งแต่รุ่งสางจนค่ำมืด โดยมีคนครึ่งหนึ่งถือหอกเป็นยามคอยระวังภัย

22 ครั้งนั้นข้าพเจ้าบอกกับประชาชนด้วยว่า “ให้ทุกคนกับผู้ช่วยของเขามาค้างคืนในเยรูซาเล็ม เพื่อจะได้เฝ้ายามในเวลากลางคืน และทำงานในเวลากลางวัน”

23 ไม่ว่าข้าพเจ้าหรือพี่น้อง คนของข้าพเจ้าหรือยามที่อยู่กับข้าพเจ้า ไม่มีใครถอดเสื้อผ้าเลย และทุกคนมีอาวุธติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้เวลาไปเอาน้ำ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/4-bd195599a8b947658344485470211ffe.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 5

เนหะมีย์ช่วยเหลือผู้ยากไร้

1 ครั้งนั้นมีพวกผู้ชายพร้อมกับภรรยามาโวยวายเรื่องพี่น้องชาวยิวของตน

2 บางคนกล่าวว่า “พวกเรารวมทั้งบุตรชายบุตรสาวของเรามีจำนวนมาก พวกเราต้องขวนขวายหาอาหารเพื่อเราจะมีข้าวกินประทังชีวิต”

3 บางคนก็กล่าวว่า “เราต้องจำนองบ้าน ที่นา และสวนองุ่น เพื่อแลกเมล็ดข้าวในช่วงกันดารอาหาร”

4 ในขณะที่บางคนกล่าวว่า “เราต้องกู้ยืมเงินเพื่อเสียภาษีที่นาและสวนองุ่นให้กษัตริย์

5 ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ และถึงแม้ลูกชายของเราก็ดีพอๆ กับลูกของพวกเขา แต่เราต้องให้ลูกชายลูกสาวของเราเป็นทาส ลูกสาวบางคนของเรากลายเป็นทาสโดยที่เราไม่มีทางไถ่ตัวคืนมา เพราะเรือกสวนไร่นาของเราตกเป็นของคนอื่นแล้ว”

6 ข้าพเจ้าโกรธมากที่ได้ยินเช่นนี้

7 เมื่อใคร่ครวญเรื่องนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ต่อว่าเหล่าขุนนางและข้าราชการว่า “พวกท่านขูดรีดพี่น้องร่วมชาติ!” ข้าพเจ้าจึงเรียกประชุมใหญ่เพื่อจัดการกับคนพวกนี้

8 ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไถ่พี่น้องชาวยิวของเราที่ถูกขายให้คนต่างชาติกลับคืนมาให้ได้ แต่นี่พวกท่านกลับขายพี่น้องของตัวเองเพียงเพื่อให้พวกเขาถูกขายกลับมาให้พวกเรา!” คนเหล่านั้นก็นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก

9 ข้าพเจ้าจึงพูดต่อไปว่า “สิ่งที่พวกท่านทำอยู่นี้ไม่ถูกต้อง ท่านควรจะดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าของพวกเราไม่ใช่หรือ? จะได้ไม่เป็นที่ตำหนิติเตียนของศัตรูต่างชาติ

10 ข้าพเจ้ากับพี่น้อง และคนของข้าพเจ้าก็ให้คนยืมเงิน ยืมข้าว จงเลิกการให้ยืมแบบเก็บดอกเบี้ยอย่างนี้เถิด!

11 จงคืนที่นา สวนองุ่น สวนมะกอก และบ้านเรือนให้เขาทันที ทั้งดอกเบี้ยที่ท่านเก็บไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้าว เหล้าองุ่นใหม่ หรือน้ำมัน”

12 พวกเขาตอบว่า “เราจะคืนให้และจะไม่เรียกร้องสิ่งใดจากพวกเขาอีก เราจะทำตามที่ท่านบอก”

ข้าพเจ้าจึงเรียกบรรดาปุโรหิตมา และให้ขุนนางและข้าราชการเหล่านี้สาบานว่าจะทำตามที่สัญญาไว้

13 แล้วข้าพเจ้ายังสะบัดชายเสื้อคลุมของข้าพเจ้าและลั่นวาจาว่า “ใครไม่รักษาคำสัญญานี้ ขอให้พระเจ้าสลัดบ้านและทรัพย์สินของเขาออกไปอย่างนี้ ให้เขาถูกสลัดออกไปจนหมดเนื้อหมดตัว!”

แล้วประชากรทั้งหมดขานรับว่า “อาเมน” และสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าคนทั้งหลายก็ทำตามที่สัญญาไว้

14 ยิ่งไปกว่านั้นตลอดสิบสองปีที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ว่าการยูดาห์ นับตั้งแต่ปีที่ยี่สิบถึงปีที่สามสิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ตัวข้าพเจ้าหรือพี่น้องไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารของผู้ว่าการเลย

15 ผู้ว่าการคนอื่นๆ ก่อนหน้าข้าพเจ้าได้เบียดเบียนประชาชนโดยเรียกร้องเอาเงินหนัก 40 เชเขลนอกเหนือจากอาหารและเหล้าองุ่น ลูกน้องของเขาก็วางอำนาจเหนือประชาชน แต่ข้าพเจ้ายำเกรงพระเจ้าจึงไม่ประพฤติตัวเช่นนั้น

16 ข้าพเจ้ากลับทุ่มเทให้กับงานสร้างกำแพง คนทั้งหมดของข้าพเจ้าก็มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่นเพื่อทำงาน เราไม่ได้คิดหาจับจองที่ดิน

17 ยิ่งกว่านั้นมีคนยิวและเจ้าหน้าที่รวม 150 คนร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้าเป็นประจำ นอกเหนือจากคน ชาติต่างๆ โดยรอบซึ่งมาหาพวกเรา

18 แต่ละวันต้องจัดเตรียมวัวผู้หนึ่งตัว แกะอ้วนหกตัว และเป็ดไก่จำนวนหนึ่งให้ข้าพเจ้า และทุกสิบวันมีเหล้าองุ่นทุกชนิดในปริมาณมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยเรียกร้องส่วนแบ่งอาหารของผู้ว่าการจากประชาชน เพราะพวกเขาเองก็เดือดร้อนอยู่แล้ว

19 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ด้วยความโปรดปรานในสิ่งทั้งปวงที่ข้าพระองค์ได้ทำเพื่อประชากรเหล่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/5-8e79dd47202231ae978d7e974cec5aa7.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 6

ศัตรูยังขัดขวางไม่เลิก

1 เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูอื่นๆ ของพวกเราได้ข่าวว่าข้าพเจ้าสร้างกำแพงเสร็จแล้ว ไม่มีช่องโหว่ใดๆ เหลืออยู่ แม้ว่าข้าพเจ้ายังไม่ได้ติดตั้งประตู

2 สันบาลลัทกับเกเชมก็ส่งจดหมายมาถึงข้าพเจ้าความว่า “ขอเชิญท่านมาพบพวกเราที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตที่ราบโอโน”

แต่พวกเขากำลังคบคิดกันจะกำจัดข้าพเจ้า

3 ข้าพเจ้าจึงส่งคนไปตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้ากำลังทำงานใหญ่และไปพบพวกท่านไม่ได้ ทำไมงานจะต้องชะงักในขณะที่ข้าพเจ้าไปหาท่าน?”

4 เขาส่งข้อความอย่างเดียวกันมาถึงสี่ครั้ง และข้าพเจ้าก็ตอบกลับไปอย่างเดิมทุกครั้ง

5 ครั้งที่ห้าคนรับใช้ของสันบาลลัทถือจดหมายเปิดผนึกมามอบให้ข้าพเจ้า

6 มีใจความว่า

“ชาติต่างๆ ลือกันเกี่ยวกับพวกท่าน และเกเชมก็บอกว่าเป็นความจริง พวกเขาลือกันว่าท่านกับชาวยิวกำลังวางแผนกบฏ ฉะนั้นท่านจึงก่อกำแพง ทั้งลือกันว่าท่านจะเป็นกษัตริย์ของคนเหล่านั้น

7 ท่านถึงกับแต่งตั้งผู้เผยพระวจนะให้ประกาศเรื่องของท่านที่เยรูซาเล็มว่า ‘มีกษัตริย์อยู่ในยูดาห์!’ เรื่องทั้งหมดนี้จะถูกนำขึ้นทูลกษัตริย์ ฉะนั้นเรามาคุยกันดีกว่า”

8 คำตอบจากข้าพเจ้าคือ “เรื่องที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีมูลความจริงเลย ท่านกุขึ้นมาเองทั้งนั้น”

9 พวกเขาพยายามข่มขวัญเราและคิดว่า “มือของพวกเขาจะได้อ่อนแรงเกินกว่าที่จะทำงาน งานจะได้ไม่สำเร็จ”

แต่ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า “บัดนี้ขอทรงประทานกำลังแก่มือของข้าพระองค์ด้วยเถิด”

10 วันหนึ่งข้าพเจ้าไปที่บ้านของเชไมอาห์บุตรเดไลยาห์บุตรของเมเหทาเบล เขาเก็บตัวอยู่ในบ้าน เขากล่าวว่า “ให้เราไปพบกันที่พระนิเวศของพระเจ้า คือภายในพระวิหารและลั่นดาลประตู เพราะตอนกลางคืนพวกเขาจะบุกมาฆ่าท่าน”

11 แต่ข้าพเจ้าตอบว่า “คนอย่างข้าพเจ้ามีหรือจะหนี? คนอย่างข้าพเจ้าหรือจะหนีเข้าไปในพระวิหารเพื่อเอาชีวิตรอด? ข้าพเจ้าไม่ไป!”

12 ข้าพเจ้าตระหนักว่าพระเจ้าไม่ได้ส่งเขามา แต่เขาทำทีเผยพระวจนะต่อต้านข้าพเจ้าเพราะโทบียาห์กับสันบาลลัทจ้างเขา

13 ให้มาข่มขวัญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้ทำบาปโดยหนีเข้าไปในพระวิหาร พวกเขาจะได้ปรักปรำและให้ร้ายข้าพเจ้า

14 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงจดจำการกระทำของโทบียาห์กับสันบาลลัท และขอทรงจดจำผู้เผยพระวจนะหญิงโนอัดยาห์กับผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ที่พยายามจะข่มขู่ข้าพระองค์

15 ในที่สุดกำแพงก็เสร็จในวันที่ยี่สิบห้าเดือนเอลูล ใช้เวลาเพียง 52 วัน

สร้างกำแพงเสร็จ

16 เมื่อบรรดาศัตรูของเราได้ยินเช่นนี้ ชนชาติโดยรอบก็กลัวและเสียขวัญเพราะตระหนักว่างานนี้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเรา

17 ในช่วงนั้นมีจดหมายโต้ตอบไปมาหลายฉบับระหว่างโทบียาห์กับขุนนางยูดาห์บางคน

18 หลายคนในยูดาห์ร่วมสัตย์สาบานกับเขา เพราะพ่อตาของเขาคือเชคานิยาห์บุตรอาราห์ และเยโฮฮานันบุตรชายของเขาก็แต่งงานกับบุตรสาวของเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์

19 มิหนำซ้ำพวกเขาพร่ำพูดให้ข้าพเจ้าฟังถึงคุณงามความดีของโทบียาห์ แล้วนำถ้อยคำของข้าพเจ้าไปบอกเขา และโทบียาห์ก็ส่งจดหมายหลายฉบับมาข่มขู่ข้าพเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/6-5ed9aabe83ffa5d9ca286db5f3e80c8c.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 7

1 หลังจากที่ก่อกำแพงเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็ติดตั้งประตู และแต่งตั้งยามเฝ้าประตู คณะนักร้อง และคนเลวี

2 ข้าพเจ้ามอบหมายให้ฮานานีพี่น้องของข้าพเจ้ากับฮานันยาห์ผู้บัญชาการป้อมร่วมกันดูแลเยรูซาเล็ม เพราะเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและยำเกรงพระเจ้ามากกว่าคนอื่นๆ

3 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าเปิดประตูเยรูซาเล็มจนกว่าแดดจะร้อน และขณะที่ยามเฝ้าประตูประจำการอยู่ให้ปิดประตูลั่นดาล ทั้งให้แต่งตั้งชาวเมืองเยรูซาเล็มเป็นยาม โดยให้บางคนดูแลประจำที่ของตน และบางคนดูแลบริเวณใกล้บ้านของตน”

รายชื่อเชลยที่กลับมา

4 ในเวลานั้นกรุงเยรูซาเล็มกว้างขวางใหญ่โต แต่จำนวนประชากรน้อย บ้านเรือนก็ยังไม่ได้สร้างขึ้นใหม่

5 ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงดลใจข้าพเจ้าให้เรียกขุนนาง เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งราษฎรทั่วไปให้มาชุมนุมเพื่อลงทะเบียนตามครอบครัว ข้าพเจ้าพบบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของบรรดาผู้ที่กลับมายังยูดาห์เป็นพวกแรก ซึ่งมีใจความว่า

6 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปเป็นเชลย (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์

7 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์ นาหะมานี โมรเดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม และบาอานาห์)

จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่

8 วงศ์วานของปาโรช 2,172
9 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน
10 ของอาราห 652 คน
11 ของปาหัทโมอับ (ทางสายเยชูอาและโยอาบ) 2,818 คน
12 ของเอลาม 1,254 คน
13 ของศัทธู 845 คน
14 ของศักคัย 760 คน
15 ของบินนุย 648 คน
16 ของเบบัย 628 คน
17 ของอัสกาด 2,322 คน
18 ของอาโดนีคัม 667 คน
19 ของบิกวัย 2,067 คน
20 ของอาดีน 655 คน
21 ของอาเทอร์ (ทางสายเฮเซคียาห์) 98 คน
22 ของฮาชูม 328 คน
23 ของเบไซ 324 คน
24 ของฮาริฟ 112 คน
25 ของกิเบโอน 95 คน
26 ชายชาวเบธเลเฮม และชาวเนโทฟาห์ 188 คน
27 ชาวอานาโธท 128 คน
28 ชาวเบธอัสมาเวท 42 คน
29 ชาวคีริยาทเยอาริม ชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน
30 ชาวรามาห์และชาวเกบา 621 คน
31 ชาวมิคมาช 122 คน
32 ชาวเบธเอลและชาวอัย 123 คน
33 ชาวเนโบอีกพวกหนึ่ง 52 คน
34 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน
35 ชาวฮาริม 320 คน
36 ชาวเยรีโค 345 คน
37 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 721 คน
38 ชาวเสนาอาห์ 3,930 คน

39 ปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของเยดายาห์ (ทางสายครอบครัวของเยชูอา) 973 คน
40 ของอิมเมอร์ 1,052 คน
41 ของปาชเฮอร์ 1,247 คน
42 ของฮาริม 1,017 คน

43 คนเลวีได้แก่

วงศ์วานของเยชูอา (ทางสายขัดมีเอล จากสายโฮดาวิยาห์) 74 คน

44 คณะนักร้องได้แก่

วงศ์วานของอาสาฟ 148 คน

45 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของชัลลูม อาเทอร์ ทัลโมน
อักขูบ ฮาทิทา และโชบัย 138 คน

46 ผู้ช่วยงานในพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของศิหะ ฮาสูฟา ทับบาโอท

47 เคโรส สีอา พาโดน

48 เลบานาห์ ฮากาบาห์ ชัลมัย

49 ฮานัน กิดเดล กาฮาร์

50 เรอายาห์ เรซีน เนโคดา

51 กัสซาม อุสซา ปาเสอาห์

52 เบสัย เมอูนิม เนฟัสสิม

53 บัคบูค ฮาคูฟา ฮารฮูร์

54 บัสลูท เมหิดา ฮารชา

55 บารโขส สิเสรา เทมาห์

56 เนซิยาห์ และฮาทิฟา

57 วงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนได้แก่

วงศ์วานของโสทัย โสเฟเรท เปรีดา

58 ยาอาลา ดารโคน กิดเดล

59 เชฟาทิยาห์ ฮัททิล โปเคเรทหัสเซบาอิม และอาโมน

60 บรรดาผู้ช่วยงานในพระวิหารและวงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนมี 392 คน

61 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าครอบครัวของพวกเขาสืบเชื้อสายจากอิสราเอล ได้แก่

62 วงศ์วานของเดไลยาห์ โทบียาห์ และเนโคดา รวม 642 คน

63 และจากพวกปุโรหิต

ได้แก่ วงศ์วานของ

โรหิตได้แก่ วงศ์วานของโฮบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของบารซิลลัยชาวกิเลอาดและได้ชื่อตามนั้น)

64 คนเหล่านี้ได้ค้นหาบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแต่ไม่พบ จึงไม่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มปุโรหิตเพราะถือว่าเป็นมลทิน

65 ฉะนั้นผู้ว่าการจึงสั่งห้ามพวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุดจนกว่าจะมีปุโรหิตทูลถามเรื่องนี้ผ่านทางอูริมและทูมมิม

66 คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42,360 คน

67 ไม่รวมคนรับใช้ชายหญิง 7,337 คน และคณะนักร้องชายหญิง 245 คน

68 พวกเขามีม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว

69 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

70 หัวหน้าครอบครัวบางคนร่วมถวายเพื่องานนี้ ผู้ว่าการมอบทองคำหนักประมาณ 8.5 กิโลกรัมชาม 50 ใบ เครื่องแต่งกายสำหรับปุโรหิต 530 ชุด

71 หัวหน้าครอบครัวบางคนมอบทองคำหนักประมาณ 170 กิโลกรัมเงินหนักประมาณ 1.2 ตันให้คลังสำหรับงานนี้

72 ส่วนประชาชนมอบทองคำหนักประมาณ 170 กิโลกรัม เงินหนักประมาณ 1.1 ตันและเครื่องแต่งกายปุโรหิต 67 ชุด

73 ปุโรหิต คนเลวี ยามเฝ้าประตูพระวิหาร คณะนักร้อง ผู้ช่วยงานในพระวิหาร พร้อมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง และชนอิสราเอลที่เหลือตั้งถิ่นฐานในเมืองของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/7-d9962d1458300569ea7f1161df0903e4.mp3?version_id=179—