Categories
โยบ

โยบ 25

บิลดัด

1 แล้วบิลดัดชาวชูอาห์ตอบว่า

2 “อำนาจครอบครองและความน่าเกรงขามเป็นของพระเจ้า

พระองค์ทรงสถาปนาความเป็นระเบียบไว้ในฟ้าสวรรค์เบื้องสูง

3 กองพลโยธาของพระองค์สามารถนับได้หรือ?

ผู้ใดเล่าที่แสงสว่างของพระองค์ส่องไปไม่ถึง?

4 มนุษย์จะชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้าได้อย่างไร?

ผู้ถือกำเนิดจากสตรีจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร?

5 หากแม้แสงจันทร์ยังไม่กระจ่าง

และดวงดาวยังไม่บริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระองค์

6 มนุษย์ซึ่งเป็นเพียงตัวดักแด้

บุตรของมนุษย์ซึ่งเป็นเพียงตัวหนอน

จะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด!”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/25-e7ff35a831a647757e0a5a4ce616bb17.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 26

โยบ

1 โยบจึงตอบว่า

2 “ท่านช่วยคนหมดแรงได้มากเสียจริง!

ช่วยพยุงแขนที่อ่อนล้าได้เยี่ยมจริงนะ!

3 คำแนะนำที่ท่านให้แก่คนไม่มีปัญญานั้นช่างยอดเยี่ยม!

ท่านได้แสดงความเข้าใจที่ลึกซึ้งเสียนี่กระไร!

4 ใครหนอช่วยให้ท่านพูดออกมาอย่างนี้ได้?

วิญญาณดวงใดหนอที่พูดออกมาผ่านปากของท่าน?

5 “บรรดาผู้ตายต้องทุกข์ทรมาน

ทั้งบรรดาคนที่อยู่ใต้น้ำและทุกชีวิตในนั้น

6 แดนมรณาเปลือยเปล่าต่อหน้าพระเจ้า

แดนพินาศไร้สิ่งปกปิด

7 พระเจ้าทรงคลี่ท้องฟ้าด้านเหนือบนความว่างเปล่า

และทรงแขวนโลกไว้เหนือที่เวิ้งว้าง

8 พระองค์ทรงห่อหุ้มน้ำไว้ในเมฆของพระองค์

และเมฆก็ไม่ได้แตกกระจายเพราะน้ำหนักของมัน

9 พระองค์ทรงคลี่เมฆ

ทรงบดบังจันทร์เพ็ญ

10 พระองค์ทรงกำหนดเส้นขอบฟ้าที่ทะเล

เป็นพรมแดนระหว่างความสว่างกับความมืด

11 เสาของฟ้าสวรรค์สั่นคลอน

เมื่อพระองค์ทรงกำราบ

12 และโดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ทะเลก็สงบราบคาบ

โดยพระปรีชาญาณ ทรงหั่นราหับออกเป็นชิ้นๆ

13 ฟ้าสวรรค์งดงามโดยลมปราณของพระเจ้า

พระหัตถ์ของพระองค์ทรงแทงพญางูที่กำลังเลื้อยไป

14 เหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่พระองค์ทรงกระทำ

เป็นแค่เสียงกระซิบแผ่วๆ ที่เราได้ยินเกี่ยวกับพระองค์เท่านั้น!

แล้วใครเล่าจะสามารถเข้าใจความเกรียงไกรแห่งฤทธิ์อำนาจของพระองค์ได้?”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/26-f00dbd45f248a6d164eac5e61de872a6.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 27

1 โยบกล่าวต่อไปว่า

2 “ตราบใดที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงปฏิเสธที่จะให้ความยุติธรรมแก่ข้า

องค์ทรงฤทธิ์ผู้ทำให้ข้าลิ้มรสความขมขื่นในวิญญาณ

3 ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่

ตราบใดที่ข้ายังมีลมปราณจากพระเจ้า

4 ตราบนั้นริมฝีปากของข้าจะไม่กล่าวคำชั่ว

และลิ้นของข้าจะไม่กล่าวคำหลอกลวง

5 ข้าจะไม่มีวันยอมรับว่าพวกท่านเป็นฝ่ายถูก

จนตายข้าก็ขอยืนยันว่าข้าซื่อสัตย์สุจริต

6 ข้าจะยึดมั่นในความชอบธรรมของข้าและไม่มีวันปล่อยวาง

มโนธรรมของข้าจะไม่ตำหนิข้าตราบชั่วชีวิต

7 “ขอให้ศัตรูของข้าเป็นเหมือนคนชั่ว

ขอให้ปฏิปักษ์ของข้าเป็นเหมือนคนอยุติธรรม!

8 เพราะคนอธรรมจะมีความหวังอะไรเมื่อเขาถูกตัดขาด

เมื่อพระเจ้าทรงคร่าชีวิตเขาไป?

9 เมื่อความทุกข์ลำบากมาถึงเขา

พระเจ้าทรงฟังเสียงร่ำร้องของเขาหรือ?

10 เขาจะปีติยินดีในองค์ทรงฤทธิ์หรือ?

เขาจะร้องทูลพระเจ้าตลอดเวลาหรือ?

11 “ข้าจะสอนท่านถึงเรื่องฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

จะไม่ปิดบังวิถีทางขององค์ทรงฤทธิ์

12 ท่านเองก็รู้เห็นทั้งหมดนี้แล้ว

ทำไมจึงยังพูดเหลวไหลอย่างนี้อีก?

13 “นี่คือชะตากรรมที่พระเจ้าทรงกำหนดให้แก่คนชั่วร้าย

และเป็นมรดกที่คนอำมหิตได้รับจากองค์ทรงฤทธิ์

14 ถึงแม้ลูกหลานของเขาจะมากมาย แต่ก็จะตกเป็นเหยื่อของคมดาบ

และวงศ์วานของเขาจะไม่มีวันได้กินอิ่ม

15 ผู้ที่รอดชีวิตอยู่ก็จะถูกนำไปสู่หลุมศพด้วยโรคระบาด

ภรรยาม่ายของพวกเขาก็ไม่คร่ำครวญถึงพวกเขา

16 ถึงแม้เขาสะสมเงินไว้มากมายดั่งฝุ่นธุลี

และมีเสื้อผ้าเป็นกองๆ เหมือนกองดินเหนียว

17 ผู้ชอบธรรมจะนำสิ่งที่เขาสะสมไว้มาสวมใส่

และคนไร้ผิดจะเอาเงินของเขามาแบ่งปันกัน

18 บ้านที่เขาสร้างขึ้นเหมือนรังของดักแด้

เหมือนกระท่อมที่คนยามสร้างขึ้น

19 เขานอนลงบนกองเงินกองทอง แต่เขาจะไม่ได้ทำเช่นนั้นอีกต่อไป

เพราะเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างก็สูญสิ้นไป

20 ความสยดสยองจู่โจมเขาจนตั้งตัวไม่ติดเหมือนน้ำท่วมฉับพลัน

และพายุร้ายซัดเขาหายไปในยามราตรี

21 ลมตะวันออกพัดพาเขาหายไป

กวาดเขาไปจากที่อยู่

22 มันม้วนตัวซัดกระหน่ำเขาอย่างไม่ปรานี

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนีให้พ้นอำนาจของมัน

23 มันก็ปรบมือเยาะเย้ย

และซัดเขาหลุดลอยไปจากที่ของเขา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/27-dfbfba774f7ba5e5742484a158cf86aa.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 28

1 “มีเหมืองเงิน

และแหล่งถลุงทองคำ

2 แร่เหล็กได้มาจากพื้นดิน

และทองแดงถลุงมาจากสินแร่

3 มนุษย์ไล่ความมืดออกไป

ค้นหาแหล่งแร่ที่ลึกลับที่สุด

ในความมืดทึบ

4 เขาขุดปล่องในที่ห่างไกลจากถิ่นที่ผู้คนอาศัย

ในที่ซึ่งเท้าของมนุษย์ไม่ได้เหยียบย่างเข้าไป

เขาไต่เชือกและแกว่งตัวไปมาในที่ห่างไกลจากผู้คน

5 แผ่นดินโลกเป็นแหล่งอาหาร

แต่เบื้องล่างหลอมตัวราวกับถูกไฟเผา

6 แก้วไพฑูรย์มาจากหินของมัน

และที่นั่นก็มีผงทองคำ

7 ไม่มีนกล่าเหยื่อตัวใดรู้เส้นทางที่ซ่อนอยู่นั้น

ไม่มีตาของเหยี่ยวตัวใดสังเกตเห็น

8 สัตว์ป่าที่สง่างามไม่ย่างกรายไปที่นั่น

ไม่มีราชสีห์ตัวใดผ่านไปที่นั่น

9 มือมนุษย์ทำลายหินที่แข็งแกร่ง

และทลายภูเขาลงถึงราก

10 เขาขุดอุโมงค์ทะลุหินผา

และตาของเขามองเห็นของมีค่าในนั้น

11 เขาเสาะหาต้นน้ำลำธาร

และนำสิ่งที่ซ่อนเร้นมาสู่ความสว่าง

12 “แต่จะพบสติปัญญาได้จากที่ไหน?

ความเข้าใจอยู่ที่ไหน?

13 มนุษย์ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของสติปัญญา

หาไม่พบในดินแดนของผู้มีชีวิต

14 ห้วงลึกกล่าวว่า ‘มันไม่ได้อยู่ในนี้’

ทะเลกล่าวว่า ‘มันไม่ได้อยู่ที่นี่’

15 เราไม่สามารถซื้อปัญญาด้วยทองเนื้อดีที่สุด

หรือตีราคาเป็นเงิน

16 หรือแลกซื้อด้วยทองคำแห่งเมืองโอฟีร์

หรือด้วยโกเมนล้ำค่าหรือไพฑูรย์

17 ไม่ว่าทองคำหรือแก้วมณีก็ไม่อาจเทียบปัญญาได้

อีกทั้งเพชรพลอยหรือเครื่องทองก็ไม่อาจแลกได้

18 หินปะการังและแก้วผลึกยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง

ค่าของสติปัญญาสูงกว่าทับทิม

19 บุษราคัมแห่งเอธิโอเปียไม่อาจเทียบเคียง

แม้แต่ทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่อาจแลกซื้อได้

20 “ถ้าเช่นนั้นสติปัญญามาจากที่ไหน?

ความเข้าใจอยู่ที่ไหน?

21 มันถูกซ่อนจากสายตาของทุกชีวิต

และถูกปิดบังไว้จากนกในอากาศ

22 หายนะและความตายกล่าวว่า

‘เราเพียงแต่ได้ยินข่าวเล่าลือมา’

23 พระเจ้าทรงเข้าใจหนทางสู่สติปัญญา

และพระองค์เพียงผู้เดียวทรงทราบว่ามันอยู่ที่ไหน

24 เพราะพระองค์ทรงแลเห็นถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

เห็นทุกสิ่งภายใต้ฟ้าสวรรค์

25 เมื่อพระเจ้าทรงกำหนดแรงลม

และชั่งตวงห้วงน้ำ

26 เมื่อทรงตั้งกฎเกณฑ์ของสายฝน

และจัดทางให้แก่พายุฟ้าคำรน

27 แล้วพระองค์ทรงทอดพระเนตรสติปัญญาและทรงประเมินค่า

พระองค์ทรงยืนยันและทดสอบ

28 และพระองค์ตรัสแก่มนุษย์ว่า

‘ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคือสติปัญญา

การหลีกหนีจากความชั่วคือความเข้าใจ’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/28-e13f8926193740cdc00dd80a6f5d84a2.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 29

1 โยบกล่าวต่อไปว่า

2 “ข้าใฝ่หาปีเดือนที่ผ่านไปยิ่งนัก

คิดถึงเมื่อครั้งที่พระเจ้าทรงดูแลข้า

3 ยามที่ดวงประทีปของพระองค์ส่องเหนือศีรษะของข้า

ความสว่างของพระองค์นำให้ข้าเดินฝ่าความมืดได้!

4 คิดถึงวัยฉกรรจ์

เมื่อมิตรภาพแน่นแฟ้นของพระเจ้าเป็นพรแก่บ้านของข้า

5 เมื่อองค์ทรงฤทธิ์ยังสถิตกับข้า

และลูกๆ ของข้าห้อมล้อมข้า

6 เมื่อกิจการของข้าเจริญรุ่งเรือง

แม้แต่หินผายังหลั่งน้ำมันมะกอกให้

7 “เมื่อข้าไปที่ประตูเมือง

และนั่งประจำตำแหน่งที่ลานชุมชน

8 พวกหนุ่มๆ เห็นข้าก็หลีกทางให้

และผู้สูงอายุก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับข้า

9 คนระดับผู้นำสงบนิ่ง

และเอามือปิดปากไว้

10 เจ้านายสงบเสียง

ลิ้นแตะเพดานปาก

11 ทุกคนที่ฟังข้าก็ชมข้า

ทุกคนที่เห็นข้าก็ยกย่องข้า

12 เพราะข้าช่วยเหลือผู้ยากไร้ซึ่งร้องขอความช่วยเหลือ

และช่วยลูกกำพร้าพ่อซึ่งไม่มีใครช่วย

13 คนใกล้ตายให้พรข้า

ข้าทำให้หัวใจของหญิงม่ายร้องเพลง

14 ข้าสวมความชอบธรรมเป็นอาภรณ์

ความยุติธรรมเป็นเสื้อคลุมและผ้าโพกศีรษะของข้า

15 ข้าเป็นดวงตาให้คนตาบอด

เป็นเท้าให้คนง่อย

16 ข้าเป็นบิดาให้คนยากไร้

และเป็นธุระในคดีของคนแปลกหน้า

17 ข้าหักเขี้ยวเล็บของคนชั่ว

และช่วยเหยื่อออกมาจากปากของพวกเขา

18 “ข้าคิดว่า ‘ข้าจะตายในบ้านของข้า

วันคืนของข้าคงมากมายดั่งเม็ดทราย

19 รากของข้าจะหยั่งถึงน้ำ

และน้ำค้างจะพรมกิ่งก้านของข้าตลอดคืน

20 ศักดิ์ศรีของข้าจะคงอยู่เสมอ

ลูกธนูในมือของข้าจะใหม่อยู่เสมอ’

21 “ผู้คนฟังข้าอย่างจดจ่อ

สงบรอคอยคำแนะนำของข้า

22 และหลังจากที่ข้าพูดแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

เพราะเขาพึงพอใจคำแนะนำของข้า

23 เขารอฟังข้าเหมือนคอยสายฝน

และดื่มด่ำถ้อยคำของข้าเหมือนฝนในฤดูใบไม้ผลิ

24 เมื่อข้ายิ้มให้ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตา

ใบหน้ายิ้มแย้มของข้ามีคุณค่าแก่เขา

25 ข้าเลือกทางให้พวกเขาและทำหน้าที่เป็นหัวหน้าของพวกเขา

เป็นเหมือนกษัตริย์ท่ามกลางกองทัพ

และเป็นผู้ปลอบโยนบรรดาผู้ไว้ทุกข์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/29-e79a55de53273594bbca0357bdb57b58.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 30

1 “แต่เดี๋ยวนี้ผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่าข้า เย้ยหยันข้า

ซึ่งบิดาของเขาเหล่านั้นข้ายังรังเกียจ

ไม่ให้มาอยู่กับสุนัขเลี้ยงแกะของข้า

2 มืออันเปี่ยมพลังของพวกเขามีประโยชน์อันใดสำหรับข้า

ในเมื่อกำลังวังชาเสื่อมถอยจากพวกเขาแล้ว

3 พวกเขาผอมโซเพราะหิวโหยและขาดอาหาร

ซัดเซพเนจรไปในถิ่นกันดารยามค่ำคืน

4 พวกเขาเก็บผักตามพุ่มไม้

และเก็บรากไม้เป็นอาหาร

5 พวกเขาถูกขับไล่ไสส่งจากเพื่อนพ้อง

ผู้คนตะโกนไล่หลังราวกับว่าเขาเป็นขโมย

6 พวกเขาถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในพื้นลำธารซึ่งแห้งขอด

ตามโพรงหรือตามซอกหิน

7 พวกเขาส่งเสียงร้องอยู่กลางพุ่มไม้

และซุกตัวกันใต้พุ่มหนาม

8 พวกเขาเป็นคนถ่อยด้อยสกุล

ถูกขับไล่จากแผ่นดิน

9 “และบัดนี้ลูกๆ ของพวกเขาร้องเพลงเย้ยข้า

ข้าตกเป็นขี้ปากของพวกเขา

10 พวกเขารังเกียจข้าและไม่ยอมเข้ามาใกล้ข้า

พวกเขาถ่มน้ำลายรดหน้าข้าอย่างไม่ลังเล

11 ในเมื่อพระเจ้าทรงปลดธนูของข้าและทำให้ข้าทุกข์ยาก

พวกเขาไม่มีความยับยั้งชั่งใจต่อหน้าข้า

12 ข้าถูกพวกเขาจู่โจมเข้ามาด้านขวามือ

พวกเขาวางกับดักหลุมพรางไว้

และโอบล้อมเข้ามาต่อสู้กับข้า

13 พวกเขาปิดกั้นทางหนีของข้า

และทำลายล้างข้า

พวกเขากล่าวว่า ‘ไม่มีใครช่วยเขาได้เลย’

14 พวกเขาตรงรี่เข้ามาหาตามรอยแยก

ทะลักเข้ามาท่ามกลางซากปรักหักพัง

15 ความอกสั่นขวัญแขวนจู่โจมข้า

ศักดิ์ศรีของข้าสูญสิ้นเหมือนถูกลมพัดไป

สวัสดิภาพของข้าลอยลับไปดั่งเมฆ

16 “บัดนี้ชีวิตของข้าตกต่ำไป

วันคืนอันทุกข์ทรมานยึดข้าไว้

17 ค่ำคืนทิ่มแทงกระดูกของข้า

ความเจ็บปวดกัดกินข้าไม่หยุดหย่อน

18 โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ เสื้อผ้าของข้าถูกกระชากออก

ข้าถูกคว้าที่คอเสื้อ

19 พระองค์ทรงเหวี่ยงข้าลงในโคลน

ข้ากลายเป็นเหมือนฝุ่นและขี้เถ้า

20 “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ

ข้าพระองค์ยืนขึ้น พระองค์ก็เพียงแต่ทอดพระเนตร

21 พระองค์กลับโหดร้ายต่อข้าพระองค์

และทรงเล่นงานข้าพระองค์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์

22 พระองค์ทรงฉวยข้าพระองค์ขึ้นและให้ลมพัดพาข้าพระองค์ไป

และทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปมาในพายุ

23 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์จะนำข้าพระองค์ไปสู่ความตาย

ไปยังที่ซึ่งกำหนดไว้สำหรับทุกชีวิต

24 “แน่ทีเดียว ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยคนที่แตกสลาย

เมื่อเขาทุกข์ยากและร้องขอให้ช่วย

25 ข้าไม่ได้ร่ำไห้เพื่อผู้ตกทุกข์ได้ยากหรือ?

จิตวิญญาณของข้าไม่ได้เศร้าเสียใจเพื่อผู้ยากไร้หรือ?

26 ถึงกระนั้นเมื่อข้ามุ่งหวังสิ่งที่ดีกลับได้สิ่งที่เลวร้าย

เมื่อข้ามองหาความสว่างกลับได้ความมืดมน

27 จิตใจของข้าทุกข์ร้อนไม่หยุดหย่อน

พานพบแต่วันคืนอันทุกข์ทรมาน

28 ผิวข้าหมองคล้ำแต่ไม่ใช่เพราะกรำแดด

ข้ายืนขึ้นร้องขอความช่วยเหลือต่อชุมชน

29 ข้าถูกมองว่าเป็นพี่น้องกับหมาป่า

และเป็นเพื่อนกับนกเค้าแมว

30 ผิวของข้าดำและตกสะเก็ด

กายข้าร้อนรุ่มด้วยพิษไข้

31 เสียงพิณของข้ากลายเป็นเสียงคร่ำครวญ

และเสียงปี่ของข้ากลายเป็นเสียงโหยไห้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/30-8b581b6548ad502c7ff565b4b161ce89.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 31

1 “ข้าได้ทำพันธสัญญากับนัยน์ตาของตัวเองว่า

จะไม่มองหญิงสาวด้วยใจกำหนัด

2 เพราะอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าเบื้องบนทรงกำหนดให้มนุษย์?

อะไรคือมรดกจากองค์ทรงฤทธิ์เบื้องบน?

3 ก็คือหายนะสำหรับคนชั่ว

และภัยพิบัติสำหรับคนทำผิดไม่ใช่หรือ?

4 พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นหนทางของข้า

และทรงนับทุกย่างก้าวของข้าหรอกหรือ?

5 “หากข้าได้ดำเนินชีวิตในความเท็จ

หรือเท้าของข้ามุ่งสู่การหลอกลวง

6 ขอพระเจ้าทรงชั่งข้าด้วยตราชูที่เที่ยงตรง

แล้วจะทรงทราบว่าข้าไร้ตำหนิ

7 หากข้าเตลิดจากทางของพระเจ้า

หากตาของข้าพาใจมัวเมา

หรือหากมือของข้าแปดเปื้อนมลทิน

8 ก็ขอให้คนอื่นกินสิ่งที่ข้าได้หว่าน

และขอให้พืชผลของข้าถูกถอนรากถอนโคน

9 “หากจิตใจของข้าถูกผู้หญิงล่อไป

หรือหากข้าซุ่มอยู่ที่ประตูของเพื่อนบ้าน

10 ก็ขอให้ภรรยาของข้าไปโม่แป้งให้คนอื่น

และให้ชายอื่นหลับนอนกับนาง

11 เพราะสิ่งนั้นน่าละอาย

เป็นบาปที่ต้องถูกลงโทษ

12 มันเป็นไฟเผาผลาญสู่ความหายนะ

และจะขุดรากถอนโคนสิ่งที่ข้าปลูกไว้

13 “หากข้าไม่ให้ความยุติธรรม

แก่คนรับใช้ชายหญิง

ซึ่งมากล่าวโทษข้า

14 ข้าจะทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพระเจ้า?

ข้าจะตอบอย่างไรเมื่อพระองค์ทรงเรียกให้ถวายรายงาน?

15 พระเจ้าผู้ทรงสร้างข้าในครรภ์ก็ทรงสร้างพวกเขาด้วยไม่ใช่หรือ?

พระเจ้าองค์เดียวกันนี้ทรงสร้างเราทั้งสองฝ่ายในท้องแม่ไม่ใช่หรือ?

16 “หากข้าบอกปัดความต้องการของผู้ยากไร้

หรือปล่อยให้หญิงม่ายคอยเก้อ

17 หากข้าหวงอาหารไว้กับตัว

ไม่ยอมแบ่งปันแก่ลูกกำพร้าพ่อ

18 ซึ่งอันที่จริงตั้งแต่หนุ่มมา ข้าก็เลี้ยงดูลูกกำพร้าพ่อเหมือนลูกในไส้

ตั้งแต่เกิดข้าก็นำทางให้หญิงม่าย

19 หากข้าได้เห็นคนกำลังจะหนาวตายเพราะไม่มีเสื้อผ้า

เห็นคนยากไร้ไม่มีผ้าคลุมกาย

20 และเขาไม่ได้อวยพรข้าในใจ

ที่ทำให้เขาอบอุ่นด้วยขนแกะของข้า

21 หากข้าได้ทำร้ายลูกกำพร้าพ่อ

เพราะถือว่าตนมีอิทธิพลในศาล

22 ก็ขอให้แขนของข้าหลุดออกจากไหล่

ขอให้มันหักออกจากข้อต่อ

23 เพราะข้าหวาดกลัวหายนะจากพระเจ้า

และเพราะข้ายำเกรงพระบารมีของพระองค์

ข้าจึงไม่กล้าทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้

24 “หากข้าไว้วางใจเงินทอง

หรือพูดกับทองคำบริสุทธิ์ว่า ‘เจ้าเป็นความมั่นคงปลอดภัยของข้า’

25 หากข้าชื่นชมยินดีในความมั่งคั่งมหาศาลของข้า

ในทรัพย์สมบัติซึ่งมือของข้าหามาได้

26 หากข้ามองดูดวงตะวันส่องแสงเจิดจ้า

หรือดวงจันทร์อันงามกระจ่าง

27 แล้วจิตใจของข้าถูกล่อลวงอย่างลับๆ

และข้าได้กราบไหว้ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์

28 นี่ก็จะเป็นบาปอันควรแก่การลงโทษ

เพราะเท่ากับว่าข้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเบื้องบน

29 “หากข้ากระหยิ่มยิ้มย่องในเคราะห์หามยามร้ายของศัตรู

หรือลิงโลดยินดีในความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับเขา

30 ข้าไม่เคยยอมให้ปากของข้าทำบาป

โดยสาปแช่งชีวิตของเขาให้มีอันเป็นไป

31 หากคนในครัวเรือนของข้าไม่เคยกล่าวว่า

‘ใครบ้างไม่ได้กินเนื้อที่โยบให้จนอิ่ม?’

32 อันที่จริงข้าไม่เคยแม้แต่ปล่อยให้คนแปลกหน้าต้องค้างคืนอยู่ตามถนน

เพราะประตูบ้านของข้าเปิดต้อนรับผู้เดินทางอยู่เสมอ

33 หากข้าปิดบังบาปไว้เหมือนที่คนทั่วไปได้ปฏิบัติ

โดยซุกซ่อนความผิดของข้าไว้ในใจ

34 เพราะข้ากลัวฝูงชน

และหวั่นเกรงการดูแคลนจากวงศ์ตระกูลต่างๆ ยิ่งนัก

ข้าก็เลยเก็บตัวเงียบไม่ออกนอกบ้าน

35 (“อยากให้มีใครสักคนฟังข้าตอนนี้! บัดนี้ข้าขอลงชื่อแก้ข้อกล่าวหาของข้า

ขอองค์ทรงฤทธิ์ตอบข้าด้วยเถิด

ขอให้โจทก์เขียนคำฟ้องร้องขึ้นมา

36 แน่ทีเดียว ข้าจะแบกคำฟ้องนั้นไว้บนบ่า

ข้าจะสวมมันไว้เหมือนมงกุฎ

37 ข้าจะแถลงทุกย่างก้าวของข้าแด่พระองค์

ข้าจะเข้าเฝ้าพระองค์เหมือนข้าเป็นเจ้านายองค์หนึ่ง)

38 “หากที่ดินของข้าร้องกล่าวโทษข้า

และทุกรอยไถคราดเปียกชุ่มด้วยน้ำตา

39 หากข้ากินพืชผลโดยไม่จ่ายเงิน

หรือทำร้ายจิตใจผู้เช่า

40 ก็ขอให้หนามงอกขึ้นแทนที่ข้าวสาลี

และวัชพืชงอกแทนข้าวบาร์เลย์”

โยบพูดจบลงตรงนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/31-6eac37616e5002e9ef8df9a40201c78c.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 32

เอลีฮู

1 เพื่อนทั้งสามเลิกโต้ตอบกับโยบ เพราะโยบเห็นว่าตนเป็นคนชอบธรรม

2 แต่เอลีฮูบุตรบาราเคลชาวบุซีในครอบครัวของรามโกรธเคืองโยบที่อ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกแทนที่จะเป็นพระเจ้า

3 และเอลีฮูก็โกรธเพื่อนทั้งสามของโยบด้วย เพราะพวกเขาพูดหักล้างโยบไม่ได้แต่ก็ยังปรักปรำโยบ

4 เอลีฮูรอที่จะพูดจนถึงขณะนี้ก็เพราะอายุน้อยกว่าคนอื่นๆ

5 เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสามของโยบหมดคำพูดแล้ว เอลีฮูก็โกรธเคืองยิ่งนัก

6 ดังนั้นเอลีฮูบุตรบาราเคลชาวบุซีจึงกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าอายุน้อย ส่วนท่านมีอาวุโส

ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยับยั้งอยู่ ไม่กล้าบอกสิ่งที่ตัวเองรู้แก่ท่าน

7 ข้าพเจ้าคิดว่า ‘ควรให้ผู้อาวุโสพูด

ผู้มีประสบการณ์นานปีควรสอนสติปัญญา’

8 แต่ที่จริงเป็นจิตวิญญาณในตัวมนุษย์

ลมปราณแห่งองค์ทรงฤทธิ์ทำให้เขามีความเข้าใจ

9 ไม่ใช่คนแก่เท่านั้นที่มีปัญญา

ไม่เพียงคนสูงอายุเท่านั้นที่เข้าใจว่าสิ่งใดถูกต้อง

10 “ฉะนั้นโปรดฟังข้าพเจ้าพูด

ข้าพเจ้าจะบอกสิ่งที่ตัวเองรู้แก่ท่านด้วย

11 ข้าพเจ้าคอยอยู่ขณะที่ท่านพูด

ข้าพเจ้าฟังเหตุผลของพวกท่าน

ขณะที่พวกท่านกำลังสรรหาถ้อยคำมากล่าว

12 ข้าพเจ้าตั้งใจฟังเต็มที่

แต่ไม่มีผู้ใดในพวกท่านพิสูจน์ได้ว่าโยบผิด

ไม่มีใครในพวกท่านตอบคำโต้แย้งของโยบได้

13 อย่าพูดว่า ‘เราได้พบสติปัญญาแล้ว

ขอให้พระเจ้าเป็นผู้พิสูจน์ว่าเขาผิด ไม่ใช่มนุษย์’

14 แต่คำพูดของโยบไม่ได้มุ่งมาที่ข้าพเจ้า

และข้าพเจ้าจะไม่ตอบโยบด้วยคำโต้แย้งของพวกท่าน

15 “พวกเขานั่งอับจนปัญญาไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

หมดถ้อยคำที่จะโต้แย้ง

16 ข้าพเจ้าจะต้องคอยต่อไปอีกหรือในเมื่อพวกเขานิ่งเงียบ?

ในเมื่อพวกเขายืนนิ่งไม่มีคำตอบ?

17 ข้าพเจ้าก็ขอพูดด้วย

ขอบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ด้วย

18 เพราะข้าพเจ้ามีถ้อยคำอยู่มากมาย

จิตวิญญาณภายในเร่งเร้าให้ข้าพเจ้าพูด

19 ภายในข้าพเจ้าเหมือนเหล้าองุ่นที่ถูกกักเก็บไว้

เหมือนถุงหนังเหล้าองุ่นใหม่ที่กำลังจะปริ

20 ข้าพเจ้าจำเป็นต้องพูดเพื่อจะได้ผ่อนคลาย

ข้าพเจ้าจำต้องเอ่ยปากตอบ

21 ข้าพเจ้าจะไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร

จะไม่ประจบสอพลอผู้ใด

22 เพราะหากข้าพเจ้าประจบสอพลอเก่ง

องค์พระผู้สร้างจะทรงนำข้าพเจ้าออกไปในไม่ช้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/32-c29040ea1b03e135ace8b22dfa6f9d49.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 33

1 “โยบเอ๋ย บัดนี้โปรดตั้งใจฟัง

จงเอาใจใส่ทุกถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด

2 ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะเอ่ยปาก

คำพูดมารออยู่ที่ปลายลิ้นของข้าพเจ้าแล้ว

3 ถ้อยคำของข้าพเจ้ามาจากใจที่เที่ยงธรรม

ริมฝีปากของข้าพเจ้าพูดในสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้อย่างจริงใจ

4 พระวิญญาณของพระเจ้าได้สร้างข้าพเจ้า

ลมปราณขององค์ทรงฤทธิ์ให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้า

5 ฉะนั้นจงตอบข้าพเจ้ามาเถิด หากท่านตอบได้

จงเตรียมตัวของท่านและเผชิญหน้ากับข้าพเจ้า

6 ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนท่านต่อหน้าพระเจ้า

ข้าพเจ้าเองก็เกิดมาจากดินเช่นกัน

7 ท่านไม่ต้องตื่นกลัวข้าพเจ้า

และข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้ที่จะเล่นงานท่านอย่างหนัก

8 “แต่ท่านได้พูดให้ข้าพเจ้าได้ยิน

ข้าพเจ้าได้ฟังคำที่ท่านกล่าวนั้น

9 ท่านกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าบริสุทธิ์ปราศจากบาป

ข้าพเจ้าเป็นคนสะอาดและไม่มีความผิด

10 ถึงกระนั้นพระเจ้าก็เอาผิดข้าพเจ้า

พระองค์ทรงนับว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรู

11 พระองค์ทรงจับข้าพเจ้าใส่ขื่อคา

และทรงเฝ้าดูทุกหนทางของข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิด’

12 “แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าท่านผิดในข้อนี้

เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์

13 ทำไมท่านบ่นต่อว่าพระองค์

ว่าไม่ทรงตอบมนุษย์?

14 ที่จริงพระเจ้าตรัสด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

แม้ว่ามนุษย์ไม่สามารถประจักษ์ได้

15 ในความฝัน ในนิมิตยามค่ำคืน

เมื่อมนุษย์หลับสนิท

ขณะเคลิ้มอยู่บนที่นอน

16 พระองค์อาจจะตรัสข้างหูของเขา

และตักเตือนว่ากล่าวให้เขากลัว

17 เพื่อหันเหมนุษย์ไม่ให้ทำผิด

และไม่ให้หยิ่งจองหอง

18 เพื่อรักษาจิตวิญญาณของเขาจากเหวลึก

และเพื่อไม่ให้เขาพินาศด้วยคมดาบ

19 “หรือทรงตีสอนมนุษย์โดยให้เขานอนจมอยู่ในความเจ็บปวด

ให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวในกระดูกอยู่เนืองๆ

20 จนตัวเขาเองเอียนอาหาร

และจิตใจของเขาเกลียดอาหารอันโอชะที่สุด

21 จนเขาซูบผอม

เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

22 วิญญาณของเขาเฉียดใกล้เหวลึก

และชีวิตของเขาเข้าใกล้ทูตแห่งความตาย

23 “ถึงกระนั้นหากมีทูตของพระเจ้าจากหนึ่งในพันอยู่เคียงข้างเขา

ทำหน้าที่เป็นคนกลางให้

เพื่อแจ้งสิ่งที่ถูกต้องแก่เขา

24 เพื่อเมตตาสงสารเขาและทูลว่า

‘ขอทรงโปรดไว้ชีวิตเขาไม่ให้ลงไปยังเหวลึก

ข้าพระองค์ได้พบค่าไถ่สำหรับเขาแล้ว’

25 เมื่อนั้นเนื้อหนังของเขาจะกลับฟื้นคืนสภาพดีเหมือนกายเด็ก

และได้กำลังวังชาในวัยหนุ่มคืนมาอีก

26 เขาอธิษฐานต่อพระเจ้าและได้รับความโปรดปรานจากพระองค์

เขาได้เห็นพระพักตร์พระเจ้าและโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี

พระองค์ทรงรับเขาคืนสู่ฐานะผู้ชอบธรรม

27 เขาจะกลับมาบอกเพื่อนพ้องว่า

‘ข้าได้ทำบาปและได้บิดเบือนความถูกต้อง

แต่ก็ยังไม่ต้องรับโทษอันสาสม

28 พระเจ้าทรงไถ่จิตวิญญาณของข้าไว้ ไม่ให้ต้องลงสู่เหวลึก

ข้าจะมีชีวิตอยู่ชื่นชมความสว่างต่อไป’

29 “พระเจ้าทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ต่อมนุษย์

ถึงสองครั้ง หรือถึงสามครั้ง

30 เพื่อช่วยกู้จิตวิญญาณของเขาจากเหวลึก

ให้เขาได้รับแสงสว่างแห่งชีวิต

31 “โยบเอ๋ย โปรดตั้งใจฟังข้าพเจ้าเถิด

ขอให้นิ่งสงบ และข้าพเจ้าจะพูด

32 หากท่านมีอะไรจะพูดก็ขอให้บอก

พูดออกมาเถิด เพราะข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้รับความกระจ่าง

33 แต่หากไม่มี ก็จงฟังข้าพเจ้า

โปรดเงียบ และข้าพเจ้าจะสอนสติปัญญาแก่ท่าน”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/33-c76469d23174b2ce0893275aa24cfe43.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 34

1 แล้วเอลีฮูกล่าวว่า

2 “ฟังข้าพเจ้าเถิด ท่านผู้มีปัญญา

โปรดฟังข้าพเจ้า ท่านผู้รอบรู้

3 เพราะหูลิ้มลองถ้อยคำ

เหมือนลิ้นลิ้มรสอาหาร

4 ขอให้พวกเราแยกแยะเองว่าอะไรถูก

ขอให้พวกเราเรียนรู้ด้วยกันว่าสิ่งใดดี

5 “โยบกล่าวว่า ‘ข้าไม่มีความผิด

แต่พระเจ้าไม่ให้ความยุติธรรมแก่ข้า

6 แม้ข้าเองเป็นฝ่ายถูก

ก็ยังถูกหาว่าโกหก

แม้ข้าไม่ได้ทำผิด

ก็ยังถูกลงโทษเป็นแผลรักษาไม่หาย’

7 มีใครบ้างที่เป็นเหมือนโยบ

ผู้ดื่มด่ำความเย้ยหยันเหมือนดื่มน้ำ?

8 เขาเข้าเป็นพวกกับคนชั่ว

เขาคบค้ากับคนเลว

9 เพราะเขาพูดว่า ‘มนุษย์ไม่ได้ประโยชน์อะไร

จากการพยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัย’

10 “ดังนั้นจงฟังข้าพเจ้าเถิด ท่านผู้มีความเข้าใจ

ไม่มีวันที่พระเจ้าจะทำชั่ว

หรือองค์ทรงฤทธิ์จะทำผิด

11 พระองค์ทรงสนองแก่มนุษย์ตามสิ่งที่เขาได้ทำ

ทรงให้เขาได้รับสมกับความประพฤติของเขา

12 เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงกระทำผิด

หรือองค์ทรงฤทธิ์จะบิดเบือนความยุติธรรม

13 ใครหนอแต่งตั้งพระองค์ไว้เหนือโลก?

ใครหนอให้พระองค์ควบคุมดูแลโลกทั้งหมด?

14 ถ้าหากพระองค์ตั้งพระทัย

จะถอนจิตวิญญาณและลมปราณของพระองค์ไปเสีย

15 มวลมนุษยชาติก็จะพินาศสิ้น

มนุษย์จะกลับกลายเป็นฝุ่นธุลีดังเดิม

16 “หากท่านมีความเข้าใจ

ขอจงฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า

17 ผู้ที่ชังความยุติธรรมจะปกครองได้หรือ?

ท่านจะกล่าวโทษองค์ผู้เที่ยงธรรมและทรงฤทธิ์หรือ?

18 ไม่ใช่พระองค์หรือที่ตรัสกับกษัตริย์ว่า ‘พวกเจ้าไม่มีค่า’

และตรัสกับบรรดาเจ้านายว่า ‘พวกเจ้าชั่วช้า’?

19 พระองค์ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างเจ้านาย

หรือเห็นแก่คนรวยมากกว่าคนจน

เพราะพวกเขาล้วนเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์

20 กลางดึกพวกเขาตายอย่างฉับพลัน

ผู้คนสั่นสะท้านแล้วตายจากไป

บรรดาผู้เกรียงไกรถูกคร่าไป ไม่ใช่ด้วยน้ำมือมนุษย์

21 “พระเนตรของพระเจ้าเฝ้าดูวิถีทางของมนุษย์

ทรงเห็นทุกย่างก้าวของพวกเขา

22 ไม่มีที่มืดและเงาทึบใดๆ

ที่คนชั่วจะซ่อนตัวได้

23 พระเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสอบสวนมนุษย์อีก

พวกเขาจึงไม่ต้องมาต่อหน้าพระองค์เพื่อรับการตัดสิน

24 พระองค์ทรงทำลายผู้เกรียงไกรลงโดยไม่ต้องไต่สวน

และทรงตั้งคนอื่นแทนพวกเขา

25 เพราะทรงสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขา

ทรงคว่ำพวกเขาลงในชั่วข้ามคืน และพวกเขาก็ถูกขยี้แหลกลาญ

26 พระองค์ทรงลงโทษพวกเขาต่อหน้าทุกๆ คน

โทษฐานที่ทำความชั่ว

27 เพราะพวกเขาหันเหจากการติดตามพระเจ้า

ไม่สนใจวิถีทางใดๆ ของพระองค์

28 พวกเขาทำให้เสียงร่ำร้องของผู้ยากไร้มาถึงพระเจ้า

พระองค์จึงทรงได้ยินเสียงร้องของผู้ขัดสน

29 แต่หากพระองค์ทรงนิ่งอยู่ ใครจะกล่าวโทษพระองค์ได้?

หากทรงซ่อนพระพักตร์ไว้ ใครเล่าจะเห็นพระองค์?

แต่พระองค์ทรงอยู่เหนือมนุษย์และเหนือประชาชาติด้วย

30 เพื่อทรงป้องกันไม่ให้คนอธรรมขึ้นปกครอง

ไม่ให้เขาวางตาข่ายดักประชาชน

31 “หากผู้หนึ่งทูลพระเจ้าว่า ‘ข้าพระองค์ผิดไปแล้ว

แต่จะไม่ทำผิดอีก

32 ที่ยังไม่รู้ว่าผิดตรงไหน ก็ขอทรงชี้แนะสั่งสอน

หากข้าพระองค์ได้ทำผิดไป จะไม่ทำเช่นนั้นอีก’

33 แล้วควรหรือที่พระเจ้าจะตอบสนองตามที่ท่านกำหนด

ในเมื่อท่านไม่ยอมกลับใจสำนึกผิด?

ท่านต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจ ไม่ใช่ข้าพเจ้า

ฉะนั้นโปรดบอกสิ่งที่ท่านทราบแก่ข้าพเจ้า

34 “บรรดาผู้ที่มีความเข้าใจ

คนมีปัญญาที่ได้ฟังข้าพเจ้า พูดกับข้าพเจ้าว่า

35 ‘โยบพูดโดยขาดความรู้

คำพูดของโยบขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง’

36 ขอให้โยบถูกทดสอบจนถึงที่สุดเถิด

เพราะเขาตอบเหมือนคนชั่วร้าย!

37 นอกเหนือจากทำบาปแล้ว เขายังกบฏอีก

เขาตบมือเยาะเย้ยอยู่ในหมู่พวกเรา

และพรั่งพรูคำพูดต่อว่าพระเจ้า”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/34-534381603c816e6b42d502860a0721cf.mp3?version_id=179—