Categories
โยบ

โยบ 35

1 แล้วเอลีฮูกล่าวต่อไปว่า

2 “ท่านคิดว่ายุติธรรมแล้วหรือ?

ที่ท่านพูดว่า ‘พระเจ้าจะทรงลบล้างข้อกล่าวหาทั้งหมดของข้าพเจ้า’

3 แต่ท่านก็ยังทูลพระองค์ว่า ‘มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าพเจ้า

และข้าพเจ้าจะได้อะไรจากการไม่ทำบาป?’

4 “ข้าพเจ้าขอตอบท่าน

และเพื่อนๆ ที่อยู่กับท่านด้วย

5 จงมองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์

ดูหมู่เมฆสูงโพ้นเหนือท่านสิ

6 หากท่านทำบาปจะมีผลอะไรต่อพระองค์?

แม้ท่านทำบาปมากมายจะกระทบกระเทือนพระองค์อย่างไร?

7 หากท่านชอบธรรม ท่านได้ถวายอะไรแด่พระองค์หรือ?

พระองค์ทรงรับสิ่งใดจากมือของท่านหรือ?

8 ความชั่วร้ายของท่านก็มีผลต่อคนอย่างท่านเท่านั้น

และความชอบธรรมของท่านก็มีผลต่อมนุษย์เท่านั้น

9 “มนุษย์ร้องโอดครวญเมื่อถูกกดขี่ข่มเหง

วิงวอนขอให้หลุดจากมือผู้มีอำนาจ

10 แต่ไม่มีใครกล่าวว่า ‘พระเจ้าพระผู้สร้างของข้าอยู่ที่ไหน?

ผู้ประทานบทเพลงในยามค่ำคืน

11 ผู้ทรงสอนเรามากกว่าสัตว์ทั้งหลายในโลก

และทำให้เราฉลาดกว่านกในอากาศ’

12 พระองค์ไม่ได้ทรงตอบเมื่อมนุษย์ร้องทุกข์

เนื่องจากความหยิ่งผยองของคนชั่ว

13 แท้ที่จริงพระเจ้าไม่ทรงฟังคำวิงวอนไร้สาระของเขา

องค์ทรงฤทธิ์ไม่สนพระทัยที่จะฟัง

14 ฉะนั้นพระองค์จะยิ่งไม่ทรงรับฟัง

เมื่อท่านกล่าวว่าท่านไม่เห็นพระองค์

เมื่อกล่าวว่าคดีความของท่านอยู่ต่อหน้าพระองค์

และท่านต้องรอคอยพระองค์

15 และยิ่งกว่านั้นเมื่อท่านกล่าวว่าพระองค์ไม่เคยลงโทษด้วยพระพิโรธ

และพระองค์ไม่สังเกตดูความชั่วร้ายแม้แต่น้อย

16 ดังนั้นโยบเปิดปากกล่าวอย่างไร้สาระ

และพูดมากโดยปราศจากความรู้”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/35-fa766f8862e7bf4e5e62701c8f390b69.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 36

1 เอลีฮูกล่าวต่อไปว่า

2 “ขอให้รับฟังอีกสักหน่อย และข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นว่า

มีอย่างอื่นอีกมากมายที่ต้องพูดแทนพระเจ้า

3 ข้าพเจ้าได้ความรู้มาจากแดนไกล

ข้าพเจ้าจะชี้แจงให้ฟังว่าความยุติธรรมนั้นเป็นของพระผู้สร้างของข้าพเจ้า

4 มั่นใจเถิดว่าคำพูดของข้าพเจ้าเป็นความจริง

ผู้รอบรู้แท้จริงอยู่กับท่านแล้ว

5 “พระเจ้าทรงฤทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ทรงเหยียดหยามผู้ใด

พระองค์ทรงฤทธิ์และแน่วแน่ในพระประสงค์

6 พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้คนชั่วมีชีวิตอยู่

แต่ประทานสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่ทุกข์ทรมาน

7 พระเนตรของพระองค์ไม่หันไปจากคนชอบธรรม

แต่ทรงให้เขานั่งบนบัลลังก์ร่วมกับเหล่ากษัตริย์

และเชิดชูเขาตลอดไป

8 แต่หากมนุษย์ถูกพันธนาการ

ถูกมัดด้วยบ่วงทุกข์ทรมาน

9 พระองค์ก็ตรัสบอกพวกเขาว่าพวกเขาได้ทำอะไรลงไป

ว่าพวกเขาทำบาปด้วยความผยองอย่างไรบ้าง

10 พระองค์ทรงทำให้พวกเขารับฟังการเตือนสอน

และทรงบัญชาให้พวกเขากลับใจจากความชั่วร้าย

11 หากพวกเขาเชื่อฟังและปรนนิบัติพระเจ้า

พวกเขาจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความเจริญรุ่งเรือง

และปีเดือนของพวกเขาจะเป็นที่อิ่มเอมใจ

12 แต่หากพวกเขาไม่ยอมฟัง

พวกเขาจะพินาศด้วยคมดาบ

และตายโดยปราศจากความรู้

13 “คนอธรรมเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ

แม้เมื่อพระองค์ทรงล่ามพวกเขาไว้ พวกเขาก็ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ

14 พวกเขาเสียชีวิตตั้งแต่วัยฉกรรจ์

ตายในหมู่ผู้ชายขายตัวตามสถานบูชา

15 แต่พระเจ้าทรงกอบกู้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์

พระองค์ตรัสกับเขายามทุกข์ลำเค็ญ

16 “พระองค์ทรงเกลี้ยกล่อมท่านให้ออกจากความทุกข์ยาก

มายังสถานที่กว้างขวางไร้ข้อจำกัด

มาสู่โต๊ะอาหารอันน่าอภิรมย์ของท่านซึ่งเพียบพร้อมด้วยอาหารอันโอชะ

17 แต่บัดนี้ท่านมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการพิพากษาโทษอันควรแก่คนชั่วร้าย

พระอาญาและความยุติธรรมจู่โจมจับท่านแล้ว

18 ระวังเถิด อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยทรัพย์สมบัติ

อย่าให้สินบนก้อนใหญ่ทำให้ท่านเขวไป

19 ทรัพย์สินหรือความทุ่มเทเพียรพยายามใดๆ ของท่านนั้น

จะช่วยค้ำชูท่านไม่ให้ตกอยู่ในความทุกข์ได้หรือ?

20 อย่าปรารถนายามค่ำคืน

เพื่อจะพรากผู้คนจากเหย้าเรือน

21 จงระมัดระวังที่จะไม่หันไปหาความชั่วร้าย

ซึ่งดูเหมือนท่านเต็มใจจะเลือกเอามากกว่าความทุกข์ทรมาน

22 “ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเป็นที่ยกย่องเทิดทูน

ผู้ใดเล่าเป็นครูเสมอเหมือนพระองค์?

23 ใครจะบงการวิถีทางของพระองค์ได้

หรือกล่าวกับพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงกระทำผิด’?

24 อย่าลืมยกย่องพระราชกิจของพระเจ้า

ซึ่งมนุษย์ร้องเพลงสดุดี

25 มวลมนุษยชาติได้เห็นพระราชกิจเหล่านั้น

เหล่ามนุษย์เพ่งดูแต่ไกล

26 พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก! เกินกว่าที่เราจะเข้าใจ

พระองค์ดำรงอยู่มานานเท่าใด เกินกว่าเราจะรู้

27 “พระองค์ทรงรวบรวมหยดน้ำขึ้นไป

แล้วกลั่นเป็นฝนรดธารน้ำ

28 หมู่เมฆเทความชุ่มชื้นลงมาให้

และโปรยปรายสายฝนแก่มนุษยชาติอย่างเหลือเฟือ

29 ผู้ใดเล่าสามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ถึงการกระจายตัวของหมู่เมฆ

และการคำรนคำรามของฟ้าผ่า?

30 จงดูวิธีการที่ทรงกระจายฟ้าแลบรอบพระองค์

อาบที่ลึกแห่งท้องทะเล

31 โดยวิธีนี้พระองค์ทรงปกครองมวลประชาชาติ

และประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์

32 พระองค์ทรงกุมสายฟ้าแลบไว้ในพระหัตถ์

และบงการให้มันผ่าตรงจุดที่หมายไว้

33 ฟ้าคำรนของพระองค์ประกาศว่าพายุกำลังจะมา

แม้แต่ฝูงสัตว์ก็บอกให้รู้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/36-b1e765deb0b055c484c2089dc3744248.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 37

1 “จิตใจของข้าพเจ้าสั่นระรัว

และสะทกสะท้านด้วยข้อนี้

2 ฟังสิ! ฟังเสียงกัมปนาทของพระองค์

เสียงดังก้องจากพระโอษฐ์ของพระองค์

3 พระองค์ทรงปล่อยฟ้าแลบไปทั่วใต้ฟ้าสวรรค์

และทรงส่งออกไปไกลถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

4 ติดตามด้วยพระสุรเสียงกึกก้อง

เป็นเสียงกระหึ่มด้วยเดชานุภาพ

เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง

พระองค์ก็ไม่ได้ทรงหน่วงเหนี่ยวสิ่งใดไว้

5 พระสุรเสียงของพระเจ้าดังกึกก้องอย่างน่าอัศจรรย์

ทรงกระทำสิ่งยิ่งใหญ่เกินกว่าเราจะเข้าใจ

6 พระองค์ทรงบัญชาหิมะว่า ‘จงตกลงมาบนแผ่นดินโลก’

และตรัสกับสายฝนว่า ‘จงเทลงมาอย่างหนัก’

7 พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์หยุดจากงานของพวกเขา

เพื่อมนุษย์ทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นจะรู้ถึงพระราชกิจของพระองค์

8 สัตว์ทั้งหลายเข้าสู่ที่กำบัง

พักอยู่ในถ้ำของมัน

9 พายุออกมาจากแหล่งของมัน

ความหนาวเย็นมากับลมกล้า

10 ลมหายใจของพระเจ้าทรงทำให้เกิดน้ำแข็ง

ทรงทำให้ห้วงน้ำกว้างใหญ่แข็งตัว

11 พระองค์ทรงบรรจุความชุ่มชื้นไว้ในเมฆ

และทรงกระจายสายฟ้าแลบออกไป

12 เมื่อพระองค์ทรงบัญชา เมฆก็หมุนวนเหนือพื้นผิวของทั้งโลก

มันทำทุกอย่างตามที่ทรงบัญชา

13 พระองค์ทรงส่งเมฆมาเพื่อลงโทษมนุษย์

หรือเพื่อรดแผ่นดินโลกของพระองค์และแสดงความรักมั่นคงของพระองค์

14 “ฟังเถิด โยบเอ๋ย

จงนิ่งพิจารณาสิ่งอัศจรรย์ทั้งปวงของพระเจ้า

15 ท่านทราบไหมว่า พระเจ้าทรงควบคุมเมฆ

และทำให้ฟ้าแลบได้อย่างไร?

16 ท่านทราบไหมว่าเมฆลอยอยู่ได้อย่างไร?

ท่านทราบการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ผู้ทรงรู้ทุกสิ่งอย่างถ่องแท้หรือ?

17 ท่านผู้ร้อนอึดอัดอยู่ในเสื้อผ้า

เมื่อแผ่นดินโลกซบเซาอยู่เพราะลมใต้

18 ท่านสามารถช่วยพระเจ้าคลี่ท้องฟ้าออกมา

ซึ่งแข็งเหมือนแผ่นทองสัมฤทธิ์ขัดเงาได้หรือ?

19 “บอกเราสิว่าเราจะทูลพระองค์ว่าอย่างไรได้

เราไม่สามารถแถลงคดีของเราเนื่องจากความมืดของเรา

20 จะทูลพระองค์ได้หรือว่าข้าพระองค์อยากจะพูด?

มีใครบ้างขอให้ตนเองถูกกลืนกิน?

21 ไม่มีใครสามารถมองดูดวงอาทิตย์ได้

ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าในท้องฟ้า

ยามที่ลมพัดเมฆผ่านพ้นไป

22 พระเจ้าเสด็จมาจากทิศเหนือด้วยแสงทองเจิดจรัส

พระองค์เสด็จมาด้วยพระบารมีอันน่าครั่นคร้าม

23 องค์ทรงฤทธิ์สูงส่งเกินกว่าเราจะเอื้อมถึง และฤทธิ์อำนาจของพระองค์เป็นที่เทิดทูน

ถึงกระนั้นโดยความชอบธรรมและความยุติธรรม พระองค์ไม่ได้ทรงกดขี่ข่มเหง

24 ฉะนั้นมวลมนุษย์จึงยำเกรงพระองค์

เพราะพระองค์ทรงดูแลทุกคนที่มีปัญญาไม่ใช่หรือ?”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/37-61c05a8c0f7fe3799fef74c5e40e05dd.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 38

องค์พระผู้เป็นเจ้า

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบออกมาจากพายุว่า

2 “นี่ใครหนอที่บดบังคำปรึกษาของเรา

ด้วยถ้อยคำที่ปราศจากความรู้?

3 จงคาดเอวอย่างลูกผู้ชาย

เราจะถาม แล้วเจ้าจงตอบ

4 “เจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อเราวางฐานรากของโลก?

หากเจ้าเข้าใจ จงบอกเรามาเถิด

5 ใครที่กำหนดขนาดให้โลก? เจ้าย่อมรู้แน่นอน!

ใครหนอเป็นผู้ขึงเชือกวัดรอบโลก?

6 อะไรที่ค้ำจุนฐานรากของมันไว้

และใครเป็นผู้วางศิลามุมเอกของมัน

7 ขณะที่เหล่าดวงดาวแห่งรุ่งอรุณขับขานบทเพลงด้วยกัน

และทูตสวรรค์ทั้งมวลโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี?

8 “ใครเป็นผู้ปิดประตูกั้นทะเล

เมื่อมันพุ่งขึ้นมาเหมือนออกจากครรภ์

9 เมื่อเราใช้เมฆเป็นอาภรณ์ของมัน

ใช้ความมืดทึบห่อหุ้มมัน

10 เมื่อเรากำหนดขอบเขตจำกัดมันไว้

ตั้งประตูและดาลกั้นไว้

11 เมื่อเราพูดว่า ‘เจ้าไปได้ไกลแค่นี้ จะไปไกลกว่านี้ไม่ได้

คลื่นคะนองของเจ้าจะหยุดอยู่ตรงนี้แหละ’?

12 “เจ้าเคยบงการรุ่งอรุณ

หรือกำหนดตำแหน่งให้แก่รุ่งสาง

13 เพื่อให้มันสาดแสงไปถึงชายขอบแผ่นดิน

และสลัดคนชั่วออกไปใช่ไหม?

14 แผ่นดินเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเหมือนดินเหนียวซึ่งถูกประทับตรา

ลักษณะของมันโดดเด่นออกมาเหมือนของเสื้อผ้าอาภรณ์

15 คนชั่วร้ายไม่ได้รับความสว่าง

และแขนที่เงื้อง่าของเขาก็ถูกหัก

16 “เจ้าเคยเดินทางไปถึงที่ตาน้ำของห้วงสมุทร

หรือเดินในห้วงลึกของมันไหม?

17 ประตูของความตายเคยเผยให้เจ้าเห็นบ้างไหม?

เคยเห็นประตูแห่งเงามัจจุราชไหม?

18 เจ้าหยั่งรู้ความกว้างใหญ่ของโลกหรือไม่?

หากเจ้ารู้ทุกสิ่งนี้ จงบอกเรามาเถิด

19 “หนทางที่นำไปสู่ที่อยู่ของความสว่างอยู่ที่ไหน?

และความมืดพำนักอยู่ที่ไหน?

20 เจ้านำพวกมันกลับไปยังที่ของพวกมันได้หรือ?

เจ้ารู้จักเส้นทางไปยังที่อยู่ของพวกมันหรือ?

21 แน่ละ เจ้าย่อมรู้ เพราะเจ้าเกิดมาแล้ว!

และอยู่มานานหลายปีแล้ว!

22 “เจ้าเคยไปเยือนคลังหิมะหรือ?

เคยเห็นแหล่งลูกเห็บใช่ไหม?

23 ซึ่งเราสงวนไว้เพื่อยามมีปัญหา

สำหรับใช้ในศึกสงคราม

24 ทางไปสู่จุดที่ฟ้าแลบกระจายตัวอยู่ที่ไหน?

หรือที่ลมตะวันออกพัดกระจายไปทั่วโลกอยู่ที่ไหน?

25 ใครขุดช่องให้ห่าฝน

และทำทางให้พายุฟ้าคะนอง

26 เพื่อรดดินแดนซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัย

รดถิ่นกันดารซึ่งไม่มีใครอยู่

27 เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดินแดนอันแห้งแล้งแตกระแหง

และให้หญ้าอ่อนผลิขึ้นมา?

28 ฝนมีพ่อหรือ?

ใครให้กำเนิดหยาดน้ำค้าง?

29 น้ำแข็งออกมาจากครรภ์ของผู้ใด?

ใครให้กำเนิดน้ำค้างแข็งแห่งฟ้าสวรรค์?

30 น้ำนั้นแข็งตัวเหมือนศิลาเมื่อใด?

พื้นผิวแห่งห้วงน้ำลึกแข็งตัวเมื่อใด?

31 “เจ้ามัดดาวลูกไก่ที่สวยงามให้เป็นกลุ่มก้อนได้หรือ?

หรือคลายเชือกให้ดาวไถได้หรือ?

32 เจ้าสามารถนำหมู่ดาวต่างๆ มาตามฤดูกาลของมันได้หรือ?

หรือนำกลุ่มดาวจระเข้พร้อมทั้งบริวารของมันให้โคจรได้หรือ?

33 เจ้ารู้กฎระเบียบของจักรวาลหรือ?

เจ้าตั้งอาณาจักรของพระเจ้าเหนือโลกได้หรือ?

34 “เจ้าสามารถร้องบอกเมฆ

และทำให้มันรินฝนลงมาจนตัวเจ้าเปียกชุ่มได้หรือ?

35 เจ้าบันดาลให้เกิดฟ้าแลบได้หรือ?

มันรายงานต่อเจ้าหรือว่า ‘พวกเราอยู่ที่นี่’?

36 ใครเป็นผู้ให้สติปัญญาแก่จิตใจ

หรือให้ความเข้าใจแก่ความคิด?

37 ใครมีปัญญาพอที่จะนับจำนวนเมฆได้ครบ?

ใครเป็นผู้คว่ำคนโทน้ำแห่งฟ้าสวรรค์ลงมา

38 เมื่อฝุ่นธุลีแห้งกรัง

และก้อนดินเกาะกันแน่น?

39 “เจ้าล่าเหยื่อให้นางสิงห์

และเลี้ยงดูสิงโตที่หิวโหยหรือ?

40 เมื่อมันนอนอยู่ในถ้ำ

หรือซุ่มรออยู่ในพงรก

41 ใครหาอาหารให้นกกา

เมื่อลูกอ่อนของมันร้องต่อพระเจ้า

และกระเสือกกระสนเพราะขาดอาหาร?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/38-b602388abb02e0e71a274cc2d186240c.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 39

1 “เจ้ารู้หรือไม่ว่าแพะภูเขาตกลูกเมื่อใด?

เจ้าเฝ้าดูกวางตัวเมียคลอดลูกอ่อนหรือ?

2 เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันตั้งท้องกี่เดือน?

เจ้ารู้เวลาที่มันตกลูกหรือ?

3 พวกมันหมอบตัวลงให้กำเนิดลูกอ่อน

การเจ็บท้องคลอดของมันสิ้นสุดลง

4 ลูกอ่อนของมันเติบโตและแข็งแรงขึ้นในป่า

แล้วก็จากไปไม่กลับมาอีก

5 “ใครปล่อยลาป่าให้เป็นอิสระ?

ใครแก้เชือกที่ผูกมันไว้?

6 เราได้ให้ที่กันดารไว้เป็นบ้านของมัน

และให้ย่านดินโป่งเป็นที่อาศัยของมัน

7 มันหัวเราะเยาะเสียงอึกทึกของตัวเมือง

และมันไม่ได้ยินเสียงตะโกนของผู้ขับขี่

8 แนวเขาเป็นทุ่งหญ้าของมัน

ที่นั่นมันเสาะหาหญ้าเขียวทุกยอด

9 “วัวป่าจะยอมรับใช้เจ้าหรือ?

มันจะอยู่ข้างๆ รางหญ้าของเจ้าในยามค่ำคืนหรือ?

10 เจ้าสามารถจับมันสนตะพายมาลากไถให้เจ้าหรือ?

มันจะยอมไถที่ลุ่มตามเจ้าไปหรือ?

11 เจ้าจะพึ่งพากำลังมหาศาลของมันหรือ?

เจ้าจะมอบงานหนักให้มันทำหรือ?

12 เจ้าจะเชื่อใจให้มันนำเมล็ดข้าวของเจ้า

มายังลานนวดข้าวหรือ?

13 “นกกระจอกเทศกระพือปีกอย่างร่าเริง

แต่ปีกของมันไม่อาจเทียบกับปีกและขนของนกกระสาดำได้

14 มันวางไข่ที่พื้น

และปล่อยให้อุ่นอยู่ในทราย

15 ไม่สนใจว่าอาจจะถูกเหยียบแตก

หรือสัตว์ป่าจะมาเหยียบย่ำ

16 มันทำกับลูกอ่อนอย่างดุดัน ราวกับว่านั่นไม่ใช่ลูก

และมันไม่ใส่ใจแม้ว่าจะเหนื่อยเปล่า

17 เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้สติปัญญาแก่มัน

หรือให้มันรู้จักคิด

18 แต่เมื่อมันกางปีกวิ่งไป

มันก็ยิ้มเยาะม้าและผู้ขี่

19 “เจ้าให้พละกำลังแก่ม้า

และให้แผงคอปลิวไสวแก่มันหรือ?

20 เจ้าให้มันเผ่นโผนเหมือนตั๊กแตนหรือ?

เสียงหายใจของมันน่าสะพรึงกลัว

21 มันตะกุยดิน ปีติยินดีในพละกำลังของมัน

และตรงเข้าไปในการต่อสู้

22 มันหัวเราะเยาะความกลัว ไม่เกรงสิ่งใด

และมันไม่วิ่งหนีคมดาบ

23 ลูกธนูพุ่งมาทางด้านข้าง

พร้อมกับทวนและหอกที่ส่องประกายวาววับ

24 มันตะกุยพื้นดินอย่างดุเดือด

และยืนนิ่งอยู่ไม่ได้เมื่อเสียงแตรดังขึ้น

25 เมื่อได้ยินเสียงแตร มันร้อง ‘ฮี่แฮ่!’

มันได้กลิ่นสงครามแต่ไกล

เสียงโห่ร้องออกศึก เสียงตะโกนของนายทัพ

26 “เหยี่ยวบินขึ้นฟ้าและคลี่ปีกบินไปทางใต้

ด้วยปัญญาของเจ้าหรือ?

27 นกอินทรีทะยานขึ้นและสร้างรังบนที่สูง

ตามคำสั่งของเจ้าหรือ?

28 มันอาศัยอยู่บนหน้าผาและพักอยู่ที่นั่นยามค่ำคืน

ชะโงกผาคือที่กำบังแข็งแกร่งของมัน

29 จากที่นั่นมันเสาะหาอาหาร

ตาของมันมองเห็นเหยื่อแต่ไกล

30 ลูกของมันขยอกเลือดลงไปในคอ

มันไปทุกแห่งที่มีคนถูกเข่นฆ่า”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/39-27af36b2c5d460e478b88964c70853cb.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 40

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยบว่า

2 “ผู้ที่โต้แย้งกับองค์ทรงฤทธิ์มีอะไรจะแก้ไขพระองค์หรือ?

ให้คนที่ฟ้องร้องพระเจ้าตอบมาสิ!”

3 โยบจึงกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

4 “ข้าพระองค์ไม่คู่ควร แล้วข้าพระองค์จะทูลตอบพระองค์ได้อย่างไร?

ข้าพระองค์เอามือปิดปากไว้

5 ข้าพระองค์พูดไปแล้ว แต่ข้าพระองค์ไม่มีคำตอบ

พูดไปหลายครั้งหลายหนแล้ว ข้าพระองค์จะไม่พูดอีก”

6 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยบจากพายุว่า

7 “จงคาดเอวไว้อย่างลูกผู้ชาย

เราจะถาม

แล้วเจ้าจงตอบ

8 “เจ้าจะทำให้ความยุติธรรมของเราเสื่อมไปหรือ?

และหาว่าเราผิดเพื่อเจ้าจะเป็นฝ่ายถูกหรือ?

9 เจ้ามีแขนแข็งแรงเหมือนแขนของพระเจ้าหรือ?

เจ้าเปล่งเสียงกัมปนาทเหมือนพระเจ้าได้หรือ?

10 ถ้าเช่นนั้นจงประดับตัวด้วยศักดิ์ศรีและสง่าราศี

ห่มตัวด้วยเกียรติยศและบารมี

11 ระบายความเกรี้ยวกราดของเจ้าออกมาสิ

มองดูทุกคนที่หยิ่งผยองและปราบเขาให้ตกต่ำลงมาสิ

12 จงมองดูทุกคนที่หยิ่งผยองและทำให้เขาต่ำลง

บดขยี้คนชั่วร้ายในที่ซึ่งเขายืนอยู่สิ

13 จงฝังพวกเขาทุกคนไว้ด้วยกันในฝุ่นธุลี

และกลบหน้าเขาไว้ในหลุมฝังศพ

14 แล้วเราเองจะยอมรับว่า

มือขวาของเจ้าช่วยตัวเจ้าเองได้

15 “จงมองดูเบเฮโมทเถิด

เราได้สร้างมันขึ้นมาเหมือนที่เราสร้างเจ้า

มันกินหญ้าเหมือนวัว

16 ดูบั้นเอวอันทรงพลัง

และกล้ามเนื้อท้องของมันสิ!

17 หางของมันกวัดไกวเหมือนสนซีดาร์

เส้นเอ็นต้นขาของมันสานเข้าด้วยกันอย่างเหนียวแน่น

18 กระดูกของมันเหมือนท่อทองสัมฤทธิ์

แข้งขาของมันเหมือนท่อนเหล็ก

19 มันจัดอยู่ในอันดับแรกของบรรดาผลงานที่พระเจ้าทรงสร้าง

แต่พระผู้สร้างเข้าใกล้มันพร้อมด้วยดาบ

20 ผลผลิตแห่งภูเขาเป็นอาหารของมัน

และสัตว์ป่าทั้งปวงเริงเล่นอยู่ใกล้ๆ

21 มันนอนลงใต้กอบัว

กำบังตัวกลางพงอ้อในแอ่งน้ำ

22 มันซ่อนตัวใต้เงาบัว

กลางหมู่ต้นปอปลาร์ริมน้ำ

23 เมื่อแม่น้ำปั่นป่วน มันไม่ตกใจ

แม้แม่น้ำจอร์แดนอันเอ่อล้นจะซัดเข้าใส่ปากของมัน มันก็ยังมั่นคงปลอดภัย

24 ใครสามารถจับมันที่ตาแล้วลากไป

หรือดักและสนตะพายจมูกของมันได้?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/40-339d50def40f7576d2d659202b6749c9.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 41

1 “เจ้าจับเลวีอาธานด้วยเบ็ดได้หรือ?

เอาบ่วงคล้องลิ้นมันได้หรือเปล่า?

2 เจ้าสามารถเอาเชือกสนตะพายจมูกของมัน

เอาตะขอแทงขากรรไกรของมันได้หรือ?

3 มันจะวอนขอความเมตตาจากเจ้าหรือ?

จะพูดกับเจ้าอย่างนุ่มนวลหรือ?

4 มันจะตกลงยินยอม

เป็นทาสรับใช้ของเจ้าตลอดชีวิตหรือ?

5 เจ้าจะสามารถเลี้ยงดูมันเหมือนนก

และยกมันให้เป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวของเจ้าหรือ?

6 พ่อค้าจะมาต่อราคาซื้อมัน

และแบ่งขายกันหรือ?

7 หลาวจะระคายผิวของมันหรือ?

ฉมวกจะระคายหัวของมันหรือ?

8 หากเจ้าลงมือจับมันสักครั้ง

เจ้าจะจดจำการต่อสู้และเข็ดขยาดไม่กล้าทำอีกเลย!

9 เป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ที่คิดจะปราบมัน

แค่เห็นมันก็ใจฝ่อแล้ว

10 ไม่มีใครดุร้ายพอที่จะไปยั่วมัน

ก็แล้วใครเล่ากล้ายืนขึ้นต่อหน้าเรา?

11 ใครเล่าจะมาเอ่ยอ้างฟ้องร้องเราซึ่งเราต้องชดใช้ให้?

ทุกสิ่งภายใต้ฟ้าสวรรค์เป็นของเรา

12 “เราจะไม่งดกล่าวถึงแข้งขา

กำลังและเรือนร่างอันสง่างามของมัน

13 ใครสามารถถลกผิวหนังของมัน?

ใครสามารถคล้องบังเหียนให้มัน?

14 ใครจะกล้าเปิดปากของมัน

ซึ่งมีฟันน่ากลัวเรียงรายอยู่?

15 หลังของมันมีเกล็ดเหมือนโล่

ซ้อนถี่แนบกันเป็นแถว

16 ผนึกเรียงกันแน่น

จนอากาศผ่านเข้าไม่ได้

17 มันเกาะติดกันสนิท

ยึดแน่นจนไม่อาจแยกจากกันได้

18 เวลามันจาม มีแสงแวบวาบออกมา

ดวงตาของมันดั่งแสงอรุณ

19 เปลวเพลิงพ่นออกจากปากของมัน

มีประกายไฟแลบออกมา

20 ควันคละคลุ้งจากรูจมูกของมัน

เหมือนไอพวยพุ่งจากกาน้ำเดือดซึ่งใช้ต้นกกเป็นฟืน

21 ลมหายใจของมันจุดถ่านหินให้ลุกโชน

และเปลวไฟพุ่งขึ้นมาจากปากของมัน

22 คอของมันมีกำลังมหาศาล

ความอกสั่นขวัญแขวนนำหน้ามันไป

23 เนื้อของมันเกาะติดกันแน่น

แข็งหนาและขยับไม่ได้

24 หน้าอกของมันแข็งดั่งศิลา

แกร่งดั่งแท่นของหินโม่

25 เมื่อมันลุกขึ้น คนแข็งแรงที่สุดก็ขวัญหนีดีฝ่อ

พอมันขยับตัว พวกเขาก็ถอยหนี

26 ดาบ หอก หลาว แหลน

อาวุธใดๆ ไม่มีผลต่อมัน

27 สำหรับมัน เหล็กก็ไม่ต่างอะไรกับฟาง

และทองสัมฤทธิ์คือไม้ผุๆ

28 ลูกศรไม่สามารถทำให้มันหนีเตลิด

สำหรับมัน หินสลิงก็เหมือนแกลบ

29 กระบองก็เป็นเพียงฟางเส้นหนึ่ง

และมันหัวเราะเยาะหอกที่พุ่งเข้าใส่

30 ท้องของมันปกคลุมด้วยเกล็ดแหลมเหมือนเศษหม้อแตก

ทิ้งรอยไว้ในโคลนเหมือนเลื่อนนวดข้าว

31 มันทำให้ห้วงลึกปั่นป่วนเหมือนหม้อน้ำเดือด

ท้องทะเลพลุ่งพล่านเหมือนหม้อน้ำมันเดือด

32 มันทิ้งระลอกฟองผุดประกายอยู่ข้างหลัง

ใครเห็นคงนึกว่าทะเลมีผมหงอก

33 ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้วในโลกที่เหมือนมัน

เป็นสัตว์ซึ่งไม่รู้จักความกลัว

34 มันดูถูกสัตว์ที่เย่อหยิ่งทั้งปวง

มันเป็นราชาเหนือสรรพสิ่งที่ทรนง”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/41-b7060f80fe0f19f766c00cb73148c897.mp3?version_id=179—

Categories
โยบ

โยบ 42

โยบ

1 โยบจึงทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

2 “ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้

แผนการของพระองค์ไม่มีอะไรขวางได้

3 พระองค์ตรัสถามว่า ‘ใครหนอที่บดบังคำปรึกษาของเราไว้โดยปราศจากความรู้?’

แน่ทีเดียว ข้าพระองค์พูดสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ

สิ่งที่อัศจรรย์เกินความรู้ของข้าพระองค์

4 “พระองค์ตรัสว่า ‘ฟังเถิด เราจะพูด

เราจะถาม

แล้วเจ้าจงตอบ’

5 หูของข้าพระองค์เคยได้ยินถึงเรื่องของพระองค์มาก่อน

แต่บัดนี้ตาของข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์แล้ว

6 ฉะนั้นข้าพระองค์จึงเกลียดชังตัวเอง

และสำนึกผิดในกองธุลีและขี้เถ้า”

บทส่งท้าย

7 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยบจบแล้ว พระองค์ก็ตรัสกับเอลีฟัสชาวเทมานว่า “เราโกรธเจ้ากับเพื่อนอีกสองคนของเจ้า เพราะเจ้าไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้องเหมือนดั่งโยบผู้รับใช้ของเรา

8 บัดนี้จงนำวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวไปหาโยบผู้รับใช้ของเรา และถวายเครื่องเผาบูชาสำหรับพวกเจ้าเอง แล้วโยบผู้รับใช้ของเราจะอธิษฐานเผื่อเจ้า เราจะรับคำอธิษฐานของโยบ และไม่ลงมือกับเจ้าตามความโง่เขลาของเจ้า เจ้าไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้องเหมือนโยบผู้รับใช้ของเรา”

9 ฉะนั้นเอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ จึงทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับคำอธิษฐานของโยบ

10 หลังจากที่โยบอธิษฐานเผื่อเพื่อนๆ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งและประทานสิ่งต่างๆ ให้เขามากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

11 แล้วพี่น้องชายหญิงและทุกคนที่รู้จักกันมาก่อนพากันมาร่วมเลี้ยงฉลองในบ้านของโยบ ปลอบใจเขาเกี่ยวกับความทุกข์ลำเค็ญต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำมาถึงโยบ แต่ละคนนำเงินหนึ่งแผ่นและแหวนทองคำหนึ่งวงมามอบให้เขา

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรโยบในบั้นปลายของชีวิตมากยิ่งกว่าตอนต้น บัดนี้เขามีแกะ 14,000 ตัว อูฐ 6,000 ตัว วัวผู้ 1,000 คู่ และลา 1,000 ตัว

13 เขายังมีบุตรชายเจ็ดคน บุตรสาวสามคนด้วย

14 บุตรสาวคนแรกของเขาชื่อเยมีมาห์ คนที่สองชื่อเคสิยาห์ คนที่สามชื่อเคเรนหัปปุค

15 ตลอดทั่วแดนนั้นไม่มีหญิงสาวคนใดงามเท่าบรรดาบุตรสาวของโยบ เขาได้จัดแบ่งมรดกให้แก่พวกนางเหมือนที่ให้กับบุตรชาย

16 หลังจากนั้นโยบมีอายุยืนยาวต่อไปอีก 140 ปี มีชีวิตอยู่เห็นหลานเหลนถึงสี่รุ่น

17 แล้วในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิต เป็นคนชรามากทีเดียว

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOB/42-36af36e21093cfdd9d2c94abef8b1f46.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 1

1 ความสุขมีแก่คนเหล่านั้นที่ไม่เดินตามรอยเท้าของคนชั่ว

หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป

หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนชอบเยาะเย้ย

2 แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน

3 พวกเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ

ซึ่งออกผลตามฤดูกาล

และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง

ทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เจริญรุ่งเรือง

4 ส่วนคนชั่วไม่เป็นเช่นนั้น!

เขาเป็นเหมือนแกลบ

ซึ่งลมพัดปลิวฟุ้งไป

5 ดังนั้นคนชั่วจะถูกตัดสินโทษเมื่อถึงวันพิพากษา

และคนบาปจะไม่อยู่ในที่ชุมนุมของผู้ชอบธรรม

6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลทางของคนชอบธรรม

แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/1-201318327ecb4f73edb0a1d00ca4c561.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 2

1 เหตุใดประชาชาติทั้งหลายจึงคบคิดกัน?

ชนชาติต่างๆ จะวางแผนให้ป่วยการไปทำไม?

2 เหล่ากษัตริย์ของโลกตั้งตนขัดขืน

บรรดาผู้ปกครองรวมตัวกัน

เพื่อวางแผนต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้า

และต่อต้านผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ทรงเจิมตั้งไว้

3 แล้วกล่าวว่า “ให้พวกเราหักโซ่ตรวน

และปลดเครื่องพันธนาการของพวกเขาทิ้งไป”

4 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับในฟ้าสวรรค์ทรงหัวเราะ

พระองค์ทรงเย้ยหยันพวกเขา

5 แล้วพระองค์ทรงกำราบพวกเขาด้วยพระพิโรธ

และทรงทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยพระพิโรธ โดยตรัสว่า

6 “เราได้ตั้งกษัตริย์ผู้หนึ่งของเราไว้แล้ว

บนศิโยนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

7 กษัตริย์ผู้นั้นจะประกาศพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

พระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา

วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า

8 จงขอจากเรา

แล้วเราจะมอบประชาชาติทั้งหลายให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า

และให้เจ้าครอบครองไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก

9 เจ้าจะตีพวกเขาให้แตกด้วยกระบองเหล็ก

เจ้าจะฟาดพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนหม้อดิน”

10 เหตุฉะนั้น กษัตริย์ทั้งหลายเอ๋ย จงมีปัญญา

บรรดาผู้นำของโลกเอ๋ย จงฟังคำตักเตือน

11 จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยำเกรง

และจงชื่นชมยินดีจนเนื้อเต้น

12 จงก้มกราบพระบุตรนั้นมิฉะนั้นพระองค์จะทรงพระพิโรธ

และท่านกับหนทางต่างๆ ของท่านจะถูกทำลาย

เพราะว่าพระพิโรธของพระองค์จะพลุ่งขึ้นในพริบตา

ความสุขมีแก่ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/2-9aa67d7fd0c90af4f62475d07eb6b85a.mp3?version_id=179—