Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 3

1 นี่เรากำลังจะชมตนเองอีกแล้วหรือ? หรือเราเป็นเหมือนบางคนที่ต้องการจดหมายรับรองจากท่านหรือถือจดหมายรับรองมาหาท่าน?

2 ตัวท่านเองคือจดหมายของเรา จารึกอยู่ที่ดวงใจของเราให้ทุกคนได้รู้และได้อ่าน

3 ท่านแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นจดหมายจากพระคริสต์ เป็นผลจากพันธกิจของเรา ไม่ใช่เขียนด้วยหมึกแต่เขียนขึ้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ไม่ได้จารึกบนแผ่นศิลาแต่จารึกบนดวงใจมนุษย์

4 นี่คือความมั่นใจของเราโดยทางพระคริสต์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

5 ไม่ใช่ว่าเราเองมีความสามารถที่จะอ้างสิทธิ์ในสิ่งใด แต่ความสามารถของเรามาจากพระเจ้า

6 พระองค์ทรงให้เรามีความสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่ ไม่ใช่พันธสัญญาแห่งบทบัญญัติที่จารึกไว้ แต่เป็นพันธสัญญาแห่งพระวิญญาณ เพราะบทบัญญัติประหารชีวิตแต่พระวิญญาณประทานชีวิต

รัศมีแห่งพันธสัญญาใหม่

7 ถ้าพันธกิจซึ่งนำความตายมา ที่จารึกด้วยตัวอักษรบนแผ่นศิลา ยังมากับรัศมี แม้รัศมีนี้จะจางหายไป แต่ก็เป็นเหตุทำให้ชนอิสราเอลไม่กล้ามองหน้าโมเสส

8 แล้วพันธกิจแห่งพระวิญญาณจะไม่ยิ่งเปี่ยมด้วยรัศมีกว่านั้นหรือ?

9 หากพันธกิจที่ตัดสินโทษมนุษย์ยังเปล่งรัศมี พันธกิจที่นำความชอบธรรมมาให้จะเปล่งรัศมีเจิดจ้ายิ่งกว่านั้นสักเท่าใด!

10 เพราะสิ่งที่เคยมีรัศมีเจิดจ้า บัดนี้ก็อับแสงไปเมื่อเทียบกับรัศมีอันเจิดจ้ายิ่งกว่า

11 และถ้าสิ่งที่กำลังเลือนหายยังมากับรัศมี รัศมีของสิ่งที่ยืนยงจะยิ่งใหญ่เหนือกว่านั้นสักเท่าใด!

12 เหตุฉะนั้นเพราะเรามีความหวังใจเช่นนี้ เราจึงมีใจกล้า

13 เราไม่เหมือนโมเสสซึ่งเอาผ้าคลุมหน้าเพื่อไม่ให้ชนอิสราเอลมองเห็นรัศมีที่กำลังจางหายไป

14 แต่ครั้งนั้นจิตใจของพวกเขาก็ดื้อด้าน เพราะจนถึงทุกวันนี้ผ้าคลุมหน้าเดียวกันนั้นก็ยังคงอยู่เมื่อเขาอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมหน้านี้ยังไม่ได้ถูกเอาออกไป เพราะในพระคริสต์เท่านั้นที่ผ้านี้จะถูกเอาออกไปได้

15 กระทั่งทุกวันนี้เมื่ออ่านบัญญัติของโมเสส ผ้าก็ยังคลุมใจของพวกเขาอยู่

16 แต่เมื่อใดที่มีใครหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกนำออกไป

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ ที่ใดมีพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่นั่นก็มีเสรีภาพ

18 และเราทั้งหลายผู้ไม่มีผ้าคลุมหน้าล้วนใคร่ครวญพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า เรากำลังรับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ด้วยรัศมีที่เพิ่มพูนขึ้นทุกที อันเป็นรัศมีซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/3-5802c4e26dbc16da78952bfcc5fcb2a2.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 4

ของล้ำค่าในภาชนะดิน

1 เหตุฉะนั้นเพราะเรามีพันธกิจนี้โดยพระเมตตาของพระเจ้า เราจึงไม่ท้อใจ

2 แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราละทิ้งกลวิธีแยบยลและน่าละอาย เราไม่ใช้เล่ห์เพทุบายและไม่ได้บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า ตรงกันข้ามเราเสนอตนเองต่อจิตสำนึกของทุกคนในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยการสำแดงความจริงอย่างตรงไปตรงมา

3 และถ้าหากว่าข่าวประเสริฐของเราถูกปิดบังก็ถูกปิดบังไว้จากบรรดาผู้กำลังจะพินาศ

4 พระของยุคนี้ทำให้จิตใจของผู้ไม่เชื่อมืดบอดไป เพื่อพวกเขาจะไม่สามารถเห็นแสงสว่างแห่งข่าวประเสริฐอันทรงพระเกียรติสิริของพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า

5 เพราะเราไม่ได้ประกาศตัวเอง แต่ประกาศพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และตัวเราเองเป็นผู้รับใช้ของท่านทั้งหลายโดยเห็นแก่พระเยซู

6 เพราะพระเจ้าผู้ตรัสสั่งว่า “ให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืดมิด”ทรงให้แสงสว่างของพระองค์ส่องเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระเกียรติสิริของพระเจ้าในพระพักตร์ของพระคริสต์

7 แต่เรามีของล้ำค่านี้ในภาชนะดินเพื่อแสดงว่าฤทธานุภาพอันล้ำเลิศนี้มาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากตัวเราเอง

8 เราถูกบีบคั้นอย่างหนักทุกด้าน แต่ไม่ถึงกับถูกบดขยี้ สับสนแต่ไม่ถึงกับสิ้นหวัง

9 ถูกข่มเหงแต่ไม่ถึงกับถูกทอดทิ้ง ถูกฟาดล้มลงแล้วแต่ไม่ถึงกับถูกทำลาย

10 เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในกายของเราเสมอเพื่อชีวิตของพระเยซูจะสำแดงในกายของเราด้วย

11 เพราะเราผู้มีชีวิตอยู่นี้ถูกมอบให้แก่ความตายเพื่อพระเยซูอยู่เสมอ เพื่อว่าพระชนม์ชีพของพระองค์จะได้สำแดงในกายซึ่งต้องตายของเรา

12 ดังนั้นแล้วความตายจึงกำลังทำกิจอยู่ในเรา แต่ชีวิตก็กำลังทำกิจอยู่ในท่านทั้งหลาย

13 มีเขียนไว้ว่า “ข้าพเจ้ายังเชื่อ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้พูด”ด้วยใจเชื่อแบบเดียวกันเราก็เชื่อเช่นนั้นจึงพูดออกมา

14 เพราะเรารู้ว่าพระองค์ผู้ทรงให้องค์พระเยซูเจ้าคืนพระชนม์จากความตายนั้นจะทรงให้เราเป็นขึ้นกับพระเยซูด้วย และจะทรงให้เราเข้าเฝ้าพระองค์ร่วมกับท่านทั้งหลาย

15 ทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อพระคุณที่กำลังไปถึงคนจำนวนมากยิ่งๆ ขึ้นจะเป็นเหตุให้การขอบพระคุณท่วมท้นขึ้นเป็นการเทิดพระเกียรติสิริของพระเจ้า

16 เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ท้อใจ ถึงแม้กายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในของเรากำลังฟื้นขึ้นใหม่ทุกวัน

17 เพราะความทุกข์ลำบากเล็กๆ น้อยๆ เพียงชั่วคราวของเราทำให้เราได้รับศักดิ์ศรีนิรันดร์ ซึ่งเหนือกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมากมายนัก

18 ดังนั้นเราจึงไม่จับจ้องอยู่กับสิ่งที่มองเห็น แต่อยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่เรามองเห็นนั้นไม่จีรังยั่งยืน แต่สิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/4-70362c414b01810776a067d305dd93f0.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 5

ที่อยู่ของเราในสวรรค์

1 บัดนี้เรารู้อยู่ว่าหากเต็นท์ฝ่ายโลกนี้ที่เราอาศัยอยู่ถูกทำลายลง เราก็มีบ้านจากพระเจ้า คือบ้านนิรันดร์ในสวรรค์ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์

2 ในขณะเดียวกันเราคร่ำครวญใฝ่หาที่จะรับการคลุมกายด้วยที่อาศัยจากสวรรค์ของเรา

3 เพราะเมื่อเราได้รับการคลุมกายแล้ว เราจะไม่ต้องถูกพบว่าเปลือยเปล่า

4 เพราะขณะเรายังอยู่ในเต็นท์นี้ เราคร่ำครวญเป็นทุกข์ เพราะเราไม่ปรารถนาที่จะเปลือยเปล่า แต่ปรารถนาที่จะรับการคลุมกายด้วยที่อาศัยจากสวรรค์ของเรา เพื่อชีวิตจะกลืนกลบกายที่ต้องตายนั้น

5 พระเจ้านี่แหละคือผู้ทรงเตรียมเราสำหรับจุดมุ่งหมายนี้ และได้ประทานพระวิญญาณเป็นมัดจำค้ำประกันสิ่งที่จะมาถึง

6 ฉะนั้นเราจึงมั่นใจเสมอแม้จะรู้ว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ เราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

7 เราจึงดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยสิ่งที่มองเห็น

8 ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า เรามั่นใจ และเราปรารถนาที่จะพ้นจากกายนี้ไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า

9 ฉะนั้นเราจึงตั้งเป้าที่จะทำให้พระองค์พอพระทัยไม่ว่าเราจะอยู่ในกายนี้หรือพ้นจากกายนี้ไป

10 เพราะพวกเราล้วนต้องเข้าเฝ้าต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ เพื่อแต่ละคนจะได้รับสิ่งซึ่งสมกับที่เขาได้ทำขณะอยู่ในกายนี้ ไม่ว่าดีหรือชั่ว

พันธกิจแห่งการคืนดีกับพระเจ้า

11 เช่นนั้นแล้วเมื่อเรารู้ว่าความเกรงกลัวพระเจ้านั้นคืออะไร เราจึงพยายามโน้มน้าวใจคนทั้งหลาย เราเป็นเช่นไรนั้นย่อมปรากฏชัดต่อพระเจ้า และข้าพเจ้าหวังว่าสิ่งนี้จะปรากฏชัดต่อจิตสำนึกของพวกท่านด้วย

12 เราไม่ได้กำลังชมตัวเองต่อพวกท่านอีก แต่กำลังเปิดโอกาสให้พวกท่านภูมิใจในเรา เพื่อพวกท่านจะสามารถตอบบรรดาผู้ที่ภูมิใจในสิ่งที่มองเห็นแทนที่จะภูมิใจในสิ่งที่อยู่ในใจ

13 ถ้าเราเสียสติก็เพื่อพระเจ้า ถ้าเราสติดีก็เพื่อท่านทั้งหลาย

14 เพราะความรักของพระคริสต์ผลักดันเราอยู่ เพราะเรามั่นใจว่าผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง ฉะนั้นคนทั้งปวงจึงตายแล้ว

15 และในเมื่อพระองค์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง บรรดาผู้มีชีวิตอยู่จึงไม่ควรอยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขาและคืนพระชนม์ขึ้นมาอีก

16 ดังนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่พิจารณาใครตามทัศนะของโลก แม้ครั้งหนึ่งเราเคยพิจารณาพระคริสต์แบบนั้น แต่เราก็จะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป

17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ การทรงสร้างใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งเก่าได้ล่วงไป สิ่งใหม่ได้เข้ามา!

18 ทั้งหมดนี้มาจากพระเจ้าผู้ทรงให้เราคืนดีกับพระองค์โดยทางพระคริสต์ และทรงมอบหมายพันธกิจแห่งการคืนดีนี้แก่เรา

19 คือพระเจ้าได้ทรงให้โลกคืนดีกับพระองค์ในพระคริสต์ ไม่ทรงถือโทษบาปของมนุษย์ และพระองค์ทรงมอบหมายเรื่องราวแห่งการคืนดีนี้ไว้กับเรา

20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์เสมือนหนึ่งพระเจ้าทรงร้องเรียกท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ว่า จงคืนดีกับพระเจ้า

21 พระเจ้าทรงกระทำพระองค์ผู้ปราศจากบาปให้เป็นบาปเพื่อเรา เพื่อในพระองค์เราจะกลายเป็นความชอบธรรมของพระเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/5-e79b72c5f4991b0ba824a48be53e103f.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 6

1 ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราวิงวอนท่านว่าอย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้า

2 เพราะพระองค์ตรัสว่า

“ในวาระแห่งความโปรดปรานเราได้ฟังเจ้า

และในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า”

ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่าบัดนี้คือวาระแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า บัดนี้คือวันแห่งความรอด

ความทุกข์ยากที่เปาโลเผชิญ

3 เราไม่ทำให้ใครสะดุดเพื่อไม่ให้พันธกิจของเราเสียความเชื่อถือ

4 แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าเราพิสูจน์ตัวเองในทุกทาง ไม่ว่าในการอดทนอดกลั้น ในความทุกข์ร้อน ความยากเข็ญและความลำเค็ญ

5 ในการถูกเฆี่ยนตี การถูกจองจำและการจลาจล ในการตรากตรำทำงาน การอดหลับอดนอน และความหิวโหย

6 ในความบริสุทธิ์ ความเข้าใจ ความอดทน และความกรุณา ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และในความรักจริงใจ

7 ในคำพูดสัตย์จริง และในฤทธานุภาพของพระเจ้า ด้วยอาวุธแห่งความชอบธรรมทั้งในมือขวาและมือซ้าย

8 ทั้งในยามทรงเกียรติและไร้เกียรติ ในยามที่เขาว่าชั่วและในยามที่เขาว่าดี จริงแท้แต่ถูกมองว่าเป็นคนหลอกลวง

9 เป็นที่รู้จักแต่ถูกมองว่าไม่มีใครรู้จัก กำลังจะตายแต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ถูกเฆี่ยนตีแต่ก็ยังไม่ถึงตาย

10 ทุกข์โศกแต่ก็ยังชื่นชมยินดีเสมอ ยากจนแต่ก็ยังทำให้หลายคนมั่งคั่ง และไม่มีอะไรแต่ก็ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง

11 พี่น้องชาวโครินธ์ เราพูดกับท่านอย่างตรงไปตรงมาและเปิดใจของเราให้แก่ท่าน

12 เราไม่ได้เป็นฝ่ายระงับความรักจากท่าน แต่ท่านเป็นฝ่ายระงับจากเรา

13 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม เราขอพูดกับท่านเสมือนพูดกับบุตรว่าจงเปิดใจของท่านด้วย

อย่าเข้าเทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อ

14 อย่าเข้าเทียมแอกกับผู้ไม่เชื่อเพราะความชอบธรรมกับความชั่วจะมีอะไรร่วมกันได้? หรือความสว่างกับความมืดจะมีสามัคคีธรรมอะไรกันเล่า?

15 พระคริสต์กับเบลีอัลจะกลมเกลียวอะไรกันได้? ผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อจะมีอะไรร่วมกันได้เล่า?

16 วิหารของพระเจ้ากับวิหารของรูปเคารพจะมีข้อตกลงอะไรกันได้? เพราะเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ตามที่พระเจ้าตรัสว่า “เราจะอยู่กับพวกเขาและดำเนินท่ามกลางพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา”

17 “ดังนั้นจงออกมาจากพวกเขา

และแยกตัวออก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

อย่าแตะต้องสิ่งมลทิน

แล้วเราจะรับเจ้า”

18 “เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้า

และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้แหละ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/6-a48969e20e54948a6c390420c052e5f0.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 7

1 ท่านที่รัก ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ก็ขอให้เราชำระตนเองจากทุกสิ่งที่ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณแปดเปื้อน จงทำให้ความบริสุทธิ์สมบูรณ์พร้อมด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า

ความชื่นชมยินดีของเปาโล

2 จงเปิดใจของท่านรับเราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร เราไม่ได้เป็นเหตุให้ใครทำบาป เราไม่ได้ฉกฉวยหาประโยชน์จากใคร

3 ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้เพื่อตำหนิท่าน ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่าท่านทั้งหลายอยู่ในดวงใจของเรา ถึงขนาดที่เราร่วมเป็นร่วมตายกับท่านได้

4 ข้าพเจ้ามั่นใจในพวกท่านยิ่งนัก ข้าพเจ้าภูมิใจในตัวท่านอย่างมาก ข้าพเจ้าได้รับกำลังใจอย่างใหญ่หลวงในความยากลำบากทั้งสิ้นของเรา ความชื่นชมยินดีของข้าพเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด

5 เพราะเมื่อมาถึงแคว้นมาซิโดเนียเราไม่ได้พักกายเลย หันไปทางไหนก็ถูกก่อกวน ภายนอกมีความขัดแย้งภายในมีความหวาดหวั่น

6 แต่พระเจ้าผู้ทรงปลอบประโลมใจคนท้อแท้ก็ทรงปลอบประโลมใจเราโดยการมาของทิตัส

7 และไม่เพียงแต่โดยการมาของทิตัสเท่านั้น แต่โดยการปลอบประโลมใจที่ท่านทั้งหลายให้กับเขาอีกด้วย เขาบอกเราว่าพวกท่านปรารถนาจะพบเรา รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างลึกซึ้งและห่วงใยเราอย่างมาก ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งชื่นชมยินดีมากขึ้นกว่าก่อน

8 แม้จดหมายของข้าพเจ้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ แม้จะเคยเสียใจที่เห็นว่าจดหมายนั้นทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะ

9 เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าสุขใจ ไม่ใช่เพราะทำให้ท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่ เพราะท่านเศร้าเสียใจอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ เราจึงไม่ได้ทำร้ายท่านแต่อย่างใด

10 ความเศร้าเสียใจอย่างที่อยู่ในทางพระเจ้าส่งผลให้กลับใจใหม่อันนำไปสู่ความรอดและไม่เหลือความเสียใจไว้ ส่วนความเศร้าเสียใจอย่างโลกนำไปสู่ความตาย

11 ดูเถิด ความเศร้าเสียใจอย่างที่อยู่ในทางพระเจ้านี้ส่งผลอะไรในตัวท่านบ้าง เป็นต้นว่าความเอาจริงเอาจัง ความกระตือรือร้นที่จะสะสางตนเอง ความโกรธ ความตื่นตัว ความอาลัยหา ความห่วงใย ความพร้อมที่จะให้เกิดความยุติธรรม ท่านได้พิสูจน์ตัวเองในทุกประเด็นแล้วว่าท่านไม่ผิดในเรื่องนี้

12 ดังนั้นถึงแม้ข้าพเจ้าได้เขียนมาถึงท่าน ก็ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนที่ทำผิดหรือฝ่ายที่เสียหาย แต่เพื่อว่าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าท่านจะได้เห็นเองว่าท่านทุ่มเทให้กับเราเพียงใด

13 ด้วยเหตุทั้งหมดนี้เราจึงได้รับกำลังใจ

นอกจากเราเองได้รับกำลังใจแล้ว เรายังดีใจเป็นพิเศษที่เห็นว่าทิตัสสุขใจเพียงไร เพราะพวกท่านทั้งปวงทำให้จิตวิญญาณของทิตัสได้ชุ่มชื่นขึ้นมาใหม่

14 ข้าพเจ้าได้อวดพวกท่านกับเขาและพวกท่านไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าอับอาย แต่ทุกอย่างซึ่งเราได้บอกท่านนั้นเป็นความจริงฉันใด สิ่งที่เราได้อวดทิตัสเกี่ยวกับพวกท่านก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริงฉันนั้น

15 และทิตัสยิ่งรักท่านทั้งหลายมากขึ้นเมื่อระลึกว่าพวกท่านล้วนเชื่อฟังและต้อนรับเขาด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่น

16 ข้าพเจ้าดีใจที่สามารถมั่นใจในพวกท่านได้เต็มที่

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/7-0fdf2072c13357d2fce8a69d004947d0.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 8

ส่งเสริมให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

1 และบัดนี้พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านทราบถึงพระคุณที่พระเจ้าประทานแก่บรรดาคริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนีย

2 จากการทดลองอย่างหนักหน่วงที่สุด ความชื่นชมยินดีอันล้นพ้นและความยากไร้เป็นอย่างยิ่งของพวกเขานั้นก็เอ่อล้นเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

3 เพราะข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าพวกเขาถวายสุดความสามารถ ที่จริงเกินความสามารถก็ว่าได้ และด้วยความสมัครใจของเขาเอง

4 เขาได้คะยั้นคะยอขอรับสิทธิพิเศษที่จะมีส่วนร่วมในการรับใช้นี้เพื่อประชากรของพระเจ้า

5 และเขาไม่ได้ทำอย่างที่เราคาดคิดไว้ แต่เขาถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อนและจากนั้นอุทิศตัวให้เราตามพระประสงค์ของพระเจ้า

6 ดังนั้นเราจึงกระตุ้นทิตัสซึ่งเป็นผู้ริเริ่มงานนี้ให้สานต่อการจุนเจือด้วยใจเมตตาในส่วนของพวกท่านจนลุล่วง

7 แต่เหมือนที่ท่านเป็นเลิศในทุกด้าน ไม่ว่าในความเชื่อ ในวาจา ในความรู้ ในความกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยมและในความรักที่ท่านมีต่อเราก็ขอให้ท่านเป็นเลิศในการให้ด้วยใจเมตตานี้เช่นกัน

8 ข้าพเจ้าไม่ได้สั่งท่าน แต่ข้าพเจ้าต้องการทดสอบความจริงใจในความรักของท่านโดยการเปรียบเทียบกับความกระตือรือร้นของคนอื่น

9 เพราะท่านย่อมทราบถึงพระคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่งก็ทรงยอมยากไร้ เพราะเห็นแก่พวกท่านเพื่อว่าท่านจะได้มั่งคั่งโดยทางความยากไร้ของพระองค์

10 และข้าพเจ้าขอแนะนำสิ่งดีที่สุดในเรื่องนี้แก่ท่าน คือปีที่แล้วท่านทั้งหลายไม่เพียงแต่เป็นพวกแรกที่ถวาย แต่ยังเป็นพวกแรกซึ่งมีใจที่จะถวาย

11 บัดนี้จงทำให้สำเร็จสมกับใจร้อนรนที่จะถวายโดยทำตามความสามารถของท่าน

12 เพราะถ้ามีความเต็มใจพร้อมอยู่แล้ว ของถวายก็เป็นที่ยอมรับตามที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ตามที่เขาไม่มี

13 เราไม่ปรารถนาที่จะลดภาระของคนอื่น แล้วมาให้ภาระหนักหน่วงแก่ท่าน แต่เพื่อที่จะให้มีความเท่าเทียมกัน

14 ขณะนี้ท่านมีบริบูรณ์ก็ควรเกื้อกูลสิ่งที่พวกเขาขัดสน เพื่อว่าในคราวที่เขามีบริบูรณ์ก็จะเกื้อกูลสิ่งที่พวกท่านขัดสน แล้วจะได้มีความเท่าเทียมกัน

15 เหมือนที่มีเขียนไว้ว่า “ผู้ที่เก็บมากก็ไม่มีเหลือ และผู้ที่เก็บน้อยก็ไม่ขาด”

ส่งทิตัสไปเมืองโครินธ์

16 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงให้ทิตัสมีใจเป็นห่วงพวกท่านเหมือนกับที่ข้าพเจ้ามี

17 เพราะทิตัสไม่เพียงแต่ตอบรับคำขอร้องของเรา แต่เขายังมาหาท่านด้วยใจกระตือรือร้นอย่างมากและด้วยความคิดริเริ่มของเขาเอง

18 นอกจากนี้เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งมากับทิตัสด้วย เขาได้รับการยกย่องจากคริสตจักรทั้งปวงในด้านการประกาศข่าวประเสริฐ

19 ยิ่งกว่านั้นคริสตจักรต่างๆ ได้เลือกพี่น้องคนนี้ให้ร่วมเดินทางกับเราขณะนำเงินถวายไป เราได้ดูแลรับผิดชอบเงินถวายนี้เพื่อเทิดพระเกียรติองค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อแสดงว่าเราเองก็มีใจกระตือรือร้นที่จะช่วย

20 เราต้องการป้องกันไม่ให้ใครมาติเตียนวิธีจัดการแจกจ่ายของบริจาคอันมากมายนี้ได้

21 เพราะเราพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เพียงในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ในสายตาของคนทั้งปวงด้วย

22 นอกจากนี้เรายังส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งร่วมคณะมาด้วย พี่น้องผู้นี้ได้พิสูจน์ให้เราเห็นในหลายๆ ด้านแล้วว่า เขากระตือรือร้นยิ่งนักและบัดนี้ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นเพราะเขามั่นใจในพวกท่านมาก

23 สำหรับทิตัส เขาเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าท่ามกลางพวกท่าน ส่วนพี่น้องเหล่านั้นของเรา พวกเขาเป็นตัวแทนของบรรดาคริสตจักรและเป็นเกียรติแด่พระคริสต์

24 เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นถึงความรักของท่าน และเห็นถึงสาเหตุที่พวกเราภาคภูมิใจในพวกท่าน เพื่อว่าคริสตจักรทั้งหลายจะได้เห็นถึงสิ่งนี้ด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/8-6c70a86706c954d09d4a51cc551430eb.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 9

1 ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเขียนถึงท่านเกี่ยวกับการรับใช้เพื่อประชากรของพระเจ้าครั้งนี้

2 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกระตือรือร้นอยู่แล้วที่จะช่วย และข้าพเจ้าได้อวดเรื่องนี้ต่อชาวมาซิโดเนียว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วพวกท่านที่แคว้นอาคายาก็พร้อมจะถวายแล้ว และความกระตือรือร้นของท่านทั้งหลายได้กระตุ้นพวกเขาส่วนใหญ่ให้ลงมือทำตาม

3 แต่ที่ข้าพเจ้าส่งพี่น้องเหล่านั้นมา เพื่อว่าสิ่งที่เราอวดไว้เกี่ยวกับท่านในเรื่องนี้จะไม่สูญเปล่า แต่เพื่อท่านก็จะได้พร้อมอยู่สมกับที่ข้าพเจ้าได้บอกไว้

4 เพราะถ้าชาวมาซิโดเนียคนใดที่มากับข้าพเจ้าพบว่าพวกท่านไม่พร้อม อย่าว่าแต่ท่านเลย เราเองก็จะอับอายที่มีความมั่นใจเสียเหลือเกิน

5 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่าจำเป็นต้องกำชับพี่น้องเหล่านั้นให้มาหาท่านล่วงหน้า และจัดเตรียมของบริจาคด้วยใจกว้างขวางตามที่ท่านได้สัญญาไว้ให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาก็มีของบริจาคไว้พร้อม เป็นของที่ให้ด้วยใจกว้างขวาง ไม่ใช่เป็นของที่ให้ด้วยการฝืนใจ

หว่านด้วยใจกว้างขวาง

6 จงจำไว้ว่าผู้ที่หว่านอย่างตระหนี่ก็จะเก็บเกี่ยวได้น้อย ผู้ที่หว่านด้วยใจกว้างขวางก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก

7 แต่ละคนควรให้ตามที่คิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่อย่างลังเลหรือเพราะถูกผลักดัน เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี

8 และพระเจ้าทรงสามารถประทานพระคุณทุกประการอย่างล้นเหลือแก่ท่าน เพื่อว่าท่านจะมีทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ทุกเวลา และท่านจะมีล้นเหลือสำหรับการดีทุกอย่าง

9 เหมือนที่มีเขียนไว้ว่า

“เขาได้แจกจ่ายให้คนยากจน

ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่นิรันดร์”

10 บัดนี้พระองค์ผู้ประทานเมล็ดแก่ผู้หว่านประทานอาหารแก่ผู้คน จะประทานและเพิ่มพูนยุ้งฉางของท่านเช่นกัน และจะทรงขยายการเก็บเกี่ยวความชอบธรรมของท่าน

11 พระองค์จะทรงให้ท่านมั่งคั่งในทุกด้านเพื่อท่านจะสามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้ในทุกโอกาส และโดยทางเราความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของท่านส่งผลให้มีการขอบพระคุณพระเจ้า

12 การรับใช้ที่ท่านทำอยู่นี้ไม่เพียงจุนเจือประชากรของพระเจ้าเท่านั้น ยังเป็นเหตุให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าอย่างล้นพ้นด้วย

13 ท่านได้พิสูจน์ตนเองด้วยการรับใช้นี้ และเพราะการรับใช้นี้ ผู้คนจะสรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยการเชื่อฟังของท่านซึ่งมาพร้อมกับการประกาศตัวว่าเชื่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และเนื่องด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของท่านในการแบ่งปันแก่พวกเขาและแก่คนอื่นๆ ทั้งปวง

14 และใจของพวกเขาจะคิดถึงพวกท่านขณะอธิษฐานเพื่อท่าน เนื่องด้วยพระคุณล้นพ้นที่พระเจ้าประทานแก่ท่าน

15 ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานอันสุดจะพรรณนาของพระองค์!

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/9-32d615a47b7d6f6156aef1235a743f05.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 10

เปาโลกล่าวปกป้องพันธกิจของเขา

1 ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านด้วยความถ่อมสุภาพและอ่อนโยนของพระคริสต์ ข้าพเจ้าเปาโลผู้ซึ่งท่านบอกว่า “ขลาดกลัว” เมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน แต่ “ห้าวหาญ” เมื่ออยู่ไกล!

2 ข้าพเจ้าขอร้องว่าเมื่อข้าพเจ้ามา อย่าให้ข้าพเจ้าต้องห้าวหาญอย่างที่ข้าพเจ้าคาดหมายจะทำต่อบางคนที่คิดว่าเราดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของโลกนี้

3 เพราะแม้เราอยู่ในโลก เราก็ไม่ได้สู้รบตบมืออย่างที่โลกทำ

4 อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธของโลก แต่เป็นอาวุธที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถทำลายล้างที่มั่นต่างๆ ได้

5 เราทำลายล้างประเด็นโต้แย้งและคำแอบอ้างทั้งปวงที่ตั้งตัวขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และเราสยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์

6 และเราพร้อมที่จะลงโทษทุกการกระทำที่ไม่เชื่อฟังหลังจากท่านได้เชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แล้ว

7 ท่านกำลังมองสิ่งต่างๆ เพียงผิวเผินหากผู้ใดมั่นใจว่าเขาเป็นคนของพระคริสต์ ก็ควรพิจารณาอีกว่าเราก็เป็นคนของพระคริสต์เช่นเดียวกับเขา

8 เพราะถึงแม้ว่าเราอวดมากไปสักหน่อยเรื่องสิทธิอำนาจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เราในการ เสริมสร้างท่านขึ้นมาแทนที่จะฉุดท่านลง ข้าพเจ้าก็ไม่ละอายในข้อนั้น

9 ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้ดูเหมือนว่ากำลังพยายามข่มขวัญท่านด้วยจดหมายของข้าพเจ้า

10 เพราะบางคนพูดว่า “จดหมายของเขาหนักแน่นทรงอำนาจ แต่ตัวเขาไม่น่าประทับใจและการพูดของเขาก็ใช้ไม่ได้”

11 คนเช่นนั้นควรจะตระหนักว่าเราเป็นอย่างไรในจดหมายเมื่อเราไม่อยู่ เราก็จะเป็นอย่างนั้นในการกระทำของเราเมื่อเรามา

12 เราไม่กล้าจัดชั้นหรือเปรียบเทียบตัวเรากับคนที่ยกย่องตนเอง เมื่อพวกเขาเอาตนเองเป็นเครื่องวัดและเปรียบเทียบกันเอง พวกเขาก็ไม่ฉลาด

13 อย่างไรก็ตามเราจะไม่อวดเกินขอบเขตที่เหมาะสม แต่เราจะอวดเท่าที่พระเจ้าทรงขีดวงให้ และพวกท่านก็รวมอยู่ในนั้น

14 เราไม่ได้โอ้อวดเกินเลยไปเพราะเราได้นำพระกิตติคุณของพระคริสต์มาถึงท่าน แต่จะเป็นการเกินเลยไปถ้าเราไม่ได้มาหาท่าน

15 ทั้งเราไม่ได้ออกนอกขอบเขตไปอวดอ้างผลงานที่คนอื่นทำไว้เราหวังแต่เพียงว่าขณะที่ความเชื่อของท่านเติบโตต่อไป ขอบข่ายงานของเราท่ามกลางพวกท่านก็จะขยายวงไปอย่างกว้างขวาง

16 เพื่อเราจะได้ประกาศข่าวประเสริฐในดินแดนต่างๆ ที่อยู่ไกลจากท่านออกไป เพราะเราไม่ประสงค์จะอวดงานที่ทำไว้แล้วในเขตแดนของคนอื่น

17 แต่ “ผู้ที่อวดจงอวดองค์พระผู้เป็นเจ้า”

18 เพราะผู้ที่น่านิยมนับถือคือผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชมเชย ไม่ใช่คนที่ยกย่องตัวเอง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/10-18e165cdb232c214936c446038b09173.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 11

เปาโลกับอัครทูตเท็จ

1 ข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะอดทนกับความเขลาของข้าพเจ้าสักหน่อยหนึ่ง ที่จริงท่านก็ทนอยู่แล้ว

2 เพราะข้าพเจ้าหวงแหนท่านด้วยความหวงแหนที่มาจากพระเจ้า ข้าพเจ้าหมั้นหมายท่านไว้สำหรับสามีคนเดียวคือพระคริสต์ เพื่อจะได้ถวายท่านในฐานะที่เป็นพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระองค์

3 แต่ข้าพเจ้าเกรงว่าใจท่านจะถูกชักจูงให้เขวไปจากความจงรักภักดีต่อพระคริสต์อย่างจริงใจและบริสุทธิ์ เหมือนที่เอวาถูกล่อลวงด้วยอุบายของงูนั้น

4 เพราะถ้าใครมาเทศนาเรื่องพระเยซูต่างจากที่เราได้เทศนาไว้ ให้ท่านรับวิญญาณอื่นต่างจากที่ท่านเคยได้รับ และให้ยึดข่าวประเสริฐอื่นต่างจากที่ท่านเคยยอมรับ ท่านก็ทนรับสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายดายเสียจริง

5 แต่ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าตัวเองด้อยกว่า “ยอดอัครทูต” เหล่านั้นแม้แต่น้อย

6 ถึงจะไม่ใช่นักพูดที่ได้รับการฝึกฝน แต่ข้าพเจ้านั้นมีความรู้ซึ่งเราก็ได้แสดงแก่พวกท่านอย่างแจ่มชัดแล้วในทุกทาง

7 ผิดหรือที่ข้าพเจ้าลดตัวลงเพื่อยกชูท่านขึ้นด้วยการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแก่ท่านโดยไม่คิดมูลค่า?

8 ข้าพเจ้าปล้นคริสตจักรอื่นๆ ด้วยการรับเงินสนับสนุนจากเขาเพื่อมารับใช้พวกท่าน

9 และเมื่ออยู่กับท่าน เวลาขาดแคลนสิ่งใดข้าพเจ้าก็ไม่เป็นภาระแก่ใคร เพราะพี่น้องผู้มาจากแคว้นมาซิโดเนียได้เกื้อกูลสิ่งจำเป็นให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ระวังตัวไม่ให้เป็นภาระใดๆ แก่พวกท่านและจะทำเช่นนั้นต่อไป

10 ความจริงของพระคริสต์อยู่ในข้าพเจ้าแน่นอนฉันใด ข้าพเจ้าก็ไม่ให้สิ่งใดมาหยุดการโอ้อวดเรื่องนี้ในแคว้นอาคายาฉันนั้น

11 เพราะอะไร? เพราะข้าพเจ้าไม่รักพวกท่านหรือ? พระเจ้าทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักท่าน!

12 ข้าพเจ้าจะทำเหมือนที่ทำอยู่นี้ต่อไป เพื่อหยุดยั้งคนเหล่านั้นที่กำลังหาโอกาสให้ได้รับการยอมรับเสมอกับเราในสิ่งที่เขาโอ้อวด

13 เพราะพวกนั้นเป็นอัครทูตเท็จ เป็นคนงานที่ล่อลวง ผู้ปลอมตัวเป็นอัครทูตของพระคริสต์

14 ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อซาตานเองยังปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่างได้

15 จึงไม่แปลกที่สมุนของซาตานจะปลอมตัวเป็นผู้รับใช้แห่งความชอบธรรมด้วย จุดจบของพวกเขาจะสาสมกับการกระทำของเขา

เปาโลอวดเรื่องการทนทุกข์

16 ข้าพเจ้าขอย้ำว่าอย่าคิดว่าข้าพเจ้าโง่ แต่ถ้าท่านคิดเช่นนั้นก็ขอให้รับข้าพเจ้าเหมือนที่ท่านรับคนโง่ เพื่อข้าพเจ้าจะได้อวดบ้าง

17 เมื่อข้าพเจ้าอวดอย่างมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้ทำตามอย่างองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าทำอย่างคนโง่

18 ในเมื่อหลายคนโอ้อวดแบบชาวโลก ข้าพเจ้าก็ขออวดบ้าง

19 ที่ท่านทนรับคนโง่เหล่านี้เพราะท่านช่างฉลาดเสียจริง!

20 อันที่จริงท่านถึงกับทนรับคนที่มาเอาท่านไปเป็นทาส คนที่ขูดรีดท่าน คนที่เอารัดเอาเปรียบท่าน คนที่ยกตนเป็นใหญ่เหนือท่าน หรือแม้แต่คนที่ตบหน้าท่าน

21 ข้าพเจ้าละอายใจที่ต้องยอมรับว่าเราอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำเช่นนี้!

ใครกล้าอวดเรื่องอะไร ข้าพเจ้าขอพูดอย่างคนโง่ว่าข้าพเจ้าก็กล้าอวดเรื่องนั้นเช่นกัน

22 เขาเป็นชาวฮีบรูหรือ? ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน เขาเป็นชนอิสราเอลหรือ? ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน เขาเป็นวงศ์วานของอับราฮัมหรือ? ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกัน

23 เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์หรือ? (ข้าพเจ้าเสียสติที่พูดเช่นนี้) ข้าพเจ้าเป็นยิ่งกว่าเสียอีก ข้าพเจ้าตรากตรำทำงานหนักกว่า ติดคุกบ่อยกว่า ถูกเฆี่ยนตีสาหัสกว่า และเผชิญกับความตายครั้งแล้วครั้งเล่า

24 ข้าพเจ้าถูกพวกยิวเฆี่ยนห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที

25 ถูกฟาดด้วยไม้ตะบองสามครั้ง ถูกเอาหินขว้างหนึ่งครั้ง เรือแตกสามครั้ง ลอยคออยู่กลางทะเลหนึ่งคืนหนึ่งวัน

26 ข้าพเจ้าย้ายที่อยู่เสมอๆ เผชิญภัยในแม่น้ำ ภัยจากโจรผู้ร้าย ภัยจากพี่น้องร่วมชาติของตัวเอง ภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในเมือง ภัยนอกเมือง ภัยในทะเล และภัยจากพี่น้องจอมปลอม

27 ข้าพเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อย ทำงานด้วยความยากลำบาก อดหลับอดนอนอยู่เรื่อย ต้องหิวโหย อดข้าวอดน้ำบ่อยๆ ต้องหนาวเหน็บและเปลือยกาย

28 นอกจากทั้งหมดนี้แล้วข้าพเจ้ายังเผชิญความกดดันจากความห่วงใยที่ข้าพเจ้ามีต่อคริสตจักรทั้งปวงอยู่ทุกวัน

29 ใครบ้างอ่อนกำลังแล้วข้าพเจ้าไม่อ่อนกำลังไปด้วย? ใครบ้างถูกชักนำให้ทำบาปแล้วข้าพเจ้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจ?

30 ถ้าข้าพเจ้าต้องอวด ข้าพเจ้าก็จะอวดสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอของข้าพเจ้า

31 พระเจ้าและพระบิดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นที่สรรเสริญตลอดนิรันดร์ทรงทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้โกหก

32 ที่เมืองดามัสกัส เจ้าเมืองผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกษัตริย์อาเรทัสได้ให้ทหารเฝ้าไว้ทั่วเมืองเพื่อจะจับกุมข้าพเจ้า

33 แต่เขาเอาข้าพเจ้าใส่เข่งหย่อนลงมาจากช่องกำแพงเมือง ข้าพเจ้าจึงรอดพ้นเงื้อมมือเขามาได้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/11-f2172a0bb5a821ba6dbd61c6f62cd9c8.mp3?version_id=179—

Categories
2โครินธ์

2โครินธ์ 12

นิมิตและหนามยอกกายเปาโล

1 ข้าพเจ้าต้องโอ้อวดต่อไปถึงแม้จะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ข้าพเจ้าก็ขอเล่าถึงนิมิตและการทรงสำแดงต่างๆ จากองค์พระผู้เป็นเจ้า

2 ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งในพระคริสต์ ผู้ซึ่งสิบสี่ปีที่แล้วถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม จะไปในกายหรือนอกกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงทราบ

3 ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเขาไปในกายนี้หรือนอกกาย พระเจ้าทรงทราบ แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าชายผู้นี้

4 ถูกรับขึ้นไปถึงเมืองบรมสุขเกษม เขาได้ยินสิ่งต่างๆ ซึ่งไม่อาจจะพรรณนาได้ สิ่งซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์บอกเล่า

5 ข้าพเจ้าจะอวดถึงคนเช่นนี้แหละ แต่ข้าพเจ้าจะไม่อวดตนเอง เว้นแต่เรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า

6 ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเลือกที่จะอวด ข้าพเจ้าก็จะไม่เป็นเช่นคนโง่ เพราะข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้ายับยั้งไว้เพื่อไม่ให้ใครยกย่องข้าพเจ้าเกินเลยจากสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดหรือทำ

7 เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าผยองเนื่องด้วยการทรงสำแดงอันยิ่งใหญ่เลิศล้ำเหล่านี้ จึงทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า เป็นทูตของซาตานคอยทรมานข้าพเจ้า

8 ข้าพเจ้าทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้งให้ทรงเอาหนามนี้ออกไปจากข้าพเจ้า

9 แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระคุณของเราเพียงพอสำหรับเจ้า เพื่อว่าฤทธิ์อำนาจของเราจะได้ปรากฏเต็มที่ในความอ่อนแอ” ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงอวดความอ่อนแอของตนด้วยความยินดี เพื่อฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า

10 ด้วยเหตุนี้แหละเพื่อพระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงชื่นชมในความอ่อนแอ ในการสบประมาท ในความยากลำบาก ในการกดขี่ข่มเหง ในความยุ่งยาก เพราะเมื่อใดที่ข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อนั้นข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง

เปาโลห่วงใยพี่น้องชาวโครินธ์

11 ข้าพเจ้าได้ทำตนเองให้เป็นคนโง่ไปแล้วสิ แต่พวกท่านก็เป็นผู้ผลักดันให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ ท่านทั้งหลายน่าจะชมเชยข้าพเจ้า เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่มีอะไรดีเด่น แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า “ยอดอัครทูต” เหล่านั้น

12 สิ่งต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นอัครทูตเช่น หมายสำคัญ การอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็ทำแล้วท่ามกลางพวกท่านด้วยความพากเพียรอดทนบากบั่น

13 ท่าน

ด้อยกว่าคริสตจักรอื่นๆ ตรงไหน? ยกเว้นที่ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระแก่ท่าน โปรดอภัยข้าพเจ้าในความผิดข้อนี้!

14 บัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมที่จะมาเยี่ยมพวกท่านเป็นครั้งที่สาม และข้าพเจ้าจะไม่เป็นภาระแก่ท่าน เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการคือตัวท่านไม่ใช่ทรัพย์สินของท่าน ควรหรือที่ลูกๆ จะเก็บออมให้พ่อแม่? พ่อแม่ต่างหากที่ควรสะสมไว้ให้ลูก

15 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะใช้ทุกสิ่งที่มีและทุ่มเทตัวเองเพื่อท่าน ถ้าข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น ท่านจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ?

16 อย่างที่เป็นมาข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระแก่พวกท่าน แต่คนเจ้าเล่ห์อย่างข้าพเจ้าใช้กลเม็ดดักจับท่าน!

17 ข้าพเจ้าฉกฉวยประโยชน์จากพวกท่านผ่านทางใครคนใดที่ข้าพเจ้าได้ส่งมาหรือ?

18 ข้าพเจ้าขอให้ทิตัสมาหาท่านและข้าพเจ้าก็ส่งพี่น้องคนหนึ่งมากับเขาด้วย ทิตัสไม่ได้ฉกฉวยอะไรจากท่านใช่ไหม? เราไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยใจแบบเดียวกันและดำเนินตามแนวทางเดียวกันหรอกหรือ?

19 ตลอดมานี้ท่านคิดว่าเราแก้ตัวอยู่ใช่ไหม? ที่จริงเราพูดในสายพระเนตรของพระเจ้าอย่างคนที่อยู่ในพระคริสต์ ท่านที่รักทุกสิ่งที่เราทำก็ทำเพื่อเสริมสร้างพวกท่าน

20 เนื่องจากข้าพเจ้าเกรงว่าเมื่อมาถึงข้าพเจ้าจะไม่เห็นท่านเป็นอย่างที่ข้าพเจ้าอยากให้เป็น และท่านก็จะไม่เห็นข้าพเจ้าเป็นอย่างที่ท่านอยากให้เป็น ข้าพเจ้ากลัวว่าอาจจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง อิจฉาริษยา ฉุนเฉียว แตกแยก นินทาว่าร้าย หยิ่งลำพองและความวุ่นวาย

21 ข้าพเจ้าเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้ามาอีกครั้ง พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงทำให้ข้าพเจ้าต่ำลงต่อหน้าพวกท่าน และข้าพเจ้าจะเศร้าเสียใจเนื่องด้วยหลายคนที่ได้ทำบาปและยังไม่ยอมกลับใจละทิ้งความเสื่อมทราม ความบาปทางเพศ และการเสเพลซึ่งเขาได้ปล่อยตัวลุ่มหลง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CO/12-01107e0874525bd4e63b1aad43adc2f7.mp3?version_id=179—