Categories
อพยพ

อพยพ 31

เบซาเลลและโอโฮลีอับ

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “เราได้เลือกสรรเบซาเลลบุตรชายของอูรีซึ่งเป็นบุตรชายของเฮอร์จากเผ่ายูดาห์

3 และเราให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า มีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญในเชิงช่างทุกแบบ

4 เพื่อออกแบบเครื่องทอง เงิน และทองสัมฤทธิ์อย่างวิจิตร

5 เจียระไนเพชรพลอย แกะสลักไม้ และงานฝีมือทุกแบบ

6 ยิ่งกว่านั้นเราได้แต่งตั้งโอโฮลีอับบุตรชายของอาหิสะมัคจากเผ่าดานให้เป็นผู้ช่วยของเขา ทั้งเราได้ให้ความเชี่ยวชาญแก่ช่างฝีมือทุกคน เพื่อทำทุกสิ่งที่เราได้สั่งเจ้าไว้

7 ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์นัดพบ หีบพันธสัญญาซึ่งมีพระที่นั่งกรุณาวางอยู่ และเครื่องใช้อื่นๆ ทั้งหมดในเต็นท์

8 โต๊ะพร้อมทั้งภาชนะใช้สอย คันประทีปทองคำบริสุทธิ์พร้อมอุปกรณ์ครบครัน แท่นเผาเครื่องหอม

9 แท่นเผาเครื่องบูชาพร้อมภาชนะใช้สอย อ่างและฐานรองอ่าง

10 รวมทั้งเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนผู้เป็นปุโรหิต และเครื่องแต่งกายสำหรับบรรดาบุตรชายเมื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต

11 น้ำมันเจิมและเครื่องหอมสำหรับวิสุทธิสถานให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้”

วันสะบาโต

12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

13 “จงสั่งประชากรอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าจะต้องถือรักษาวันสะบาโตของเรา เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์

14 “ ‘ฉะนั้นจงถือรักษาวันสะบาโต เพราะเป็นวันบริสุทธิ์สำหรับเจ้า ผู้ใดลบหลู่จะต้องมีโทษถึงตาย ผู้ใดทำงานในวันนั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา

15 จงทำงานในช่วงหกวัน ส่วนวันที่เจ็ดเป็นสะบาโตเพื่อการหยุดพัก เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ใดทำงานในวันสะบาโตต้องถูกประหาร

16 ชนอิสราเอลจะถือวันสะบาโตและเฉลิมฉลองวันนั้นสืบไปทุกชั่วอายุ เป็นพันธสัญญานิรันดร์

17 นี่เป็นหมายสำคัญตลอดไประหว่างเรากับประชากรอิสราเอล เพราะในหกวันองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ในวันที่เจ็ดทรงหยุดทำงานและพักผ่อน’ ”

18 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนายจบแล้ว พระองค์ประทานศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการโดยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้าเองแก่โมเสส

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/31-281f018398c93611083577e0d8351ee5.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 32

ลูกวัวทองคำ

1 เมื่อเหล่าประชากรเห็นว่าโมเสสล่าช้าไม่กลับลงมาจากภูเขา จึงพากันไปหาอาโรนและกล่าวว่า “มาเถิด ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์”

2 อาโรนตอบพวกเขาว่า “ถอดตุ้มหูทองคำซึ่งภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของพวกท่านสวมอยู่มาให้ข้าพเจ้าสิ”

3 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงจึงนำตุ้มหูมามอบให้อาโรน

4 เขาใช้ทองนั้นหล่อลูกวัวขึ้นมาตัวหนึ่ง คนทั้งหลายต่างพูดกันว่า “อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์”

5 เมื่ออาโรนเห็นเช่นนั้น จึงก่อแท่นบูชาขึ้นต่อหน้ารูปลูกวัวและประกาศว่า “วันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า”

6 ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเหล่าประชาชนจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา แล้วนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นรื่นเริงในงานเลี้ยง

7 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลงไปเถิด เพราะประชากรที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว

8 พวกเขาละทิ้งคำบัญชาของเราอย่างรวดเร็วและหล่อรูปเคารพเป็นลูกวัวขึ้นมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชา แล้วพูดกันว่า ‘อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์’”

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ดื้อด้านจริงๆ

10 ด้วยเหตุนี้จงปล่อยไว้ให้เป็นธุระของเราเอง เราจะระบายความโกรธทำลายล้างพวกเขาให้หมด แล้วเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่”

11 แต่โมเสสทูลวิงวอนขอพระเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุใดจึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์เอง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์?

12 เหตุใดจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงล่อพวกเขาออกมาเพื่อฆ่าทิ้งที่ภูเขา และทำลายล้างให้สิ้นจากแผ่นดินโลก’? ขอทรงระงับพระพิโรธและอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่ปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดแก่ประชากรของพระองค์เอง

13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับเขาเหล่านั้นโดยอ้างพระองค์เองว่า ‘เราจะทวีวงศ์วานของเจ้าให้มากมายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า และเราจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ที่เราสัญญาไว้ให้วงศ์วานของเจ้าครอบครองตลอดไป’ ”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยและไม่นำภัยพิบัติมาเหนือประชากรของพระองค์ตามที่ทรงดำริไว้

15 โมเสสก็ลงมาจากภูเขา นำศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ทั้งสองด้านลงมาด้วย

16 บทบัญญัติที่จารึกบนศิลาทั้งสองแผ่นนั้นเป็นลายพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง

17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงคนข้างล่างโห่ร้องอึกทึกก็เอ่ยกับโมเสสว่า “ฟังดูเหมือนกำลังรบกันอยู่ในค่ายพัก”

18 แต่โมเสสตอบว่า

“นั่นไม่ใช่เสียงของคนชนะ

ไม่ใช่เสียงของคนแพ้

แต่ที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงร้องรำทำเพลง”

19 เมื่อลงมาใกล้ค่ายพัก โมเสสมองเห็นรูปลูกวัวและคนร่ายรำ โทสะของเขาก็พลุ่งขึ้นจึงทุ่มศิลาจารึกลงกับพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่เชิงเขานั้นเอง

20 และเขาเอารูปลูกวัวนั้นมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงโรยลงน้ำและบังคับให้ชนอิสราเอลดื่ม

21 โมเสสถามอาโรนว่า “คนพวกนี้ทำอะไรท่านหรือ ท่านจึงนำพวกเขาเข้าสู่บาปที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้?”

22 อาโรนตอบว่า “โอ เจ้านาย อย่าเพิ่งโมโหเลย ท่านก็รู้จักคนพวกนี้ดีว่าเขาโน้มเอียงไปทางชั่วแค่ไหน

23 พวกเขากล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำเราออกมาจากอียิปต์’

24 ข้าพเจ้าจึงบอกพวกเขาว่า ‘ใครมีเครื่องทองก็จงถอดออกมา’ พวกเขาก็เอาทองมาให้ ข้าพเจ้าโยนทองลงไปในไฟก็ได้ออกมาเป็นลูกวัวนี่แหละ!”

25 เมื่อโมเสสเห็นว่าประชากรเตลิดไปโดยแรงสนับสนุนจากอาโรน เป็นที่น่าเย้ยหยันสำหรับศัตรู

26 ดังนั้นเขาจึงไปยืนตรงทางเข้าค่ายและกล่าวว่า “ทุกคนที่อยู่ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าจงมาหาเรา” แล้วคนเลวีทั้งหมดก็มา

27 แล้วเขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘แต่ละคนจงถือดาบตะลุยไปทั่วค่าย ฆ่าทุกคนแม้ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านก็ตาม’ ”

28 พวกเลวีก็ปฏิบัติตามที่โมเสสบัญชา โดยได้สังหารคนถึงสามพันคนในวันนั้น

29 โมเสสกล่าวว่า “ในวันนี้พวกท่านได้แยกตัวเองออกมาเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะท่านเชื่อฟังพระองค์ ถึงแม้ว่าต้องต่อสู้กับลูกหรือพี่น้องของตัวเอง พระองค์ทรงอวยพรท่านทั้งหลายในวันนี้”

30 วันรุ่งขึ้นโมเสสกล่าวกับเหล่าประชากรว่า “ท่านได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง แต่บัดนี้เราจะขึ้นไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อบางทีจะทูลขอการอภัยโทษบาปของท่านได้”

31 โมเสสจึงกลับไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกราบทูลว่า “ประชากรเหล่านี้ทำบาปร้ายแรงอะไรเช่นนี้! พวกเขาได้สร้างรูปเคารพทองคำ

32 ถึงกระนั้นขอทรงกรุณาอภัยโทษบาปของพวกเขา หาไม่แล้วขอทรงลบข้าพระองค์ออกจากหนังสือที่ทรงเขียนไว้”

33 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า “ผู้ใดก็ตามที่ทำบาปต่อเรา เราจะลบออกจากหนังสือของเรา

34 บัดนี้จงไปเถิด นำเหล่าประชากรนี้ไปยังสถานที่ซึ่งเราบอกเจ้าไว้แล้ว ทูตของเราจะนำหน้าพวกเจ้าไป อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา เราจะลงโทษบาปของพวกเขา”

35 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดภัยพิบัติแก่ประชากร เพราะพวกเขานมัสการลูกวัวซึ่งอาโรนทำขึ้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/32-37d6aa3ffbd6673c65579a14fbb44e5c.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 33

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงไปจากที่นี่ ทั้งเจ้ากับเหล่าประชากรซึ่งเจ้าพาออกมาจากอียิปต์ และไปยังดินแดนที่เราสัญญาโดยปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘เราจะยกดินแดนนี้ให้แก่วงศ์วานของเจ้า’

2 เราจะส่งทูตมานำหน้าเจ้าทั้งหลายและขับไล่ชาวคานาอัน ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุสออกไป

3 จงไปยังดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง แต่เราจะไม่ไปกับพวกเจ้า เพราะเจ้าทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อด้าน เกรงว่าเราจะทำลายพวกเจ้าเสียระหว่างทาง”

4 เมื่อปวงประชากรได้ยินคำที่น่าทุกข์ใจเช่นนี้ก็พากันโศกเศร้าคร่ำครวญและไม่มีผู้ใดสวมเครื่องประดับเลย

5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงบอกชนอิสราเอลว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นคนดื้อด้าน ถ้าเราไปกับพวกเจ้าแม้สักครู่เดียว เราอาจจะทำลายพวกเจ้า บัดนี้จงถอดเครื่องประดับออก จนกว่าเราจะตกลงใจได้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกเจ้าดี’ ”

6 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงถอดเครื่องประดับออกที่ภูเขาโฮเรบ

เต็นท์นัดพบ

7 โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้นอกค่าย ไกลออกมาหน่อยหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “เต็นท์นัดพบ” ทุกคนที่ต้องการคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไปที่เต็นท์นัดพบซึ่งอยู่นอกค่ายนั้น

8 เมื่อใดก็ตามที่โมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชากรทั้งหมดจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตนคอยดูจนโมเสสเข้าไปในเต็นท์นัดพบ

9 เมื่อโมเสสเข้าไป เสาเมฆจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส

10 ทุกครั้งที่ประชากรเห็นเสาเมฆอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ พวกเขาทุกคนก็จะยืนนมัสการอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของตน

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อหน้าเหมือนเพื่อนคุยกัน หลังจากนั้นโมเสสจะกลับมาที่ค่ายพัก แต่โยชูวาบุตรนูนชายหนุ่มผู้ช่วยของโมเสสยังคงอยู่ในเต็นท์

โมเสสกับพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงนำประชากรเหล่านี้ไป’ แต่พระองค์ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทรงส่งผู้ใดไปกับข้าพระองค์ พระองค์ตรัสว่า ‘เรารู้จักชื่อของเจ้าและเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา’

13 หากพระองค์ทรงพอพระทัยข้าพระองค์ ขอทรงสอนทางของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์สืบไป นอกจากนี้ขอทรงระลึกว่าชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เราเองจะไปกับเจ้าและให้เจ้าได้หยุดพัก”

15 โมเสสจึงกราบทูลว่า “หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ทั้งหลายก็ขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเคลื่อนไปจากที่นี่เลย

16 หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปด้วย ใครเล่าจะทราบได้ว่าข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานและแตกต่างจากประชากรอื่นใดบนพื้นโลก?”

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราจะทำตามที่เจ้าขอ เพราะเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา และเรารู้จักชื่อของเจ้า”

18 โมเสสจึงกราบทูลว่า “บัดนี้ขอทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์”

19 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะให้ความดีทั้งหมดของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเรา คือพระยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราจะเมตตาใครก็จะเมตตาคนนั้น เราจะกรุณาใครก็จะกรุณาคนนั้น

20 แต่เจ้าไม่อาจเห็นหน้าเราเพราะมนุษย์เห็นเราแล้วไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้”

21 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เราซึ่งเจ้าจะยืนบนก้อนหินได้

22 และเมื่อเกียรติสิริของเราผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในซอกหินและเอามือบังเจ้าไว้จนกว่าเราจะผ่านไป

23 แล้วเราจึงจะเอามือออก เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/33-71a0446df7d426fd21fb35ee4adcec39.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 34

ศิลาชุดใหม่

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงสกัดศิลาอีกสองแผ่นเช่นเดียวกับชุดแรกเพื่อเราจะจารึกข้อความเดิมเหมือนในแผ่นเก่าที่เจ้าทำแตกไปแล้ว

2 พรุ่งนี้เช้าจงเตรียมตัวให้พร้อมและขึ้นมาพบเราบนยอดเขาซีนาย

3 อย่าให้ใครมาด้วยและห้ามผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นมาบนภูเขา แม้แต่ฝูงสัตว์ก็อย่าปล่อยให้มากินหญ้าใกล้ๆ ภูเขา”

4 ดังนั้นโมเสสจึงสกัดศิลาสองแผ่นตามแบบชุดแรกและขึ้นไปบนภูเขาซีนายตั้งแต่เช้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา เขาถือศิลาสองแผ่นนั้นขึ้นไปด้วย

5 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาในเมฆและประทับอยู่ที่นั่นกับโมเสส และประกาศพระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์

6 พระองค์เสด็จผ่านหน้าโมเสสไปพร้อมทั้งประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาและพระคุณ ทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์

7 ผู้แสดงความรักมั่นคงต่อคนนับพันชั่วอายุ โดยให้อภัยความชั่วร้าย การกบฏ และบาป แต่พระองค์จะไม่ทรงละเว้นโทษผู้กระทำผิด พระองค์จะทรงลงโทษลูกหลานของเขาเพราะบาปของบรรพบุรุษถึงสามสี่ชั่วอายุคน”

8 โมเสสจึงหมอบลงกับพื้นทันทีและนมัสการ

9 เขาทูลวิงวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า หากข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอโปรดเสด็จไปกับข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อรั้น ขอทรงอภัยโทษความชั่วร้ายและบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย และขอทรงรับข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นมรดกของพระองค์”

10 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะทำพันธสัญญากับเจ้าดังนี้คือ เราจะทำการอัศจรรย์ต่อหน้าชนชาติของเจ้าอย่างที่ไม่เคยทำต่อชนชาติใดในโลกมาก่อน ชนชาติที่เจ้าอยู่ด้วยจะเห็นกิจการอันน่าสะพรึงกลัวที่เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะทำเพื่อเจ้า

11 จงปฏิบัติตามสิ่งที่เราสั่งเจ้าไว้ในวันนี้ เราจะขับไล่ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุสออกไปให้พ้นหน้าเจ้า

12 จงระวังให้ดี อย่าทำสนธิสัญญาใดๆ กับชาวดินแดนที่เจ้าจะไปถึงนั้น มิฉะนั้นพวกเขาจะเป็นบ่วงดักเจ้า

13 จงรื้อทำลายแท่นบูชาของเขา จงทุบทำลายศิลาศักดิ์สิทธิ์และโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ของเขาทิ้งให้หมด

14 อย่านมัสการพระอื่นใด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระนามว่า ‘หึงหวง’ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหึงหวง

15 “จงระวัง อย่าทำสนธิสัญญาใดๆ กับชาวดินแดนนั้น เพราะเมื่อเขาทำตัวแพศยากับพระของเขาและเซ่นสังเวยแก่พระเหล่านั้น เขาจะชวนเจ้าไปร่วม และเจ้าจะกินของเซ่นสังเวยของเขา

16 และเมื่อเจ้าเลือกบุตรสาวของพวกเขามาเป็นบุตรสะใภ้ บุตรชายของเจ้าก็จะถูกชักนำให้ตามอย่างภรรยา ทำตัวแพศยานอกใจเรา หันไปหาพระเหล่านั้น

17 “เจ้าอย่าหล่อรูปเคารพทั้งหลายขึ้นมา

18 “จงฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ จงกินขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้ จงทำอย่างนี้เมื่อถึงวาระกำหนดในเดือนอาบีบ เพราะเป็นเดือนที่เจ้าออกมาจากอียิปต์

19 “บุตรชายหัวปีและสัตว์หัวปีตัวผู้ทั้งหมดเป็นของเรา ไม่ว่าวัว ลา แพะ แกะ

20 ลูกลาหัวปีนั้นให้เอาลูกแกะมาไถ่คืนไป แต่ถ้าไม่ไถ่ จงหักคอลูกลาเสีย แต่บุตรชายหัวปีของเจ้าจะต้องไถ่ไว้ทุกคน

“อย่าให้ผู้ใดมาหาเรามือเปล่าเลย

21 “จงทำงานเพียงหกวันและหยุดพักในวันที่เจ็ด แม้ในช่วงไถหว่านและเก็บเกี่ยวก็ต้องหยุดพัก

22 “จงฉลองเทศกาลแห่งสัปดาห์ด้วยผลิตผลแรกสุดของการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีและเทศกาลรวบรวมผลผลิตในปลายปี

23 ชายอิสราเอลทุกคนจะต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าแห่งอิสราเอลปีละสามครั้ง

24 เมื่อเจ้ามาเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าปีละสามครั้งนั้น จะไม่มีผู้ใดมาโลภชิงดินแดนของเจ้า เราจะขับไล่ชนชาติทั้งหลายออกไปต่อหน้าเจ้าและขยายพรมแดนของเจ้าออกไป

25 “อย่าถวายเลือดของเครื่องบูชาแก่เราพร้อมกับสิ่งใดๆ ที่ใส่เชื้อ และอย่าให้เครื่องบูชาของพิธีปัสกานั้นเหลือค้างจนถึงรุ่งเช้า

26 “จงนำส่วนที่ดีที่สุดของผลิตผลรุ่นแรกจากแผ่นดินของเจ้ามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

“อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมแม่ของมัน”

27 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงเขียนข้อความเหล่านี้ไว้ เพราะเราได้ทำพันธสัญญากับเจ้าและกับอิสราเอลตามนี้”

28 โมเสสเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย และเขาจารึกข้อความแห่งพันธสัญญาคือ พระบัญญัติสิบประการลงบนแผ่นศิลาทั้งสองนั้น

ใบหน้าของโมเสสมีรัศมีแจ่มจ้า

29 เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาซีนายพร้อมด้วยศิลาจารึกสองแผ่นนั้น โมเสสไม่รู้ว่าใบหน้าของเขามีรัศมีแจ่มจ้าจากการที่ได้สนทนากับองค์พระผู้เป็นเจ้า

30 รัศมีแจ่มจ้าบนใบหน้าของเขาทำให้อาโรนและชนอิสราเอลทั้งปวงกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้

31 แต่โมเสสเรียกคนเหล่านั้นมา ดังนั้นอาโรนและผู้นำชุมชนทั้งปวงก็กลับมาหาเขา โมเสสจึงสนทนากับพวกเขา

32 หลังจากนั้นชนอิสราเอลทั้งปวงก็มาใกล้โมเสส เขาก็มอบพระบัญชาทั้งปวงซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เขาบนภูเขาซีนายให้แก่คนเหล่านั้น

33 เมื่อโมเสสสนทนากับพวกเขาจบแล้ว เขาก็เอาผ้ามาคลุมหน้า

34 แต่เมื่อใดที่เขาไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อสนทนากับพระองค์ เขาจะเอาผ้าคลุมหน้าออกจนกว่าจะกลับออกมาแจ้งพระบัญชาแก่ชนอิสราเอล

35 เหล่าประชากรจะเห็นใบหน้าของเขามีรัศมีแจ่มจ้า จากนั้นโมเสสก็จะเอาผ้าคลุมหน้าอีกจนกว่าจะกลับไปสนทนากับองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้ง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/34-02e5bb21f73274ab14a5c2cb0cd573a4.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 35

ระเบียบวันสะบาโต

1 โมเสสจึงเรียกชนอิสราเอลทั้งหมดมาประชุมและกล่าวกับพวกเขาว่า “ต่อไปนี้คือสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายทำ

2 จงทำงานเพียงหกวัน ส่วนวันที่เจ็ดจะเป็นวันบริสุทธิ์ เป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ใดทำงานในวันนั้นจะต้องตาย

3 ในวันสะบาโตอย่าก่อไฟในที่พักของพวกเจ้า”

วัสดุสำหรับพลับพลา

4 โมเสสกล่าวแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า

5 ทุกคนที่เต็มใจ จงนำสิ่งต่างๆ ที่เจ้ามีดังต่อไปนี้มาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้แก่ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์

6 ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ผ้าลินินเนื้อดี ขนแพะ

7 หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังพะยูน ไม้กระถินเทศ

8 น้ำมันมะกอกสำหรับจุดประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอม

9 โกเมนและอัญมณีอื่นๆ เพื่อใช้ทำเอโฟดและทับทรวง

10 “พวกท่านทุกคนที่มีความเชี่ยวชาญ จงมาช่วยกันทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเถิด

11 คือพลับพลารวมทั้งเต็นท์และเครื่องคลุมพลับพลา ตะขอ ไม้ฝาพลับพลา คานขวาง เสาและฐานเสา

12 หีบพร้อมคานหาม พระที่นั่งกรุณา และม่านกั้นอภิสุทธิสถาน

13 โต๊ะพร้อมคานหามและภาชนะเครื่องใช้ทุกอย่าง รวมทั้งขนมปังเบื้องพระพักตร์

14 คันประทีปพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ตะเกียงและน้ำมันจุดประทีป

15 แท่นเผาเครื่องหอมพร้อมคานหาม น้ำมันเจิมและเครื่องหอม ม่านสำหรับทางเข้าพลับพลา

16 แท่นบูชาพร้อมตะแกรงทองสัมฤทธิ์ คานหามและเครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่าง อ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรอง

17 ม่านกั้นลานพลับพลาพร้อมเสาและฐานเสา ม่านกั้นทางเข้าลานพลับพลา

18 หลักหมุดสำหรับพลับพลา และหลักหมุดสำหรับลานพลับพลาพร้อมกับเชือก

19 เครื่องแต่งกายที่ทอสำหรับปุโรหิตเมื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการ ทั้งเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับปุโรหิตอาโรนและเครื่องแต่งกายสำหรับบรรดาบุตรชายของเขาเมื่อทำหน้าที่ปุโรหิต”

20 แล้วชุมชนอิสราเอลทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไปจากโมเสส

21 ทุกคนที่เต็มใจและปรารถนาที่จะถวาย ต่างก็นำของมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับการสร้างเต็นท์นัดพบ อุปกรณ์ทุกอย่าง และเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ของปุโรหิต

22 ชายหญิงทุกคนที่เต็มใจพากันนำเครื่องประดับทองคำทุกชนิด ได้แก่ เข็มกลัด ตุ้มหู แหวน และเครื่องประดับต่างๆ มาถวายเป็นเครื่องบูชายื่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

23 ทุกคนที่มีผ้าลินินเนื้อดี ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง และหนังพะยูนก็นำมาถวาย

24 บางคนก็นำเงินหรือทองสัมฤทธิ์มาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและทุกคนที่มีไม้กระถินเทศก็นำมาถวายเพื่อใช้ในการก่อสร้าง

25 ผู้หญิงทุกคนที่เชี่ยวชาญการปั่นด้ายและทอผ้าก็นำผ้าลินินเนื้อดี ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงมาถวาย

26 และผู้หญิงทุกคนที่เต็มใจและมีความชำนาญก็ปั่นด้ายจากขนแพะมาทอเป็นผ้า

27 บรรดาผู้นำก็เอาโกเมนและอัญมณีอื่นๆ มาให้เพื่อใช้ฝังลงบนเอโฟดและทับทรวง

28 พวกเขายังได้นำเครื่องเทศและน้ำมันมะกอกมาสำหรับจุดประทีป สำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอมมาด้วย

29 ดังนั้นชนอิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิงที่เต็มใจต่างก็นำของมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความสมัครใจเพื่องานทั้งปวงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาพวกเขาไว้ผ่านทางโมเสส

เบซาเลลและโอโฮลีอับ

30 แล้วโมเสสกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “ดูเถิดองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรเบซาเลลบุตรชายของอูรี ซึ่งเป็นบุตรชายของเฮอร์จากเผ่ายูดาห์

31 และพระองค์ทรงให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า มีความรู้ความสามารถและความชำนาญในเชิงช่างทุกแบบ

32 เพื่อออกแบบเครื่องทอง เงิน และทองสัมฤทธิ์อย่างวิจิตร

33 เจียระไนเพชรพลอย แกะสลักไม้ และงานฝีมือทุกแบบ

34 และพระเจ้าทรงให้เขากับโอโฮลีอับบุตรชายของอาหิสะมัคจากเผ่าดานสามารถสอนคนอื่นๆ ได้

35 พระเจ้าทรงให้เขาทั้งสองเชี่ยวชาญในงานฝีมือเชิงช่างทุกแบบ เป็นนักออกแบบ ทั้งชำนาญงานปักบนผ้าลินินด้วยด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง และงานทอ คนทั้งสองเป็นช่างฝีมือเอกและเป็นนักออกแบบชั้นเยี่ยม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/35-812606a1e95c382ecd1d176ae6646470.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 36

1 ดังนั้นเบซาเลล โอโฮลีอับ และช่างฝีมือทุกคนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความเชี่ยวชาญและความสามารถที่จะทำการทุกอย่างในการสร้างสถานนมัสการจะต้องปฏิบัติงานตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ทุกประการ”

2 โมเสสจึงเรียกเบซาเลล โอโฮลีอับ และช่างฝีมือทุกคนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสามารถและผู้ที่เต็มใจนั้นให้ลงมือทำงาน

3 โมเสสมอบวัสดุต่างๆ ซึ่งชนอิสราเอลนำมาถวายให้พวกเขานำไปใช้ในการสร้างสถานนมัสการ ประชาชนยังคงนำของมาถวายเพิ่มทุกๆ เช้าด้วยความสมัครใจ

4 ดังนั้นช่างผู้ชำนาญงานทุกคนที่กำลังทำงานทุกอย่างเพื่อสร้างสถานนมัสการได้วางมือจากงาน

5 และพากันมาบอกโมเสสว่า “ประชาชนนำของมาถวายมากเกินพอแล้วสำหรับการทำงานตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา”

6 แล้วโมเสสจึงให้ประกาศไปทั่วค่ายพักว่า “ชายหญิงทุกคนไม่ต้องนำของมาถวายสำหรับสถานนมัสการแล้ว” ดังนั้นประชากรทั้งปวงจึงหยุดนำของมาถวาย

7 เพราะของที่มีอยู่มากเกินพอแล้วสำหรับงานที่จะต้องทำทั้งหมด

พลับพลา

8 ช่างผู้ชำนาญทุกคนทำพลับพลาด้วยม่านผ้าลินินเนื้อดีสิบผืน ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญผู้หนึ่งปักลวดลายด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านเหล่านั้น

9 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือ กว้าง 4 ศอก ยาว 28 ศอก

10 พวกเขาต่อม่านเป็นสองแถบ แถบละห้าผืน

11 ต่อจากนั้นใช้ผ้าสีน้ำเงินทำหูที่ขอบของผ้าม่านทั้งสองแถบ

12 แถบละห้าสิบหูตรงกัน

13 แล้วพวกเขาทำตะขอทองคำห้าสิบอันเกี่ยวหูของแถบม่านทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นพลับพลาเดียวกัน

14 พวกเขาทำม่านขนแพะอีกสิบเอ็ดผืนสำหรับทำเป็นเต็นท์เพื่อคลุมพลับพลาไว้

15 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือ กว้าง 4 ศอก ยาว 30 ศอก

16 พวกเขาต่อม่านเป็นสองแถบ แถบหนึ่งใช้ห้าผืน อีกแถบหนึ่งใช้หกผืน

17 จากนั้นพวกเขาทำหูห้าสิบหูติดที่ขอบของแถบผ้าม่านทั้งสองแถบ

18 และทำตะขอทองสัมฤทธิ์เกี่ยวหูเต็นท์ให้เข้าเป็นเต็นท์เดียวกัน

19 และพวกเขาคลุมเต็นท์ด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดงและใช้หนังพะยูนคลุมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

20 พวกเขาทำฝาผนังพลับพลาจากไม้กระถินเทศ

21 ไม้ฝาแต่ละแผ่นกว้าง 1.5 ศอก ยาว 10 ศอก

22 ไม้ฝาแต่ละแผ่นมีสลักสองชุดขนานกันสำหรับประกบเข้าด้วยกัน พวกเขาทำฝาผนังพลับพลาทั้งหมดแบบนี้

23 พวกเขาทำไม้ฝายี่สิบแผ่นสำหรับด้านทิศใต้ของพลับพลา

24 และทำฐานของไม้ฝาแต่ละแผ่นด้วยเงินแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน แต่ละฐานรองรับสลักแต่ละอัน

25 พวกเขาตั้งไม้ฝายี่สิบแผ่นไว้ทางด้านทิศเหนือของพลับพลา

26 และมีฐานเงินรองรับไม้ฝาแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน

27 พวกเขาทำไม้ฝาหกแผ่นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา

28 และทำไม้ฝาอีกสองแผ่นสำหรับมุมทั้งสองข้างของส่วนหลัง

29 ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านต้องประกบกันสนิทตั้งแต่บนจรดล่าง และด้านบนสุดยึดด้วยห่วงหนึ่งวง ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านก็ทำแบบเดียวกัน

30 ฉะนั้นที่ส่วนหลังของพลับพลาจึงมีไม้ฝาทั้งหมดแปดแผ่นและมีฐานเงินรองรับสิบหกฐาน แผ่นละสองฐาน

31 พวกเขายังได้ทำคานขวางด้วยไม้กระถินเทศ พาดขวางฝาผนังพลับพลาด้านทิศเหนือห้าเส้น

32 ด้านทิศใต้ห้าเส้นและอีกห้าเส้นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา

33 พวกเขาได้ทำคานขวางอันกลางพาดผ่านตรงกลางฝาผนังตลอดแนว

34 พวกเขาหุ้มไม้ฝาทุกแผ่นด้วยทองคำและทำห่วงทองคำยึดคานขวางเหล่านั้นไว้ พวกเขาหุ้มคานขวางเหล่านั้นด้วยทองคำเช่นกัน

35 พวกเขาทำม่านด้วยผ้าลินินเนื้อดี และช่างฝีมือผู้ชำนาญผู้หนึ่งปักลวดลายด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านนั้น

36 พวกเขาทำเสาไม้กระถินเทศหุ้มทองคำสี่ต้นพร้อมตะขอทองคำสี่อันสำหรับแขวนม่านนั้น และหล่อฐานรองรับด้วยเงินสี่ฐาน

37 แล้วพวกเขาทำม่านอีกผืนจากผ้าลินินเนื้อดี ปักอย่างวิจิตรด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสำหรับกั้นทางเข้าเต็นท์

38 พวกเขาทำเสาห้าต้นพร้อมตะขอและหุ้มหัวเสาและราวม่านด้วยทองคำ และทำฐานทั้งห้าของเสาจากทองสัมฤทธิ์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/36-9d7dafda6c6e5b80efb91e4b5192f214.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 37

หีบพันธสัญญา

1 เบซาเลลใช้ไม้กระถินเทศทำหีบขนาดยาว 2.5 ศอก กว้างและสูงเท่ากัน 1.5 ศอก

2 เขาหุ้มหีบนี้ด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งด้านในและด้านนอก และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วทับโดยรอบ

3 เขาหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมทั้งสี่ของขอบหีบ โดยมีสองห่วงอยู่ทางด้านหนึ่งและอีกสองห่วงอยู่อีกด้านหนึ่ง

4 แล้วเขาทำคานหามสองอันจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ

5 และเขาสอดคานลอดห่วงทั้งสองด้านของหีบไว้สำหรับหาม

6 จากนั้นเขาทำฝาหีบพันธสัญญา (คือพระที่นั่งกรุณา)จากทองคำบริสุทธิ์ขนาดยาว 2.5 ศอก กว้าง 1.5 ศอก

7 เขาเคาะทองคำบริสุทธิ์เป็นเครูบสองตนที่ปลายทั้งสองด้านของพระที่นั่งกรุณา

8 เครูบทั้งสองนี้ติดเข้าเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา

9 หันหน้าเข้าหากัน มองมายังพระที่นั่งกรุณา และคลี่ปีกจดกันเหนือพระที่นั่งกรุณา

โต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์

10 แล้วเขาใช้ไม้กระถินเทศทำโต๊ะตัวหนึ่งขนาดยาว 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และสูง 1.5 ศอก

11 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วโดยรอบ

12 คิ้วรอบขอบโต๊ะนี้กว้างหนึ่งฝ่ามือและมีลวดลายเป็นทองคำทาบลงไปโดยรอบอีกครั้ง

13 แล้วเขาหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมด้านนอกของขาโต๊ะทั้งสี่ขา

14 ห่วงเหล่านั้นจะอยู่ใกล้กับขอบบนสำหรับสอดคานเพื่อหามโต๊ะ

15 แล้วทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำเพื่อใช้หามโต๊ะ

16 และเขาทำภาชนะสำหรับโต๊ะนี้ด้วยทองคำบริสุทธิ์ ได้แก่ จานและชาม อ่างและคนโทสำหรับใช้เทเครื่องดื่มบูชา

คันประทีป

17 เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์เคาะให้เป็นตัวคันประทีปและลวดลายทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน คือทั้งฐาน ลำคันประทีป ถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกไม้ และดอกไม้ทั้งตูมและบาน

18 มีหกกิ่งแยกจากลำคันประทีป ข้างละสามกิ่งขนานกัน

19 ทำกิ่งแต่ละกิ่งคล้ายดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสามดอก บนยอดของแต่ละกิ่งนั้นทำเป็นถ้วยรองตะเกียงมีลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน

20 ลำคันประทีปทำเป็นดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสี่ดอก บนยอดของลำคันประทีปทำเป็นถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน

21 มีดอกตูมดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่แรก อีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สอง และอีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สาม

22 ลวดลายที่ตกแต่งทั้งหมดรวมทั้งกิ่งและตัวคันประทีปล้วนเป็นเนื้อเดียวกัน เคาะจากทองคำบริสุทธิ์

23 เขาทำตะเกียงเจ็ดดวง กรรไกรตัดไส้ตะเกียง และถาดรองจากทองคำบริสุทธิ์

24 เขาทำคันประทีปและเครื่องประกอบทั้งหมดโดยใช้ทองคำบริสุทธิ์หนักประมาณ 34 กิโลกรัม

แท่นเผาเครื่องหอม

25 เขาใช้ไม้กระถินเทศทำแท่นเผาเครื่องหอมเป็นแท่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างและยาว 1 ศอก สูง 2 ศอกมีเชิงงอนแกะสลักจากตัวแท่นเป็นเนื้อเดียวกัน

26 เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์หุ้มด้านบนและด้านข้างทุกด้านและเชิงงอน และทำคิ้วทองคำคาดรอบแท่น

27 ใต้คิ้วทั้งสองด้าน เขาทำห่วงทองคำข้างละสองอันสำหรับสอดคานหามเวลาเคลื่อนย้ายแท่น

28 เขาทำคานหามจากไม้กระถินเทศหุ้มทองคำ

29 จากนั้นเขายังได้ปรุงน้ำมันเจิมศักดิ์สิทธิ์และเครื่องหอมบริสุทธิ์ตามศิลปะของช่างปรุง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/37-ab0adcc8cafeb6dd38e04186c78771b6.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 38

แท่นบูชา

1 เขาทำแท่นเผาเครื่องบูชาจากไม้กระถินเทศ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 5 ศอก สูง 3 ศอก

2 ทำเชิงงอนที่มุมทั้งสี่ของแท่นเป็นเนื้อเดียวกับตัวแท่น และใช้ทองสัมฤทธิ์หุ้มรอบแท่น

3 และทำภาชนะทุกชิ้นของแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ ทั้งหม้อใส่เถ้า ทัพพี อ่างประพรม ขอเกี่ยวเนื้อและถาดรองไฟ

4 เขาทำตะแกรงทองสัมฤทธิ์สำหรับวางที่ด้านในของแท่น ใต้ขอบบนอยู่ระดับกลางแท่น

5 เขาหล่อห่วงทองสัมฤทธิ์ที่มุมทั้งสี่ของตะแกรงทองสัมฤทธิ์สำหรับสอดคานหาม

6 เขาทำคานหามจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์

7 และสอดคานนั้นไว้ในห่วงข้างแท่นเพื่อใช้หาม เขาทำแท่นนั้นด้วยไม้กระดาน ให้ภายในกลวง

อ่างสำหรับล้างชำระ

8 เขาทำอ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองทองสัมฤทธิ์จากกระจกเงาของพวกผู้หญิงที่ปรนนิบัติตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

ลานพลับพลา

9 จากนั้นเขาทำลานพลับพลา มีผ้าลินินเนื้อดีเป็นม่านปิดทางด้านทิศใต้ ม่านคลี่ออกกว้าง 100 ศอก

10 มีเสายี่สิบต้นปักบนฐานรองรับยี่สิบฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และมีตะขอเงินติดกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา

11 ผนังด้านทิศเหนือยาว 100 ศอกเช่นกัน มีเสายี่สิบต้นพร้อมฐานรองรับทำจากทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน และมีตะขอเงินและราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา

12 ด้านทิศตะวันตกมีม่านกว้าง 50 ศอกและมีเสาสิบต้นปักบนฐานทั้งสิบ และมีตะขอเงินกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา

13 ด้านทิศตะวันออกก็กว้าง 50 ศอกเช่นกัน

14 ด้านหนึ่งของทางเข้ามีม่านยาว 15 ศอกเกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน

15 อีกด้านหนึ่งของทางเข้าสู่ลานพลับพลามีม่านยาว 15 ศอกเกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน

16 ม่านรอบลานพลับพลาทั้งหมดทอด้วยผ้าลินินเนื้อดี

17 ฐานรองรับเสาทำจากทองสัมฤทธิ์ ตะขอและราวขึงม่านล้วนทำจากเงิน หัวเสาก็หุ้มด้วยเงิน ดังนั้นเสาทุกต้นของลานพลับพลามีปลอกทำด้วยเงิน

18 ม่านกั้นทางเข้าลานพลับพลาทั้งหมดทำจากผ้าลินินเนื้อดี ปักอย่างวิจิตรด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง กว้าง 20 ศอก สูง 5 ศอกเช่นเดียวกับผ้าม่านผนังลานพลับพลา

19 มีเสาค้ำสี่ต้นพร้อมฐานทองสัมฤทธิ์สี่ฐาน ตะขอและราวขึงม่านทำด้วยเงิน หัวเสาก็เป็นเงิน

20 หลักหมุดทั้งหมดของพลับพลาและลานพลับพลาโดยรอบทำด้วยทองสัมฤทธิ์

วัสดุที่ใช้

21 สิ่งเหล่านี้คือรายการวัสดุที่ใช้สำหรับพลับพลา ที่ตั้งของหีบพันธสัญญา ซึ่งโมเสสสั่งให้คนเลวีบันทึกไว้ ภายใต้การกำกับดูแลของอิธามาร์บุตรชายของปุโรหิตอาโรน

22 (เบซาเลลบุตรชายของอูรีซึ่งเป็นบุตรชายของเฮอร์จากเผ่ายูดาห์ได้ทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส

23 ผู้ช่วยของเขาคือโอโฮลีอับบุตรชายของอาหิสะมัคจากเผ่าดาน เขาก็เป็นช่างฝีมือและนักออกแบบและเป็นช่างปักด้วยด้าย สีน้ำเงิน ม่วง และแดงลงบนผ้าลินินเนื้อดี)

24 ทองคำทั้งหมดจากเครื่องบูชายื่นถวายซึ่งใช้ในงานสถานนมัสการมีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน

25 เงินที่เก็บมาจากชุมชนหนักประมาณ 3.4 ตัน

26 โดยเก็บจากผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไป ตามรายชื่อในทะเบียนสำมะโนประชากรรวม 603,550 คน คนละประมาณ 5.5 กรัม

27 เงินหนักประมาณ 3.4 ตันใช้ทำฐานรองรับสถานนมัสการและเสาค้ำม่าน 100 ฐาน แต่ละฐานใช้เงินหนักประมาณ 34 กิโลกรัม

28 เงินอีกประมาณ 20 กิโลกรัมใช้ทำตะขอบนเสา หุ้มหัวเสา และทำราวยึดม่าน

29 ทองสัมฤทธิ์ซึ่งนำมาจากเครื่องบูชายื่นถวายหนักประมาณ 2.4 ตัน

30 ใช้ในการหล่อฐานรองรับเสาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์พร้อมกับตะแกรงทองสัมฤทธิ์ และภาชนะใช้สอยทั้งหมดสำหรับแท่น

31 ฐานรองรับเสาลานพลับพลาโดยรอบ ทางเข้าและหลักหมุดที่ใช้ในการสร้างพลับพลาและลานพลับพลาโดยรอบ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/38-a6075d33ec1b34cfe855b786d6a0df7a.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 39

เครื่องแต่งกายปุโรหิต

1 เขาใช้ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงทอเครื่องแต่งกายเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการและเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

เอโฟด

2 พวกเขาทำเอโฟดโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี

3 พวกเขาเอาทองมาตีแผ่จนบาง ตัดเป็นเส้นๆ เพื่อจะทอเข้าไปกับผ้าลินินเนื้อดี ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง นี่เป็นผลงานของช่างฝีมือผู้ชำนาญ

4 พวกเขาทำแถบสองชิ้นที่บ่าสำหรับเอโฟดไว้โยงมุมสำหรับผูกเข้าด้วยกัน

5 ทำสายคาดเอวอย่างประณีตด้วยทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีทอเข้าเป็นชิ้นเดียวกับเอโฟดตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

6 พวกเขานำโกเมนสองชิ้นฝังบนเรือนทองและสลักชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอลเหมือนกรรมวิธีสลักแหวนตรา

7 แล้วพวกเขาติดเข้ากับแถบบ่าของเอโฟด เป็นหินอนุสรณ์ถึงประชากรอิสราเอลตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

ทับทรวง

8 พวกเขาทำทับทรวงโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีเหมือนกับที่ใช้ทำเอโฟด

9 เป็นผืนสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละหนึ่งคืบพับเป็นสองทบ

10 แล้วพวกเขาฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล

11 แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต

12 แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง

13 แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติ ทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง

14 อัญมณีสิบสองเม็ดนี้แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรชายแต่ละคนของอิสราเอลแทนทั้งสิบสองเผ่าเหมือนสลักตรา

15 พวกเขายังได้ทำสร้อยเกลียวทองคำบริสุทธิ์ลักษณะคล้ายเชือกสำหรับทับทรวง

16 และทำเรือนทองสองเรือนกับห่วงทองคำสองห่วง ติดห่วงทองคำทั้งสองเข้ากับมุมทั้งสองของทับทรวง

17 เขาคล้องสร้อยเกลียวทองสองสายเข้ากับห่วงที่มุมทับทรวง

18 และติดปลายอีกด้านของสร้อยเกลียวเข้ากับเรือนทองทั้งสอง แล้วติดเข้ากับแถบบ่าทั้งสองของเอโฟดตรงด้านหน้า

19 เขาทำห่วงทองคำสองห่วงติดกับอีกสองมุมของทับทรวงตรงขอบด้านในชิดกับเอโฟด

20 และทำห่วงทองคำอีกสองห่วงติดที่ปลายล่างของแถบบ่าตรงด้านหน้าของเอโฟด ชิดกับตะเข็บเหนือสายคาดเอวของเอโฟด

21 เขาผูกห่วงของทับทรวงเข้ากับห่วงของเอโฟดโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงินติดเข้ากับสายคาดเอว เพื่อไม่ให้ทับทรวงเลื่อนหลุดจากเอโฟด ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

เครื่องแต่งกายของปุโรหิตชิ้นอื่นๆ

22 พวกเขาทอเสื้อคลุมเข้าชุดกับเอโฟดด้วยผ้าสีน้ำเงินทั้งตัว

23 มีช่องตรงกลางเป็นคอเสื้อสำหรับสวมหัว มีแถบทอขลิบริมเพื่อไม่ให้ขาดลุ่ย

24 แล้วทำผลทับทิมด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีไว้รอบชายเสื้อคลุม

25 และเขาทำลูกพรวนทองคำบริสุทธิ์ติดสลับกับผลทับทิมรอบชายเสื้อคลุม

26 เสื้อคลุมที่ชายล่างติดผลทับทิมสลับลูกพรวนนี้ สำหรับอาโรนใช้สวมเวลาปฏิบัติหน้าที่ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

27 เขาทอเสื้อตัวในด้วยผ้าลินินเนื้อดีสำหรับอาโรนและบรรดาบุตรชาย

28 แถบคาดหน้าผาก ผ้าโพกศีรษะ และเครื่องแต่งกายชั้นใน ล้วนทำจากผ้าลินินเนื้อดีแบบเดียวกันนี้

29 สายคาดเอวทำด้วยผ้าลินินเนื้อดี ปักอย่างวิจิตรโดยใช้ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

30 เขาทำแผ่นทองคำบริสุทธิ์สำหรับคาดหน้าผากสลักข้อความเหมือนสลักตราว่า “บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”

31 แล้วเขาใช้ด้ายสีน้ำเงินผูกแผ่นทองคำนี้ติดกับผ้าโพกศีรษะ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

โมเสสตรวจงานพลับพลา

32 ดังนั้นงานทุกชิ้นสำหรับการสร้างพลับพลาหรือเต็นท์นัดพบก็สำเร็จสมบูรณ์ ชนอิสราเอลได้ทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้ทุกประการ

33 พวกเขานำส่วนประกอบทั้งหมดมามอบแก่โมเสสดังนี้คือ พลับพลา อุปกรณ์ประกอบทุกอย่าง ตะขอ ไม้ฝาพลับพลา คานขวาง เสา ฐานรองรับ

34 เครื่องคลุมพลับพลาที่ทำจากหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดงและที่ทำจากหนังพะยูน ม่านกั้นทางเข้า

35 หีบพันธสัญญาพร้อมคานหาม และพระที่นั่งกรุณา

36 โต๊ะพร้อมภาชนะทุกอย่างและขนมปังเบื้องพระพักตร์

37 คันประทีปทองคำบริสุทธิ์พร้อมตะเกียง เครื่องใช้ประกอบทุกอย่าง และน้ำมันสำหรับจุดประทีป

38 แท่นทองคำ น้ำมันเจิม เครื่องหอม ม่านกั้นทางเข้าเต็นท์

39 แท่นทองสัมฤทธิ์พร้อมตะแกรงทองสัมฤทธิ์ และคานหาม และเครื่องใช้ทุกอย่าง อ่างชำระพร้อมฐานรอง

40 ม่านกั้นลานพลับพลาพร้อมเสาและฐานรองรับ และม่านกั้นทางเข้าลานพลับพลา เชือก และหลักหมุด สำหรับลานพลับพลา เครื่องตบแต่งทั้งหมด สำหรับพลับพลาหรือเต็นท์นัดพบ

41 ทั้งเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ที่ทอขึ้นสวมใส่เมื่อรับใช้ในสถานนมัสการสำหรับปุโรหิตอาโรนและบรรดาบุตรชายสวมขณะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต

42 ชนอิสราเอลทั้งปวงปฏิบัติตามทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

43 โมเสสตรวจตราผลงานทั้งหมดและกล่าวอวยพรพวกเขา เพราะทุกสิ่งเรียบร้อยตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/39-84f0bc3d61b64f4d21c9d4617062e480.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 40

การตั้งพลับพลา

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงตั้งพลับพลาคือเต็นท์นัดพบขึ้นในวันแรกของเดือนที่หนึ่ง

3 ตั้งหีบพันธสัญญาในพลับพลา ขึงม่านกั้นบังหีบไว้

4 ยกโต๊ะเข้ามาตั้งวางภาชนะต่างๆ ลงบนโต๊ะ ตั้งคันประทีป แล้วตั้งตะเกียง

5 วางแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมตรงหน้าหีบพันธสัญญา ขึงม่านกั้นทางเข้าพลับพลา

6 “จงวางแท่นเผาเครื่องบูชาตรงหน้าทางเข้าพลับพลาหรือเต็นท์นัดพบ

7 วางอ่างล้างระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา ใส่น้ำไว้ในอ่าง

8 ตั้งลานพลับพลาโดยรอบ ขึงม่านตรงทางเข้าลานพลับพลา

9 “จงเอาน้ำมันเจิมพลับพลาและเจิมของทุกอย่างในพลับพลา เจิมภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ แล้วพลับพลานั้นจะบริสุทธิ์

10 แล้วเจิมแท่นบูชาและภาชนะเครื่องใช้ประจำแท่นเพื่อชำระแท่นนั้น และแท่นนั้นจะบริสุทธิ์ที่สุด

11 เจิมอ่างชำระและฐานรอง เป็นการชำระให้บริสุทธิ์

12 “จงนำอาโรนและบุตรชายของเขามาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ เอาน้ำชำระกายพวกเขา

13 จากนั้นให้อาโรนสวมเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ เจิมเขา และชำระเขาให้บริสุทธิ์เพื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา

14 จงนำบรรดาบุตรชายของเขาเข้ามาและให้สวมเสื้อตัวใน

15 เจิมพวกเขาเช่นเดียวกับที่เจิมอาโรน เพื่อพวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา การเจิมนี้เป็นการสถาปนาความเป็นปุโรหิตสืบไปทุกชั่วอายุ”

16 โมเสสก็ทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

17 ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตั้งพลับพลาขึ้นในวันแรกของเดือนที่หนึ่งปีที่สอง

18 โมเสสตั้งพลับพลาขึ้นโดยวางฐาน เอาไม้ฝาตั้งขึ้นแล้วสอดคานขวางและตั้งเสา

19 จากนั้นคลี่ผ้าเต็นท์และเครื่องคลุมเหนือพลับพลาตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

20 เขาเอาแผ่นจารึกพันธสัญญาใส่ไว้ในหีบพันธสัญญา สอดคานหามเข้ากับหีบ และเอาพระที่นั่งกรุณาปิดหีบ

21 แล้วเขานำหีบพันธสัญญาไปตั้งในพลับพลา และขึงม่านกั้นปิดหีบพันธสัญญาไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

22 โมเสสวางโต๊ะในเต็นท์นัดพบข้างนอกม่านที่ด้านทิศเหนือของพลับพลา

23 และตั้งขนมปังไว้บนโต๊ะต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

24 เขาตั้งคันประทีปตรงกันข้ามกับโต๊ะในเต็นท์นัดพบทางด้านทิศใต้ของพลับพลา

25 และตั้งตะเกียงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

26 โมเสสวางแท่นทองคำไว้ในเต็นท์นัดพบตรงหน้าม่าน

27 แล้วเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้น ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้

28 จากนั้นเขากั้นม่านตรงทางเข้าพลับพลา

29 แล้วเขาวางแท่นบูชาใกล้ทางเข้าพลับพลาหรือเต็นท์นัดพบ จากนั้นจึงถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

30 เขาวางอ่างชำระระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา ใส่น้ำเพื่อชำระล้าง

31 โมเสสและอาโรนกับบรรดาบุตรชายล้างมือและเท้าที่นั่น

32 คราวใดที่พวกเขาเข้าใกล้แท่นบูชาหรือเข้าไปในเต็นท์นัดพบ ก็ล้างมือและเท้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

33 แล้วโมเสสกั้นลานรอบพลับพลาและแท่น จากนั้นขึงม่านตรงทางเข้าลานพลับพลา เป็นอันว่าโมเสสทำงานเสร็จเรียบร้อย

พระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า

34 แล้วมีเมฆเคลื่อนลงมาปกคลุมเต็นท์นัดพบ และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพลับพลา

35 โมเสสไม่สามารถเข้าไปในเต็นท์นัดพบเพราะที่นั่นมีเมฆหนา และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพลับพลา

36 ตลอดการเดินทาง เมื่อใดที่เมฆซึ่งอยู่เหนือพลับพลาลอยขึ้น ชนอิสราเอลก็ออกเดินทาง

37 แต่ถ้าเมฆนั้นไม่ลอยขึ้น พวกเขาก็ไม่ออกเดินทางจนกว่าเมฆจะเคลื่อน

38 เมฆขององค์พระผู้เป็นเจ้าลอยอยู่เหนือพลับพลาในยามกลางวัน และในยามกลางคืนก็มีไฟอยู่ในเมฆ ประจักษ์แก่ตาชนอิสราเอลทั้งปวงตลอดการเดินทาง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/40-a249f5e24715e7e8d9aa0ea8f2841ab4.mp3?version_id=179—