Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 51

ความรอดนิรันดร์สำหรับศิโยน

1 “จงฟังเราเถิด บรรดาผู้ขวนขวายหาความชอบธรรม

และผู้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงมองดูศิลาที่เจ้าถูกสกัดออกมา

ดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมา

2 จงมองดูอับราฮัมบรรพบุรุษของเจ้า

และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า

เมื่อครั้งเราเรียกเขา เขามีเพียงตัวคนเดียว

และเราก็อวยพรเขา ทำให้เขามีจำนวนมาก

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปลอบโยนศิโยนอย่างแน่นอน

และจะทอดพระเนตรซากปรักหักพังทั้งปวงของศิโยนด้วยความเอ็นดูสงสาร

พระองค์จะทรงทำให้ทะเลทรายของศิโยนเป็นเหมือนสวนเอเดน

ที่ทิ้งร้างของเธอเหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ที่นั่นจะมีความปลาบปลื้มยินดี

มีการขอบพระคุณพระเจ้าและเสียงเพลงไพเราะ

4 “จงฟังเราเถิด ประชากรของเราเอ๋ย

ฟังเราเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย

บทบัญญัติจะออกมาจากเรา

ความยุติธรรมของเราจะเป็นแสงสว่างแก่มวลประชาชาติ

5 ความชอบธรรมของเรารีบรุดเข้ามาใกล้

ความรอดของเรากำลังมาถึงแล้ว

แขนของเราจะนำความยุติธรรมมาให้ชนชาติต่างๆ

เกาะแก่งต่างๆ จะมองดูเรา

และรอคอยด้วยหวังว่าเราจะสำแดงฤทธิ์อำนาจ

6 จงเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสวรรค์

และมองดูโลกเบื้องล่าง

ฟ้าสวรรค์จะลับหายไปเหมือนควัน

โลกจะเปื่อยยุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า

และชาวโลกจะตายไปเหมือนแมลงวัน

แต่ความรอดของเราจะดำรงอยู่เป็นนิตย์

ความชอบธรรมของเราจะไม่สิ้นสุดเลย

7 “จงฟังเราเถิด เจ้าทั้งหลายผู้รู้ว่าอะไรคือความถูกต้อง

ชนชาติผู้ถนอมบทบัญญัติของเราไว้ในใจ

อย่ากลัวการตำหนิติเตียนของมนุษย์

อย่าหวาดหวั่นไปกับคำสบประมาทของพวกเขา

8 เพราะแมลงจะแทะกินเขาเหมือนเสื้อผ้า

หนอนจะกัดกินเขาเหมือนผ้าขนสัตว์

แต่ความชอบธรรมของเราจะดำรงอยู่ตลอดกาล

ความรอดของเราจะยั่งยืนสืบไปทุกชั่วอายุ”

9 จงตื่นเถิด! พระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ตื่นเถิด! จงสวมพละกำลัง

จงตื่นขึ้น เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

เหมือนในชั่วอายุเก่าก่อน

ไม่ใช่พระองค์หรือที่ฟันราหับออกเป็นชิ้นๆ

และแทงสัตว์ร้ายตัวนั้นทะลุ?

10 ไม่ใช่พระองค์หรือที่ทำให้ทะเลแห้งเหือด?

คือทำให้ห้วงสมุทรอันลึกแห้งไป

ผู้ทรงทำทางไว้ในทะเลลึก

เพื่อผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้จะข้ามฟากไปได้

11 ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้จะกลับมา

พวกเขาจะเดินร้องเพลงเข้าศิโยน

มีความชื่นชมยินดีนิรันดร์เป็นมงกุฎประดับศีรษะ

พวกเขาจะได้รับความยินดีและความเปรมปรีดิ์

ความทุกข์โศกและการทอดถอนใจจะสูญสิ้นไป

12 “เรานี่แหละเป็นผู้ปลอบโยนเจ้า

เจ้าเป็นใครจึงไปกลัวมนุษย์ที่ต้องตาย?

กลัวลูกหลานของมนุษย์ซึ่งเป็นเพียงต้นหญ้า

13 เจ้าเป็นใครจึงลืมพระยาห์เวห์พระผู้สร้างของเจ้า

ผู้คลี่ฟ้าสวรรค์ออกมา

และวางฐานรากของโลก?

เรื่องอะไรเจ้าถึงต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกวี่ทุกวัน

เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง

ผู้มุ่งสู่หายนะ?

ไหนล่ะความเกรี้ยวกราดของผู้ข่มเหง?

14 ในไม่ช้านักโทษผู้หวาดกลัวจนตัวสั่นจะได้รับการปลดปล่อย

เขาจะไม่ตายในคุก

และจะไม่ขาดอาหาร

15 เพราะเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

ผู้กวนทะเลทำให้คลื่นคำราม

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์คือพระนามของพระองค์

16 เราได้ใส่วาจาของเราไว้ในปากของเจ้า

และบังเจ้าไว้ด้วยร่มเงาแห่งมือของเรา

เราเป็นผู้สถาปนาฟ้าสวรรค์ไว้ในที่ของมัน

เป็นผู้วางฐานรากของโลก

และเป็นผู้กล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นประชากรของเรา’”

จอกแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด!

จงลุกขึ้นเถิดเยรูซาเล็มเอ๋ย

เจ้าผู้ได้ดื่มจากจอกแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

ซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เจ้าดื่มจนถึงตะกอนก้นถ้วย

ซึ่งทำให้ถึงกับซวนเซ

18 ลูกชายทั้งหมดที่นางคลอดออกมา

ไม่มีสักคนเดียวที่จะนำทางนาง

ลูกชายทั้งหมดที่นางเลี้ยงดูมา

ไม่มีสักคนเดียวที่จะจูงนางไป

19 ภัยพิบัติอันกระหน่ำซ้ำเติมนี้เกิดขึ้นแก่เจ้า

ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?

หายนะและความย่อยยับ การกันดารอาหารและการรบราฆ่าฟัน

ใครเล่าจะสามารถปลอบโยนเจ้าได้?

20 ลูกๆ ของเจ้าเป็นลมไปแล้ว

พวกเขานอนอยู่ที่หัวถนนทุกสาย

ประหนึ่งละมั่งติดอยู่ในตาข่าย

พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

และการกำราบจากพระเจ้าของเจ้าท่วมท้นพวกเขา

21 ฉะนั้นจงฟังสิ่งนี้เถิด เจ้าผู้ทุกข์ทรมาน

ผู้มึนเมาแต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่น

22 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า

ผู้ปกป้องประชากรของพระองค์ ตรัสว่า

“ดูเถิด เราได้นำถ้วยซึ่งทำให้เจ้าซวนเซ

ออกไปจากมือของเจ้า

เจ้าจะไม่ต้องดื่มจากถ้วยนั้น

คือถ้วยแห่งพระพิโรธของเราอีกต่อไป

23 เราจะเอาถ้วยนั้นใส่ในมือของบรรดาผู้ทรมานเจ้า

ผู้กล่าวกับเจ้าว่า

‘นอนหมอบราบสิ เราจะได้เดินย่ำเจ้า’

เจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน

เหมือนพื้นถนนให้เหยียบย่ำ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/51-649d13f5c02cd54e976770f0f54ff2a9.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 52

1 ตื่นเถิด ตื่นเถิด ศิโยนเอ๋ย

จงสวมกำลังวังชา

เยรูซาเล็มนครบริสุทธิ์เอ๋ย

จงสวมอาภรณ์งามตระการของเจ้าเถิด

ผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตและผู้มีมลทิน

จะไม่เข้ามาในเจ้าอีก

2 จงสะบัดฝุ่นธุลีทิ้งไป

จงลุกขึ้น นั่งบนบัลลังก์เถิด เยรูซาเล็มเอ๋ย

จงปลดโซ่ตรวนที่ล่ามคอของเจ้าเถิด

ธิดาแห่งศิโยนผู้ตกเป็นเชลย

3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เจ้าถูกขายโดยไม่มีราคาค่างวด

เจ้าก็จะได้รับการไถ่คืนมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน”

4 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า

“เดิมทีประชากรของเราลงไปอาศัยอยู่ที่อียิปต์

บัดนี้อัสซีเรียได้กดขี่ข่มเหงพวกเขา”

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “และบัดนี้เรามีอะไรที่นี่บ้าง?

“เพราะประชากรของเราถูกพาตัวไปเปล่าๆ

และผู้ครอบครองเขาก็เย้ยหยัน”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“ตลอดทั้งวัน

นามของเราถูกหมิ่นประมาทอยู่เสมอ

6 ดังนั้นประชากรของเราจะรู้จักนามของเรา

เพราะฉะนั้นในวันนั้นเขาจะรู้ว่า

เราเองเป็นผู้บอกไว้ล่วงหน้า

ใช่ เป็นเราเอง”

7 เท้าของผู้นำข่าวดีมาบนภูเขา

ช่างงดงามยิ่งนัก

ผู้ประกาศสันติภาพ

ผู้แจ้งข่าวดี

ผู้ประกาศความรอด

ผู้กล่าวกับศิโยนว่า

“พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง!”

8 จงฟังเถิด! พวกยามของเจ้าส่งเสียงร้อง

ร่วมกันโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี

เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมายังศิโยน

พวกเขาจะเห็นกับตา

9 จงร่วมกันเปล่งเสียงร้องเพลงเบิกบานเถิด

ซากปรักหักพังของเยรูซาเล็มเอ๋ย

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์แล้ว

พระองค์ได้ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเผยพระกรอันบริสุทธิ์

ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งปวง

ทั่วโลกจะเห็น

ความรอดแห่งพระเจ้าของเรา

11 ไปเถิด ไปเสีย จงออกจากที่นั่น!

อย่าแตะต้องสิ่งมลทิน!

จงออกมาจากที่นั่น และรักษาตัวให้บริสุทธิ์

พวกเจ้าผู้อัญเชิญภาชนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 แต่เจ้าจะไม่จากมาด้วยความรีบร้อน

หรือเตลิดหนีมา

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จนำหน้าเจ้า

พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงระวังหลังให้เจ้า

การทนทุกข์และสง่าราศีของผู้รับใช้

13 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทำการอย่างชาญฉลาด

เขาจะได้รับการยกย่องเทิดทูนและสดุดีอย่างสูงส่ง

14 คนเป็นอันมากตื่นตะลึงเพราะเขา

เพราะรูปลักษณ์ของเขาเสียโฉมไปจนไม่มีใครเหมือน

และรูปร่างของเขาก็เสียไปจนดูไม่เหมือนมนุษย์

15 เขาก็จะทำให้หลายประชาชาติตกตะลึง

และเขาจะทำให้บรรดากษัตริย์ปิดปาก

เพราะพวกเขาจะเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครบอกพวกเขามาก่อน

และจะเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/52-f29b31cfc26afc76c8fc19bf640a818d.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 53

1 ใครเล่าได้เชื่อถ้อยคำของเรา

และพระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำแดงแก่ผู้ใด?

2 เขาผู้นั้นเจริญขึ้นต่อหน้าพระองค์เหมือนหน่ออ่อน

และเหมือนรากที่โผล่ออกมาบนพื้นดินแห้ง

เขาไม่มีความงามหรือความโอ่อ่าตระการที่จะดึงดูดเรา

รูปลักษณ์ของเขาไม่มีอะไรชวนให้ปรารถนา

3 เขาถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง

เป็นคนเจ้าทุกข์และคุ้นเคยกับความทุกข์ทรมาน

เป็นคนที่ใครๆ เบือนหน้าหนี

เขาถูกเหยียดหยาม และเราก็ไม่นับถือเขา

4 แน่ทีเดียว เขารับความอ่อนแอทั้งหลายของเรา

และแบกรับความทุกข์โศกของเราไป

ถึงกระนั้นเรากลับถือว่าเขาถูกพระเจ้าตี

คือถูกพระองค์โบยตีและทรมาน

5 แต่เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของเรา

เขาบอบช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา

เขารับโทษทัณฑ์เพื่อเราจะมีสันติสุข

บาดแผลของเขาทำให้เราได้รับการรักษาให้หาย

6 เราทุกคนหลงเตลิดไปเหมือนแกะ

แต่ละคนหันไปตามทางของตน

และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางความชั่วช้าของเราทุกคน

ไว้บนตัวเขา

7 เขาถูกกดขี่ข่มเหงและทนทุกข์ทรมาน

แต่ก็ไม่เคยปริปากเลย

เขาถูกนำตัวไปเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า

และเหมือนแกะที่เงียบอยู่ต่อหน้าคนตัดขน

เขาก็ไม่ได้ปริปากเช่นกัน

8 เขาถูกนำตัวออกไปโดยการกดขี่ข่มเหงและการพิพากษา

และใครเล่าจะพูดถึงเชื้อสายของเขาได้

เพราะเขาถูกตัดขาดจากดินแดนผู้มีชีวิต

เขาถูกตีเพราะการล่วงละเมิดของประชากรของเรา

9 เขาถูกฝังในหลุมศพร่วมกับคนชั่ว

และฝังร่วมกับเศรษฐีในความตายของเขา

ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยทำอะไรรุนแรง

ไม่เคยพูดคำโกหกหลอกลวง

10 ถึงกระนั้นก็เป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะบดขยี้และทำให้เขาทุกข์ทรมาน

และถึงแม้พระองค์ทรงใช้ชีวิตของเขาเป็นเครื่องบูชาลบความผิด

แต่เขาจะเห็นวงศ์วานของตนและวันคืนของเขายาวนาน

พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเจริญรุ่งเรืองในมือของเขา

11 หลังจากที่ชีวิตจิตใจของเขาต้องทุกข์ทรมานแล้ว

เขาจะได้เห็นแสงสว่างแห่งชีวิตและเขาจะพึงพอใจ

โดยความรู้ของเขาคือผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของเราจะทำให้คนเป็นอันมากกลายเป็นผู้ชอบธรรม

และเขาจะแบกความชั่วช้าของคนเหล่านั้น

12 ด้วยเหตุนี้เราจะให้เขามีส่วนแบ่งในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่

และเขาจะแบ่งรางวัลกับผู้แข็งแกร่ง

เนื่องจากเขายอมพลีชีวิต

และถูกนับเป็นพวกเดียวกับคนที่ล่วงละเมิด

เพราะเขาแบกรับบาปของคนเป็นอันมาก

และทูลวิงวอนเพื่อคนที่ล่วงละเมิด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/53-ac1644364585d21f21d0f603da760884.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 54

พระเกียรติสิริที่จะมาถึงของศิโยน

1 “จงร้องเพลงเถิด หญิงหมันเอ๋ย

เจ้าผู้ไม่เคยมีลูก

จงเปล่งเสียงร้องเพลงและจงโห่ร้องยินดีเถิด

เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์

เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว

ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

2 “จงขยายที่ตั้งเต็นท์ของเจ้า

ขึงผ้าเต็นท์ออกกว้าง

อย่ารั้งไว้

ต่อเชือกเต็นท์

และตอกหลักหมุดให้มั่นคง

3 เพราะเจ้าจะขยายออกไปทั้งซ้ายและขวา

ลูกหลานของเจ้าจะยึดกรรมสิทธิ์ของประชาชาติต่างๆ

และตั้งถิ่นฐานในนครต่างๆ ที่เริศร้างของพวกเขา

4 “อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องทนอับอาย

อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องขายหน้า

เจ้าจะลืมความอัปยศในวัยสาว

และไม่จดจำคำถากถางเรื่องความเป็นม่ายของเจ้าอีก

5 เพราะพระผู้สร้างของเจ้าเป็นสามีของเจ้า

พระองค์ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลคือพระผู้ไถ่ของเจ้า

เขาจะเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าเหนือสากลโลก

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเรียกเจ้ากลับมา

เสมือนหนึ่งเจ้าเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและชอกช้ำระกำใจ

เป็นภรรยาที่แต่งงานไปตั้งแต่ยังสาว

เพียงเพื่อจะถูกทอดทิ้ง” พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น

7 “เราทอดทิ้งเจ้าชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง

แต่ด้วยความเมตตาอย่างลึกซึ้ง เราจะพาเจ้ากลับมา

8 ในชั่วขณะหนึ่งของความโกรธ

เราเบือนหน้าหนีไปจากเจ้า

แต่ด้วยความกรุณานิรันดร์

เราจะเมตตาเจ้า”

พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้าตรัสไว้ดังนั้น

9 “สำหรับเราแล้วเรื่องนี้เป็นเหมือนในสมัยโนอาห์

เราปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ให้น้ำของโนอาห์ท่วมโลกอีกฉันใด

บัดนี้เราก็ปฏิญาณว่าจะไม่โกรธ

และไม่ตำหนิเจ้าอีกฉันนั้น

10 แม้ภูเขาจะถูกเขย่า

และเนินเขาถูกเขยื้อนไป

แต่ความรักมั่นคงที่เรามีต่อเจ้าจะไม่คลอนแคลน

และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่สูญสิ้นไป”

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาเจ้าตรัสไว้ดังนั้น

11 “โอ นครซึ่งถูกทรมาน ถูกพายุพัดกระหน่ำ และไม่ได้รับการปลอบโยน

เราจะสร้างเจ้าด้วยไพฑูรย์

ฐานรากของเจ้าคือพลอยสีน้ำเงิน

12 เราจะสร้างหอรบของเจ้าด้วยทับทิม

ประตูของเจ้าทำจากพลอยอันวาววับ

และกำแพงทั้งหมดทำจากอัญมณีล้ำค่า

13 ลูกทุกคนของเจ้าจะรับการสอนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

พวกเขาจะมีสันติสุขยิ่งใหญ่

14 เจ้าจะได้รับการสถาปนาขึ้นในความชอบธรรม

การกดขี่ข่มเหงจะห่างไกลจากเจ้า

ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกลัว

ความอกสั่นขวัญแขวนจะถูกกำจัดไปไกล

มันจะไม่เฉียดกรายเจ้า

15 หากมีใครโจมตีเจ้า ก็ไม่ใช่ฝีมือของเรา

ผู้ที่โจมตีเจ้าจะยอมแพ้เจ้า

16 “ดูเถิด เราเองเป็นผู้สร้างช่างเหล็ก

ผู้พัดถ่านให้ลุกเป็นไฟ

และผลิตอาวุธที่เหมาะกับงานของมัน

และเราเองที่สร้างผู้ทำลายล้างเพื่อสร้างความย่อยยับ

17 ไม่มีอาวุธชิ้นใดที่ต่อสู้เจ้าแล้วเอาชนะเจ้าได้

เจ้าจะหักล้างทุกลิ้นที่ปรักปรำเจ้า

นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

และเป็นการพิสูจน์ยืนยันจากเราว่าเขาไม่ผิด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/54-9469dd582ced29f188a3e25df0e74889.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 55

คำเชื้อเชิญบรรดาผู้กระหาย

1 “เชิญทุกคนที่กระหาย

มาดื่มน้ำเถิด

และผู้ที่ไม่มีเงิน

จงมาซื้อกินเถิด!

มาเถิด มาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม

โดยไม่คิดเงินและไม่คิดมูลค่า

2 ทำไมเจ้าจึงใช้จ่ายเงินซื้อสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร

และลงแรงทำสิ่งที่ไม่ช่วยให้อิ่มใจ?

จงฟังเถิด จงฟังเราและรับประทานสิ่งที่ดี

แล้วจิตวิญญาณของเจ้าจะปีติยินดีในอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่สุด

3 จงเงี่ยหูและมาหาเรา

มาฟังเราเพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิตอยู่

เราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า

ว่าด้วยความรักอันซื่อสัตย์ซึ่งเราสัญญาไว้กับดาวิด

4 ดูเถิด เราได้ทำให้เขาเป็นพยานแก่ประชาชาติต่างๆ

เป็นผู้นำและผู้บังคับบัญชาประชาชาติทั้งหลาย

5 แน่ทีเดียวเจ้าจะเรียกประชาชาติซึ่งเจ้าไม่รู้จักมาชุมนุม

และประชาชาติซึ่งไม่รู้จักเจ้าจะรีบรุดมาหาเจ้า

เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลประทานความรุ่งโรจน์แก่เจ้า”

6 จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าขณะที่จะพบพระองค์ได้

จงร้องทูลพระองค์ขณะที่พระองค์ยังทรงอยู่ใกล้

7 ให้คนชั่วร้ายละทิ้งวิถีทางของตน

และให้คนชั่วละทิ้งความคิดของตน

ให้เขาหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์จะทรงเมตตาเขา

ให้เขาหันกลับมาหาพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยโดยไม่คิดมูลค่า

8 “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า

ทั้งวิถีทางของเจ้าไม่เป็นวิถีทางของเรา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

9 “ฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด

วิถีของเราก็สูงกว่าทางของเจ้า

และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น

10 เฉกเช่นฝนและหิมะ

โปรยลงมาจากฟ้าสวรรค์

และไม่กลับไปที่นั่น

จนกว่าจะทำให้แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำ

และทำให้พืชพันธุ์แตกหน่องอกงาม

เพื่อให้มันเกิดเมล็ดสำหรับผู้หว่านและอาหารสำหรับผู้บริโภค

11 ถ้อยคำที่ออกจากปากของเราก็เป็นเช่นนั้น

มันจะไม่กลับคืนมายังเราโดยเปล่าประโยชน์

แต่จะสัมฤทธิ์ผลตามที่เราปรารถนา

และสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้

12 เจ้าจะออกไปด้วยความชื่นชมยินดี

และถูกนำออกไปด้วยสันติสุข

ภูเขาและเนินเขาจะเปล่งเสียงร้องเพลงต่อหน้าเจ้า

บรรดาต้นไม้ในทุ่งนาจะปรบมือ

13 ต้นสนจะงอกขึ้นแทนที่พุ่มหนาม

พันธุ์ไม้หอมจะงอกขึ้นแทนที่ต้นหนาม

การนี้จะเป็นที่เชิดชูองค์พระผู้เป็นเจ้า

เป็นหมายสำคัญนิรันดร์ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/55-83e2bc182761ae25402d3b266e1a28fd.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 56

ความรอดสำหรับคนอื่นๆ

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“จงผดุงความยุติธรรม

และทำสิ่งที่ถูกต้อง

เพราะความรอดของเราใกล้เข้ามาแล้ว

และความชอบธรรมของเราจะปรากฏในไม่ช้า

2 ความสุขมีแก่ผู้ที่ทำเช่นนี้

คือผู้ที่ยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น

ผู้ถือรักษาวันสะบาโตโดยไม่ลบหลู่ดูหมิ่น

และยับยั้งมือของตนจากการทำชั่วใดๆ”

3 อย่าให้คนต่างชาติผู้อุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแยกข้าพเจ้าจากประชากรของพระองค์เป็นแน่”

และอย่าให้ขันทีบ่นว่า

“ข้าพเจ้าเป็นเพียงต้นไม้แห้ง”

4 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“เหล่าขันทีซึ่งรักษาวันสะบาโตของเรา

ผู้เลือกทำสิ่งที่เราพอใจ

และยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา

5 เราจะมอบอนุสรณ์และชื่อ

ที่อยู่ภายในวิหารและภายในกำแพงวิหารของเราแก่พวกเขา

ซึ่งดีกว่าบุตรชายบุตรสาวเสียอีก

เราจะให้นามนิรันดร์แก่พวกเขา

เป็นนามที่จะไม่ถูกตัดออก

6 และคนต่างชาติที่ผูกพันตนกับองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อปรนนิบัติพระองค์

เพื่อรักพระนามพระยาห์เวห์

และเพื่อนมัสการพระองค์

ทุกคนที่รักษาวันสะบาโตโดยไม่ลบหลู่ดูหมิ่น

ผู้ที่ยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา

7 เราจะพาพวกเขามายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา

และให้พวกเขาชื่นชมยินดีในนิเวศแห่งการอธิษฐานของเรา

เราจะรับเครื่องเผาบูชาและเครื่องถวายบูชาของเขา

บนแท่นบูชาของเรา

เพราะนิเวศของเราจะได้ชื่อว่า

นิเวศแห่งการอธิษฐานสำหรับมวลประชาชาติ”

8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้รวบรวมเชลยอิสราเอลประกาศว่า

“เราจะรวบรวมคนอื่นมารวมกับพวกเขา

นอกเหนือจากคนที่รวมกันอยู่แล้ว”

พระเจ้าทรงกล่าวโทษคนชั่วร้าย

9 มาสิ มวลสัตว์ป่าแห่งท้องทุ่งเอ๋ย

มาขย้ำกินสิ บรรดาสัตว์ป่าแห่งพงไพร!

10 คนยามของอิสราเอลตาบอด

พวกเขาล้วนขาดความรู้

พวกเขาเป็นสุนัขใบ้

เห่าไม่ได้

พวกเขาเอาแต่นอนฝัน

พวกเขารักการหลับใหล

11 พวกเขาเป็นสุนัขตะกละ

เป็นคนเลี้ยงแกะที่ขาดความเข้าใจ

ทุกคนหันไปตามทางของตน

แต่ละคนล้วนมุ่งหาผลประโยชน์ใส่ตัว

12 ต่างก็ว่า “มาเถิด เอาเหล้าองุ่นมาให้เรา!

เอาสุรามาให้เราดื่มเต็มที่!

และพรุ่งนี้ก็จะเป็นเหมือนวันนี้

หรือดียิ่งขึ้นไปอีก”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/56-c92e90963502f91274e3affbe0fc89a3.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 57

1 คนชอบธรรมพินาศไป และไม่มีใครใส่ใจ

คนที่ดำเนินในทางของพระเจ้าถูกคร่าไป

และไม่มีใครเข้าใจ

ว่าคนชอบธรรมถูกรับไป

เพื่อให้พ้นจากความเลวร้าย

2 บรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างเที่ยงธรรมเข้าสู่สันติสุข

พวกเขาได้พักสงบเมื่อพวกเขาตาย

3 “ส่วนเจ้า จงมาที่นี่ เจ้าลูกแม่มดหมอผี

เจ้าผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนล่วงประเวณีและหญิงโสเภณี!

4 เจ้าเย้ยหยันใคร?

เจ้าหัวเราะเยาะใคร?

เจ้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ใคร?

เจ้าเป็นเทือกเถาเหล่ากอของคนทรยศ

และเป็นวงศ์วานของคนโกหกไม่ใช่หรือ?

5 เจ้าเร่าร้อนด้วยราคะในหมู่ต้นโอ๊ก

และใต้ต้นไม้ใบดกทุกต้น

เจ้าสังเวยลูกของเจ้าในหุบเขาลึก

และใต้ชะง่อนผา

6 รูปเคารพท่ามกลางหินเรียบในหุบเขาลึกเป็นส่วนของเจ้า

พระเหล่านั้นเป็นส่วนของเจ้า

ใช่ เจ้าได้ถวายเครื่องดื่มบูชา

และเครื่องธัญบูชาแก่พวกมัน

เพราะสิ่งเหล่านี้ เราควรจะยกโทษให้เจ้าหรือ?

7 เจ้าได้ตั้งเตียงไว้บนภูเขาสูงเด่น

เจ้าขึ้นไปถวายเครื่องบูชาของเจ้าที่นั่น

8 ข้างหลังประตูและเสาประตูของเจ้า

เจ้าได้ตั้งสัญลักษณ์นอกศาสนาไว้

เจ้าละทิ้งเรา เจ้าเปิดผ้าคลุมเตียง

เจ้าขึ้นไปบนเตียงและเปิดกว้าง

เจ้าทำสัญญากับบรรดาเจ้าของเตียงที่เจ้ารัก

และมองดูความเปลือยเปล่าของเขา

9 เจ้าไปหาพระโมเลคพร้อมกับน้ำมันมะกอก

และเพิ่มน้ำหอมของเจ้า

เจ้าส่งคณะทูตของเจ้าไปไกล

ถึงขนาดลงไปยังแดนผู้ตาย!

10 เจ้าอ่อนระโหยไปเพราะวิถีทางของเจ้า

แต่เจ้าก็ไม่เคยพูดว่า ‘หมดหวัง’

เจ้าฟื้นกำลังตัวเอง

เจ้าจึงไม่อ่อนเปลี้ยไป

11 “เจ้าเกรงกลัวใครหนักหนา?

จึงได้ไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา

ไม่นึกถึงเรา

และไม่ใคร่ครวญสิ่งนี้ในใจ

เป็นเพราะเรานิ่งเงียบอยู่นานอย่างนั้นหรือ

เจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา?

12 เราจะเปิดเผยความชอบธรรมและการกระทำทั้งหลายของเจ้า

แต่มันจะไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่เจ้า

13 เมื่อเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ

ก็ให้รูปเคารพทั้งหลายของเจ้าช่วยเจ้าสิ!

ลมจะหอบเอาพวกมันไป

แค่ลมหายใจวูบเดียวก็พัดพวกมันปลิวไปได้

แต่ส่วนผู้ที่ลี้ภัยในเรา

จะได้รับดินแดนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์

และมีสิทธิ์ครอบครองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

การปลอบโยนผู้สำนึกผิด

14 และจะมีเสียงกล่าวว่า

“จงสร้างขึ้น จงสร้างขึ้นเถิด จงเตรียมทางไว้!

จงขจัดอุปสรรคต่างๆ ออกจากวิถีทางของประชากรของเรา”

15 เพราะพระองค์ผู้สูงเด่นซึ่งดำรงอยู่นิรันดร์

ผู้ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสว่า

“เราอาศัยอยู่ในที่สูงส่งและบริสุทธิ์

แต่ก็สถิตกับคนที่สำนึกผิดและถ่อมใจลง

เพื่อฟื้นจิตวิญญาณของคนที่ถ่อมใจ

และฟื้นใจคนที่สำนึกผิด

16 เราจะไม่กล่าวโทษเนืองนิตย์หรือโกรธเคืองอยู่ร่ำไป

มิฉะนั้นแล้วจิตวิญญาณของมนุษย์จะสิ้นแรงต่อหน้าเรา

ลมหายใจของมนุษย์ที่เราสร้างขึ้นจะขาดรอน

17 เราโกรธเพราะความโลภที่เป็นบาปหนาของเขา

เราลงโทษเขาและหันหน้าหนีด้วยความโกรธ

แต่เขาก็ยังคงทำตามใจชอบของตน

18 เราได้เห็นวิถีทางของเขาแล้ว แต่เราจะรักษาเขาให้หาย

เราจะนำเขาและปลอบโยนเขาอีกครั้งหนึ่ง

19 ให้ริมฝีปากของบรรดาผู้ไว้ทุกข์ในอิสราเอลกล่าวคำสรรเสริญ

สันติสุข สันติสุขแก่ทั้งคนที่อยู่ไกลและอยู่ใกล้

เพราะเราจะรักษาพวกเขา”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

20 แต่คนชั่วร้ายเหมือนทะเลปั่นป่วน

ซึ่งไม่อาจสงบนิ่ง

คลื่นของเขากวนเลนและโคลนขึ้นมา

21 พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่า

“ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/57-7ec1bbe0ac9313e9876ed82ceab8ef92.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 58

การถืออดอาหารที่แท้จริง

1 “จงตะโกนดังๆ ไม่ต้องออมเสียงไว้

จงเปล่งเสียงให้ดังเหมือนเสียงแตรเขาสัตว์

จงแจ้งประชากรของเราถึงการทรยศของพวกเขา

และแจ้งวงศ์วานของยาโคบถึงบาปทั้งหลายของเขา

2 พวกเขาแสวงหาเราวันแล้ววันเล่า

ทำทีกระตือรือร้นอยากรู้จักทางของเรา

ราวกับว่าพวกเขาเป็นชนชาติที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง

และไม่ได้ละทิ้งคำบัญชาของพระเจ้า

พวกเขาทูลขอการตัดสินอย่างเที่ยงธรรมจากเรา

และทำเหมือนว่าอยากให้พระเจ้าเข้ามาใกล้

3 พวกเขากล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถืออดอาหาร

แต่ทำไมพระองค์ไม่เห็นบ้าง?

ข้าพระองค์ทั้งหลายถ่อมกายถ่อมใจลงแล้ว

แต่ทำไมพระองค์ยังไม่สังเกตบ้างเลย?’

“ถึงกระนั้นในวันที่เจ้าถืออดอาหาร เจ้าก็ยังทำตามใจชอบ

และขูดรีดคนงานทุกคนของเจ้า

4 การถืออดอาหารของเจ้าจบลงด้วยการทะเลาะวิวาทและการต่อสู้

พวกเจ้าชกต่อยกันเองด้วยหมัดอันโหดร้าย

อย่าหวังว่าการถืออดอาหารของเจ้าอย่างที่ทำในวันนี้

จะทำให้เสียงอ้อนวอนของเจ้าขึ้นไปถึงเบื้องบนได้

5 นี่หรือคือการถืออดอาหารที่เราเลือก? แค่เป็นวันที่ให้มนุษย์มาถ่อมลง

แค่เป็นวันให้เขาก้มหัวลงเหมือนต้นอ้อ

และสวมผ้ากระสอบนอนลงในกองขี้เถ้าหรือ?

นี่หรือที่เจ้าเรียกว่าการถืออดอาหาร?

นี่หรือวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยอมรับ?

6 “อย่างนี้ไม่ใช่หรือคือการถืออดอาหารที่เราเลือกไว้?

คือการปลดโซ่ตรวนแห่งความอยุติธรรม

แก้สายรัดแอก

ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ข่มเหงให้เป็นอิสระ

และหักแอกทุกอัน

7 ไม่ใช่เป็นการแบ่งปันอาหารของเจ้าแก่ผู้หิวโหย

และให้ที่พักพิงแก่คนยากจนเร่ร่อนหรือ?

ไม่ใช่การให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปลือยกายที่เจ้าพบ

และช่วยเหลือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเองหรือ?

8 เมื่อนั้นความสว่างของเจ้าจะเจิดจ้าดั่งรุ่งอรุณ

เจ้าจะรับการบำบัดรักษาอย่างรวดเร็ว

เมื่อนั้นความชอบธรรมของเจ้าจะนำหน้าเจ้า

และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะระวังหลังให้เจ้า

9 เมื่อนั้นเจ้าจะร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ

เจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่าเราอยู่ที่นี่

“หากเจ้ากำจัดแอกของการกดขี่ข่มเหง

ขจัดการชี้นิ้วและคำพูดมุ่งร้าย

10 และหากเจ้าอุทิศตนเพื่อผู้หิวโหย

ให้ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงที่ขัดสนอิ่มเอมใจ

เมื่อนั้นความสว่างของเจ้าจะส่องขึ้นมาในความมืด

และค่ำคืนของเจ้าจะกลับกลายเป็นเหมือนเที่ยงวัน

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำเจ้าตลอดไป

จะทรงให้เจ้าอิ่มเอมใจในดินแดนที่ดวงตะวันแผดเผา

พระองค์จะทรงทำให้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงขึ้น

เจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่ได้รับการรดน้ำอย่างดี

เหมือนน้ำพุที่มีน้ำไหลอยู่ตลอด

12 ประชากรของเจ้าจะสร้างซากปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่

และจะฟื้นฟูฐานรากสมัยเก่าก่อน

เจ้าจะได้รับการขนานนามว่าผู้ซ่อมกำแพงที่หักพัง

ผู้ซ่อมถนนหนทางและบ้านเรือน

13 “หากเจ้าหยุดเหยียบย่ำวันสะบาโต

ไม่ทำอะไรตามใจชอบในวันบริสุทธิ์ของเรา

หากเจ้าเรียกวันสะบาโตว่าวันปีติยินดี

เรียกวันบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าวันอันทรงเกียรติ

และหากเจ้าให้เกียรติวันนี้โดยไม่ทำอะไรตามใจชอบ

ไม่ทำตามความพอใจของตนเองหรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ

14 เมื่อนั้นเจ้าจะพบความยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า

และเราจะให้เจ้าทะยานขึ้นเบื้องสูงของดินแดน

และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า”

พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสดังนั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/58-06a170247e14319439d9f47e1a9bd4ae.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 59

บาป การสารภาพ และการไถ่

1 แน่ทีเดียว พระกรขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สั้นเกินกว่าจะช่วยให้รอด

ทั้งพระกรรณของพระองค์ก็ไม่ได้ตึงเกินกว่าจะได้ยิน

2 แต่ความชั่วช้าของเจ้าต่างหาก

ที่ได้แยกเจ้าออกจากพระเจ้าของเจ้า

บาปของเจ้าทำให้พระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์จากเจ้า

พระองค์จึงไม่สดับฟัง

3 มือของเจ้าเกรอะกรังไปด้วยเลือด

นิ้วของเจ้าเปรอะเปื้อนความผิด

ริมฝีปากของเจ้าพูดโกหก

ลิ้นของเจ้าพึมพำสิ่งชั่วร้าย

4 ไม่มีใครเรียกร้องให้มีความยุติธรรม

ไม่มีใครดำเนินคดีด้วยความสัตย์สุจริต

พวกเขาวางใจในการโต้แย้งอันไร้สาระและพูดโกหก

ก่อความเดือดร้อนและให้กำเนิดความชั่วร้าย

5 เขาฟักไข่งูพิษ

และทอใยแมงมุม

ใครกินไข่ของเขาก็จะตาย

และเมื่อไข่ฟองไหนแตก งูพิษก็เลื้อยออกมา

6 ใยแมงมุมที่พวกเขาทอขึ้นมาก็ใช้ประโยชน์เป็นเสื้อผ้าไม่ได้

เขาไม่สามารถปกคลุมตัวเองด้วยสิ่งที่ตนทำขึ้น

การกระทำของเขาชั่วร้าย

มือของเขาพร้อมที่จะก่อความรุนแรง

7 เท้าของเขาถลันเข้าหาบาป

และพวกเขารีบเร่งจะเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์

ความคิดคำนึงของเขาล้วนแล้วแต่ชั่ว

วิถีทางของเขามีการทำลายล้างผลาญ

8 เขาไม่รู้จักทางแห่งสันติภาพ

ไม่มีความยุติธรรมในหนทางของเขา

เขาผันแปรมันให้เป็นถนนที่คดเคี้ยว

ไม่มีใครที่ดำเนินในทางนั้นจะรู้จักสันติสุข

9 ฉะนั้นความยุติธรรมจึงห่างไกลจากพวกเรา

และความชอบธรรมไม่ได้มาถึงเรา

เรามองหาความสว่าง ก็พบแต่ความมืดมน

เรามองหาความสดใส แต่เราก็เดินอยู่ในเงามืดมิด

10 เราคลำสะเปะสะปะไปตามกำแพงเหมือนคนตาบอด

คลำหาทางเหมือนคนไม่มีตา

กลางวันแสกๆ เราก็ล้มลุกคลุกคลานเหมือนยามสนธยา

เราจึงเป็นเหมือนคนตายในหมู่คนเข้มแข็ง

11 เราทุกคนครางเหมือนหมี

โอดครวญเสียงเศร้าสร้อยเหมือนนกพิราบ

เรามองหาความยุติธรรมแต่ไม่พบเลย

มองหาการช่วยกู้แต่ก็อยู่ไกลลิบ

12 เพราะการละเมิดของเรามากมายนักในสายพระเนตรของพระองค์

บาปทั้งหลายของเราฟ้องร้องเรา

การละเมิดของเราอยู่กับเราเสมอ

และเรายอมรับความชั่วช้าของเรา

13 เรากบฏทรยศต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

หันหลังให้พระเจ้าของเรา

เราก่อการกดขี่ข่มเหงและการกบฏ

กล่าวคำโกหกซึ่งเราคิดไว้ในใจ

14 ดังนั้นความยุติธรรมจึงถดถอย

ความชอบธรรมหลีกห่าง

ความจริงสะดุดกลางถนน

ความซื่อสัตย์ไม่อาจเข้ามาได้

15 หาความจริงไม่พบเลยไม่ว่าที่ไหน

ผู้ที่หลีกหนีจากความชั่วกลับตกเป็นเหยื่อ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรแล้วก็ไม่พอพระทัย

เนื่องจากไม่มีความยุติธรรมเลย

16 พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีใครเลย

และตกพระทัยที่ไม่มีใครก้าวเข้ามาช่วย

ดังนั้นพระกรของพระองค์เองจึงนำความรอดมา

และความชอบธรรมของพระองค์ก็ค้ำจุนพระองค์ไว้

17 พระองค์ทรงสวมความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะ

และทรงสวมหมวกเหล็กแห่งความรอดไว้บนพระเศียร

ทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมแห่งการแก้แค้น

และทรงห่มความกระตือรือร้นเหมือนห่มเสื้อคลุม

18 พระองค์จะทรงตอบแทนศัตรูทั้งหลายของพระองค์ด้วยพระพิโรธ

และจะทรงแก้แค้นบรรดาปฏิปักษ์ของพระองค์ให้สาสมกับการกระทำของพวกเขา

พระองค์จะทรงตอบแทนเกาะแก่งต่างๆ ตามที่มันสมควรจะได้รับ

19 ผู้คนจากตะวันตกจะยำเกรงพระนามของพระยาห์เวห์

และจากที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะยกย่องพระเกียรติสิริของพระองค์

เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว

ซึ่งขับเคลื่อนด้วยลมปราณขององค์พระผู้เป็นเจ้า

20 “พระผู้ไถ่จะเสด็จมายังศิโยน

มายังคนในวงศ์วานยาโคบที่กลับใจจากบาปของพวกเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ส่วนเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับพวกเขา จิตวิญญาณของเราซึ่งอยู่กับเจ้าและถ้อยคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้าจะไม่พรากไปจากปากของเจ้า หรือจากปากลูกๆ ของเจ้า หรือจากปากลูกหลานของพวกเขานับแต่บัดนี้จวบจนนิรันดร์”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/59-f128460a260e1582e5b051b6444e8b9e.mp3?version_id=179—

Categories
อิสยาห์

อิสยาห์ 60

ศักดิ์ศรีของศิโยน

1 “เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นส่องสว่าง

เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว

และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นเหนือเจ้า

2 ดูเถิด ความมืดปกคลุมโลก

ความมืดมิดอยู่เหนือบรรดาประชาชาติ

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏขึ้นเหนือเจ้า

พระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏขึ้นเหนือเจ้า

3 ประชาชาติทั้งหลายจะมายังแสงสว่างของเจ้า

บรรดากษัตริย์จะมายังความเจิดจ้าดั่งรุ่งอรุณของเจ้า

4 “จงเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ

ทุกคนรวมตัวกันและมาหาเจ้า

ลูกชายทั้งหลายของเจ้ามาจากแดนไกลโพ้น

และลูกสาวทั้งหลายของเจ้ามีคนอุ้มมา

5 เจ้าจะเห็นแล้วแช่มชื่น

จิตใจเบิกบานตื่นเต้นยินดี

ความมั่งคั่งแห่งท้องทะเลจะถูกนำมามอบให้เจ้า

ทรัพย์สมบัติของประชาชาติต่างๆ จะมาถึงเจ้า

6 ฝูงอูฐปกคลุมทั่วดินแดนของเจ้า

อูฐหนุ่มจากมีเดียนและเอฟาห์

และอูฐทั้งปวงจากเชบาก็จะมา

บรรทุกทองและเครื่องหอม

และป่าวร้องคำสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

7 ฝูงแพะแกะทั้งปวงแห่งเคดาร์จะถูกรวบรวมมายังเจ้า

แกะผู้ทั้งหลายแห่งเนบาโยทจะรับใช้เจ้า

พวกมันจะได้รับการยอมรับ เป็นเครื่องบูชาบนแท่นของเรา

เราจะตกแต่งวิหารอันมีสง่าราศีของเรา

8 “และนี่ใครกันหนอพากันเคลื่อนมาดั่งเมฆ

เหมือนนกพิราบบินกลับรัง?

9 แน่ทีเดียว เกาะแก่งทั้งหลายมองมายังเรา

ที่แล่นนำหน้ามาคือกองเรือของเมืองทารชิช

นำลูกๆ ของเจ้ามาจากแดนไกล

พร้อมด้วยเงินและทองของพวกเขา

เพื่อพระเกียรติสิริของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

เพราะพระองค์ประทานความรุ่งโรจน์แก่เจ้า

10 “ชาวต่างชาติจะสร้างกำแพงของเจ้าขึ้นใหม่

บรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะรับใช้เจ้า

แม้ยามโกรธเราได้ลงโทษเจ้า

แต่ในความโปรดปราน เราจะสำแดงความเมตตาแก่เจ้า

11 ประตูทั้งหลายของเจ้าจะเปิดไว้ตลอด

ไม่ปิดเลยทั้งกลางวันกลางคืน

เพื่อคนเหล่านั้นจะนำความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติมาให้เจ้า

ซึ่งบรรดากษัตริย์ของพวกเขาเป็นผู้นำขบวนฉลองชัย

12 เพราะประชาชาติหรืออาณาจักรใดไม่ยอมรับใช้เจ้าจะพินาศ

มันจะถูกทำลายล้างราบคาบ

13 “ศักดิ์ศรีแห่งเลบานอนจะมายังเจ้า

ทั้งต้นสน ต้นเฟอร์ และต้นไซเปรส

เพื่อตกแต่งสถานนมัสการของเรา

และเราจะเชิดชูที่วางเท้าของเรา

14 บุตรทั้งหลายของผู้ที่กดขี่ข่มเหงเจ้าจะมาหมอบกราบตรงหน้าเจ้า

คนทั้งปวงที่เหยียดหยามเจ้าจะหมอบแทบเท้าเจ้า

และจะเรียกเจ้าว่า ‘นครขององค์พระผู้เป็นเจ้า’

‘ศิโยนขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล’

15 “แม้ว่าเจ้าเคยถูกทอดทิ้งและเกลียดชัง

ไม่มีใครเดินทางผ่าน

เราก็จะทำให้เจ้าเป็นเกียรติภูมินิรันดร์

และเป็นความชื่นชมยินดีของคนทุกชั่วอายุ

16 เจ้าจะดื่มนมของประชาชาติต่างๆ

และเจ้าจะได้รับการฟูมฟักจากอกของเจ้านาย

เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่า เรา พระยาห์เวห์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า

เป็นพระผู้ไถ่ของเจ้า เป็นองค์ทรงฤทธิ์ของยาโคบ

17 เราจะนำทองคำมาให้เจ้าแทนทองสัมฤทธิ์

นำเงินมาแทนเหล็ก

เรานำทองสัมฤทธิ์มาให้เจ้าแทนไม้

และนำเหล็กมาแทนหิน

เราจะทำให้สันติสุขเป็นเจ้าเมืองของเจ้า

และความชอบธรรมเป็นผู้ปกครองของเจ้า

18 จะไม่ได้ยินเรื่องโหดร้ายทารุณในดินแดนของเจ้าอีก

ไม่มีหายนะหรือการทำลายล้างในเขตแดนของเจ้า

แต่เจ้าจะเรียกกำแพงของเจ้าว่า ‘ความรอด’

และประตูของเจ้าว่า ‘สรรเสริญ’

19 เจ้าจะไม่ต้องอาศัยแสงอาทิตย์ยามกลางวัน

หรือความสุกใสของดวงจันทร์อีกต่อไป

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างนิรันดร์สำหรับเจ้า

และพระเจ้าของเจ้าจะเป็นศักดิ์ศรีของเจ้า

20 ดวงตะวันของเจ้าจะไม่ลับไปอีกเลย

และดวงจันทร์ของเจ้าก็จะไม่มีข้างแรม

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นความสว่างนิรันดร์สำหรับเจ้า

วันคืนอันทุกข์โศกของเจ้าจะสิ้นสุดลง

21 เมื่อนั้นประชากรทั้งปวงของเจ้าจะเป็นคนชอบธรรม

เขาจะครอบครองดินแดนตลอดไป

พวกเขาเป็นต้นอ่อนที่เราได้ปลูกไว้

เป็นผลงานจากน้ำมือของเรา

เพื่อสำแดงความรุ่งโรจน์ของเรา

22 ผู้ที่เล็กที่สุดของเจ้าจะกลายเป็นพัน

และผู้เล็กน้อยที่สุดจะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่

เราคือพระยาห์เวห์

เมื่อถึงเวลา เราก็จะทำสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/60-e97836db01568fc36020c64668b24eba.mp3?version_id=179—