Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 21

กฎเกณฑ์สำหรับปุโรหิต

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงพูดกับปุโรหิตผู้เป็นบุตรทั้งหลายของอาโรนว่า ‘ปุโรหิตจะต้องไม่ทำตัวเป็นมลทินตามระเบียบพิธีเพราะการตายของญาติของเขา

2 เว้นแต่เป็นญาติสนิท คือบิดามารดา บุตรชายบุตรสาว พี่ชายน้องชาย

3 หรือพี่สาวน้องสาวที่เป็นโสดซึ่งพึ่งพาเขาเนื่องจากนางไม่มีสามี เขาอาจจะทำให้ตัวเองเป็นมลทินเพื่อนาง

4 เขาจะต้องไม่ทำตัวเองให้เป็นมลทินเพราะคนที่มาเป็นญาติของเขาผ่านทางภรรยาและทำให้ตัวเองแปดเปื้อน

5 “ ‘ปุโรหิตจะต้องไม่โกนผม หรือกันเครา หรือเชือดเนื้อตัวเอง

6 เขาจะต้องบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเขา และห้ามลบหลู่หรือหมิ่นประมาทพระนามพระเจ้าของเขา เพราะเขาเป็นผู้ถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาต้องบริสุทธิ์

7 “ ‘ปุโรหิตจะต้องไม่แต่งงานกับหญิงโสเภณี หรือหญิงที่หย่าร้างจากสามี เพราะปุโรหิตเป็นผู้บริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเขา

8 จงถือว่าพวกเขาบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาเป็นผู้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเจ้า จงถือว่าพวกเขาบริสุทธิ์เพราะเราผู้เป็นพระยาห์เวห์เป็นผู้บริสุทธิ์ เราเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์

9 “ ‘บุตรสาวของปุโรหิตคนใดปล่อยตัวให้เป็นมลทินโดยเป็นหญิงโสเภณีก็ทำให้บิดาอับอายขายหน้า นางจะต้องถูกเผาไฟ

10 “ ‘มหาปุโรหิตเป็นผู้หนึ่งในบรรดาพี่น้องของเขาซึ่งได้รับการเจิมตั้งด้วยน้ำมันเจิมบนศีรษะและได้รับการสถาปนาให้สวมเครื่องแต่งกายปุโรหิต เขาจะต้องไม่ปล่อยผมรุงรังเป็นการไว้ทุกข์ หรือฉีกเสื้อผ้าของตน

11 เขาจะต้องไม่เข้าไปในสถานที่ซึ่งมีศพอยู่ เขาต้องไม่ทำให้ตัวเองเป็นมลทิน แม้แต่เพื่อบิดามารดาของเขา

12 เขาจะไม่ออกจากสถานนมัสการของพระเจ้าของเขา หรือทำให้สถานนมัสการนั้นเป็นมลทิน เพราะเขาได้รับการอุทิศถวายโดยน้ำมันเจิมของพระเจ้า เราคือพระยาห์เวห์

13 “ ‘หญิงที่เขาแต่งงานด้วยจะต้องเป็นหญิงพรหมจารี

14 เขาจะต้องไม่แต่งงานกับหญิงม่าย หญิงที่หย่าร้าง หรือหญิงโสเภณี หญิงที่เขาแต่งงานด้วยจะต้องเป็นหญิงพรหมจารีตระกูลเดียวกัน

15 เพื่อเขาจะไม่ทำให้วงศ์วานของเขาเป็นมลทินในหมู่ประชากรของเขา เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’ ”

16 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

17 “จงกล่าวแก่อาโรนว่า ‘ตลอดทุกชั่วอายุวงศ์วานของเจ้า อย่าให้คนใดซึ่งมีร่างกายไม่สมประกอบเข้าไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเขา

18 ผู้ใดที่มีตำหนิ อย่าเข้าไป ไม่ว่าตาบอด ขาพิการ เสียโฉม หรือพิกลพิการ

19 มือเท้าเป็นง่อย

20 หลังโกง แคระแกร็น ตาพิการ เป็นหิด เป็นโรคผิวหนัง หรือมีอวัยวะเพศไม่สมประกอบ

21 แม้จะเป็นวงศ์วานของปุโรหิตอาโรน ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้เพื่อถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเขาไม่สมประกอบ เขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้เพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเขา

22 เขาสามารถรับประทานเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์หรือที่บริสุทธิ์ที่สุดของพระเจ้าของเขา

23 แต่เขาจะเข้าใกล้ม่านหรือเข้าใกล้แท่นบูชาไม่ได้เนื่องจากมีร่างกายไม่สมประกอบ ซึ่งจะเป็นการลบหลู่สถานนมัสการของเรา เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’ ”

24 ดังนั้นโมเสสจึงบอกสิ่งเหล่านี้แก่อาโรนกับบุตรชายและปวงชนอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/21-e1ecddd0faf0b6795f0fdda7ae530db1.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 22

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงบอกอาโรนกับบุตรชายให้ปฏิบัติต่อเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแก่เรานั้นด้วยความเคารพยำเกรง จะได้ไม่เป็นการลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเรา เราคือพระยาห์เวห์

3 “จงบอกกับพวกเขาว่า ‘นับแต่นี้ต่อไปทุกชั่วอายุ ลูกหลานของเจ้าคนใดซึ่งเป็นมลทินตามระเบียบพิธี แต่ยังขืนเข้าใกล้เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาด ไม่ให้มาอยู่ต่อหน้าเรา เราคือพระยาห์เวห์

4 “ ‘ถ้าลูกหลานคนใดของอาโรนที่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังหรือมีสิ่งที่หลั่งออกจากร่างกาย ห้ามกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะรับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เขาจะเป็นมลทินด้วยถ้าเขาแตะต้องสิ่งที่แปดเปื้อนจากศพหรือจากคนที่หลั่งน้ำอสุจิ

5 หรือถ้าเขาแตะต้องสัตว์เลื้อยคลานที่ทำให้เขาเป็นมลทิน หรือแตะต้องผู้ที่ทำให้เขาเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นมลทินในลักษณะใดก็ตาม

6 ผู้ที่แตะต้องสิ่งเหล่านั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น เขาจะต้องไม่กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะได้อาบน้ำชำระตัว

7 เมื่อดวงอาทิตย์ลับไปแล้ว เขาจึงจะสะอาด และกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ เพราะเป็นอาหารของเขา

8 เขาต้องไม่กินสัตว์ใดซึ่งตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย เพราะจะทำให้เขาเป็นมลทิน เราคือพระยาห์เวห์

9 “ ‘ปุโรหิตทั้งหลายต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของเรา เพื่อเขาจะไม่มีความผิดและตายเพราะลบหลู่สิ่งเหล่านั้น เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์

10 “ ‘ผู้ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของปุโรหิต ห้ามกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนปุโรหิตหรือลูกจ้างก็กินไม่ได้

11 ยกเว้นทาสที่ปุโรหิตซื้อตัวมาหรือลูกทาสที่เกิดในเรือนของปุโรหิตสามารถกินอาหารดังกล่าวได้

12 หากบุตรสาวของปุโรหิตแต่งงานกับคนที่ไม่ได้เป็นปุโรหิต ห้ามนางกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับส่วนแบ่งมานั้น

13 แต่หากลูกสาวของปุโรหิตเป็นม่ายหรือหย่าร้างและไม่มีบุตร แล้วนางกลับมาอาศัยอยู่บ้านบิดาเหมือนตอนที่ยังเป็นสาว นางจะกินอาหารของบิดาได้อีก ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีสิทธิ์ อย่ากินอาหารนี้

14 “ ‘หากผู้ใดกินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาต้องคืนให้แก่ปุโรหิตตามจำนวนที่เขากินไป และเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของมูลค่าของสิ่งนั้น

15 ปุโรหิตจะต้องไม่ลบหลู่เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวอิสราเอลนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

16 โดยยอมให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหตุให้พวกเขามีความผิดต้องชดใช้ เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์’ ”

เครื่องบูชาซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

18 “จงกล่าวแก่อาโรนกับบุตรชายและปวงชนอิสราเอลว่า ‘หากชาวอิสราเอลหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยในหมู่พวกเจ้า จะถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าจะถวายตามสัตย์ปฏิญาณหรือเป็นเครื่องบูชาตามความสมัครใจ

19 เจ้าจะต้องถวายสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นวัว แกะ หรือแพะ เพื่อของถวายนั้นจะเป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า

20 อย่านำสิ่งใดที่มีตำหนิมาถวาย เพราะว่าสิ่งนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า

21 ผู้ใดคัดเลือกสัตว์จากฝูงวัวหรือฝูงแพะแกะเป็นเครื่องสันติบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าจะทำตามสัตย์ปฏิญาณหรือถวายตามความสมัครใจ จะต้องถวายสัตว์ที่ไม่มีตำหนิจึงจะเป็นที่ยอมรับ

22 อย่าถวายสัตว์ตาบอด พิกลพิการหรือไม่สมประกอบ มีแผล เป็นเรื้อน หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่านำมาวางบนแท่นบูชา ถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

23 แต่ถ้าลูกวัวหรือลูกแกะที่นำมาถวายมีอวัยวะส่วนใดงอกผิดปกติหรือขาดหายไป อาจจะถวายเป็นเครื่องบูชาตามความสมัครใจได้ แต่จะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของถวายตามสัตย์ปฏิญาณ

24 สัตว์ตัวใดมีอวัยวะเพศไม่ปกติ ลีบ หรือถูกตอน อย่านำมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าอย่าทำเช่นนี้ในดินแดนของเจ้า

25 เจ้าอย่ารับสัตว์เหล่านี้จากมือของคนต่างด้าวและถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเจ้า เพราะสัตว์ที่พิการและมีตำหนิจะไม่เป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า’ ”

26 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

27 “เมื่อลูกวัว แกะ หรือแพะเกิดมา จงปล่อยมันไว้กับแม่เป็นเวลาเจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไปจึงจะเป็นที่ยอมรับให้เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

28 อย่าฆ่าลูกและแม่ของวัวหรือแกะในวันเดียวกัน

29 “เมื่อถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องถวายตามวิธีซึ่งจะเป็นที่ยอมรับแทนตัวเจ้า

30 จงกินให้หมดในวันนั้น อย่าเหลือค้างถึงวันรุ่งขึ้น เราคือพระยาห์เวห์

31 “จงถือรักษาและปฏิบัติตามคำสั่งของเรา เราคือพระยาห์เวห์

32 อย่าลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเรา ชนอิสราเอลจะต้องรับรู้ว่าเราบริสุทธิ์ เราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์

33 และเป็นผู้นำเจ้าออกจากอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/22-44b2fcd0b96b6ad6dc8b40f945e32d41.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 23

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘ต่อไปนี้เป็นเทศกาลที่เรากำหนดไว้ เป็นเทศกาลตามกำหนดขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าต้องประกาศให้ถือเป็นการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์

วันสะบาโต

3 “ ‘เจ้ามีหกวันไว้ทำงานต่างๆ แต่วันที่เจ็ดเป็นสะบาโตแห่งการหยุดพัก เป็นวันประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอย่าทำงานใดๆ เลย ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน วันนั้นเป็นสะบาโตแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

เทศกาลปัสกาและเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ

4 “ ‘ต่อไปนี้คือเทศกาลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ให้พวกเจ้าถือเป็นวันประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ตามวาระ

5 เทศกาลปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง

6 เทศกาลกินขนมปังไม่ใส่เชื้อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มตั้งแต่วันที่สิบห้าของเดือนเดียวกัน จงกินขนมปังไม่ใส่เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวัน

7 จงเรียกประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ในวันแรกของเทศกาล อย่าทำงานใดๆ เลย

8 จงเผาเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่เจ็ดจงเรียกประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ อย่าทำงานใดๆ เลย’ ”

เทศกาลผลแรก

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

10 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าสู่ดินแดนซึ่งเราจะยกให้เจ้าและเก็บเกี่ยวผลผลิต จงนำข้าวฟ่อนแรกที่เก็บเกี่ยวได้มามอบให้แก่ปุโรหิต

11 ในวันถัดจากสะบาโต ปุโรหิตต้องยื่นฟ่อนข้าวนั้นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงยอมรับแทนตัวเจ้า

12 ในวันที่เจ้ายื่นถวายฟ่อนข้าว เจ้าจะต้องถวายลูกแกะ อายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิหนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

13 พร้อมด้วยธัญบูชาคือ แป้งโม่ละเอียดประมาณ 4.5 ลิตรเคล้าน้ำมัน เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย พร้อมกันนี้จงถวายเครื่องดื่มบูชาคือ เหล้าองุ่นประมาณ 1 ลิตรด้วย

14 เจ้าอย่ากินขนมปังหรือเมล็ดข้าวอบ หรือเมล็ดข้าวใหม่จนกว่าจะถึงวันที่เจ้านำเครื่องบูชาเหล่านี้มาถวายแด่พระเจ้าของเจ้า นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด

เทศกาลสัปดาห์

15 “ ‘หลังจากวันสะบาโต วันที่ได้นำฟ่อนข้าวมาเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย จงนับจากวันนั้นไปจนครบเจ็ดสัปดาห์เต็ม

16 นับไปจนครบห้าสิบวันจนถึงวันถัดจากวันสะบาโตที่เจ็ด แล้วจงนำเมล็ดข้าวใหม่มาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

17 ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงนำขนมปังสองก้อนที่ทำจากแป้งละเอียดประมาณ 4.5 ลิตรใส่เชื้อมาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายจากผลแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

18 พร้อมกับขนมปังนี้ให้นำลูกแกะตัวผู้ไม่มีตำหนิอายุหนึ่งขวบเจ็ดตัว วัวหนุ่มหนึ่งตัวและแกะผู้สองตัวมาเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

19 จากนั้นจงถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และลูกแกะอายุหนึ่งขวบสองตัวเป็นเครื่องสันติบูชา

20 ปุโรหิตต้องยื่นถวายลูกแกะสองตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวายพร้อมกับขนมปังของผลแรก เป็นเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับปุโรหิต

21 จงประกาศให้วันนั้นมีการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ และอย่าทำงานในวันนั้นเลย นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด

22 “ ‘เมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผล อย่าเก็บจนเกลี้ยงไปถึงขอบนา อย่าเก็บเมล็ดข้าวที่ตกเกลื่อนกลาด จงปล่อยไว้ให้เป็นส่วนของคนยากไร้และคนต่างด้าว เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’ ”

เทศกาลเสียงแตร

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

24 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘ให้ถือวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดเป็นวันหยุดพัก มีการฉลองด้วยเสียงแตรกระหึ่ม เป็นวันประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์

25 ให้หยุดทำงานทุกอย่าง แต่จงถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ ”

วันลบบาป

26 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

27 “วันที่สิบของเดือนที่เจ็ดเป็นวันลบบาป ให้มีการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ จงบังคับตนและถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

28 อย่าทำงานใดๆ ในวันนั้นเพราะเป็นวันลบบาป เพื่อลบบาปให้แก่เจ้าต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

29 ผู้ใดไม่ได้บังคับตนในวันนั้น จะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา

30 ผู้ที่ทำงานใดๆ ในวันนั้น เราจะทำลายจากหมู่ประชากร

31 เจ้าอย่าทำงานใดๆ เลย นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด

32 ให้ถือเป็นวันสะบาโตแห่งการหยุดพักสำหรับเจ้า และเจ้าต้องบังคับตนตั้งแต่เย็นวันที่เก้าเดือนนั้นจนถึงเย็นวันรุ่งขึ้น เจ้าจะต้องถือรักษาสะบาโตของเจ้า”

เทศกาลอยู่เพิง

33 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

34 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘วันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ดเป็นวันเริ่มฉลองเทศกาลอยู่เพิงขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ฉลองไปจนครบเจ็ดวัน

35 ในวันแรกเป็นวันประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ อย่าทำงานใดๆ เลย

36 ทุกวันในช่วงเทศกาลนี้ จงถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่แปดให้มีการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์และถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพิธีปิดการประชุม อย่าทำงานใดๆ เลย

37 (“ ‘ต่อไปนี้คือเทศกาลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ ซึ่งเจ้าจะต้องประกาศให้เป็นการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำเครื่องบูชาด้วยไฟมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา เครื่องสัตวบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามที่กำหนดไว้แต่ละวัน

38 เครื่องบูชาเหล่านี้เพิ่มเติมจากเครื่องถวายเพื่อสะบาโตต่างๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพิ่มเติมจากของถวายต่างๆ ตามคำปฏิญาณและของถวายตามความสมัครใจแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า)

39 “ ‘จงฉลองเทศกาลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่วันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ดซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ให้ถือวันแรกสุดและวันที่แปดเป็นวันแห่งการหยุดพัก

40 เจ้าจงนำสิ่งเหล่านี้มาในวันแรกคือผลไม้คัดอย่างดี กิ่งอินทผลัม กิ่งไม้ใบดก กิ่งปอปลาร์ และจงรื่นเริงยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตลอดเจ็ดวัน

41 ในเดือนที่เจ็ดของทุกปี เจ้าจงฉลองเทศกาลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ

42 ชาวอิสราเอลโดยกำเนิดทุกคนต้องอยู่ในเพิงตลอดเจ็ดวัน

43 เพื่อลูกหลานของเจ้าจะรู้ว่าเราได้ให้ชนอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิง เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’ ”

44 ดังนั้นโมเสสจึงประกาศเทศกาลเหล่านี้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดแก่ชนอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/23-d8a7f5a0c378708d638f29e74d5638a7.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 24

น้ำมันและขนมปังเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้นำน้ำมันบริสุทธิ์สกัดจากมะกอกมาเพื่อเติมตะเกียงให้ลุกอยู่เสมอ

3 ให้อาโรนคอยดูแลคันประทีปต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งอยู่นอกม่านที่กั้นหีบพันธสัญญาในเต็นท์นัดพบ ให้ลุกอยู่เสมอตั้งแต่เย็นจนกระทั่งเช้า นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ

4 จงดูแลตะเกียงที่คันประทีปทองคำบริสุทธิ์ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ

5 “จงใช้แป้งละเอียดทำขนมปังสิบสองก้อน ก้อนหนึ่งใช้แป้งประมาณ 4.5 ลิตร

6 วางขนมปังนี้บนโต๊ะทองคำบริสุทธิ์ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยวางเป็นสองแถว แถวละหกก้อน

7 จงใส่เครื่องหอมบริสุทธิ์ไว้ทุกแถว เพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นสิ่งที่ใช้แทนขนมปัง และเพื่อเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

8 จงวางขนมปังนี้ไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสม่ำเสมอทุกสะบาโตในนามของชาวอิสราเอล เป็นพันธสัญญายืนยงถาวร

9 อาโรนกับบรรดาบุตรชายจะกินขนมปังเหล่านี้ในที่บริสุทธิ์ เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุด เป็นส่วนที่ปุโรหิตได้รับเป็นประจำจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”

การลงโทษผู้หมิ่นประมาท

10 วันหนึ่งที่ค่ายพักแรม มีชายคนหนึ่งซึ่งมารดาเป็นชาวอิสราเอล ส่วนบิดาเป็นชาวอียิปต์ทะเลาะวิวาทกับชายอิสราเอลคนหนึ่ง

11 บุตรของหญิงอิสราเอลนั้นกล่าววาจาลบหลู่พระนามของพระเจ้าด้วยคำสาปแช่ง เขาจึงถูกนำตัวมาให้โมเสสตัดสิน (มารดาของเขาคือเชโลมิธบุตรสาวของดิบรีแห่งเผ่าดาน)

12 เขาถูกคุมตัวไว้จนกว่าพวกเขาจะทราบพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าชัดเจน

13 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

14 “จงนำตัวคนที่หมิ่นประมาทนั้นออกไปนอกค่ายพัก และให้ทุกคนที่ได้ยินเขากล่าวหมิ่นประมาทวางมือบนศีรษะของเขา จากนั้นชุมนุมประชากรทั้งหมดจงเอาหินขว้างเขา

15 จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘ถ้าผู้ใดแช่งด่าพระเจ้า เขาจะต้องรับผิดชอบ

16 ผู้ใดหมิ่นประมาทพระนามพระยาห์เวห์ จะต้องมีโทษถึงตาย ชุมนุมประชากรทั้งหมดจะต้องเอาหินขว้างเขา ไม่ว่าคนต่างด้าวหรือคนอิสราเอลโดยกำเนิด ผู้ใดหมิ่นประมาทพระนามพระเจ้าจะต้องถูกประหาร

17 “ ‘ผู้ใดฆ่าคนจะต้องรับโทษถึงตาย

18 ผู้ใดฆ่าสัตว์ของคนอื่นจะต้องชดใช้ ชีวิตแลกชีวิต

19 โทษสำหรับการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บคือถูกทำให้บาดเจ็บเช่นเดียวกัน

20 กระดูกหักแทนกระดูกหัก ตาแทนตา ฟันแทนฟัน เขาทำร้ายคนอื่นอย่างไรก็จะถูกทำร้ายอย่างนั้น

21 ผู้ใดฆ่าสัตว์จะต้องชดใช้สำหรับสัตว์ตัวนั้น ผู้ใดฆ่าคนจะต้องถูกประหาร

22 กฎเกณฑ์นี้สำหรับทั้งคนต่างด้าวและคนอิสราเอลโดยกำเนิด เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’ ”

23 โมเสสจึงแจ้งชนอิสราเอล พวกเขาก็นำตัวชายที่หมิ่นประมาทออกไปนอกค่ายพัก เอาหินขว้างเขา ชาวอิสราเอลได้ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/24-018d3ee2092d30312f43ca342c76bf41.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 25

ปีสะบาโต

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนายว่า

2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าสู่ดินแดนซึ่งเราจะยกให้เจ้า ดินแดนนั้นจะต้องถือสะบาโตแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

3 เจ้าอาจจะหว่าน ลิดแขนงองุ่น หรือเก็บเกี่ยวพืชผลเป็นเวลาหกปี

4 แต่ปีที่เจ็ดเป็นสะบาโตถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักสำหรับแผ่นดิน อย่าไถหว่านที่ดิน หรือลิดแขนงสวนองุ่นของเจ้า

5 อย่าเก็บเกี่ยวพืชผลใดๆ ซึ่งงอกขึ้นเอง และอย่าเก็บองุ่นซึ่งขึ้นเองตามแขนงที่เจ้าไม่ได้ลิด จงให้เป็นปีแห่งการหยุดพักสำหรับแผ่นดิน

6 พืชผลใดซึ่งงอกขึ้นในปีสะบาโตนั้นจะเป็นอาหารสำหรับเจ้าทุกคน ทั้งตัวเจ้าเอง ข้าทาสชายหญิง ลูกจ้าง หรือคนที่มาพักอาศัยชั่วคราวท่ามกลางเจ้า

7 ฝูงสัตว์และสัตว์ป่าในที่ดินของเจ้าก็เช่นกัน สามารถกินพืชผลที่งอกขึ้นนั้นได้

ปีกึ่งศตวรรษ

8 “ ‘ทุกปีที่ห้าสิบ หลังจากปีสะบาโตผ่านไปเจ็ดครั้ง นั่นคือเป็นเวลา 49 ปี

9 ในวันลบบาปคือวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด จงเป่าแตรให้ดังทั่วทั้งแผ่นดินของเจ้า

10 จงถือรักษาปีกึ่งศตวรรษเป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพทั่วดินแดนแก่พลเมืองทุกคน เป็นปีเฉลิมฉลองพิเศษสำหรับเจ้า เจ้าแต่ละคนจงกลับสู่ที่ดินกรรมสิทธิ์ของครอบครัว และกลับสู่วงศ์ตระกูลของตน

11 ปีกึ่งศตวรรษเป็นวาระพิเศษสำหรับเจ้า อย่าหว่านและอย่าเก็บเกี่ยวสิ่งที่งอกขึ้นเอง หรืออย่าเก็บผลองุ่นที่ขึ้นเอง

12 เพราะเป็นปีเฉลิมฉลองพิเศษ และเป็นปีบริสุทธิ์สำหรับเจ้า จงกินแต่พืชผลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

13 “ ‘ในปีกึ่งศตวรรษนี้ ทุกคนจงกลับสู่ที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ดั้งเดิมของตน

14 “ ‘หากเจ้าซื้อขายที่ดินกับพี่น้องร่วมชาติ อย่าเอารัดเอาเปรียบกัน

15 เจ้าจงซื้อที่ดินจากพี่น้องร่วมชาติโดยคำนวณราคาตามจำนวนปีนับจากปีกึ่งศตวรรษ เขาจะต้องขายให้เจ้าในราคาตามจำนวนปีที่เหลือสำหรับการเก็บเกี่ยวพืชผล

16 หากยังเหลืออีกหลายปี เจ้าจงเพิ่มราคา หากเหลือไม่กี่ปี จงลดราคา เพราะที่จริงแล้วสิ่งที่เขาขายให้เจ้าคือจำนวนพืชผลที่จะได้

17 อย่าเอารัดเอาเปรียบกัน จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

18 “ ‘จงทำตามกฎหมายของเรา จงใส่ใจที่จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา แล้วเจ้าจะดำเนินชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยในดินแดนนั้น

19 แล้วแผ่นดินจะให้พืชผลแก่เจ้า เจ้าจะอิ่มหนำสำราญและอยู่อย่างปลอดภัยในที่แห่งนั้น

20 เจ้าอาจถามว่า “แล้วพวกเราจะกินอะไรในปีที่เจ็ด หากเราไม่ปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผลของเรา?”

21 เราจะอวยพรเจ้าในปีที่หก จนแผ่นดินให้พืชผลมากพอสำหรับสามปี

22 ขณะที่เจ้าปลูกในช่วงปีที่แปด เจ้าจะยังกินพืชผลเก่านั้นต่อไปจนกระทั่งถึงฤดูเก็บเกี่ยวของปีที่เก้า

23 “ ‘ที่ดินจะขายขาดไม่ได้เพราะแผ่นดินเป็นของเรา พวกเจ้าเป็นเพียงคนต่างด้าวและผู้เช่าอาศัยทำกินจากเรา

24 ทั่วแดนที่เจ้าถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ จงให้มีการไถ่ถอนที่ดินคืนได้

25 “ ‘หากพี่น้องร่วมชาติของเจ้ายากจนและขายที่ดินบางส่วนไป ญาติสนิทที่สุดของคนนั้นอาจจะมาไถ่คืนได้

26 หากไม่มีคนอื่นมาไถ่คืนให้เขา แต่ตัวคนนั้นเองร่ำรวยขึ้น มีเงินพอที่จะไถ่

27 เขาสามารถมาซื้อคืนในราคาซึ่งได้สัดส่วนกับจำนวนพืชผลจากวันที่ขายที่ดิน เจ้าของใหม่จะต้องยอมรับเงินจำนวนนั้นและคืนที่ดินให้

28 แต่หากเจ้าของเดิมไม่สามารถซื้อคืน ก็จะตกเป็นของเจ้าของคนใหม่จนถึงปีกึ่งศตวรรษซึ่งจะต้องคืนให้เจ้าของเดิมอีกครั้ง

29 “ ‘ผู้ใดขายบ้านในเขตกำแพงเมือง เขามีสิทธิ์ซื้อคืนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาหนึ่งปีแรก

30 หากไม่ได้ซื้อคืนภายในหนึ่งปี บ้านที่อยู่ในกำแพงเมืองหลังนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของคนใหม่และลูกหลานของเขาอย่างถาวร ไม่ต้องคืนให้เจ้าของเดิมในปีกึ่งศตวรรษ

31 ส่วนบ้านซึ่งอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีกำแพงเมืองล้อมรอบ จะเป็นเหมือนที่ดินโล่งคือซื้อคืนได้ทุกโอกาส และจะต้องคืนให้เจ้าของเดิมในปีกึ่งศตวรรษ

32 “ ‘คนเลวีมีสิทธิ์ที่จะไถ่บ้านของพวกเขาในเมืองของคนเลวีซึ่งเขาเป็นเจ้าของได้เสมอ

33 ดังนั้นทรัพย์สินของคนเลวี นั่นคือบ้านหลังใดที่ขายในเมืองใดก็ตามที่พวกเขาถือกรรมสิทธิ์ สามารถไถ่ถอนได้ และจะต้องคืนให้กับเจ้าของเดิมในปีกึ่งศตวรรษ เพราะบ้านทั้งหลายในเมืองต่างๆ ของคนเลวีเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาท่ามกลางคนอิสราเอล

34 แต่ห้ามขายที่ดินที่เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของเมืองนั้น เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ถาวรของพวกเขา

35 “ ‘หากพี่น้องร่วมชาติของเจ้ายากจนลง ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ เจ้าจงช่วยเหลือเขาเหมือนที่เอื้อเฟื้อแก่คนต่างด้าวหรือผู้ที่อาศัยอยู่กับเจ้าชั่วคราว เพื่อเขาจะอยู่ท่ามกลางพวกเจ้าต่อไปได้

36 อย่าคิดดอกเบี้ยใดๆจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อพี่น้องนั้นจะคงอยู่ท่ามกลางเจ้าได้

37 อย่าคิดดอกเบี้ยจากเงินที่ให้เขายืม หรือค้ากำไรจากการขายอาหารแก่เขา

38 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์เพื่อยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า และเพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า

39 “ ‘หากพี่น้องร่วมชาติของเจ้ายากจนและขายตัวเองให้เจ้า อย่าใช้งานเขาเยี่ยงทาส

40 แต่จงปฏิบัติต่อเขาเสมือนลูกจ้าง หรือผู้ที่มาอาศัยชั่วคราวท่ามกลางเจ้า และเขาจะปรนนิบัติรับใช้เจ้าจนถึงปีกึ่งศตวรรษ

41 เมื่อนั้นเขาและลูกๆ จะต้องได้รับการปลดปล่อยให้เป็นไทและกลับไปสู่วงศ์ตระกูลและที่ดินของบรรพบุรุษ

42 เพราะชนอิสราเอลเป็นผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเรานำออกมาจากอียิปต์ เขาต้องไม่ถูกขายเป็นทาส

43 อย่าปกครองเขาอย่างทารุณอำมหิต แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า

44 “ ‘ทาสชายหญิงของเจ้าจะต้องมาจากชนชาติต่างๆ รอบๆ เจ้า เจ้าอาจซื้อทาสจากพวกเขา

45 และเจ้าอาจซื้อคนที่มาขออาศัยอยู่ชั่วคราวท่ามกลางเจ้าบางคน และสมาชิกในตระกูลของเขาที่เกิดในดินแดนของเจ้า และพวกเขาจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า

46 เจ้าจะยกพวกเขาให้เป็นมรดกสืบทอดไปยังลูกหลานหรือเป็นทาสชั่วชีวิตก็ได้ แต่ห้ามเจ้าปกครองพี่น้องร่วมชาติอิสราเอลอย่างทารุณโหดร้าย

47 “ ‘หากคนต่างด้าวหรือผู้มาอาศัยอยู่ชั่วคราวในหมู่พวกเจ้าร่ำรวยขึ้น แล้วมีชาวอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติของเจ้าที่ยากจน และขายตัวเองเป็นทาสของคนต่างด้าวคนนั้นหรือของเครือญาติของเขา

48 เขามีสิทธิ์ไถ่ถอนตัวหลังจากขายตัวเป็นทาส ให้ญาติของเขาไถ่ตัวเขาคืนมา

49 จะเป็นลุง น้า อา ลูกพี่ลูกน้อง หรือใครก็ได้ซึ่งเป็นญาติตามสายเลือดในตระกูลของเขา หรือคนนั้นอาจจะไถ่ตัวเองเป็นไทเมื่อร่ำรวยมีเงินพอ

50 ตัวเขาและผู้ที่ซื้อเขาไปจะต้องนับเวลาจากปีที่เขาขายตัวเองเป็นทาสไปจนถึงปีกึ่งศตวรรษ ราคาที่จะไถ่ตัวเขาจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของอัตราค่าจ้างคนงานตามจำนวนปีเหล่านั้น

51 หากยังมีอีกหลายปีกว่าจะถึงปีกึ่งศตวรรษ เขาจะต้องจ่ายเกือบเท่าจำนวนค่าตัวเมื่อเริ่มเป็นทาส

52 หากอีกไม่กี่ปีก็ถึงปีกึ่งศตวรรษ เขาจะต้องคำนวนและจ่ายค่าไถ่ถอนตามจำนวนปีที่เหลือนั้น

53 ผู้ที่ซื้อตัวเขาไปจะต้องปฏิบัติต่อเขาเสมือนลูกจ้างรายปี เจ้าต้องดูแลไม่ให้เจ้าของปกครองเขาอย่างทารุณโหดร้าย

54 “ ‘หากเขายังไม่ได้รับการไถ่ตัวโดยวิธีเหล่านี้เขาและลูกหลานจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อถึงปีกึ่งศตวรรษ

55 เพราะประชากรอิสราเอลเป็นผู้รับใช้ของเรา พวกเขาเป็นผู้รับใช้ที่เรานำออกมาจากอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/25-2a59959442d7b3a79c64cd0266d9e3fe.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 26

รางวัลของการเชื่อฟัง

1 “ ‘เจ้าอย่าสร้างรูปเคารพ หรือทำแบบจำลอง หรือตั้งศิลาศักดิ์สิทธิ์สำหรับตัวเจ้าและอย่าวางหินสลักในดินแดนของเจ้าเพื่อกราบไหว้ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

2 “ ‘จงถือรักษาสะบาโตของเรา และยำเกรงสถานนมัสการของเรา เราคือพระยาห์เวห์

3 “ ‘หากเจ้าปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจเชื่อฟังคำสั่งของเรา

4 เราจะให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แผ่นดินจะให้พืชผลอุดมและต้นไม้จะออกผล

5 ช่วงเวลานวดข้าวจะเนิ่นนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น และฤดูเก็บผลองุ่นจะเนิ่นนานไปถึงฤดูหว่าน เจ้าจะได้รับประทานอย่างอิ่มหนำ และอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของเจ้า

6 “ ‘เราจะให้ความสงบสุขในแผ่นดินนั้น ยามนอนเจ้าจะไม่ต้องหวาดผวา เราจะขับไล่สัตว์ร้ายออกไปจากแผ่นดินนั้น และดาบจะไม่แผ้วพานแผ่นดินของเจ้าเลย

7 เจ้าจะรุกไล่ศัตรูของเจ้า คนเหล่านั้นจะล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเจ้า

8 พวกเจ้าห้าคนจะรุกไล่ศัตรูนับร้อย พวกเจ้าร้อยคนจะรุกไล่ศัตรูนับหมื่น ศัตรูทั้งหลายจะล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเจ้า

9 “ ‘เราจะดูแลเจ้าด้วยความโปรดปรานและให้เจ้ามีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และเราจะรักษาพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับเจ้า

10 เจ้าจะยังคงกินพืชผลจากการเก็บเกี่ยวในปีที่แล้ว เมื่อต้องขยับขยายจัดที่สำหรับพืชผลรุ่นใหม่

11 เราจะตั้งที่พำนักของเราท่ามกลางพวกเจ้า และเราจะไม่ชิงชังพวกเจ้า

12 เราจะดำเนินอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า เป็นพระเจ้าของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเรา

13 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าทั้งหลายออกมาจากอียิปต์ เพื่อเจ้าจะไม่ต้องเป็นทาสของชาวอียิปต์อีกต่อไป เราได้ทำลายแอกของเจ้า และช่วยให้เจ้าก้าวเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย

โทษของการไม่เชื่อฟัง

14 “ ‘แต่หากเจ้าไม่ฟังเรา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้

15 และหากเจ้าปฏิเสธกฎหมายของเรา และชิงชังบทบัญญัติของเรา ไม่ได้ทำตามคำสั่งของเราซึ่งเป็นการละเมิดพันธสัญญาของเรา

16 แล้วเราจะทำกับเจ้าอย่างนี้คือ เราจะนำความหวาดหวั่นพรั่นพรึงมาอย่างฉับพลัน โรคต่างๆ และความเจ็บไข้ที่ทำลายสายตาของเจ้า และทำให้ชีวิตของเจ้าทรุดโทรมไปมาเหนือเจ้า เจ้าจะหว่านพืชโดยเปล่าประโยชน์ เพราะศัตรูของเจ้าจะมากิน

17 เราจะตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า เพื่อเจ้าจะพ่ายแพ้ต่อหน้าศัตรู บรรดาผู้เกลียดชังเจ้าจะปกครองเจ้า เจ้าจะวิ่งหนีแม้ขณะที่ไม่มีใครไล่ตาม

18 “ ‘และหากเจ้ายังไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะลงโทษเจ้าหนักขึ้นเจ็ดเท่า ให้สมกับบาปของเจ้า

19 เราจะทำลายความเย่อหยิ่งอย่างดื้อด้านของเจ้า และทำให้ท้องฟ้าเหนือเจ้าเป็นเช่นเหล็กและแผ่นดินเบื้องล่างเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์

20 เจ้าจะเสียเหงื่อลงแรงโดยเปล่าประโยชน์เพราะแผ่นดินจะไม่ให้พืชผล ต้นไม้ในที่ดินก็จะไม่ออกผล

21 “ ‘หากเจ้ายังคงขัดขืนต่อต้านและไม่ยอมฟังเรา เราจะทวีความทุกข์ยากขึ้นอีกเจ็ดเท่า ให้สาสมกับบาปของเจ้า

22 เราจะส่งสัตว์ร้ายมาเล่นงานเจ้าและพวกมันจะปล้นเอาลูกหลานของเจ้าไป จะทำลายฝูงสัตว์ของเจ้าและจะทำให้จำนวนคนของเจ้าลดลงจนถนนหนทางเริศร้าง

23 “ ‘หากเราทำกับเจ้าถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับการดัดนิสัยจากเรา แต่ยังคงขัดขืนต่อต้านเรา

24 เราเองจะต่อสู้กับเจ้า และจะให้เจ้าทุกข์ทรมานเพราะบาปของตนหนักยิ่งขึ้นอีกเจ็ดเท่า

25 และเราจะนำดาบมายังเจ้าเพื่อแก้แค้นที่พันธสัญญาของเราถูกละเมิด เมื่อเจ้าถอยหนีเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของเจ้า เราจะส่งโรคระบาดร้ายแรงมาท่ามกลางพวกเจ้า และเจ้าจะตกอยู่ในมือของศัตรู

26 เราจะทลายแหล่งเสบียงของเจ้า ถึงขนาดหญิงสิบคนใช้เตาเพียงเตาเดียวอบขนมให้พวกเจ้า และต้องชั่งอาหารแบ่งกันกิน เจ้าจะกินแต่ไม่อิ่ม

27 “ ‘หากถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่ฟังเรา แต่ยังคงขัดขืนต่อต้านเรา

28 เราจะต่อสู้กับเจ้าด้วยพระพิโรธ และเราเองจะลงโทษบาปของเจ้าหนักยิ่งขึ้นเจ็ดเท่า

29 เจ้าจะกินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง

30 เราจะทลายแท่นบูชาบนที่สูงของเจ้า จะโค่นแท่นเผาเครื่องหอมของเจ้า ทิ้งซากศพของเจ้าไว้บนรูปเคารพที่ไม่มีชีวิตของพวกเจ้า และเราจะชิงชังพวกเจ้า

31 เราจะทำให้นครต่างๆ ของเจ้าเริศร้าง และทำลายสถานนมัสการของเจ้า เราจะไม่นิยมยินดีในกลิ่นหอมที่น่าพอใจจากเครื่องบูชาของเจ้า

32 เราจะทิ้งให้แผ่นดินเริศร้างจนศัตรูของเจ้าที่เข้ามาพักอาศัยตกใจ

33 เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะชักดาบออกจากฝักรุกไล่เจ้า ดินแดนของเจ้าจะถูกทิ้งร้างและเมืองต่างๆ จะถูกทำลาย

34 แล้วแผ่นดินจะได้ชื่นชมกับปีสะบาโตของมันตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้างซึ่งเจ้าตกอยู่ในดินแดนของศัตรู แผ่นดินจะได้พักสงบและชื่นชมกับสะบาโตของมัน

35 ตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้าง แผ่นดินจะได้พักสงบ ชดเชยกับที่ไม่ได้หยุดพักในช่วงสะบาโตขณะที่เจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดิน

36 “ ‘สำหรับพวกที่เหลืออยู่ เราจะทำให้จิตใจของพวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาในแดนของศัตรูถึงขนาดเสียงใบไม้ถูกลมพัดปลิวก็ทำให้พวกเขาหนีไป เขาจะวิ่งราวกับหนีเตลิดจากคมดาบ และเขาจะล้มลงแม้ไม่มีใครไล่ตาม

37 เขาจะสะดุดล้มทับกันราวกับหนีเตลิดจากคมดาบแม้ไม่มีใครรุกไล่พวกเขา ดังนั้นเจ้าจะไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าศัตรูของเจ้า

38 เจ้าจะพินาศในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย และถูกกลืนหายไปในดินแดนของศัตรู

39 คนที่เหลืออยู่จะเสื่อมโทรมไปในดินแดนของศัตรูเพราะบาปของพวกเขา และเพราะบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา

40 “ ‘แต่หากพวกเขาสารภาพบาปของตนและบาปของบรรพบุรุษที่พวกเขาขัดขืนต่อต้านเรา

41 ซึ่งทำให้เราเป็นศัตรูกับเขา จนเราส่งพวกเขาไปยังดินแดนของเหล่าศัตรู ตราบจนจิตใจที่ไม่ได้เข้าสุหนัตของเขาถ่อมลงและพวกเขาชดใช้บาปของตน

42 เมื่อนั้นเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับยาโคบ อิสอัค และอับราฮัม และจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น

43 เพราะแผ่นดินนั้นจะชื่นชมกับสะบาโตของมันขณะที่ถูกทิ้งร้างอยู่ พวกเขาจะชดใช้บาปของตนที่ได้ละทิ้งบทบัญญัติของเราและเกลียดชังกฎหมายของเรา

44 แต่กระนั้นเมื่อเขาอยู่ในดินแดนของศัตรู เราจะไม่ปฏิเสธหรือเกลียดชังพวกเขาจนถึงกับทำลายล้างพวกเขาให้หมดสิ้น ซึ่งเป็นการละเมิดพันธสัญญาของเรากับพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

45 แต่เพื่อเห็นแก่พวกเขา เราจะระลึกถึงพันธสัญญาที่ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาซึ่งเราได้พาออกมาจากอียิปต์ต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์’ ”

46 ทั้งหมดนี้คือกฎหมาย บทบัญญัติ และกฎระเบียบ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งไว้ระหว่างพระองค์เองกับชนอิสราเอลผ่านทางโมเสสบนภูเขาซีนาย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/26-f11b8996a6ef72bd277bbfa64c9b4225.mp3?version_id=179—

Categories
เลวีนิติ

เลวีนิติ 27

การไถ่สิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘หากคนใดได้ปฏิญาณไว้ว่าจะอุทิศถวายผู้หนึ่งผู้ใดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการถวายสิ่งมีค่าจำนวนต่อไปนี้แทนคือ

3 ผู้ชายอายุยี่สิบปีถึงหกสิบปีให้ตั้งค่าตัวเป็นเงินหนัก 50 เชเขล ตามเชเขลของสถานนมัสการ

4 ถ้าหากเป็นผู้หญิง ให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 30 เชเขล

5 ผู้ที่อายุห้าถึงยี่สิบปี ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 20 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 10 เชเขล

6 ผู้ที่อายุหนึ่งเดือนถึงห้าขวบ ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 5 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 3 เชเขล

7 ผู้ที่อายุหกสิบปีขึ้นไป ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 15 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 10 เชเขล

8 หากผู้ที่ถวายคำปฏิญาณยากจนเกินกว่าที่จะถวายเงินตามที่ระบุไว้ ให้พาบุคคลที่เขาประสงค์จะถวายตัวมาพบปุโรหิต ซึ่งจะกำหนดมูลค่าที่ผู้ปฏิญาณจะสามารถถวายได้

9 “ ‘ถ้าสิ่งที่เขาปฏิญาณว่าจะถวายนั้นเป็นสัตว์ที่ยอมรับเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสัตว์ตัวนั้นที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องถือว่าบริสุทธิ์

10 เขาจะเอาตัวอื่นมาเปลี่ยนไม่ได้ เอาดีมาแทนไม่ดี หรือเอาไม่ดีมาแทนดีก็ไม่ได้ หากเขาเปลี่ยนตัว ทั้งตัวแรกและตัวที่มาเปลี่ยนจะเป็นของบริสุทธิ์

11 หากสิ่งที่เขาปฏิญาณจะถวายเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี ซึ่งไม่ยอมรับเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องนำสัตว์นั้นมามอบให้ปุโรหิต

12 ผู้ที่จะประเมินคุณภาพว่าดีหรือไม่ดี ปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใด ก็ให้เป็นไปตามนั้น

13 หากเจ้าของต้องการจะไถ่สัตว์ตัวนั้น ก็ให้จ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาที่ตั้งไว้

14 “ ‘ผู้ใดถวายบ้านเป็นของบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตจะประเมินคุณภาพว่าดีหรือไม่ดี ปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใด ก็ให้ถือตามนั้น

15 ถ้าผู้ถวายบ้านจะไถ่คืน เขาต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคา แล้วบ้านจะกลับคืนเป็นของเขา

16 “ ‘ผู้ใดถวายที่ดินส่วนหนึ่งของตระกูลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะตีราคาตามปริมาณเมล็ดพืชซึ่งจะใช้หว่านในที่นั่นคือ เงินหนัก 50 เชเขลต่อเมล็ดข้าวบาร์เลย์ประมาณ 220 ลิตร

17 หากผู้ใดถวายที่ดินในปีกึ่งศตวรรษให้ตีราคาเต็มตามอัตรา

18 หากถวายหลังปีกึ่งศตวรรษ ปุโรหิตจะพิจารณาราคาตามจำนวนปีที่เหลืออยู่ก่อนถึงปีกึ่งศตวรรษรอบต่อไปและราคาที่ตั้งไว้จะลดลง

19 หากคนนั้นตกลงจะไถ่ที่ดินคืน เขาจะจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาประเมิน และรับที่ดินคืนเป็นของเขาอีก

20 แต่หากเขาไม่ไถ่คืน หรือหากขายที่ดินนั้นแก่คนอื่น ที่ดินนั้นจะไถ่คืนอีกไม่ได้เลย

21 เมื่อที่ดินคืนสู่เจ้าของเดิมในปีกึ่งศตวรรษ ที่ดินผืนนี้จะถือเป็นของบริสุทธิ์เหมือนที่ดินซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ดินนี้จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดาปุโรหิต

22 “ ‘หากผู้ใดถวายที่ดินซึ่งเขาซื้อมาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ใช่ที่ดินส่วนมรดกของครอบครัว

23 ปุโรหิตจะประเมินราคานับถึงปีกึ่งศตวรรษ และเขาจะถวายเงินจำนวนดังกล่าวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

24 ในปีกึ่งศตวรรษ ที่ดินนั้นจะคืนให้เจ้าของเดิมซึ่งขายที่ดินให้

25 ราคาประเมินทั้งหมดระบุตามเชเขลของสถานนมัสการ ซึ่ง 20 เกราห์เท่ากับ 1 เชเขล

26 “ ‘เจ้าไม่ควรคิดว่าจะถวายลูกวัวหรือลูกแกะหัวปีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะลูกหัวปีเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่แล้ว

27 หากเป็นลูกหัวปีของสัตว์ที่เป็นมลทิน เจ้าของจะซื้อคืนตามราคาที่ปุโรหิตประเมิน และจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้า หากเจ้าของไม่ไถ่คืน ปุโรหิตก็จะขายให้แก่ผู้อื่นตามราคาที่ตั้งไว้

28 “ ‘อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถวายเป็นสิทธิ์ขาดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล สัตว์ หรือที่ดินมรดกย่อมเป็นสิทธิ์ขาด ไม่มีการซื้อขายหรือไถ่คืน เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

29 “ ‘ผู้ใดถูกถวายเป็นสิทธิ์ขาดเพื่อให้ทำลายล้างจะไถ่คืนไม่ได้ เขาจะต้องถูกประหารชีวิต

30 “ ‘หนึ่งในสิบของผลผลิตจากแผ่นดิน ไม่ว่าเมล็ดข้าวจากผืนดินหรือผลไม้จากต้นเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าและถือเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

31 หากผู้ใดต้องการไถ่คืนสิบลดของเขา จะต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคา

32 หนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ทั้งหมดคือ ทุกตัวที่สิบที่ผ่านไปใต้ไม้เท้าของผู้เลี้ยง จะเป็นส่วนบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

33 จะไม่มีการเลือกว่าตัวนั้นดีตัวนี้ไม่ดี หรือเอาตัวหนึ่งมาแทนอีกตัวหนึ่ง เพราะหากมีการเปลี่ยนตัว ทั้งตัวที่ถูกเปลี่ยนกับตัวที่เอามาเปลี่ยนย่อมเป็นของบริสุทธิ์แด่พระเจ้า ไถ่คืนไม่ได้’ ”

34 ทั้งหมดนี้คือพระบัญชาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่โมเสสบนภูเขาซีนายสำหรับประชากรอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/27-4f0ad7efae31331a05d6df653f255ea4.mp3?version_id=179—