Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 31

สนซีดาร์แห่งเลบานอน

1 ในวันที่หนึ่งเดือนที่สามปีที่สิบเอ็ด พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และกองกำลังต่างๆ ของเขาว่า

“ ‘ใครจะยิ่งใหญ่เทียบกับเจ้าได้?

3 จงพิจารณาอัสซีเรีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนซีดาร์ในเลบานอน

กิ่งก้านงดงามแผ่ร่มเงาในป่า

มันสูงเสียดฟ้า

และชูยอดสง่าเหนือพุ่มหนา

4 สายน้ำหล่อเลี้ยงมัน

น้ำบาดาลทำให้มันสูงตระหง่าน

ทางน้ำไหลรอบ

ที่ซึ่งมันโตขึ้น

และส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง

บรรดาต้นไม้ในท้องทุ่ง

5 มันจึงสูงตระหง่าน

เหนือต้นไม้ทุกต้นในท้องทุ่ง

มันแตกแขนงมากมาย

กิ่งก้านก็ทอดยาว

แผ่ขยายเพราะน้ำท่าอุดม

6 มวลนกในอากาศ

มาทำรังบนกิ่งไม้

บรรดาสัตว์ในทุ่ง

มาคลอดลูกใต้กิ่งก้านของมัน

มวลประชาชาติใหญ่

มาอาศัยในร่มเงาของมัน

7 มันงามโอ่อ่า

เพราะกิ่งก้านที่แตกแขนงออกไป

เพราะรากของมันหยั่งลึก

ลงในน้ำอันอุดมสมบูรณ์

8 สนซีดาร์ทั้งหลายในอุทยานของพระเจ้า

ไม่อาจแข่งกับมัน

ทั้งต้นสนทั้งหลายและบรรดาต้นเปลน

ก็ไม่อาจเทียบกับกิ่งก้านสาขาของมันได้

ไม่มีต้นไม้ใดๆ ในอุทยานของพระเจ้า

ทัดเทียมความงามของมันได้เลย

9 เราทำให้มันงดงาม

มีกิ่งก้านหนาแน่น

เป็นที่อิจฉาริษยาของต้นไม้ทุกต้น

ในเอเดนอุทยานของพระเจ้า

10 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากมันสูงเสียดฟ้า ชูยอดเหนือพุ่มหนา แล้วมันก็หยิ่งผยองเพราะความสูงของตน

11 เราจึงมอบมันไว้ในมือของผู้ครอบครองประชาชาติทั้งหลาย ให้จัดการกับมันอย่างสาสมตามความชั่วร้าย เราเหวี่ยงมันทิ้งไป

12 และผู้อำมหิตที่สุดในหมู่ชนต่างชาติก็โค่นมันลงและปล่อยทิ้งไว้ กิ่งก้านของมันตกลงบนภูเขาและหุบเขาต่างๆ กิ่งของมันหักคาอยู่ตามลำห้วยทั้งหลายในดินแดน มวลประชาชาติในโลกออกจากร่มเงาของมันและทิ้งมันไป

13 มวลนกในอากาศอยู่บนต้นไม้ที่หักโค่น และสัตว์ป่าทั้งปวงอยู่ท่ามกลางกิ่งก้านของมัน

14 ฉะนั้นแม้จะมีน้ำท่าบริบูรณ์ ก็ไม่มีต้นไม้อื่นที่อยู่ริมน้ำจะสูงเสียดฟ้าและชูยอดเหนือพุ่มหนาเหมือนมัน มันทั้งหลายถูกกำหนดไว้ให้ถึงฆาต ให้ลงสู่โลกเบื้องล่างร่วมกับมนุษย์อนิจจังและร่วมกับบรรดาคนที่ลงหลุม

15 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่มันถูกนำลงหลุมฝังศพ เรากั้นธารน้ำลึกเป็นการไว้อาลัยแก่มัน เราระงับธารน้ำและน้ำท่าอันบริบูรณ์ไว้ เราเอาความหม่นหมองห่อหุ้มเลบานอน และบรรดาต้นไม้ในทุ่งก็เหี่ยวเฉาไปเพราะต้นไม้นั้น

16 เราทำให้บรรดาประชาชาติสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินเสียงความล่มจมของมัน เมื่อเรานำมันลงหลุมศพร่วมกับบรรดาผู้ลงเหว แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นในสวนเอเดน พร้อมกับต้นไม้ชั้นเยี่ยมที่สุดของเลบานอน มวลต้นไม้ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างดี ก็ได้รับการปลอบประโลมในโลกบาดาล

17 บรรดาคนที่อาศัยในร่มเงาของมัน ซึ่งเป็นประชาชาติที่เป็นพันธมิตรก็ได้ลงหลุมฝังศพไปกับมันพร้อมทั้งบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

18 “ ‘ต้นไม้ต้นใดในเอเดนที่จะโอ่อ่าและยิ่งใหญ่เท่าเทียมกับเจ้า? ถึงกระนั้นเจ้าก็จะถูกนำลงสู่โลกบาดาลร่วมกับบรรดาต้นไม้ในเอเดนเช่นกัน เจ้าจะนอนอยู่ท่ามกลางผู้ไม่ได้เข้าสุหนัต กับบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

“ ‘นี่คือฟาโรห์กับกองกำลังทั้งสิ้นของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/31-a0f259d5b3dfe696ab21b61bcd0f093b.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 32

บทคร่ำครวญแด่ฟาโรห์

1 ในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบสองปีที่สิบสอง พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งบทคร่ำครวญเกี่ยวกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ และกล่าวแก่เขาว่า

“ ‘เจ้าเป็นเหมือนสิงโตในหมู่ประชาชาติ

เหมือนสัตว์ร้ายในทะเล

เจ้าฟาดหางไปมาอยู่ในห้วงน้ำ

เอาเท้ากวนน้ำให้กระเพื่อม

และทำให้ลำธารต่างๆ ขุ่น

3 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘เราจะกางตาข่ายของเราคลุมเจ้า

โดยกลุ่มชนหมู่ใหญ่

พวกเขาจะลากเจ้าขึ้นมาด้วยอวนของเรา

4 เราจะเหวี่ยงเจ้าลงบนดิน

จับเจ้าฟาดลงบนทุ่งโล่ง

เราจะให้มวลนกในอากาศมาอาศัยอยู่บนเจ้า

และสัตว์โลกทั้งปวงจะเขมือบเจ้าจนอิ่ม

5 เราจะโปรยเนื้อของเจ้ากระจายบนภูเขาต่างๆ

และถมหุบเขาทั้งหลายด้วยซากของเจ้า

6 เราจะทำให้เลือดของเจ้าไหลนองเต็มแผ่นดิน

ตลอดทางสู่ภูเขาต่างๆ

และให้เนื้อของเจ้าอยู่เต็มลำห้วยทั้งหลาย

7 เมื่อเราทำให้เจ้าแตกดับ เราจะปกคลุมฟ้าสวรรค์

และให้ดวงดาวทั้งหลายมืดมน

เราจะคลุมดวงอาทิตย์ด้วยเมฆ

และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง

8 แสงสว่างสุกใสทั้งปวงในฟ้าสวรรค์นั้น

เราจะทำให้มืดมิดเหนือเจ้า

เราจะนำความมืดมนมาเหนือดินแดนของเจ้า

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

9 เราจะทำให้จิตใจของชนชาติทั้งหลายทุกข์ร้อน

เมื่อเรานำหายนะมาสู่เจ้าท่ามกลางชนชาติต่างๆ

ท่ามกลางดินแดนทั้งหลายซึ่งเจ้าไม่รู้จัก

10 เราจะทำให้บรรดาชนชาติตกตะลึงเพราะเจ้า

และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะสั่นสะท้านด้วยความสยดสยองเนื่องจากเจ้า

เมื่อเรากวัดแกว่งดาบของเราต่อหน้าพวกเขา

ในวันที่เจ้าล่มจม

เขาแต่ละคนจะสั่นสะท้านทุกขณะจิต

เพราะห่วงชีวิตของตน

11 “ ‘เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ดาบของกษัตริย์บาบิโลน

จะมาห้ำหั่นเจ้า

12 เราจะทำให้กองกำลังต่างๆ ของเจ้าล้มตาย

ด้วยดาบของเหล่าผู้เกรียงไกร

ผู้อำมหิตที่สุดในมวลประชาชาติ

คนเหล่านั้นจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของอียิปต์

และกองกำลังทั้งปวงของอียิปต์จะถูกล้มล้าง

13 เราจะทำลายล้างฝูงสัตว์ทั้งปวงของอียิปต์

จากริมน้ำอันอุดมสมบูรณ์

ซึ่งจะไม่ถูกเท้ามนุษย์กวนให้ขุ่น

หรือถูกกีบเท้าสัตว์กวนให้เป็นโคลนขุ่นอีกต่อไป

14 เมื่อนั้นเราจะทำให้ห้วงน้ำทั้งหลายสงบ

และทำให้ลำธารสายต่างๆ ไหลรินเหมือนน้ำมัน

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 เมื่อเราทำให้อียิปต์เริศร้าง

และริบทุกสิ่งที่มีไปจากดินแดนนั้น

เมื่อเราทำลายล้างคนทั้งปวงซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น

เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’

16 “นี่คือบทคร่ำครวญซึ่งคนทั้งหลายจะร้องเพื่ออียิปต์ ธิดาของชนชาติต่างๆ จะร้องขับขานให้อียิปต์และกองกำลังต่างๆ ของมัน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

17 วันที่สิบห้าของเดือนนั้นในปีที่สิบสอง พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

18 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงร่ำไห้ให้แก่กองกำลังต่างๆ ของอียิปต์ และส่งอียิปต์กับบรรดาธิดาแห่งประชาชาติอันเกรียงไกรลงสู่โลกเบื้องล่างพร้อมกับคนที่ลงไปแดนผู้ตาย

19 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เจ้าเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่าคนอื่นๆ หรือ? จงลงไป ไปนอนอยู่กับบรรดาผู้ไม่ได้เข้าสุหนัต’

20 พวกเขาจะล้มลงในหมู่คนที่ตายด้วยดาบ ดาบถูกชักออกจากฝักแล้ว จงลากอียิปต์ลงไปพร้อมกับกองกำลังทั้งสิ้นของมัน

21 บรรดาผู้นำที่เกรียงไกรจะกล่าวกับอียิปต์และเหล่าพันธมิตรจากหลุมฝังศพว่า ‘พวกเขาลงมากันแล้ว มานอนอยู่กับคนไม่ได้เข้าสุหนัตกับคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบ’

22 “อัสซีเรียและกองทัพของมันทั้งหมดอยู่ที่นั่นแล้ว รายล้อมด้วยหลุมฝังศพของคนที่ถูกเข่นฆ่าทั้งหมดของมัน คนเหล่านั้นทุกคนล้มตายด้วยดาบ

23 หลุมฝังศพของคนเหล่านั้นอยู่ในห้วงลึกของแดนผู้ตาย และกองทัพอัสซีเรียนอนตายรายรอบหลุมฝังศพของมัน ทุกคนซึ่งครั้งหนึ่งเคยแพร่ความหวาดกลัวในแดนของคนที่มีชีวิต บัดนี้ถูกเข่นฆ่าล้มตายด้วยดาบ

24 “เอลามอยู่ที่นั่นและเหล่าทหารทั้งหมดของมันนอนตายรายรอบหลุมฝังศพของมัน เขาทั้งหมดถูกเข่นฆ่าล้มตายด้วยดาบ ทุกคนซึ่งครั้งหนึ่งเคยแพร่ความหวาดกลัวทั่วแดนของคนที่มีชีวิตได้ลงสู่โลกเบื้องล่างโดยไม่ได้เข้าสุหนัต พวกเขาได้รับความอัปยศร่วมกับบรรดาคนที่ลงสู่แดนผู้ตาย

25 เอลามนอนอยู่ในหมู่คนที่ถูกฆ่าและเหล่าทหารทั้งหมดของมันนอนตายรายรอบหลุมฝังศพของมัน พวกเขาล้วนแต่ไม่ได้เข้าสุหนัต และถูกเข่นฆ่าล้มตายด้วยดาบ เพราะพวกเขาแพร่ความหวาดกลัวไปทั่วแดนของคนที่มีชีวิต เขาจึงต้องอัปยศอดสูร่วมกับบรรดาคนที่ลงสู่แดนผู้ตายและนอนอยู่ในหมู่คนที่ถูกสังหาร

26 “เมเชคและทูบัลอยู่ที่นั่นและทหารทั้งหมดของพวกมันนอนตายรายรอบหลุมฝังศพของพวกมัน พวกเขาล้วนไม่ได้เข้าสุหนัต ถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ เพราะพวกเขาแพร่ความหวาดกลัวไปทั่วแดนของคนที่มีชีวิต

27 พวกเขาไม่ได้นอนลงกับนักรบอื่นๆ คนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตซึ่งตายแล้วหรอกหรือ? คนเหล่านี้ลงสู่หลุมฝังศพพร้อมทั้งอาวุธของเขา ดาบวางอยู่ใต้ศีรษะ แม้นักรบเหล่านี้เคยแพร่ความหวาดกลัวไปทั่วแดนของคนที่มีชีวิต กระนั้นโทษทัณฑ์ของบาปของพวกเขาก็ตกอยู่กับกระดูกของพวกเขา

28 “ฟาโรห์เอ๋ย เจ้าก็เช่นกัน เจ้าจะแหลกลาญและนอนตายอยู่ในหมู่คนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตซึ่งถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ

29 “เอโดมอยู่ที่นั่น ทั้งๆ ที่เก่งกล้า กษัตริย์และเจ้านายทั้งปวงของเอโดมก็ถูกทิ้งให้นอนตายอยู่กับบรรดาคนที่ถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ พวกเขานอนตายกับบรรดาคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คือกับคนเหล่านั้นที่ลงสู่แดนผู้ตาย

30 “บรรดาเจ้านายของฝ่ายเหนือและชาวไซดอนทั้งปวงอยู่ที่นั่น แม้พวกเขาเคยใช้อำนาจก่อความหวาดกลัว พวกเขาก็ลงไปอยู่ร่วมกับคนที่ถูกเข่นฆ่าอย่างอัปยศ พวกเขานอนตายโดยไม่ได้เข้าสุหนัตกับบรรดาคนที่ถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ และรับความอัปยศกับคนที่ลงสู่แดนผู้ตาย

31 “ฟาโรห์กับกองทัพทั้งปวงจะเห็นคนเหล่านั้นและได้รับการปลอบประโลม เนื่องจากกองกำลังทั้งหมดของเขาถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้

32 แม้เราเคยให้เขาแพร่ความหวาดกลัวไปทั่วดินแดนของคนที่มีชีวิต แต่ฟาโรห์กับเหล่าทหารทั้งสิ้นของเขาก็จะถูกทิ้งให้นอนตายอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คนที่ถูกเข่นฆ่าด้วยดาบ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/32-927e8c16827415101f042232a35886d8.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 33

เอเสเคียลเป็นยามรักษาการณ์

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่พี่น้องร่วมชาติของเจ้าว่า ‘เมื่อเรานำดาบมาสู้กับดินแดนหนึ่ง และชาวดินแดนนั้นได้เลือกชายคนหนึ่งขึ้นมาเป็นยามรักษาการณ์

3 เมื่อเขาเห็นข้าศึกมาก็เป่าแตรเพื่อเตือนประชาชน

4 หากผู้หนึ่งผู้ใดได้ยินเสียงแตร แต่ไม่ใส่ใจฟังคำเตือนและข้าศึกปลิดชีวิตเขา ที่เขาตายก็เป็นความผิดของเขาเอง

5 เนื่องจากเขาได้ยินเสียงแตร แต่ไม่ใส่ใจฟังคำเตือน ที่เขาตายเป็นความผิดของเขาเอง หากเขาเชื่อคำเตือนก็คงจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้

6 แต่หากยามรักษาการณ์เห็นศัตรูมา แล้วไม่ได้เป่าแตรเตือนประชาชน และศัตรูมาปลิดชีวิตคนหนึ่งคนใดไป คนนั้นจะถูกคร่าชีวิตไปเพราะบาปของตน แต่เราจะให้ยามนั้นรับผิดชอบความตายของคนนั้น’

7 “เช่นนี้แหละบุตรมนุษย์เอ๋ย เราตั้งเจ้าให้เป็นยามรักษาการณ์สำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล ฉะนั้นจงฟังถ้อยคำของเราและแจ้งคำเตือนของเราแก่พวกเขา

8 เมื่อเรากล่าวแก่คนชั่วร้ายว่า ‘คนชั่วเอ๋ย เจ้าจะตายแน่’ แล้วเจ้าไม่ได้พูดตักเตือนเขาให้หันจากวิถีความประพฤติ คนชั่วนั้นจะตายเนื่องจากบาปของตน และเราจะให้เจ้ารับผิดชอบความตายของคนนั้น

9 แต่หากเจ้าเตือนคนชั่วนั้นให้หันจากวิถีทางของตน แล้วเขาไม่ยอมทำตาม เขาจะตายเพราะบาปของตน ส่วนเจ้าจะรักษาชีวิตของตนไว้ได้

10 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พวกเจ้ากล่าวว่า “การล่วงละเมิดและบาปของเราก็หนักอึ้งทับถมเรา เรากำลังย่อยยับไปเพราะบาปนั้น เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” ’

11 จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่าเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราไม่อยากให้คนชั่วต้องตายฉันนั้น แต่อยากให้เขาหันกลับจากทางชั่วและมีชีวิตอยู่ จงหันเสียจากทางชั่วเถิด! จะตายทำไมเล่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย?’

12 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวกับพี่น้องร่วมชาติของเจ้าว่า ‘ความชอบธรรมของคนชอบธรรม จะไม่ช่วยเขาหากเขาไม่เชื่อฟัง และความชั่วของคนชั่วจะไม่ทำให้เขาล้มลงหากเขาหันจากความชั่วนั้น หากคนชอบธรรมทำบาป จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยความชอบธรรมแต่เดิม’

13 หากเราบอกคนชอบธรรมว่า เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่แล้วเขาก็วางใจในความชอบธรรมของตนและทำชั่ว การประพฤติชอบธรรมใดๆ ของเขาจะไม่อยู่ในความทรงจำอีก เขาจะตายเพราะความชั่วที่เขาได้ทำ

14 และหากเราบอกคนชั่วว่า ‘เจ้าจะตายแน่’ แต่ถ้าเขาได้หันจากความชั่ว ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม

15 หากเขาคืนของที่ยึดมาค้ำประกัน หรือสิ่งที่ตนขโมยมา ทำตามกฎหมายต่างๆ ซึ่งทำให้มีชีวิตอยู่และไม่ทำชั่ว เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน เขาจะไม่ตาย

16 เราจะไม่จดจำบาปใดๆ ที่เขาทำไปแล้วมาปรับโทษเขาอีกเลย เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน

17 “ถึงกระนั้นพี่น้องร่วมชาติของเจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ วิถีทางของพวกเขาต่างหากที่ไม่ยุติธรรม

18 หากคนชอบธรรมหันจากความชอบธรรมไปทำชั่ว เขาจะตายเพราะความชั่ว

19 และหากคนชั่วหันจากความชั่วไปทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่เนื่องด้วยเหตุนั้น

20 ถึงกระนั้นพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าก็กล่าวว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ แต่เราจะพิพากษาเจ้าแต่ละคนตามแนวการประพฤติของเจ้า”

เหตุที่เยรูซาเล็มแตก

21 ในวันที่ห้าเดือนที่สิบปีที่สิบสองของการตกเป็นเชลย ชายคนหนึ่งซึ่งหนีมาจากเยรูซาเล็มมาบอกข้าพเจ้าว่า “กรุงนั้นแตกแล้ว!”

22 เย็นวันก่อนที่ชายคนนั้นจะมาถึง พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงรักษาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงหายเป็นใบ้และพูดได้อีก

23 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

24 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ประชาชนที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพังของดินแดนอิสราเอลกล่าวว่า ‘อับราฮัมตัวคนเดียวแต่ก็ยังได้ครอบครองดินแดน ส่วนเรามีหลายคนด้วยกันย่อมได้รับดินแดนนี้เป็นกรรมสิทธิ์อย่างแน่นอน’

25 ฉะนั้นจงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้ากินเนื้อซึ่งยังมีเลือดค้างอยู่ และหมายพึ่งบรรดารูปเคารพของเจ้า และทำให้โลหิตตก เช่นนี้แล้วควรหรือที่เจ้าจะได้ครอบครองดินแดน?

26 เจ้าพึ่งดาบ เจ้าทำสิ่งที่น่าชิงชัง และย่ำยีภรรยาของเพื่อนบ้าน เช่นนี้แล้วควรหรือที่เจ้าจะได้ครอบครองดินแดน?’

27 “จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด บรรดาคนที่หลงเหลืออยู่ตามซากปรักหักพังจะตายด้วยดาบฉันนั้น ส่วนคนที่อยู่ตามท้องทุ่ง เราจะมอบให้สัตว์ป่าเขมือบกิน และบรรดาคนที่อยู่ตามที่กำบังและถ้ำจะตายด้วยโรคระบาด

28 เราจะทำให้ดินแดนนั้นร้างเปล่า พละกำลังที่น่าภาคภูมิใจของมันจะถึงจุดจบ และภูเขาต่างๆ ของอิสราเอลจะเริศร้างจนไม่มีใครเดินผ่าน

29 แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราทำให้ดินแดนนั้นเริศร้างว่าง เปล่า เนื่องด้วยสิ่งที่น่าชิงชังทั้งปวงที่พวกเขาได้ทำ’

30 “ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย พี่น้องร่วมชาติของเจ้าพูดคุยกันถึงเจ้าอยู่ข้างกำแพงและที่ประตูบ้าน เขาพูดกันว่า ‘มาเถิด มาฟังพระดำรัสซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’

31 ประชากรของเรามาหาเจ้าอย่างที่พวกเขามักจะทำ มานั่งอยู่ตรงหน้าเพื่อฟังคำพูดของเจ้า แต่ไม่เคยนำไปปฏิบัติ เขาแสดงความจงรักภักดีด้วยริมฝีปาก แต่จิตใจโลภหวังผลกำไรอธรรม

32 แท้จริง สำหรับเขา เจ้าก็เป็นแค่คนที่ร้องเพลงรักด้วยเสียงไพเราะและเล่นดนตรีเก่งเท่านั้น เพราะเขาฟังคำพูดของเจ้า แต่ไม่ยอมนำไปปฏิบัติ

33 “เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นจริง ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะในหมู่พวกเขา”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/33-cf9c9359f9b53c0f35ce2aa35d4abb4f.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 34

คนเลี้ยงแกะและแกะ

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์ประณามบรรดาคนเลี้ยงแกะของอิสราเอล จงพยากรณ์และกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่คนเลี้ยงแกะของอิสราเอล ผู้เลี้ยงดูแต่ตนเอง! ไม่ควรหรือที่คนเลี้ยงแกะจะเลี้ยงดูฝูงแกะ?

3 เจ้ากินนมข้น เอาขนแกะห่มกาย และฆ่าสัตว์ตัวที่อ้วนพี แต่เจ้าไม่ดูแลฝูงแกะ

4 เจ้าไม่ได้ทำให้ตัวที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น เจ้าไม่รักษาตัวที่ป่วย เจ้าไม่ได้เอาผ้าพันแผลตัวที่บาดเจ็บ เจ้าไม่ได้ตามตัวที่หลงหายหรือเตลิดไปกลับคืนมา เจ้าปกครองแกะอย่างโหดร้ายทารุณ

5 แกะทั้งหลายจึงกระจัดกระจายไปเพราะไม่มีคนเลี้ยง และเมื่อพลัดฝูงไป ก็ตกเป็นอาหารของบรรดาสัตว์ป่า

6 แกะของเราระเหเร่ร่อนไปตามภูเขาต่างๆ และเนินเขาสูงทุกลูก กระจัดกระจายไปทั่วโลกโดยไม่มีใครเสาะหาหรือเหลียวแล

7 “ ‘ฉะนั้นเจ้าคนเลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เนื่องจากฝูงแกะของเราขาดคนเลี้ยง จึงถูกปล้นและตกเป็นอาหารของบรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย และเนื่องจากคนเลี้ยงแกะของเราไม่ตามหาฝูงแกะ เอาแต่เลี้ยงดูตนเองแทนที่จะเลี้ยงแกะ

9 ฉะนั้นบรรดาคนเลี้ยงแกะ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

10 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราเป็นศัตรูกับบรรดาคนเลี้ยงแกะ เราจะให้พวกเขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับฝูงแกะของเรา เราจะปลดพวกเขาจากการดูแลฝูงแกะ พวกเขาจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป เราจะช่วยฝูงแกะของเราจากปากของพวกเขา เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของพวกเขาอีกต่อไป

11 “ ‘เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราเองจะตามหาแกะของเราและเลี้ยงดูพวกมัน

12 เราจะดูแลแกะของเราเหมือนคนเลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะที่ได้กระจัดกระจายไป เราจะช่วยแกะเหล่านั้นออกจากที่ต่างๆ ซึ่งกระจัดกระจายไปในวันที่เมฆครึ้มและมืดมน

13 เราจะนำแกะทั้งหลายออกมาจากชนชาติต่างๆ รวบรวมมาจากนานาประเทศ แล้วนำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนของพวกเขาเอง เราจะพาแกะไปกินหญ้าบนภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล ตามลำห้วยและในท้องถิ่นทั้งปวงของดินแดนนั้น

14 เราจะฟูมฟักพวกเขาในทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ ภูเขาสูงต่างๆ ของอิสราเอลจะเป็นที่เล็มหญ้าของพวกเขา เขาจะนอนลงในทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ที่นั่น และจะยังชีพอยู่ที่ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล

15 เราเองจะเลี้ยงดูฝูงแกะของเราและให้พวกเขานอนลง พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้

16 เราจะเสาะหาแกะตัวที่หลงหายและนำตัวที่เตลิดไปกลับคืนมา เราจะพันแผลให้ตัวที่บาดเจ็บ และทำให้ตัวที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น แต่เราจะทำลายตัวที่แข็งแรงอ้วนพีเสีย เราจะเลี้ยงดูฝูงแกะด้วยความยุติธรรม

17 “ ‘สำหรับพวกเจ้า ฝูงแกะของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวหนึ่งกับอีกตัวหนึ่ง และระหว่างแกะผู้กับแพะ

18 เจ้าเลี้ยงชีพในทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์แล้วยังไม่หนำใจหรือ? ต้องใช้เท้าเหยียบย่ำทุ่งหญ้าที่เหลืออยู่ด้วยหรือ? เจ้าดื่มน้ำใสสะอาดแล้วยังไม่เพียงพอหรือ? ต้องเอาเท้ากวนน้ำที่เหลืออยู่ให้ขุ่นด้วยหรือ?

19 ฝูงแกะของเราต้องเลี้ยงชีพด้วยสิ่งที่ถูกเจ้าเหยียบย่ำ และดื่มน้ำที่เจ้าเอาเท้ากวนให้ขุ่นหรือ?

20 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่พวกเขาดังนี้ว่า ดูเถิด เราเองจะพิพากษาระหว่างแกะอ้วนพีและแกะผอม

21 เนื่องจากเจ้าเอาไหล่กับสีข้างดันและเอาเขาขวิดไล่แกะที่อ่อนแอไป

22 ฉะนั้นเราจะช่วยฝูงแกะของเราไม่ให้ถูกรังแกอีก เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวหนึ่งกับอีกตัวหนึ่ง

23 เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งเหนือพวกเขาคือดาวิดผู้รับใช้ของเรา เขาจะเลี้ยงดูและทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงแกะของพวกเขา

24 เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นเจ้านายในหมู่พวกเขา เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้

25 “ ‘เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับพวกเขาและจะกำจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน เพื่อพวกเขาจะอาศัยอยู่ในถิ่นกันดารและนอนหลับอยู่ในป่าอย่างปลอดภัย

26 เราจะอวยพรพวกเขาและสถานที่ต่างๆ รอบเนินเขาของเราเราจะให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล จะมีพรหลั่งลงมาดั่งสายฝน

27 ต้นไม้ในทุ่งจะเกิดผลและผืนแผ่นดินจะให้พืชผล ผู้คนจะอยู่อย่างปลอดภัยในดินแดนของพวกเขา พวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเราหักคานแอกของพวกเขาและช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของคนที่กดขี่ให้พวกเขาเป็นทาส

28 พวกเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อปล้นชิงของชาติต่างๆ อีกต่อไป สัตว์ป่าทั้งหลายจะไม่กัดกินพวกเขา พวกเขาจะยังชีพอยู่ด้วยความปลอดภัย จะไม่มีใครทำให้พวกเขาหวาดกลัว

29 เราจะจัดเตรียมผืนแผ่นดินซึ่งเลื่องลือด้านพืชผลให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการกันดารอาหารในดินแดน หรือทนการดูหมิ่นจากชนชาติทั้งหลายอีก

30 เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาอยู่กับพวกเขา และรู้ว่าพวกเขาซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์อิสราเอลนั้นเป็นประชากรของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

31 พวกเจ้าเป็นแกะของเรา เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของเรา และเราคือพระเจ้าของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/34-11402a6bf0b950a52973e8b07dca8e52.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 35

คำพยากรณ์กล่าวโทษเอโดม

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังภูเขาเสอีร์และพยากรณ์กล่าวโทษมัน

3 จงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ภูเขาเสอีร์เอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะยื่นมือออกต่อสู้กับเจ้าและทำให้เจ้าเป็นแดนรกร้างว่างเปล่า

4 เราจะทำให้เมืองต่างๆ ของเจ้ากลายเป็นซากปรักหักพังและเจ้าจะเริศร้างว่างเปล่า เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

5 “ ‘เนื่องจากเจ้าอาฆาตคุมแค้นมาตั้งแต่โบราณ และมอบชนชาติอิสราเอลให้เป็นเหยื่อคมดาบในคราวหายนะของเขา ในคราวที่โทษทัณฑ์ของเขาถึงขีดสุด

6 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ว่า ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะมอบเจ้าให้แก่การนองเลือดซึ่งจะตามล่าเจ้าฉันนั้น เพราะเจ้าไม่ได้เกลียดชังการนองเลือด ดังนั้นการนองเลือดจะตามล่าเจ้า

7 เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์เป็นที่เริศร้างว่างเปล่าและตัดขาดมันจากผู้ที่สัญจรไปมา

8 เราจะทำให้ภูเขาต่างๆ ของเจ้าเต็มไปด้วยเหยื่อสังหาร คนที่ถูกฆ่าด้วยดาบจะล้มลงบนเนินเขาทั้งหลาย ในหุบเขาต่างๆ และลำห้วยทุกแห่งของเจ้า

9 เราจะทำให้เจ้าเริศร้างเป็นนิตย์ เมืองต่างๆ ของเจ้าจะไม่มีคนอยู่อาศัย เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

10 “ ‘เนื่องจากเจ้ากล่าวว่า “ชนชาติและประเทศทั้งสองนี้จะเป็นของเรา เราจะถือสิทธิ์ครอบครอง” ทั้งๆ ที่เราผู้เป็นพระยาห์เวห์อยู่ที่นั่น

11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ว่า ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะปฏิบัติต่อเจ้าตามความโกรธและความอิจฉาซึ่งเจ้าแสดงออกโดยความเกลียดชังต่อพวกเขาฉันนั้น และเราจะแสดงตัวให้เป็นที่รู้จักท่ามกลางพวกเขาเมื่อเราพิพากษาเจ้า

12 แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ยินคำพูดดูหมิ่นทุกคำที่เจ้าว่าภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล เจ้ากล่าวว่า “มันถูกทิ้งร้างและมอบให้เราเขมือบกิน”

13 เจ้าคุยโอ้อวดทับถมเราและว่าเราโดยไม่ยับยั้งและเราได้ยิน

14 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในขณะที่ทั่วโลกชื่นชมยินดี เราจะทำให้เจ้าเริศร้าง

15 เนื่องจากเจ้ากระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อกรรมสิทธิ์ของพงศ์พันธุ์อิสราเอลกลับเริศร้าง เราจึงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าจะเริศร้าง ภูเขาเสอีร์เอ๋ย ทั้งเจ้าและเอโดมทั้งปวง เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/35-816220c26e1eb31dfc342cc3244ff1a7.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 36

คำพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล

1 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลว่า ‘บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

2 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ศัตรูกล่าวถึงเจ้าว่า “อะฮ้า! ที่สูงโบราณทั้งหลายตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว” ’

3 ฉะนั้นจงพยากรณ์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากพวกเขาทำลายล้างและตามล่าเจ้าจากทุกด้านจนเจ้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเป้าของการนินทาว่าร้ายของผู้คน

4 ฉะนั้นบรรดาภูเขาของอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลาย แก่ซากปรักหักพังและบรรดาหัวเมืองอันเริศร้างซึ่งถูกปล้นชิงและเย้ยหยันโดยชาติต่างๆ ที่อยู่รายรอบ

5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากล่าวประณามชนชาติทั้งหลายและเอโดมทั้งปวงด้วยความเดือดดาลของเรา เพราะพวกเขายึดดินแดนของเราเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยความลิงโลดและใจชั่วร้าย และเพราะพวกเขาได้ปล้นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น’

6 ฉะนั้นจงพยากรณ์เกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลและกล่าวแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเนื่องจากพวกเจ้าต้องทนการดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติต่างๆ

7 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราชูมือขึ้นปฏิญาณว่าบรรดาชนชาติล้อมรอบเจ้าก็จะทนรับการดูหมิ่นดูแคลนเช่นเดียวกัน

8 “ ‘ส่วนเจ้า บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลเพื่ออิสราเอลประชากรของเรา เพราะไม่ช้าพวกเขาจะคืนถิ่น

9 เราห่วงหาอาทรเจ้าและจะเฝ้าดูเจ้าด้วยความโปรดปราน เจ้าจะได้รับการไถพรวนและหว่านพืช

10 เราจะทวีจำนวนประชากรของเจ้าคือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีคนอยู่อาศัยและซากปรักหักพังจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่

11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์เหนือเจ้า พวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองและกลับมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งรกรากอยู่เหมือนในอดีต และจะทำให้เจ้ารุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

12 เราจะให้ชนชาติอิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่บนเจ้า เขาจะครอบครองเจ้าและเจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ลูกหลานของเขาจะไม่ถูกพรากไปจากเจ้าอีกเลย

13 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากผู้คนพูดกับเจ้าว่า “เจ้ากลืนชีวิตผู้คนและพรากลูกหลานไปจากชนชาติของเจ้า”

14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กลืนชีวิตผู้คน หรือทำให้ชนชาติของเจ้าไร้ลูกหลาน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 เราจะไม่ให้เจ้าได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางของชนชาติต่างๆ อีก เจ้าจะไม่ต้องทนการดูหมิ่นของชนชาติทั้งหลายอีก และเราจะไม่ให้ชนชาติของเจ้าล่มจมอีก พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

16 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า

17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อประชากรอิสราเอลอาศัยอยู่ในดินแดนของตน พวกเขาก็ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินโดยความประพฤติและการกระทำของพวกเขา ความประพฤติของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของประจำเดือนผู้หญิงในสายตาของเรา

18 ฉะนั้นเราจึงระบายโทสะลงบนพวกเขา เพราะเขาทำให้เกิดการนองเลือดในดินแดนนั้น และทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลาย

19 เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ และไปยังนานาประเทศ เราพิพากษาลงโทษพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขา

20 และไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนในท่ามกลางประชาชาติต่างๆ พวกเขาก็ทำให้นามศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสีย เพราะผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าถึงกระนั้นก็ยังต้องจากประเทศของตนมา’

21 เราห่วงนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราซึ่งวงศ์วานอิสราเอลทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปอยู่

22 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก แต่เพราะเห็นแก่นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเจ้าทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่เจ้าไปถึง

23 เราจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเราซึ่งต้องเสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย นามซึ่งเจ้าทำให้มัวหมองท่ามกลางพวกเขา แล้วชนชาติต่างๆ จะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

24 “ ‘เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้าจากทุกประเทศและนำกลับสู่ดินแดนของเจ้า

25 เราจะประพรมน้ำชำระลงบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้าจากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวงของเจ้า

26 เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้าและใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้าและให้เจ้ามีใจเนื้อ

27 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา

28 เจ้าจะเลี้ยงชีพอยู่ในดินแดนซึ่งเรายกให้บรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า

29 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมลทินทั้งปวง เราจะระดมเมล็ดข้าวและทำให้มันอุดมสมบูรณ์ และจะไม่นำการกันดารอาหารมายังเจ้า

30 เราจะทวีผลของต้นหมากรากไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนอับอายในหมู่ประชาชาติเพราะการกันดารอาหารอีกต่อไป

31 เมื่อนั้นเจ้าจะสำนึกในวิถีบาปและการประพฤติชั่วร้ายของตน เจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะบาปและการกระทำอันน่าชิงชังต่างๆ

32 เราประสงค์ให้เจ้ารู้ว่า เราทำการนี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! จงอัปยศอดสูและละอายใจในความประพฤติของเจ้า

33 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งปวง เราจะให้เมืองของเจ้ามีคนอยู่อาศัย และซากปรักหักพังต่างๆ จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่

34 ดินแดนอันเริศร้างจะถูกไถหว่านและเพาะปลูก แทนที่จะถูกทิ้งร้างต่อหน้าคนทั้งปวงที่ผ่านไปมา

35 คนทั้งหลายจะกล่าวว่า “ดินแดนแห่งนี้ซึ่งถูกทิ้งร้างกลับกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆ ซึ่งเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้าง และทำให้ย่อยยับป่นปี้ บัดนี้มีปราการเข้มแข็งและมีผู้คนอยู่อาศัย”

36 เมื่อนั้นชนชาติต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่รอบเจ้า จะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่ถูกทำลายย่อยยับแล้วขึ้นใหม่ และได้ปลูกพืชพันธุ์ในดินแดนที่ถูกทิ้งร้างอีกครั้งหนึ่ง เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น’

37 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะยอมตามคำอ้อนวอนของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเขา คือเราจะทำให้ประชากรของเขามีมากมายเหมือนฝูงแกะ

38 มีอย่างเหลือเฟือเหมือนฝูงแพะแกะสำหรับถวายบูชาที่เยรูซาเล็มในช่วงเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด ดังนั้นเมืองที่ปรักหักพังทั้งหลายจะกลับมีฝูงชนเนืองแน่น เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/36-51fb8f28736c631bca8f7140cfeb671a.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 37

นิมิตหุบเขากระดูกแห้ง

1 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า และทรงนำข้าพเจ้าออกมาโดยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางข้าพเจ้าไว้ที่กลางหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกระดูก

2 พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าท่องไปในหมู่กระดูก และข้าพเจ้าเห็นกระดูกเกลื่อนกลาดทั่วพื้นหุบเขา เป็นกระดูกที่แห้งมาก

3 พระองค์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้จะกลับมีชีวิตได้ไหม?”

ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงทราบ”

4 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยพระวจนะแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า!

5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า เราจะให้ลมปราณเข้าสู่เจ้า แล้วเจ้าจะกลับมีชีวิต

6 เราจะร้อยเอ็นของเจ้าและให้เจ้ามีเลือดเนื้อ แล้วเอาผิวหนังคลุมเจ้า เราจะใส่ลมปราณให้เจ้าและเจ้าจะมีชีวิต แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

7 ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง ขณะที่ข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่ มีเสียงดังกรุกกริก และกระดูกต่างๆ มาประสานต่อเข้าด้วยกัน

8 ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นเอ็นและเลือดเนื้อก่อตัวขึ้นเหนือกระดูกและผิวหนังคลุมทั้งหมดไว้ แต่ร่างเหล่านั้นยังปราศจากลมปราณ

9 แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะแก่ลมปราณ จงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ลมปราณเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ทิศ และเข้าสู่ร่างที่ถูกสังหารเหล่านี้เพื่อพวกเขาจะมีชีวิต’ ”

10 ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง แล้วลมปราณก็เข้าสู่ร่างเหล่านั้น พวกเขาจึงมีชีวิต ลุกขึ้นยืน และกลายเป็นกองทัพใหญ่

11 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด พวกเขากล่าวว่า ‘กระดูกของเราแห้งกรัง ความหวังของเราสูญสิ้น เราถูกทำลายแล้ว’

12 ฉะนั้นจงเผยพระวจนะแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ประชากรของเราเอ๋ย เราจะเปิดหลุมฝังศพของเจ้าและนำเจ้าออกมา เราจะพาเจ้ากลับสู่ดินแดนอิสราเอล

13 เมื่อนั้นแหละประชากรของเราเอ๋ย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราเปิดหลุมฝังศพของเจ้าและนำเจ้าออกมา

14 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้าและเจ้าจะมีชีวิตอยู่ เราจะให้เจ้าตั้งรกรากในดินแดนของเจ้าเอง เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราก็ทำตามนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

ชาติเดียวกษัตริย์เดียว

15 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

16 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาไม้อันหนึ่งมาและเขียนลงว่า ‘ของยูดาห์กับอิสราเอลซึ่งเป็นพวกพ้อง’ และเอาไม้อีกอันหนึ่งมาเขียนลงว่า ‘ของเอฟราอิม ของโยเซฟและวงศ์วานอิสราเอลทั้งหมด ซึ่งเป็นพวกพ้อง’

17 จงประกอบไม้ทั้งสองเข้าด้วยกัน ให้เป็นไม้อันเดียวอยู่ในมือของเจ้า

18 “เมื่อพี่น้องร่วมชาติของเจ้าถามเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่บอกเราหรือว่าที่เจ้าทำเช่นนั้นหมายความว่าอะไร?’

19 จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราจะเอาไม้ของโยเซฟซึ่งอยู่ในมือของเอฟราอิมและไม้ของเผ่าต่างๆ ของชนอิสราเอลที่เป็นพวกพ้อง ประกอบเข้ากับไม้ของยูดาห์ให้เป็นไม้อันเดียวกันอยู่ในมือของเรา

20 จงชูไม้ทั้งสองอันที่เจ้าเขียนไว้ต่อหน้าพวกเขา

21 และบอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปนั้น เราจะรวบรวมพวกเขามาจากรอบทิศ พากลับสู่ดินแดนของพวกเขา

22 เราจะทำให้พวกเขาเป็นชนชาติเดียวในดินแดนนั้น ให้อยู่บนภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล จะมีกษัตริย์องค์เดียวปกครองเหนือพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจะไม่แยกเป็นสองชาติหรือสองอาณาจักรอีกต่อไป

23 พวกเขาจะไม่ทำตัวให้เป็นมลทินด้วยรูปเคารพต่างๆ หรือเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ หรือด้วยการล่วงละเมิดใดๆ ของพวกเขา เพราะเราจะช่วยไม่ให้พวกเขาหวนกลับไปทำบาปอีกเราจะชำระล้างพวกเขา พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

24 “ ‘ดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา พวกเขาจะมีผู้เลี้ยงคนเดียว พวกเขาจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเราและใส่ใจทำตามกฎหมายของเรา

25 พวกเขาจะอาศัยในดินแดนซึ่งเรามอบให้แก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา ดินแดนซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าอาศัยอยู่ พวกเขากับลูกหลานจะอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดไป และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นเจ้านายของพวกเขาตลอดไป

26 เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับพวกเขาเป็นพันธสัญญานิรันดร์ เราจะสถาปนาพวกเขาไว้และทวีจำนวนของพวกเขา เราจะตั้งสถานนมัสการของเราไว้ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป

27 ที่พำนักของเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา

28 เมื่อนั้นชนชาติทั้งหลายจะรู้ว่า เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ทำให้อิสราเอลเป็นชนชาติบริสุทธิ์ เมื่อสถานนมัสการของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไปเป็นนิตย์’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/37-b7d864df6b6faa0cd317575f1de52078.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 38

คำพยากรณ์กล่าวโทษโกก

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าประณามโกกแห่งดินแดนมาโกก เจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัล จงพยากรณ์กล่าวโทษเขา

3 และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า

4 เราจะทำให้เจ้าหันกลับ จะเอาเบ็ดเกี่ยวขากรรไกรของเจ้า และลากเจ้าออกไปพร้อมกองทัพทั้งปวงของเจ้าคือม้าและพลม้าซึ่งมีอาวุธครบมือ ทั้งกองกำลังมหึมาที่ถือโล่น้อยใหญ่และทุกคนที่กวัดแกว่งดาบ

5 เปอร์เซีย คูชและพูตจะไปด้วย ทุกคนล้วนถือโล่และสวมหมวกเกราะ

6 พร้อมทั้งโกเมอร์กับทหารทั้งปวง และทั้งเบธโทการมาห์จากภาคเหนืออันไกลโพ้นกับทหารทั้งปวง มีหลายประชาชาติที่ร่วมกับเจ้า

7 “ ‘เจ้ากับกองกำลังทั้งปวงที่ชุมนุมกันรอบเจ้า จงเตรียมพร้อมและรับคำสั่งเกี่ยวกับพวกเขา

8 หลายวันผ่านไปเจ้าจะถูกเรียกมารบ อีกหลายปีข้างหน้าเจ้าจะบุกดินแดนซึ่งว่างเว้นจากสงคราม ซึ่งประชากรดินแดนนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชาติสู่ภูเขาต่างๆ ของอิสราเอลซึ่งถูกทิ้งร้างมานาน พวกเขาถูกพามาจากชาติต่างๆ บัดนี้เขาทั้งหมดอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย

9 เจ้ากับกองทหารทั้งปวงและชนหลายชาติที่ร่วมกับเจ้าจะยกพลขึ้นไปรุกกระหน่ำอย่างพายุ เจ้าจะเป็นเหมือนเมฆปกคลุมดินแดนนั้น

10 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นความคิดจะแวบเข้ามาในใจของเจ้าและเจ้าจะคิดก่อการร้าย

11 เจ้าจะกล่าวว่า “เราจะบุกดินแดนซึ่งหมู่บ้านต่างๆ ไม่มีปราการ เราจะโจมตีชนชาติซึ่งรักสงบและไม่ระแวงภัย เขาทั้งปวงอาศัยอยู่โดยปราศจากกำแพง ประตู และดาลประตู

12 เราจะปล้นและริบข้าวของ และรบกับที่ปรักหักพังซึ่งบัดนี้มีคนอยู่อาศัย และสู้กับประชากรที่รวบรวมมาจากชาติต่างๆ ซึ่งร่ำรวยด้วยฝูงสัตว์และผลผลิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใจกลางดินแดนนั้น”

13 เชบากับเดดาน และบรรดาพ่อค้าวาณิชของทารชิชและหมู่บ้านทั้งหมดของมันจะกล่าวแก่เจ้าว่า “ท่านมาปล้นชิงหรือ ท่านระดมพลมาริบข้าวของหรือ มาขนเงินทอง ริบฝูงสัตว์ ผลผลิตต่างๆ และยึดของเชลยไปมากมายหรือ?” ’

14 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์และกล่าวแก่โกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นเมื่ออิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่อย่างสงบ เจ้าจะไม่สังเกตเห็นหรือ?

15 เจ้าจะมาจากถิ่นของเจ้าในภาคเหนือไกลโพ้น ทั้งเจ้าและชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้า ทุกคนล้วนขี่ม้ามาเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่และเป็นกองทัพเข้มแข็งยิ่งนัก

16 เจ้าจะบุกมาสู้กับอิสราเอลประชากรของเราเหมือนเมฆปกคลุมดินแดน โกกเอ๋ย ในกาลข้างหน้าเราจะนำเจ้ามาสู้รบกับดินแดนของเรา เพื่อชนชาติทั้งหลายจะรู้จักเราเมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา

17 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นผู้นั้นไม่ใช่หรือที่เรากล่าวถึงในสมัยก่อนผ่านทางผู้รับใช้ของเรา คือบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอล? ในเวลานั้นพวกเขาพยากรณ์อยู่หลายปีว่าเราจะนำเจ้ามาสู้กับพวกเขา

18 ในวันนั้นจะเกิดเหตุการณ์ดังนี้คือ เมื่อโกกโจมตีดินแดนอิสราเอล เราจะบันดาลโทสะรุนแรง พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

19 โดยความร้อนใจและความเดือดดาล เราขอประกาศว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างร้ายแรงในดินแดนอิสราเอล

20 ปลาในทะเล นกในอากาศ สัตว์บก สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดและมนุษย์บนพื้นผิวโลกจะสั่นสะท้านต่อหน้าเรา ภูเขาทั้งหลายจะคว่ำทลาย หน้าผาแตกเป็นเสี่ยงๆ และกำแพงทุกแห่งทลายราบกับพื้น

21 เราจะเกณฑ์ดาบเล่มหนึ่งมาสู้กับโกกบนภูเขาทุกแห่งของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น ดาบของทุกคนจะฟาดฟันกับพี่น้องของตน

22 เราจะลงโทษเขาด้วยโรคระบาดและการนองเลือด เราจะเทฝนห่าใหญ่ ลูกเห็บ และไฟกำมะถันลงใส่โกกและกองทหารของเขาตลอดจนชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเขา

23 เราจะแสดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเราเช่นนี้ และเราจะสำแดงตนให้เป็นที่รู้จักต่อหน้าต่อตาชนชาติทั้งหลาย เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/38-b62b1c9fa1cac8eab935b6ad499f76ac.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 39

1 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษโกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกผู้เป็นเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า

2 เราจะทำให้เจ้าหันกลับและลากเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากเหนือสุดและส่งเจ้ามารบกับภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล

3 แล้วเราจะฟาดให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูร่วงจากมือขวาของเจ้า

4 เจ้าและทหารทั้งหมดกับชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้าจะล้มลงบนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล เราจะยกเจ้าให้เป็นอาหารของแร้งกาและสัตว์ป่าทั้งปวง

5 เจ้าจะล้มลงในทุ่งกว้างเพราะเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้

6 เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกกและบนบรรดาคนที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามดินแดนชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

7 “ ‘เราจะทำให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ปล่อยให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีกต่อไป และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์คือองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

8 วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นี่เป็นวันที่เราได้ลั่นวาจาไว้

9 “ ‘แล้วบรรดาคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธมาเผาเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโล่น้อยใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบองศึกและหอก เขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงตลอดเจ็ดปี

10 เขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งหรือตัดฟืนจากป่า เพราะจะใช้อาวุธทั้งหลายเป็นเชื้อเพลิงและเขาจะปล้นผู้ที่ปล้นเขา และจะแย่งชิงผู้ที่แย่งชิงของของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

11 “ ‘ในวันนั้นเราจะจัดสุสานให้โกกในอิสราเอล เป็นหุบเขาของคนที่เดินทางไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่ทะเลนั้นมันจะกีดขวางทางของคนที่สัญจรไปมาเพราะโกกและกองกำลังทั้งหมดของเขาจะถูกฝังไว้ที่นั่น ผู้คนจะเรียกที่นั่นว่าหุบเขาฮาโมนโกก

12 “ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังศพพวกเขาตลอดเจ็ดเดือนเพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด

13 ประชาชนทุกคนจะช่วยกันฝังศพพวกเขาและวันที่เราได้รับเกียรติสิรินั้น จะเป็นวันรำลึกสำหรับพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

14 “ ‘จะมีการว่าจ้างคนให้ชำระดินแดนนั้นสม่ำเสมอ บางคนก็จะไปทั่วแดน บางคนก็ฝังศพคนที่ตายเกลื่อนอยู่ตามพื้นดิน เมื่อสิ้นเจ็ดเดือนแล้ว พวกเขาจะเริ่มออกค้นหา

15 ขณะไปทั่วดินแดนใครเห็นกระดูกของคน ก็จะเอาเครื่องหมายปักไว้ข้างๆ รอจนคนขุดหลุมมาฝังกระดูกนั้นในหุบเขาฮาโมนโกก

16 (ที่นั่นจะมีเมืองหนึ่งชื่อฮาโมนาห์) พวกเขาจะชำระแผ่นดินให้สะอาดเช่นนี้แหละ’

17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงร้องเรียกนกและสัตว์ป่าทุกชนิดว่า ‘จงมาชุมนุมกันอย่างพร้อมหน้าจากทุกทิศเถิด มากินของสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้ เป็นการสังเวยครั้งใหญ่บนภูเขาต่างๆของอิสราเอล เจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือดที่นั่น

18 เจ้าจะกินเนื้อของผู้เกรียงไกร และดื่มเลือดของบรรดาเจ้านายของโลก ราวกับเขาเหล่านั้นเป็นแกะผู้ ลูกแกะ แพะและวัวผู้ ล้วนแต่เป็นสัตว์อ้วนพีจากบาชาน

19 เจ้าจะกินไขมันจนอิ่มแปล้และดื่มเลือดจนเมามายจากเครื่องสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้เจ้า

20 ที่โต๊ะของเรา เจ้าจะกินม้า พลม้า บุรุษผู้เกรียงไกร และนักรบทุกประเภทจนอิ่มหนำ’ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

21 “เราจะสำแดงเกียรติสิริของเราท่ามกลางชนชาติต่างๆ และมวลประชาชาติจะเห็นโทษทัณฑ์ที่เราบันดาล และเห็นมือที่เราฟาดพวกเขา

22 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

23 และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าประชากรอิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาปของตน เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจึงซ่อนหน้าจากพวกเขา และมอบพวกเขาให้ศัตรู แล้วเขาทั้งหมดก็ล้มตายด้วยคมดาบ

24 เราจัดการกับพวกเขาตามมลทินและการล่วงละเมิดของพวกเขา และเราซ่อนหน้าจากพวกเขา

25 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า บัดนี้เราจะนำยาโคบกลับจากการเป็นเชลยและเราจะเวทนาสงสารประชากรอิสราเอลเพราะ เราหวงแหนนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา

26 พวกเขาจะลืมความอัปยศอดสูและความไม่ซื่อตรงทั้งปวงที่พวกเขาแสดงต่อเรา เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในดินแดนของตน โดยไม่มีใครทำให้พวกเขาหวาดกลัว

27 เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากชาติต่างๆ และรวบรวมมาจากนานาประเทศของฝ่ายศัตรู เราจะสำแดงตัวเราเองว่าบริสุทธิ์ผ่านทางพวกเขาต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย

28 เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้เราส่งพวกเขาไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะรวบรวมพวกเขากลับมายังดินแดนของตนเองโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้สักคนเดียว

29 เราจะไม่ซ่อนหน้าจากพวกเขาอีกแล้ว เพราะเราจะเทวิญญาณของเราเหนือพงศ์พันธุ์อิสราเอล พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/39-96b9aa9520a37a7dddcc01e3340c042b.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 40

บริเวณพระวิหารใหม่

1 ในวันที่สิบต้นปีที่ยี่สิบห้าซึ่งเราตกเป็นเชลยหรือปีที่สิบสี่หลังจากกรุงแตก ในวันนั้นพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น

2 ในนิมิตของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังดินแดนอิสราเอล และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาที่สูงมาก ทางด้านทิศใต้ของภูเขานั้นมีอาคารบ้านเรือนซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองหนึ่ง

3 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และข้าพเจ้าพบชายคนหนึ่งมีรูปลักษณ์เปล่งปลั่งคล้ายทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่ที่ทางเข้า มือถือเชือกป่านเส้นหนึ่งและไม้วัดอันหนึ่ง

4 ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะพระเจ้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อการนี้ จงแจ้งทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก

5 ข้าพเจ้าเห็นกำแพงล้อมรอบบริเวณพระวิหาร ไม้วัดในมือเขาผู้นั้นยาว 6 ศอกยาวหนึ่งในหกของไม้วัดนั้นยาว 1 ศอกและ 1 ฝ่ามือเขาวัดกำแพงได้หนาหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด

6 แล้วเขาไปยังประตูด้านตะวันออกและขึ้นบันไดไป แล้ววัดธรณีประตูลึกหนึ่งไม้วัด

7 สองฟากทางเดินของประตูด้านตะวันออกมีห้องยามฟากละสามห้อง แต่ละห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวห้องละหนึ่งไม้วัด ผนังกั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องหนา 5 ศอกทางเข้าติดกับมุขซึ่งหันหน้าไปทางพระวิหารลึกหนึ่งไม้วัด

8 แล้วเขาวัดมุขของประตูทางเข้านี้

9 วัดความลึกได้ 8 ศอกและมีเสาหนา 2 ศอกมุขของประตูทางเข้านี้หันไปทางพระวิหาร

10 ห้องยามทั้งสองฟากซึ่งอยู่ด้านในประตูด้านตะวันออกมีขนาดเดียวกัน และความหนาของผนังกั้นระหว่างห้องก็มีขนาดเท่ากัน

11 แล้วเขาวัดความกว้างของมุขประตูได้ 10 ศอกและความยาว 13 ศอก

12 ด้านหน้าของแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก และห้องยามเหล่านั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดกว้างและยาว 6 ศอก

13 แล้วเขาวัดขนาดทางเข้าจากริมสุดของผนังด้านหลังของห้องไปจดริมสุดของผนังด้านหลังของห้องตรงกันข้ามเป็นระยะ 25 ศอก

14 เขาวัดระยะตามขวางของผนังกั้นห้องตลอดด้านในของทางเข้าจนถึงมุขหน้าลานพระวิหารได้ 60 ศอก

15 จากทางเข้าถึงริมสุดของมุขวัดได้ 50 ศอก

16 รอบมุขนี้มีหน้าต่างซึ่งแคบเข้ามาข้างในอยู่ด้านบนของห้องยามและผนังกั้นห้อง ส่วนหนาของผนังกั้นห้องสลักลวดลายต้นอินทผลัม

ลานชั้นนอก

17 แล้วเขาผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังลานชั้นนอก ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นห้องต่างๆ และทางเดินขึ้นรอบลาน นับตลอดทางเดินมีสามสิบห้อง

18 ทางเดินนี้ทอดยาวตลอดความยาวของทางเข้า นี่เป็นทางเดินตอนล่าง

19 แล้วเขาวัดระยะจากด้านในของทางเข้าตอนล่างถึงด้านนอกของลานชั้นในได้ 100 ศอกทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ

ประตูด้านเหนือ

20 แล้วเขาวัดความกว้างและความยาวของประตูด้านเหนือซึ่งนำไปสู่ลานชั้นนอก

21 ห้องยามซึ่งมีด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องและมุขล้วนมีขนาดเดียวกับประตูแรก คือยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก

22 หน้าต่าง มุข และลวดลายต้นอินทผลัม ล้วนมีขนาดเดียวกับที่ประตูด้านตะวันออก บันไดที่ทอดขึ้นไปนั้นมีเจ็ดขั้นซึ่งมีมุขอยู่ตรงกันข้าม

23 ประตูสู่ลานชั้นในถัดจากประตูทิศเหนือ มีลักษณะเดียวกับประตูตะวันออก เขาวัดจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งได้ 100 ศอก

ประตูด้านใต้

24 แล้วเขานำข้าพเจ้าไปยังด้านใต้ ข้าพเจ้าเห็นประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดเสาประตูและมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ

25 ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างแคบเข้าไปด้านในอยู่รอบๆ เหมือนหน้าต่างที่ประตูอื่นๆ และยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก

26 บันไดที่ทอดขึ้นไปมีเจ็ดขั้น ตรงข้ามกันคือมุข ส่วนหนาของผนังกั้นแต่ละด้านมีลวดลายต้นอินทผลัม

27 ลานชั้นในนี้ก็มีประตูหันหน้าไปทางทิศใต้ด้วย และเขาวัดจากประตูนี้ไปยังประตูชั้นนอกทางด้านใต้เป็นระยะ 100 ศอก

ประตูสู่ลานชั้นใน

28 แล้วเขาพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านใต้ไปยังลานชั้นใน เขาวัดประตูด้านใต้ซึ่งมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ

29 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่ประตูอื่นๆ ทางเข้าและมุขล้วนมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก

30 (มุขของประตูทางเข้ารอบลานชั้นในกว้าง 25 ศอกและลึก 5 ศอก)

31 มุขหันออกลานชั้นนอก เสามีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

32 จากนั้นเขานำข้าพเจ้าเข้าสู่ลานชั้นในทางด้านตะวันออก และเขาวัดประตูทางเข้าซึ่งมีขนาดเดียวกับทางเข้าอื่นๆ

33 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก

34 มุขหันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

35 แล้วเขาพาข้าพเจ้าไปยังประตูทิศเหนือ และวัดขนาดซึ่งก็เท่ากับที่อื่นๆ

36 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขก็มีขนาดเดียวกันและมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก

37 มุขหันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

ห้องจัดเตรียมเครื่องบูชา

38 ใกล้มุขตรงทางเข้าชั้นในแต่ละด้านมีห้องหนึ่งซึ่งเป็นที่ชำระล้างเครื่องเผาบูชา

39 ในมุขตรงทางเข้ามีโต๊ะสองตัวตั้งอยู่แต่ละด้าน ซึ่งเป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์เผาบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาลบความผิด

40 ด้านนอกของมุขทางเข้าใกล้บันได ปากทางเข้าสู่ประตูด้านเหนือมีโต๊ะสองตัว และอีกฟากหนึ่งของบันไดมีโต๊ะอีกสองตัว

41 ฉะนั้นแต่ละฟากของทางเข้ามีโต๊ะด้านละสี่ตัว รวมเป็นแปดตัว เป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชา

42 และมีโต๊ะอีกสี่ตัวทำด้วยหินสกัดสำหรับเครื่องเผาบูชา แต่ละตัวกว้างและยาว 1.5 ศอก สูง 1 ศอกบนโต๊ะใช้วางภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในการฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ

43 และที่ผนังรอบด้านมีตะขอสองปลาย ยาวอันละ 1 ฝ่ามือติดอยู่ โต๊ะเหล่านี้สำหรับวางเนื้อเครื่องบูชา

ห้องสำหรับปุโรหิต

44 ด้านนอกของประตูชั้นใน ภายในลานชั้นในมีห้องสองห้อง ห้องหนึ่งอยู่ที่ข้างประตูด้านเหนือและหันหน้าไปทางใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ที่ข้างประตูด้านใต้และหันหน้าไปทางเหนือ

45 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “ห้องที่หันไปทางใต้สำหรับปุโรหิตผู้ดูแลพระวิหาร

46 ส่วนห้องที่หันไปทางเหนือสำหรับปุโรหิตผู้ดูแลแท่นบูชา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของศาโดกซึ่งเป็นคนเลวีพวกเดียวที่สามารถเข้ามาใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อปรนนิบัติอยู่ต่อหน้าพระองค์”

47 แล้วเขาวัดลานนั้นซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 100 ศอก และแท่นบูชาอยู่หน้าพระวิหาร

พระวิหาร

48 เขาพาข้าพเจ้ามายังมุขพระวิหารและวัดเสาแต่ละด้านกว้าง 5 ศอก ทางเข้ากว้าง 14 ศอก

และผนังกั้นห้องแต่ละด้านกว้าง 3 ศอก

49 มุขนั้นกว้าง 20 ศอกและวัดจากข้างหน้าไปข้างหลังได้ 12 ศอกมีบันไดสิบขั้นทอดขึ้นถึงมุขนั้น และแต่ละด้านของเสาทางเข้ามีเสาหานอยู่

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/40-2559b0de3a35448815019ee2130fcda9.mp3?version_id=179—