Categories
สดุดี

สดุดี 101

(บทสดุดีของดาวิด)

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงและความยุติธรรมของพระองค์

ข้าพระองค์จะร้องบทเพลงสรรเสริญพระองค์

2 ข้าพระองค์จะระแวดระวังรักษาชีวิตให้ไร้ตำหนิ

เมื่อใดหนอ พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?

ข้าพระองค์จะดำเนินชีวิตในบ้านของข้าพระองค์

ด้วยจิตใจที่ไม่มีตำหนิ

3 ข้าพระองค์จะไม่เห็นดีเห็นงาม

กับสิ่งชั่วช้าเลวทรามใดๆ

ข้าพระองค์เกลียดชังการกระทำของคนปลิ้นปล้อนตลบตะแลง

และไม่ข้องเกี่ยวในกิจการเหล่านั้น

4 ข้าพระองค์จะหลีกห่างจากคนจิตใจดื้อด้าน

จะไม่ยอมมีส่วนร่วมใดๆ กับความชั่ว

5 ข้าพระองค์จะปิดปากคนที่แอบใส่ร้ายเพื่อนบ้าน

ข้าพระองค์จะไม่ทนกับคนที่วางท่ายโสและมีจิตใจเย่อหยิ่ง

6 ตาของข้าพระองค์จะมองผู้ที่ซื่อสัตย์ในแผ่นดิน

เพื่อเขาจะอยู่กับข้าพระองค์

ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ตำหนิ

จะมาปรนนิบัติข้าพระองค์

7 คนหลอกลวงจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของข้าพระองค์

คนโป้ปดมดเท็จจะไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าข้าพระองค์

8 ทุกๆ เช้าข้าพระองค์จะกำจัดคนชั่วทั้งปวงใน แผ่นดิน

ข้าพระองค์จะขจัดคนทำชั่วให้หมดสิ้นจากนครขององค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/101-c8291dcaf65e4142a2be65f263aa9ccd.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 102

(คำอธิษฐานของผู้ตกทุกข์ได้ยาก ยามอับจน และระบายความในใจต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า)

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์

ขอให้เสียงทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์นั้นขึ้นไปถึงพระองค์

2 ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพระองค์

เมื่อข้าพระองค์ทุกข์ยาก

ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง

เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็ว

3 เพราะวันคืนของข้าพระองค์ลับหายไปประหนึ่งควัน

กระดูกของข้าพระองค์ถูกแผดเผาเหมือนถ่านลุกโชน

4 จิตใจของข้าพระองค์ห่อเหี่ยวและเฉาไปเหมือนต้นหญ้า

ข้าพระองค์ลืมรับประทานอาหาร

5 เพราะข้าพระองค์คร่ำครวญโหยไห้

จนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

6 ข้าพระองค์เป็นเช่นนกฮูกในถิ่นกันดาร

เป็นเช่นนกฮูกท่ามกลางซากปรักหักพัง

7 ข้าพระองค์ไม่อาจข่มตาให้หลับ

ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกเดียวดายบนหลังคา

8 ศัตรูของข้าพระองค์เย้ยหยันอยู่วันยังค่ำ

คู่อริใช้ชื่อข้าพระองค์เป็นคำแช่งด่า

9 เพราะข้าพระองค์กินขี้เถ้าต่างอาหาร

และผสมน้ำตาลงในเครื่องดื่ม

10 เนื่องด้วยพระพิโรธอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

พระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ขึ้นและเหวี่ยงข้าพระองค์ทิ้ง

11 วันเวลาของข้าพระองค์เป็นเหมือนเงาในยามเย็น

ข้าพระองค์เหี่ยวเฉาไปดั่งต้นหญ้า

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ประทับเหนือบัลลังก์ตลอดกาล

พระเกียรติของพระองค์เลื่องลือตลอดทุกชั่วอายุ

13 พระองค์จะทรงลุกขึ้นและจะทรงเอ็นดูสงสารศิโยน

เพราะบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเมตตาเมืองนั้น

เวลาที่ทรงกำหนดมาถึงแล้ว

14 เพราะก้อนหินของเมืองนั้นเป็นที่รักของผู้รับใช้ของพระองค์

และผงคลีดินของเมืองนั้นทำให้พวกเขาเกิดใจสงสาร

15 ประชาชาติทั้งหลายจะเกรงกลัวพระนามพระยาห์เวห์

มวลกษัตริย์ของโลกจะยำเกรงพระเกียรติสิริของพระองค์

16 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างศิโยนขึ้นใหม่

และพระองค์จะมาปรากฏด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์

17 พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของคนสิ้นไร้ไม้ตอก

พระองค์จะไม่ทรงดูแคลนคำทูลวิงวอนของพวกเขาเลย

18 ขอให้บันทึกเรื่องนี้ไว้เพื่อคนรุ่นหลัง

เพื่อคนที่จะเกิดมาจะได้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากสถานนมัสการเบื้องบน

จากสวรรค์พระองค์ทรงมองดูโลก

20 เพื่อสดับฟังเสียงครวญครางของเหล่านักโทษ

และทรงปลดปล่อยผู้ต้องโทษประหาร”

21 ดังนั้นพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกประกาศในศิโยน

และคำสรรเสริญพระองค์จะถูกประกาศในเยรูซาเล็ม

22 ยามเมื่อชนชาติและอาณาจักรต่างๆ

มาร่วมชุมนุมเพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 พระองค์ทรงตัดกำลังข้าพเจ้าทิ้งกลางคัน

ทรงบั่นทอนวันเวลาของข้าพเจ้าให้สั้นลง

24 ข้าพเจ้าจึงร้องทูลว่า

“ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปกลางคัน

ปีเดือนของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ

25 ในปฐมกาลพระองค์ทรงวางฐานรากของแผ่นดินโลก

และฟ้าสวรรค์เป็นพระหัตถกิจของพระองค์

26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศไป แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่

ทั้งหมดนี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม

พระองค์จะทรงเปลี่ยนมันเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า

พวกมันจะถูกโยนทิ้งไป

27 แต่พระองค์เองยังคงเหมือนเดิม

และปีเดือนของพระองค์จะไม่สิ้นสุด

28 พงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์จะดำรงชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์

ลูกหลานของพวกเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าพระองค์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/102-ae7de8f28735ddaf4e21577509660b12.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 103

(บทประพันธ์ของดาวิด)

1 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

ทั้งหมดในชีวิตของข้าพเจ้า จงสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

2 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

และอย่าลืมพระราชกิจทั้งปวงอันเปี่ยมด้วยพระคุณ

3 ผู้ทรงอภัยโทษบาปทั้งหมดของท่าน

และทรงรักษาโรคภัยทั้งสิ้นของท่าน

4 ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านจากแดนผู้ตาย

และทรงเชิดชูท่านด้วยความรักมั่นคงและความเอ็นดูสงสาร

5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มเอมด้วยสิ่งดีๆ ตลอดชีวิต

เพื่อวัยฉกรรจ์ของท่านจะกลับคืนมาใหม่ เหมือนวัยหนุ่มของนกอินทรี

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความเป็นธรรม

และความยุติธรรมแก่ทุกคนที่ถูกข่มเหงรังแก

7 พระองค์ทรงสำแดงทางของพระองค์แก่โมเสส

ทรงสำแดงพระราชกิจของพระองค์แก่ประชากรอิสราเอล

8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาและทรงพระคุณ

ทรงพระพิโรธช้าและเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง

9 พระองค์จะไม่ทรงกล่าวโทษอยู่เสมอ

หรือทรงพระพิโรธเป็นนิตย์

10 พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำแก่เราอย่างสาสมกับบาปของเรา

หรือลงโทษอย่างสาสมกับความชั่วช้าของเรา

11 เพราะว่าฟ้าสวรรค์สูงเหนือแผ่นดินเพียงใด

ความรักของพระองค์ที่มีต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์ก็ยิ่งใหญ่เพียงนั้น

12 ตะวันออกไกลจากตะวันตกเพียงใด

พระองค์ก็ทรงยกเอาการล่วงละเมิดของเราออกไปไกลเพียงนั้น

13 บิดาเอ็นดูสงสารบุตรของตนฉันใด

องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเอ็นดูสงสารผู้ที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น

14 เพราะพระองค์ทรงทราบว่าเราถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร

พระองค์ทรงระลึกว่าเราเป็นธุลีดิน

15 สำหรับมนุษย์นั้น วันเวลาของเขาก็เหมือนต้นหญ้า

เขาจำเริญขึ้นดุจดอกไม้ในท้องทุ่ง

16 เมื่อถูกลมพัดผ่าน มันก็สูญสิ้นไป

และที่แห่งนั้นก็จำมันไม่ได้อีกเลย

17 แต่จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

ความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับผู้ที่ยำเกรงพระองค์

และความชอบธรรมของพระองค์อยู่กับลูกหลานของพวกเขา

18 อยู่กับผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์

และเชื่อฟังข้อบังคับของพระองค์

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาพระบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในสวรรค์

ราชอาณาจักรของพระองค์ครอบครองเหนือสรรพสิ่ง

20 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ทูตสวรรค์ของพระองค์เอ๋ย

ท่านผู้มีฤทธิ์ซึ่งปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์

ผู้เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์

21 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชาวสวรรค์ทั้งมวลเอ๋ย

ท่านผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์

22 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

ราชกิจทั้งสิ้นในทุกแห่งที่พระองค์ทรงครอบครองอยู่

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/103-013e13f5a8536fffff0f38c261034c1f.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 104

1 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่นัก

พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยสง่าราศีและพระบารมี

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างเหมือนเป็นฉลองพระองค์

พระองค์ทรงขึงฟ้าสวรรค์ดั่งขึงเต็นท์

3 และทรงวางคานของที่ประทับของพระองค์ไว้เหนือน้ำ

พระองค์ทรงใช้เมฆเป็นรถม้าศึก

และเสด็จมาบนปีกของกระแสลม

4 พระองค์ทรงใช้ลมเป็นผู้สื่อสาร

และเปลวไฟเป็นผู้รับใช้ของพระองค์

5 พระองค์ทรงตั้งโลกไว้บนฐาน

โลกจะไม่มีวันเคลื่อนย้าย

6 พระองค์ทรงห่อหุ้มโลกด้วยห้วงลึกเหมือนห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์

น้ำบ่าท่วมมิดภูเขา

7 แต่เมื่อพระองค์ทรงกำราบ น้ำก็หนีไป

เมื่อทรงเปล่งพระสุรเสียงดุจฟ้าร้อง มันก็เตลิดไป

8 น้ำไหลท่วมภูเขา

ไหลลงหุบเขา

ไปยังที่ซึ่งทรงกำหนดไว้ให้

9 พระองค์ทรงวางเขตกั้นไม่ให้น้ำข้ามไป

เพื่อไม่ให้น้ำท่วมแผ่นดินโลกอีก

10 พระองค์ทรงให้น้ำพุหลั่งน้ำให้แก่ลำห้วย

ซึ่งไหลไประหว่างภูเขา

11 ให้สัตว์ทั้งปวงในท้องทุ่งได้ดื่มกิน

ให้ลาป่าได้ดับกระหาย

12 นกจึงสร้างรังริมธารน้ำ

และร้องเพลงอยู่กลางแมกไม้

13 พระองค์ทรงรดน้ำภูเขาจากที่ประทับเบื้องบน

แผ่นดินโลกอิ่มเอมด้วยผลแห่งพระราชกิจของพระองค์

14 พระองค์ทรงให้หญ้างอกงามขึ้นเพื่อฝูงสัตว์

และทรงให้พืชพันธุ์แก่มนุษย์สำหรับเพาะปลูก

ทรงให้ธัญญาหารงอกงามจากผืนแผ่นดิน

15 ทรงประทานเหล้าองุ่นที่ทำให้จิตใจมนุษย์ชื่นบาน

น้ำมันมะกอกที่ทำให้ใบหน้าผ่องใส

และขนมปังเพื่อค้ำชูใจเขา

16 ต้นไม้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้น้ำอุดม

คือสนซีดาร์แห่งเลบานอนซึ่งทรงปลูกไว้

17 นกสร้างรังของพวกมันที่นั่น

นกกระสาอาศัยในบริเวณป่าสน

18 ภูเขาสูงเป็นของเลียงผา

โตรกหินเป็นที่ลี้ภัยของตัวตุ่นผา

19 พระองค์ทรงให้ดวงจันทร์ชี้บ่งฤดูกาล

และให้ดวงอาทิตย์รู้เวลาลับฟ้า

20 เมื่อพระองค์ทรงนำความมืดมา กลางวันกลับกลายเป็นค่ำคืน

สัตว์ป่าทั้งปวงคืบคลานออกมา

21 สิงโตคำรามหาเหยื่อ

ร้องหาอาหารจากพระเจ้า

22 พอดวงอาทิตย์ขึ้น เหล่าสิงโตลับหาย

กลับไปนอนในถ้ำของมัน

23 และมนุษย์ก็ออกมาทำงาน

ประกอบภารกิจของตนจนถึงยามเย็น

24 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระราชกิจของพระองค์มากมายนัก!

พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านี้ขึ้นโดยพระปัญญา

โลกเต็มไปด้วยสิ่งที่ทรงสร้าง

25 โน่นแน่ะ ทะเลแสนกว้างใหญ่

คลาคล่ำไปด้วยสรรพสิ่งเกินกว่าจะนับไหว

คือสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่

26 โน่นเรือแล่นไปมา

นั่นเลวีอาธานที่ทรงสร้างให้เริงเล่นน้ำอยู่

27 ทุกชีวิตเหล่านี้ชะแง้คอยพระองค์

ให้ประทานอาหารตามกำหนดเวลา

28 เมื่อพระองค์ประทาน

พวกมันก็เก็บรวบรวม

เมื่อพระองค์ทรงแบพระหัตถ์ออก

พวกมันก็อิ่มหนำด้วยสิ่งดี

29 เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์

พวกมันก็หวาดหวั่นพรั่นพรึง

เมื่อพระองค์ทรงริบลมหายใจ

พวกมันก็ตายและกลับสู่ธุลีดิน

30 เมื่อพระองค์ประทานพระวิญญาณของพระองค์

พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น

และพระองค์ทรงพลิกโฉมแผ่นดินเสียใหม่

31 ขอพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่นิรันดร์

ขอพระองค์ทรงปีติยินดีในพระราชกิจของพระองค์

32 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตร โลกก็สั่นสะท้าน

เมื่อทรงแตะต้องภูเขา ควันก็พวยพุ่งขึ้น

33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต

ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้าตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่

34 ขอให้ความคิดใคร่ครวญของข้าพเจ้าเป็นที่พอพระทัยพระองค์

เพราะข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า

35 แต่ขอให้คนบาปหมดสิ้นไปจากโลก

และไม่มีคนชั่วร้ายอีกต่อไป

จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/104-a1d77d0eebaa45951f20b911e18cb781.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 105

1 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าและร้องทูลออกพระนามของพระองค์

ให้ประชาชาติทั้งหลายได้รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำ

2 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสรรเสริญถวายพระองค์

บอกถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์

3 จงเทิดทูนพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

ให้จิตใจของผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี

4 จงหมายพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระกำลังของพระองค์

จงแสวงหาพระพักตร์พระองค์เสมอ

5 จงระลึกถึงปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงกระทำ

ถึงการอัศจรรย์และคำพิพากษาที่พระองค์ทรงประกาศ

6 วงศ์วานอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย

ลูกหลานของยาโคบที่ทรงเลือกสรรเอ๋ย

7 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

คำพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก

8 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล

ทรงระลึกถึงพระดำรัสที่ทรงบัญชาไว้ตลอดพันชั่วอายุคน

9 พันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับอับราฮัม

คำปฏิญาณที่พระองค์ทรงสัญญากับอิสอัค

10 พระองค์ทรงยืนยันต่อยาโคบเป็นกฎเกณฑ์

ต่ออิสราเอลเป็นพันธสัญญานิรันดร์

11 “เราจะยกดินแดนคานาอันให้เจ้า

ให้เป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย”

12 เมื่ออิสราเอลยังมีจำนวนน้อยนัก

น้อยเหลือเกิน และเป็นเพียงคนแปลกหน้าในดินแดนนั้น

13 พวกเขาระเหเร่ร่อนจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง

จากอาณาจักรหนึ่งไปอีกอาณาจักรหนึ่ง

14 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ผู้ใดข่มเหงรังแกเขา

เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำราบกษัตริย์ทั้งหลาย

15 “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมตั้งไว้

อย่าทำอันตรายใดๆ แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะของเรา”

16 พระองค์ทรงบัญชาให้เกิดการกันดารอาหารในดินแดนนั้น

และทำลายเสบียงอาหารทั้งสิ้นของเขา

17 และพระองค์ทรงส่งชายคนหนึ่งไปล่วงหน้าพวกเขา

โยเซฟถูกขายไปเป็นทาส

18 เท้าของเขาฟกช้ำเพราะถูกตีตรวน

คอของเขาถูกค้ำอยู่ในคาเหล็ก

19 ตราบจนสิ่งที่เขาบอกไว้เป็นจริงขึ้นมา

ตราบจนพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าพิสูจน์ว่าเขาพูดจริง

20 ฟาโรห์ได้ส่งคนมาปล่อยตัวเขา

ประมุขของประชาชนปล่อยเขาเป็นอิสระ

21 ฟาโรห์ได้ตั้งเขาให้เป็นนายเหนือราชสำนัก

เป็นผู้ดูแลทุกสิ่งที่พระองค์ทรงครอบครอง

22 เพื่อชี้แนะเจ้านายทั้งหลายตามใจชอบ

และสั่งสอนปัญญาให้กับที่ปรึกษาของกษัตริย์

23 แล้วอิสราเอลเข้ามาอยู่ในอียิปต์

ยาโคบมาเป็นคนต่างด้าวในดินแดนของฮาม

24 พระองค์ทรงทำให้ประชากรของพระองค์มีลูกหลานมากมาย

พระองค์ทรงทำให้พวกเขามีจำนวนมากเกินไปสำหรับศัตรู

25 ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาให้เกลียดประชากรของพระองค์

ให้คบคิดกันต่อสู้กับผู้รับใช้ของพระองค์

26 พระองค์ทรงส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์มา

พร้อมกับอาโรนผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร

27 ทั้งสองแสดงหมายสำคัญของพระองค์ท่ามกลางพวกเขา

แสดงปาฏิหาริย์ของพระองค์ในดินแดนของฮาม

28 พระองค์ทรงส่งความมืดมากระทำให้มืดมิดทั่วแดน

ไม่ใช่เพราะพวกเขาดึงดันขัดขืนพระดำรัสของพระองค์หรือ?

29 พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำของพวกเขาให้กลายเป็นเลือด

ทำให้ปลาตายหมด

30 ดินแดนของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ

ซึ่งเข้าไปถึงห้องนอนของบรรดาเจ้านาย

31 พระองค์ตรัส ฝูงเหลือบและริ้น

ก็มาทั่วดินแดนของพวกเขา

32 พระองค์ทรงเปลี่ยนฝนให้กลายเป็นลูกเห็บ

และฟ้าคำรนทั่วดินแดนนั้น

33 พระองค์ทรงล้มเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขาลงราบคาบ

และโค่นต้นไม้ในดินแดนของพวกเขาระเนระนาด

34 พระองค์ตรัส ฝูงตั๊กแตนก็มา

มืดฟ้ามัวดิน

35 มันกัดกินทุกอย่างที่เขียวชอุ่มในแผ่นดิน

กัดกินผลิตผลทั้งหมดจากพื้นดิน

36 จากนั้นพระองค์ทรงประหารลูกหัวปีในดินแดนของเขา

ซึ่งเป็นผลแรกจากวัยหนุ่มของเขา

37 พระองค์ทรงนำอิสราเอลออกมาพร้อมกับเงินและทอง

ไม่มีใครสักคนในตระกูลต่างๆ ที่อิดออดลังเล

38 อียิปต์เปรมปรีดิ์เมื่อพวกเขาออกไป

เพราะคร้ามกลัวอิสราเอลยิ่งนัก

39 พระองค์ทรงแผ่เมฆเป็นร่มกำบังให้

และประทานไฟให้แสงสว่างในยามค่ำคืน

40 พวกเขาร้องขอเนื้อ พระองค์ก็ทรงส่งนกคุ่มมา

พระองค์ทรงเลี้ยงพวกเขาให้อิ่มเอมด้วยอาหารจากสวรรค์

41 พระองค์ทรงเปิดศิลา น้ำก็พุ่งออกมา

มันไหลดั่งแม่น้ำในถิ่นกันดาร

42 เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงพระสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์

ที่ประทานแก่อับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์

43 พระองค์จึงทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาด้วยความชื่นบาน

นำผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรออกมาด้วยเสียงโห่ร้องยินดี

44 พระองค์ประทานดินแดนของชนชาติต่างๆ แก่เขา

พวกเขาได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในสิ่งที่คนอื่นลงแรงไว้

45 ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะได้รักษาข้อบังคับ

และทำตามบทบัญญัติของพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/105-71e66dccda19dc7f097cb21985d87fcf.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 106

1 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

2 ผู้ใดจะสามารถประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

หรือเทิดทูนสรรเสริญพระองค์อย่างครบถ้วนได้?

3 ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่รักษาความยุติธรรม

ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ

4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงสำแดง ความโปรดปรานแก่ประชากรของพระองค์

ขอเสด็จมาช่วยข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอด

5 เพื่อข้าพระองค์จะร่วมชื่นบานกับความเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้

เพื่อข้าพระองค์จะร่วมยินดีกับชนชาติของพระองค์

และร่วมสรรเสริญกับชนชาติซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

6 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ

ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสิ่งที่ผิดและชั่วช้าเลวทราม

7 เมื่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในอียิปต์

พวกเขาไม่ได้ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์

พวกเขาไม่ได้จดจำพระกรุณานานัปการของพระองค์

และพวกเขากบฏต่อพระองค์ที่ทะเลแดง

8 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงช่วยกู้พวกเขา เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพื่อให้ฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นที่ประจักษ์

9 พระองค์ทรงกำราบทะเลแดง มันก็เหือดแห้ง

ทรงนำพวกเขาเหล่านั้นผ่านที่ลึกราวกับผ่านทะเลทราย

10 พระองค์ทรงช่วยพวกเขาจากเงื้อมมือของปฏิปักษ์

ทรงกอบกู้พวกเขาจากอุ้งมือของเหล่าศัตรู

11 น้ำไหลท่วมมิดเหล่าศัตรู

ไม่เหลือรอดสักคนเดียว

12 แล้วพวกเขาจึงเชื่อในพระสัญญาของพระองค์

และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ

และไม่รอคอยคำแนะนำจากพระองค์

14 ในทะเลทรายพวกเขายอมแพ้แก่ความอยาก

ในถิ่นกันดารพวกเขาลองดีกับพระเจ้า

15 พระองค์จึงประทานตามที่พวกเขาเรียกร้อง

แต่ทรงส่งโรคระบาดมาเหนือพวกเขา

16 ในค่ายพักนั้น พวกเขาเริ่มอิจฉาโมเสส

และเริ่มริษยาอาโรนผู้ซึ่งได้รับการชำระและแยกไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

17 ธรณีจึงแยกออกและกลืนดาธาน

มันฝังอาบีรัมกับพวก

18 ไฟปะทุขึ้นในหมู่สมัครพรรคพวกของเขา

เปลวไฟเผาผลาญเหล่าคนชั่ว

19 ที่ภูเขาโฮเรบ พวกเขาได้สร้างเทวรูปลูกวัว

และกราบไหว้รูปเคารพซึ่งหล่อขึ้นจากโลหะ

20 พวกเขาแลกองค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา

กับรูปปั้นของวัวที่กินหญ้า

21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เขารอด

ผู้ได้ทรงกระทำพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์

22 ทรงกระทำการอัศจรรย์ในดินแดนของฮาม

และสิ่งที่น่าเกรงขามที่ทะเลแดง

23 ดังนั้นพระองค์จึงตรัสว่าจะทรงทำลายพวกเขา

ยังดีที่โมเสสผู้ทรงเลือกสรรไว้ได้เข้าเฝ้า ทูลทัดทาน

เพื่อหันเหพระพิโรธไม่ให้ทำลายพวกเขา

24 ต่อมาพวกเขาก็ดูหมิ่นดินแดนอันน่ารื่นรมย์นั้น

พวกเขาไม่เชื่อพระสัญญาของพระองค์

25 พวกเขากลับพร่ำบ่นอยู่ในเต็นท์ที่พัก

และไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า

26 พระองค์จึงทรงชูพระหัตถ์ปฏิญาณกับพวกเขาว่า

พระองค์จะทรงให้พวกเขาล้มตายในถิ่นกันดาร

27 จะทรงกระทำให้ลูกหลานของพวกเขาไปตกอยู่ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย

กระจัดกระจายไปยังดินแดนต่างๆ

28 พวกเขาเข้าเทียมแอกกับพระบาอัลที่เปโอร์

และรับประทานเครื่องเซ่นสังเวยแก่เหล่าเทพเจ้าอันไร้ชีวิต

29 พวกเขายั่วยุพระพิโรธของพระองค์ด้วยการทำชั่วต่างๆ นานา

และเกิดโรคระบาดในหมู่พวกเขา

30 แต่ฟีเนหัสได้ลุกขึ้นจัดการ

โรคระบาดจึงหยุด

31 นับเป็นความชอบธรรมของเขา

สืบไปทุกชั่วอายุ

32 ที่แหล่งน้ำเมรีบาห์ก็เช่นกัน พวกเขาทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ

และทำให้โมเสสเดือดร้อนไปด้วย

33 เพราะพวกเขากบฏต่อพระวิญญาณของพระเจ้า

โมเสสจึงหลุดปากกล่าววาจาเผ็ดร้อน

34 ทั้งพวกเขาไม่ได้ทำลายชนชาติต่างๆ

ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

35 แต่พวกเขาผสมปนเปอยู่กับคนต่างชาติ

และรับเอาขนบธรรมเนียมของเขาเหล่านั้น

36 พวกเขานมัสการรูปเคารพของคนเหล่านั้น

ซึ่งกลายเป็นกับดักของพวกเขา

37 พวกเขาเซ่นสังเวยลูกชายลูกสาวของตน

แก่ภูติผีปีศาจ

38 พวกเขาทำให้โลหิตบริสุทธิ์หลั่งริน

คือโลหิตของลูกชายลูกสาวของตน

ซึ่งพวกเขาเซ่นสังเวยแก่บรรดารูปเคารพของคานาอัน

ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยเลือด

39 พวกเขาทำตัวให้แปดเปื้อนมลทินด้วยสิ่งที่พวกเขาทำ

ด้วยพฤติกรรมเยี่ยงโสเภณี

40 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธเหล่าประชากรของพระองค์

และทรงชิงชังผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

41 ทรงปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของชนชาติต่างๆ

ศัตรูของเขาปกครองพวกเขา

42 ข้าศึกกดขี่ข่มเหงพวกเขา

พวกเขาตกอยู่ใต้อำนาจของคนเหล่านั้น

43 พระองค์ทรงกอบกู้พวกเขาหลายครั้งหลายครา

แต่พวกเขาก็ยังคงตั้งหน้ากบฏต่อพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน

และต้องเสื่อมไปเพราะบาปของตน

44 แต่ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังทรงเหลียวแลความทุกข์ลำเค็ญของพวกเขา

เมื่อทรงได้ยินเสียงร่ำร้องของพวกเขา

45 เพราะเห็นแก่พวกเขา พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์

และพระทัยอ่อนลงเพราะความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์

46 พระองค์ทรงทำให้ทุกคนที่จับพวกเขาไปเป็นเชลย

เกิดความสงสารพวกเขา

47 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์

ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด

ขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

และยกย่องสรรเสริญพระองค์

48 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

ให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน!”

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/106-a24970a996d0ecaab9f5fc6f7c2a4b5f.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 107

1 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

2 ให้ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่กล่าวเช่นนี้

คือผู้ที่ทรงไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู

3 ผู้ที่พระองค์ทรงรวบรวมมาจากดินแดนต่างๆ

จากตะวันออกและตะวันตก จากเหนือและใต้

4 บางคนระเหเร่ร่อนอยู่ในถิ่นกันดารแห้งแล้ง

ไม่พบทางไปเมืองที่พวกเขาจะตั้งถิ่นฐาน

5 พวกเขาทั้งหิวและกระหาย

อ่อนแรงใจจะขาด

6 แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยาก

พระองค์ก็ทรงปลดปล่อยพวกเขาจากความทุกข์เข็ญ

7 พระองค์ทรงนำพวกเขาไปในทางตรง

ไปเมืองที่พวกเขาจะตั้งถิ่นฐานได้

8 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์

และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์

9 เพราะว่าพระองค์ทรงให้คนที่กระหายได้อิ่มเอม

ทรงให้ผู้ที่หิวโหยอิ่มด้วยสิ่งดี

10 บางคนนั่งอยู่ในความมืดมิดหม่นหมอง

ถูกจองจำทุกข์ทรมานด้วยโซ่ตรวน

11 เพราะพวกเขากบฏต่อพระวจนะของพระเจ้า

และดูหมิ่นคำแนะนำสั่งสอนขององค์ผู้สูงสุด

12 ฉะนั้นพระองค์ทรงสยบพวกเขาด้วยงานหนัก

พวกเขาล้มลงและไม่มีใครช่วย

13 แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยาก

และพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากความทุกข์เข็ญ

14 พระองค์ทรงนำพวกเขาออกมาจากความมืดมิดหม่นหมอง

และทรงทำลายโซ่ตรวนของพวกเขา

15 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์

และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์

16 เพราะพระองค์ทรงทลายประตูทองสัมฤทธิ์

และตัดลูกกรงเหล็กออก

17 บางคนกลายเป็นคนโง่โดยการกบฏของตัวเอง

และต้องทนทุกข์เพราะความชั่วช้าของตน

18 พวกเขาเบื่ออาหารทุกอย่าง

และเฉียดใกล้ประตูแห่งความตาย

19 แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยาก

และพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากความทุกข์เข็ญ

20 พระองค์ตรัส พวกเขาก็ได้รับการรักษา

พระองค์ทรงช่วยพวกเขาจากหลุมฝังศพ

21 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์

และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์

22 ให้เขาถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ

และบอกเล่าถึงพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์ด้วยบทเพลงแห่งความชื่นชมยินดี

23 บางคนก็ลงเรือออกไปกลางทะเล

พวกเขาทำมาค้าขายตามเส้นทางมหาสมุทร

24 พวกเขาได้เห็นพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ในที่ลึก

25 เพราะพระองค์ตรัส พายุก็ก่อตัว

ทำให้คลื่นซัดสูง

26 พวกเขาถูกโยนขึ้นฟ้าแล้วก็ดิ่งลงมาในห้วงลึก

ขวัญหนีดีฝ่อไปเพราะวินาศภัยรุนแรง

27 พวกเขาถลาและซวนเซไปเหมือนคนเมาเหล้า

พวกเขาจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร

28 แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยาก

และพระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากความทุกข์เข็ญ

29 พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลงเป็นเพียงเสียงกระซิบ

ทำให้คลื่นในทะเลเงียบสงบ

30 พวกเขาดีใจที่ทะเลสงบ

และพระองค์ทรงนำพวกเขาเข้าเทียบท่าดังหมาย

31 ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์

และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์

32 ให้พวกเขาเทิดทูนพระองค์ในที่ประชุมประชากร

และสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมผู้อาวุโส

33 พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลทราย

ธารน้ำไหลกลายเป็นผืนดินแตกระแหง

34 ทรงเปลี่ยนดินแดนอุดมให้กลายเป็นถิ่นร้างซึ่งดินกร่อย

เพราะความชั่วร้ายของผู้อาศัยที่นั่น

35 พระองค์ทรงเปลี่ยนถิ่นกันดารให้กลายเป็นแอ่งน้ำ

และเปลี่ยนแผ่นดินที่แตกระแหงให้กลายเป็นน้ำพุ

36 พระองค์ทรงนำคนหิวโหยไปอาศัยที่นั่น

และให้พวกเขาพบเมืองที่พวกเขาจะตั้งถิ่นฐาน

37 พวกเขาหว่านในท้องนา เพาะปลูกในสวนองุ่น

และเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารได้อย่างอุดมสมบูรณ์

38 พระองค์ทรงอวยพรและพวกเขาก็ทวีจำนวนขึ้น

และพระองค์ไม่ได้ให้ฝูงสัตว์ของพวกเขาลดจำนวนลง

39 แล้วพวกเขาถูกลดจำนวนลงและทำให้ตกต่ำ

จากการกดขี่ข่มเหง ทุกข์ภัย และความเศร้าโศก

40 พระองค์ผู้ทรงเทการดูถูกดูแคลนลงเหนือเหล่าเจ้านาย

ได้ทรงทำให้พวกเขาระหกระเหินอยู่ในที่เริศร้างไร้หนทาง

41 แต่พระองค์ทรงยกชูผู้ยากไร้ออกจากความทุกข์ลำเค็ญ

และให้มีลูกหลานมากมายอย่าง

ฝูงแพะแกะ

42 คนเที่ยงธรรมเห็นแล้วชื่นชมยินดี

แต่คนชั่วร้ายทั้งปวงปิดปากเงียบ

43 ผู้ใดฉลาดจงฟังสิ่งเหล่านี้

และใคร่ครวญถึงความรักยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/107-e1ba09d3b2fcbbe9cc161ca9f842a947.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 108

(บทเพลง บทสดุดีของดาวิด)

1 ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์แน่วแน่

ข้าพระองค์จะขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยสุดจิตสุดใจ

2 พิณใหญ่และพิณเขาคู่ จงบรรเลงเถิด!

ข้าพเจ้าจะปลุกรุ่งอรุณ

3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติ

ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่างๆ

4 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่สูงส่งเหนือฟ้าสวรรค์

ความซื่อสัตย์ของพระองค์ถึงท้องฟ้า

5 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูนเหนือฟ้าสวรรค์

ขอพระเกียรติสิริของพระองค์ครอบคลุมไปทั่วโลก

6 ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์

เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรักจะรอดพ้น

7 พระเจ้าตรัสจากสถานนมัสการของพระองค์ว่า

“ในชัยชนะ เราจะแบ่งเชเคม

และกำหนดเขตหุบเขาสุคคท

8 กิเลอาดเป็นของเรา มนัสเสห์เป็นของเรา

เอฟราอิมคือหมวกเกราะของเรา

ยูดาห์คือคทาของเรา

9 โมอับเป็นอ่างชำระของเรา

เราเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม

และเราจะโห่ร้องด้วยความมีชัยเหนือฟีลิสเตีย”

10 ใครจะพาข้าพระองค์ไปยังเมืองป้อมปราการ?

ใครจะนำข้าพระองค์ไปยังเอโดม?

11 พระองค์ไม่ใช่หรือ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ผู้ได้ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลาย

และไม่ทรงร่วมทัพกับเหล่าข้าพระองค์อีกต่อไป?

12 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายต่อสู้ข้าศึก

เพราะความช่วยเหลือของมนุษย์นั้นไร้ค่า

13 โดยพระเจ้าเราจะมีชัยชนะ

พระองค์จะทรงเหยียบย่ำศัตรูของเรา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/108-8cb96668aa4699414bdcbf579691a4ac.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 109

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

1 ข้าแต่พระเจ้าผู้ที่ข้าพระองค์สรรเสริญ

ขออย่าทรงนิ่งเงียบ

2 เพราะคนชั่วและคนหลอกลวง

ได้อ้าปากต่อต้านข้าพระองค์

พวกเขาปรักปรำข้าพระองค์ด้วยวาจามุสา

3 พวกเขารุมด่าข้าพระองค์ด้วยถ้อยคำเกลียดชัง

โจมตีข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ

4 ข้าพระองค์เป็นมิตรกับเขา แต่เขากลับกล่าวหาข้าพระองค์

แม้ข้าพระองค์กำลังอธิษฐานเพื่อพวกเขา

5 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพระองค์ด้วยความชั่ว

ตอบแทนมิตรภาพด้วยความเกลียดชัง

6 ขอทรงตั้งคนชั่วให้ต่อต้านเขา

ขอให้ผู้กล่าวโทษยืนอยู่ข้างขวาเขา

7 เมื่อถูกไต่สวน ขอให้เขาถูกตัดสินว่าผิดจริง

ขอให้คำอธิษฐานของเขามัดตัวเขา

8 ขอให้เขาอายุสั้น

ให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำแทนตำแหน่ง

ของเขา

9 ขอให้ลูกๆ ของเขากำพร้าพ่อ

และภรรยาของเขาเป็นม่าย

10 ขอให้ลูกหลานของเขาเร่ร่อนขอทาน

ขอให้พวกเขาถูกขับไล่ออกจากที่อาศัยอันปรักหักพัง

11 ขอให้เจ้าหนี้ยึดของทุกอย่างที่เขามี

ขอให้คนต่างถิ่นมาปล้นชิงสิ่งที่เขาลงแรงหามา

12 ขออย่าให้ใครเมตตากรุณาเขา

หรือสงสารลูกกำพร้าพ่อของเขา

13 ขอให้วงศ์วานของเขาถูกตัดขาด

ให้เขาสิ้นชื่อภายในชั่วอายุถัดไป

14 ขอให้ความชั่วช้าของบรรพบุรุษของเขาเป็นที่ระลึกอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอให้บาปของมารดาเขาไม่มีวันลบเลือนไป

15 ขอให้บาปเหล่านั้นอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ

เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้เขาถูกลืมไปจากโลก

16 เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะเมตตากรุณาใคร

แต่เข่นฆ่าคนยากไร้

คนขัดสนและคนชอกช้ำ

17 เขารักที่จะแช่งด่า

ขอให้คำแช่งด่าตกอยู่กับเขา

เขาไม่นิยมชมชอบการให้พร

ขอให้พรห่างไกลจากเขา

18 เขาแช่งด่าจนติดนิสัยเหมือนเสื้อผ้าติดกาย

มันซึมเข้าไปในตัวเขาเหมือนน้ำ

ซึมเข้าไปในกระดูกเหมือนน้ำมัน

19 ขอให้การแช่งด่าเป็นดั่งเสื้อคลุมห่อตัวเขา

เป็นดั่งเข็มขัดรัดรอบเขาไว้ตลอดไป

20 ขอให้ทั้งหมดนี้เป็นการตอบแทนจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อบรรดาผู้กล่าวหาข้าพระองค์

ที่มีต่อบรรดาผู้ที่ใส่ร้ายข้าพระองค์

21 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

ขอทรงดีต่อข้าพระองค์เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยความรักอันประเสริฐของพระองค์

22 เพราะข้าพระองค์ยากจนและขัดสน

จิตใจของข้าพระองค์ร้าวระบมอยู่ภายใน

23 ข้าพระองค์โรยราไปดั่งเงาสนธยา

ข้าพระองค์ถูกสลัดทิ้งเหมือนตั๊กแตน

24 เข่าของข้าพระองค์อ่อนล้าเพราะอดอาหาร

ร่างกายผ่ายผอมซูบซีด

25 ข้าพระองค์ตกเป็นขี้ปากของผู้ที่กล่าวหาข้าพระองค์

เมื่อพวกเขาเห็นข้าพระองค์ก็ส่ายหน้า

26 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์

ขอทรงช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด

ช่วยข้าพระองค์ให้รอดตามความรักมั่นคงของพระองค์

27 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้พวกเขารู้ว่า นี่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์

ให้รู้ว่าพระองค์เองเป็นผู้กระทำการนี้

28 พวกเขาอาจจะแช่งด่า แต่พระองค์จะทรงอวยพร

เมื่อพวกเขาโจมตี พวกเขาจะถูกทำให้อับอายขายหน้า

แต่ผู้รับใช้ของพระองค์จะชื่นชมยินดี

29 ขอให้บรรดาผู้กล่าวหาข้าพระองค์สวมความอัปยศอดสู

และคลุมด้วยความอับอายขายหน้าดั่งเสื้อคลุม

30 ปากของข้าพเจ้าจะยกย่องเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างใหญ่หลวง

ท่ามกลางมหาชนข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์

31 เพราะว่าพระองค์ทรงอยู่เบื้องขวาคนขัดสน

เพื่อช่วยชีวิตเขาให้พ้นจากผู้ที่ตัดสินว่าเขาผิด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/109-fcb18fb1e5c8bcad92a905afc5a383c8.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 110

(บทสดุดีของดาวิด)

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเจ้านายของข้าพเจ้าว่า

“จงนั่งที่ขวามือของเรา

จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้า

เป็นแท่นวางเท้าของเจ้า”

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้คทาทรงฤทธิ์ของท่าน

แผ่อำนาจออกไปจากศิโยน

ท่านจะปกครองในหมู่อริราชศัตรู

3 ในวันที่ท่านออกศึก

กองทหารของท่านจะเต็มใจอาสาสู้รบ

ตั้งแนวรบด้วยพระบารมีศักดิ์สิทธิ์

ท่านจะได้รับหยาดน้ำค้างแห่งวัยฉกรรจ์

จากครรภ์แห่งรุ่งอรุณ

4 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงปฏิญาณแล้ว

และจะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยคือ

“เจ้าเป็นปุโรหิตชั่วนิรันดร์

ตามแบบของเมลคีเซเดค”

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทับเบื้องขวาของท่าน

พระองค์จะทรงบดขยี้กษัตริย์ทั้งหลายในวันแห่งพระพิโรธของพระองค์

6 พระองค์จะทรงพิพากษานานาประชาชาติ ทำให้ผู้คนล้มตายเกลื่อนกลาด

จะทรงบดขยี้ผู้นำทั่วโลก

7 ท่านจะดื่มน้ำจากลำธารริมทาง

ฉะนั้นท่านจะผงาดเกรียงไกร

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/110-0d4704a337470ee9a630945703d0c15c.mp3?version_id=179—