Categories
สดุดี

สดุดี 71

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์

ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย

2 ขอทรงช่วยและปลดปล่อยข้าพระองค์ในความชอบธรรมของพระองค์

ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟังและช่วยกู้ข้าพระองค์

3 ขอทรงเป็นศิลาให้ข้าพระองค์เข้าลี้ภัย

ซึ่งข้าพระองค์สามารถเข้าพักพิงได้เสมอ

ขอทรงบัญชาให้ช่วยกู้ข้าพระองค์

เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์

4 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากมือของคนชั่ว

พ้นจากเงื้อมมือของเหล่าคนโหดร้ายทารุณ

5 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต เพราะพระองค์ทรงเป็นความหวังของข้าพระองค์

เป็นความมั่นใจของข้าพระองค์มาตั้งแต่เยาว์วัย

6 ข้าพระองค์พึ่งพาพระองค์มาตั้งแต่เกิด

พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดา

ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ตลอดไป

7 ผู้คนมากมายประหลาดใจเกี่ยวกับข้าพระองค์

แต่พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยอันแข็งแกร่งของข้าพระองค์

8 ริมฝีปากของข้าพระองค์เต็มล้นด้วยคำสรรเสริญพระองค์

ประกาศพระบารมีตลอดทั้งวัน

9 ขออย่าทรงละทิ้งข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์แก่เฒ่า

ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์สิ้นแรง

10 เพราะศัตรูของข้าพระองค์พูดให้ร้ายข้าพระองค์

ผู้ที่คอยจะเอาชีวิตของข้าพระองค์คบคิดกัน

11 เขากล่าวว่า “พระเจ้าทรงละทิ้งเขาแล้ว

ให้เราไล่ล่าและจับกุมเขา

เพราะไม่มีใครช่วยกู้เขาหรอก”

12 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงห่างไกลข้าพระองค์

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงรีบรุดมาช่วยข้าพระองค์

13 ขอให้ผู้ปรักปรำข้าพระองค์พินาศไปด้วยความอับอาย

ขอให้ผู้มุ่งร้ายข้าพระองค์มีแต่ความอัปยศอดสู

14 แต่ส่วนข้าพระองค์จะยังมีความหวังอยู่เสมอ

ข้าพระองค์จะถวายสรรเสริญแด่พระองค์มากยิ่งๆ ขึ้น

15 ปากของข้าพระองค์จะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระองค์

จะเล่าถึงความรอดของพระองค์ทั้งวัน

แม้ข้าพระองค์จะหยั่งประมาณไม่ได้

16 ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ข้าพระองค์จะมาประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

ข้าพระองค์จะป่าวร้องความชอบธรรมของพระองค์แต่ผู้เดียว

17 ข้าแต่พระเจ้า ตั้งแต่เยาว์วัยพระองค์ทรงสอนข้าพระองค์

จนถึงวันนี้ข้าพระองค์ป่าวประกาศพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์

18 แม้เมื่อข้าพระองค์เข้าสู่วัยชรา ผมหงอกขาว

ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์

ตราบจนข้าพระองค์ประกาศฤทธานุภาพของพระองค์แก่คนรุ่นต่อมา

และเล่าถึงพระเดชานุภาพให้คนรุ่นหลังฟัง

19 ข้าแต่พระเจ้า ความชอบธรรมของพระองค์สูงถึงฟ้าสวรรค์

พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย

ข้าแต่พระเจ้า ผู้ใดเล่าเสมอเหมือนพระองค์?

20 แม้พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ประสบความทุกข์มากมายและขมขื่น

พระองค์จะทรงทำให้ชีวิตของข้าพระองค์กลับคืนสู่สภาพดีอีกครั้ง

จากที่ลึกของโลก

พระองค์จะดึงข้าพระองค์ขึ้นมาอีก

21 พระองค์จะทรงเพิ่มเกียรติให้แก่ข้าพระองค์

และจะทรงปลอบประโลมข้าพระองค์อีก

22 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่

เพราะความซื่อสัตย์ของพระองค์

ข้าแต่องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

ข้าพระองค์จะร้องสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่

23 ริมฝีปากของข้าพระองค์จะโห่ร้องยินดี

เมื่อร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

เพราะพระองค์ทรงไถ่ข้าพระองค์ไว้

24 ลิ้นของข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจอันชอบธรรมทั้งหลายของพระองค์ตลอดวันคืน

เพราะบรรดาผู้ที่ปองร้ายข้าพระองค์ได้รับความอับอายและความสับสน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/71-05e613ede96b21bd4fc54225f70d2964.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 72

(บทประพันธ์ของโซโลมอน)

1 ข้าแต่พระเจ้า ขอประทานความยุติธรรมของพระองค์แก่กษัตริย์องค์นั้น

และความชอบธรรมของพระองค์แก่ราชโอรส

2 กษัตริย์จะพิพากษาประชากรของพระองค์ด้วยความชอบธรรม

ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ทุกข์ลำเค็ญ

3 ขอให้ภูเขานำความมั่งคั่งมาสู่ประชาชน

เนินเขาให้ผลผลิตแห่งความชอบธรรม

4 ขอให้ท่านปกป้องผู้ทุกข์ลำเค็ญในหมู่ประชาชน

และช่วยกู้ลูกหลานของผู้ยากไร้

ขอให้ท่านบดขยี้คนที่ข่มเหงรังแกเขา

5 ขอให้ท่านยืนยงดั่งดวงอาทิตย์

ดั่งดวงจันทร์อยู่คู่ฟ้า คือตลอดทุกชั่วอายุคน

6 ขอให้ท่านเป็นเหมือนฝนที่ตกลงมารดทุ่งหญ้าโล่งเตียน

เหมือนสายฝนที่รดผืนแผ่นดิน

7 ผู้ชอบธรรมจะเจริญรุ่งเรืองในรัชกาลของท่าน

มีความผาสุกรุ่งเรืองไปจนกว่าดวงจันทร์จะดับสูญ

8 ขอให้ท่านครอบครองจากทะเลฟากหนึ่งจดทะเลอีกฟากหนึ่ง

จากแม่น้ำนั้นจนสุดโลก

9 ขอให้ชนเผ่าต่างๆ ในถิ่นกันดารหมอบกราบท่าน

ศัตรูของท่านจะสยบลงคลุกฝุ่น

10 ขอให้บรรดากษัตริย์แห่งทารชิชและแห่งหมู่เกาะทั้งหลาย

นำเครื่องบรรณาการมาถวายท่าน

เหล่ากษัตริย์จากเชบาและเสบา

จะนำของกำนัลมาถวาย

11 ขอให้เหล่ากษัตริย์มาน้อมคำนับท่าน

ประชาชาติทั้งปวงจะมาปรนนิบัติท่าน

12 เพราะท่านจะช่วยกู้คนยากไร้ผู้ร้องทุกข์

ช่วยเหลือผู้ทุกข์ลำเค็ญซึ่งไม่มีใครช่วย

13 ท่านมีใจสงสารผู้ที่อ่อนแอและขัดสน

และช่วยชีวิตผู้ยากไร้ลำเค็ญ

14 ท่านจะช่วยเขาให้พ้นจากการกดขี่ข่มเหง และจากความทารุณโหดร้าย

เพราะโลหิตของเขามีค่าในสายตาของท่าน

15 ขอให้ท่านอายุยืนนาน!

ขอให้มีผู้นำทองคำจากเชบามาถวายท่าน

ขอให้มีผู้อธิษฐานเผื่อท่านตลอดไป

และอวยพรแก่ท่านตลอดวันเวลา

16 ขอให้ข้าวอุดมทั่วแผ่นดิน

แม้บนยอดเขาก็ยังชูรวงแกว่งไกวไปมา

ขอให้พืชผลงอกงามดั่งเลบานอน

ขอให้เจริญงอกงามดั่งหญ้าแห่งท้องทุ่ง

17 ขอให้นามของท่านเลื่องลือตลอดกาล

และยั่งยืนดั่งดวงอาทิตย์

มวลประชาชาติจะได้รับพรเพราะท่าน

และพวกเขาจะเรียกท่านว่าผู้ได้รับพระพร

18 ขอถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

พระองค์ผู้เดียวทรงกระทำพระราชกิจอันมหัศจรรย์

19 ขอถวายสรรเสริญแด่พระนามอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ตลอดนิรันดร์

ขอให้ทั่วโลกเต็มไปด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์

อาเมน และอาเมน

20 จบคำอธิษฐานของดาวิดบุตรเจสซีเพียงเท่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/72-cdb363f8a1fdabdda40884606af753ec.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 73

(บทสดุดีของอาสาฟ)

1 แน่ทีเดียว พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล

ต่อบรรดาผู้มีใจบริสุทธิ์

2 แต่สำหรับข้าพเจ้า เท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นพลาด

ข้าพเจ้าจวนเจียนจะเสียหลัก

3 เพราะข้าพเจ้าอิจฉาคนหยิ่งผยอง

เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่ว

4 พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้

ร่างกายของเขาแข็งแรงและสุขภาพดี

5 เขาไม่ต้องแบกรับภาระเหมือนคนอื่นๆ

เขาไม่ต้องเป็นทุกข์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ

6 ฉะนั้นเขาจึงคล้องความเย่อหยิ่งเป็นสร้อยคอ

เขาสวมความรุนแรงเป็นอาภรณ์คลุมกาย

7 ความชั่วช้าออกมาจากใจที่ตายด้านของเขา

ความคิดชั่วในจิตใจของเขาไร้ขีดจำกัด

8 เขาเย้ยหยัน พูดอย่างมุ่งร้าย

และข่มขู่คุกคามอย่างโอหัง

9 ริมฝีปากของเขาอ้างสิทธิ์เหนือฟ้าสวรรค์

ลิ้นของเขาอวดอ้างกรรมสิทธิ์เหนือแผ่นดินโลก

10 ฉะนั้นคนของเขาจึงหันไปหาพวกเขา

และดื่มห้วงน้ำหมดไปอย่างมากมาย

11 พวกเขาพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้อย่างไร?

องค์ผู้สูงสุดจะรู้หรือ?”

12 คนชั่วเป็นเช่นนี้แหละ สุขสบายอยู่ร่ำไป

พวกเขาร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ

13 แน่ทีเดียว ข้าพเจ้ารักษาใจให้บริสุทธิ์

และชำระมือให้ปราศจากมลทินโดยเปล่าประโยชน์

14 ข้าพเจ้าถูกรุมเล่นงานวันยังค่ำ

และถูกลงโทษอยู่ทุกเช้า

15 หากข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “เราจะพูดเช่นนั้น”

ข้าพเจ้าก็คงจะได้ทรยศต่อลูกๆ ของพระองค์

16 เมื่อข้าพเจ้าพยายามที่จะเข้าใจทั้งหมดนี้

ก็ทำให้ลำบากใจยิ่งนัก

17 จนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าไปยังสถานนมัสการของพระเจ้า

ข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา

18 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงให้เขายืนอยู่บนที่ลื่น

พระองค์ทรงเหวี่ยงเขาลงสู่หายนะ

19 เขาถูกทำลายไปทันที

ถูกกวาดล้างหมดสิ้นไปด้วยความสยดสยอง!

20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า

เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นก็เหมือนคนที่ตื่นจากฝัน

พระองค์จะทรงเหยียดหยามเขาว่าเป็นเพียงภาพเพ้อฝัน

21 เมื่อจิตใจของข้าพระองค์ทุกข์โศก

เมื่อดวงวิญญาณของข้าพระองค์ขมขื่น

22 ข้าพระองค์ก็ไม่รู้จักคิดและโง่เขลา

ข้าพระองค์เป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพระองค์

23 แต่ถึงกระนั้น ข้าพระองค์ยังอยู่กับพระองค์เสมอ

พระองค์ทรงยึดมือขวาของข้าพระองค์ไว้

24 พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์

และภายหลังพระองค์จะทรงรับข้าพระองค์เข้าสู่เกียรติสิริ

25 นอกจากพระองค์แล้วข้าพระองค์มีผู้ใดอื่นในฟ้าสวรรค์หรือ?

และในโลกนี้ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากพระองค์

26 กายใจของข้าพระองค์อาจจะเสื่อมถอย

แต่พระเจ้าทรงเป็นพลังใจและเป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ตลอดไป

27 บรรดาผู้ที่ห่างไกลพระองค์จะพินาศ

พระองค์ทรงทำลายล้างคนทั้งปวงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

28 แต่ส่วนข้าพระองค์ ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาใกล้พระเจ้า

ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์

ข้าพระองค์จะเล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/73-814f6e1584e2f211ea3a46b206cc4c48.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 74

(มัสคิล

ของอาสาฟ)

1 ข้าแต่พระเจ้า เหตุใดจึงทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นนิตย์?

เหตุใดพระพิโรธของพระองค์จึงคุกรุ่นขึ้นต่อแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์?

2 ขอทรงระลึกถึงเหล่าประชากรที่ทรงซื้อมาตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน

เผ่าพันธุ์ที่ทรงไถ่ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

ภูเขาศิโยนที่ประทับของพระองค์

3 ขอทรงหันย่างพระบาทมายังซากปรักหักพังตลอดกาลเหล่านี้

ความย่อยยับทั้งหลายที่ศัตรูนำมาสู่สถานนมัสการ

4 บรรดาคู่อริของพระองค์โห่ร้องในพระนิเวศของพระองค์

พวกเขาตั้งธงรบของตนขึ้นเป็นหมายสำคัญ

5 พวกเขาทำตัวเหมือนคนตัดไม้

เงื้อขวานโค่นป่า

6 พวกเขาจามไม้ที่แกะสลักทั้งสิ้น

พังลงด้วยขวานด้ามใหญ่น้อย

7 พวกเขาเผาสถานนมัสการของพระองค์วอดวาย

พวกเขาย่ำยีที่สถาปนาพระนามของพระองค์

8 พวกเขาคิดในใจว่า “เราจะขยี้ให้แหลกลาญ!”

พวกเขาเผาผลาญที่นมัสการพระเจ้าทุกแห่งในแผ่นดิน

9 เราไม่ได้รับหมายสำคัญใดๆ เลย

ไม่มีผู้เผยพระวจนะเหลืออยู่สักคนเดียว

ไม่มีสักคนในพวกเรารู้ว่า จะเป็นเช่นนี้ไปนานสักเท่าใด

10 ข้าแต่พระเจ้า ศัตรูจะเย้ยหยันพระองค์ไปนานเท่าใด?

ข้าศึกจะจาบจ้วงพระนามของพระองค์ตลอดไปหรือ?

11 เหตุใดจึงทรงยั้งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ไว้?

ขอทรงยื่นพระหัตถ์ขวาของพระองค์ออกมา และทำลายพวกเขา!

12 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์มาตั้งแต่เก่าก่อน

พระองค์ทรงนำความรอดมายังแผ่นดินโลก

13 พระองค์นี่แหละคือผู้ที่แยกทะเลด้วยฤทธานุภาพของพระองค์

พระองค์ทรงทำให้หัวของสัตว์ร้ายแห่งห้วงทะเลแหลกลาญ

14 พระองค์นี่แหละคือผู้ที่ขยี้หัวทั้งหลายของเลวีอาธาน

และโยนให้เป็นอาหารของสัตว์ทั้งหลายในถิ่นกันดาร

15 พระองค์นี่แหละคือผู้ที่เปิดบ่อน้ำพุและลำธาร

ทรงให้แม่น้ำที่ไหลอยู่เสมอนั้นแห้งขอด

16 วันและคืนล้วนเป็นของพระองค์

พระองค์ทรงตั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

17 พระองค์นี่แหละคือผู้ที่กำหนดพรมแดนต่างๆ ของโลก

พระองค์ทรงกำหนดทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว

18 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกว่าศัตรูได้เย้ยหยันพระองค์อย่างไร

ชนชาติที่โง่เขลาได้หมิ่นประมาทพระนามของพระองค์อย่างไร

19 ขออย่าทรงหยิบยื่นชีวิตนกพิราบของพระองค์แก่สัตว์ป่า

ขออย่าทรงลืมประชากรผู้ตกทุกข์ได้ยากของพระองค์ไปตลอดกาล

20 โปรดระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์

เพราะความรุนแรงแฝงอยู่ทั่วทุกมุมมืดของแผ่นดิน

21 ขออย่าให้ผู้ถูกข่มเหงรังแกต้องจมอยู่ในความอัปยศอดสู

ขอให้ผู้ยากไร้และขัดสนสรรเสริญพระนามของพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้น และตรัสแก้คดีของพระองค์

ขอทรงระลึกว่าคนโง่เย้ยหยันพระองค์วันยังค่ำ

23 ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อเสียงอึกทึกของเหล่าปฏิปักษ์ของพระองค์

ต่อเสียงอึงคะนึงของศัตรูของพระองค์ซึ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/74-391bde4c93f514fa8483c902d943a67b.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 75

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “อย่าทำลาย” บทสดุดีของอาสาฟ บทเพลง)

1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายขอบพระคุณพระองค์

ข้าพระองค์ทั้งหลายขอบพระคุณเพราะพระนามของพระองค์อยู่ใกล้

ผู้คนเล่าขานถึงพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์

2 พระองค์ตรัสว่า “เราเลือกเวลาที่กำหนดไว้

เรานี่แหละเป็นผู้พิพากษาอย่างเที่ยงธรรม

3 เมื่อโลกสั่นสะเทือนและชาวโลกทั้งสิ้นสะทกสะท้าน

เรานี่แหละเป็นผู้ที่ยึดเสาหลักของโลกไว้ให้ตั้งมั่นคง

เสลาห์

4 เราพูดกับคนหยิ่งผยองว่า ‘อย่าโอ้อวดอีกต่อไป’

และพูดกับคนชั่วว่า ‘อย่าลำพอง

5 อย่าลำพองต่อฟ้าสวรรค์

อย่าเชิดหน้าชูคอพูดจายโส’ ”

6 ไม่มีใครที่มาจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก

หรือมาจากถิ่นกันดารจะเชิดชูผู้หนึ่งผู้ใดได้

7 แต่พระเจ้าต่างหากที่ทรงเป็นผู้ตัดสิน

ทรงให้คนหนึ่งลง และทรงยกอีกคนหนึ่งขึ้น

8 ในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีถ้วยเหล้าองุ่นฟองฟูเต็มถ้วยผสมเครื่องเทศ

พระองค์ทรงเทออก และคนชั่วทั้งโลกดื่มจนหมดไม่เว้นตะกอนก้นถ้วย

9 สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะประกาศเรื่องนี้เป็นนิตย์

ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของยาโคบ

10 “เราจะโค่นอำนาจของคนชั่วทั้งปวง

แต่จะเชิดชูอำนาจของคนชอบธรรม”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/75-c7da2213224ce5877819607b2ead081a.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 76

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย บทสดุดีของอาสาฟ บทเพลง)

1 ในยูดาห์ พระเจ้าทรงเป็นที่รู้จัก

ในอิสราเอลพระนามของพระองค์ยิ่งใหญ่

2 ที่ประทับของพระองค์อยู่ในซาเลม

ที่สถิตของพระองค์อยู่ในศิโยน

3 ที่นั่น พระองค์ทรงทำลายลูกศร

โล่ ดาบ อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลาย

เสลาห์

4 พระองค์ทรงงามรุ่งโรจน์ด้วยความสว่าง

ทรงมีพระบารมียิ่งกว่าภูเขาทั้งหลายที่อุดมด้วยสัตว์ป่า

5 บรรดาชายผู้เก่งกล้านอนสิ้นท่าเพราะถูกปล้น

พวกเขาแน่นิ่ง หลับไม่ตื่นอีกเลย

ไม่มีนักรบสักคน

ที่สามารถยกมือขึ้นได้

6 ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ เมื่อพระองค์ทรงกำราบ

ทั้งม้าและรถม้าศึกก็ไม่ไหวติง

7 พระองค์แต่ผู้เดียวเป็นที่พึงยำเกรง

เมื่อพระองค์ทรงพระพิโรธ ใครจะสามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้?

8 พระองค์ทรงประกาศคำพิพากษาจากฟ้าสวรรค์

แผ่นดินโลกก็สะทกสะท้านและนิ่งเงียบ

9 ข้าแต่พระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นพิพากษา

เพื่อช่วยบรรดาผู้ทุกข์ลำเค็ญของดินแดน

เสลาห์

10 แน่ทีเดียว พระพิโรธของพระองค์ต่อมนุษย์นำการสรรเสริญมาสู่พระองค์

และผู้ที่อยู่รอดจากพระพิโรธของพระองค์จะถูกยับยั้ง

11 จงถวายปฏิญาณต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และทำให้สำเร็จตามที่ได้ปฏิญาณไว้นั้น

ให้ดินแดนเพื่อนบ้านทั้งปวง

นำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่พระองค์ ผู้ทรงเป็นที่ยำเกรง

12 พระองค์ทรงทำให้เจ้านายถ่อมใจ

พระองค์ทรงเป็นที่ยำเกรงของเหล่ากษัตริย์ของแผ่นดินโลก

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/76-c5cfb0ab9e10e55bd43ddce06c843f40.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 77

(ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน บทสดุดีของอาสาฟ)

1 ข้าพเจ้าร้องทูลขอให้พระเจ้าทรงช่วย

ข้าพเจ้าร้องทูลให้พระเจ้าทรงสดับฟัง

2 ยามทุกข์ยาก ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

ยามค่ำคืนข้าพเจ้าชูมือวิงวอนไม่อ่อนล้า

จิตวิญญาณของข้าพเจ้าไม่ยอมรับการปลอบประโลม

3 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ และร้องคร่ำครวญ

ข้าพระองค์ครุ่นคิดและจิตวิญญาณของข้าพระองค์อ่อนระโหยไป

เสลาห์

4 พระองค์ทรงทำให้ตาของข้าพระองค์ไม่อาจปิดลงได้

ข้าพระองค์ทนทุกข์จนพูดไม่ออก

5 ข้าพระองค์คิดถึงวันคืนที่ผ่านมา

ปีเดือนซึ่งล่วงเลยมานานแล้ว

6 ข้าพระองค์นึกถึงบทเพลงที่ร้องในยามค่ำคืน

จิตใจของข้าพระองค์ครุ่นคิดและจิตวิญญาณก็เสาะหา

7 “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอดทิ้งตลอดไปหรือ?

พระองค์จะไม่ทรงโปรดปรานอีกเลยหรือ?

8 ความรักมั่นคงของพระองค์สูญสิ้นไปเป็นนิตย์แล้วหรือ?

พระสัญญาของพระองค์ล้มเลิกไปตลอดกาลหรือ?

9 พระเจ้าทรงลืมที่จะเมตตากรุณาแล้วหรือ?

พระองค์ทรงระงับความสงสารเพราะพิโรธแล้วหรือ?”

เสลาห์

10 แล้วข้าพเจ้าก็คิดว่า “ข้าพเจ้าจะร้องอุทธรณ์ในเรื่องนี้

คือเรื่องปีเดือนที่องค์ผู้สูงสุดทรงสำแดงฤทธานุภาพแห่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์”

11 ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระราชกิจทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าจะระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ในครั้งเก่าก่อน

12 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์

และตรึกตรองพระราชกิจอันเกรียงไกรทั้งปวงของพระองค์

13 ข้าแต่พระเจ้า พระมรรคาของพระองค์บริสุทธิ์

พระใดเล่ายิ่งใหญ่เสมอเหมือนพระเจ้าของเรา?

14 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์

ทรงสำแดงเดชานุภาพท่ามกลางชนชาติต่างๆ

15 โดยพระกรอันเกรียงไกร พระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์

คือวงศ์วานยาโคบและโยเซฟ

เสลาห์

16 เมื่อห้วงน้ำเห็นพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า

ห้วงน้ำเห็นพระองค์ก็คร้ามกลัว

ห้วงลึกก็สะทกสะท้าน

17 เมฆเทฝนลงมา ท้องฟ้ากึกก้องคำราม

ลูกศรของพระองค์แวบวาบไปมา

18 เสียงฟ้าร้องของพระองค์ดังมาจากพายุหมุน

ฟ้าแลบจุดประกายสว่างแก่พิภพ

ปฐพีก็สั่นสะเทือนและหวั่นไหว

19 พระมรรคาของพระองค์ผ่านทะเล

ทางของพระองค์ผ่านห้วงน้ำหลาก

แม้ไม่เห็นรอยพระบาทของพระองค์

20 พระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ไปดั่งฝูงแกะ

โดยมือของโมเสสและอาโรน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/77-5add73c1d90dd200d5ab919554849803.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 78

(มัสคิล

ของอาสาฟ)

1 ประชากรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังคำสอนของข้าพเจ้าเถิด

จงรับฟังวาจาจากปากของข้าพเจ้า

2 ข้าพเจ้าจะเอื้อนเอ่ยคำอุปมา

ข้าพเจ้าจะเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ตั้งแต่โบราณกาล

3 สิ่งที่เราได้ยินและได้ทราบ

สิ่งที่บรรพบุรุษของเราบอกต่อๆ กันมา

4 เราจะไม่ปิดบังไว้จากลูกหลานของพวกเขา

จะบอกแก่คนรุ่นต่อมา

ถึงบรรดาพระราชกิจอันสมควรแก่การสรรเสริญขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ถึงฤทธานุภาพของพระองค์และการอัศจรรย์ต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำ

5 พระองค์ทรงวางกฎเกณฑ์สำหรับยาโคบ

และตั้งบทบัญญัติในอิสราเอล

ซึ่งทรงบัญชาบรรพบุรุษของเรา

ให้สอนลูกหลานของพวกเขา

6 เพื่อชนรุ่นหลังจะได้รู้

แม้แต่ลูกหลานที่จะเกิดมา

และถึงคราวที่พวกเขาจะต้องบอกลูกหลานของตนต่อไป

7 เพื่อพวกเขาจะได้วางใจในพระเจ้า

และไม่ลืมสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ

และจะปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์

8 พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนบรรพบุรุษ

ซึ่งดื้อดึงและชอบกบฏ

จิตใจไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้า

จิตวิญญาณไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

9 แม้ชนเผ่าเอฟราอิมมีธนูเป็นอาวุธครบครัน

ก็ยังหันหลังวิ่งหนีไปในยามสงคราม

10 เพราะเขาไม่รักษาพันธสัญญาของพระเจ้า

ไม่ยอมดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติของพระองค์

11 เขาลืมสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ

ลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ได้ทรงสำแดงแก่เขา

12 พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของเขา

ในดินแดนอียิปต์ ในเขตแดนโศอัน

13 พระองค์ทรงแยกทะเลและนำพวกเขาเดินข้ามไป

พระองค์ทรงทำให้น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพง

14 พระองค์ทรงนำเขาด้วยเมฆในยามกลางวัน

และด้วยแสงจากไฟในยามกลางคืน

15 พระองค์ทรงแยกศิลาออกในถิ่นกันดาร

ประทานน้ำพุ่งขึ้นมามากมายเหมือนทะเลให้เขาดื่ม

16 พระองค์ทรงทำให้ธารน้ำไหลออกมาจากศิลา

และให้น้ำไหลรินดั่งแม่น้ำ

17 ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงทำบาปต่อพระองค์

กบฏต่อองค์ผู้สูงสุดในถิ่นกันดาร

18 พวกเขาจงใจลองดีกับพระเจ้า

โดยเรียกร้องอาหารที่อยากกิน

19 เขาต่อว่าพระเจ้าว่า

“พระเจ้าทรงจัดสำรับ

ในถิ่นกันดารได้หรือ?

20 เมื่อทรงตีหิน น้ำก็พุ่งออกมา

ลำธารไหลล้น

แต่พระองค์จะประทานอาหารให้พวกเราได้ด้วยหรือ?

พระองค์จะประทานเนื้อให้คนของพระองค์ได้ด้วยหรือ?”

21 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยิน พระองค์ก็กริ้วยิ่งนัก

เพลิงของพระองค์เผาผลาญยาโคบ

พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อสู้อิสราเอล

22 เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อในพระเจ้า

หรือไว้วางใจว่าพระองค์จะทรงช่วยกู้ได้

23 ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงบัญชาฟ้าเบื้องบน

และทรงเปิดประตูสวรรค์

24 พระองค์ทรงให้มานาโปรยปรายลงมาเป็นอาหารของพวกเขา

พระองค์ประทานธัญญาหารจากฟ้าสวรรค์แก่พวกเขา

25 มนุษย์ได้กินอาหารของทูตสวรรค์

พระองค์ประทานอาหารแก่พวกเขาจนอิ่มหนำ

26 พระองค์ทรงให้ลมตะวันออกมาจากฟ้าสวรรค์

และทรงนำลมใต้มาโดยพระเดชานุภาพ

27 พระองค์ทรงให้เนื้อตกลงมามากมายดั่งฝุ่น

คือฝูงนกคลาคล่ำดั่งเม็ดทรายที่ชายทะเล

28 พระองค์ทรงกระทำให้นกเหล่านั้นลงมาที่ค่ายพักแรม

รอบๆ เต็นท์ของพวกเขา

29 พวกเขาได้รับประทานจนอิ่มหนำ

เพราะพระองค์ประทานให้จนสมอยาก

30 แต่ก่อนที่พวกเขาจะอิ่ม

ขณะที่เนื้อยังคาปากอยู่

31 พระพิโรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อพวกเขา

พระองค์ทรงประหารคนกำยำล่ำสันที่สุดของพวกเขา

และทรงสังหารคนหนุ่มของอิสราเอล

32 ทั้งๆ ที่เห็นทั้งหมดนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาปต่อไป

ทั้งๆที่เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ

33 ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้วันคืนของเขาจบลงอย่างสูญเปล่า

และทำให้ปีเดือนของเขาจบลงด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

34 เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าประหารพวกเขา พวกเขาจะแสวงหาพระองค์

พวกเขาจะกระตือรือร้นหวนกลับมาหาพระองค์อีกครั้ง

35 พวกเขาระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระศิลา

ระลึกได้ว่าพระเจ้าผู้สูงสุดทรงเป็นพระผู้ไถ่ของพวกเขา

36 แต่แล้วพวกเขาจะยกยอพระองค์ด้วยลมปาก

มุสาต่อพระองค์ด้วยลิ้นของพวกเขา

37 จิตใจของพวกเขาไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์

พวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์

38 ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงเมตตากรุณา

พระองค์ทรงอภัยความชั่วช้าของพวกเขา

และไม่ได้ทำลายล้างพวกเขาเสียหมด

หลายต่อหลายครั้งพระองค์ทรงยับยั้งความกริ้ว

ไม่ให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นเต็มที่

39 พระองค์ทรงระลึกว่าพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์

เป็นแค่ลมวูบหนึ่ง ซึ่งผ่านไปแล้วไม่หวนกลับมา

40 พวกเขากบฏต่อพระองค์ในถิ่นกันดาร

และกระทำให้พระองค์เศร้าพระทัยในดินแดนร้างเปล่าบ่อยเหลือเกิน!

41 พวกเขาลองดีกับพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า

พวกยั่วยุองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

42 พวกเขาไม่ได้นึกถึงพระเดชานุภาพ

ในวันที่พระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากผู้ข่มเหงรังแก

43 ในวันที่พระองค์ทรงสำแดงหมายสำคัญต่างๆ ในอียิปต์

ทรงสำแดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ในดินแดนโศอัน

44 พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเลือด

จนไม่มีใครอาจดื่มน้ำจากธารน้ำได้

45 พระองค์ทรงส่งฝูงเหลือบมาเล่นงานพวกเขา

และทรงส่งฝูงกบมาทำลายล้างพวกเขา

46 พระองค์ทรงยกพืชผลของพวกเขาให้แก่ตั๊กแตน

ทรงยกผลิตผลของพวกเขาให้แก่ฝูงตั๊กแตน

47 พระองค์ทรงให้ลูกเห็บทำลายเถาองุ่นของพวกเขา

และทรงให้น้ำค้างแข็งทำลายต้นมะเดื่อของพวกเขา

48 พระองค์ทรงให้ลูกเห็บจัดการกับฝูงวัวของพวกเขา

ทรงให้ฟ้าผ่าจัดการกับฝูงปศุสัตว์ของพวกเขา

49 พระองค์ทรงระบายความกริ้วอันเกรี้ยวกราด

ทรงระบายพระพิโรธ ความขุ่นเคืองพระทัย และการเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา

ทรงส่งเหล่าทูตสวรรค์ผู้ล้างผลาญมาลงโทษพวกเขา

50 พระองค์ทรงเตรียมทางสำหรับพระพิโรธของพระองค์

พระองค์ไม่ได้ทรงไว้ชีวิตพวกเขา

แต่ทรงหยิบยื่นพวกเขาให้แก่โรคระบาด

51 พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นในอียิปต์

คือผลแรกแห่งวัยฉกรรจ์ในเต็นท์ของฮาม

52 แต่พระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาอย่างฝูงแกะ

พระองค์ทรงนำพวกเขาดั่งนำแกะผ่านถิ่นกันดาร

53 พระองค์ทรงนำพวกเขามาอย่างปลอดภัย พวกเขาจึงไม่หวาดหวั่น

แต่น้ำทะเลซัดท่วมศัตรูของพวกเขา

54 ดังนั้นพระองค์ทรงนำพวกเขามาถึงเขตดินแดนบริสุทธิ์ของพระองค์

มายังดินแดนเทือกเขาซึ่งได้มาโดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์

55 พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา

และแบ่งสรรปันส่วนดินแดนให้พวกเขาเป็นมรดก

พระองค์ทรงให้เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลตั้งถิ่นฐานในบ้านของคนเหล่านั้น

56 แต่พวกเขาก็ยังลองดีกับพระเจ้า

และกบฏต่อองค์ผู้สูงสุด

พวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์

57 เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ พวกเขาไม่มีความจงรักภักดีและไม่มีความซื่อสัตย์

เหมือนคันธนูบิดที่ไว้ใจไม่ได้

58 พวกเขายั่วยุพระพิโรธด้วยสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย

พวกเขากระตุ้นความหึงหวงของพระองค์ด้วยรูปเคารพต่างๆ

59 เมื่อพระเจ้าทรงได้ยิน พระองค์ก็ทรงพระพิโรธยิ่งนัก

พระองค์ไม่ทรงยอมรับอิสราเอลเลย

60 พระองค์ทรงละทิ้งพลับพลาแห่งชิโลห์

ที่ซึ่งพระองค์ประทับท่ามกลางมนุษย์

61 และทรงยินยอมให้หีบพันธสัญญาของพระองค์ถูกยึดไป

ทรงหยิบยื่นสง่าราศีของพระองค์ให้ตกอยู่ในมือของศัตรู

62 พระองค์ทรงกระทำให้ประชากรของพระองค์ตกเป็นเหยื่อของคมดาบ

พระองค์ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ยิ่งนัก

63 ไฟเผาผลาญหนุ่มฉกรรจ์

ส่วนหญิงสาวไม่มีเพลงสมรส

64 เหล่าปุโรหิตถูกประหารด้วยดาบ

และภรรยาม่ายของพวกเขาก็ไม่สามารถร้องไห้ไว้ทุกข์

65 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลุกขึ้นดั่งตื่นจากบรรทม

เหมือนนักรบสร่างจากฤทธิ์เหล้าองุ่น

66 พระองค์ทรงรุกไล่ศัตรูของพระองค์ให้ล่าถอยไป

พระองค์ทรงส่งพวกเขาไปสู่ความอัปยศนิรันดร์

67 แล้วพระองค์ทรงปฏิเสธเต็นท์ของโยเซฟ

พระองค์ไม่ได้ทรงเลือกชนเผ่าเอฟราอิม

68 แต่พระองค์ทรงเลือกเผ่ายูดาห์

และภูเขาศิโยนที่พระองค์ทรงรัก

69 พระองค์ทรงสร้างสถานนมัสการของพระองค์ให้สูงตระหง่านและยืนยง

ดั่งพื้นปฐพีที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้เป็นนิตย์

70 พระองค์ทรงเลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์

และทรงนำเขาออกมาจากคอกแกะ

71 ทรงนำเขาออกจากการเลี้ยงดูฝูงแกะ

มาเป็นผู้เลี้ยงดูยาโคบประชากรของพระองค์

เลี้ยงดูอิสราเอลผู้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

72 และดาวิดได้เลี้ยงดูพวกเขาด้วยใจซื่อสัตย์สุจริต

นำพวกเขาไปด้วยมืออันเชี่ยวชาญ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/78-5d027bc53a03009fd47bf33c46c2a444.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 79

(บทสดุดีของอาสาฟ)

1 ข้าแต่พระเจ้า ชนชาติทั้งหลายได้รุกรานกรรมสิทธิ์ของพระองค์

พวกเขาทำให้พระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เป็นมลทิน

พวกเขาทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นซากปรักหักพัง

2 พวกเขาปล่อยให้ศพผู้รับใช้ของพระองค์

เป็นอาหารของฝูงนกในอากาศ

ให้เนื้อประชากรของพระองค์ตกเป็นอาหารของสัตว์ร้ายในแผ่นดิน

3 พวกเขาทำให้เลือดหลั่งรินทั่วเยรูซาเล็ม

ดั่งน้ำนอง

ไม่มีใครสักคนที่จะจัดการฝังศพ

4 ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นคำเปรียบเปรยของเพื่อนบ้าน

เป็นที่ดูหมิ่นและเยาะเย้ยของชนชาติโดยรอบ

5 อีกนานเพียงใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า? พระองค์จะทรงพระพิโรธไปตลอดกาลหรือ?

อีกนานเพียงใดที่ความหึงหวงของพระองค์จะเผาผลาญดั่งไฟ?

6 ขอทรงเทพระพิโรธลงเหนือชนชาติทั้งหลาย

ที่ไม่ยอมรับพระองค์

ลงเหนืออาณาจักรต่างๆ

ที่ไม่ยอมร้องทูลโดยออกพระนามของพระองค์

7 เพราะพวกเขาได้กลืนกินยาโคบ

และทำลายล้างภูมิลำเนาของเขา

8 ขออย่าทรงให้โทษบาปของบรรพบุรุษมาตกกับข้าพระองค์ทั้งหลาย

ขอพระเมตตามาถึงข้าพระองค์ทั้งหลายโดยเร็ว

เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำที่สุด

9 ข้าแต่พระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด

เพื่อเห็นแก่เกียรติสิริแห่งพระนามของพระองค์

โปรดช่วยกู้และอภัยบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย

เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

10 เหตุใดจะให้ชนชาติต่างๆ พูดได้ว่า

“พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน?”

ต่อหน้าต่อตาของเรา ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับรู้โดยทั่วกันว่า

พระเจ้าทรงแก้แค้นแทนโลหิตที่หลั่งรินของผู้รับใช้ของพระองค์

11 ขอให้เสียงครวญครางของเหล่านักโทษมาถึงต่อหน้าพระองค์

โดยอานุภาพแห่งพระกรของพระองค์

ขอทรงไว้ชีวิตผู้ถูกสั่งประหาร

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงแก้แค้นบรรดาคนที่อยู่ล้อมรอบข้าพระองค์

ซึ่งกำลังลบหลู่พระองค์ให้รับโทษหนักถึงเจ็ดเท่า

13 แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายผู้เป็นประชากรของพระองค์

เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์

จะสรรเสริญพระองค์เป็นนิตย์

ข้าพระองค์ทั้งหลายจะสรรเสริญเทิดทูนพระองค์สืบไปทุกชั่วอายุ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/79-2fd21214ade237c781ae8233b1e6de7a.mp3?version_id=179—

Categories
สดุดี

สดุดี 80

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “ลิลลี่แห่งพันธสัญญา” บทสดุดีของอาสาฟ)

1 ข้าแต่พระผู้เลี้ยงของอิสราเอล ขอทรงสดับฟัง

พระองค์ผู้ทรงนำโยเซฟอย่างนำฝูงแกะ

พระองค์ผู้ทรงประทับเหนือเครูบ ขอทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์

2 ต่อหน้าเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์

ขอทรงสำแดงพระเดชานุภาพ

มาช่วยข้าพระองค์ทั้งหลาย

3 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายคืนสู่สภาพดี

ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้รับการช่วยให้รอด

4 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

พระพิโรธของพระองค์จะคุกรุ่น

ต่อคำอธิษฐานของเหล่าประชากรของพระองค์ไปอีกนานเท่าใด?

5 พระองค์ทรงให้พวกเขากินน้ำตาต่างอาหาร

ทรงให้พวกเขาดื่มน้ำตาเต็มอิ่ม

6 พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นที่ดูหมิ่นของบรรดาเพื่อนบ้าน

และเหล่าศัตรูเย้ยหยันเรา

7 ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายคืนสู่สภาพดี

ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้รับการช่วยให้รอด

8 พระองค์ทรงนำเถาองุ่นออกมาจากอียิปต์

ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ออกไปและปลูกเถาองุ่นนั้นไว้

9 พระองค์ทรงหักร้างถางพงและพรวนดิน

แล้วเถาองุ่นก็หยั่งรากงอกคลุมทั่วดินแดน

10 แผ่ร่มเงาปกคลุมภูเขาต่างๆ

ชูกิ่งก้านคลุมสนซีดาร์อันสูงใหญ่

11 แผ่สาขาไปจดทะเล

ชูแขนงไปถึงแม่น้ำ

12 เหตุใดพระองค์จึงทรงพังกำแพงลง?

ทุกคนที่ผ่านไปมาก็เด็ดผลองุ่นไป

13 หมูป่ารุมทึ้งเถาองุ่น

และสรรพสัตว์แห่งท้องทุ่งก็รุมกิน

14 ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์! ขอทรงกลับมาหาข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด

โปรดทอดพระเนตรจากฟ้าสวรรค์

มาดูแลเถาองุ่นนี้เถิด!

15 รากที่พระหัตถ์ขวาของพระองค์ได้ทรงปลูกไว้

บุตรซึ่งพระองค์ทรงชุบเลี้ยงมาเพื่อพระองค์เอง

16 เถาองุ่นของพระองค์ถูกโค่น ถูกเผาวอดวาย

เมื่อพระองค์ทรงกำราบ เหล่าประชากรก็พินาศ

17 ขอให้พระหัตถ์ของพระองค์อยู่เหนือผู้นั้นที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์

ผู้เป็นบุตรมนุษย์ที่พระองค์ทรงเชิดชูขึ้นเพื่อพระองค์เอง

18 แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่หันหนีจากพระองค์อีก

ขอทรงฟื้นฟูข้าพระองค์ทั้งหลายและข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องทูลออกพระนามของพระองค์

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายคืนสู่สภาพดี

ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้รับการช่วยให้รอด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/80-d7437c1daab94fbf4276dfa875c1176f.mp3?version_id=179—