Categories
อพยพ

อพยพ 21

1 “ต่อไปนี้เป็นบทบัญญัติที่เจ้าจะต้องตราไว้ต่อหน้าพวกเขา คือ

ทาสฮีบรู

2 “หากเจ้าซื้อทาสฮีบรูมาคนหนึ่ง เขาจะรับใช้เจ้าเป็นเวลาหกปี แต่ในปีที่เจ็ดเขาจะเป็นไทโดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ใดๆ

3 ถ้าเขามาคนเดียวก็เป็นไทไปคนเดียว แต่หากเขามีภรรยามาด้วย ภรรยาของเขาจะเป็นไทพร้อมกับเขา

4 หากว่านายหาภรรยาให้ แล้วเขามีบุตรชายหรือบุตรสาว ทั้งภรรยาและบุตรจะยังคงเป็นของนาย ส่วนตัวเขาจะเป็นอิสระแต่ผู้เดียว

5 “แต่ถ้าทาสคนนั้นประกาศว่า ‘ข้าพเจ้ารักนายและลูกเมียของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่อยากเป็นไท’

6 นายต้องพาเขามาหาตุลาการและนำเขาไปที่ประตูหรือวงกบประตู แล้วใช้เหล็กหมาดเจาะหูเขา จากนั้นเขาจะเป็นทาสไปตลอดชีวิต

7 “ผู้ใดขายบุตรสาวของตนไปเป็นทาส นางจะไม่ได้รับการปลดปล่อยเหมือนทาสชาย

8 หากนางไม่เป็นที่ถูกใจนายที่เลือกซื้อนางไปสำหรับตัวเขาเองเขาจะต้องยินยอมให้ไถ่ตัวนาง เขาไม่มีสิทธิ์ขายนางให้คนต่างด้าวเพราะเขาได้ผิดสัญญาต่อนาง

9 หากเขาเลือกซื้อนางไว้สำหรับบุตรชายของตน เขาต้องให้สิทธิ์ของบุตรสาวแก่นาง

10 หากเขาได้ภรรยามาอีกคน เขาต้องไม่ลดอาหาร เครื่องนุ่งห่มหรือสิทธิ์ในฐานะภรรยาแก่นาง

11 หากเขาไม่ให้ทั้งสามสิ่งนี้ นางก็จะเป็นไทโดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ใดๆ

การทำร้ายร่างกาย

12 “ผู้ใดทำร้ายร่างกายคนอื่นถึงแก่ความตายจะต้องมีโทษถึงตายแน่นอน

13 หากเขาทำไปโดยไม่เจตนาแต่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้น เราจะกำหนดสถานที่แห่งหนึ่งให้เขาหนีไปลี้ภัย

14 แต่หากผู้ใดวางแผนฆ่าคนโดยเจตนา จงนำตัวผู้นั้นออกไปจากแท่นบูชาของเราและประหารเขา

15 “ผู้ใดทำร้ายบิดามารดาของตนจะต้องมีโทษถึงตาย

16 “ผู้ใดลักพาตัวผู้อื่นไปขายเป็นทาสหรือยังกักตัวไว้กับตนขณะที่ถูกจับได้จะต้องมีโทษถึงตาย

17 “ผู้ใดแช่งด่าบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย

18 “หากเกิดการทะเลาะวิวาท ฝ่ายหนึ่งใช้หินทำร้ายหรือชกอีกฝ่ายให้บาดเจ็บ ต้องนอนซมแต่ไม่ตาย

19 ภายหลังผู้นั้นสามารถลุกเดินได้อีกโดยมีไม้เท้ายันกาย คนที่ทำร้ายย่อมพ้นผิด แต่เขาต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียเวลาจนกว่าผู้นั้นจะหายเป็นปกติ

20 “ผู้ใดเฆี่ยนตีทาสชายหรือหญิงด้วยไม้จนถึงแก่ความตาย ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ

21 แต่หากทาสลุกขึ้นได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน นายก็ไม่ต้องถูกลงโทษ เพราะทาสเป็นสมบัติของนาย

22 “หากชายสองคนต่อสู้กัน เผอิญหญิงมีครรภ์ถูกลูกหลงเข้าถึงกับคลอดก่อนกำหนดแต่ไม่บาดเจ็บสาหัส คนที่ทำร้ายนางจะต้องถูกปรับตามแต่สามีของนางจะเรียกร้องและตามที่ตุลาการตัดสิน

23 แต่หากนางบาดเจ็บสาหัส ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต

24 ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ เท้าแทนเท้า

25 รอยไหม้แทนรอยไหม้ บาดแผลแทนบาดแผล รอยฟกช้ำแทนรอยฟกช้ำ

26 “หากนายทำร้ายทาสชายหรือหญิงถึงกับตาบอด เขาต้องปล่อยทาสนั้นให้เป็นอิสระเพื่อชดใช้แทนดวงตาของทาสนั้น

27 และหากนายทำให้ฟันของทาสชายหรือหญิงหัก เขาต้องปล่อยทาสนั้นเป็นอิสระเพื่อชดใช้แทนฟัน

28 “หากวัวตัวใดขวิดคนไม่ว่าชายหรือหญิงถึงแก่ความตาย จงเอาหินขว้างวัวให้ตาย และอย่ากินเนื้อมัน แต่เจ้าของวัวไม่ต้องรับผิดชอบ

29 แต่หากเป็นที่รู้กันว่าวัวนั้นมีนิสัยชอบขวิดคนและมีคนเตือนเจ้าของแล้ว แต่เจ้าของยังไม่ขังวัวของตนให้ดี ถ้ามันไปขวิดคนตายไม่ว่าชายหรือหญิง จงเอาหินขว้างวัวให้ตายและประหารเจ้าของวัวด้วย

30 อย่างไรก็ตามหากเขาถูกเรียกค่าปรับ เขาจะไถ่ชีวิตตัวเองโดยยอมจ่ายค่าปรับตามที่ถูกเรียกร้องก็ได้

31 กฎข้อนี้ใช้ในกรณีที่วัวขวิดบุตรชายหรือบุตรสาวด้วย

32 แต่ถ้าขวิดทาส ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็ให้เจ้าของวัวจ่ายเงินหนัก 30 เชเขลให้กับเจ้าของทาส และจงเอาหินขว้างวัวให้ตาย

33 “ถ้าผู้ใดเปิดบ่อหรือขุดบ่อและไม่ปิดฝาบ่อ แล้วมีวัวหรือลาตกลงไป

34 เจ้าของบ่อจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้เจ้าของสัตว์ และสัตว์ที่ตายจะตกเป็นของเจ้าของบ่อ

35 “หากวัวของใครไปขวิดวัวของคนอื่นตาย เจ้าของวัวทั้งสองจะขายวัวที่ยังมีชีวิต แล้วนำเงินที่ได้นั้นกับวัวที่ตายมาแบ่งเท่าๆ กัน

36 แต่หากเป็นที่รู้กันว่าวัวนั้นมีนิสัยชอบขวิดแต่เจ้าของไม่ขังให้ดี ก็ให้เจ้าของวัวชดใช้โดยยกวัวตัวนั้นให้อีกฝ่าย แล้วรับวัวตัวที่ตายไปเป็นของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/21-60cdc2367f6bdf3cfebdbc2cfac8096b.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 22

การคุ้มครองทรัพย์สิน

1 “หากผู้ใดขโมยวัวหรือแกะมา แล้วฆ่าหรือขายไป เขาจะต้องชดใช้วัวห้าตัวสำหรับวัวหนึ่งตัว และแกะสี่ตัวสำหรับแกะหนึ่งตัว

2 “หากขโมยถูกจับได้และถูกฆ่าตายขณะลอบเข้าไปในบ้าน คนที่ฆ่าเขาไม่มีความผิด

3 แต่หากเกิดขึ้นในเวลากลางวัน คนที่ฆ่าเขามีความผิด

“ขโมยต้องชดใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวน แต่หากเขาไม่มีอะไรจะชดใช้ เขาจะต้องถูกขายเป็นทาสเพื่อชดใช้สิ่งที่เขาขโมยไป

4 “หากพบสัตว์ที่ขโมยไปมีชีวิตอยู่ในครอบครองของเขาไม่ว่าวัว ลา หรือแกะ เขาจะต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า

5 “ถ้าผู้ใดปล่อยฝูงสัตว์ของตนไปกินหญ้าในท้องทุ่งหรือในสวนองุ่น และมันหลงเข้าไปกินหญ้าในที่ของคนอื่น เขาจะต้องชดใช้ด้วยพืชผลส่วนที่ดีที่สุดจากท้องทุ่งหรือจากสวนองุ่นของตน

6 “หากที่นาเกิดไฟไหม้ลามไปยังพุ่มหนามจนถึงที่ของคนอื่น จนฟ่อนข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วหรือต้นข้าวที่ยังไม่เกี่ยวเสียหายหมด ผู้ที่เป็นต้นเพลิงจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย

7 “หากผู้ใดนำเงินหรือสิ่งของฝากไว้ให้เพื่อนบ้านของเขาดูแล แล้วเงินหรือของนั้นถูกขโมยไปจากบ้านของเพื่อนบ้าน เมื่อจับตัวขโมยมาได้ ขโมยนั้นจะต้องชดใช้เป็นสองเท่า

8 แต่หากจับขโมยไม่ได้ ให้นำตัวผู้รับฝากของมีค่านั้นมาพบตุลาการเพื่อรับการพิจารณาว่าใช่ตัวเขาเองหรือไม่ที่ขโมยสมบัติของเพื่อนบ้าน

9 ทุกครั้งที่มีการครอบครองทรัพย์สินโดยไม่ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นวัว ลา แกะ เสื้อผ้า หรือสิ่งอื่นๆ ที่สูญหายซึ่งบางคนอ้างว่า ‘นี่คือของของฉัน’ ให้ทั้งสองนำกรณีพิพาทไปพบตุลาการเพื่อรับคำชี้ขาด ผู้ที่ตุลาการตัดสินว่าผิดจะต้องจ่ายเป็นสองเท่าให้แก่เพื่อนบ้าน

10 “หากผู้ใดฝากวัว ลา แกะ หรือสัตว์อื่นๆ ไว้ให้เพื่อนบ้านดูแล แล้วมันตายไปหรือบาดเจ็บหรือหายไปและไม่มีใครเห็น

11 ในกรณีนี้จะตัดสินโดยให้เพื่อนบ้านผู้นั้นกล่าวสาบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเขาไม่ได้ขโมยทรัพย์สินของอีกคนหนึ่งไป เจ้าของต้องยอมรับวาจาสัตย์ ห้ามเรียกร้องค่าเสียหาย

12 แต่หากสัตว์นั้นถูกขโมยไปจากเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านคนนั้นจะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของ

13 หากมันถูกสัตว์ป่าทำร้าย ให้เขานำซากของมันมาเป็นหลักฐาน แล้วเขาจะไม่ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย

14 “ผู้ใดยืมสัตว์ของเพื่อนบ้าน แล้วมันบาดเจ็บหรือตายขณะที่เจ้าของไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผู้ยืมจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย

15 แต่หากเจ้าของอยู่กับสัตว์นั้นด้วย ผู้ยืมไม่ต้องชดใช้ และหากเขาเช่ามันมา เขาก็ไม่ต้องชดใช้ เพราะค่าเช่ารวมค่าเสียหายไว้แล้ว

ความรับผิดชอบต่อสังคม

16 “หากชายใดล่อลวงหญิงสาวพรหมจารีซึ่งยังไม่ได้หมั้นหมาย และเขามีเพศสัมพันธ์กับนาง เขาจะต้องจ่ายค่าสินสอดและรับนางเป็นภรรยา

17 หากบิดาของนางปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมให้นางสมรสกับเขา เขาก็ต้องจ่ายเงินสินสอดสำหรับหญิงพรหมจารี

18 “อย่าไว้ชีวิตแม่มด

19 “ผู้ใดสมสู่กับสัตว์เดรัจฉานจะต้องมีโทษถึงตาย

20 “ผู้ใดถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่นๆ นอกเหนือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกทำลายล้าง

21 “อย่ากดขี่ข่มเหงรังแกคนต่างด้าว เพราะเจ้าเองก็เคยเป็นคนต่างด้าวในอียิปต์

22 “อย่าเอารัดเอาเปรียบหญิงม่ายหรือลูกกำพร้าพ่อ

23 หากเจ้าขืนทำและเขาร้องทูลเรา เราจะฟังคำร้องทุกข์ของเขาอย่างแน่นอน

24 เราจะโกรธและจะประหารเจ้าด้วยดาบ ภรรยาของเจ้าจะเป็นม่าย และลูกของเจ้าจะกำพร้าพ่อ

25 “หากเจ้าให้เงินพี่น้องร่วมชาติฮีบรูผู้ยากไร้ยืม อย่าทำตัวเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ อย่าคิดดอกเบี้ยเขา

26 หากเจ้ายึดเสื้อคลุมของเพื่อนบ้านเป็นของค้ำประกัน จงคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน

27 เพราะอาจเป็นไปได้ว่าเสื้อคลุมเป็นสิ่งเดียวที่เขามีคลุมกาย เขาจะใช้อะไรห่มนอน? เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะรับฟังเพราะเรามีใจเมตตา

28 “อย่าหมิ่นประมาทพระเจ้าหรือแช่งด่าผู้มีอำนาจปกครองในหมู่พวกเจ้า

29 “อย่าลังเลที่จะนำพืชผลและน้ำองุ่นของเจ้ามาถวาย

“จงยกบุตรชายหัวปีของเจ้าให้กับเรา

30 ลูกหัวปีของวัวและแกะก็เช่นเดียวกัน จงนำมาให้เราในวันที่แปด หลังจากที่ปล่อยให้อยู่กับแม่ของมันตลอดเจ็ดวันแล้ว

31 “พวกเจ้าต้องเป็นประชากรบริสุทธิ์ของเรา ฉะนั้นอย่ากินเนื้อสัตว์ที่ถูกสัตว์ป่ากัดกิน จงทิ้งซากให้สุนัขกิน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/22-5526e1652d390adca801d4837bedaa51.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 23

บทบัญญัติของความยุติธรรมและความเมตตา

1 “อย่าเล่าลือเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อย่าร่วมมือกับคนชั่วร้ายโดยการเป็นพยานเท็จ

2 “อย่าทำชั่วคล้อยตามคนหมู่มาก เมื่อเจ้าเป็นพยานในคดีความอย่าบิดเบือนความยุติธรรมโดยเข้าข้างคนหมู่มาก

3 และอย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนในคดีของเขา

4 “หากเจ้าบังเอิญพบวัวหรือลาของศัตรูหลงมา จงนำมันไปคืนเจ้าของ

5 หากเจ้าเห็นลาของคนที่เกลียดชังเจ้าล้มลงเพราะบรรทุกของหนัก อย่าเมินเฉย จงเข้าไปช่วยเหลือ

6 “จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนในคดีของเขา

7 อย่ามีส่วนตั้งข้อกล่าวหาเท็จ และอย่าปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์หรือคนซื่อตรงต้องถูกประหาร เพราะเราจะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล

8 “อย่ารับสินบน เพราะสินบนทำให้ตามืดบอดจากความจริง และบิดเบือนคำพูดของคนชอบธรรม

9 “อย่าข่มเหงคนต่างด้าว ตัวเจ้าเองรับรู้รสชาติการเป็นคนต่างด้าวมาแล้วเพราะเจ้าเคยเป็นคนต่างด้าวในอียิปต์

บทบัญญัติเกี่ยวกับสะบาโต

10 “จงหว่านและเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ของเจ้าตลอดหกปี

11 แต่ในปีที่เจ็ดจงพักที่ดิน ไม่ต้องปลูกไม่ต้องหว่าน และให้คนยากจนมาเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ที่งอกขึ้นมา ส่วนที่เหลือปล่อยไว้ให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า กฎข้อนี้ใช้กับสวนองุ่นและสวนมะกอกของเจ้าด้วย

12 “จงทำงานเพียงหกวัน แต่อย่าทำงานในวันที่เจ็ด เพื่อให้วัวและลาของเจ้าได้พัก ทั้งทาสที่เกิดในครัวเรือนของเจ้าและคนต่างด้าวจะได้สดชื่นขึ้น

13 “จงตั้งใจทำตามทุกสิ่งที่เราได้บอกแก่เจ้าแล้ว และอย่าเอ่ยอ้างชื่อพระอื่นใด อย่าให้ได้ยินชื่อพระเหล่านั้นจากปากของเจ้าเลย

เทศกาลประจำปีสามเทศกาล

14 “เจ้าจงฉลองเทศกาลสำหรับเราปีละสามครั้ง

15 “จงฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อ จงกินขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันตามที่เราได้สั่งพวกเจ้าไว้แล้ว จงทำอย่างนี้ตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะในเดือนนั้นเจ้าได้ออกจากอียิปต์

“อย่าให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเรามือเปล่า

16 “จงฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวเมื่อเจ้านำผลิตผลแรกที่เจ้าเก็บเกี่ยวมาให้เรา

“จงฉลองเทศกาลรวบรวมผลิตผลในตอนสิ้นปี เมื่อเจ้ารวบรวมผลิตผลจากไร่นาของเจ้ามาเก็บไว้

17 “ผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตปีละสามครั้ง

18 “อย่าถวายเลือดของเครื่องบูชาแก่เราพร้อมกับสิ่งใดๆ ที่ใส่เชื้อ

“อย่าเก็บไขมันของเครื่องบูชาที่ถวายแก่เราในเทศกาลไว้จนรุ่งเช้า

19 “จงนำส่วนที่ดีที่สุดของผลิตผลแรกจากแผ่นดินของเจ้ามายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

“อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมแม่ของมัน

ทูตของพระเจ้าจัดเตรียมหนทาง

20 “ดูเถิด เราส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งของเรามานำหน้าเจ้า เพื่อคุ้มครองรักษาเจ้าไปตลอดทางจนถึงสถานที่ที่เราจัดเตรียมไว้

21 จงใส่ใจฟังถ้อยคำที่เขากล่าว อย่ากบฏเพราะเขาจะไม่ให้อภัยเจ้า เพราะเขาทำในนามของเรา

22 หากเจ้าตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดและทำตามสิ่งที่เราพูดทุกอย่าง เราจะเป็นปฏิปักษ์กับศัตรูทั้งหลายของเจ้าและจะต่อต้านผู้ที่ต่อต้านเจ้า

23 ทูตของเราจะนำหน้าและพาเจ้าเข้าสู่ดินแดนของชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวคานาอัน ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส เราจะกวาดล้างพวกเขาออกไป

24 อย่ากราบไหว้หรือนมัสการพระทั้งหลายของชนชาติเหล่านั้นหรือทำตามเขา จงทำลายรูปเคารพของพวกเขาและทุบหินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาให้แหลก

25 จงนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า แล้วเราจะอวยพรเจ้าให้มีน้ำมีอาหารบริบูรณ์ เราจะขจัดโรคภัยไข้เจ็บไปจากพวกเจ้า

26 ทั่วดินแดนของเจ้าจะไม่มีการแท้งหรือเป็นหมัน และเราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาวตามอายุขัย

27 “เราจะส่งความหวาดหวั่นไปล่วงหน้าเจ้า ทำให้ชนทุกชาติที่เจ้าเผชิญหน้าสับสนอลหม่าน เราจะทำให้ศัตรูทั้งปวงของเจ้าหันหลังวิ่งหนีไป

28 เราจะส่งฝูงต่อล่วงหน้าเจ้าไปเพื่อขับไล่ชาวฮีไวต์ ชาวคานาอัน และชาวฮิตไทต์ไปให้พ้นทางของเจ้า

29 แต่เราจะไม่ไล่พวกเขาไปทั้งหมดในปีเดียว เพราะแผ่นดินจะรกร้างและสัตว์ป่าจะเพิ่มจำนวนเกินกว่าพวกเจ้าจะรับมือไหว

30 เราจะไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าเจ้าทีละเล็กทีละน้อย จนพวกเจ้ามีลูกหลานมากพอที่จะครอบครองแผ่นดิน

31 “เราจะกำหนดพรมแดนของเจ้าจากทะเลแดงจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและจากทะเลทรายจดแม่น้ำยูเฟรติส เราจะมอบชนชาติต่างๆ ในดินแดนนั้นไว้ในมือพวกเจ้า และเจ้าจะขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเจ้า

32 เจ้าอย่าทำพันธสัญญาใดๆ กับพวกเขาหรือกับพระของเขา

33 อย่าให้พวกเขาอาศัยในดินแดนของเจ้า มิฉะนั้นแล้วเขาจะเป็นเหตุให้เจ้าทำบาปต่อเรา เพราะการนมัสการพระของเขาจะเป็นบ่วงแร้วดักเจ้าทั้งหลายอย่างแน่นอน”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/23-11b2476a5b852772ab52ccedf5e8345c.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 24

การยืนยันพันธสัญญา

1 แล้วพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมกับอาโรน นาดับ อาบีฮู และผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนของอิสราเอล พวกเจ้าทุกคนจะนมัสการอยู่ห่างๆ

2 แต่โมเสสคนเดียวเท่านั้นจะขึ้นมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างใกล้ชิด ส่วนคนอื่นๆ อย่าเข้ามาใกล้ ห้ามประชาชนทั่วไปขึ้นมาด้วย”

3 โมเสสจึงแจ้งให้เหล่าประชากรทราบถึงบทบัญญัติและพระดำรัสทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาทั้งปวงก็ตอบรับเป็นเสียงเดียวกันว่า “เราจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้”

4 โมเสสจึงบันทึกทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นโมเสสก่อแท่นบูชาที่เชิงเขาและตั้งเสาหินสิบสองต้นเป็นตัวแทนสิบสองเผ่าของอิสราเอล

5 แล้วเขาสั่งให้ชายหนุ่มชาวอิสราเอลถวายเครื่องเผาบูชาและถวายวัวหนุ่มจำนวนหนึ่งเป็นเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

6 โมเสสแบ่งเลือดจากสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชามาครึ่งหนึ่งใส่ลงในอ่าง อีกครึ่งหนึ่งเขาพรมลงบนแท่นบูชา

7 แล้วโมเสสอ่านหนังสือพันธสัญญานั้นให้ประชาชนฟัง พวกเขาก็ตอบว่า “เราจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ เราจะเชื่อฟัง”

8 โมเสสจึงนำเลือดในอ่างพรมประชาชนและกล่าวว่า “นี่คือเลือดแห่งพันธสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำไว้กับท่านทั้งหลายตามพระดำรัสทั้งสิ้นนี้”

9 จากนั้นโมเสส อาโรน นาดับ อาบีฮู และผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนของอิสราเอลขึ้นไปบนภูเขา

10 และเห็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พื้นใต้พระบาทเป็นแนวเจิดจรัสราวกับแก้วไพฑูรย์สุกปลั่งแจ่มจ้าเหมือนท้องฟ้า

11 ถึงแม้ผู้นำเหล่านี้ของอิสราเอลเห็นพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ได้ทรงทำลายพวกเขา และเขาทั้งหมดกินดื่มร่วมกัน

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นมาหาเราบนภูเขา รออยู่ที่นี่ แล้วเราจะมอบบทบัญญัติและพระบัญชาซึ่งเราจารึกบนแผ่นศิลาให้เจ้าเพื่อไว้สั่งสอนประชากร”

13 ดังนั้นโมเสสและโยชูวาผู้ช่วยของเขาจึงขึ้นไปบนภูเขาของพระเจ้า

14 โมเสสกล่าวกับผู้อาวุโสเหล่านั้นว่า “ขอให้ท่านรออยู่ที่นี่จนกว่าพวกเราจะกลับมา อาโรนและเฮอร์อยู่กับพวกท่าน ใครมีเรื่องมีราวให้ไปหาเขาทั้งสองได้”

15 โมเสสจึงขึ้นไปบนภูเขา แล้วกลุ่มเมฆก็ปกคลุมภูเขานั้น

16 และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่บนภูเขาซีนาย มีเมฆปกคลุมอยู่ตลอดหกวัน ในวันที่เจ็ดองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกโมเสสจากเมฆ

17 ชนอิสราเอลเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนยอดเขา แลดูเหมือนไฟลุกจ้า

18 แล้วโมเสสก็เข้าไปในกลุ่มเมฆบนยอดเขา และอยู่ที่นั่นตลอดสี่สิบวันสี่สิบคืน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/24-394ccdcbb070c56024a2624d8ca9a25b.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 25

เครื่องถวายสำหรับพลับพลา

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงสั่งชนอิสราเอลให้นำสิ่งของมาถวายเรา เจ้าจงรับของที่ทุกคนนำมาถวายเราด้วยความสมัครใจ

3 เจ้าจงรับของถวายที่เขานำมามอบให้ได้แก่ ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์

4 ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ผ้าลินินเนื้อดี ขนแพะ

5 หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังพะยูน ไม้กระถินเทศ

6 น้ำมันมะกอกสำหรับจุดประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอม

7 โกเมนและอัญมณีอื่นๆ สำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวง

8 “แล้วให้ประชากรอิสราเอลสร้างสถานนมัสการให้เรา และเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา

9 จงสร้างพลับพลาและทำอุปกรณ์ตกแต่งทุกอย่างตามรูปแบบที่เราจะสำแดงแก่เจ้า”

หีบพันธสัญญา

10 “จงให้พวกเขาทำหีบด้วยไม้กระถินเทศขนาดยาว 2.5 ศอกกว้างและสูงเท่ากัน 1.5 ศอก

11 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งด้านในและด้านนอก และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วทับโดยรอบ

12 จงหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมทั้งสี่ของขอบหีบ โดยมีสองห่วงอยู่ทางด้านหนึ่งและอีกสองห่วงอยู่อีกด้านหนึ่ง

13 จากนั้นจงทำคานหามสองอันจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ

14 สอดคานลอดห่วงทั้งสองด้านของหีบไว้สำหรับหาม

15 อย่าชักคานนี้ออกจากห่วงเลย ให้คงไว้เช่นนั้นตลอดไป

16 แล้วนำแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งเราจะให้แก่เจ้าใส่ไว้ในหีบนั้น

17 “และจงทำฝาหีบพันธสัญญา (คือพระที่นั่งกรุณา)จากทองคำบริสุทธิ์ขนาดยาว 2.5 ศอก กว้าง 1.5 ศอก

18 แล้วเคาะทองคำบริสุทธิ์เป็นเครูบสองตนที่ปลายทั้งสองด้านของพระที่นั่งกรุณา

19 เครูบทั้งสองนี้ติดเข้าเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา

20 หันหน้าเข้าหากัน มองมายังพระที่นั่งกรุณา และคลี่ปีกจดกันเหนือพระที่นั่งกรุณา

21 จงตั้งพระที่นั่งกรุณานี้ไว้บนหีบ และจงบรรจุแผ่นศิลาซึ่งเราจะให้เจ้าไว้ในหีบ

22 เราจะมาพบเจ้าเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างเครูบทั้งสองที่อยู่เหนือหีบพันธสัญญา และแจ้งคำบัญชาทั้งหมดของเราสำหรับประชากรอิสราเอลแก่เจ้า

โต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์

23 “แล้วจงใช้ไม้กระถินเทศทำโต๊ะตัวหนึ่งขนาดยาว 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และสูง 1.5 ศอก

24 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วโดยรอบ

25 คิ้วรอบขอบโต๊ะนี้กว้างหนึ่งฝ่ามือและมีลวดลายเป็นทองคำทาบลงไปโดยรอบอีกครั้ง

26 จงทำห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมด้านนอกของขาโต๊ะทั้งสี่ขา

27 ห่วงเหล่านั้นจะอยู่ใกล้กับขอบบนสำหรับสอดคานเพื่อหามโต๊ะ

28 จงทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำเพื่อใช้หามโต๊ะ

29 แล้วจงทำภาชนะด้วยทองคำบริสุทธิ์ได้แก่ จานและชาม คนโทและอ่างสำหรับใช้เทเครื่องดื่มบูชา

30 และจงวางขนมปังเบื้องพระพักตร์บนโต๊ะนี้ต่อหน้าเราตลอดเวลา

คันประทีป

31 “จงทำคันประทีปอันหนึ่งจากทองคำบริสุทธิ์เคาะให้เป็นตัวคันประทีปและลวดลายทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน คือทั้งฐาน ลำคันประทีป ถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกไม้ และดอกไม้ทั้งตูมและบาน

32 มีหกกิ่งแยกจากลำคันประทีป ข้างละสามกิ่งขนานกัน

33 ทำกิ่งแต่ละกิ่งคล้ายดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสามดอก บนยอดของแต่ละกิ่งนั้นทำเป็นถ้วยรองตะเกียงมีลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน

34 ลำคันประทีปทำเป็นดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสี่ดอก บนยอดของลำคันประทีปทำเป็นถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน

35 ให้ทำดอกตูมดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่แรก อีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สอง และอีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สาม

36 ลวดลายที่ตกแต่งทั้งหมดรวมทั้งกิ่งและตัวคันประทีปล้วนเป็นเนื้อเดียวกัน เคาะจากทองคำบริสุทธิ์

37 “แล้วจงทำตะเกียงเจ็ดดวงวางไว้บนถ้วยรองเหล่านั้นเพื่อให้ความสว่างหน้าคันประทีป

38 กรรไกรตัดไส้ตะเกียงและถาดรองทำด้วยทองคำบริสุทธิ์

39 จะต้องใช้ทองทั้งหมดหนักประมาณ 34 กิโลกรัมสำหรับคันประทีปและเครื่องประกอบทั้งหมด

40 จงทำสิ่งเหล่านี้ตามแบบที่เราได้สำแดงแก่เจ้าบนภูเขานั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/25-4b08366638cc637a01061ae72be69a0d.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 26

พลับพลา

1 “จงทำพลับพลาด้วยม่านผ้าลินินเนื้อดีสิบผืน ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญคนหนึ่งปักลวดลายด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านเหล่านั้น

2 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือกว้าง 4 ศอก ยาว 28 ศอก

3 ต่อม่านเป็นสองแถบ แถบละห้าผืน

4 จงใช้ผ้าสีน้ำเงินทำหูที่ขอบของผ้าม่านทั้งสองแถบ

5 แถบละห้าสิบหูตรงกัน

6 แล้วทำตะขอทองคำห้าสิบอันเกี่ยวหูของแถบม่านทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นพลับพลาเดียวกัน

7 “ให้ทำม่านขนแพะสิบเอ็ดผืนสำหรับทำเป็นเต็นท์เพื่อคลุมพลับพลาไว้

8 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกัน คือ กว้าง 4 ศอก ยาว 30 ศอก

9 ต่อม่านเป็นสองแถบ แถบหนึ่งใช้ห้าผืน อีกแถบหนึ่งใช้หกผืน ให้พับผืนที่หกทบไว้ด้านหน้าเต็นท์

10 จงทำหูห้าสิบหูติดที่ขอบของแถบผ้าม่านทั้งสองแถบ

11 แล้วใช้ตะขอทองสัมฤทธิ์เกี่ยวหูเต็นท์ให้เข้าเป็นเต็นท์เดียวกัน

12 ส่วนความยาวที่เหลือ ครึ่งหนึ่งของผ้าเต็นท์ให้ห้อยไว้ทางด้านหลังของพลับพลา

13 ผ้าเต็นท์นี้จะมีความยาวยื่นออกมาข้างละ 1 ศอกเพื่อคลุมพลับพลาไว้

14 จงคลุมเต็นท์ด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดงและใช้หนังพะยูนคลุมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

15 “จงตั้งฝาผนังพลับพลาซึ่งทำจากไม้กระถินเทศ

16 ไม้ฝาแต่ละแผ่นกว้าง 1.5 ศอก สูง 10 ศอก

17 ไม้ฝาแต่ละแผ่นมีสลักสองชุดขนานกันสำหรับประกบเข้าด้วยกัน จงทำฝาผนังพลับพลาทั้งหมดแบบนี้

18 จงทำไม้ฝายี่สิบแผ่นสำหรับด้านทิศใต้ของพลับพลา

19 และทำฐานของไม้ฝาแต่ละแผ่นด้วยเงินแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน แต่ละฐานรองรับสลักแต่ละอัน

20 ทางด้านทิศเหนือของพลับพลาให้ตั้งไม้ฝาขึ้นยี่สิบแผ่น

21 และมีฐานเงินรองรับไม้ฝาแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน

22 จงทำไม้ฝาหกแผ่นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา

23 และทำไม้ฝาอีกสองแผ่นสำหรับมุมทั้งสองข้างของส่วนหลัง

24 ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านต้องประกบกันสนิทตั้งแต่บนจรดล่าง และด้านบนสุดยึดด้วยห่วงหนึ่งวง ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านจะต้องทำอย่างนี้

25 ฉะนั้นที่ส่วนหลังของพลับพลาจะมีไม้ฝาทั้งหมดแปดแผ่น และมีฐานเงินรองรับสิบหกฐาน แผ่นละสองฐาน

26 “จงทำคานขวางด้วยไม้กระถินเทศ พาดขวางฝาผนังพลับพลาด้านทิศเหนือห้าเส้น

27 ด้านทิศใต้ห้าเส้นและอีกห้าเส้นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา

28 คานขวางอันกลางพาดผ่านตรงกลางฝาผนังตลอดแนว

29 จงหุ้มไม้ฝาทุกแผ่นด้วยทองคำและทำห่วงทองคำยึดคานขวางเหล่านั้นไว้ ไม้คานเหล่านั้นให้หุ้มด้วยทองคำเช่นกัน

30 “จงตั้งพลับพลาขึ้นตามแบบที่เราได้แจ้งแก่เจ้าบนภูเขา

31 “จงทำม่านด้วยผ้าลินินเนื้อดี ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญปักลวดลายจากด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านนั้น

32 จงแขวนม่านนี้ด้วยตะขอซึ่งทำจากทองคำบนเสาไม้กระถินเทศสี่ต้นหุ้มทองคำ เสาเหล่านี้ตั้งอยู่บนฐานรองรับทำด้วยเงินสี่ฐาน

33 หลังม่านซึ่งแขวนบนตะขอทองคำนี้เป็นที่ตั้งหีบพันธสัญญา ม่านนี้จะกั้นระหว่างวิสุทธิสถานและอภิสุทธิสถาน

34 แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณาไว้บนหีบพันธสัญญาในอภิสุทธิสถาน

35 โต๊ะและคันประทีปให้วางแยกกันคนละด้านอยู่นอกม่าน คันประทีปจะอยู่ทางด้านทิศใต้ของพลับพลา ส่วนโต๊ะนั้นจะอยู่ทางด้านทิศเหนือ

36 “จงทำม่านอีกผืนจากผ้าลินินเนื้อดี ปักอย่างวิจิตรด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสำหรับกั้นทางเข้าเต็นท์

37 จงทำตะขอทองคำสำหรับแขวนม่านผืนนี้บนเสาไม้กระถินเทศห้าต้นหุ้มด้วยทองคำ มีตะขอทองคำและมีฐานรองรับห้าฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/26-850456e27475860ef9fae0fac66a02d8.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 27

แท่นบูชา

1 “จงใช้ไม้กระถินเทศทำแท่นบูชา รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 5 ศอก สูง 3 ศอก

2 ทำเชิงงอนที่มุมทั้งสี่ของแท่นเป็นเนื้อเดียวกับตัวแท่น และใช้ทองสัมฤทธิ์หุ้มรอบแท่น

3 จงทำภาชนะทุกชิ้นของแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์คือ หม้อใส่เถ้า ทัพพี อ่างประพรม ขอเกี่ยวเนื้อ และถาดรองไฟ

4 จงทำตะแกรงทองสัมฤทธิ์มีห่วงโลหะติดไว้ทั้งสี่มุม

5 วางตะแกรงนี้ที่ด้านในของแท่น ใต้ขอบบนอยู่ระดับกลางแท่น

6 จงทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์สำหรับการเคลื่อนย้ายแท่นบูชา

7 เวลาจะหามให้เอาคานสอดในห่วง ไม้คานอยู่ข้างแท่นข้างละอัน

8 จงทำแท่นนี้ด้วยไม้กระดาน ให้ภายในกลวงตามแบบที่เราแจ้งแก่เจ้าบนภูเขา

ลานพลับพลา

9 “จงทำลานพลับพลา มีผ้าลินินเนื้อดีเป็นม่านปิดทางด้านทิศใต้ ม่านคลี่ออกกว้าง 100 ศอก

10 มีเสายี่สิบต้นปักบนฐานรองรับยี่สิบฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และมีตะขอเงินกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา

11 ทางด้านทิศเหนือก็เช่นกันคือ ม่านกว้าง 100 ศอก มีเสายี่สิบต้น พร้อมฐานรองรับทำจากทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน และมีตะขอเงินและราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา

12 “ด้านทิศตะวันตกของลานมีม่านกว้าง 50 ศอกและมีเสาสิบต้นปักบนฐานทั้งสิบ

13 ด้านทิศตะวันออกก็มีม่านกว้าง 50 ศอกเช่นกัน

14 ด้านหนึ่งของทางเข้ามีม่านยาว 15 ศอกเกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน

15 อีกด้านหนึ่งก็มีม่านกว้าง 15 ศอกเกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน

16 “ทางเข้าลานพลับพลานั้นจะเป็นม่านกว้าง 20 ศอกทำด้วยผ้าลินินเนื้อดีปักลวดลายงดงามจากด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง ยึดกับเสาสี่ต้นปักบนฐานสี่ฐาน

17 เสาทุกต้นรอบลานพลับพลาปักบนฐานทองสัมฤทธิ์ มีตะขอและราวทำด้วยเงิน

18 ฉะนั้นลานจะมีขนาดยาว 100 ศอก กว้าง 50 ศอกมีม่านโดยรอบสูง 5 ศอกทำจากผ้าลินินเนื้อดีและมีฐานทองสัมฤทธิ์

19 เครื่องใช้ทั้งหมดในพลับพลา รวมทั้งหมุดตอกและหมุดสำหรับแขวนเครื่องใช้ต่างๆ ที่ฝาโดยรอบ ล้วนทำด้วยทองสัมฤทธิ์

น้ำมันสำหรับประทีป

20 “จงบัญชาประชากรอิสราเอลให้นำน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์มาให้เจ้าสำหรับใช้จุดประทีป เพื่อคันประทีปจะได้ลุกอยู่ตลอดเวลา

21 สำหรับคันประทีปในเต็นท์นัดพบนอกม่านซึ่งอยู่ตรงหน้าหีบพันธสัญญา อาโรนกับบรรดาบุตรชายจะต้องคอยดูแลให้ไฟลุกอยู่เสมอต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่พลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับชนอิสราเอลสืบไปทุกชั่วอายุ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/27-ea8b61c41b90c2917220484bbfab141b.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 28

เครื่องแต่งกายปุโรหิต

1 “จงสถาปนาอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ ให้ทำหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา

2 จงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนให้งดงามและสมเกียรติ

3 จงกำชับช่างผู้ชำนาญทุกคนซึ่งเราให้สติปัญญาในเชิงช่างแก่เขา ให้ทำเครื่องแต่งกายสำหรับอาโรน สำหรับการชำระเขาให้บริสุทธิ์และแยกเขาไว้เพื่อเขาจะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา

4 เครื่องแต่งกายที่ให้ทำได้แก่ ทับทรวง เอโฟด เสื้อคลุม เสื้อตัวในที่ทอขึ้น ผ้าโพกศีรษะ และสายคาดเอว และจงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์พิเศษสำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาด้วย เพื่อเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต

5 โดยให้ช่างใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี

เอโฟด

6 “จงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำเอโฟดโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี

7 ประกอบด้วยชิ้นหน้าและชิ้นหลัง มีแถบสองชิ้นที่บ่าโยงมุมสำหรับผูกเข้าด้วยกัน

8 ทำสายคาดเอวอย่างประณีตด้วยทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีทอเข้าเป็นชิ้นเดียวกับเอโฟด

9 “จงเอาโกเมนสองชิ้นจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอล

10 จารึกชิ้นละหกชื่อตามลำดับการกำเนิดของพวกเขา

11 จงจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอลลงบนโกเมนทั้งสองชิ้นนั้นด้วยวิธีเดียวกันกับที่ช่างเจียระไนสลักตรา แล้วฝังโกเมนสองชิ้นนั้นบนเรือนทอง

12 จงร้อยโกเมนทั้งสองชิ้นนี้เข้ากับแถบบ่าเอโฟด เพื่อเป็นหินอนุสรณ์ถึงประชากรอิสราเอล อาโรนจะต้องแบกชื่อของพวกเขา เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาเสมอ

13 จงทำเรือนทองสองเรือน

14 และทำสร้อยเกลียวสองเส้นลักษณะคล้ายเชือกด้วยทองคำบริสุทธิ์และติดสร้อยนั้นเข้ากับเรือนทองทั้งสอง

ทับทรวง

15 “แล้วจงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำทับทรวงสำหรับการตัดสินโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีเหมือนกับที่ใช้ทำเอโฟด

16 ทับทรวงนี้จะเป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งคืบพับสองทบ

17 แล้วฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล

18 แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต

19 แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง

20 แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง

21 อัญมณีสิบสองเม็ดนี้ แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรชายแต่ละคนของอิสราเอลแทนทั้งสิบสองเผ่าเหมือนสลักตรา

22 “จงทำสร้อยเกลียวทองคำบริสุทธิ์ลักษณะคล้ายเชือกสำหรับทับทรวง

23 ทำห่วงทองคำสองห่วงคล้องสร้อยเกลียวเข้ากับมุมทั้งสองของทับทรวง

24 ผูกสร้อยเกลียวทองคำทั้งสองเส้นเข้ากับห่วงที่มุมทับทรวง

25 ส่วนปลายอีกด้านของสร้อยเกลียวติดเข้ากับเรือนทองทั้งสอง แล้วติดเข้ากับแถบบ่าทั้งสองของเอโฟดตรงด้านหน้า

26 ทำห่วงทองคำสองห่วงติดกับอีกสองมุมของทับทรวงตรงขอบด้านในชิดกับเอโฟด

27 ทำห่วงทองคำอีกสองห่วงติดที่ปลายล่างของแถบบ่าตรงด้านหน้าของเอโฟด ชิดกับตะเข็บเหนือสายคาดเอวของเอโฟด

28 ห่วงของทับทรวงจะผูกเข้ากับห่วงของเอโฟดโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงินติดเข้ากับสายคาดเอว เพื่อไม่ให้ทับทรวงเลื่อนหลุดจากเอโฟด

29 “เมื่อใดก็ตามที่อาโรนเข้าไปในวิสุทธิสถาน เขาจะแบกชื่อบุตรทั้งหลายของอิสราเอลแนบหัวใจของเขาบนทับทรวงแห่งการตัดสิน แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาอยู่เสมอ

30 จงสอดอูริมและทูมมิมไว้ในช่องระหว่างทบของทับทรวงด้วย เพื่อสองสิ่งนี้จะได้แนบใจของอาโรนเวลาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นอาโรนจะมีเครื่องมือในการตัดสินสำหรับชนอิสราเอลแนบใจเสมอต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

เครื่องแต่งกายปุโรหิตชิ้นอื่นๆ

31 “จงทำเสื้อคลุมเข้าชุดกับเอโฟดด้วยผ้าสีน้ำเงินทั้งตัว

32 มีช่องตรงกลางสำหรับสวมเข้าทางศีรษะและมีแถบทอรอบคอเสื้อเพื่อไม่ให้เสื้อขาด

33 จงทำผลทับทิมด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงไว้รอบชายเสื้อคลุม ติดลูกพรวนทองคำสลับกับผลทับทิม

34 ลูกพรวนทองคำจะต้องสลับกับผลทับทิมรอบชายเสื้อคลุม

35 อาโรนต้องสวมเสื้อนี้ทุกครั้งที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ คนจะได้ยินเสียงลูกพรวนขณะที่เขาเข้าออกต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในวิสุทธิสถาน เพื่อเขาจะไม่ตาย

36 “จงทำแผ่นทองคำบริสุทธิ์และสลักว่า ‘บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’

37 จงร้อยแผ่นทองนี้เข้ากับด้านหน้าของผ้าโพกศีรษะของอาโรนโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงิน

38 เพื่ออาโรนจะได้คาดแผ่นทองนี้บนหน้าผาก และแบกมลทินความผิดซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ที่ประชากรอิสราเอลนำมาถวาย เขาจะต้องคาดไว้เสมอเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยอมรับประชากร

39 “จงทอเสื้อตัวในจากผ้าลินินเนื้อดีและใช้ผ้าอย่างเดียวกันนี้ทำผ้าโพกศีรษะด้วย และจงทำสายคาดเอวปักด้วยฝีมือประณีต

40 จงทำเสื้อตัวใน สายคาดเอว และแถบคาดหน้าผากสำหรับบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้สง่างามและสมเกียรติ

41 จงให้อาโรนพี่ชายของเจ้ากับบรรดาบุตรชายของเขาสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ แล้วเจิมและสถาปนาพวกเขา ชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ และแยกพวกเขาไว้เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต

42 “จงทำเครื่องแต่งกายชั้นในด้วยผ้าลินินเพื่อสวมปกปิดร่างกายตั้งแต่เอวถึงต้นขา

43 อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะต้องสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ทุกครั้งที่เข้าไปในเต็นท์นัดพบหรือเข้าใกล้แท่นบูชาเพื่อปรนนิบัติในวิสุทธิสถาน พวกเขาจะได้ไม่มีความผิดและต้องโทษถึงชีวิต

“นี่จะต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับอาโรนและวงศ์วานของเขาสืบไป

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/28-a4e799c0302bb847cd970d224e6919b8.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 29

พิธีชำระปุโรหิต

1 “เจ้าจงทำดังนี้เพื่อชำระอาโรนและบรรดาบุตรชายและแยกพวกเขาไว้เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิตคือ จงนำวัวหนุ่มหนึ่งตัวและแกะผู้ซึ่งไม่มีตำหนิมาสองตัว

2 พร้อมทั้งขนมปังไม่ใส่เชื้อและขนมปังไม่ใส่เชื้อคลุกน้ำมัน และขนมปังไม่ใส่เชื้อแผ่นบางทาน้ำมัน ขนมปังเหล่านี้ล้วนทำจากแป้งสาลีอย่างดี

3 วางขนมปังไว้ในกระจาดและนำมาถวายที่ทางเข้าพลับพลาพร้อมด้วยวัวหนุ่มและแกะผู้ทั้งสองตัว

4 จงใช้น้ำชำระตัวอาโรนและบรรดาบุตรชายที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ

5 แล้วสวมเครื่องแต่งกายให้อาโรน ทั้งเสื้อตัวใน เสื้อคลุม เอโฟด ทับทรวง และสายคาดเอว

6 โพกผ้าโพกศีรษะซึ่งมีแผ่นทองคำติดอยู่นั้นให้อาโรน

7 แล้วเอาน้ำมันสำหรับเจิมรินลงบนศีรษะของเขา

8 จากนั้นสวมเสื้อตัวในให้บุตรชายของอาโรน

9 พร้อมทั้งคาดสายคาดเอวและโพกผ้าโพกศีรษะให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขา เขาเหล่านั้นจะเป็นปุโรหิตตามข้อปฏิบัติถาวร นี่เป็นพิธีสถาปนาอาโรนและบรรดาบุตรชาย

10 “จากนั้นจงนำวัวหนุ่มมาที่หน้าเต็นท์นัดพบ อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะเอามือวางบนหัวของมัน

11 เจ้าจงฆ่ามันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

12 เอานิ้วจุ่มเลือดวัวทาที่เชิงงอนของแท่นบูชาและรินส่วนที่เหลือตรงเชิงแท่นบูชา

13 แล้วจงเอาไขมันซึ่งหุ้มเครื่องใน พังผืดที่หุ้มตับ ไตทั้งสองลูกกับไขมันที่หุ้มไตเผาบนแท่นบูชา

14 แต่จงเอาเนื้อของมันทั้งหนังและไส้ออกไปเผานอกบริเวณค่ายพัก นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป

15 “จากนั้นอาโรนและบุตรชายจะวางมือบนหัวแกะผู้ตัวหนึ่ง

16 จงฆ่าแกะตัวนั้น รองเลือดของมันมาพรมรอบแท่นบูชา

17 จงชำแหละแกะผู้ตัวนั้นแล้วล้างเครื่องในและขาให้สะอาด วางรวมกับหัวและส่วนอื่นๆ

18 จากนั้นจงเผาแกะผู้ตัวนั้นทั้งหมดบนแท่นบูชาเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

19 “จากนั้นเอาแกะผู้อีกตัวหนึ่งมา อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะวางมือบนหัวแกะ

20 จงฆ่าแกะนั้น รองเลือดมาส่วนหนึ่งเจิมที่ติ่งหูข้างขวา นิ้วหัวแม่มือขวา กับนิ้วหัวแม่เท้าขวาของอาโรนและบรรดาบุตรชาย จากนั้นจงพรมเลือดส่วนที่เหลือรอบแท่นบูชา

21 แล้วปาดเลือดจากแท่นบูชา เอามาผสมกับน้ำมันสำหรับเจิม แล้วพรมที่ตัวอาโรนและบรรดาบุตรชายกับที่เสื้อผ้าของพวกเขา เป็นการชำระตัวและเครื่องแต่งกายของพวกเขาให้บริสุทธิ์

22 “จากนั้นเอาไขมัน ไขมันส่วนหาง ไขมันหุ้มเครื่องใน พังผืดหุ้มตับ ไตทั้งสองลูกกับไขมันหุ้มไตและโคนขาขวาของแกะนั้น (นี่เป็นแกะสำหรับการสถาปนาอาโรนกับบรรดาบุตรชาย)

23 และเอาขนมปังก้อนหนึ่ง ขนมปังคลุกน้ำมัน และขนมปังแผ่นบางจากกระจาดที่บรรจุขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งวางไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

24 เอาของทั้งหมดนี้ให้อาโรนและบรรดาบุตรชายยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย

25 แล้วจงรับของเหล่านั้นจากมือของพวกเขา นำไปเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

26 จากนั้นเอาอกของแกะสำหรับพิธีสถาปนาอาโรนยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย เสร็จแล้วเก็บไว้เป็นส่วนของเจ้า

27 “จงชำระส่วนต่างๆ ของแกะผู้ที่ใช้ในการสถาปนา ซึ่งเป็นของอาโรนและบรรดาบุตรชาย คือเนื้อส่วนอกและโคนขาที่ยื่นถวาย

28 ประชากรอิสราเอลจะต้องยกส่วนนี้ของเครื่องบูชาให้อาโรนและบุตรชายเสมอ เป็นส่วนที่ชนอิสราเอลถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจากเครื่องสันติบูชาของพวกเขา

29 “เครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ของอาโรนจะตกทอดไปถึงลูกหลานของเขาเพื่อใส่เมื่อรับการเจิมและการสถาปนา

30 บุตรชายที่จะรับตำแหน่งปุโรหิตสืบต่อจากอาโรนจะต้องสวมเครื่องแต่งกายเต็มยศเป็นเวลาเจ็ดวัน เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในพลับพลาและวิสุทธิสถาน

31 “จงเอาเนื้อของแกะผู้ที่ใช้ในพิธีสถาปนาต้มในที่ศักดิ์สิทธิ์

32 อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะกินเนื้อนั้น พร้อมทั้งขนมปังในกระจาดตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

33 พวกเขาจะกินของเหล่านี้ซึ่งเป็นเครื่องบูชาลบบาปที่ใช้ในพิธีสถาปนาและการชำระให้บริสุทธิ์ของพวกเขา คนอื่นๆ ห้ามกินเพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์

34 และถ้ามีเนื้อแกะผู้สำหรับสถาปนาหรือขนมปังเหลือค้างถึงรุ่งเช้า อย่ากินแต่จงเผาทิ้งเพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์

35 “จงประกอบพิธีสถาปนาอาโรนกับบรรดาบุตรชายตามที่เราบัญชาเจ้าไว้ทุกอย่างโดยใช้เวลาเจ็ดวัน

36 ทุกๆ วันเจ้าจงถวายวัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป หลังจากนั้นจงชำระแท่นบูชาโดยทำการลบมลทิน และเจิมแท่นนั้นเพื่อชำระให้บริสุทธิ์

37 ตลอดเจ็ดวันจงลบมลทินแท่นบูชาและชำระให้บริสุทธิ์ แล้วแท่นบูชาจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และไม่ว่าสิ่งใดแตะต้องแท่นนั้น สิ่งนั้นจะบริสุทธิ์

38 “จงถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบบนแท่นบูชาวันละสองตัว

39 ตัวหนึ่งถวายตอนเช้า ส่วนอีกตัวถวายตอนเย็น

40 จงถวายแป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตรผสมน้ำมันมะกอกประมาณ 1 ลิตรและเหล้าองุ่นประมาณ 1 ลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชาพร้อมกับแกะตัวแรก

41 ส่วนแกะอีกตัวถวายในตอนเย็นพร้อมเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาเช่นเดียวกับตอนเช้า เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

42 “นี่คือเครื่องเผาบูชาประจำวันเสมอไปทุกชั่วอายุที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเราจะมาพบเจ้าและสนทนากับเจ้าที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบนี้

43 เราจะพบกับชาวอิสราเอลที่นั่นด้วย และเกียรติสิริของเราจะทำให้พลับพลาเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์

44 “ดังนั้นเราจะชำระเต็นท์นัดพบและแท่นบูชาให้บริสุทธิ์ ทั้งจะชำระอาโรนและบรรดาบุตรชายให้บริสุทธิ์และแยกพวกเขาไว้เพื่อเป็นปุโรหิตรับใช้เรา

45 แล้วเราจะสถิตท่ามกลางชนอิสราเอล และเป็นพระเจ้าของพวกเขา

46 พวกเขาจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ เพื่อเราจะได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/29-0ecf92446cd3d6d9490fe129b451bbc0.mp3?version_id=179—

Categories
อพยพ

อพยพ 30

แท่นเผาเครื่องหอม

1 “จงใช้ไม้กระถินเทศทำแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม

2 เป็นแท่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างและยาว 1 ศอก สูง 2 ศอกมีเชิงงอนแกะสลักจากตัวแท่นเป็นเนื้อเดียวกัน

3 ใช้ทองคำบริสุทธิ์หุ้มด้านบน ด้านข้างทุกด้าน และเชิงงอน และทำคิ้วทองคำคาดรอบแท่น

4 ใต้คิ้วทั้งสองด้านทำห่วงทองคำข้างละสองอัน สำหรับสอดคานหามเวลาเคลื่อนย้ายแท่น

5 จงทำคานหามจากไม้กระถินเทศหุ้มทองคำ

6 จงตั้งแท่นนี้ไว้นอกม่านหน้าหีบพันธสัญญา คืออยู่หน้าพระที่นั่งกรุณาซึ่งอยู่เหนือหีบพันธสัญญา เราจะพบกับเจ้าที่นั่น

7 “ทุกเช้าเมื่ออาโรนมาดูแลความเรียบร้อยของตะเกียง เขาต้องเผาเครื่องหอมบนแท่น

8 และทุกเย็นเมื่อมาจุดประทีป เขาต้องเผาเครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จงปฏิบัติเช่นนี้สืบไปทุกชั่วอายุ

9 เครื่องหอมอื่นๆ เครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา อย่านำมาเผาบนแท่นนี้เลย และอย่าเทเครื่องดื่มบูชาบนแท่นนี้

10 อาโรนจะทำพิธีลบมลทินชำระแท่นปีละครั้งโดยต้องใช้เลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปทาเชิงงอน จงปฏิบัติตามกฎข้อนี้ทุกๆ ปีสืบไปทุกชั่วอายุ เพราะแท่นนี้เป็นแท่นบริสุทธิ์ที่สุดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”

เงินค่าไถ่ชีวิต

11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

12 “เมื่อเจ้าทำสำมะโนประชากรชนอิสราเอลเพื่อนับจำนวนพวกเขา ให้ทุกคนที่เข้าชื่อแล้วนำค่าไถ่ชีวิตมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อไม่ให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในหมู่พวกเขา

13 ค่าไถ่ชีวิตดังกล่าวคือเงินหนักครึ่งเชเขลตามเชเขลของสถานนมัสการ ซึ่ง 1 เชเขลหนัก 20 เกราห์ นี่เป็นเงินครึ่งเชเขลซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

14 ทุกคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนประชากรที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปจะต้องถวายเงินจำนวนนี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

15 คนรวยไม่ต้องถวายเกินครึ่งเชเขล ส่วนคนจนต้องถวายให้ครบ เพราะเป็นเงินถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นค่าไถ่ชีวิต

16 จงรับเงินค่าลบบาปจากชนอิสราเอลและใช้เงินจำนวนนี้สำหรับทำนุบำรุงเต็นท์นัดพบ นี่เป็นอนุสรณ์สำหรับชนอิสราเอลต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการไถ่ชีวิตสำหรับพวกเจ้า”

อ่างสำหรับล้างชำระ

17 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

18 “จงทำอ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองทองสัมฤทธิ์เพื่อการล้างชำระ วางไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา และใส่น้ำในอ่างนั้น

19 อาโรนและบรรดาบุตรชายจะใช้น้ำนั้นล้างมือล้างเท้า

20 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้าไปในเต็นท์นัดพบ พวกเขาจะล้างชำระด้วยน้ำเพื่อจะได้ไม่ตาย เช่นเดียวกันกับเมื่อพวกเขาเข้าไปปรนนิบัติที่แท่นบูชาโดยการถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

21 พวกเขาจะล้างมือและเท้าเพื่อพวกเขาจะไม่ตาย นี่จะต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับอาโรนและวงศ์วานของเขาสืบไปทุกชั่วอายุ”

น้ำมันเจิม

22 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

23 “จงนำเครื่องหอมอย่างดีต่อไปนี้คือ มดยอบแท้หนักประมาณ 6 กิโลกรัมอบเชยหอมและตะไคร้หอมอย่างละครึ่งของมดยอบ คือ ประมาณ 3 กิโลกรัม

24 การบูร ประมาณ 6 กิโลกรัมและน้ำมันมะกอกประมาณ 4 ลิตร

25 ให้นำเครื่องปรุงเหล่านี้มาทำเป็นน้ำมันเจิมบริสุทธิ์ น้ำหอมที่ปรุงตามศิลปะของช่างปรุง เพื่อใช้เป็นน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์

26 แล้วจงใช้น้ำมันหอมนี้เจิมเต็นท์นัดพบ หีบพันธสัญญา

27 โต๊ะพร้อมทั้งเครื่องใช้ไม้สอย คันประทีปพร้อมทั้งอุปกรณ์ทั้งหมด แท่นเผาเครื่องหอม

28 แท่นบูชาพร้อมทั้งภาชนะใช้สอยครบครัน อ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองอ่าง

29 จงชำระของเหล่านี้เพื่อจะได้เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด สิ่งใดก็ตามเมื่อสัมผัสสิ่งของเหล่านี้จะบริสุทธิ์ไปด้วย

30 “จงเจิมอาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา เป็นการชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์และแยกไว้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา

31 จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘นี่คือน้ำมันเจิมบริสุทธิ์ของเราสืบไปทุกชั่วอายุ

32 อย่าเทน้ำมันนี้ลงบนร่างกายคนทั่วไป อย่าใช้สูตรนี้ปรุงน้ำมันใดๆ เพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าจะต้องถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์

33 ผู้ใดผสมน้ำมันหอมอย่างนี้หรือนำไปใช้กับผู้ที่ไม่ใช่ปุโรหิต จะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา’ ”

เครื่องหอม

34 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนำเครื่องเทศหอม อันได้แก่ยางไม้หอม น้ำมันชะมด มหาหิงค์ และกำยานบริสุทธิ์ ชั่งให้ได้ส่วนเท่ากันหมด

35 ปรุงเป็นเครื่องหอมตามศิลปะของช่างปรุง เจือด้วยเกลือ จะเป็นของที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์

36 จงเอาส่วนหนึ่งมาบดละเอียดแล้ววางไว้หน้าหีบพันธสัญญาในเต็นท์นัดพบที่ซึ่งเราจะมาพบเจ้า เครื่องหอมนี้ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดสำหรับเจ้า

37 อย่าปรุงเครื่องหอมสูตรนี้เพื่อใช้เอง จงถือเป็นของบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

38 ผู้ใดทำขึ้นไว้เพื่อความรื่นรมย์ส่วนตัวจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/30-ebca1cbb9ba010447b027b34c5b5801b.mp3?version_id=179—