Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 1

คำอธิษฐานของเนหะมีย์

1 ถ้อยคำของเนหะมีย์บุตรฮาคาลิยาห์ความว่า

เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่ป้อมเมืองสุสา ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

2 ฮานานีพี่น้องคนหนึ่งจากยูดาห์มาเยี่ยมข้าพเจ้าพร้อมกับคนอื่นๆ ข้าพเจ้าจึงซักถามพวกเขาเกี่ยวกับเยรูซาเล็มและชาวยิวที่เหลือซึ่งรอดพ้นจากการเป็นเชลย

3 พวกเขาตอบข้าพเจ้าว่า “คนที่เหลือซึ่งรอดพ้นจากการเป็นเชลยและกลับไปยังแว่นแคว้นเดิมนั้นมีความทุกข์และความอัปยศอย่างยิ่ง กำแพงเยรูซาเล็มก็ปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผาไปแล้ว”

4 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็นั่งลงร้องไห้ ข้าพเจ้าโศกเศร้า ถืออดอาหาร และอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อยู่หลายวัน

5 แล้วข้าพเจ้าอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อบรรดาผู้ที่รักและเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

6 ขอทรงสดับฟังและทอดพระเนตรผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งกำลังทูลอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืนเพื่อประชากรอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ขอสารภาพบาปที่เราชาวอิสราเอล รวมทั้งข้าพระองค์และตระกูลของข้าพระองค์ได้ละเมิดต่อพระองค์

7 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ประพฤติตัวเลวทรามต่อพระองค์ ไม่เชื่อฟังพระบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานแก่โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

8 “โปรดทรงระลึกถึงถ้อยคำของพระองค์ที่ทรงให้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไว้ว่า ‘หากพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ

9 แต่หากเจ้าหันกลับมาหาเราและเชื่อฟังคำสั่งของเรา ถึงแม้เจ้าจะตกเป็นเชลยในแดนไกลสุดขอบฟ้า เราก็จะรวบรวมเจ้าทั้งหลายกลับสู่สถานที่นี้ ซึ่งเราได้เลือกเป็นที่สถาปนานามของเรา’

10 “ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้รับใช้และเป็นประชากรของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้โดยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่และพระหัตถ์อันเกรียงไกร

11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดสดับฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้คนนี้และของบรรดาผู้รับใช้ซึ่งยำเกรงพระนามของพระองค์ด้วยความปีติยินดี โปรดประทานความสำเร็จแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ โดยให้ข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานของชายผู้นี้”

ข้าพเจ้าเป็นผู้เชิญจอกเสวยของกษัตริย์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/1-2d5aa632b43a6ad3b61453e8a3df1a23.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 2

กษัตริย์อารทาเซอร์ซีสส่งเนหะมีย์ไปเยรูซาเล็ม

1 ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ข้าพเจ้ากำลังถวายเหล้าองุ่นแด่กษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเศร้าหมองเวลาอยู่หน้าที่ประทับมาก่อนเลย

2 กษัตริย์จึงตรัสถามว่า “ทำไมเจ้าจึงหน้าตาเศร้าหมองนักในเมื่อไม่ได้เจ็บป่วยอะไร? คงไม่มีอะไรนอกจากจะทุกข์ใจ”

ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกลัวอย่างมาก

3 แต่ก็ทูลว่า “ขอจงทรงพระเจริญ! ข้าพระบาทอดเศร้าหมองไม่ได้ เนื่องจากเมืองที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทตกอยู่ในสภาพปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผาวอดวาย”

4 กษัตริย์ตรัสว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด?”

ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

5 แล้วทูลกษัตริย์ว่า “หากฝ่าพระบาทจะทรงโปรด และหากผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของฝ่าพระบาท ขอทรงส่งข้าพระบาทไปยังเมืองในยูดาห์ซึ่งเป็นที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพระบาทเพื่อจะสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่”

6 ขณะนั้นพระราชินีประทับอยู่ข้างๆ ด้วย กษัตริย์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน? เจ้าจะกลับมาเมื่อใด?” เป็นอันว่ากษัตริย์ทรงโปรดเห็นชอบที่จะส่งข้าพเจ้าไป ดังนั้นข้าพเจ้าจึงกำหนดเวลาออกเดินทาง

7 ข้าพเจ้ากราบทูลด้วยว่า “หากทรงโปรด ขอประทานพระราชสาส์นให้ข้าพระบาทนำไปถึงบรรดาผู้ว่าการมณฑลที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยให้ข้าพระบาทผ่านเขตแดนจนไปถึงยูดาห์อย่างปลอดภัย

8 พร้อมทั้งโปรดมีพระราชสาส์นไปยังอาสาฟผู้ดูแลป่าไม้หลวงให้มอบไม้สำหรับทำคานประตูป้อมใกล้พระวิหาร สำหรับกำแพงเมือง และสำหรับที่พักซึ่งข้าพระบาทจะอาศัยด้วยเถิด” แล้วกษัตริย์ทรงอนุมัติตามคำทูลขอ เพราะพระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า

9 ข้าพเจ้าจึงไปพบบรรดาผู้ว่าการแว่นแคว้นต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบพระราชสาส์นแก่พวกเขา และกษัตริย์ได้ทรงส่งบรรดานายทหารและกองทหารม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย

10 เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมและโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่พอใจที่มีคนมาส่งเสริมสวัสดิภาพของชนอิสราเอล

เนหะมีย์สำรวจกำแพงเยรูซาเล็ม

11 หลังจากที่ข้าพเจ้ามาถึงเยรูซาเล็มได้สามวัน

12 ข้าพเจ้าออกไปในเวลากลางคืนและนำคนสองสามคนไปด้วย ข้าพเจ้าไม่ได้บอกใครเลยเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงดลใจข้าพเจ้าให้ทำเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปด้วยนอกจากตัวที่ข้าพเจ้าขี่ไป

13 ข้าพเจ้าออกไปทางประตูหุบเขาในเวลากลางคืน ตรงไปยังบ่อน้ำหมาในประตูกองขยะ ตรวจดูกำแพงเยรูซาเล็มซึ่งปรักหักพังและประตูที่ถูกเผาวอดวาย

14 จากนั้นข้าพเจ้าไปถึงประตูน้ำพุและถึงสระหลวง แต่สัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่ไม่สามารถผ่านช่องปรักหักพังนั้นไปได้

15 ข้าพเจ้าจึงขึ้นไปบนหุบเขาในเวลากลางคืนเพื่อสำรวจกำแพง แล้วย้อนกลับเข้าประตูหุบเขาดังเดิม

16 บรรดาข้าราชการไม่ทราบว่าข้าพเจ้าไปที่ไหนหรือทำอะไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่ได้บอกแผนการที่คิดไว้แก่ใครเลย ไม่ว่าชาวยิว ปุโรหิต ขุนนาง ข้าราชการหรือคนอื่นๆ ซึ่งจะทำงาน

17 แล้วข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่า “ท่านก็เห็นแล้วว่าเราทุกข์ใจเพราะเรื่องใด เยรูซาเล็มปรักหักพัง ประตูเมืองก็ถูกเผา ให้เรามาช่วยกันสร้างกำแพงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่เถิด เราจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป”

18 แล้วข้าพเจ้าเล่าเรื่องที่พระหัตถ์แห่งพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า และสิ่งที่กษัตริย์ตรัสกับข้าพเจ้าให้พวกเขาฟัง

พวกเขากล่าวว่า “เราเริ่มงานซ่อมแซมกันเถิด” ฉะนั้นพวกเขาจึงเริ่มทำงานที่มีคุณค่านี้

19 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิมกับโทบียาห์ข้าราชการชาวอัมโมนและเกเชมชาวอาหรับได้ยินเรื่องนี้ก็เยาะเย้ยและสบประมาทว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร? จะกบฏต่อกษัตริย์หรือ?”

20 ข้าพเจ้าจึงตอบพวกเขาว่า “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงช่วยให้เราทำสำเร็จ เราผู้รับใช้ของพระองค์จะเริ่มงานก่อสร้าง ส่วนท่านไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนใดๆ ในเยรูซาเล็ม”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/2-fb085b6720091153421943ef7ea64f33.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 3

ผู้สร้างกำแพงเมือง

1 มหาปุโรหิตเอลียาชีบและปุโรหิตอื่นๆ จึงลงมือซ่อมแซมประตูแกะ ทำพิธีถวายและติดตั้งประตู ซ่อมไปจนถึงหอคอยหนึ่งร้อยซึ่งพวกเขาทำพิธีถวาย และซ่อมไปจนถึงหอคอยฮานันเอล

2 ชาวเมืองเยรีโคสร้างส่วนถัดไป และศักเกอร์บุตรอิมรีก็สร้างส่วนถัดไป

3 บุตรทั้งหลายของหัสเสนาอาห์ซ่อมแซมประตูปลา เขาวางไม้คาน ติดตั้งประตู สลัก และดาล

4 เมเรโมทบุตรอุรียาห์บุตรของฮักโขสซ่อมช่วงถัดไป เมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์บุตรของเมเชซาเบลซ่อมแซมช่วงถัดจากเขา และศาโดกบุตรบาอานาซ่อมแซมช่วงถัดไป

5 ถัดไปได้แก่ชาวเมืองเทโคอา แต่บรรดาขุนนางของเขาไม่ยอมทำงานตามคำสั่งของผู้ดูแล

6 โยยาดาบุตรปาเสอาห์กับเมชุลลามบุตรเบโสไดอาห์ซ่อมแซมประตูเยชานาห์พวกเขาวางคาน ติดตั้งประตู สลัก และดาล

7 ถัดไปคืองานซ่อมแซมของเมลาติยาห์จากกิเบโอนกับของยาโดนจากเมโรโนท คนจากกิเบโอนและมิสปาห์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

8 อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์ซึ่งเป็นช่างทองซ่อมแซมส่วนถัดไป ถัดจากนั้นคือฮานันยาห์ผู้ปรุงน้ำหอม พวกเขาซ่อมแซมเยรูซาเล็มไปถึงกำแพงกว้าง

9 เรไฟยาห์บุตรเฮอร์ผู้ปกครองเยรูซาเล็มครึ่งหนึ่งซ่อมแซมส่วนถัดไป

10 ถัดไปคือเยดายาห์บุตรฮารุมัฟซ่อมส่วนที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเขา ถัดไปคือฮัททัชบุตรฮาชับเนยาห์

11 มัลคียาห์บุตรฮาริมกับหัสชูบบุตรปาหัทโมอับซ่อมแซมอีกช่วงหนึ่งพร้อมทั้งหอคอยเตาอบ

12 ชัลลูมบุตรฮัลโลเหชกับบรรดาบุตรสาวของเขาซ่อมแซมส่วนถัดไป เขาเป็นผู้ปกครองเยรูซาเล็มอีกครึ่งหนึ่ง

13 ฮานูนกับชาวศาโนอาห์ซ่อมแซมประตูหุบเขา ติดตั้งประตู สลัก และดาล และซ่อมกำแพงยาว 1,000 ศอกไปจนถึงประตูกองขยะ

14 ผู้ที่ซ่อมประตูกองขยะคือ มัลคียาห์บุตรเรคาบผู้ปกครองเขตเบธฮัคเคเรม เขาซ่อมแซมและติดตั้งประตู สลัก และดาล

15 ชัลลูมบุตรโคลโฮเซห์ผู้ปกครองเขตมิสปาห์ ซ่อมแซมประตูน้ำพุ และติดหลังคา ติดประตู สลัก และดาล และซ่อมกำแพงจากสระสิโลอัมข้างอุทยานหลวงถึงขั้นบันไดจากเมืองดาวิด

16 ถัดจากเขาคือเนหะมีย์บุตรอัสบูกผู้ปกครองเขตเบธซูร์ครึ่งหนึ่ง สร้างไปถึงจุดตรงข้ามสุสานของดาวิดไปจนถึงอ่างเก็บน้ำและโรงทหาร

17 ถัดไปเป็นกลุ่มคนเลวีภายใต้การกำกับดูแลของเรฮูมบุตรบานี ข้างๆ เขาคือฮาชาบิยาห์ผู้ปกครองเขตเคอีลาห์ครึ่งหนึ่ง ซึ่งซ่อมแซมส่วนที่อยู่ในเขตของเขา

18 ถัดมาคือพี่น้องร่วมวงศ์ของเขานำโดยบินนุยบุตรเฮนาดัดผู้ปกครองเขตเคอีลาห์อีกครึ่งหนึ่ง

19 ถัดจากเขาคือเอเซอร์บุตรเยชูอาผู้ปกครองเขตมิสปาห์ ซ่อมจากจุดที่หันหน้าไปทางขึ้นคลังอาวุธถึงมุมกำแพง

20 ถัดมาคือบารุคบุตรศับบัยได้ซ่อมแซมอย่างแข็งขันจากมุมกำแพงไปถึงทางเข้าบ้านมหาปุโรหิตเอลียาชีบ

21 ถัดมาคือเมเรโมทบุตรอุรียาห์บุตรของฮักโขส ซ่อมกำแพงจากทางเข้าบ้านของเอลียาชีบถึงริมสุดบ้าน

22 ถัดมาซ่อมแซมโดยบรรดาปุโรหิตจากภูมิภาครอบๆ

23 ถัดขึ้นไปเบนยามินกับหัสชูบซ่อมส่วนหน้าบ้านของเขา ถัดจากนั้นอาซาริยาห์บุตรมาอาเสอาห์ บุตรของอานานิยาห์ ซ่อมส่วนที่อยู่ข้างบ้านของเขา

24 ถัดไปคือบินนุยบุตรเฮนาดัด ซ่อมอีกส่วนหนึ่งจากบ้านของอาซาริยาห์จนถึงมุมกำแพง

25 ปาลาลบุตรอุซัยรับช่วงงานจากตรงข้ามมุมกำแพงและหอคอยที่ยื่นจากตำหนักบนซึ่งใกล้ลานทหารรักษาพระองค์ ถัดไปคือเปดายาห์บุตรปาโรช

26 และผู้ช่วยงานในพระวิหารซึ่งอาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ซ่อมกำแพงไปจนถึงจุดตรงข้ามประตูน้ำไปทางตะวันออกและหอคอยที่ยื่นออกไป

27 ถัดมาคือชาวเทโคอาซึ่งซ่อมกำแพงอีกช่วงหนึ่งจากหอคอยใหญ่ที่ยื่นออกไปจนถึงกำแพงโอเฟล

28 บรรดาปุโรหิตซ่อมกำแพงเหนือประตูม้า แต่ละคนซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน

29 ถัดจากนั้นศาโดกบุตรอิมเมอร์ซ่อมส่วนที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเขา ถัดไปคือเชไมอาห์บุตรเชคานิยาห์ยามประตูตะวันออกเป็นผู้ซ่อมแซม

30 ถัดจากเขาคือฮานันยาห์บุตรเชเลมิยาห์ ฮานูนบุตรคนที่หกของศาลาฟซ่อมอีกส่วนหนึ่ง ถัดไปเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ซ่อมแซมส่วนที่ตรงข้ามที่พักของเขา

31 ถัดไปมัลคียาห์ช่างทองซ่อมแซมไปจนถึงเรือนผู้ช่วยงานในพระวิหารและเรือนพ่อค้า ตรงข้ามประตูตรวจตราไปจนถึงห้องชั้นบนตรงหัวมุม

32 ช่างทองและพ่อค้าอื่นๆ ซ่อมส่วนที่อยู่ระหว่างห้องชั้นบนตรงหัวมุมนี้ไปจนถึงประตูแกะ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/3-74d12111bfa9a9402e3ca9ab766e2d98.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 4

อุปสรรคในการซ่อมแซม

1 สันบาลลัทโกรธจัดเมื่อได้ยินว่าพวกเรากำลังสร้างกำแพงขึ้นใหม่ เขาสบประมาทชาวยิว

2 เขาถากถางพวกเราต่อหน้าเพื่อนพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “เจ้ายิวกระจอกงอกง่อยพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่? จะซ่อมกำแพงหรือ? จะถวายเครื่องบูชาหรือ? จะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ? จะเอาหินไหม้ดำจากกองขยะกลับมาใช้อีกหรือ?”

3 โทบียาห์ชาวอัมโมนซึ่งอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ให้สุนัขจิ้งจอกแค่ตัวเดียวปีนขึ้นไปบนกำแพงที่พวกเขากำลังสร้าง มันก็จะพังครืนลงมา!”

4 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโปรดสดับฟัง เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายถูกเย้ยหยัน ขอให้คำสบประมาทของพวกเขาย้อนตกใส่ศีรษะของพวกเขาเอง ขอให้พวกเขาเป็นเหยื่อของการปล้นและตกไปเป็นเชลย

5 ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อความผิดของพวกเขาหรือลบล้างบาปของพวกเขาให้พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์ เพราะพวกเขาหยามน้ำหน้าบรรดาผู้สร้างกำแพง

6 ในที่สุดกำแพงก็เสร็จถึงครึ่งหนึ่งของความสูงเดิม เพราะประชาชนทำงานอย่างสุดใจ

7 แต่เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ ชาวอาหรับ ชาวอัมโมน และชาวอัชโดดได้ยินว่างานซ่อมแซมกำแพงเมืองเยรูซาเล็มคืบหน้าไป และช่องโหว่ในกำแพงก็ถูกอุดหมดแล้ว พวกเขาก็โกรธจัด

8 พวกเขาคบคิดกันจะยกพวกมาสู้กับเยรูซาเล็มเพื่อก่อความวุ่นวาย

9 แต่เราอธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และตั้งยามดูแลทั้งวันทั้งคืนเพื่อรับมือกับการคุกคาม

10 ขณะเดียวกันประชาชนในยูดาห์กล่าวว่า “คนงานหมดแรงแล้ว และมีซากปรักหักพังมากมายจนเราไม่อาจสร้างกำแพงขึ้นใหม่ได้”

11 ศัตรูของเราก็กล่าวว่า “เราจะไปอยู่ในหมู่พวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัวหรือเห็นเรา เราจะฆ่าพวกเขาและงานจะได้หยุดลง”

12 และชาวยิวที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ มาบอกเราสิบกว่าครั้งว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะหันไปทางไหน พวกเขาก็จะโจมตีเรา”

13 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงวางทหารยามจากแต่ละครอบครัวไว้หลังกำแพงตรงจุดต่างๆ ที่ต่ำที่สุด ที่เป็นช่องโหว่ และให้ถือดาบ หอก และธนูไว้

14 หลังจากดูแลตรวจตราแล้ว ข้าพเจ้ายืนขึ้นกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “อย่ากลัวพวกนั้น จงระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม จงต่อสู้เพื่อพี่น้อง บุตรชาย บุตรสาว ภรรยา และบ้านของท่านเถิด”

15 เมื่อศัตรูของเราได้ข่าวว่าเราล่วงรู้แผนการของเขาและรู้ว่าพระเจ้าทรงขัดขวางเขา เราทั้งหมดก็กลับมาทำงานของตนที่กำแพงต่อ

16 นับตั้งแต่วันนั้นคนของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำงาน อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ ธนู และสวมเสื้อเกราะ พวกนายทหารยืนคุ้มกันอยู่หลังชาวยูดาห์ทั้งปวง

17 ซึ่งก่อกำแพงอยู่ คนงานขนวัสดุทำงานด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งถืออาวุธ

18 ช่างก่อแต่ละคนสะพายดาบอยู่ข้างตัวขณะทำงาน ส่วนคนเป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า

19 ข้าพเจ้าจึงกล่าวกับพวกขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนอื่นๆ ว่า “งานขยายออกไปมาก และพวกเราก็อยู่ห่างกันไปตลอดแนวกำแพง

20 เมื่อใดที่ท่านได้ยินเสียงเป่าแตร ให้รีบมารวมตัวกับพวกเราที่นั่น พระเจ้าของพวกเราจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา!”

21 ดังนั้นพวกเราจึงทำงานต่อไปตั้งแต่รุ่งสางจนค่ำมืด โดยมีคนครึ่งหนึ่งถือหอกเป็นยามคอยระวังภัย

22 ครั้งนั้นข้าพเจ้าบอกกับประชาชนด้วยว่า “ให้ทุกคนกับผู้ช่วยของเขามาค้างคืนในเยรูซาเล็ม เพื่อจะได้เฝ้ายามในเวลากลางคืน และทำงานในเวลากลางวัน”

23 ไม่ว่าข้าพเจ้าหรือพี่น้อง คนของข้าพเจ้าหรือยามที่อยู่กับข้าพเจ้า ไม่มีใครถอดเสื้อผ้าเลย และทุกคนมีอาวุธติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้เวลาไปเอาน้ำ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/4-bd195599a8b947658344485470211ffe.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 5

เนหะมีย์ช่วยเหลือผู้ยากไร้

1 ครั้งนั้นมีพวกผู้ชายพร้อมกับภรรยามาโวยวายเรื่องพี่น้องชาวยิวของตน

2 บางคนกล่าวว่า “พวกเรารวมทั้งบุตรชายบุตรสาวของเรามีจำนวนมาก พวกเราต้องขวนขวายหาอาหารเพื่อเราจะมีข้าวกินประทังชีวิต”

3 บางคนก็กล่าวว่า “เราต้องจำนองบ้าน ที่นา และสวนองุ่น เพื่อแลกเมล็ดข้าวในช่วงกันดารอาหาร”

4 ในขณะที่บางคนกล่าวว่า “เราต้องกู้ยืมเงินเพื่อเสียภาษีที่นาและสวนองุ่นให้กษัตริย์

5 ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ และถึงแม้ลูกชายของเราก็ดีพอๆ กับลูกของพวกเขา แต่เราต้องให้ลูกชายลูกสาวของเราเป็นทาส ลูกสาวบางคนของเรากลายเป็นทาสโดยที่เราไม่มีทางไถ่ตัวคืนมา เพราะเรือกสวนไร่นาของเราตกเป็นของคนอื่นแล้ว”

6 ข้าพเจ้าโกรธมากที่ได้ยินเช่นนี้

7 เมื่อใคร่ครวญเรื่องนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ต่อว่าเหล่าขุนนางและข้าราชการว่า “พวกท่านขูดรีดพี่น้องร่วมชาติ!” ข้าพเจ้าจึงเรียกประชุมใหญ่เพื่อจัดการกับคนพวกนี้

8 ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไถ่พี่น้องชาวยิวของเราที่ถูกขายให้คนต่างชาติกลับคืนมาให้ได้ แต่นี่พวกท่านกลับขายพี่น้องของตัวเองเพียงเพื่อให้พวกเขาถูกขายกลับมาให้พวกเรา!” คนเหล่านั้นก็นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก

9 ข้าพเจ้าจึงพูดต่อไปว่า “สิ่งที่พวกท่านทำอยู่นี้ไม่ถูกต้อง ท่านควรจะดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าของพวกเราไม่ใช่หรือ? จะได้ไม่เป็นที่ตำหนิติเตียนของศัตรูต่างชาติ

10 ข้าพเจ้ากับพี่น้อง และคนของข้าพเจ้าก็ให้คนยืมเงิน ยืมข้าว จงเลิกการให้ยืมแบบเก็บดอกเบี้ยอย่างนี้เถิด!

11 จงคืนที่นา สวนองุ่น สวนมะกอก และบ้านเรือนให้เขาทันที ทั้งดอกเบี้ยที่ท่านเก็บไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้าว เหล้าองุ่นใหม่ หรือน้ำมัน”

12 พวกเขาตอบว่า “เราจะคืนให้และจะไม่เรียกร้องสิ่งใดจากพวกเขาอีก เราจะทำตามที่ท่านบอก”

ข้าพเจ้าจึงเรียกบรรดาปุโรหิตมา และให้ขุนนางและข้าราชการเหล่านี้สาบานว่าจะทำตามที่สัญญาไว้

13 แล้วข้าพเจ้ายังสะบัดชายเสื้อคลุมของข้าพเจ้าและลั่นวาจาว่า “ใครไม่รักษาคำสัญญานี้ ขอให้พระเจ้าสลัดบ้านและทรัพย์สินของเขาออกไปอย่างนี้ ให้เขาถูกสลัดออกไปจนหมดเนื้อหมดตัว!”

แล้วประชากรทั้งหมดขานรับว่า “อาเมน” และสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าคนทั้งหลายก็ทำตามที่สัญญาไว้

14 ยิ่งไปกว่านั้นตลอดสิบสองปีที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ว่าการยูดาห์ นับตั้งแต่ปีที่ยี่สิบถึงปีที่สามสิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ตัวข้าพเจ้าหรือพี่น้องไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารของผู้ว่าการเลย

15 ผู้ว่าการคนอื่นๆ ก่อนหน้าข้าพเจ้าได้เบียดเบียนประชาชนโดยเรียกร้องเอาเงินหนัก 40 เชเขลนอกเหนือจากอาหารและเหล้าองุ่น ลูกน้องของเขาก็วางอำนาจเหนือประชาชน แต่ข้าพเจ้ายำเกรงพระเจ้าจึงไม่ประพฤติตัวเช่นนั้น

16 ข้าพเจ้ากลับทุ่มเทให้กับงานสร้างกำแพง คนทั้งหมดของข้าพเจ้าก็มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่นเพื่อทำงาน เราไม่ได้คิดหาจับจองที่ดิน

17 ยิ่งกว่านั้นมีคนยิวและเจ้าหน้าที่รวม 150 คนร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้าเป็นประจำ นอกเหนือจากคน ชาติต่างๆ โดยรอบซึ่งมาหาพวกเรา

18 แต่ละวันต้องจัดเตรียมวัวผู้หนึ่งตัว แกะอ้วนหกตัว และเป็ดไก่จำนวนหนึ่งให้ข้าพเจ้า และทุกสิบวันมีเหล้าองุ่นทุกชนิดในปริมาณมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยเรียกร้องส่วนแบ่งอาหารของผู้ว่าการจากประชาชน เพราะพวกเขาเองก็เดือดร้อนอยู่แล้ว

19 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ด้วยความโปรดปรานในสิ่งทั้งปวงที่ข้าพระองค์ได้ทำเพื่อประชากรเหล่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/5-8e79dd47202231ae978d7e974cec5aa7.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 6

ศัตรูยังขัดขวางไม่เลิก

1 เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูอื่นๆ ของพวกเราได้ข่าวว่าข้าพเจ้าสร้างกำแพงเสร็จแล้ว ไม่มีช่องโหว่ใดๆ เหลืออยู่ แม้ว่าข้าพเจ้ายังไม่ได้ติดตั้งประตู

2 สันบาลลัทกับเกเชมก็ส่งจดหมายมาถึงข้าพเจ้าความว่า “ขอเชิญท่านมาพบพวกเราที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตที่ราบโอโน”

แต่พวกเขากำลังคบคิดกันจะกำจัดข้าพเจ้า

3 ข้าพเจ้าจึงส่งคนไปตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้ากำลังทำงานใหญ่และไปพบพวกท่านไม่ได้ ทำไมงานจะต้องชะงักในขณะที่ข้าพเจ้าไปหาท่าน?”

4 เขาส่งข้อความอย่างเดียวกันมาถึงสี่ครั้ง และข้าพเจ้าก็ตอบกลับไปอย่างเดิมทุกครั้ง

5 ครั้งที่ห้าคนรับใช้ของสันบาลลัทถือจดหมายเปิดผนึกมามอบให้ข้าพเจ้า

6 มีใจความว่า

“ชาติต่างๆ ลือกันเกี่ยวกับพวกท่าน และเกเชมก็บอกว่าเป็นความจริง พวกเขาลือกันว่าท่านกับชาวยิวกำลังวางแผนกบฏ ฉะนั้นท่านจึงก่อกำแพง ทั้งลือกันว่าท่านจะเป็นกษัตริย์ของคนเหล่านั้น

7 ท่านถึงกับแต่งตั้งผู้เผยพระวจนะให้ประกาศเรื่องของท่านที่เยรูซาเล็มว่า ‘มีกษัตริย์อยู่ในยูดาห์!’ เรื่องทั้งหมดนี้จะถูกนำขึ้นทูลกษัตริย์ ฉะนั้นเรามาคุยกันดีกว่า”

8 คำตอบจากข้าพเจ้าคือ “เรื่องที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีมูลความจริงเลย ท่านกุขึ้นมาเองทั้งนั้น”

9 พวกเขาพยายามข่มขวัญเราและคิดว่า “มือของพวกเขาจะได้อ่อนแรงเกินกว่าที่จะทำงาน งานจะได้ไม่สำเร็จ”

แต่ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า “บัดนี้ขอทรงประทานกำลังแก่มือของข้าพระองค์ด้วยเถิด”

10 วันหนึ่งข้าพเจ้าไปที่บ้านของเชไมอาห์บุตรเดไลยาห์บุตรของเมเหทาเบล เขาเก็บตัวอยู่ในบ้าน เขากล่าวว่า “ให้เราไปพบกันที่พระนิเวศของพระเจ้า คือภายในพระวิหารและลั่นดาลประตู เพราะตอนกลางคืนพวกเขาจะบุกมาฆ่าท่าน”

11 แต่ข้าพเจ้าตอบว่า “คนอย่างข้าพเจ้ามีหรือจะหนี? คนอย่างข้าพเจ้าหรือจะหนีเข้าไปในพระวิหารเพื่อเอาชีวิตรอด? ข้าพเจ้าไม่ไป!”

12 ข้าพเจ้าตระหนักว่าพระเจ้าไม่ได้ส่งเขามา แต่เขาทำทีเผยพระวจนะต่อต้านข้าพเจ้าเพราะโทบียาห์กับสันบาลลัทจ้างเขา

13 ให้มาข่มขวัญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้ทำบาปโดยหนีเข้าไปในพระวิหาร พวกเขาจะได้ปรักปรำและให้ร้ายข้าพเจ้า

14 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงจดจำการกระทำของโทบียาห์กับสันบาลลัท และขอทรงจดจำผู้เผยพระวจนะหญิงโนอัดยาห์กับผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ที่พยายามจะข่มขู่ข้าพระองค์

15 ในที่สุดกำแพงก็เสร็จในวันที่ยี่สิบห้าเดือนเอลูล ใช้เวลาเพียง 52 วัน

สร้างกำแพงเสร็จ

16 เมื่อบรรดาศัตรูของเราได้ยินเช่นนี้ ชนชาติโดยรอบก็กลัวและเสียขวัญเพราะตระหนักว่างานนี้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเรา

17 ในช่วงนั้นมีจดหมายโต้ตอบไปมาหลายฉบับระหว่างโทบียาห์กับขุนนางยูดาห์บางคน

18 หลายคนในยูดาห์ร่วมสัตย์สาบานกับเขา เพราะพ่อตาของเขาคือเชคานิยาห์บุตรอาราห์ และเยโฮฮานันบุตรชายของเขาก็แต่งงานกับบุตรสาวของเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์

19 มิหนำซ้ำพวกเขาพร่ำพูดให้ข้าพเจ้าฟังถึงคุณงามความดีของโทบียาห์ แล้วนำถ้อยคำของข้าพเจ้าไปบอกเขา และโทบียาห์ก็ส่งจดหมายหลายฉบับมาข่มขู่ข้าพเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/6-5ed9aabe83ffa5d9ca286db5f3e80c8c.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 7

1 หลังจากที่ก่อกำแพงเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็ติดตั้งประตู และแต่งตั้งยามเฝ้าประตู คณะนักร้อง และคนเลวี

2 ข้าพเจ้ามอบหมายให้ฮานานีพี่น้องของข้าพเจ้ากับฮานันยาห์ผู้บัญชาการป้อมร่วมกันดูแลเยรูซาเล็ม เพราะเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและยำเกรงพระเจ้ามากกว่าคนอื่นๆ

3 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าเปิดประตูเยรูซาเล็มจนกว่าแดดจะร้อน และขณะที่ยามเฝ้าประตูประจำการอยู่ให้ปิดประตูลั่นดาล ทั้งให้แต่งตั้งชาวเมืองเยรูซาเล็มเป็นยาม โดยให้บางคนดูแลประจำที่ของตน และบางคนดูแลบริเวณใกล้บ้านของตน”

รายชื่อเชลยที่กลับมา

4 ในเวลานั้นกรุงเยรูซาเล็มกว้างขวางใหญ่โต แต่จำนวนประชากรน้อย บ้านเรือนก็ยังไม่ได้สร้างขึ้นใหม่

5 ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงดลใจข้าพเจ้าให้เรียกขุนนาง เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งราษฎรทั่วไปให้มาชุมนุมเพื่อลงทะเบียนตามครอบครัว ข้าพเจ้าพบบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของบรรดาผู้ที่กลับมายังยูดาห์เป็นพวกแรก ซึ่งมีใจความว่า

6 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปเป็นเชลย (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์

7 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์ นาหะมานี โมรเดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม และบาอานาห์)

จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่

8 วงศ์วานของปาโรช 2,172
9 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน
10 ของอาราห 652 คน
11 ของปาหัทโมอับ (ทางสายเยชูอาและโยอาบ) 2,818 คน
12 ของเอลาม 1,254 คน
13 ของศัทธู 845 คน
14 ของศักคัย 760 คน
15 ของบินนุย 648 คน
16 ของเบบัย 628 คน
17 ของอัสกาด 2,322 คน
18 ของอาโดนีคัม 667 คน
19 ของบิกวัย 2,067 คน
20 ของอาดีน 655 คน
21 ของอาเทอร์ (ทางสายเฮเซคียาห์) 98 คน
22 ของฮาชูม 328 คน
23 ของเบไซ 324 คน
24 ของฮาริฟ 112 คน
25 ของกิเบโอน 95 คน
26 ชายชาวเบธเลเฮม และชาวเนโทฟาห์ 188 คน
27 ชาวอานาโธท 128 คน
28 ชาวเบธอัสมาเวท 42 คน
29 ชาวคีริยาทเยอาริม ชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน
30 ชาวรามาห์และชาวเกบา 621 คน
31 ชาวมิคมาช 122 คน
32 ชาวเบธเอลและชาวอัย 123 คน
33 ชาวเนโบอีกพวกหนึ่ง 52 คน
34 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน
35 ชาวฮาริม 320 คน
36 ชาวเยรีโค 345 คน
37 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 721 คน
38 ชาวเสนาอาห์ 3,930 คน

39 ปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของเยดายาห์ (ทางสายครอบครัวของเยชูอา) 973 คน
40 ของอิมเมอร์ 1,052 คน
41 ของปาชเฮอร์ 1,247 คน
42 ของฮาริม 1,017 คน

43 คนเลวีได้แก่

วงศ์วานของเยชูอา (ทางสายขัดมีเอล จากสายโฮดาวิยาห์) 74 คน

44 คณะนักร้องได้แก่

วงศ์วานของอาสาฟ 148 คน

45 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของชัลลูม อาเทอร์ ทัลโมน
อักขูบ ฮาทิทา และโชบัย 138 คน

46 ผู้ช่วยงานในพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของศิหะ ฮาสูฟา ทับบาโอท

47 เคโรส สีอา พาโดน

48 เลบานาห์ ฮากาบาห์ ชัลมัย

49 ฮานัน กิดเดล กาฮาร์

50 เรอายาห์ เรซีน เนโคดา

51 กัสซาม อุสซา ปาเสอาห์

52 เบสัย เมอูนิม เนฟัสสิม

53 บัคบูค ฮาคูฟา ฮารฮูร์

54 บัสลูท เมหิดา ฮารชา

55 บารโขส สิเสรา เทมาห์

56 เนซิยาห์ และฮาทิฟา

57 วงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนได้แก่

วงศ์วานของโสทัย โสเฟเรท เปรีดา

58 ยาอาลา ดารโคน กิดเดล

59 เชฟาทิยาห์ ฮัททิล โปเคเรทหัสเซบาอิม และอาโมน

60 บรรดาผู้ช่วยงานในพระวิหารและวงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนมี 392 คน

61 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าครอบครัวของพวกเขาสืบเชื้อสายจากอิสราเอล ได้แก่

62 วงศ์วานของเดไลยาห์ โทบียาห์ และเนโคดา รวม 642 คน

63 และจากพวกปุโรหิต

ได้แก่ วงศ์วานของ

โรหิตได้แก่ วงศ์วานของโฮบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของบารซิลลัยชาวกิเลอาดและได้ชื่อตามนั้น)

64 คนเหล่านี้ได้ค้นหาบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแต่ไม่พบ จึงไม่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มปุโรหิตเพราะถือว่าเป็นมลทิน

65 ฉะนั้นผู้ว่าการจึงสั่งห้ามพวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุดจนกว่าจะมีปุโรหิตทูลถามเรื่องนี้ผ่านทางอูริมและทูมมิม

66 คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42,360 คน

67 ไม่รวมคนรับใช้ชายหญิง 7,337 คน และคณะนักร้องชายหญิง 245 คน

68 พวกเขามีม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว

69 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

70 หัวหน้าครอบครัวบางคนร่วมถวายเพื่องานนี้ ผู้ว่าการมอบทองคำหนักประมาณ 8.5 กิโลกรัมชาม 50 ใบ เครื่องแต่งกายสำหรับปุโรหิต 530 ชุด

71 หัวหน้าครอบครัวบางคนมอบทองคำหนักประมาณ 170 กิโลกรัมเงินหนักประมาณ 1.2 ตันให้คลังสำหรับงานนี้

72 ส่วนประชาชนมอบทองคำหนักประมาณ 170 กิโลกรัม เงินหนักประมาณ 1.1 ตันและเครื่องแต่งกายปุโรหิต 67 ชุด

73 ปุโรหิต คนเลวี ยามเฝ้าประตูพระวิหาร คณะนักร้อง ผู้ช่วยงานในพระวิหาร พร้อมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง และชนอิสราเอลที่เหลือตั้งถิ่นฐานในเมืองของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/7-d9962d1458300569ea7f1161df0903e4.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 8

เอสราอ่านบทบัญญัติ

หลังจากชนอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของตนแล้ว เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด

1 ประชากรทั้งปวงก็มาชุมนุมอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ลานตรงหน้าประตูน้ำ พวกเขาขอให้ธรรมาจารย์เอสรานำบทบัญญัติของโมเสสซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่อิสราเอลออกมา

2 ฉะนั้นในวันที่หนึ่งเดือนที่เจ็ด ปุโรหิตเอสราจึงนำม้วนบทบัญญัติมาต่อหน้าประชากรทั้งหมด ซึ่งมีทั้งชายและหญิงและทุกคนที่สามารถเข้าใจได้

3 เอสราอ่านบทบัญญัตินั้นเสียงดังตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงที่หน้าลานตรงหน้าประตูน้ำ ต่อหน้าชายหญิงและคนทั้งหลายที่สามารถเข้าใจได้ ประชากรทั้งปวงตั้งใจฟังหนังสือบทบัญญัตินั้น

4 ธรรมาจารย์เอสรายืนอยู่บนเวทีไม้ที่ทำขึ้นเพื่อโอกาสนี้ ผู้ที่อยู่ข้างขวามือของเอสราได้แก่ มัททีธิยาห์ เชมา อานายาห์ อุรียาห์ ฮิลคียาห์ และมาอาเสอาห์ ทางซ้ายได้แก่ เปดายาห์ มิชาเอล มัลคียาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์ และเมชุลลาม

5 เอสราเปิดหนังสือ ทุกคนสามารถเห็นเขาเพราะเขายืนอยู่สูงกว่าประชากร และขณะเขาคลี่หนังสือม้วนออก ประชากรทั้งปวงก็ยืนขึ้น

6 เอสราสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และประชากรทั้งปวงชูมือขึ้นขานรับว่า “อาเมน! อาเมน!” จากนั้นพวกเขาก็หมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า

7 คนเลวีได้แก่ เยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์ มาอาเสอาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด ฮานัน และเปไลยาห์ สอนบทบัญญัติแก่ประชาชนขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่นั่น

8 พวกเขาอ่านจากหนังสือบทบัญญัติของพระเจ้า แปลความ และอธิบายความหมายเพื่อประชาชนจะได้เข้าใจสิ่งที่อ่าน

9 เมื่อทุกคนได้ยินเนื้อความในบทบัญญัติก็ร้องไห้ ผู้ว่าการเนหะมีย์ ปุโรหิตเอสราผู้เป็นธรรมาจารย์ และคนเลวีซึ่งกำลังสอนประชาชนจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าร้องไห้หรือคร่ำครวญเลย”

10 เนหะมีย์กล่าวว่า “จงไปกินและดื่มให้อิ่มหนำสำราญ และแบ่งปันแก่ผู้ที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเถิด วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าโศกเศร้าหม่นหมอง เพราะความชื่นบานในองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกำลังของท่าน”

11 คนเลวีทำให้ประชากรทั้งหมดสงบลงโดยกล่าวว่า “จงนิ่งเสียเถิด วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ อย่าโศกเศร้าเลย”

12 แล้วประชากรทั้งปวงจึงออกไปกินและดื่ม แบ่งปันอาหาร และเฉลิมฉลองกันด้วยความเปรมปรีดิ์ยิ่งนัก เพราะเดี๋ยวนี้พวกเขาเข้าใจถ้อยคำที่ได้รับฟังนั้นแล้ว

13 ในวันที่สองของเดือนนั้น หัวหน้าครอบครัวทุกคนพร้อมด้วยปุโรหิตและคนเลวีมาล้อมวงรอบธรรมาจารย์เอสราเพื่อใส่ใจฟังเนื้อความในบทบัญญัติ

14 พวกเขาพบข้อความในบทบัญญัติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาผ่านทางโมเสสให้ชนอิสราเอลอาศัยในเพิงตลอดเทศกาลในเดือนที่เจ็ด

15 และพวกเขาเห็นว่าควรประกาศเรื่องนี้ไปทั่วหัวเมืองต่างๆ และในเยรูซาเล็มว่า “จงออกไปเก็บกิ่งมะกอก กระบก น้ำมันเขียว ทางอินทผลัม และไม้ใบดกอื่นๆ ที่เนินเขาเพื่อสร้างเพิง” ตามที่ได้บันทึกไว้

16 ประชากรจึงออกไปเก็บกิ่งไม้มาสร้างเพิงขึ้นบนดาดฟ้าหลังคาบ้านของตน ที่ลานบ้าน ที่ลานพระนิเวศของพระเจ้า ที่ลานข้างประตูน้ำ และที่ลานข้างประตูเอฟราอิม

17 ประชาชนทั้งหมดที่กลับมาจากแดนเชลยสร้างเพิงและอาศัยอยู่ในเพิง ชาวอิสราเอลไม่ได้เฉลิมฉลองกันอย่างนี้เลยนับตั้งแต่สมัยโยชูวาบุตรนูนจนกระทั่งถึงวันนั้น พวกเขาจึงชื่นชมยินดียิ่งนัก

18 เอสราอ่านบทบัญญัติของพระเจ้าทุกวันตลอดเทศกาล พวกเขาเฉลิมฉลองเทศกาลกันเจ็ดวัน และในวันที่แปดมีการประชุมประชากรตามระเบียบที่กำหนด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/8-a3c91db342beada40497d633167a7874.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 9

ชนอิสราเอลสารภาพบาป

1 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนเดียวกัน ชาวอิสราเอลมาชุมนุมกัน ถืออดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ และโปรยฝุ่นธุลีบนศีรษะ

2 เชื้อสายชนอิสราเอลแยกตัวออกจากชาวต่างชาติทั้งปวง พวกเขายืนประจำที่และสารภาพบาปของตนและความชั่วร้ายของบรรพบุรุษของพวกเขา

3 พวกเขายืนอยู่กับที่และอ่านบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาเป็นเวลาสามชั่วโมง และอีกสามชั่วโมงสารภาพบาปและนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

4 คนเลวีบางคนได้แก่ เยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานี และเคนานี ยืนอยู่บนขั้นบันได พวกเขาร้องทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาด้วยเสียงอันดัง

5 และคนเลวีได้แก่ เยชูอา ขัดมีเอล บานี ฮาชับเนยาห์ เชเรบิยาห์ โฮดียาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ กล่าวว่า “จงยืนขึ้นสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล”

“ขอถวายสรรเสริญแด่พระนามอันสูงส่งของพระองค์ ขอให้เป็นที่เทิดทูนเหนือการยกย่องสรรเสริญทั้งปวง

6 พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ ทรงสร้างแม้กระทั่งฟ้าสวรรค์สูงสุดและดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า ทรงสร้างแผ่นดินโลกกับท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้น พระองค์ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และชาวสวรรค์นมัสการพระองค์

7 “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเลือกสรรอับรามและนำเขาออกมาจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดียและประทานนามแก่เขาว่าอับราฮัม

8 พระองค์ทรงเห็นว่าเขามีใจซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และทรงทำพันธสัญญากับเขาว่าจะประทานดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส และชาวเกอร์กาชีแก่วงศ์วานของเขา พระองค์ทรงทำตามพระสัญญาเพราะพระองค์ทรงชอบธรรม

9 “พระองค์ทอดพระเนตรความทุกข์ยากของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายในอียิปต์ ทรงฟังคำร้องทูลของพวกเขาที่ทะเลแดง

10 พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับฟาโรห์ เหล่าข้าราชบริพาร และชาวอียิปต์ทั้งปวง เพราะทรงทราบว่าชาวอียิปต์ปฏิบัติต่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายอย่างเย่อหยิ่ง พระองค์ทรงทำให้พระนามของพระองค์เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้

11 พระองค์ทรงแยกทะเลออกเพื่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เดินข้ามบนดินแห้ง แต่พระองค์ทรงกวาดศัตรูที่รุกไล่มาลงในห้วงน้ำลึก เหมือนก้อนหินตกสู่กระแสน้ำเชี่ยว

12 พระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืนเพื่อให้ความสว่างตามทางที่จะไป

13 “พระองค์เสด็จลงมาเหนือภูเขาซีนายและตรัสกับเขาเหล่านั้นจากฟ้าสวรรค์ และประทานกฎระเบียบกับบทบัญญัติที่เที่ยงตรงและถูกต้องและประทานกฎหมายกับพระบัญชาอันดีงาม

14 พระองค์ทรงสอนพวกเขาให้รู้จักสะบาโตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ และประทานพระบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

15 ยามพวกเขาหิว พระองค์ประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์ ยามพวกเขากระหายก็ประทานน้ำจากศิลา พระองค์ทรงบัญชาให้พวกเขาเข้าไปยึดครองดินแดนซึ่งพระองค์ได้ทรงยกพระหัตถ์ปฏิญาณมอบให้แก่พวกเขาแล้ว

16 “แต่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายเย่อหยิ่งและดื้อดึง ไม่ยอมเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

17 ไม่ยอมรับฟัง และไม่ได้จดจำการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ทรงทำในหมู่พวกเขา แต่กลับใจแข็งและคิดคดทรยศ และตั้งผู้นำคนหนึ่งเพื่อพากันกลับไปเป็นทาสในอียิปต์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ให้อภัย ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร ทรงพระพิโรธช้าและเปี่ยมด้วยความรัก ฉะนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทรงทอดทิ้งพวกเขา

18 แม้แต่ขณะที่พวกเขาได้หล่อเทวรูปลูกวัวขึ้นสำหรับตนและประกาศว่า ‘นี่คือพระเจ้าผู้พาเราออกมาจากอียิปต์’ หรือขณะที่พวกเขาหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง

19 “เนื่องด้วยพระกรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งพวกเขาไว้ในถิ่นกันดาร เสาเมฆยังคงนำพวกเขาไปตามทางในเวลากลางวันและเสาเพลิงยังส่องทางตลอดค่ำคืน

20 พระองค์ประทานพระวิญญาณล้ำเลิศมาสั่งสอนพวกเขา พระองค์ไม่ได้ให้มานาของพระองค์ขาดจากปากของพวกเขาและพระองค์ประทานน้ำดับความกระหายให้พวกเขา

21 ตลอดสี่สิบปีพระองค์ทรงเลี้ยงดูพวกเขาในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่ขัดสนสิ่งใด เสื้อผ้าของเขาไม่ได้เก่าคร่ำคร่าและเท้าก็ไม่ได้บวมช้ำ

22 “พระองค์ทรงมอบอาณาจักรและชนชาติต่างๆ แก่พวกเขา ทรงแบ่งสรรปันส่วนให้แม้แต่ชายแดนที่ไกลโพ้น พวกเขายึดครองดินแดนของกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนและดินแดนของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน

23 พระองค์ทรงโปรดให้พวกเขามีลูกหลานมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และนำพวกเขามายังดินแดนซึ่งพระองค์ตรัสสั่งบรรพบุรุษของพวกเขาให้เข้าครอบครอง

24 ลูกหลานของพวกเขาเข้ายึดครองดินแดนนั้น พระองค์ทรงปราบชาวคานาอันซึ่งอยู่ในดินแดนนั้นลงต่อหน้าพวกเขา ทรงมอบชาวคานาอัน รวมทั้งกษัตริย์และประชาชนในดินแดนนั้นแก่พวกเขา แล้วแต่พวกเขาจะจัดการตามใจชอบ

25 พวกเขายึดหัวเมืองป้อมปราการและดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ครอบครองบ้านเรือนที่มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น มีบ่อน้ำที่ขุดแล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์ พวกเขาจึงอิ่มหนำและอิ่มเอมกับความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์

26 “แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังและกบฏต่อพระองค์ ทอดทิ้งบทบัญญัติ สังหารบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ซึ่งเตือนให้พวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ พวกเขาหมิ่นประมาทพระองค์อย่างร้ายแรง

27 ฉะนั้นพระองค์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของศัตรูผู้ที่กดขี่ข่มเหงพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง พวกเขาก็ร้องทูลพระองค์ พระองค์ทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และโปรดประทานผู้ช่วยกู้มาช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของเหล่าศัตรูด้วยความเอ็นดูสงสาร

28 “แต่พอพวกเขาได้พักสงบ พวกเขาก็ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระองค์อีก พระองค์จึงทรงทิ้งพวกเขาไว้ในมือของศัตรู ให้ศัตรูปกครองพวกเขา และเมื่อพวกเขาร้องทูลพระองค์อีก พระองค์ก็ทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และทรงกอบกู้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเอ็นดูสงสาร

29 “พระองค์ทรงเตือนให้พวกเขาหันกลับมายังบทบัญญัติของพระองค์ แต่พวกเขาหยิ่งผยองและไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ พวกเขาทำบาปต่อข้อปฏิบัติของพระองค์ซึ่งถ้าผู้ใดปฏิบัติตามจะมีชีวิตอยู่ พวกเขาหันหลังให้พระองค์อย่างดื้อรั้นอวดดีและไม่ยอมฟัง

30 พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยต่อพวกเขามาตลอดหลายปี พระองค์ทรงเตือนสติพวกเขาโดยพระวิญญาณของพระองค์ผ่านทางผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่แยแส พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในเงื้อมมือของชนชาติเพื่อนบ้าน

31 แต่ด้วยพระกรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง พระองค์ไม่ได้ทรงทำลายพวกเขาจนย่อยยับหรือทอดทิ้งพวกเขาไป เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและพระเมตตา

32 “ฉะนั้นบัดนี้ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักของพระองค์ ขออย่าให้ความทุกข์ยากลำบากทั้งปวงนี้เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระองค์ ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายกับบรรดากษัตริย์และเหล่าผู้นำกับบรรดาปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของเรากับบรรพบุรุษของเราและปวงประชากรของพระองค์ตั้งแต่สมัยเหล่ากษัตริย์แห่งอัสซีเรียจนถึงวันนี้

33 ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายนั้น พระองค์ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ขณะที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิด

34 บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต และบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ พวกเขาไม่ใส่ใจพระบัญชาและพระดำรัสเตือนของพระองค์

35 แม้ขณะที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรของพวกเขา ได้ชื่นชมความดีเลิศที่ทรงมีต่อพวกเขาในดินแดนอันกว้างขวางและอุดมสมบูรณ์ที่ทรงประทาน พวกเขาไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้พระองค์หรือหันจากทางชั่วของพวกเขา

36 “แต่ดูเถิด วันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นทาสในดินแดนซึ่งทรงประทานแก่เหล่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อพวกเขาจะได้อิ่มเอมกับพืชผลและสิ่งดีงามทั้งปวงของดินแดนนั้น

37 เนื่องจากบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผลผลิตอันมั่งคั่งจึงตกเป็นของบรรดากษัตริย์ซึ่งพระองค์ทรงให้ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย เขาเหล่านั้นใช้อำนาจเหนือร่างกายและเหนือฝูงสัตว์ของข้าพระองค์ทั้งหลายตามใจชอบ ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์ยากแสนสาหัส

การถวายปฏิญาณ

38 “เนื่องจากสิ่งทั้งปวงนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอทำข้อตกลงอันมั่นคงและบันทึกไว้ บรรดาผู้นำ คนเลวี และปุโรหิตประทับตราของพวกเขารับรอง”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/9-0f5a75ab16cc2b7a70d83e3f2a624b61.mp3?version_id=179—

Categories
เนหะมีย์

เนหะมีย์ 10

1 ผู้ที่ประทับตราได้แก่

ผู้ว่าการเนหะมีย์บุตรฮาคาลิยาห์

เศเดคียาห์

2 เสไรอาห์ อาซาริยาห์ เยเรมีย์

3 ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคียาห์

4 ฮัททัช เชบานิยาห์ มัลลุค

5 ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์

6 ดาเนียล กินเนโธน บารุค

7 เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน

8 มาอาซิยาห์ บิลกัย และเชไมอาห์

คนเหล่านี้ล้วนเป็นปุโรหิต

9 คนเลวีได้แก่

เยชูอาบุตรอาซันยาห์ บินนุยแห่งวงศ์วานของเฮนาดัด ขัดมีเอล

10 และพวกพ้องได้แก่ เชบานิยาห์ โฮดียาห์

เคลิทา เปไลยาห์ ฮานัน

11 มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์

12 ศักเกอร์ เชเรบิยาห์ เชบานิยาห์

13 โฮดียาห์ บานี และเบนินู

14 บรรดาผู้นำประชากรได้แก่

ปาโรช ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี

15 บุนนี อัสกาด เบบัย

16 อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน

17 อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์

18 โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ

19 ฮาริฟ อานาโธท เนบัย

20 มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์

21 เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูวา

22 เปลาทียาห์ ฮานัน อานายาห์

23 โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ

24 ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก

25 เรฮูม ฮาชับนาห์ มาอาเสอาห์

26 อาหิอาห์ ฮานัน อานัน

27 มัลลุค ฮาริม และบาอานาห์

28 “ประชากรอื่นๆ ที่เหลือ ทั้งปุโรหิต คนเลวี ยามเฝ้าประตูพระวิหาร คณะนักร้อง ผู้ช่วยงานในพระวิหาร และคนอื่นๆ ทั้งปวง พร้อมทั้งภรรยาและบุตรชายบุตรสาวซึ่งรู้ความแล้ว ได้แยกตัวออกจากชนชาติเพื่อนบ้านเพราะเห็นแก่บทบัญญัติของพระเจ้า

29 ทั้งหมดนี้ร่วมกับพี่น้องเหล่าขุนนางปฏิญาณตนพร้อมที่จะรับคำสาปแช่งของพระเจ้า หากไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าซึ่งประทานผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ และที่จะเชื่อฟังพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

30 “เราสัญญาว่าจะไม่ยกบุตรสาวให้แต่งงานกับชนชาติรอบๆ และไม่รับบุตรสาวของพวกนั้นมาให้บุตรชายของเรา

31 “เมื่อชนชาติเพื่อนบ้านนำสินค้าหรือเมล็ดข้าวมาขายในวันสะบาโต เราจะไม่ซื้อจากพวกเขาในวันสะบาโตหรือวันบริสุทธิ์อื่นๆ ทุกปีที่เจ็ดเราจะให้ดินแดนพักจากการไถหว่านหรือเก็บเกี่ยว และจะยกเลิกหนี้สินทั้งปวง

32 “เรารับผิดชอบที่จะทำตามคำสั่งเหล่านี้โดยให้เงินปีละหนึ่งในสามเชเขลสำหรับการปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

33 สำหรับขนมปังเบื้องพระพักตร์ เครื่องธัญบูชาและเครื่องเผาบูชา สำหรับวันสะบาโต เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำ และเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด สำหรับเครื่องถวายศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อลบบาปให้อิสราเอล และสำหรับกิจการทั้งปวงเกี่ยวกับพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

34 “แล้วเราคือปุโรหิต คนเลวี และประชากรได้ทอดสลากจัดเวรให้แต่ละครอบครัวนำฟืนมายังพระนิเวศของพระเจ้าของเราตามกำหนดเวลาแต่ละปีสำหรับเผาบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ

35 “แต่ละปีเรายังรับผิดชอบนำผลแรกของพืชพันธุ์ธัญญาหารและผลไม้ทุกชนิดมายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

36 “เราจะนำบุตรชายหัวปีของเราและลูกหัวปีจากฝูงสัตว์มายังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา แล้วมอบแก่ปุโรหิตซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่นั่นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติ

37 “นอกจากนั้นเราจะนำผลผลิตต่างๆ มาให้ปุโรหิตเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้าของเราได้แก่ ผลแรกของธัญญาหาร ของธัญบูชา ของผลไม้จากต้นไม้ทั้งหมดของเรา ของเหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน และเราจะนำสิบลดคือหนึ่งในสิบของพืชผลมามอบแก่คนเลวี เพราะคนเลวีเป็นผู้เก็บรวบรวมสิบลดในเมืองต่างๆ ที่เราสังกัด

38 ปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนหนึ่งนายจะอยู่กับคนเลวีขณะรับสิบลดเหล่านี้ และคนเลวีจะนำหนึ่งในสิบของสิบลดทั้งปวงนั้นมาเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

39 ประชากรอิสราเอลรวมทั้งคนเลวีจะต้องนำของถวายต่างๆ คือเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมายังคลังพระนิเวศ ซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องใช้ต่างๆ ของสถานนมัสการ และที่ซึ่งปุโรหิตผู้ปฏิบัติงานยามเฝ้าประตูวิหารและคณะนักร้องพักอาศัยอยู่

“เราจะไม่ละเลยพระนิเวศของพระเจ้าของเรา”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/10-3850ac17bdec7cbb738a7bdf6d5758b5.mp3?version_id=179—