Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 21

พระเจ้าทรงเมินคำทูลขอของเศเดคียาห์

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมาถึงเยเรมีย์เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์ส่งปาชเฮอร์บุตรมัลคิยาห์และปุโรหิตเศฟันยาห์บุตรมาอาเสอาห์มาพบเยเรมีย์และกล่าวว่า

2 “ช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราด้วย เพราะกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนยกทัพมาโจมตีเรา บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะทำการอัศจรรย์เพื่อพวกเราเหมือนในอดีต เนบูคัดเนสซาร์จะได้ถอนทัพกลับไป”

3 แต่เยเรมีย์ตอบพวกเขาว่า “ไปทูลเศเดคียาห์เถิดว่า

4 ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะหันอาวุธทั้งปวงในมือของเจ้าซึ่งเจ้าใช้ต่อกรกับกษัตริย์บาบิโลนและกับชาวบาบิโลนที่กำลังล้อมเมืองเจ้าอยู่นั้นให้หวนกลับมาเล่นงานเจ้า และเราจะรวบรวมพวกเขาเข้ามาในกรุงนี้

5 เราเองจะสู้รบกับเจ้าด้วยมือที่เงื้ออยู่ และด้วยแขนอันทรงพลัง เนื่องจากความโกรธ ความเกรี้ยวกราด และโทสะอันใหญ่หลวง

6 เราจะเล่นงานทุกชีวิตในกรุงนี้ ทั้งคนและสัตว์จะตายด้วยภัยพิบัติร้ายแรง

7 หลังจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าเราจะมอบกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ข้าราชการและชาวกรุงนี้ที่รอดจากโรคระบาด สงคราม และการกันดารอาหารไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและในมือศัตรูซึ่งหมายเอาชีวิตของพวกเขา เนบูคัดเนสซาร์จะเข่นฆ่าเขาด้วยดาบ ไม่ยอมเมตตาเอ็นดูหรือสงสารเลย’

8 “อีกทั้งจงบอกเหล่าประชากรว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราให้เจ้าเลือกเอาระหว่างความเป็นกับความตาย

9 ผู้ที่อยู่ในกรุงนี้จะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด แต่ใครก็ตามที่ออกไปยอมแพ้แก่ชาวบาบิโลนซึ่งมาล้อมเมืองอยู่ก็จะรอดชีวิต

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราตั้งใจจะทำร้ายกรุงนี้ ไม่ใช่ทำดี กรุงนี้จะตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน เขาจะเผามันวอดวาย’

11 “นอกจากนี้จงกล่าวแก่ราชวงศ์ยูดาห์ว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 วงศ์วานของดาวิดเอ๋ยองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ทุกเช้าจงอำนวยความยุติธรรม

จงช่วยเหลือผู้ที่ถูกปล้น

จากมือของผู้กดขี่ข่มเหง

มิฉะนั้นโทสะของเราจะระเบิดออกและแผดเผาดั่งไฟ

เผาผลาญโดยไม่มีใครดับได้

เนื่องจากความชั่วร้ายที่พวกเจ้าได้ทำ

13 เยรูซาเล็มเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า

ผู้อาศัยอยู่เหนือหุบเขาแห่งนี้

บนที่ราบอันเต็มไปด้วยหิน

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

เจ้าผู้พูดว่า “ใครจะมาสู้เราได้?

ใครจะเข้ามายังที่ลี้ภัยของเราได้?”

14 เราเองจะลงโทษเจ้าให้สาสมกับความประพฤติของเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

เราจะจุดไฟในป่าของเจ้า

ซึ่งจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเจ้า’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/21-d8f78035a4e37fd734b4a99cd8df95f2.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 22

การพิพากษาเหล่ากษัตริย์ผู้ชั่วร้าย

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปที่วังของกษัตริย์ยูดาห์และประกาศว่า

2 ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด กษัตริย์ยูดาห์ผู้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ตลอดจนข้าราชการและประชาชนของเจ้าที่ผ่านเข้าออกประตูเหล่านี้

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม ช่วยเหลือผู้ที่ถูกปล้นชิงให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้ที่ข่มเหงรังแก อย่าทารุณหรือรังแกคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย และอย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือดที่นี่

4 เพราะหากเจ้าใส่ใจปฏิบัติตามคำบัญชาเหล่านี้ กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดจะได้นั่งรถม้าศึกหรือขี่ม้าผ่านเข้าออกประตูวังนี้ พร้อมด้วยข้าราชการและราษฎรทั้งหลาย

5 แต่หากเจ้าทั้งปวงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราขอสาบานในนามของเราเองว่า พระราชวังแห่งนี้จะกลายเป็นซากปรักหักพัง’ ”

6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับวังของกษัตริย์ยูดาห์ว่า

“แม้เจ้าจะเป็นเหมือนกิเลอาดสำหรับเรา

เหมือนยอดเขาแห่งเลบานอน

เราก็จะทำให้เจ้าเหมือนถิ่นกันดาร

เหมือนเมืองซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัย

7 เราจะส่งผู้ทำลายมาเล่นงานเจ้า

แต่ละคนถืออาวุธของตนมา

เขาจะรื้อคานสนซีดาร์ชั้นดีของเจ้าออก

และโยนเข้ากองไฟ

8 “ผู้คนจากหลายชาติจะเดินผ่านซากปรักหักพังของกรุงนี้และถามกันว่า ‘ทำไมหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงทำกับกรุงใหญ่ถึงเพียงนี้’

9 คำตอบที่จะได้ก็คือ ‘เพราะเหล่าประชากรละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ’ ”

10 อย่าร่ำไห้ให้แก่กษัตริย์ที่ตายหรือคร่ำครวญถึงความสูญเสียของเขาเลย

แต่จงร้องไห้อย่างขมขื่นให้แก่บรรดาคนที่ตกเป็นเชลย

เพราะเขาจะไม่ได้กลับมา

เห็นบ้านเกิดเมืองนอนอีกแล้ว

11 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงชัลลูมบุตรของโยสิยาห์ ผู้ครองราชย์ในยูดาห์ต่อจากโยสิยาห์ราชบิดาแต่ต้องไปจากสถานที่แห่งนี้ว่า “เขาจะไม่ได้กลับมาอีก

12 เขาจะตายในที่ซึ่งถูกจับไปเป็นเชลย เขาจะไม่ได้กลับมาเห็นดินแดนนี้อีก”

13 “วิบัติแก่เขาซึ่งสร้างวังของตนจากความอธรรม

และต่อเติมตำหนักชั้นบนจากความอยุติธรรม

เกณฑ์ให้พี่น้องร่วมชาติทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน

ใช้แรงงานพวกเขาโดยไม่มีค่าจ้าง

14 เขาพูดว่า ‘เราจะสร้างวังของเราให้ใหญ่โต

มีตำหนักชั้นบนซึ่งกว้างใหญ่’

แล้วเขาก็เจาะหน้าต่างบานใหญ่

กรุด้วยไม้สนซีดาร์

ประดับประดาด้วยสีแดง

15 “เจ้าได้เป็นกษัตริย์

เพราะเจ้าสะสมไม้สนซีดาร์มากๆ หรือ?

บิดาของเจ้ากินดีอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม

เพราะเหตุนี้ เขาจึงอยู่เย็นเป็นสุข

16 เขาได้ตัดสินคดีของคนยากไร้และคนขัดสนอย่างยุติธรรม

เขาจึงอยู่เย็นเป็นสุข

การรู้จักเราหมายความอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

17 “แต่ส่วนเจ้า ทั้งตาทั้งใจ

มุ่งอยู่ที่ผลกำไรทุจริต

อยู่ที่การทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือด

การกดขี่ข่มเหงและการรีดนาทาเร้น”

18 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ว่า

“ผู้คนจะไม่ร่ำไห้อาลัยให้เขาว่า

‘อนิจจา พี่น้องของเรา!’

ผู้คนจะไม่ร่ำไห้อาลัยให้เขาว่า

‘อนิจจา นายเหนือหัว! อนิจจา ฝ่าพระบาท!’

19 ศพของเขาจะถูกจัดการเหมือนลาตัวหนึ่ง

คือถูกลากออกไปโยนทิ้ง

นอกประตูเมืองเยรูซาเล็ม”

20 “จงขึ้นไปบนภูเขาเลบานอนและป่าวร้อง

จงเปล่งเสียงในบาชาน

จงร้องออกมาจากอาบาริม

เพราะพันธมิตรทั้งปวงของเจ้าถูกบดขยี้หมดแล้ว

21 เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่ครั้งที่เจ้ายังรู้สึกมั่นคงปลอดภัย

แต่เจ้าตอบว่า ‘ข้าพระองค์จะไม่ฟัง!’

เจ้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

คือไม่ยอมเชื่อฟังเรา

22 ลมจะพัดคนเลี้ยงแกะทุกคนของเจ้ากระจัดกระจายไป

และพันธมิตรของเจ้าจะตกเป็นเชลย

แล้วเจ้าจะอับอายขายหน้า

เพราะความชั่วช้าทั้งปวงของเจ้า

23 เจ้าผู้อาศัยใน ‘ตำหนักเลบานอน’

ผู้พักสบายในเรือนไม้สนซีดาร์

เจ้าจะร้องครวญครางสักเท่าใด เมื่อความเจ็บปวดมาถึงเจ้า

เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่คลอดลูก!”

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ถึงแม้ว่าเจ้าเยโฮยาคีนบุตรกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์เป็นแหวนตราประจำมือขวาของเรา เราก็ยังจะถอดเจ้าออกฉันนั้น

25 เราจะมอบเจ้าให้แก่บรรดาผู้มุ่งเอาชีวิตของเจ้า ผู้ที่เจ้าหวาดกลัว คือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและชาวบาบิโลนทั้งหลาย

26 เราจะเหวี่ยงเจ้าและแม่ของเจ้าออกจากบ้านเกิดเมืองนอน และเจ้าจะตายในต่างแดน

27 เจ้าจะไม่ได้กลับมายังดินแดนซึ่งเจ้าปรารถนาจะกลับมาอีก”

28 เยโฮยาคีนผู้นี้เป็นหม้อแตกที่ถูกเหยียดหยาม

เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการหรือ?

เหตุใดเขากับลูกๆ จะถูกเหวี่ยงออกไป

ยังดินแดนที่พวกเขาไม่รู้จัก?

29 แผ่นดินเอ๋ย แผ่นดินเอ๋ย แผ่นดินเอ๋ย

จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด!

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงบันทึกถึงชายผู้นี้

ราวกับว่าเขาไร้ทายาท

เป็นผู้ที่จะไม่เจริญเลยตลอดชีวิต

เพราะไม่มีลูกคนไหนของเขาเจริญรุ่งเรือง

หรือจะได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด

หรือปกครองในยูดาห์อีกต่อไป”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/22-576730bb4cf5ae2b4f7db6027028e142.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 23

กิ่งอันชอบธรรม

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งผลาญทำลายและทำให้ลูกแกะในท้องทุ่งของเรากระจัดกระจายไป!”

2 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับบรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งดูแลพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าว่า “เนื่องจากเจ้าทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าขับไล่ไสส่งและไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พวกเขา ฉะนั้นเราจะลงโทษพวกเจ้าเพราะความชั่วที่เจ้าได้ทำ”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

3 “เราเองจะรวบรวมฝูงแกะที่เหลือออกจากประเทศต่างๆ ที่เราขับไล่พวกเขาไป และจะนำพวกเขากลับมายังท้องทุ่งเดิม ที่ซึ่งพวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

4 เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะซึ่งรับผิดชอบดูแลเขา เขาจะไม่ต้องหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป และจะไม่มีคนใดขาดหายไป”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันนั้นจะมาถึง

เมื่อเราจะสถาปนากิ่งอันชอบธรรมให้แก่ดาวิด

ผู้นั้นเป็นกษัตริย์ซึ่งจะปกครองอย่างชาญฉลาด

และทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมในแผ่นดิน

6 ในยุคสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้

และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย

เขาผู้นั้นจะได้รับการขนานนามว่า

‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’”

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง ประชากรจะไม่พูดอีกต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’

8 แต่จะพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำวงศ์วานอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตนเอง”

ผู้เผยพระวจนะเท็จ

9 พระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะความว่า

ดวงใจข้าพเจ้าแหลกสลายอยู่ภายใน

กระดูกทุกซี่สั่นสะท้าน

ข้าพเจ้าเหมือนคนเมา

เหมือนคนที่ถูกครอบงำด้วยฤทธิ์เมรัย

เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้า

และพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์

10 แผ่นดินเต็มไปด้วยคนล่วงประเวณี

เพราะคำสาปแช่งผืนแผ่นดินก็แตกระแหง

ทุ่งหญ้าในถิ่นกันดารก็เหี่ยวเฉาไป

เหล่าผู้เผยพระวจนะทำชั่ว

และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม

11 “ทั้งปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะล้วนแต่อธรรม

แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังเห็นความชั่วช้าเลวทรามของพวกเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

12 “ฉะนั้นหนทางของเขาจึงลื่น

เขาจะถูกขับไล่ไสส่งไปสู่ความมืดมน

และจะล้มตายที่นั่น

เราจะนำภัยพิบัติมาสู่พวกเขา

ในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

13 “ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของสะมาเรีย

เราเห็นสิ่งน่ารังเกียจคือ

พวกเขาพยากรณ์ในนามพระบาอัล

และนำประชากรอิสราเอลของเราหลงผิดไป

14 และเราก็เห็นสิ่งน่าขยะแขยง

ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็มคือ

พวกเขาล่วงประเวณีและดำเนินชีวิตอยู่ในความหลอกลวง

พวกเขาสนับสนุนคนทำชั่ว

เพื่อจะไม่มีใครหันกลับจากความชั่วร้ายของตน

สำหรับเรา พวกเขาเป็นเหมือนโสโดม

ชาวเยรูซาเล็มเป็นเหมือนโกโมราห์”

15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า

“เราจะทำให้พวกเขากินอาหารขม

และดื่มน้ำมีพิษ

เพราะความอธรรมก็ระบาดไปทั่วดินแดน

จากบรรดาผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็ม”

16 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“อย่าฟังสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นพยากรณ์แก่เจ้า

พวกเขาให้แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ

แจ้งนิมิตต่างๆ จากความคิดของตน

ไม่ใช่ถ้อยคำจากพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 เขาพร่ำบอกคนที่หมิ่นประมาทเราว่า

‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พวกท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข’

บอกกับคนที่ทำตามใจดื้อดึงว่า

‘จะไม่มีภัยอันตรายใดๆ เกิดแก่ท่าน’

18 แต่มีคนไหนบ้างในพวกเขาซึ่งยืนอยู่ในที่ชุมนุมขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อจะเห็นหรือได้ยินพระวจนะของพระองค์?

มีใครบ้างที่ฟังและได้ยินถ้อยคำของพระองค์?

19 ดูเถิด พายุขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จะปะทุขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

เป็นพายุหมุนลงมา

เหนือศีรษะของบรรดาคนชั่วร้าย

20 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่หันกลับ

จนกว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายในพระทัยของพระองค์ทุกประการ

ในภายภาคหน้า

เจ้าจะเข้าใจสิ่งนี้แจ่มแจ้ง

21 เราไม่ได้ใช้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้มา

แต่พวกเขาก็กล่าวถ้อยคำของตนออกมา

เราไม่ได้ตรัสอะไรกับเขา

แต่พวกเขาก็พยากรณ์

22 แต่หากเขายืนอยู่ในที่ประชุมของเรา

ก็คงจะประกาศถ้อยคำของเราแก่เหล่าประชากร

และชักจูงให้เหล่าประชากรหันจากวิถี

และการกระทำอันชั่วร้ายของตน”

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“เราเป็นพระเจ้าผู้อยู่แต่เพียงใกล้ๆ แค่นั้นหรือ?

ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้อยู่ห่างไกลด้วยหรือ?”

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“มีใครสามารถหลบซ่อนในที่ลับจนเรามองไม่เห็นหรือ?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“เราอยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกไม่ใช่หรือ?”

25 “เราได้ยินคำพูดของผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์เท็จโดยอ้างนามของเรา พวกเขาพูดว่า ‘ข้าพเจ้าฝันเห็น! ข้าพเจ้าฝันเห็น!’

26 อีกนานสักเท่าไรที่สิ่งนี้จะคงอยู่ในใจของผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ซึ่งพยากรณ์ภาพหลอนในใจของตนเอง?

27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่ตนเล่าสู่กันฟังจะทำให้ประชากรของเราลืมนามของเรา เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ลืมนามของเราไปกราบไหว้พระบาอัล

28 ให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เล่าความฝันของเขาไปเถิด แต่ผู้ที่มีถ้อยคำของเราก็จงประกาศไปอย่างซื่อสัตย์ เพราะฟางข้าวก็ต่างจากเมล็ดข้าวไม่ใช่หรือ?”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

29 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถ้อยคำของเราเหมือนไฟ และเหมือนค้อนที่ทุบหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่หรือ?”

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะที่พยากรณ์แล้วอ้างว่าเป็นถ้อยคำของเรา และพวกเขาขโมยถ้อยคำเหล่านั้นจากกันและกัน”

31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถูกแล้ว เราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะซึ่งกระดกลิ้นตัวเอง แต่ก็ยังอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’ ”

32 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แน่ละ เราเป็นศัตรูกับผู้พยากรณ์เท็จที่เล่าฝันซึ่งกุขึ้นมาเอง พวกเขาชักนำประชากรของเราให้หลงผิดโดยคำโกหกคล่องปาก ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขาหรือแต่งตั้งเขา เขาไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ประชากรเหล่านี้แม้แต่น้อย”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์และผู้เผยพระวจนะเท็จ

33 “เมื่อใครในหมู่ประชากร ผู้เผยพระวจนะหรือปุโรหิตมาถามเจ้าว่า ‘วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสอะไรบ้าง?’ เจ้าจงตอบว่า ‘พระดำรัสน่ะหรือ?องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราจะเหวี่ยงเจ้าทิ้ง’

34 ถ้าปุโรหิตหรือผู้เผยพระวจนะหรือผู้หนึ่งผู้ใดแอบอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นกับครอบครัวของเขา

35 ที่พวกเจ้าแต่ละคนเฝ้าถามกับญาติมิตรของตนว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’

36 แต่เจ้าอย่าพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ อีกเลย เพราะเมื่อเจ้าเอาคำพูดของตัวเองมาแอบอ้างเป็นพระดำรัสของพระองค์ เจ้าก็บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าของเรา

37 เจ้าทั้งหลายมักพูดกับผู้เผยพระวจนะว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบท่านว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’

38 ถึงแม้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าใช้คำพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ทั้งๆ ที่เราห้ามไม่ให้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’

39 ฉะนั้นเราจะลืมเจ้าและเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเราอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกรุงนี้ซึ่งเราได้ยกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า

40 เราจะนำความอัปยศอดสูตลอดกาลมาสู่เจ้า ความอับอายเนืองนิตย์ซึ่งไม่มีวันลืม”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/23-8197f26673ed1686dbbfa3c365fe9a59.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 24

บทเรียนจากมะเดื่อสองกระจาด

1 หลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้คุมตัวเยโฮยาคีนโอรสกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และกวาดต้อนบรรดาข้าราชการ ช่างฝีมือ และช่างเหล็กไปเป็นเชลยที่บาบิโลนองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นมะเดื่อสองกระจาดวางอยู่ที่หน้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

2 กระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่ดีมากเหมือนมะเดื่อสุกต้นฤดู ส่วนอีกกระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่เน่ามาก เน่าจนกินไม่ได้

3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง?”

ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “มะเดื่อพระเจ้าข้า ที่ดีก็ดีมาก ที่เน่าก็เน่าจนกินไม่ได้”

4 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

5 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราถือว่าเชลยจากยูดาห์ซึ่งเราส่งไปยังดินแดนของชาวบาบิโลนนั้นเป็นเหมือนมะเดื่อที่ดี

6 เราจะจับตาดูเขาเพื่อประโยชน์สุขของเขา และนำเขากลับมายังดินแดนแห่งนี้อีก เราจะสร้างพวกเขาขึ้นและไม่รื้อลง เราจะปลูกเขาไว้และไม่ถอนทิ้ง

7 เราจะให้จิตใจแก่เขาที่จะรู้จักว่าเราคือพระยาห์เวห์ เขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเขา เพราะเขาจะหันกลับมาหาเราอย่างสุดใจ’

8 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘แต่เหมือนมะเดื่อเน่า ซึ่งเน่าจนกินไม่ได้ เราจะจัดการเช่นนั้นกับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ข้าราชการของเขา และผู้ที่เหลือรอดจากเยรูซาเล็ม ไม่ว่าจะยังอยู่ในแผ่นดินนี้ หรืออาศัยอยู่ที่อียิปต์

9 เราจะทำให้พวกเขาเป็นที่ขยะแขยงน่ารังเกียจแก่มวลอาณาจักรในโลกนี้ เป็นคำตำหนิติเตียน คำเปรียบเปรย เป็นคำเยาะเย้ย และคำสาปแช่ง ไม่ว่าเราจะเนรเทศเขาไปที่ใด

10 เราจะส่งสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดไปเล่นงานพวกเขา จนกระทั่งเขาถูกทำลายล้างจากดินแดนซึ่งเราได้ยกให้แก่เขาและบรรพบุรุษของเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/24-7fd972b697e2666572eef4869b01a3c0.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 25

เจ็ดสิบปีแห่งการตกเป็นเชลย

1 พระดำรัสของพระเจ้าเกี่ยวกับประชากรทั้งปวงของยูดาห์มาถึงเยเรมีย์ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นปีแรกที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนขึ้นครองราชย์

2 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์จึงกล่าวแก่ชาวยูดาห์ทั้งปวงและชาวเยรูซาเล็มว่า

3 ตลอด 23 ปีตั้งแต่ปีที่สิบสามแห่งรัชกาลโยสิยาห์โอรสของกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์จนถึงวันนี้ ได้มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเรื่อยๆ และข้าพเจ้าก็ถ่ายทอดให้พวกท่านฟังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท่านก็ไม่ยอมฟัง

4 และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมใส่ใจ

5 พวกเขากล่าวว่า “พวกเจ้าแต่ละคน จงหันกลับจากวิถีและความประพฤติชั่วร้ายเถิด แล้วเจ้าจะอยู่ในดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตลอดไปได้

6 อย่าไปติดตาม ปรนนิบัติ นมัสการพระอื่นๆ อย่ายั่วให้เราโกรธด้วยสิ่งที่มือของเจ้าเองสร้างขึ้น แล้วเราก็จะไม่ทำอันตรายเจ้า”

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟังเรา และยั่วให้เราโกรธโดยสิ่งที่มือของเจ้าสร้างขึ้น เจ้ารนหาทุกข์ภัยมาใส่ตัว”

8 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เนื่องจากเจ้าไม่ฟังถ้อยคำของเรา”

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราก็จะเรียกชนชาติทั้งปวงจากทางเหนือ และกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามาชุมนุมกัน เราจะนำพวกเขามาต่อสู้ดินแดนและชาวถิ่นนี้ ตลอดจนชนชาติต่างๆ ที่รายรอบอยู่ ทั้งหมดนี้ เราจะทำลายล้างพวกเจ้าให้หมดสิ้น ทำให้เจ้าเป็นเป้าของความสยดสยองและการดูหมิ่นและเป็นความหายนะตลอดกาล

10 เราจะกำจัดเสียงสรวลเสเฮฮา เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโม่แป้ง และแสงตะเกียงไปจากเจ้า

11 ดินแดนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นซากทิ้งร้างว่างเปล่า และชนชาติเหล่านี้จะรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี”

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่เมื่อครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและชนชาติของเขา ซึ่งก็คือแผ่นดินของชาวบาบิโลนเพราะความผิดของพวกเขา เราจะทำให้ดินแดนของเขาถูกทิ้งร้างตลอดไป

13 เราจะทำกับดินแดนนั้นตามที่เราได้ลั่นวาจาไว้ทุกประการ ตามที่เขียนไว้ในหนังสือนี้และที่เยเรมีย์ได้พยากรณ์ไว้เกี่ยวกับประชาชาติทั้งปวง

14 พวกเขาจะตกเป็นทาสของกษัตริย์ยิ่งใหญ่จากชาติต่างๆ และเราจะลงโทษพวกเขาให้สาสมกับความประพฤติและการกระทำของพวกเขา”

ถ้วยแห่งพระพิโรธ

15 พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงรับถ้วยที่เต็มด้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธนี้จากมือของเรา และให้ประชาชาติทั้งปวงที่เราใช้เจ้าไปหาดื่มจากถ้วยนี้

16 เมื่อดื่มแล้ว พวกเขาจะโซซัดโซเซและคลุ้มคลั่งไป เพราะดาบที่เราจะส่งมาท่ามกลางพวกเขา”

17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงรับถ้วยจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและให้มวลประชาชาติที่พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปหานั้นดื่มจากถ้วยนี้

18 เยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ พร้อมทั้งกษัตริย์และขุนนาง จะถูกทำให้เป็นซากรกร้าง เป็นเป้าของความสยดสยอง เป็นที่ดูหมิ่นและเป็นที่สาปแช่งเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

19 ทั้งฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร และราษฎรทั้งปวง

20 ตลอดจนคนต่างด้าวทั้งปวงซึ่งอยู่ที่นั่น รวมทั้งกษัตริย์ทั้งปวงแห่งดินแดนอูสและแห่งฟีลิสเตีย (ผู้ครองอัชเคโลน กาซา เอโครน และประชาชนซึ่งเหลืออยู่ที่อัชโดด)

21 ทั้งเอโดม โมอับ และอัมโมน

22 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งไทระและไซดอน บรรดากษัตริย์แห่งภูมิภาคซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเล

23 เดดาน เทมา บูส และคนทั้งปวงในที่ไกลโพ้น

24 กษัตริย์อาระเบียทั้งปวงและของชนเร่ร่อนเผ่าต่างๆ ในทะเลทราย

25 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งศิมรี เอลาม และมีเดีย

26 เหล่ากษัตริย์ของดินแดนทางเหนือทั้งใกล้และไกล จากแดนหนึ่งไปสู่อีกแดนหนึ่งและทั่วอาณาจักรทั้งปวงของโลก และในที่สุดกษัตริย์เชชักเองก็จะดื่มจากถ้วยนี้ด้วย

27 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า จงดื่ม จงเมามายและอาเจียน และล้มลงจนลุกขึ้นมาอีกไม่ได้เพราะดาบซึ่งเราจะส่งมาในหมู่พวกเจ้า’

28 แต่หากพวกเขาไม่ยอมรับถ้วยนี้จากมือของเจ้ามาดื่ม จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าต้องดื่ม!

29 ดูเถิด เรากำลังเริ่มต้นนำหายนะมาสู่เมืองซึ่งใช้ชื่อของเรา ส่วนเจ้าจะลอยนวลพ้นโทษไปได้หรือ? ไม่เลย เจ้าจะไม่พ้นโทษเพราะเราจะสั่งให้ลงดาบเหนือชาวโลกทั้งปวง’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

30 “บัดนี้จงพยากรณ์ถ้อยคำเหล่านี้แก่พวกเขา จงบอกพวกเขาว่า

“ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปล่งเสียงกัมปนาทจากเบื้องบน

พระองค์จะทรงเปล่งพระสุรเสียงจากที่ประทับอันบริสุทธิ์

และส่งเสียงดังสนั่นต่อสู้ดินแดนของพระองค์

พระองค์จะทรงเปล่งเสียงเหมือนเสียงคนย่ำองุ่น

จะเปล่งเสียงดังต่อชาวพิภพทั้งปวง

31 ความโกลาหลอลหม่านจะดังก้องไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดำเนินคดีกับประชาชาติทั้งหลาย

จะทรงพิพากษาลงโทษมวลมนุษยชาติ

จะทรงประหารคนชั่วด้วยดาบ’ ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

32 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ดูเถิด! ภัยพิบัติกำลังแพร่ไป

จากชาติหนึ่งไปยังอีกชาติหนึ่ง

พายุใหญ่กำลังปั่นป่วนขึ้น

จากทุกมุมโลก”

33 ในครั้งนั้นบรรดาคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประหารจะเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่ง จากสุดโลกด้านหนึ่งถึงสุดโลกอีกด้านหนึ่ง จะไม่มีใครร้องไห้ให้เขาหรือรวบรวมซากศพไปฝัง มีแต่ทิ้งไว้บนพื้นเหมือนขยะ

34 จงร่ำไห้และคร่ำครวญเถิด บรรดาคนเลี้ยงแกะ

พวกผู้นำฝูงแกะ จงเกลือกกลิ้งในธุลี

เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะถูกประหาร

เจ้าจะล้มตายและถูกขยี้แหลกลาญเหมือนเครื่องปั้นดินเผาชั้นดี

35 บรรดาคนเลี้ยงแกะไม่รู้จะหนีไปที่ไหน

พวกผู้นำฝูงแกะไม่รู้จะหลบไปที่ใด

36 จงฟังเสียงร้องของเหล่าคนเลี้ยงแกะ

เสียงร่ำไห้ของบรรดาผู้นำฝูงแกะ

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำลังทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา

37 ท้องทุ่งอันสงบสุขจะถูกทิ้งร้าง

เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า

38 พระองค์จะเสด็จมาจากที่ประทับเหมือนราชสีห์

และดินแดนของพวกเขาจะถูกทิ้งร้าง

เพราะดาบของผู้กดขี่ข่มเหง

และเพราะพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/25-758a26a73e66d59afd8842a953337368.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 26

เยเรมีย์ถูกขู่ฆ่า

1 มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ในต้นรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสของกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์

2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงยืนอยู่ที่ลานพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าและประกาศแก่ชาวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ซึ่งมานมัสการที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงแจ้งทุกสิ่งตามที่เราสั่ง อย่าเว้นแม้แต่คำเดียว

3 บางทีพวกเขาอาจจะรับฟังและหันจากทางชั่วของตน แล้วเราจะอดใจไว้ไม่นำภัยพิบัติมายังเขาตามที่เราคิดเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ

4 จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า หากเจ้าไม่ฟังคำของเราและปฏิบัติตามบทบัญญัติของเราซึ่งเราตั้งไว้ต่อหน้าเจ้า

5 และหากเจ้าไม่ยอมฟังคำผู้รับใช้ของเราคือเหล่าผู้เผยพระวจนะซึ่งเราได้ส่งมาเตือนเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า (แม้ว่าเจ้าไม่ฟัง)

6 เมื่อนั้นเราจะทำลายพระนิเวศแห่งนี้เหมือนที่เราได้ทำลายพลับพลาแห่งชิโลห์และเราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นที่สาปแช่งในหมู่ประชาชาติทั่วโลก’ ”

7 บรรดาปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะและประชาชนทั้งปวงได้ยินเยเรมีย์กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

8 ทันทีที่เยเรมีย์ได้กล่าวทุกสิ่งแก่ประชาชนเสร็จสิ้นตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งไว้ บรรดาปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ และประชาชนทั้งปวงก็กรูเข้าไปจับเขาและร้องว่า “แกต้องตาย!

9 ทำไมมาพยากรณ์ในพระนามพระยาห์เวห์ว่าพระนิเวศแห่งนี้จะเป็นเหมือนชิโลห์และกรุงนี้จะต้องถูกทิ้งร้าง?” แล้วประชาชนทั้งหมดก็กรูเข้าล้อมตัวเยเรมีย์ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

10 เมื่อบรรดาขุนนางของยูดาห์ได้ยินเรื่องนี้ ก็ออกจากพระราชวังมาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามานั่งประจำที่อยู่ที่ประตูใหม่ของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

11 แล้วบรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะก็แจ้งเหล่าขุนนางและประชาชนทั้งปวงว่า “ชายผู้นี้สมควรรับโทษถึงตายเพราะเขาพยากรณ์ให้ร้ายกรุงนี้ ท่านก็ได้ยินกับหูของท่านเองแล้ว!”

12 เยเรมีย์จึงกล่าวแก่บรรดาขุนนางและประชาชนทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ข้าพเจ้ามาพยากรณ์แก่พระนิเวศนี้และกรุงนี้ตามที่ท่านได้ยินมาทั้งหมด

13 บัดนี้พวกท่านจงแก้ไขแนวทางและความประพฤติของท่าน จงเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอดพระทัยไว้ ไม่นำภัยพิบัติซึ่งได้ทรงประกาศไว้มาเหนือพวกท่าน

14 ส่วนข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของท่านแล้ว เชิญทำแก่ข้าพเจ้าตามที่ท่านเห็นดีเห็นชอบเถิด

15 แต่ที่แน่ๆ คือหากพวกท่านฆ่าข้าพเจ้า ก็ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งและความผิดนี้จะตกอยู่แก่ท่าน แก่กรุงนี้และแก่ชาวกรุงนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ข้าพเจ้ามาจริงๆ ให้กล่าวถ้อยคำทั้งปวงตามที่พวกท่านได้ยินแล้ว”

16 บรรดาขุนนางและประชาชนทั้งปวงจึงกล่าวแก่เหล่าปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะว่า “ชายผู้นี้ไม่สมควรได้รับโทษประหาร! เพราะเขาพูดกับเราในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา”

17 มีบางคนในหมู่ผู้อาวุโสของแผ่นดินนั้นลุกขึ้นก้าวออกมากล่าวแก่ที่ประชุมประชาชนทั้งหมดว่า

18 “ในรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ มีคาห์แห่งโมเรเชทได้แจ้งคำพยากรณ์แก่ประชากรยูดาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ ‘ศิโยนจะถูกไถเหมือนนา

และเยรูซาเล็มจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

ภูเขาที่ตั้งของพระวิหารจะกลายเป็นป่ารก’

19 กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์หรือใครอื่นในยูดาห์ได้ฆ่ามีคาห์หรือ? เฮเซคียาห์ไม่ได้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและทูลอ้อนวอนพระองค์หรอกหรือ? แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็อดพระทัยไว้ ไม่นำภัยพิบัติที่ทรงประกาศไว้มาเหนือพวกเขาไม่ใช่หรือ? ส่วนเรากำลังหาเรื่องนำหายนะร้ายแรงมาสู่ตนเอง!”

20 (ครั้งนั้นอุรียาห์บุตรเชไมอาห์จากคีริยาทเยอาริมซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เผยพระวจนะในพระนามของพระยาห์เวห์ก็ได้กล่าวพยากรณ์เกี่ยวกับกรุงนี้และดินแดนนี้เช่นเดียวกับเยเรมีย์

21 เมื่อกษัตริย์เยโฮยาคิม บรรดานายทหาร และข้าราชการได้ยินสิ่งที่อุรียาห์พูด กษัตริย์ก็ส่งคนไปฆ่าเขา แต่อุรียาห์ได้ยินข่าวนี้จึงหนีไปที่อียิปต์ด้วยความกลัว

22 แต่กษัตริย์เยโฮยาคิมทรงใช้เอลนาธันบุตรของอัคโบร์ พร้อมทั้งคนอื่นไปที่อียิปต์เพื่อจับกุมอุรียาห์

23 อุรียาห์ถูกคุมตัวจากอียิปต์มาเข้าเฝ้ากษัตริย์เยโฮยาคิม พระองค์ทรงประหารเขาด้วยดาบ และให้โยนศพไว้ในที่ฝังศพของสามัญชน)

24 ยิ่งกว่านั้นเยเรมีย์ได้รับความช่วยเหลือจากอาหิคัมบุตรชาฟาน จึงไม่ถูกมอบตัวให้ประชาชนฆ่า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/26-39938087dca1a9759895e4f8c7f65db3.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 27

ยูดาห์จะปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์

1 ในต้นรัชกาลเศเดคียาห์โอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงทำแอกจากไม้พร้อมสายรัดแล้วคล้องคอเจ้าไว้

3 และฝากข้อความไปถึงกษัตริย์เอโดม โมอับ อัมโมน ไทระ และไซดอนผ่านทางบรรดาทูตซึ่งมาเฝ้ากษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ที่เยรูซาเล็ม

4 ให้ไปทูลเจ้านายของตนว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “จงไปบอกนายของเจ้าว่า

5 เราได้สร้างโลก มนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ในโลกนี้ โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่และมือที่เงื้ออยู่ และเรายกสิ่งเหล่านี้แก่ใครก็ได้ที่เราพอใจ

6 บัดนี้เราจะมอบแผ่นดินทั้งปวงของพวกเจ้าให้แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรา แม้แต่สัตว์ป่าเราก็จะทำให้ยอมสยบต่อเขา

7 ประชาชาติทั้งปวงจะรับใช้เขาและลูกหลานของเขาจนกว่าจะหมดเวลาของเขา จากนั้นประชาชาติต่างๆ และเหล่ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จะพิชิตบาบิโลน

8 “ ‘ “แต่หากชนชาติใดหรืออาณาจักรใดไม่ยอมปรนนิบัติรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน หรือไม่ยอมอยู่ใต้แอกของเขา เราจะลงโทษชนชาตินั้นด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด จนกว่าเราจะทำลายชาตินั้นให้สิ้นไปด้วยมือเนบูคัดเนสซาร์องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

9 เพราะฉะนั้นอย่าไปฟังผู้พยากรณ์ หมอดู ผู้ทำนายฝัน คนทรง และหมอผีของพวกเจ้า ผู้ที่บอกว่า ‘เจ้าจะไม่ต้องเป็นข้ารับใช้กษัตริย์บาบิโลน’

10 พวกเขาพยากรณ์เท็จให้เจ้าฟัง ซึ่งมีแต่จะทำให้เจ้าพลัดพรากจากดินแดนของเจ้า เราจะเนรเทศเจ้าไปและเจ้าจะพินาศ

11 แต่ถ้าชาติใดยอมค้อมคออยู่ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลนและปรนนิบัติรับใช้เขา เราจะอนุญาตให้ชาตินั้นคงอยู่ในดินแดนของตน ทำไร่ไถนาอาศัยอยู่ต่อไปองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น” ’ ”

12 ข้าพเจ้าได้แจ้งข้อความเดียวกันแก่กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์คือ “จงค้อมคออยู่ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลน ปรนนิบัติรับใช้เขากับราษฎรของเขา แล้วท่านจะมีชีวิตรอด

13 ทำไมท่านกับเหล่าประชากรจะต้องตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่าจะตกอยู่แก่ชนชาติใดก็ตามที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์บาบิโลนเล่า?

14 อย่าไปฟังบรรดาผู้พยากรณ์ที่บอกกับท่านว่า ‘พวกเจ้าจะไม่ต้องรับใช้กษัตริย์บาบิโลน’ เพราะพวกเขาพยากรณ์เท็จให้เจ้าฟัง

15 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘เราไม่ได้ส่งพวกเขามา เขาพยากรณ์เท็จให้เจ้าฟังโดยอ้างนามของเรา ฉะนั้นเราจะเนรเทศเจ้าไปและเจ้าจะพินาศ ทั้งเจ้าและบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์ให้เจ้าฟัง’ ”

16 แล้วข้าพเจ้ากล่าวแก่บรรดาปุโรหิตและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า อย่าไปฟังถ้อยคำต่างๆ ที่ผู้พยากรณ์กล่าวว่า ‘ในไม่ช้าภาชนะซึ่งถูกริบจากพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้คืนมาจากบาบิโลน’ พวกเขากำลังพยากรณ์เท็จให้เจ้าฟัง

17 อย่าไปฟังเลย จงยอมรับใช้กษัตริย์บาบิโลน แล้วพวกท่านจะรักษาชีวิตไว้ได้ จะยอมให้เมืองนี้เป็นซากปรักหักพังไปทำไม?

18 หากคนเหล่านั้นเป็นผู้เผยพระวจนะและมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ให้พวกเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ ไม่ให้ภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ที่เหลืออยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในวังของกษัตริย์ยูดาห์ และในเยรูซาเล็มต้องถูกริบไปบาบิโลน

19 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสเกี่ยวกับเสาหาน ขันสาคร แท่นเคลื่อนที่ และเครื่องตกแต่งอื่นๆ ที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้

20 ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนไม่ได้ริบไป เมื่อครั้งที่เยโฮยาคีนโอรสกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ถูกจับไปเป็นเชลยที่บาบิโลนพร้อมกับบรรดาเจ้าขุนมูลนายของยูดาห์และเยรูซาเล็มนั้น

21 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เหลืออยู่ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในราชวังกษัตริย์ยูดาห์และในเยรูซาเล็มไว้ดังนี้

22 ‘สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถูกริบไปไว้ที่บาบิโลนจนกว่าจะถึงวันที่เรามาเยือน แล้วเราจึงจะนำมันกลับมายังที่เดิม’องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/27-508bdf97b8d8d866a4a8c5a78c6a68db.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 28

ฮานันยาห์ผู้พยากรณ์เท็จ

1 ในเดือนที่ห้าปีเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นปีที่สี่ของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ผู้พยากรณ์ฮานันยาห์บุตรอัสซูร์ซึ่งมาจากกิเบโอน กล่าวกับข้าพเจ้าในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าบรรดาปุโรหิตและประชากรทั้งปวงว่า

2 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราจะหักแอกของกษัตริย์บาบิโลน

3 เราจะนำภาชนะต่างๆ ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนริบจากพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปไว้ที่บาบิโลนนั้นกลับคืนมาที่นี่ภายในสองปี

4 และเราจะนำเยโฮยาคีนโอรสของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กับบรรดาเชลยจากยูดาห์ซึ่งไปยังบาบิโลนนั้นกลับมาที่นี่อีก เพราะเราจะทำลายแอกของกษัตริย์บาบิโลน’องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น”

5 แล้วผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวกับฮานันยาห์ต่อหน้าปุโรหิตและประชากรทั้งปวงซึ่งยืนอยู่ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 เขากล่าวว่า “อาเมน! ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเช่นนั้นเถิด! ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้เป็นไปตามคำพยากรณ์ของท่าน ที่พระองค์จะทรงนำภาชนะประจำพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเชลยทั้งปวงจากบาบิโลนคืนสู่แผ่นดินนี้

7 แต่ขอจงฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องกล่าวให้ท่านและประชาชนทั้งปวงได้ยินคือ

8 ตั้งแต่กาลก่อนบรรดาผู้เผยพระวจนะก่อนหน้าท่านและข้าพเจ้าได้พยากรณ์ถึงสงคราม ภัยพิบัติ และโรคระบาด ซึ่งจะเกิดขึ้นในหลายประเทศและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย

9 แต่ผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์ถึงสันติภาพนั้นจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้มาจริงๆ ก็ต่อเมื่อคำพยากรณ์ของเขาเป็นจริง”

10 แล้วผู้เผยพระวจนะฮานันยาห์ จึงปลดแอกจากคอของผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์แล้วหักทิ้งเสีย

11 แล้วกล่าวต่อหน้าประชาชนทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ในทำนองเดียวกัน เราจะทำลายแอกของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนออกจากคอของบรรดาประชาชาติภายในสองปี’ ” ถึงตอนนี้ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ก็เดินจากไป

12 ไม่นานหลังจากที่ผู้เผยพระวจนะฮานันยาห์ได้ทำลายแอกจากคอของผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาถึงเยเรมีย์ว่า

13 “จงไปบอกฮานันยาห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าหักแอกไม้ออก แต่เจ้าจะได้แอกเหล็กแทน

14 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะวางแอกเหล็กบนคอของประชาชาติเหล่านี้ และให้พวกเขาปรนนิบัติรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน และพวกเขาจะรับใช้เนบูคัดเนสซาร์ แม้แต่สัตว์ป่า เราก็จะทำให้สยบต่อเนบูคัดเนสซาร์ด้วยเช่นกัน’ ”

15 แล้วผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวแก่ผู้เผยพระวจนะฮานันยาห์ว่า “ฮานันยาห์ จงฟัง!องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้ท่านมา แต่ท่านก็ยังโน้มน้าวชนชาตินี้ให้เชื่อคำโกหกพกลม

16 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะกำจัดเจ้าไปจากพื้นโลก เจ้าจะตายในปีนี้ เพราะเจ้าได้สอนให้กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า’ ”

17 ในเดือนที่เจ็ดของปีนั้นเองผู้เผยพระวจนะฮานันยาห์ก็สิ้นชีวิต

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/28-badc16bf267c6470847f92899d190c1e.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 29

จดหมายถึงเหล่าเชลย

1 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งจากเยรูซาเล็มถึงบรรดาผู้อาวุโส ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ และประชากรทั้งปวงซึ่งถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กวาดต้อนจากเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลน

2 (หลังจากที่กษัตริย์เยโฮยาคีนราชมารดา และข้าราชสำนัก บรรดาผู้นำยูดาห์และเยรูซาเล็ม ช่างเหล็กและช่างฝีมือทั้งหลายถูกกวาดต้อนจากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลย)

3 เขาส่งจดหมายฉบับนี้ไปกับเอลาสาห์บุตรชาฟาน และเกมาริยาห์บุตรฮิลคียาห์ ซึ่งกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ให้ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ในบาบิโลน จดหมายนั้นมีใจความว่า

4 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสแก่คนทั้งปวงผู้ถูกกวาดต้อนจากเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลนว่า

5 “จงสร้างบ้านและตั้งรกราก จงเพาะปลูกและกินพืชผลที่ได้

6 จงแต่งงาน มีลูกชายลูกสาว และหาคู่ครองให้พวกเขา จะได้มีหลานเหลน จงเพิ่มจำนวนพลเมืองขึ้น ไม่ใช่ลดลง

7 ทั้งจงบากบั่นเพื่อสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองของนครซึ่งเราให้เจ้าไปตกเป็นเชลยนั้น จงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อนครนั้น เพราะหากมันเจริญ เจ้าก็เจริญด้วย”

8 ถูกแล้ว พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “อย่ายอมให้บรรดาผู้พยากรณ์และหมอดูในหมู่พวกเจ้าหลอกลวงเจ้า อย่าฟังความฝันที่พวกเจ้าอยากให้พวกเขาฝัน

9 พวกเขากำลังพยากรณ์เท็จในนามของเราให้เจ้าฟัง เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เมื่อเป็นเชลยในบาบิโลนจนครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะมาเยือนเจ้าและทำตามสัญญาแห่งพระคุณที่จะนำเจ้ากลับคืนมาที่นี่”

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เพราะเรารู้แผนการที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนการเพื่อทำให้เจ้ารุ่งเรืองไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เป็นแผนการเพื่อให้ความหวังและอนาคตแก่เจ้า

12 แล้วเจ้าจะร้องเรียกเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า

13 เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าจะพบเรา และเราจะนำเจ้ากลับมาจากการเป็นเชลย”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราจะรวบรวมเจ้าออกมาจากประชาชาติต่างๆ และจากดินแดนทั้งปวงที่เราเนรเทศเจ้าไป ให้กลับคืนมายังภูมิลำเนาเดิมซึ่งเราได้นำเจ้าจากไปเป็นเชลย”

15 ท่านอาจกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตั้งผู้เผยพระวจนะให้เราในบาบิโลน”

16 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับกษัตริย์ผู้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด และเกี่ยวกับประชากรทั้งปวงที่ยังคงอยู่ในกรุงนี้คือพี่น้องร่วมชาติซึ่งไม่ได้ไปเป็นเชลยกับท่านนั้นว่า

17 ถูกแล้ว พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เราจะส่งสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดมายังพวกเขาและทำให้เขาเหมือนมะเดื่อเน่า ซึ่งเน่าจนกินไม่ได้

18 เราจะตามล่าเขาด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด และจะทำให้พวกเขาเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์แก่มวลอาณาจักรในโลก เป็นที่น่าสยดสยอง ถูกสาปแช่ง ถูกติเตียน และถูกเย้ยหยันในหมู่ชนชาติต่างๆ ที่เราขับไล่เขาไป”

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เพราะเขาไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา ถ้อยคำที่เราใช้ให้ผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเราไปพูดกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเจ้าเหล่าเชลยก็ไม่ฟังด้วย”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

20 ฉะนั้นท่านทั้งปวงผู้ต้องจากเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่บาบิโลน จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

21 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับอาหับบุตรโคลายาห์ และเศเดคียาห์บุตรมาอาเสอาห์ ซึ่งอ้างนามของเรากล่าวเท็จให้พวกเจ้าฟังนั้นว่า “เราจะมอบเขาทั้งสองไว้ในมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน และเนบูคัดเนสซาร์จะฆ่าเขาทั้งสองต่อหน้าต่อตาพวกเจ้า

22 เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคนนี้ ทำให้เชลยทั้งปวงจากยูดาห์ซึ่งอยู่ในบาบิโลนแช่งด่ากันว่า ‘ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทำกับเจ้าเหมือนเศเดคียาห์และอาหับซึ่งกษัตริย์บาบิโลนได้เผาในกองไฟ’

23 เพราะพวกเขาได้ทำสิ่งเลวร้ายในอิสราเอล พวกเขาเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้านและกล่าวเท็จโดยอ้างนามของเราโดยที่เราไม่ได้ใช้เขาไปทำ เรารู้เห็นและเป็นพยานเรื่องนี้”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พระดำรัสถึงเชไมอาห์

24 จงบอกเชไมอาห์ชาวเนเฮลามว่า

25 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เจ้าส่งจดหมายในนามของเจ้าเองมาถึงประชากรในเยรูซาเล็ม ถึงเศฟันยาห์บุตรมาอาเสอาห์ผู้เป็นปุโรหิตและถึงปุโรหิตอื่นๆ ทุกคน เจ้าได้บอกเศฟันยาห์ว่า

26 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นปุโรหิตแทนเยโฮยาดา เพื่อดูแลรับผิดชอบพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าหากคนบ้าคนไหนทำทีเป็นผู้เผยพระวจนะ ท่านจงจับเขาใส่ขื่อคาและปลอกคอเหล็ก

27 เช่นนี้แล้ว ทำไมท่านจึงไม่จัดการเยเรมีย์ชาวอานาโธท ซึ่งตั้งตนเป็นผู้เผยพระวจนะในหมู่ท่าน?

28 เขาได้ส่งจดหมายถึงพวกเราในบาบิโลนว่า เราจะเป็นเชลยอยู่นาน ฉะนั้นให้สร้างบ้านเรือน ตั้งรกราก เพาะปลูก และกินพืชผลที่ได้’ ”

29 แต่ปุโรหิตเศฟันยาห์อ่านจดหมายฉบับนี้ให้ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ฟัง

30 แล้วมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า

31 “จงแจ้งข้อความนี้แก่เชลยทั้งปวงว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเชไมอาห์ชาวเนเฮลามดังนี้ว่า เนื่องจากเชไมอาห์ได้พยากรณ์ให้พวกเจ้าฟังทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขาไป และได้ทำให้เจ้าหลงเชื่อคำโกหก

32 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะลงโทษเชไมอาห์ชาวเนเฮลามกับวงศ์วานของเขาอย่างแน่นอน เขาจะไม่เหลือใครในหมู่ชนชาตินี้ ทั้งจะไม่ได้เห็นสิ่งดีงามที่เราจะทำเพื่อประชากรของเรา เพราะเขาได้สอนให้กบฏต่อเราองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/29-aafb387ed594bbdeb80b96f4251da0b1.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 30

อิสราเอลคืนสู่สภาพดี

1 มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า

2 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จงบันทึกทุกสิ่งที่เราได้พูดกับเจ้าไว้’

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้วที่เราจะนำอิสราเอลและยูดาห์ ประชากรของเรากลับมาจากการเป็นเชลยและนำพวกเขากลับสู่ดินแดนที่เรายกให้บรรพบุรุษของพวกเขาครอบครอง’องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น”

4 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับอิสราเอลและยูดาห์ไว้ว่า

5 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ ‘เราได้ยินเสียงร้องด้วยความกลัว

เป็นความอกสั่นขวัญแขวน ไม่ใช่สันติสุข

6 จงถามและดูเถิดว่า

ผู้ชายคลอดลูกได้หรือ?

ถ้าเช่นนั้นทำไมเราเห็นชายฉกรรจ์ทุกคน

เอามือกุมท้องไว้เหมือนผู้หญิงกำลังคลอด?

ทำไมทุกคนหน้าซีด?

7 วันนั้นจะน่ากลัวสักเพียงใด!

ไม่มีวันใดเหมือน

เป็นยามทุกข์ลำเค็ญสำหรับยาโคบ

แต่เขาจะได้รับการช่วยให้รอดพ้น’

8 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า

‘ในวันนั้นเราจะปลดแอกจากคอของเขา

และหักเครื่องพันธนาการของเขาทิ้ง

เขาจะไม่ตกเป็นทาสของคนต่างชาติอีกต่อไป

9 แต่พวกเขาจะรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของตน

และรับใช้ดาวิดกษัตริย์ของเขา

ผู้ซึ่งเราจะเชิดชูขึ้นเพื่อพวกเขา

10 “ ‘ฉะนั้นอย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย

อย่าท้อแท้หดหู่ไปเลย อิสราเอลเอ๋ย’

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

‘เราจะช่วยเจ้าจากแดนไกลอย่างแน่นอน

จะช่วยลูกหลานของเจ้าจากแดนเชลย

ยาโคบจะกลับมีความสงบสุขและมั่นคงปลอดภัยอีกครั้ง

และจะไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัว

11 เพราะเราอยู่กับเจ้าและเราจะช่วยเจ้า’

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

‘ถึงแม้ว่าเราจะทำลายล้างมวลประชาชาติ

ที่เราทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปนั้นจนหมดสิ้น

แต่เราจะไม่ทำลายล้างเจ้าให้สิ้นไป

เราจะตีสั่งสอนเจ้า แต่ก็ด้วยความยุติธรรมเท่านั้น

เราจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลพ้นโทษไป’

12 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ ‘บาดแผลของเจ้ารักษาไม่ได้

เจ้าบาดเจ็บเกินจะเยียวยา

13 ไม่มีใครช่วยว่าคดีให้เจ้า

ไม่มีการสมานแผลให้เจ้า

ไม่มีการบำบัดให้เจ้า

14 พันธมิตรทั้งปวงก็ลืมเจ้า

พวกเขาไม่ไยดีเจ้าเลย

เราฟาดฟันเจ้าเหมือนเป็นศัตรูกัน

เราลงโทษเจ้าเหมือนคนอำมหิตลงมือ

เพราะความผิดของเจ้าใหญ่หลวง

และบาปของเจ้าก็มากมายนัก

15 เหตุใดเจ้าจึงร้องโอดโอยเพราะบาดแผลของเจ้า

เพราะความเจ็บปวดซึ่งไม่มีการเยียวยา?

เราจึงทำสิ่งเหล่านี้แก่เจ้า

เพราะความผิดอันยิ่งใหญ่และบาปมากมายของเจ้า

16 “ ‘แต่บรรดาผู้ที่ล้างผลาญเจ้าจะถูกล้างผลาญ

ศัตรูทั้งปวงของเจ้าจะตกเป็นเชลย

บรรดาผู้ที่ปล้นเจ้าจะถูกปล้น

ผู้ที่โจมตีเจ้าจะถูกเราโจมตี

17 เพราะเราจะให้เจ้ามีสุขภาพดีดังเดิม

และรักษาบาดแผลของเจ้า’

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

‘เพราะเจ้าได้ชื่อว่า “พวกเศษเดน”

ศิโยนที่ไม่มีใครเหลียวแล’

18 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ ‘เราจะคืนความมั่งคั่งให้เต็นท์ของยาโคบ

และเอ็นดูสงสารที่อยู่ของเขา

นครจะถูกสร้างขึ้นบนซากปรักหักพัง

และพระราชวังจะตั้งขึ้นในที่เดิมของมัน

19 จะมีบทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า

และมีเสียงร่าเริงยินดีจากที่เหล่านั้น

เราจะทวีจำนวนของพวกเขา

และเขาจะไม่ลดน้อยลง

เราจะนำเกียรติมาสู่เขา

และพวกเขาจะไม่ถูกดูแคลน

20 ลูกหลานของพวกเขาจะเจริญเหมือนแต่ก่อน

และชุมนุมชนของเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าเรา

เราจะลงโทษคนทั้งปวงที่ข่มเหงรังแกเขา

21 เขาจะมีผู้นำของตนเอง

มีผู้ปกครองขึ้นมาจากหมู่พวกเขา

เราจะนำผู้นั้นเข้ามาใกล้ และเขาจะใกล้ชิดเรา

เพราะใครบ้างที่ยอมอุทิศตน

เพื่อใกล้ชิดเรา?’

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

22 ‘แล้วเจ้าจะเป็นประชากรของเรา

และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า’ ”

23 ดูเถิด พายุขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จะปะทุขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

เป็นลมกล้าพัดวน

เหนือศีรษะของบรรดาคนชั่วร้าย

24 พระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่หันกลับ

จนกว่าจะสำเร็จ

ตามเป้าหมายในพระทัยของพระองค์ทุกประการ

ในภายภาคหน้า

ท่านทั้งหลายจะเข้าใจสิ่งนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/30-0146be3f8b196371b5cad7d1bf0b67d5.mp3?version_id=179—