Categories
เอสรา

เอสรา 1

ไซรัสช่วยเชลยกลับภูมิลำเนา

1 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า

2 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า

“ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์

3 ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขากลับไปยังเยรูซาเล็มในยูดาห์และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม

4 ให้ประชาชนในถิ่นที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่มอบเงิน ทอง ข้าวของ และฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของถวายตามความสมัครใจเพื่อพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มแก่พวกเขา’ ”

5 แล้วบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์และเบนยามิน กับปุโรหิตและคนเลวี คือทุกคนที่พระเจ้าทรงดลใจ ก็เตรียมตัวขึ้นไปสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม

6 เพื่อนบ้านทั้งปวงช่วยเหลือจุนเจือพวกเขาโดยให้เครื่องใช้ไม้สอยที่ทำจากเงินและทอง ข้าวของและฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของมีค่าต่างๆ นอกเหนือจากของถวายตามความสมัครใจ

7 นอกจากนี้กษัตริย์ไซรัสเองทรงมอบเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยึดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มและได้เก็บไว้ในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์

8 กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงให้ขุนคลังมิทเรดาทนำเครื่องใช้เหล่านี้ออกมานับจำนวนแล้วมอบให้เชชบัสซาร์ซึ่งเป็นเจ้านายของยูดาห์

9 รายการสิ่งของมีดังนี้ คือ

ชามทองคำ 30 ใบ
ชามเงิน 1,000 ใบ
กระทะเงิน 29 ใบ
10 อ่างทองคำ 30 ใบ
อ่างเงินที่เข้าชุดกัน 410 ใบ
เครื่องใช้อื่นๆ 1,000 ชิ้น

11 มีเครื่องใช้ทองและเงินทั้งสิ้น 5,400 ชิ้น เมื่อพวกเชลยออกจากบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม เชชบัสซาร์นำสิ่งของทั้งหมดนี้ไปด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/1-8e62078d2ff09649236cc4a7acbe2c75.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 2

รายชื่อเชลยที่กลับมา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปยังบาบิโลน (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์

2 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรอาห์ เรเอไลยาห์ โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์)

จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่

3 วงศ์วานของปาโรช 2,172 คน
4 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน
5 ของอาราห์ 775 คน
6 ของปาหัทโมอับ (ทางสาย เยชูอา และโยอาบ) 2,812 คน
7 ของเอลาม 1,254 คน
8 ของศัทธู 945 คน
9 ของศักคัย 760 คน
10 ของบานี 642 คน
11 ของเบบัย 623 คน
12 ของอัสกาด 1,222 คน
13 ของอาโดนีคัม 666 คน
14 ของบิกวัย 2,056 คน
15 ของอาดีน 454 คน
16 ของอาเทอร์ (ทางสายเฮเซคียาห์) 98 คน
17 ของเบไซ 323 คน
18 ของโยราห์ 112 คน
19 ของฮาชูม 223 คน
20 ของกิบบาร์ 95 คน
21 ชายชาวเบธเลเฮม 123 คน
22 ชาวเนโทฟาห์ 56 คน
23 ชาวอานาโธท 128 คน
24 ชาวอัสมาเวท 42 คน
25 ชาวคีริยาทเยอาริมชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน
26 ชาวรามาห์และเกบา 621 คน
27 ชาวมิคมาช 122 คน
28 ชาวเบธเอลและชาวอัย 223 คน
29 ชาวเนโบ 52 คน
30 ชาวมักบีช 156 คน
31 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน
32 ชาวฮาริม 320 คน
33 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 725 คน
34 ชาวเยรีโค 345 คน
35 ชาวเสนาอาห์ 3,630 คน

36 ปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของเยดายาห์ (ทางครอบครัว ของเยชูอา) 973 คน
37 ของอิมเมอร์ 1,052 คน
38 ของปาชเฮอร์ 1,247 คน
39 ของฮาริม 1,017 คน

40 คนเลวีได้แก่

วงศ์วานของเยชูอาและขัดมีเอล (ทางสายโฮดาวิยาห์) 74 คน

41 คณะนักร้องได้แก่

วงศ์วานของอาสาฟ 128 คน

42 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ
ชัลลูม อาเทอร์ ทัลโมน
อักขูบ ฮาทิทาและโชบัย 139 คน

43 ผู้ช่วยงานในพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ

ศีหะ ฮาสูฟา ทับบาโอท

44 เคโรส สีอาฮา พาโดน

45 เลบานาห์ ฮากาบาห์ อักขูบ

46 ฮากาบ ชัลมัย ฮานัน

47 กิดเดล กาฮาร์ เรอายาห์

48 เรซีน เนโคดา กัสซาม

49 อุสซา ปาเสอาห์ เบสัย

50 อัสนาห์ เมอูนิม เนฟัสสิม

51 บัคบูค ฮาคูฟา ฮารฮูร์

52 บัสลูท เมหิดา ฮารชา

53 บารโขส สิเสรา เทมาห์

54 เนซิยาห์ และฮาทิฟา

55 วงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอน ได้แก่

วงศ์วานของ

โสทัย หัสโสเฟเรท เปรุดา

56 ยาอาลา ดารโคน กิดเดล

57 เชฟาทิยาห์ ฮัททิล โปเคเรทหัสเซบาอิม และอามี

58 บรรดาผู้ช่วยงานในพระวิหารและวงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนมี 392 คน

59 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าครอบครัวของพวกเขาสืบเชื้อสายจากอิสราเอลได้แก

60 วงศ์วานของเดไลยาห์ โทบียาห์ และเนโคดา รวม 652 คน

61 และจากพวกปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของ

โฮบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของบารซิลลัยชาวกิเลอาด และได้ชื่อตามนั้น)

62 คนเหล่านี้ได้ค้นหาบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแต่ไม่พบ จึงไม่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มปุโรหิตเพราะถือว่าเป็นมลทิน

63 ผู้ว่าการสั่งห้ามพวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าจะมีปุโรหิตทูลถามเรื่องนี้ผ่านทางอูริมและทูมมิม

64 คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42,360 คน

65 ไม่รวมคนรับใช้ชายหญิง 7,337 คน และคณะนักร้องชายหญิง 200 คน

66 พวกเขามีม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว

67 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

68 เมื่อพวกเขามาถึงพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม หัวหน้าครอบครัวบางคนได้ถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

69 แต่ละคนถวายเข้าคลังเพื่องานนี้ตามกำลังความสามารถ รวมแล้วได้ทองคำประมาณ 500 กิโลกรัมกับเงินประมาณ 2.9 ตันและเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ชุด

70 ปุโรหิต คนเลวี คณะนักร้อง ยามเฝ้าประตูพระวิหาร และผู้ช่วยงานในพระวิหาร เข้าอาศัยในเมืองของตนพร้อมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่งและชนอิสราเอลที่เหลือตั้งถิ่นฐานในเมืองของตน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/2-fcf8afd11c0d2410520168b02826498e.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 3

สร้างแท่นบูชาขึ้นใหม่

1 หลังจากชนอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของตนแล้ว เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด พวกเขาก็มาชุมนุมในเยรูซาเล็มอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

2 แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักกับปุโรหิตคนอื่นๆ และเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับพวกพ้องเริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า

3 ถึงแม้ว่าประชากรเกรงกลัวชนชาติต่างๆ ที่อาศัยในแถบนั้น พวกเขาก็ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นบนฐานเดิม และถวายเครื่องเผาบูชายามเช้าและยามเย็นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

4 แล้วพวกเขาฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ พร้อมกับถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนซึ่งระบุไว้สำหรับแต่ละวัน

5 หลังจากนั้นพวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาตามปกติ เครื่องบูชาสำหรับวันขึ้นหนึ่งค่ำและเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเทศกาลที่กำหนดไว้ กับถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจของประชากรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

6 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด พวกเขาเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ยังไม่ได้เริ่มวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

7 แล้วพวกเขาให้เงินแก่ช่างก่อและช่างไม้ และมอบอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันแก่ชาวไซดอนและชาวไทระ เพื่อให้ผูกซุงไม้สนซีดาร์จากเลบานอนล่องทะเลมายังเมืองยัฟฟาตามที่ได้รับพระราชานุญาตจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย

8 ในเดือนที่สองของปีที่สองหลังจากกลับมาถึงพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล เยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องคนอื่นๆ (คือปุโรหิต ชนเลวี และคนทั้งปวงที่กลับมาจากการเป็นเชลยมายังเยรูซาเล็ม) ก็เริ่มปฏิบัติงาน และแต่งตั้งคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

9 เยชูอากับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของเขา ขัดมีเอลกับบรรดาบุตรชายของเขา (วงศ์วานของโฮดาวิยาห์) และบรรดาบุตรชายของเฮนาดัดกับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของพวกเขาซึ่งล้วนอยู่ในเผ่าเลวี ร่วมกันควบคุมดูแลการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า

10 เมื่อช่างก่อสร้างวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว บรรดาปุโรหิตซึ่งสวมเครื่องแต่งกายปุโรหิตและถือแตร คนเลวี (พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ) ถือฉาบเข้าประจำที่เพื่อถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลทรงกำหนดไว้

11 พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

“พระองค์ประเสริฐ

ความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่ออิสราเอลนั้นดำรงนิรันดร์”

จากนั้นประชากรทั้งปวงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะฐานรากพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้วางลงเรียบร้อยแล้ว

12 แต่บรรดาปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัว ที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งเคยเห็นพระวิหารเดิมพากันร้องไห้ระงมเมื่อพวกเขาได้เห็นฐานรากของพระวิหารที่วางเสร็จแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี

13 เสียงโห่ร้องยินดีกับเสียงร้องไห้ปนเปกันแยกไม่ออกเพราะประชาชนต่างก็เปล่งเสียงดังมากและเสียงนั้นได้ยินไปไกล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/3-08d9775db169986f4bb73dcce9d3236f.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 4

ศัตรูพยายามขัดขวาง

1 เมื่อบรรดาศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า เชลยทั้งหลายกำลังสร้างพระวิหารเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

2 พวกเขาก็มาพบเศรุบบาเบลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ และกล่าวว่า “ขอให้พวกเราช่วยท่านสร้างเถิด เพราะเราก็แสวงหาพระเจ้าของท่านเช่นเดียวกับท่าน เราได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์นับตั้งแต่กษัตริย์เอสารฮัดโดนแห่งอัสซีเรียนำเรามาที่นี่”

3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลตอบว่า “ท่านไม่มีส่วนร่วมกับเราในการสร้างพระวิหารถวายแด่พระเจ้าของเรา เราเท่านั้นที่จะสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตามที่กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาเราไว้”

4 บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้นจึงพยายามทำลายขวัญของชาวยูดาห์ และทำให้เขาไม่กล้าสร้างต่อ

5 คนเหล่านั้นว่าจ้างที่ปรึกษาไว้คอยก่อกวนขัดขวางงานของพวกเขาตลอดรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียจวบจนรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

การขัดขวางในรัชกาลเซอร์ซีสและอารทาเซอร์ซีส

6 ต้นรัชกาลกษัตริย์เซอร์ซีสพวกเขาตั้งข้อหาฟ้องร้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม

7 และในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอลกับพรรคพวกเขียนจดหมายราบทูลพระองค์เป็นภาษาอารเมคและมีผู้แปลถวาย

8 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยเขียนจดหมายฟ้องร้องเยรูซาเล็ม กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังนี้ว่า

9 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยพร้อมคณะ อันได้แก่ เหล่าตุลาการ และเจ้าหน้าที่ปกครองคนจากทริโปลิส เปอร์เซียเอเรก และบาบิโลน พวกเอลามแห่งสุสา

10 และชนชาติอื่นซึ่งอาชูร์บานิปาลผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์นำตัวมาและให้ตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม สะมาเรีย และทั่วดินแดนใกล้เคียงที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

11 (สำเนาจดหมายที่พวกเขานำขึ้นกราบทูลกษัตริย์ ความว่า)

กราบทูล กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

จากบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

12 ขอกราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวยิวซึ่งถูกส่งตัวจากบาบิโลนไปยังเยรูซาเล็มกำลังสร้างนครจอมกบฏและชั่วร้ายนั้นขึ้นใหม่ พวกเขากำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองและฐานราก

13 ยิ่งกว่านั้นฝ่าพระบาทควรจะได้ทราบว่า หากเมืองนี้สร้างเสร็จและซ่อมแซมกำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และค่าภาษี ทำให้เงินรายได้ของหลวงขาดหายไป

14 เนื่องจากเหล่าข้าพระบาทจงรักภักดีต่อฝ่าพระบาท ไม่ประสงค์จะเห็นฝ่าพระบาทถูกหมิ่นพระเกียรติ จึงนำความขึ้นกราบทูล

15 เพื่อขอทรงสั่งให้ค้นดูจดหมายเหตุของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ในบันทึกเหล่านี้ฝ่าพระบาทจะพบว่านครแห่งนี้ชอบกบฏและสร้างความเดือดร้อนแก่เหล่ากษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ เป็นนครที่ชอบกบฏแข็งเมืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทำลายไป

16 ข้าพระบาททั้งหลาย ขอกราบทูลว่าหากเมืองนี้สร้างสำเร็จและกำแพงเมืองสร้างขึ้นได้ ฝ่าพระบาทอาจจะสูญเสียจักรวรรดิที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสนี้ไป

17 กษัตริย์ทรงส่งพระราชสาส์นตอบว่า

ถึงผู้บัญชาการเรฮูม เลขานุการชิมชัย และพวกพ้องซึ่งอาศัยในสะมาเรียและอาศัยอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

สวัสดี

18 จดหมายที่ท่านส่งมามีการอ่านและแปลให้เราฟังแล้ว

19 เราสั่งให้สืบค้นเรื่องราวก็พบว่าเมืองนี้มีประวัติยาวนานว่าได้กบฏแข็งเมืองต่อกษัตริย์ต่างๆ และมักก่อการจลาจลและความวุ่นวายต่างๆ

20 ในเยรูซาเล็มยังเคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองดินแดนทั้งหมดเหนือแม่น้ำยูเฟรติส และเรียกเก็บภาษี เครื่องบรรณาการ และค่าธรรมเนียมมากมาย

21 ฉะนั้นจงสั่งให้คนเหล่านี้หยุดงานจะได้ไม่มีการสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่จนกว่าเราจะสั่ง

22 จงใส่ใจ อย่าละเลยเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้สถานการณ์นี้บานปลายจนเสียหายกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของหลวงทำไม?

23 เมื่อเรฮูมและเลขานุการชิมชัยกับพรรคพวกได้ฟังความในพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแล้ว ก็รีบมายังเยรูซาเล็ม และใช้กำลังบังคับให้ชาวยิวหยุดการก่อสร้าง

24 ฉะนั้นงานก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดชะงักลงจนถึงปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/4-ec3101778a47e31fb34dcc4b7133f386.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 5

จดหมายของทัทเทนัยถึงดาริอัส

1 ฝ่ายผู้เผยพระวจนะฮักกัยและผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโดได้เผยพระวจนะแก่ชาวยิวในยูดาห์และเยรูซาเล็มในพระนามพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงปกครองเหนือพวกเขา

2 แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับเยชูอาบุตรโยซาดักจึงลงมือก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มอีก และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือพวกเขา

3 ครั้งนั้นทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัยกับพวกมาถามพวกเขาว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

4 ทั้งได้ถามว่า “คนที่ทำการก่อสร้างพระวิหารนี้ชื่ออะไรบ้าง?”

5 แต่พระเจ้าทรงดูแลบรรดาผู้อาวุโสของพวกยิว พวกเขาจึงทำงานรุดหน้าไปไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามส่งรายงานไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส และพระองค์ทรงส่งสาส์นตอบกลับมา

6 นี่คือสำเนาจดหมายซึ่งทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัย กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เป็นพวกพ้องกันที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสส่งไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

7 รายงานของเขาที่ส่งไปถึงพระองค์ มีใจความว่า

กราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

ขอจงทรงพระเจริญ

8 ข้าพระบาททั้งหลายขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ข้าพระบาททั้งหลายได้ไปยังยูดาห์ ไปยังพระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชาชนกำลังก่อสร้างโดยใช้หินก้อนใหญ่และบุผนังด้วยไม้กระดาน พวกเขากำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งและงานกำลังคืบหน้าไปภายใต้การดูแลของพวกเขา

9 ข้าพระบาทถามเหล่าผู้อาวุโสว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

10 พร้อมทั้งยังถามเอารายชื่อของคนเหล่านั้นมาเพื่อกราบบังคมทูลฝ่าพระบาท

11 พวกเขาตอบข้าพระบาทว่า

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระวิหารซึ่งเคยสร้างจนสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนโดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของอิสราเอล

12 แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเรายั่วยุพระพิโรธของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์คนเคลเดีย กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้ทำลายพระวิหารนี้และกวาดต้อนประชาชนไปยังบาบิโลน

13 “แต่ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งบาบิโลน พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่

14 กษัตริย์ไซรัสเองถึงกับทรงคืนเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ทรงยึดไปจากพระวิหารในเยรูซาเล็มไปเก็บไว้ในวิหารที่บาบิโลนนั้นให้ด้วยแล้วกษัตริย์ไซรัสทรงมอบเครื่องใช้เหล่านี้แก่ชายชื่อเชชบัสซาร์ซึ่งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ

15 และทรงบัญชาเชชบัสซาร์ว่า ‘จงนำภาชนะเหล่านั้นไปเก็บไว้ในพระวิหารที่เยรูซาเล็มและจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม’

16 ดังนั้นเชชบัสซาร์ผู้นี้จึงมาวางฐานรากพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม การก่อสร้างจึงดำเนินมาจวบจนบัดนี้แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย”

17 ถ้าฝ่าพระบาททรงเห็นชอบ ก็ขอฝ่าพระบาททรงให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุของบาบิโลนเพื่อดูว่ากษัตริย์ไซรัสทรงเคยมีพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มขึ้นใหม่หรือไม่ และขอฝ่าพระบาทให้ข้าพระบาททั้งหลายทราบถึงพระราชวินิจฉัยในเรื่องนี้ด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/5-8dddbe899c1d8fda8d6e2ee8b994ea54.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 6

พระราชกฤษฎีกาของดาริอัส

1 กษัตริย์ดาริอัสจึงมีพระราชโองการให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุที่พระคลังในบาบิโลน

2 ก็พบหนังสือม้วนฉบับหนึ่งในป้อมเอคบาทานาในมณฑลมีเดีย ซึ่งมีข้อความว่า

บันทึก

3 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า

ให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ถวายเครื่องบูชาต่างๆ และวางฐานรากไว้ พระวิหารต้องมีขนาดสูง 60 ศอกและกว้าง 60 ศอก

4 ให้ก่อด้วยหินใหญ่สามชั้นและไม้ซุงอีกหนึ่งชั้น ค่าใช้จ่ายเบิกได้จากพระคลังหลวง

5 อีกทั้งให้นำเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงนำจากพระวิหารในเยรูซาเล็มมายังบาบิโลนกลับไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม เก็บไว้ในพระนิเวศของพระเจ้าตามเดิม

6 จึงบัญชามายังทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส กับเชธาร์โบเซนัยและพวกท่านที่เป็นข้าราชการส่วนอื่นๆ ประจำแว่นแคว้นให้หลีกห่างจากที่นั่น

7 อย่าขัดขวางการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า ให้ผู้ว่าการกับบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

8 นอกจากนี้ ในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า เราขอประกาศกฤษฎีกาให้เจ้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อาวุโสชาวยิวดังต่อไปนี้

ให้อนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเต็มจำนวนแก่พวกเขาจากพระคลังหลวงซึ่งเก็บได้ในเขตอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่องานจะได้ไม่หยุดชะงัก

9 สิ่งใดๆ ที่ต้องใช้เช่น วัวผู้ แกะผู้ และลูกแกะตัวผู้ เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทั้งข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น และน้ำมัน ซึ่งบรรดาปุโรหิตในเยรูซาเล็มขอมานั้น จงมอบแก่เขาทุกวันไม่ให้ขาด

10 เพื่อพวกเขาจะสามารถถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และอธิษฐานเผื่อสวัสดิภาพของกษัตริย์กับเหล่าราชโอรส

11 ยิ่งกว่านั้นเราประกาศว่าหากผู้ใดบิดเบือนข้อความนี้ ให้ดึงไม้คานอันหนึ่งออกจากบ้านของผู้นั้น แล้วยกเขาขึ้นเสียบด้วยไม้นั้น และให้บ้านของเขากลายเป็นกองขยะ

12 ขอพระเจ้าผู้ทรงสถาปนาพระนามของพระองค์ที่นั่น ทรงทำลายล้างกษัตริย์และใครก็ตามที่อาจเอื้อมบิดเบือนกฤษฎีกานี้ หรือทำลายพระวิหารนี้ในเยรูซาเล็ม เราดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา จงทำตามคำบัญชานี้ด้วยความพากเพียร

พระวิหารสร้างเสร็จและการมอบถวายพระวิหาร

13 เพราะพระราชกฤษฎีกาที่กษัตริย์ดาริอัสส่งมา ทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เชธาร์โบเซนัย และพวกพ้องของเขาจึงปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง

14 ดังนั้นบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวจึงดำเนินการก่อสร้างและงานก็คืบหน้าไปตามคำเทศนาของผู้เผยพระวจนะฮักกัยกับเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโด พวกเขาสร้างพระวิหารสำเร็จเรียบร้อยตามพระบัญชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และพระราชกฤษฎีกาของบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้แก่ไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีส

15 พระวิหารเสร็จสมบูรณ์ในวันที่สามของเดือนอาดาร์ ในปีที่หกแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส

16 แล้วประชากรอิสราเอล คือปุโรหิต คนเลวี และเชลยคนอื่นๆ ที่กลับมาก็ฉลองการถวายพระนิเวศของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี

17 ในพิธีถวายพระนิเวศของพระเจ้า พวกเขาถวายวัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะผู้สองร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สี่ร้อยตัว และนำแพะผู้สิบสองตัวมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอลทั้งปวง หนึ่งตัวสำหรับอิสราเอลหนึ่งเผ่า

18 แล้วพวกเขาก็แต่งตั้งปุโรหิตตามหมู่เหล่าและคนเลวีตามกลุ่มต่างๆ เพื่อรับใช้พระเจ้าในเยรูซาเล็มตามที่กำหนดไว้ในหนังสือของโมเสส

พิธีปัสกา

19 ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง บรรดาเชลยที่กลับมาก็ฉลองปัสกา

20 ปุโรหิตและคนเลวีได้ชำระตนให้บริสุทธิ์และพวกเขาทุกคนก็ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี คนเลวีฆ่าแกะปัสกาสำหรับเชลยทั้งปวง สำหรับตัวเอง และปุโรหิตผู้เป็นญาติพี่น้อง

21 ดังนั้นชนอิสราเอลที่กลับมาจากการเป็นเชลยจึงรับประทานปัสการ่วมกับคนทั้งปวงที่แยกตัวออกจากธรรมเนียมปฏิบัติอันเป็นมลทินของชนต่างชาติซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

22 พวกเขาฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อด้วยความชื่นชมยินดีตลอดเจ็ดวัน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้พวกเขาชื่นชมยินดี โดยทรงเปลี่ยนท่าทีของกษัตริย์อัสซีเรียให้หันมาช่วยเหลือพวกเขาในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/6-a3bbb29d508c7a8323eb27befe3c92ec.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 7

เอสรามายังเยรูซาเล็ม

1 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ระหว่างรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย เอสราผู้เป็นบุตรของเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของฮิลคียาห์

2 ผู้เป็นบุตรของชัลลูม ผู้เป็นบุตรของศาโดก ผู้เป็นบุตรของอาหิทูบ

3 ผู้เป็นบุตรของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเมราโยท

4 ผู้เป็นบุตรของเศราหิยาห์ ผู้เป็นบุตรของอุสซี ผู้เป็นบุตรของบุคคี

5 ผู้เป็นบุตรของอาบีชูวา ผู้เป็นบุตรของฟีเนหัส ผู้เป็นบุตรของเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรของอาโรนหัวหน้าปุโรหิต

6 เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน เอสราเป็นครูผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทาน กษัตริย์ประทานทุกอย่างตามที่เขาทูลขอ เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอยู่เหนือเขา

7 ชาวอิสราเอลบางคนรวมทั้งปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู และผู้ช่วยงานในพระวิหารร่วมเดินทางมายังเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสด้วย

8 เอสรามาถึงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้าปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลของกษัตริย์องค์นั้น

9 เอสราออกเดินทางจากบาบิโลนวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และมาถึงเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้า เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเอสรา

10 เพราะเอสราได้อุทิศตนในการศึกษาและปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อสอนกฎหมายและบทบัญญัตินั้นในอิสราเอล

สาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา

11 นี่เป็นสำเนาพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสราผู้เป็นปุโรหิตและเป็นครูซึ่งรอบรู้เกี่ยวกับพระบัญชาและกฎหมายขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับอิสราเอล ความว่า

12 จากจอมกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

ถึงปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

สวัสดี

13 บัดนี้ เราออกกฤษฎีกาว่า ชาวอิสราเอลคนใดในราชอาณาจักรของเรา รวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีที่ประสงค์จะกลับไปยังเยรูซาเล็มกับท่านก็ไปได้

14 กษัตริย์และที่ปรึกษาทั้งเจ็ดของพระองค์ส่งท่านไปเพื่อสอบถามถึงเรื่องยูดาห์และเยรูซาเล็มเกี่ยวกับบทบัญญัติของพระเจ้าซึ่งอยู่ในมือของท่าน

15 ยิ่งกว่านั้นจงนำทองคำและเงินซึ่งกษัตริย์กับที่ปรึกษาของพระองค์มอบถวายด้วยความสมัครใจแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ประทับในเยรูซาเล็มไปด้วย

16 พร้อมทั้งเงินและทองทั้งหมดที่รวบรวมได้จากแคว้นบาบิโลนกับของถวายตามความสมัครใจจากประชาชนและบรรดาปุโรหิต สำหรับพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

17 จงใช้เงินเหล่านี้ซื้อวัวผู้ แกะผู้ ลูกแกะตัวผู้ เครื่องธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา แล้วถวายบนแท่นบูชาของพระวิหารของพระเจ้าของท่านในเยรูซาเล็ม

18 เงินและทองที่เหลืออาจจะใช้ทำอะไรก็ได้ตามแต่ท่านและพี่น้องชาวยิวของท่านเห็นสมควรตามพระประสงค์ของพระเจ้าของท่าน

19 จงนำเครื่องใช้ทั้งหมดซึ่งเรามอบให้ท่านดูแลไปถวายพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเพื่อใช้สำหรับการนมัสการในพระวิหารของพระเจ้าของท่าน

20 อนุญาตให้เบิกปัจจัยอื่นที่จำเป็นสำหรับพระวิหารของพระเจ้าของท่านจากคลังหลวงได้

21 บัดนี้เรา กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ขอบัญชามายังนายคลังทุกแห่งในมณฑลที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสว่า จงจัดหาสิ่งต่างๆ แก่ปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อย่างสุดความสามารถตามที่เขายื่นคำขอ

22 จนถึงจำนวนเงินหนักประมาณ 3.4 ตันข้าวสาลีประมาณ 22 กิโลลิตรเหล้าองุ่นประมาณ 2.2 กิโลลิตรน้ำมันมะกอกประมาณ 2.2 กิโลลิตร และเกลือไม่จำกัดจำนวน

23 จงจัดหาทุกสิ่งที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงระบุไว้อย่างแข็งขันเพื่อพระวิหารของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เหตุใดจึงต้องให้พระเจ้าทรงพระพิโรธต่อราชอาณาจักรของกษัตริย์และโอรสของพระองค์เล่า?

24 พึงรู้อีกด้วยว่าพวกท่านไม่มีสิทธิอำนาจที่จะเรียกเก็บภาษีอากร บรรณาการ หรือค่าธรรมเนียมใดๆ จากปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู ผู้ช่วยงานพระวิหาร หรือคนงานอื่นๆ ในพระนิเวศของพระเจ้า

25 สำหรับท่าน เอสรา จงใช้สติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานให้แต่งตั้งตุลาการกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ประชากรทุกคนที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งรู้บทบัญญัติของพระเจ้า ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักบทบัญญัติ ท่านก็จงสอนเขา

26 ผู้ใดไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าของท่านและกฎหมายของกษัตริย์ ต้องถูกลงอาญาถึงตาย ถูกเนรเทศ ริบทรัพย์ หรือจำคุก

27 ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงบันดาลให้กษัตริย์มีพระทัยที่จะนำเกียรติยศมาสู่พระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มเช่นนี้

28 ผู้ทรงโปรดปรานและเชิดชูข้าพเจ้าต่อหน้ากษัตริย์ ต่อหน้าเหล่าที่ปรึกษาและข้าราชสำนักผู้ทรงอำนาจทั้งปวง เพราะว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีใจกล้า รวบรวมผู้นำจากอิสราเอลขึ้นไปกับข้าพเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/7-d865bee26e96d7c0f33105729294c3f7.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 8

รายชื่อหัวหน้าครอบครัวที่กลับมากับเอสรา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อเหล่าผู้นำและบรรดาผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับพวกเขา ที่ร่วมทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลนในรัชกาลอารทาเซอร์ซีส

2 จากวงศ์วานฟีเนหัสคือ เกอร์โชม

จากวงศ์วานอิธามาร์คือ ดาเนียล

จากวงศ์วานดาวิดคือ ฮัททัช

3 ซึ่งสืบเชื้อสายมาทางเชคานิยาห์

จากวงศ์วานปาโรชคือ เศคาริยาห์ และชายอีก 150 คนที่ขึ้นทะเบียนกับเขา

4 จากวงศ์วานปาหัทโมอับคือ เอลีเอโฮเอนัยบุตรเศราหิยาห์ และชายอีก 200 คน

5 จากวงศ์วานศัทธูคือ เชคานิยาห์บุตรยาฮาซีเอล และชายอีก 300 คน

6 จากวงศ์วานอาดีนคือ เอเบดบุตรโยนาธาน และชายอีก 50 คน

7 จากวงศ์วานเอลามคือ เยชายาห์บุตรอาธาลิยาห์ และชายอีก 70 คน

8 จากวงศ์วานเชฟาทิยาห์คือ เศบาดิยาห์บุตรมีคาเอล และชายอีก 80 คน

9 จากวงศ์วานโยอาบคือ โอบาดีห์บุตรเยฮีเอล และชายอีก 218 คน

10 จากวงศ์วานบานีคือ เชโลมิทบุตรโยสิฟียาห์ และชายอีก 160 คน

11 จากวงศ์วานเบบัยคือ เศคาริยาห์บุตรเบบัย และชายอีก 28 คน

12 จากวงศ์วานอัสกาดคือ โยฮานันบุตรฮักคาทาน และชายอีก 110 คน

13 จากวงศ์วานอาโดนีคัมพวกสุดท้ายซึ่งมีชื่อว่า เอลีเฟเลท เยอูเอล เชไมอาห์ และชายอีก 60 คน

14 จากวงศ์วานบิกวัยคือ อุธัย ศักเคอร์ และชายอีก 70 คน

การกลับสู่เยรูซาเล็ม

15 ข้าพเจ้าให้พวกเขามาชุมนุมกันที่ลำน้ำซึ่งไหลไปสู่อาหะวาและตั้งค่ายอยู่ที่นั่นสามวัน เมื่อข้าพเจ้าตรวจดูหมู่ประชาชนและปุโรหิตพบว่าไม่มีคนเลวีเลย

16 ข้าพเจ้าจึงให้ไปตามบรรดาผู้นำคือ เอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมอาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม ทั้งให้ตามโยยาริบและเอลนาธันซึ่งเป็นผู้รอบรู้มาด้วย

17 ข้าพเจ้าส่งคนเหล่านี้ไปพบอิดโดหัวหน้าชาวยิวที่คาสิเฟีย ข้าพเจ้าบอกพวกเขาให้กล่าวแก่อิดโดและพี่น้องผู้ช่วยงานในพระวิหารที่อาศัยอยู่ที่คาสิเฟีย เพื่อพวกเขาจะได้พาคนที่จะทำงานในพระนิเวศของพระเจ้าของเรามาหาเรา

18 เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเรา พวกเขาส่งเชเรบิยาห์ผู้มีความสามารถพร้อมทั้งบุตรและพี่น้องของเขาสิบแปดคนมาให้ เชเรบิยาห์เป็นวงศ์วานของมาห์ลีผู้เป็นบุตรของเลวีผู้เป็นบุตรของอิสราเอล

19 และฮาชาบิยาห์กับเยชายาห์จากวงศ์วานของเมรารีพร้อมทั้งพี่น้องและหลานชายยี่สิบคน

20 ทั้งยังส่งผู้ช่วยงานในพระวิหารอีก 220 คน นี่เป็นกลุ่มคนซึ่งดาวิดและข้าราชบริพารตั้งขึ้นเพื่อให้คอยช่วยงานคนเลวี คนทั้งหมดนี้มีชื่อขึ้นทะเบียนไว้

21 ข้าพเจ้าประกาศที่ริมลำน้ำอาหะวาให้ถืออดอาหาร เพื่อเราจะถ่อมใจลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และอธิษฐานทูลขอให้ทั้งตัวเรา ลูกหลาน และข้าวของทุกอย่างเดินทางโดยปลอดภัย

22 ข้าพเจ้าละอายใจที่จะทูลขอกำลังทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ให้อารักขาเราจากศัตรูตามรายทาง เพราะเราได้กราบทูลกษัตริย์ไว้ว่า “พระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของเราอยู่เหนือทุกคนที่หวังพึ่งพระองค์ แต่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่งต่อคนทั้งปวงที่ละทิ้งพระองค์”

23 ดังนั้นเราจึงถืออดอาหารและทูลอ้อนวอนพระเจ้าของเราในเรื่องนี้ และพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของเรา

24 แล้วข้าพเจ้าแต่งตั้งผู้นำปุโรหิตสิบสองคนพร้อมด้วยเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ กับพี่น้องของเขาสิบคน

25 และข้าพเจ้าชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ มอบให้พวกเขา กษัตริย์ ที่ปรึกษาของพระองค์ ข้าราชการ และประชากรอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นได้ถวายสิ่งเหล่านี้เพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

26 ข้าพเจ้าชั่งน้ำหนักสิ่งต่อไปนี้มอบให้พวกเขา มีเงินหนักประมาณ 22 ตันเครื่องเงินต่างๆ หนักประมาณ 3.4 ตันทองคำหนักประมาณ 3.4 ตัน

27 ชามทองคำ 20 ใบ มีค่าเท่ากับทองคำประมาณ 8.5 กิโลกรัมทั้งมีเครื่องทองสัมฤทธิ์ขัดเงาชั้นดีสองชิ้น ซึ่งมีค่าเทียบเท่าทองคำ

28 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านและเครื่องใช้เหล่านี้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่วนเงินและทองคำเป็นของถวายตามความสมัครใจแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน

29 จงปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีจนกว่าท่านจะนำออกมาชั่งที่คลังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มต่อหน้าบรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอล”

30 แล้วปุโรหิตและคนเลวีจึงรับเงิน ทองคำ และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชั่งแล้วนั้น เพื่อนำไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของเราในเยรูซาเล็ม

31 เราออกเดินทางจากลำน้ำอาหะวามุ่งสู่เยรูซาเล็มในวันที่สิบสองของเดือนที่หนึ่ง พระหัตถ์ของพระเจ้าของเราอยู่เหนือเรา และพระองค์ทรงคุ้มครองเราจากศัตรูและโจรผู้ร้ายตามทาง

32 ดังนั้นเรามาถึงเยรูซาเล็มและพักอยู่เป็นเวลาสามวัน

33 ในวันที่สี่ที่พระนิเวศของพระเจ้าของเรา เราชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มอบให้ปุโรหิตเมเรโมทบุตรของอุรียาห์ และเอเลอาซาร์บุตรฟีเนหัส พร้อมกับคนเลวี ได้แก่โยซาบาดบุตรเยชูอาและโนอัดยาห์บุตรบินนุยก็อยู่ที่นั่นด้วย

34 มีการตรวจรับทุกอย่างตามจำนวนและน้ำหนัก และจดน้ำหนักทั้งหมดไว้ในครั้งนั้น

35 แล้วเชลยที่กลับมาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่ วัวผู้ 12 ตัวสำหรับอิสราเอลทั้งปวง แกะผู้ 96 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 77 ตัว พร้อมทั้งแพะผู้ 12 ตัว เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

36 พวกเขายังมอบพระราชโองการของกษัตริย์แก่เสนาบดีและผู้ว่าการมณฑลต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส พวกเขาจึงให้ความช่วยเหลือแก่ประชากรและแก่พระนิเวศของพระเจ้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/8-431dfb8387e2ae0075f29c0a5041a921.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 9

คำอธิษฐานของเอสราเรื่องการแต่งงานกับคนต่างชาติ

1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น เหล่าผู้นำมาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า “ประชากรอิสราเอลรวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีไม่ได้แยกตัวจากชนชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังแบบเดียวกับชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวอัมโมน ชาวโมอับ ชาวอียิปต์ และชาวอาโมไรต์

2 พวกเขารับบุตรสาวของคนเหล่านั้นมาเป็นภรรยาและเป็นสะใภ้ ทำให้เผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ปนเปกับชนชาติทั้งหลายโดยรอบ ทั้งพวกผู้นำและเจ้าหน้าที่ก็เป็นตัวการในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์นี้”

3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็ฉีกเสื้อผ้าทึ้งผมทึ้งหนวด และนั่งลงด้วยความตระหนกตกใจ

4 แล้วทุกคนที่ยำเกรงพระดำรัสของพระเจ้าแห่งอิสราเอลจนตัวสั่นก็มานั่งล้อมรอบข้าพเจ้า เนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเหล่าเชลย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจจวบจนเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น

5 แล้วเมื่อถึงเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นจากการนั่งเป็นทุกข์ทั้งที่เสื้อผ้าขาดวิ่น คุกเข่าชูมือต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า

6 และอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อดสูละอายใจเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายสูงท่วมศีรษะ และความผิดของเหล่าข้าพระองค์ขึ้นถึงฟ้าสวรรค์

7 นับแต่สมัยบรรพบุรุษจวบจนบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดใหญ่หลวง เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกับกษัตริย์และเหล่าปุโรหิตตกเป็นเหยื่อคมดาบ ตกเป็นเชลยถูกย่ำยีและถูกปล้นชิง ได้รับความอัปยศอดสูโดยน้ำมือของบรรดากษัตริย์ต่างชาติดังเช่นทุกวันนี้

8 “แต่บัดนี้ ในชั่วขณะหนึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเมตตาให้มีชนหยิบมือที่เหลือ ทรงให้เหล่าข้าพระองค์มีที่มั่นคงในสถานนมัสการของพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งปวงทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ชื่นตาชื่นใจ บรรเทาจากภาวะคับแค้นที่ตกเป็นทาส

9 ถึงแม้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ทิ้งเหล่าข้าพระองค์ไว้ให้ถูกจองจำ พระองค์ทรงเมตตากรุณาเหล่าข้าพระองค์ต่อหน้าบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นใหม่ และซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง และประทานปราการป้องกันในยูดาห์และเยรูซาเล็ม

10 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงขนาดนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะกราบทูลว่าอะไรได้? เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ละเลยพระบัญชา

11 ซึ่งพระองค์ประทานไว้ผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘ดินแดนที่เจ้าจะเข้าครอบครองนั้นเสื่อมทรามไปเพราะมลทินบาปของชาวดินแดนนั้น พวกเขาทำให้ดินแดนแปดเปื้อนมลทินจากสุดเขตด้านหนึ่งจดอีกด้านหนึ่งโดยการประพฤติอันน่าชิงชัง

12 ฉะนั้นอย่ายกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุตรชายของเขา หรือรับบุตรสาวของเขามาเป็นสะใภ้ อย่าทำสัญญาผูกมิตรกับพวกเขาไม่ว่าจะเป็นเวลาใด เพื่อว่าเจ้าจะได้เข้มแข็งและอิ่มเอมกับความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนและสืบทอดเป็นมรดกแก่ลูกหลานตลอดไป’

13 “สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นก็เป็นผลจากการประพฤติชั่วและความผิดใหญ่หลวงของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงกระนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ก็ทรงกรุณาลงโทษข้าพระองค์ทั้งหลายน้อยกว่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายสมควรจะได้รับ และทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีคนหยิบมือหนึ่งที่เหลือนี้

14 ก็แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังจะละเมิดพระบัญชาของพระองค์ และไปแต่งงานกับชนชาติที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังเช่นนั้นอีกหรือ? มีหรือที่พระองค์จะไม่ทรงพระพิโรธจนทำลายล้างข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนหยิบมือเดียว?

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ทรงชอบธรรมแล้ว! ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเพียงคนหยิบมือที่เหลือ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดต่อหน้าพระองค์ เพราะมลทินนี้ข้าพระองค์ไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้แม้สักคนเดียว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/9-0dcbc936c0c390e4911c9583fae3aa5f.mp3?version_id=179—

Categories
เอสรา

เอสรา 10

ประชาชนสารภาพบาป

1 ขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพบาป ร่ำไห้และทิ้งกายลงหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ฝูงชนอิสราเอลหมู่ใหญ่ทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็กมาห้อมล้อมเขา พวกเขาร้องไห้อย่างรันทดเช่นกัน

2 แล้วเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอลวงศ์วานเอลามกล่าวกับเอสราว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเราที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงจากชนชาติต่างๆ ที่แวดล้อมเรา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังเหลืออยู่สำหรับอิสราเอล

3 บัดนี้ให้เราทำพันธสัญญาต่อหน้าพระเจ้าของเราว่าจะทิ้งภรรยาเหล่านี้กับลูกๆ ตามคำแนะนำของเจ้านายของข้าพเจ้ากับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระบัญชาของพระเจ้าของเรา ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติเถิด

4 ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้สุดแท้แต่ท่าน เราจะสนับสนุนท่าน ขอให้กล้าหาญและลงมือทำเถิด”

5 ดังนั้นเอสราจึงลุกขึ้นและให้บรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และชนอิสราเอลทั้งปวงปฏิญาณว่าจะทำตามที่เสนอมา พวกเขาก็ปฏิญาณ

6 แล้วเอสราละจากหน้าพระนิเวศของพระเจ้าเข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ ขณะอยู่ที่นั่นเขาไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะทุกข์โศกเนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเชลยที่กลับมา

7 จากนั้นมีการออกหมายประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็มให้เชลยทุกคนมารวมกันที่เยรูซาเล็ม

8 ผู้ใดไม่มาปรากฏตัวภายในสามวันจะถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดตามมติของบรรดาเจ้าหน้าที่กับผู้อาวุโส และถูกขับออกจากชุมนุมของพวกเชลย

9 ภายในสามวันคนยูดาห์และเบนยามินทั้งหมดก็มาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม และในวันที่ยี่สิบเดือนที่เก้าประชากรทั้งปวงมานั่งอยู่ในลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า เป็นทุกข์ยิ่งนักเพราะเรื่องนี้และเพราะฝนตก

10 แล้วปุโรหิตเอสราจึงลุกขึ้นและกล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายไม่ซื่อสัตย์ ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เพิ่มความผิดให้อิสราเอล

11 บัดนี้จงสารภาพผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ จงแยกตัวออกจากชนชาติทั้งหลายโดยรอบและจากภรรยาต่างชาติของท่าน”

12 ทั้งชุมชนก็ตอบเสียงดังว่า “ท่านพูดถูก! เราต้องทำตามที่ท่านบอก

13 แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการให้เสร็จภายในวันสองวัน เพราะเราได้ทำบาปมากในเรื่องนี้ และที่นี่มีคนมากมาย ทั้งเป็นฤดูฝน เราจึงไม่อาจทนอยู่ข้างนอก

14 ขอให้บรรดาเจ้าหน้าที่จัดการแทนทั้งชุมชน แล้วให้ทุกคนในเมืองของเราที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาติมาพบกับผู้อาวุโสและตุลาการในแต่ละเมืองตามเวลาที่กำหนด จนกว่าพระพิโรธอันรุนแรงของพระเจ้าของเราในเรื่องนี้จะหันเหไปจากเรา”

15 มีแต่โยนาธานบุตรอาสาเฮลและยาไซอาห์บุตรทิกวาห์ที่ต่อต้านเรื่องนี้โดยได้รับการสนับสนุนจากเมชุลลามกับชับเบธัยคนเลวี

16 เหล่าเชลยจึงทำตามที่เสนอมา ปุโรหิตเอสราเลือกหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งจากกลุ่มครอบครัวแต่ละกลุ่มที่ได้แบ่งไว้และระบุชื่อทุกคน หัวหน้าเหล่านี้นั่งลงเพื่อไต่สวนแต่ละกรณีในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบ

17 เมื่อถึงวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง พวกเขาก็จัดการกับทุกคนที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติเรียบร้อย

รายชื่อผู้กระทำผิด

18 คนที่ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติในหมู่วงศ์วานปุโรหิตได้แก่

จากวงศ์วานของเยชูอาบุตรโยซาดักและพี่น้องของเขาได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลีเยเซอร์ ยารีบ และเกดาลิยาห์

19 (พวกเขาทั้งหมดยกมือปฏิญาณว่าจะทิ้งภรรยาและมอบแกะผู้จากฝูงคนละตัวเป็นเครื่องบูชาลบความผิด)

20 จากวงศ์วานของอิมเมอร์ได้แก่ ฮานานี และเศบาดิยาห์

21 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลียาห์ เชไมอาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์

22 จากวงศ์วานของปาชเฮอร์ได้แก่ เอลีโอเอนัย มาอาเสอาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และเอลาสาห์

23 ในหมู่คนเลวีได้แก่ โยซาบาด ชิเมอี เคลายาห์ (คือเคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเยเซอร์

24 จากพวกนักร้องได้แก่ เอลียาชีบ

จากพวกยามเฝ้าประตูได้แก่ ชัลลูม เทเลม และอูรี

25 และในหมู่ชาวอิสราเอลอื่นๆ ได้แก่

จากวงศ์วานของปาโรชได้แก่ รามียาห์ อิสซียาห์ มัลคียาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัลคียาห์ และเบไนยาห์

26 จากวงศ์วานของเอลามได้แก่ มัททานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท และเอลียาห์

27 จากวงศ์วานของศัทธูได้แก่ เอลีโอเอนัย เอลียาชีบ มัททานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา

28 จากวงศ์วานของเบบัยได้แก่ เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย และอัทลัย

29 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ เมชุลลาม มัลลุค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และเยเรโมท

30 จากวงศ์วานของปาหัทโมอับได้แก่ อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และมนัสเสห์

31 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ เอลีเยเซอร์ อิสชีอาห์ มัลคียาห์ เชไมอาห์ ชิเมโอน

32 เบนยามิน มัลลุค และเชมาริยาห์

33 จากวงศ์วานของฮาชูมได้แก่ มัทเทนัย มัททัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์ และชิเมอี

34 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ มาอาดัย อัมราม อูเอล

35 เบไนยาห์ เบไดยาห์ เคลุฮี

36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ

37 มัททานิยาห์ มัทเทนัย และยาอาสุ

38 จากวงศ์วานของบินนุยได้แก่ ชิเมอี

39 เชเลมิยาห์ นาธัน อาดายาห์

40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย

41 อาซาเรล เชเลมิยาห์ เชมาริยาห์

42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ

43 จากวงศ์วานของเนโบได้แก่ เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์

44 คนทั้งหมดนี้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ และบางคนมีบุตรที่เกิดจากภรรยาเหล่านั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/10-d0cd021d197c716fd40e1f8e408625f5.mp3?version_id=179—