Categories
โยชูวา

โยชูวา 21

เมืองสำหรับเผ่าเลวี

1 บรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าเลวีมาหารือกับปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูนและบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล

2 ที่ชิโลห์ในคานาอันและกล่าวกับพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ยกเมืองต่างๆ แก่พวกข้าพเจ้า เพื่อเป็นที่อาศัยพร้อมกับทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของเรา”

3 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงยกเมืองต่างๆ กับทุ่งหญ้าในเขตกรรมสิทธิ์ของตนให้แก่ชนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้

4 สลากแรกได้แก่ตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวี วงศ์วานของอาโรนตามแต่ละตระกูลได้รับ 13 เมืองจากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน

5 ส่วนลูกหลานที่เหลือของโคฮาทได้รับ 10 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าเอฟราอิม ดาน และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

6 วงศ์วานเกอร์โชนได้รับ 13 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลี และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าในบาชาน

7 วงศ์วานเมรารีตามแต่ละตระกูลได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุน

8 ดังนั้นชาวอิสราเอลได้แบ่งสรรเมืองและทุ่งหญ้าเหล่านี้ให้แก่คนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้

9 พวกเขาแบ่งสรรเมืองจากเผ่ายูดาห์และสิเมโอนตามรายชื่อดังนี้

10 (เมืองเหล่านี้เป็นของคนเลวีปุโรหิตจากตระกูลโคฮาทวงศ์วานของอาโรน เนื่องจากสลากแรกเป็นของพวกเขา)

11 พวกเขาได้ให้เมืองคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) กับทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ (อารบาเป็นบรรพบุรุษของชาวอานาค)

12 แต่ทุ่งนากับหมู่บ้านโดยรอบได้ยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์

13 เป็นอันว่าวงศ์วานของปุโรหิตอาโรนได้รับเมืองเฮโบรน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ลิบนาห์

14 ยาททีร์ เอชเทโมอา

15 โฮโลน เดบีร์

16 อายิน ยุททาห์ กับเบธเชเมช รวม 9 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าจากสองเผ่า

17 และจากเผ่าเบนยามิน พวกเขาให้กิเบโอน เกบา

18 อานาโธท และอัลโมนรวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

19 ฉะนั้นเมืองซึ่งมอบให้แก่บรรดาปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนรวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์

20 ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวีได้รับเมืองต่างๆ จากเผ่าเอฟราอิม ดังนี้

21 ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม พวกเขาได้รับเชเคม (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเกเซอร์

22 ขิบซาอิม และเบธโฮโรน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

23 จากเผ่าดาน พวกเขาได้รับเมืองเอลเทเคห์ กิบเบโธน

24 อัยยาโลน และกัทริมโมน รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

25 จากมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า พวกเขาได้รับเมืองทาอานาค และกัทริมโมน รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

26 ฉะนั้นรวมทั้งหมด 10 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าที่มอบให้ครอบครัวอื่นๆ ของตระกูลโคฮาท

27 ตระกูลเกอร์โชนของเผ่าเลวีได้รับดังนี้

จากมนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือโกลานในบาชาน (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) และเบเอชเทราห์ รวม 2 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

28 จากเผ่าอิสสาคาร์คือ คีชิโอน ดาเบรัท

29 ยารมูท และเอนกันนิม รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

30 จากเผ่าอาเชอร์คือ มิชอาล อับโดน

31 เฮลคัท และเรโหบ รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

32 จากเผ่านัฟทาลีคือ เคเดชในกาลิลี (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) ฮัมโมทโดร์ และคารทาน รวม 3 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

33 รวมทั้งหมด 13 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าได้ยกให้แก่ตระกูลเกอร์โชน

34 ตระกูลเมรารี (เผ่าเลวีที่เหลือ) ได้รับจากเผ่าเศบูลุนดังนี้คือ

โยกเนอัม คารทาห์

35 ดิมนาห์ และนาหะลาล รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

36 จากเผ่ารูเบนคือ

เบเซอร์ ยาฮาส

37 เคเดโมท และเมฟาอาท รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

38 จากเผ่ากาด

คือราโมทในกิเลอาด (เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าทำฆาตกรรม) มาหะนาอิม

39 เฮชโบน และยาเซอร์รวม 4 เมืองพร้อมทุ่งหญ้า

40 รวมทั้งหมด 12 เมืองที่ยกให้แก่ตระกูลเมรารีซึ่งเป็นคนเลวีส่วนที่เหลือ

41 เผ่าเลวีได้รับทั้งสิ้น 48 เมืองพร้อมทุ่งหญ้าในดินแดนที่ชนอิสราเอลครอบครอง

42 เมืองเหล่านี้มีทุ่งหญ้าล้อมรอบทุกเมือง

43 เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานดินแดนทั้งหมดนี้แก่อิสราเอลตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และพวกเขาเข้าไปยึดครองและตั้งถิ่นฐานที่นั่น

44 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานความสงบสุขทุกด้านแก่พวกเขาตามที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูคนใดยืนหยัดต่อสู้พวกเขาได้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบศัตรูทั้งปวงไว้ในเงื้อมมือของพวกเขา

45 สิ่งดีทั้งปวงซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับชนชาติอิสราเอลล้วนสัมฤทธิ์ผล ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ประการเดียว

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/21-c0aa4f7f1154944fae4e04812668aa68.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 22

เผ่าทางด้านตะวันออกกลับบ้าน

1 แล้วโยชูวาเรียกชุมนุมเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

2 และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และเชื่อฟังคำสั่งของข้าพเจ้าทุกอย่าง

3 ท่านไม่ได้ละทิ้งพี่น้อง แต่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบหมายมาเป็นเวลานานจนถึงทุกวันนี้

4 บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโปรดประทานการหยุดพักแก่พี่น้องของท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ฉะนั้นจงกลับไปยังบ้านของท่านในดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ท่านแล้ว

5 แต่จงตั้งใจปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงยึดมั่นในพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจเถิด”

6 โยชูวาจึงอวยพรพวกเขาและส่งกลับไปยังดินแดนของเขา

7 (โมเสสได้มอบดินแดนบาชานให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่า โยชูวาได้มอบดินแดนทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ครอบครองร่วมกับพี่น้องเผ่าอื่นๆ) โยชูวาส่งพวกเขากลับบ้านและอวยพรพวกเขา

8 พร้อมทั้งกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์จำนวนมาก และจงแบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน”

9 ดังนั้นบรรดาคนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงจากชนอิสราเอลที่ชิโลห์ในคานาอัน เพื่อกลับสู่กิเลอาดอันเป็นดินแดนกรรมสิทธิ์ของตนซึ่งได้มาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส

10 เมื่อพวกเขามาถึงเกลีโลทใกล้แม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้สร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น

11 เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินว่าพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เกลีโลท ชายแดนคานาอันใกล้แม่น้ำจอร์แดนในเขตแดนอิสราเอล

12 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดก็มาชุมนุมกันที่ชิโลห์เตรียมรบกับพวกเขา

13 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงส่งฟีเนหัสบุตรปุโรหิตเอเลอาซาร์มายังดินแดนกิเลอาดเพื่อพบเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้น

14 มีผู้นำสิบคนจากสิบเผ่าของอิสราเอลมาด้วย แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวจากตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอล

15 เมื่อพวกเขามาถึงกิเลอาดก็กล่าวกับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่านั้นว่า

16 “ชุมนุมประชากรทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เหตุใดท่านจึงทรยศต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลเช่นนี้? ท่านถือดีอย่างไรจึงบังอาจหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและสร้างแท่นบูชาของตัวเองเป็นการกบฏต่อพระองค์ในตอนนี้?

17 ยังไม่เข็ดหลาบอีกหรือกับบาปของเราที่เปโอร์? ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ได้ชำระตนเองจากบาปนั้น ทั้งๆ ที่ภัยพิบัติตกแก่ชุมชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า!

18 และบัดนี้ท่านกำลังหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกหรือ?

“ ‘หากท่านกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะทรงพระพิโรธชุมชนอิสราเอลทั้งหมด

19 หากแผ่นดินที่ท่านครอบครองเป็นมลทิน ก็จงข้ามมายังดินแดนขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ซึ่งพลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ มาแบ่งปันดินแดนกับเรา แต่อย่าได้กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือต่อพวกเราโดยสร้างแท่นบูชาของตนเอง นอกเหนือจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

20 เมื่ออาคานบุตรเศราห์ทุจริตเรื่องของต้องอุทิศถวายพระพิโรธตกอยู่แก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตายไปเพราะบาปนั้น’ ”

21 แล้วชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลว่า

22 “องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! องค์ทรงฤทธิ์ พระเจ้าพระยาห์เวห์! พระองค์ทรงทราบ! และอิสราเอลจงทราบเถิด! หากนี่เป็นการกบฏหรือไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าวันนี้ก็อย่าไว้ชีวิตเราเลย

23 หากเราสร้างแท่นบูชาของเราเอง เพื่อหันเหจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องสันติบูชาบนแท่น ก็ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับเราด้วยพระองค์เองเถิด

24 “เปล่าเลย! เราสร้างแท่นนี้ขึ้นมาก็เพราะเราเกรงว่าในอนาคตลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านมีสิทธิ์อะไรในการนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล?

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนกั้นระหว่างเรากับท่าน พวกท่าน คนรูเบนและกาด! ไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วลูกหลานของท่านจะทำให้ลูกหลานของเราเลิกยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

26 “ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า ‘ให้เราเตรียมพร้อมและสร้างแท่นบูชาขึ้น ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาต่างๆ’

27 แต่ตรงกันข้าม แท่นนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับท่านและคนรุ่นต่อๆ ไปว่าเราจะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา และเครื่องถวายต่างๆ ของเราที่สถานนมัสการของพระองค์ แล้วในอนาคตลูกหลานของท่านไม่อาจพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘ท่านไม่มีสิทธิ์มีส่วนอะไรในองค์พระผู้เป็นเจ้า’

28 “และพวกเรากล่าวว่า ‘หากพวกเขากล่าวเช่นนี้กับเราหรือลูกหลานของเรา เราก็จะตอบว่าดูแท่นบูชาจำลองขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างขึ้นสิ ไม่ใช่สำหรับถวายเครื่องบูชาหรือเครื่องเผาบูชา แต่เป็นพยานระหว่างเรากับท่าน’

29 “ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด ในวันนี้เราจะไม่กบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือหันเหจากพระองค์ โดยสร้างแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา หรือเครื่องบูชาต่างๆ แทนที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่หน้าพลับพลาของพระองค์”

30 เมื่อปุโรหิตฟีเนหัสและผู้นำทั้งปวงของชุมชนซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของชนอิสราเอลได้ยินคำกล่าวจากเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์เช่นนี้ก็พอใจ

31 ปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ตอบชนรูเบน กาด และมนัสเสห์ว่า “วันนี้เรารู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเรา เพราะว่าท่านไม่ได้ทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้ บัดนี้ท่านได้ช่วยชนอิสราเอลให้พ้นจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

32 แล้วปุโรหิตฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำจึงกลับจากการพบกับชนเผ่ารูเบนและกาดในกิเลอาด มายังคานาอันและรายงานชนอิสราเอล

33 พวกเขาพากันดีใจที่ได้ฟังเรื่องราวและสรรเสริญพระเจ้า และพวกเขาไม่ได้พูดกันถึงเรื่องจะสู้รบเพื่อทำลายดินแดนของเผ่ารูเบนและกาดอีก

34 ชนเผ่ารูเบนและกาดตั้งชื่อแท่นนั้นว่า “พยานระหว่างเราว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/22-a91b7954392f8f873728a56d34b27f1c.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 23

โยชูวาอำลาเหล่าผู้นำ

1 หลังจากนี้เป็นเวลานานและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้อิสราเอลพักสงบจากศัตรูรอบด้าน ครั้งนั้นโยชูวาแก่มากแล้ว

2 เขาเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวง อันมีผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าก็แก่มากแล้ว

3 ท่านเองได้เห็นสิ่งทั้งปวงซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำแก่ชนชาติทั้งหมดนี้เพื่อท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนี่แหละที่ทรงต่อสู้กับศัตรูเพื่อท่าน

4 จงจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้แบ่งสรรดินแดนของชาติต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้พิชิตเช่นเดียวกับดินแดนที่ข้าพเจ้าได้พิชิตแล้วให้แก่ท่าน คือดินแดนทั้งหมดระหว่างแม่น้ำจอร์แดนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันตก

5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเองจะทรงขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นจากทางของท่าน และท่านจะยึดครองดินแดนของพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสัญญากับท่านไว้

6 “จงเข้มแข็งและใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส โดยไม่หันเหไปทางซ้ายหรือทางขวา

7 อย่าคบหากับชนชาติเหล่านี้ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางพวกท่าน อย่าเอ่ยนามหรือสาบานโดยอ้างชื่อพระทั้งหลายของเขา อย่าปรนนิบัติหรือกราบไหว้พระเหล่านั้น

8 แต่จงยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเหมือนที่ท่านทำอยู่จนถึงบัดนี้

9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปต่อหน้าท่าน และไม่มีผู้ใดต้านทานท่านได้ตราบจนทุกวันนี้

10 ท่านหนึ่งคนรุกไล่ศัตรูนับพันเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงต่อสู้เพื่อท่านตามที่ทรงสัญญาไว้

11 ฉะนั้นจงใส่ใจที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

12 “แต่หากพวกท่านหันหนี และไปคบหากับชนชาติเหล่านี้ที่ยังคงหลงเหลือท่ามกลางพวกท่าน หากท่านแต่งงานกับเขาหรือข้องเกี่ยวกับเขา

13 ก็จงรู้แน่เถิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าท่าน แต่ในทางกลับกัน เขาจะกลายป็นบ่วงแร้วและกับดักล่อท่าน เป็นแส้ที่โบยหลังของท่าน เป็นเสี้ยนหนามของท่าน จนกว่าท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน

14 “อีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านก็รู้ด้วยสุดจิตสุดใจว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็นจริง ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว

15 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานสิ่งดีงามทั้งปวงซึ่งทรงสัญญาไว้แล้วฉันใด พระยาห์เวห์ก็จะทรงนำสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่ตรัสไว้มาตกแก่ท่านฉันนั้น จนกว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านให้พ้นจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ที่พระองค์ประทานแก่ท่าน

16 หากท่านละเมิดพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งทรงบัญชาไว้ หันไปกราบไหว้ และปรนนิบัติพระอื่น พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเผาผลาญท่าน ท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระองค์ประทานให้นี้อย่างรวดเร็ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/23-5204a978b6be71790f5f3d4c3b1d4549.mp3?version_id=179—

Categories
โยชูวา

โยชูวา 24

ฟื้นฟูพันธสัญญาที่เชเคม

1 แล้วโยชูวาจึงเรียกอิสราเอลทุกเผ่าที่เชเคม พร้อมทั้งบรรดาผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระเจ้า

2 โยชูวากล่าวแก่ประชากรทั้งปวงดังนี้ “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘นานมาแล้วบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย รวมทั้งเทราห์บิดาของอับราฮัมและนาโฮร์อาศัยอยู่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำยูเฟรติสและนมัสการพระอื่นๆ

3 แต่เราได้พาอับราฮัมบิดาของเจ้าจากดินแดนนั้น ข้ามแม่น้ำยูเฟรติสมายังดินแดนคานาอัน และให้เขามีลูกหลานมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา

4 และเราให้ยาโคบกับเอซาวแก่อิสอัค เรายกดินแดนแถบภูเขาเสอีร์ให้แก่เอซาว ส่วนยาโคบกับลูกๆ ไปยังอียิปต์

5 “ ‘แล้วเราส่งโมเสสกับอาโรนไป เราลงโทษชาวอียิปต์ด้วยภัยพิบัติต่างๆ ที่เราทำ และนำพวกเจ้าออกมา

6 เมื่อเรานำบรรพบุรุษของเจ้าออกจากอียิปต์มาถึงทะเลแดงและรถม้าศึกกับเหล่าทหารม้าของชาวอียิปต์ไล่ล่าพวกเขามาจนถึงทะเลนั้น

7 พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ก็ทรงบันดาลความมืดกั้นระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ พระองค์ให้ทะเลถาโถมเข้าใส่พวกเขา เจ้าทั้งหลายได้เห็นสิ่งที่เราทำแก่ชาวอียิปต์กับตา จากนั้นพวกเจ้าอาศัยอยู่ในถิ่นกันดารเป็นเวลานาน

8 “ ‘เราได้นำเจ้าทั้งหลายมายังดินแดนของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เขาสู้รบกับเจ้า แต่เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า เราทำลายพวกเขาให้พ้นหน้าเจ้า และเจ้าเข้ายึดครองดินแดนของพวกเขา

9 เมื่อบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับเตรียมสู้รบกับอิสราเอล เขาได้เรียกบาลาอัมบุตรเบโอร์มาแช่งเจ้า

10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม ดังนั้นเขาจึงอวยพรเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเรากอบกู้เจ้าจากเงื้อมมือของเขา

11 “ ‘จากนั้นเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนมายังเยรีโค ชาวเยรีโคสู้กับเจ้า เช่นเดียวกับชาวอาโมไรต์ เปริสซี คานาอัน ฮิตไทต์ เกอร์กาชี ฮีไวต์ และเยบุส แต่เรามอบเขาไว้ในมือของเจ้า

12 เราส่งฝูงต่อล่วงหน้าเจ้าไป เพื่อขับไล่พวกเขารวมทั้งกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ทั้งสององค์ออกไปให้พ้นหน้าเจ้า เจ้าชนะได้ไม่ใช่ด้วยดาบหรือธนูของเจ้าเอง

13 เรายกที่ดินที่เจ้าไม่ได้ลงแรง ยกเมืองที่เจ้าไม่ได้สร้างให้แก่เจ้า ซึ่งเจ้าอาศัยอยู่ขณะนี้ และกินผลองุ่นและมะกอกที่เจ้าไม่ได้ปลูก’

14 “ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ทุกประการ จงกำจัดพระทั้งหลายซึ่งบรรพบุรุษของท่านนมัสการที่ฟากโน้นของแม่น้ำยูเฟรติสและในอียิปต์ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า

15 แต่หากท่านไม่เต็มใจที่จะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าก็จงเลือกในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะเป็นพระต่างๆ ซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติที่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำยูเฟรติส หรือพระต่างๆ ของชาวอาโมไรต์ในดินแดนซึ่งท่านอาศัยอยู่ขณะนี้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเองกับครอบครัวจะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า”

16 ประชากรจึงตอบว่า “ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด เราจะไม่ทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไปปรนนิบัติพระอื่น!

17 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา พระองค์เองนี่แหละคือผู้ที่นำเราและบรรพบุรุษของเราออกมาจากอียิปต์ จากดินแดนแห่งความเป็นทาส ทรงกระทำหมายสำคัญอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นต่อหน้าต่อตาเรา พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองเราตลอดการเดินทางและจากชนชาติต่างๆ

18 และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ชนชาติทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้รวมทั้งชาวอาโมไรต์ออกไป เราก็จะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นกันเพราะพระองค์แต่ผู้เดียวเป็นพระเจ้าของเรา”

19 โยชูวาตอบเหล่าประชากรว่า “ท่านไม่สามารถปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้หึงหวง พระองค์จะไม่ทรงอภัยการกบฏและบาปของท่าน

20 หากท่านละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไปปรนนิบัติพระต่างด้าว พระองค์จะทรงหันกลับและนำภัยพิบัติมาเหนือท่านและทำลายท่านหมดสิ้น แม้ว่าพระองค์ทรงดีต่อท่านตลอดมาก็ตาม”

21 แต่เหล่าประชากรกล่าวกับโยชูวาว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น! เราจะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า”

22 แล้วโยชูวาจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นพยานผูกมัดตัวเองแล้วนะว่าท่านเลือกที่จะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า” เขาตอบว่า “ถูกแล้ว เราเป็นพยาน”

23 โยชูวากล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นจงทิ้งพระต่างด้าวทั้งปวงซึ่งอยู่ท่ามกลางท่าน และมอบจิตใจของท่านแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลเถิด”

24 เหล่าประชากรกล่าวกับโยชูวาว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราและเชื่อฟังพระองค์”

25 ในวันนั้น โยชูวาจึงทำพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากร และเขาเขียนกฎหมายและบทบัญญัติให้พวกเขาที่เชเคม

26 โยชูวายังได้บันทึกสิ่งเหล่านี้ลงในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า และกลิ้งหินก้อนใหญ่มาตั้งขึ้นใต้ต้นโอ๊กข้างสถานบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

27 โยชูวากล่าวกับประชากรทั้งปวงว่า “ดูเถิด! หินก้อนนี้จะเป็นพยานผูกมัดเรา หินก้อนนี้ได้ยินทุกคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเรา ฉะนั้นมันจะเป็นพยานผูกมัดท่าน หากท่านไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของท่าน”

การฝังศพในดินแดนแห่งพันธสัญญา

28 จากนั้นโยชูวาจึงให้ประชากรแยกย้ายกันกลับไปยังดินแดนตามกรรมสิทธิ์ของตน

29 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ โยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสิ้นชีวิตลงเมื่ออายุได้ 110 ปี

30 และเขาถูกฝังไว้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของเขาที่ทิมนาทเสราห์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมทางเหนือของภูเขากาอัช

31 อิสราเอลปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดช่วงอายุของโยชูวา และบรรดาผู้อาวุโสซึ่งอายุยืนกว่าโยชูวา และผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล

32 กระดูกของโยเซฟซึ่งชนอิสราเอลได้นำออกมาจากอียิปต์ถูกฝังไว้ที่เชเคม ในที่ดินซึ่งยาโคบซื้อมาจากบุตรของฮาโมร์บิดาของเชเคม ในราคาเงินหนึ่งร้อยแผ่นซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหลานเผ่าโยเซฟ

33 และเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนก็สิ้นชีวิต และถูกฝังไว้ที่เมืองกิเบอาห์ ซึ่งแบ่งสรรให้แก่ฟีเนหัสบุตรของเขาในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/24-23839df5298d55b897f1c01be046ea25.mp3?version_id=179—