Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 21

แก้แค้นให้ชาวกิเบโอน

1 ในรัชกาลของดาวิด เกิดการกันดารอาหารติดต่อกันเป็นเวลาสามปี ดาวิดจึงร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เป็นเพราะซาอูลได้สังหารชาวกิเบโอน เขาและครอบครัวต้องรับผิดชอบ”

2 กษัตริย์ดาวิดจึงทรงเรียกชาวกิเบโอนมาประชุม (กิเบโอนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมไรต์ที่ได้รับการไว้ชีวิตตามที่ชาวอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้ แต่ซาอูลพยายามกวาดล้างพวกเขา เพราะความกระตือรือร้นที่จะทำเพื่ออิสราเอลและยูดาห์)

3 ดาวิดตรัสถามชาวกิเบโอนว่า “เราจะทำอะไรให้พวกท่านได้บ้าง? เราจะชดเชยให้ท่านได้อย่างไร เพื่อท่านจะได้อวยพรพวกเราซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”

4 ชาวกิเบโอนตอบว่า “ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินทองจากซาอูลกับราชวงศ์ และก็ไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตใครในอิสราเอล”

ดาวิดตรัสว่า “ท่านต้องการให้เราทำอะไร?”

5 พวกเขากราบทูลว่า “สำหรับคนที่ทำลายล้างและคิดร้ายต่อพวกข้าพระบาทจนวอดวายและระเห็จจากอิสราเอล

6 พวกข้าพระบาทขอลูกหลานที่เป็นชายของเขาเจ็ดคนมาประหารและประจานไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเมืองกิเบอาห์ของซาอูลผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรร”

ดาวิดตรัสว่า “เราจะมอบคนเหล่านั้นให้ท่าน”

7 ดาวิดทรงไว้ชีวิตเมฟีโบเชทผู้เป็นโอรสของโยนาธานและเป็นหลานชายของซาอูล เนื่องจากคำมั่นสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างดาวิดกับโยนาธานราชโอรสของซาอูล

8 แต่ทรงมอบตัวอารโมนีกับเมฟีโบเชทราชโอรสของซาอูลซึ่งเกิดจากนางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์ ทั้งทรงมอบบุตรชายห้าคนของนางเมราบราชธิดาของซาอูลซึ่งเกิดกับอาดรีเอลบุตรบารซิลลัยแห่งเมโหลาห์

9 ชาวกิเบโอนประหารและประจานคนเหล่านั้นไว้บนภูเขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าคนทั้งเจ็ดก็สิ้นชีวิต ขณะนั้นเป็นต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์

10 นางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์คลี่ผ้ากระสอบลงบนหินก้อนหนึ่งสำหรับตน และพักอยู่ที่นั่นตลอดฤดูเก็บเกี่ยวจนฝนเริ่มโปรยปรายลงบนร่างเหล่านั้น นางคอยไล่นกแร้งที่จะมาจิกกินซากศพในเวลากลางวันและฝูงสัตว์ป่าในเวลากลางคืน

11 เมื่อดาวิดทรงทราบถึงการกระทำของนางริสปาห์ซึ่งเป็นธิดาของอัยยาห์และเป็นสนมของซาอูล

12 ก็เสด็จไปนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากชาวยาเบชกิเลอาด (ผู้แอบไปนำพระศพของซาอูลกับโยนาธานมาจากลานเมืองเบธชาน ที่ซึ่งคนฟีลิสเตียแขวนทั้งสองพระองค์ไว้หลังจากพวกเขารบชนะซาอูลที่กิลโบอา)

13 ดาวิดนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากที่นั่น และรวบรวมกระดูกของผู้ที่ถูกประหารและถูกประจานไว้ด้วยกัน

14 พวกเขาก็ฝังอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสไว้ในอุโมงค์ฝังศพของคีชบิดาของซาอูลที่เศลาเขตเบนยามิน และทำทุกสิ่งตามที่กษัตริย์ตรัสสั่ง หลังจากนั้นพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อดินแดนนั้น

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

15 คนฟีลิสเตียมาสู้รบกับอิสราเอลอีก ดาวิดเสด็จลงไปกับทหารเพื่อต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย และดาวิดทรงเหน็ดเหนื่อยและหมดกำลัง

16 อิชบีเบโนบวงศ์วานของราฟาเจ้าของหอกทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 3.5 กิโลกรัมคาดดาบเล่มใหม่หมายจะปลงพระชนม์ดาวิด

17 แต่อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ตรงรี่เข้ามาช่วยสังหารชาวฟีลิสเตียคนนั้น จากนั้นทหารของดาวิดประกาศว่า “ฝ่าพระบาทอย่าทรงออกรบอีกเลย เพื่อไม่ให้ดวงประทีปของอิสราเอลต้องดับไป”

18 ต่อมาในระหว่างการรบกับชาวฟีลิสเตียที่เมืองโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ได้สังหารสัฟวงศ์วานของราฟา

19 และในการรบกับฟีลิสเตียอีกครั้งหนึ่งที่โกบ เอลฮานันบุตรยาอาเรโอเรกิมชาวเบธเลเฮม สังหารน้องชายของโกลิอัท ชาวกัท ผู้ซึ่งถือหอกด้ามใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า

20 ในการรบอีกครั้งที่เมืองกัท คนร่างยักษ์ผู้หนึ่งมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วรวมเป็น 24 นิ้วซึ่งเป็นวงศ์วานราฟาเช่นกัน

21 ได้มาข่มขู่อิสราเอล แต่ถูกโยนาธานบุตรชิเมอาพี่ชายของดาวิดสังหาร

22 ดาวิดและทหารปลิดชีพคนทั้งสี่นี้ซึ่งเป็นวงศ์วานของราฟาแห่งเมืองกัท

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/21-e30d80378b9adebdce0d4c891d8e8bfe.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 22

บทเพลงสรรเสริญของดาวิด

1 ดาวิดทรงขับร้องเพลงบทนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าหลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากเงื้อมมือของซาอูลและศัตรูอื่นๆ ทั้งปวง

2 เขากล่าวว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า

3 พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย

ทรงเป็นโล่ เป็นกำลังแห่งความรอดของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงเป็นที่มั่น เป็นที่ลี้ภัย เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า

ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนอำมหิต

4 ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ

แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู

5 “คลื่นแห่งความตายถาโถมใส่ข้าพเจ้า

กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า

6 บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า

บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

7 ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าทูลเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์

เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงพระกรรณของพระองค์

8 “แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น

ฐานของสวรรค์สั่นคลอน

สวรรค์สั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ

9 ควันพุ่งออกมาจากพระนาสิก

เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน

ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์

10 พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา

เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์

11 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบ

เสด็จมาด้วยปีกแห่งกระแสลม

12 พระองค์ทรงทำให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์

ทรงให้เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์

13 สายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมา

จากแสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์

พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง

15 พระองค์ทรงยิงลูกศร ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป

ทรงส่งฟ้าแลบ ทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป

16 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำราบ

เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์

หุบเขาในท้องทะเลก็เผยออก

รากฐานของโลกก็ปรากฏ

17 “พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้

ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก

18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ

จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า

19 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้

20 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง

ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า

21 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า

ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้า เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด

22 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า

23 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์

24 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์

และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า

ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์

26 “ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์

ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ

27 ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์

แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม

28 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น

แต่ทรงจับตาดูคนหยิ่งผยองเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง

29 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นประทีปของข้าพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง

30 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์

ข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์

31 “สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม

พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด

พระองค์ทรงเป็นโล่

สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์

32 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์?

ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา?

33 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า

ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม

34 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง

ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้

35 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ

แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้

36 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์

ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่

37 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง

เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม

38 “ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูและบดขยี้พวกเขา

ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย

39 ข้าพระองค์บดขยี้พวกเขาจนแหลกลาญ และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก

พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์

40 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ

ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์

41 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป

ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์

42 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย

เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ไม่ทรงตอบ

43 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลี

ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน

44 “พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของประชากรของข้าพระองค์

ทรงสงวนข้าพระองค์ไว้ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย

ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักมาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์

45 คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์

ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์

46 พวกเขาล้วนเสียขวัญ

ต่างก็ตัวสั่นออกมาจากที่มั่น

47 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!

ขอพระเจ้า พระศิลา พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!

48 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า

ผู้ทรงปราบประชาชาติต่างๆ ไว้ภายใต้ข้าพเจ้า

49 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากเหล่าศัตรู

พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย

ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต

50 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย

จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

51 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้

ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้

คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/22-f97248e9c1dc0ae98f425fc0898c600e.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 23

คำอำลาของดาวิด

1 ต่อไปนี้คือคำอำลาของดาวิด

“วาทะของดาวิดบุตรเจสซี

วาทะของผู้ที่องค์ผู้สูงสุดทรงเชิดชู

บุรุษผู้ได้รับการเจิมตั้งโดยพระเจ้าของยาโคบ

ผู้ขับขานบทเพลงของอิสราเอล

2 “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านข้าพเจ้า

พระดำรัสของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า

3 พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส

พระศิลาแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า

‘เมื่อผู้หนึ่งปกครองปวงชนด้วยความชอบธรรม

เมื่อเขาปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า

4 เขาก็เป็นเช่นแสงอรุณ

ดั่งอรุโณทัยอันไร้เมฆหมอก

ประดุจฟ้ากระจ่างหลังฝน

ซึ่งทำให้หญ้างอกขึ้นมาจากผืนดิน’

5 “พระเจ้าทรงตั้งพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าไว้ไม่ใช่หรือ?

พระองค์ทรงทำพันธสัญญานิรันดร์กับข้าพเจ้าอย่างสมบูรณ์

และมั่นคงทุกส่วนทุกตอนไม่ใช่หรือ?

พระองค์จะไม่ทรงให้ความรอด

และความปรารถนาทั้งปวงของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลหรือ?

6 ส่วนคนชั่วจะถูกเหวี่ยงทิ้งไปหมด

เหมือนหนามซึ่งจะไม่ใช้มือกอบหรือกำ

7 ผู้ใดแตะต้องหนาม

ย่อมใช้เครื่องมือเหล็กหรือด้ามหอก

พวกเขาถูกเผาทิ้งในที่ที่เขาอยู่”

ยอดนักรบของดาวิด

8 ต่อไปนี้คือยอดนักรบของดาวิด ได้แก่

โยเชบบัสเชเบธแห่งทาห์เคโมนีหัวหน้าสามยอดนักรบ เขาใช้หอกสังหารข้าศึกถึงแปดร้อยคนในคราวเดียวกัน

9 คนต่อมาคือเอเลอาซาร์บุตรโดดัยชาวอาโหอาห์ เขาเป็นหนึ่งในสามยอดนักรบซึ่งอยู่กับดาวิด ข่มขวัญพวกฟีลิสเตียผู้มาร่วมพลอยู่ที่ปัสดัมมิมเพื่อสู้รบ ครั้งนั้นคนอิสราเอลล่าถอย

10 แต่เขายืนหยัดฟาดฟันคนฟีลิสเตียจนมือล้าเป็นเหน็บปล่อยดาบไม่ได้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวันนั้น บรรดาทหารกลับมาหาเอเลอาซาร์ เพียงเพื่อจะริบข้าวของจากผู้ตาย

11 ถัดมาคือชัมมาห์บุตรอากีชาวฮาราร์ เมื่อพวกฟีลิสเตียรวมตัวกันอยู่ที่หนึ่งซึ่งมีต้นถั่วเต็มไปหมด กองทัพอิสราเอลก็หนีไป

12 แต่ชัมมาห์ยืนหยัดอยู่กลางทุ่งนั้นป้องกันพื้นที่ ฟาดฟันจนชาวฟีลิสเตียพ่ายแพ้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่

13 ในฤดูเก็บเกี่ยว สามทหารแห่งสามสิบยอดนักรบมาหาดาวิดที่ถ้ำอดุลลัม ขณะกองทหารของฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม

14 ครั้งนั้นดาวิดอยู่ในที่มั่น ส่วนแนวรบของฟีลิสเตียอยู่ที่เบธเลเฮม

15 ดาวิดกระหายน้ำและเปรยขึ้นว่า “ถ้ามีใครไปนำน้ำจากบ่อใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มก็ดี!”

16 คนทั้งสามก็ตีฝ่าแนวรบของฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อนั้นมาให้ แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม กลับรินลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวว่า

17 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ไม่อาจดื่มได้! นี่คือเลือดของคนที่เสี่ยงชีวิตเอามาไม่ใช่หรือ?” และดาวิดก็ไม่ยอมดื่มน้ำนั้น

นี่คือวีรกรรม ของสามยอดนักรบ

18 อาบีชัยน้องชายของโยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นหัวหน้าของสามสิบยอดนักรบเขาใช้หอกสังหารข้าศึกถึงสามร้อยคน เขาจึงมีชื่อเสียงเทียบเท่าสามยอดนักรบ

19 แม้จะไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่เขายิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสามสิบยอดนักรบที่เป็นนายทหารชั้นแนวหน้าของกองทัพ และเขาคือหัวหน้าของพวกเขา

20 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นทหารกล้าจากเมืองขับเซเอล ผู้สร้างวีรกรรมหลายครั้ง เขาสังหารยอดฝีมือสองคนของโมอับ ครั้งหนึ่งเขาลงไปในหลุมฆ่าสิงโตในวันที่หิมะตกหนัก

21 และเขาได้สังหารคนอียิปต์คนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แม้ว่าคนนั้นถือหอกอยู่ เบไนยาห์ถือไม้พลองเข้าสู้ เขากระชากหอกจากมือของชาวอียิปต์คนนั้นและสังหารด้วยหอก

22 นี่คือวีรกรรมของเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็มีชื่อเสียงเลื่องลือเทียบเท่าสามยอดนักรบด้วย

23 เขามีเกียรติมากกว่าใครๆ ในสามสิบยอดนักรบ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในสามยอดนักรบ ดาวิดทรงแต่งตั้งให้เขาดูแลกองทหารรักษาพระองค์

24 ในบรรดาสามสิบยอดนักรบ ได้แก่

อาสาเฮลน้องชายของโยอาบ

เอลฮานันบุตรโดโด คนเบธเลเฮม

25 ชัมมาห์คนฮาโรด

เอลีคาคนฮาโรด

26 เฮเลสคนปัลที

อิราบุตรอิกเขชคนเทโคอา

27 อาบีเอเซอร์คนอานาโธท

สิบเบคัยคนหุชาห์

28 ศัลโมนคนอาโหอาห์

มาหะรัยคนเนโทฟาห์

29 เฮเลดบุตรบาอานาห์คนเนโทฟาห์

อิธัยบุตรรีบัยคนกิเบอาห์ในเขตเบนยามิน

30 เบไนยาห์คนปิราโธนฮิดดัยคนห้วยกาอัช

31 อาบีอัลโบนคนอารบา

อัสมาเวทคนบาฮูริม

32 เอลียาห์บาคนชาอัลโบน

บรรดาบุตรของยาเชน

โยนาธาน

33 บุตรของชัมมาห์คนฮาราร์

อาหิอัมบุตรชาราร์คนฮาราร์

34 เอลีเฟเลทบุตรอาหัสบัยคนมาอาคาห์

เอลีอัมบุตรอาหิโธเฟลคนกิโลห์

35 เฮสโรคนคารเมล

ปาอารัยคนอาราบ

36 อิกาลบุตรนาธันคนโศบาห์

บุตรของฮากรี

37 เศเลกคนอัมโมน

นาหะรัย คนเบเอโรทผู้ถืออาวุธประจำตัวของโยอาบบุตรเศรุยาห์

38 อิราคนอิธรา

กาเรบคนอิธรา

39 และอุรียาห์คนฮิตไทต์

รวมทั้งหมด 37 คน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/23-05005ac5c23d1afaacac0749ebc8a6b9.mp3?version_id=179—

Categories
2ซามูเอล

2ซามูเอล 24

ดาวิดทรงนับไพร่พล

1 อีกครั้งหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอล และทรงดลใจดาวิดให้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเขา โดยตรัสว่า “จงไปทำสำมะโนไพร่พลอิสราเอลและยูดาห์”

2 ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและบรรดานายทัพว่า “จงทำทะเบียนพลรบทั้งหมดของทุกเผ่าในอิสราเอลจากดานจดเบเออร์เชบา เพื่อเราจะรู้ว่ามีคนอยู่เท่าไร”

3 แต่โยอาบกราบทูลว่า “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงเพิ่มกองทหารร้อยเท่า และขอให้ฝ่าพระบาทได้เห็นกับตา เหตุใดฝ่าพระบาทจึงมีพระประสงค์จะกระทำเช่นนี้”

4 แต่คำบัญชาของกษัตริย์ย่อมมีอำนาจเหนือโยอาบและบรรดานายทัพ ฉะนั้นพวกเขาจึงทูลลาไปทำรายชื่อของพลรบอิสราเอล

5 หลังจากข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาไปตั้งค่ายพักในหุบเขาทางใต้ของเมืองอาโรเออร์ แล้วผ่านกาดไปยังยาเซอร์

6 พวกเขาไปที่กิเลอาดและเขตแดนทาห์ทิมโหดชิ แล้วไปดานยาอันและไปทั่วจนถึงไซดอน

7 จากนั้นไปยังป้อมแห่งเมืองไทระ และหัวเมืองทั้งหมดของชาวฮีไวต์ และชาวคานาอัน ท้ายสุดไปยังเบเออร์เชบาในเนเกบแห่งยูดาห์

8 หลังจากพวกเขาไปทั่วแดนก็กลับมายังเยรูซาเล็ม ใช้เวลาเก้าเดือนยี่สิบวัน

9 โยอาบทูลรายงานจำนวนพลรบต่อกษัตริย์ คนที่อยู่ในเกณฑ์ออกรบได้มีแปดแสนคนในอิสราเอล ส่วนในยูดาห์มีห้าแสนคน

10 หลังจากสำรวจไพร่พลแล้ว ดาวิดก็สำนึกผิดจึงกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “สิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นบาปมาก ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ขอทรงโปรดยกโทษความผิดของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งที่โง่เขลามาก”

11 ก่อนดาวิดตื่นบรรทมเช้าวันรุ่งขึ้น มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะกาดซึ่งเป็นผู้ทำนายให้ดาวิด ความว่า

12 “จงไปบอกดาวิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เรามีข้อเสนอสามประการ ให้เจ้าเลือกอย่างหนึ่งแล้วเราจะจัดการกับเจ้าตามนั้น’”

13 กาดจึงมาเข้าเฝ้าดาวิดทูลว่า “ฝ่าพระบาทจะทรงเลือกการกันดารอาหารทั่วดินแดนสามปีหรือเตลิดหนีจากศัตรูผู้รุกไล่สามเดือน หรือยอมให้มีโรคระบาดในดินแดนสามวัน ขอทรงตรึกตรองแล้วแจ้งคำตอบเพื่อข้าพระบาทจะนำไปทูลพระองค์ผู้ทรงใช้ข้าพระบาทมา”

14 ดาวิดตรัสตอบกาดว่า “เราลำบากใจมาก แต่ขอตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ เพราะพระเมตตาคุณของพระองค์ใหญ่หลวงนัก”

15 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอลตั้งแต่เช้าวันนั้นจนครบกำหนด จากดานจดเบเออร์เชบา มีผู้เสียชีวิตเจ็ดหมื่นคน

16 เมื่อทูตสวรรค์เงื้อมือขึ้นจะทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็มองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทุกข์พระทัยเนื่องด้วยภัยพิบัตินั้น จึงตรัสกับทูตนั้นว่า “พอแล้ว! ยั้งมือเถิด” ขณะนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส

17 เมื่อดาวิดเห็นทูตองค์นั้นผู้ทำให้ประชากรล้มตายก็กราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์คือผู้ที่ทำผิดทำบาป ประชากรเหล่านี้เป็นเพียงฝูงแกะ พวกเขาทำผิดอันใดเล่า? ขอทรงลงโทษข้าพระองค์กับครอบครัวเท่านั้นเถิด”

ดาวิดสร้างแท่นบูชา

18 ในวันนั้นกาดมาทูลดาวิดว่า “ขอทรงขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุสเถิด”

19 ดาวิดจึงไปปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งผ่านทางกาด

20 เมื่ออาราวนาห์เห็นกษัตริย์และผู้ตามเสด็จมาหาตนก็เข้าไปหมอบกราบลงกับพื้น

21 ทูลถามว่า “ฝ่าพระบาทเสด็จมาด้วยพระประสงค์อันใด?”

ดาวิดตรัสว่า “เพื่อมาซื้อลานนวดข้าวของเจ้า เราจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะได้ทรงระงับโรคระบาดครั้งนี้เสีย”

22 อาราวนาห์ทูลว่า “ขอฝ่าพระบาททรงใช้ทุกสิ่งตามที่ต้องประสงค์เถิด นี่คือวัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา และนี่คือเลื่อนนวดข้าวกับแอกวัวใช้เป็นฟืน

23 ข้าพระบาทอาราวนาห์ขอถวายทั้งหมด และขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงโปรดฝ่าพระบาทด้วยเถิด”

24 แต่กษัตริย์ตรัสตอบอาราวนาห์ว่า “เรายืนยันที่จะซื้อจากเจ้า เราจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราโดยที่ไม่ลงทุนอะไรเลย”

เป็นอันว่าดาวิดทรงซื้อลานนวดข้าวกับวัวด้วยเงินหนัก 50 เชเขล

25 แล้วดาวิดสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดิน โรคระบาดที่เกิดแก่อิสราเอลก็หมดไป

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2SA/24-74f669e00259f6938427e571b061ff3d.mp3?version_id=179—