Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 11

1 เมื่อเรโหโบอัมเสด็จมาถึงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงระดมพลรบจากเผ่ายูดาห์และเผ่าเบนยามิน 180,000 คน เพื่อทำสงครามกับอิสราเอลและกอบกู้อาณาจักรคืนมาให้เรโหโบอัม

2 แต่พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเชไมอาห์คนของพระเจ้าว่า

3 “จงไปบอกเรโหโบอัมโอรสกษัตริย์โซโลมอนแห่งยูดาห์ และชนอิสราเอลทั้งปวงในยูดาห์กับเบนยามินว่า

4 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าไปรบกับพี่น้องของเจ้า ทุกคนจงกลับบ้านไปเพราะทั้งหมดนี้เราเป็นผู้กระทำ’ ” พวกเขาก็เชื่อฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้ไปรบกับเยโรโบอัม

เรโหโบอัมเสริมกำลังป้องกันยูดาห์

5 เรโหโบอัมประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและทรงสร้างเมืองต่างๆ ในยูดาห์เพื่อป้องกันดินแดนได้แก่

6 เบธเลเฮม เอตาม เทโคอา

7 เบธซูร์ โสโค อดุลลัม

8 กัท มาเรชาห์ ศิฟ

9 อาโดราอิม ลาคีช อาเซคาห์

10 โศราห์ อัยยาโลน และเฮโบรน เมืองเหล่านี้คือเมืองป้อมปราการในยูดาห์และเบนยามิน

11 พระองค์ทรงเสริมปราการและเครื่องป้องกันต่างๆ และทรงตั้งผู้บัญชาการไว้ดูแล มีเสบียง น้ำมันมะกอก และเหล้าองุ่นพร้อม

12 พระองค์ทรงเก็บหอกและโล่ไว้ทุกเมือง และทรงทำให้เมืองเหล่านี้แข็งแกร่ง ดังนั้นยูดาห์และเบนยามินยังคงเป็นของพระองค์

13 บรรดาปุโรหิตและคนเลวีจากเขตต่างๆ ทั่วอิสราเอลอยู่ฝ่ายเรโหโบอัม

14 คนเลวีถึงกับทิ้งทุ่งหญ้าและทรัพย์สินมายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะถูกเยโรโบอัมกับโอรสปลดออกจากตำแหน่งปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า

15 แล้วพระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตของพระองค์เองสำหรับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายและสำหรับเทวรูปแพะและลูกวัวซึ่งเยโรโบอัมทรงสร้างขึ้น

16 คนจากทุกเผ่าของอิสราเอลที่มีใจจดจ่อแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลก็ติดตามคนเลวีมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษ

17 พวกเขาทำให้อาณาจักรยูดาห์แข็งแกร่งขึ้นและสนับสนุนเรโหโบอัมโอรสของโซโลมอนตลอดช่วงสามปีที่เรโหโบอัมดำเนินตามแบบอย่างของดาวิดและโซโลมอน

ราชวงศ์ของเรโหโบอัม

18 เรโหโบอัมทรงอภิเษกกับมาหะลัทธิดาของเยรีโมทโอรสของดาวิด มารดาคืออาบีฮายิล ธิดาของเอลีอับบุตรเจสซี

19 พระนางให้กำเนิดโอรสได้แก่ เยอูช เชมาริยาห์ และศาอัม

20 ต่อมาทรงอภิเษกกับมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลม มีโอรสคืออาบียาห์ อัททัย ศีศา และเชโลมิท

21 เรโหโบอัมทรงรักมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลมยิ่งกว่ามเหสีหรือสนมอื่นๆ ทรงมีมเหสี 18 องค์ และสนม 60 คน มีโอรส 28 องค์ และธิดา 60 องค์

22 เรโหโบอัมทรงตั้งอาบียาห์ โอรสที่ประสูติจากพระนางมาอาคาห์ให้เป็นเอกในหมู่พี่ๆ น้องๆ เพื่อจะได้ตั้งเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป

23 พระองค์ทรงทำการอย่างชาญฉลาดในการแยกย้ายโอรสองค์อื่นๆ ไปทั่วแดนยูดาห์กับเบนยามิน และไปยังเมืองป้อมปราการทั้งปวง พระองค์ทรงจัดหาสิ่งต่างๆ ให้พวกเขาอย่างบริบูรณ์และจัดหาชายาให้อย่างมากมายด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/11-48845623f5a5fb13e0c8c738992a7ab4.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 12

ชิชักโจมตีเยรูซาเล็ม

1 เมื่อราชบัลลังก์ของเรโหโบอัมมั่นคงเป็นปึกแผ่นและแข็งแกร่งขึ้น พระองค์กับอิสราเอลทั้งปวงก็ละทิ้งบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

2 เนื่องจากพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์จึงกรีธาทัพมาตีกรุงเยรูซาเล็มในปีที่ห้าแห่งรัชกาลเรโหโบอัม

3 โดยมีรถม้าศึก 1,200 คัน พลม้า 60,000 คน และมีทหารราบชาวลิเบีย ชาวสุคคียิม และชาวคูชจำนวนนับไม่ถ้วนมาจากอียิปต์กับพระองค์

4 พระองค์ยึดเมืองป้อมปราการต่างๆ ของยูดาห์มาจนถึงเยรูซาเล็ม

5 ผู้เผยพระวจนะเชไมอาห์มาเข้าเฝ้าเรโหโบอัม และมาพบบรรดาผู้นำของยูดาห์ซึ่งมาชุมนุมกันในกรุงเยรูซาเล็มเพราะกลัวชิชัก และกล่าวกับพวกเขาดังนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าทั้งหลายได้ทิ้งเรา บัดนี้เราจึงทิ้งเจ้าให้แก่ชิชัก’ ”

6 แล้วเรโหโบอัมกับเหล่าผู้นำอิสราเอลก็ถ่อมใจลงและยอมรับว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม”

7 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นว่าพวกเขาถ่อมใจลง จึงมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเชไมอาห์ว่า “เพราะพวกเขาถ่อมใจลง เราจะไม่ทำลายล้างเขา แต่จะช่วยกู้ในไม่ช้า เราจะไม่ใช้ชิชักระบายโทสะของเราเหนือเยรูซาเล็ม

8 แต่พวกเขาจะต้องรับใช้ชิชัก จะได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการรับใช้เรากับการรับใช้บรรดากษัตริย์ชาติอื่นๆ”

9 เมื่อกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์มาโจมตีเยรูซาเล็ม พระองค์กวาดเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชวัง รวมทั้งโล่ทองคำซึ่งโซโลมอนทรงทำขึ้น

10 ดังนั้นกษัตริย์เรโหโบอัมจึงทรงทำโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และมอบหมายให้เหล่าผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซึ่งประจำการอยู่ที่ทางเข้าพระราชวังดูแล

11 เมื่อใดก็ตามที่กษัตริย์เสด็จมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหล่าทหารรักษาพระองค์จะถือโล่มากับพระองค์ หลังจากนั้นก็นำโล่กลับไปไว้ที่กองรักษาการณ์

12 เนื่องจากเรโหโบอัมถ่อมพระองค์ลง พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงระงับไป และพระเจ้าไม่ได้ทรงทำลายล้างพระองค์ให้หมดสิ้นไป แท้จริงยูดาห์ก็ยังมีดีอยู่บ้าง

13 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงสถาปนาราชอำนาจให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นในกรุงเยรูซาเล็มและครองราชย์สืบไป เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงมีพระชนมายุ 41 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ 17 ปี ในกรุงเยรูซาเล็ม นครซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรจากทุกเผ่าของอิสราเอลให้เป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์ ราชมารดาของเรโหโบอัมคือนาอามาห์ชาวอัมโมน

14 เรโหโบอัมทรงทำชั่วเพราะไม่ได้มีพระทัยแน่วแน่ในการแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

15 เหตุการณ์ต่างๆ ในรัชกาลเรโหโบอัมตั้งแต่ต้นจนจบมีเขียนไว้ในบันทึกของผู้เผยพระวจนะเชไมอาห์ และของผู้ทำนายอิดโดที่เกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูลไม่ใช่หรือ? เรโหโบอัมกับเยโรโบอัมทำสงครามกันอยู่เสมอ

16 เรโหโบอัมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด และอาบียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/12-74a1c2dbaac1789cd5b9a482485de8e9.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 13

กษัตริย์อาบียาห์แห่งยูดาห์

1 อาบียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ตรงกับปีที่สิบแปดของรัชกาลเยโรโบอัม

2 พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามปี ราชมารดาคือมาอาคาห์ธิดาของอุรีเอลแห่งกิเบอาห์

มีสงครามระหว่างอาบียาห์กับเยโรโบอัม

3 อาบียาห์นำนักรบเจนศึกสี่แสนคนเข้าสู้รบ และเยโรโบอัมได้ตั้งแนวรบต่อสู้พระองค์ด้วยทหารกล้าแปดแสนคน

4 อาบียาห์ทรงยืนอยู่บนภูเขาเศมาราอิมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และตรัสว่า “เยโรโบอัมกับอิสราเอลทั้งปวงจงฟังเรา!

5 พวกท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงทำพันธสัญญาว่าวงศ์วานของดาวิดจะเป็นกษัตริย์อิสราเอลตลอดไป

6 แต่เยโรโบอัมบุตรเนบัทข้าราชบริพารของโซโลมอนโอรสของดาวิดทรยศนายของตน

7 แล้วก็มีพวกวายร้ายมาสมทบและต่อต้านเรโหโบอัมโอรสของโซโลมอน ซึ่งขณะนั้นยังทรงพระเยาว์ พระทัยไม่หนักแน่น ไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อกรกับพวกเขาได้

8 “และบัดนี้พวกท่านคิดต่อต้านอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งวงศ์วานดาวิดปกครองอยู่ กองทัพของท่านมีกำลังมหึมาก็จริง ทั้งมีลูกวัวทองคำสองตัวซึ่งเยโรโบอัมสร้างขึ้นให้เป็นพระของท่าน

9 แต่ท่านขับไล่ปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือวงศ์วานอาโรนกับคนเลวีออกไปไม่ใช่หรือ? และตั้งปุโรหิตขึ้นเองเหมือนที่ชาติอื่นๆ ทำกัน ใครก็ตามที่มีวัวหนุ่มสักตัวกับแกะผู้อีกเจ็ดตัวก็สามารถชำระตัวเองให้เป็นปุโรหิตของสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าได้

10 “แต่ส่วนพวกเรา พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเราและพวกเราไม่ได้ละทิ้งพระองค์ ปุโรหิตผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นวงศ์วานอาโรนและมีคนเลวีคอยช่วยงาน

11 เขาเหล่านั้นถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องหอมแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าเย็น และวางขนมปังบนโต๊ะที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี คันประทีปทองคำก็จุดอยู่ทุกค่ำคืน เราเพียรปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ส่วนท่านละทิ้งพระองค์

12 พระเจ้าทรงอยู่กับเรา ทรงเป็นผู้นำของเรา ปุโรหิตของพระองค์เป่าแตรศึกสู้กับท่าน ชาวอิสราเอลเอ๋ย อย่าสู้รบกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านเลย เพราะท่านไม่มีวันชนะหรอก”

13 ฝ่ายเยโรโบอัมได้ส่งกองทหารไปโอบหลังยูดาห์เพื่อซุ่มโจมตี

14 ยูดาห์หันมาและเห็นว่าศัตรูขนาบทั้งหน้าและหลังก็ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตจึงเป่าแตรขึ้น

15 คนยูดาห์ก็เริ่มโห่ร้อง และเมื่อเขาโห่ร้องออกศึก พระเจ้าทรงให้เยโรโบอัมกับทหารอิสราเอลพ่ายหนีต่อหน้าอาบียาห์กับยูดาห์

16 อิสราเอลพ่ายหนีต่อหน้ายูดาห์ และพระเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมือยูดาห์

17 อาบียาห์กับพวกเข้าฟาดฟันข้าศึกเสียหายยับเยิน ทหารกล้าของอิสราเอลล้มตายถึงห้าแสนคน

18 ครั้งนั้นอิสราเอลยอมแพ้ ฝ่ายยูดาห์มีชัยชนะเพราะพวกเขาพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

19 อาบียาห์รุกไล่เยโรโบอัม และยึดเมืองเบธเอลเยชานาห์ เอโฟรนและหมู่บ้านโดยรอบได้

20 เยโรโบอัมไม่อาจกู้อำนาจคืนมาได้อีกเลยตลอดรัชกาลอาบียาห์ และต่อมาองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงประหารเยโรโบอัมเสีย

21 ฝ่ายอาบียาห์ทรงเข้มแข็งมากขึ้น ทรงมีมเหสี 14 องค์ โอรส 22 องค์ และธิดา 16 องค์

22 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลอาบียาห์ พระราชกิจและพระดำรัสมีบันทึกในจดหมายเหตุของผู้เผยพระวจนะอิดโด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/13-6c8f421ebad252191e92eb6c5674b586.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 14

1 และอาบียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด แล้วอาสาโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน ในรัชกาลของพระองค์แผ่นดินสงบสุขอยู่สิบปี

กษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์

2 อาสาทรงทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์

3 ทรงรื้อแท่นบูชาของชนต่างด้าวและสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย ทรงทุบหินศักดิ์สิทธิ์และโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้ง

4 พระองค์ทรงบัญชาชนยูดาห์ให้แสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และเชื่อฟังบทบัญญัติและพระบัญชาของพระเจ้า

5 พระองค์ทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายกับแท่นเผาเครื่องหอมออกจากทุกเมืองของยูดาห์ ราชอาณาจักรสงบสุขภายใต้การปกครองของพระองค์

6 พระองค์ได้ทรงสร้างเมืองป้อมปราการต่างๆ ของยูดาห์เพราะแผ่นดินสงบสุข ไม่มีข้าศึกมาสู้รบในช่วงนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานการพักสงบแก่พระองค์

7 อาสาตรัสกับชนยูดาห์ว่า “ให้เราสร้างเมืองเหล่านี้ ก่อกำแพงรอบ มีหอคอย ประตู และดาล ดินแดนยังเป็นของเรา เพราะเราแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา พระองค์จึงทรงให้เรามีความสงบสุขรอบด้าน” พวกเขาก็ลงมือทำและเจริญรุ่งเรือง

8 กองทัพของอาสามีกำลังจากยูดาห์ 300,000 คนถือโล่ใหญ่กับหอก และจากเบนยามิน 280,000 คนถือโล่เล็กกับธนู คนเหล่านี้ล้วนเป็นนักรบแกล้วกล้า

9 เศราห์ชาวคูชยกทัพใหญ่มหึมาและมีรถม้าศึกสามร้อยคัน รุกมาถึงเมืองมาเรชาห์

10 อาสาออกมาประจันหน้า ตั้งแนวรบที่หุบเขาเศฟาธาห์ใกล้มาเรชาห์

11 อาสาทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีใครอื่นเสมอเหมือนพระองค์ที่จะช่วยผู้ไร้กำลังต่อกรกับผู้มีอำนาจ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยเพราะข้าพระองค์ทั้งหลายพึ่งในพระองค์ และข้าพระองค์ทั้งหลายมาต่อสู้กองทัพมหึมานี้ในพระนามของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเหล่าข้าพระองค์ ขออย่าให้มนุษย์ชนะพระองค์เลย”

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปราบชาวคูชต่อหน้าอาสากับยูดาห์ ชาวคูชถอยหนีไป

13 และอาสากับกองทัพรุกไล่พวกเขาไปไกลถึงเกราร์ ชาวคูชล้มตายมากมายจนไม่อาจฟื้นตัวได้อีก พวกเขาแหลกลาญไปต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ากับกองกำลังของพระองค์ ชนยูดาห์นำของเชลยจำนวนมากกลับมา

14 พวกเขาทำลายล้างหมู่บ้านทั้งปวงรอบเกราร์เพราะความกลัวขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือพวกนั้น พวกเขาริบข้าวของทั่วหมู่บ้านเหล่านั้น เนื่องจากมีของเชลยมากมายที่นั่น

15 พวกเขายังโจมตีค่ายของคนเลี้ยงสัตว์ และกวาดต้อนแกะ แพะ อูฐ กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/14-04e2101609f2df0732abf48a3bcb8aef.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 15

กษัตริย์อาสาทำการปฏิรูป

1 พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนืออาซาริยาห์บุตรโอเดด

2 เขาจึงออกมาต้อนรับอาสาและทูลว่า “ฟังข้าพเจ้าเถิด อาสาและชนยูดาห์กับเบนยามินทั้งปวงองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเมื่อท่านอยู่กับพระองค์ หากท่านแสวงหาพระองค์ ก็จะพบพระองค์ แต่หากท่านละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็จะทรงละทิ้งท่าน

3 นานมาแล้วที่ในอิสราเอลไม่มีพระเจ้าเที่ยงแท้ ไม่มีปุโรหิตที่จะสอนและไม่มีบทบัญญัติ

4 แต่ในยามทุกข์ลำเค็ญ พวกเขาหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พวกเขาแสวงหาพระองค์ แล้วก็ได้พบพระองค์

5 ในครั้งนั้นการเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ปลอดภัย เพราะคนที่อาศัยในดินแดนต่างๆ ตกอยู่ในสภาพโกลาหลวุ่นวายมาก

6 ชาตินี้ขยี้ชาตินั้น เมืองนี้รบกับเมืองนั้น เพราะพระเจ้าทรงให้ความทุกข์ร้อนต่างๆ นานารุมกระหน่ำพวกเขา

7 แต่ส่วนท่านจงเข้มแข็งและอย่ายอมแพ้เพราะผลงานของท่านจะได้รับบำเหน็จ”

8 เมื่ออาสาทรงสดับฟังถ้อยคำเหล่านี้และคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะอาซาริยาห์บุตรของโอเดดก็ทรงมีพระทัยเข้มแข็ง พระองค์ทรงกวาดล้างรูปเคารพอันน่าชิงชังออกจากทั่วดินแดนยูดาห์กับเบนยามิน และจากหัวเมืองต่างๆ ที่ทรงยึดมาได้ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม พระองค์ทรงซ่อมแซมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้ามุขพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

9 จากนั้นพระองค์ทรงเรียกชาวยูดาห์และเบนยามินทั้งปวงกับผู้คนจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และสิเมโอนผู้ได้มาตั้งถิ่นฐานท่ามกลางพวกเขามาชุมนุมกัน เพราะมีคนจำนวนมากจากฝ่ายอิสราเอลมาอยู่ฝ่ายพระองค์ เมื่อเห็นว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์

10 เขาทั้งปวงมาชุมนุมกันที่เยรูซาเล็มในเดือนที่สามของปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลอาสา

11 ครั้งนั้นพวกเขาถวายวัวผู้เจ็ดร้อยตัวกับแกะและแพะเจ็ดพันตัวจากของเชลยที่พวกเขาได้นำกลับมาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

12 พวกเขาทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษด้วยสุดจิตสุดใจ

13 ทุกคนที่ไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลต้องถูกประหารไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อย ชายหรือหญิง

14 พวกเขาถวายปฏิญาณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงโห่ร้องอันดัง ด้วยเสียงแตรและเสียงเขาสัตว์ดังกระหึ่ม

15 ชนยูดาห์ทั้งปวงชื่นชมยินดีในคำปฏิญาณนั้นเพราะพวกเขาได้ทำด้วยสุดหัวใจ เขาแสวงหาพระเจ้าอย่างกระตือรือร้นและได้พบพระองค์ ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้พวกเขาพักสงบทุกด้าน

16 กษัตริย์อาสายังทรงถอดพระนางมาอาคาห์เสด็จย่าของพระองค์ออกจากตำแหน่งพระพันปีหลวง เพราะพระนางได้สร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์อันน่ารังเกียจ อาสาทรงโค่นเสานั้น ทุบให้แหลกลาญ แล้วเผาทิ้งที่หุบเขาขิดโรน

17 แม้พระองค์ไม่ได้ทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายออกจากอิสราเอล แต่พระทัยของอาสาก็ภักดีแน่วแน่ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดพระชนม์ชีพ

18 พระองค์ทรงนำเงินและทองกับเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ซึ่งพระองค์กับราชบิดาได้ถวายแด่พระเจ้ามาไว้ในพระวิหารของพระเจ้า

19 ไม่มีสงครามอีกเลยจนปีที่สามสิบห้าแห่งรัชกาลอาสา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/15-401197e1fecf76279d6c901104684f29.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 16

บั้นปลายของกษัตริย์อาสา

1 กษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลมาสู้รบกับยูดาห์ในปีที่สามสิบหกแห่งรัชกาลอาสา และบาอาชาทรงสร้างป้อมปราการที่เมืองรามาห์เพื่อปิดทางเข้าออกสู่เขตแดนของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์

2 อาสาจึงทรงนำเงินและทองคำจากคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและจากท้องพระคลังของพระราชวังของพระองค์เอง ส่งไปถวายกษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมซึ่งปกครองอยู่ที่เมืองดามัสกัส และตรัสว่า

3 “ขอให้เราเป็นพันธมิตรกันเหมือนดังราชบิดาของเราทั้งสอง ข้าพเจ้าส่งเงินและทองนี้มากำนัลแด่ท่าน ขอให้ท่านตัดสัมพันธไมตรีกับกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอล เพื่อเขาจะได้ถอยทัพไปจากข้าพเจ้า”

4 เบนฮาดัดทรงเห็นชอบกับกษัตริย์อาสา และส่งแม่ทัพและกองกำลังไปโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล พวกเขาพิชิตเมืองอิโยน ดาน อาเบลมาอิมและเมืองคลังเสบียงทุกเมืองในนัฟทาลี

5 เมื่อบาอาชาทราบเรื่องนี้ก็หยุดสร้างเมืองรามาห์และทิ้งงาน

6 กษัตริย์อาสาจึงทรงนำชายชาวยูดาห์ทั้งหมดไปยังเมืองรามาห์ ให้ขนหินและไม้ซึ่งบาอาชาทรงใช้อยู่นั้นไปสร้างเมืองเกบาและเมืองมิสปาห์

7 ครั้งนั้นผู้ทำนายฮานานีมาเข้าเฝ้ากษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์และทูลว่า “เนื่องจากท่านพึ่งกษัตริย์แห่งอารัมแทนที่จะพึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน กองทัพของกษัตริย์อารัมจึงหลุดมือท่านไปเสียแล้ว

8 ครั้งนั้นชาวคูชกับชาวลิเบียมีกองทัพมหาศาล รถม้าศึกและพลม้ามากมายไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อท่านพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่าน

9 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรทั่วโลก เพื่อทำให้ผู้ที่ภักดีต่อพระองค์อย่างสุดใจเข็มแข็งขึ้น ท่านช่างโง่เขลาเสียจริงที่ทำเช่นนั้น นับแต่นี้ไปท่านจะต้องมีสงครามเรื่อยๆ”

10 อาสาทรงพระพิโรธอย่างยิ่งที่ผู้ทำนายกล่าวเช่นนั้น ถึงกับให้นำตัวไปขังคุก ครั้งนั้นอาสากดขี่ข่มเหงราษฎรบางคนอย่างทารุณด้วย

11 เหตุการณ์ต่างๆ ในรัชกาลอาสาตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์

12 ในปีที่สามสิบเก้าแห่งรัชกาลอาสา พระองค์ประชวรหนักด้วยโรคที่พระบาท ถึงแม้โรคนั้นจะร้ายแรง แต่พระองค์ไม่ได้แสวงหาความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์พึ่งแต่แพทย์เท่านั้น

13 แล้วในปีที่สี่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลอาสา พระองค์ก็สิ้นพระชนม์และล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ

14 ทรงถูกฝังไว้ในอุโมงค์ที่ทรงสกัดขึ้นเพื่อพระองค์เองในเมืองดาวิด เขาวางพระศพบนพระแท่นที่สุมด้วยเครื่องเทศและเครื่องหอมนานาชนิด และพวกเขาก่อไฟกองใหญ่ถวายพระเกียรติ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/16-b5d05a76e0c1151b82b309efdeff61ea.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 17

กษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์

1 เยโฮชาฟัทราชโอรสของอาสาขึ้นครองราชย์ และทรงทำให้พระองค์เองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรบกับอิสราเอล

2 เยโฮชาฟัททรงวางกำลังพลไว้ในหัวเมืองป้อมปราการทุกแห่งของยูดาห์ ในที่ต่างๆ ทั่วยูดาห์ และในหัวเมืองต่างๆ ของเอฟราอิมที่อาสาราชบิดาทรงยึดมา

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเยโฮชาฟัท เพราะในตอนต้นรัชกาล เยโฮชาฟัททรงเจริญรอยตามดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษ ไม่ได้นมัสการพระบาอัล

4 แต่แสวงหาพระเจ้าของบรรพบุรุษและปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ ไม่ได้ทรงทำตามอย่างชาวอิสราเอล

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาอาณาจักรที่เยโฮชาฟัททรงปกครอง ชาวยูดาห์ทั้งปวงนำสิ่งของมาถวายแด่พระองค์ พระองค์จึงทรงร่ำรวยและมีเกียรติมาก

6 เยโฮชาฟัททรงปักใจแน่วแน่ในทางขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงกำจัดสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายและบรรดาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ออกจากยูดาห์ด้วย

7 ในปีที่สามแห่งรัชกาลของเยโฮชาฟัท พระองค์ได้ทรงส่งบรรดาเจ้าหน้าที่ได้แก่ เบนฮายิล โอบาดีห์ เศคาริยาห์ เนธันเอล และมีคายาห์ ไปสอนในเมืองต่างๆ ของยูดาห์

8 มีคนเลวีไปด้วยได้แก่ เชไมอาห์ เนธานิยาห์ เศบาดิยาห์ อาสาเฮล เชมิราโมท เยโฮนาธัน อาโดนียาห์ โทบียาห์ และโทบอาโดนิยาห์ พร้อมกับปุโรหิตคือเอลีชามาและเยโฮรัม

9 คนเหล่านี้นำหนังสือบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปสอนประชาชนทั่วทุกหัวเมืองของยูดาห์

10 ทุกอาณาจักรรอบๆ ยูดาห์ต่างก็เกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่มีใครกล้ามาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท

11 ชาวฟีลิสเตียบางพวกนำของถวายและเงินมาเป็นเครื่องบรรณาการแก่เยโฮชาฟัท และชาวอาหรับถวายแกะผู้ 7,700 ตัว และแพะ 7,700 ตัว

12 เยโฮชาฟัทยิ่งมีอำนาจมากขึ้น พระองค์ทรงสร้างป้อมกับเมืองคลังต่างๆ ในยูดาห์

13 ทรงมีขุมกำลังใหญ่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ทั้งมีนักรบเจนศึกประจำอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

14 จัดกำลังพลตามครอบครัวดังนี้

จากยูดาห์มีผู้บังคับบัญชากองพันต่างๆ ได้แก่

แม่ทัพอัดนาห์คุมกำลังพล 300,000 คน

15 ถัดมาคือแม่ทัพเยโฮฮานันคุมกำลังพล 280,000 คน

16 ต่อมาคืออามัสยาห์บุตรศิครีเป็นอาสาสมัครรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าคุมกำลังพล 200,000 คน

17 จากเบนยามินได้แก่ เอลียาดาซึ่งเป็นนักรบกล้าคุมกำลังพล 200,000 คน ถือธนูและโล่

18 ถัดมาคือเยโฮซาบาดคุมกำลังพล 180,000 คน ถืออาวุธพร้อมทำสงคราม

19 คนเหล่านี้คือผู้รับใช้กษัตริย์ นอกเหนือจากที่พระองค์ให้เข้าประจำการอยู่ในเมืองป้อมปราการต่างๆ ทั่วยูดาห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/17-644b2c3ff67580d490fa604c200ffdf8.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 18

มีคายาห์พยากรณ์เกี่ยวกับอาหับ

1 กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงมั่งคั่งและมีเกียรติมาก ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับอาหับโดยการอภิเษกสมรส

2 ต่อมาเยโฮชาฟัทเสด็จไปเยือนอาหับที่เมืองสะมาเรีย อาหับล้มแกะและวัวมากมายเพื่อรับรองเยโฮชาฟัทกับคณะ แล้วตรัสชวนเยโฮชาฟัทไปโจมตีเมืองราโมทกิเลอาด

3 อาหับแห่งอิสราเอลตรัสถามเยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ว่า “ท่านจะช่วยข้าพเจ้ารบกับราโมทกิเลอาดไหม?”

เยโฮชาฟัทตรัสตอบว่า “เราสองเป็นพวกเดียวกัน คนของข้าพเจ้าก็เหมือนเป็นคนของท่าน เราจะออกรบร่วมกับท่าน”

4 แต่เยโฮชาฟัทตรัสกับกษัตริย์อิสราเอลอีกว่า “เราควรทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน”

5 กษัตริย์อิสราเอลจึงทรงเรียกผู้เผยพระวจนะราวสี่ร้อยคนมาเข้าเฝ้า และตรัสถามว่า “เราควรจะไปรบกับราโมทกิเลอาดหรือเราควรจะยับยั้งไว้?”

เขาเหล่านั้นทูลว่า “ไปเลยพระเจ้าข้า เพราะพระเจ้าจะทรงมอบดินแดนนั้นไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท”

6 แต่เยโฮชาฟัทตรัสถามว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ถามเลยหรือ?”

7 กษัตริย์อิสราเอลตรัสตอบเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีอยู่คนหนึ่งซึ่งเราจะทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านทางเขาได้ แต่ข้าพเจ้าเกลียดเขา เพราะเขาไม่เคยพยากรณ์เรื่องดีๆ เกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย มีแต่เรื่องร้ายๆ เขาคือมีคายาห์บุตรอิมลาห์”

เยโฮชาฟัทตรัสว่า “พระองค์อย่าตรัสเช่นนั้นเลย”

8 ดังนั้นกษัตริย์อิสราเอลจึงทรงเรียกมหาดเล็กคนหนึ่งมาและสั่งว่า “จงนำตัวมีคายาห์บุตรอิมลาห์มาเดี๋ยวนี้”

9 ทั้งกษัตริย์อิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ทรงฉลองพระองค์เต็มยศประทับอยู่บนพระที่นั่งในลานนวดข้าวใกล้ประตูเมืองสะมาเรีย ในขณะที่กลุ่มผู้เผยพระวจนะก็กล่าวพยากรณ์ไปต่อหน้า

10 ฝ่ายเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ได้ทำเขาเหล็กขึ้นมาและประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าจะขวิดพวกอารัมด้วยเขาเหล็กนี้จนพวกเขาย่อยยับไป’ ”

11 ผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ทั้งหมดก็กำลังพยากรณ์อย่างเดียวกันว่า “จงบุกเข้าโจมตีราโมทกิเลอาดและมีชัยชนะเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท”

12 คนที่ไปตามตัวมีคายาห์ได้กล่าวกับเขาว่า “ดูเถิด ผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ล้วนแต่ทำนายเป็นเสียงเดียวกันว่ากษัตริย์จะชนะ ขอให้ท่านกล่าวไปในทางที่ดีเช่นเดียวกับพวกเขา”

13 แต่มีคายาห์กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสฉันนั้น”

14 เมื่อเขามาถึง กษัตริย์ตรัสถามว่า “มีคายาห์เอ๋ย เราควรจะไปรบกับราโมทกิเลอาดหรือเราควรจะยับยั้งไว้?”

มีคายาห์ทูลว่า “จงบุกเข้าโจมตีราโมทกิเลอาดและมีชัยชนะเถิด เพราะพวกเขาจะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท”

15 กษัตริย์ตรัสว่า “เราจะต้องให้เจ้าสาบานกี่ครั้งกี่หนว่าจะบอกแต่ความจริงแก่เราในพระนามพระยาห์เวห์?”

16 มีคายาห์จึงทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายไปตามภูเขาต่างๆ เหมือนแกะไม่มีคนเลี้ยง และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้ทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพเถิด’ ”

17 กษัตริย์อิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาไม่เคยพยากรณ์เรื่องดีๆ เกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย มีแต่เรื่องร้ายทั้งนั้น?”

18 มีคายาห์กล่าวต่อไปว่า “ฉะนั้นจงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ ทูตสวรรค์ทั้งปวงยืนเฝ้าทั้งซ้ายและขวา

19 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ใครจะหลอกล่อกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลให้ไปโจมตีราโมทกิเลอาดและตายที่นั่น?’

“มีผู้ทูลเสนอต่างๆ นานา

20 ในที่สุดมีวิญญาณดวงหนึ่งก้าวออกมายืนต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกราบทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะหลอกล่อเขา’

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามว่า ‘ทำอย่างไร?’

21 “วิญญาณนั้นทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะไปเป็นวิญญาณมุสาในปากของผู้เผยพระวจนะทุกคนของอาหับ’

“พระองค์จึงตรัสว่า ‘เจ้าจะหลอกล่อเขาสำเร็จ ไปทำตามนั้นเถิด’

22 “ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงใส่วิญญาณมุสาในปากผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ของฝ่าพระบาทองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีประกาศิตให้ฝ่าพระบาทถึงแก่หายนะแล้ว”

23 แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์จึงเข้ามาตบหน้ามีคายาห์และถามว่า “พระวิญญาณจากองค์พระผู้เป็นเจ้าออกจากข้าไปพูดกับเจ้าได้อย่างไร?”

24 มีคายาห์ตอบว่า “ท่านจะรู้คำตอบในวันที่ท่านไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องชั้นใน”

25 กษัตริย์อิสราเอลจึงตรัสสั่งว่า “จงคุมตัวมีคายาห์กลับไปหาอาโมนผู้ว่าการของเมืองนี้และโยอาชบุตรของเรา

26 บอกสองคนนั้นว่า ‘กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่าจงขังชายผู้นี้ไว้ในคุก ให้แต่ขนมปังและน้ำประทังชีวิต จนกว่าเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย’ ”

27 มีคายาห์ประกาศว่า “หากฝ่าพระบาทกลับมาอย่างปลอดภัย ก็แสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัสผ่านทางข้าพเจ้า” แล้วเขาก็กล่าวอีกว่า “ทุกคนจงจำคำพูดของข้าพเจ้าไว้!”

อาหับถูกสังหารที่ราโมทกิเลอาด

28 ดังนั้นกษัตริย์อิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์จึงเสด็จไปยังราโมทกิเลอาด

29 กษัตริย์อิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวไปออกรบ ส่วนท่านแต่งเครื่องทรงกษัตริย์ของท่านเถิด” แล้วกษัตริย์อิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์และเสด็จออกรบ

30 ฝ่ายกษัตริย์อารัมได้ทรงบัญชาผู้บัญชาการรถรบของพระองค์ว่า “อย่าต่อสู้กับใคร ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อย แต่จงต่อสู้กับกษัตริย์อิสราเอลเพียงองค์เดียวเท่านั้น”

31 เมื่อผู้บัญชาการรถรบเหล่านั้นเห็นเยโฮชาฟัท พวกเขาก็คิดว่า “นี่เป็นกษัตริย์อิสราเอล” จึงหันมาโจมตี แต่เยโฮชาฟัทร้องขึ้นมาและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยไว้ พระเจ้าทรงให้พวกเขาถอยห่างไปจากกษัตริย์

32 เพราะเมื่อผู้บัญชาการรถรบเหล่านั้นเห็นว่าไม่ใช่กษัตริย์อิสราเอล ก็เลิกไล่ล่าพระองค์

33 แต่มีคนหนึ่งยิงธนูสุ่มไปถูกกษัตริย์อิสราเอลตรงช่วงรอยต่อของเสื้อเกราะ พระองค์จึงตรัสกับพลขับว่า “จงกลับรถพาเราออกจากสนามรบ เราบาดเจ็บแล้ว”

34 สงครามดำเนินไปอย่างดุเดือดตลอดทั้งวัน กษัตริย์อิสราเอลทรงประคองพระองค์เองไว้ในรถม้าศึก ให้ประจันหน้ากับชาวอารัมจนตกเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ตกก็สิ้นพระชนม์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/18-62b2797bd60ac11712824843f25e8bd7.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 19

1 เมื่อกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์เสด็จกลับสู่พระราชวังในกรุงเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย

2 ผู้ทำนายเยฮูบุตรฮานานีมาเข้าเฝ้าและทูลว่า “ควรหรือที่ท่านช่วยคนชั่วและรักบรรดาผู้ที่เกลียดชังองค์พระผู้เป็นเจ้า? เพราะเหตุนี้เองพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตกแก่ท่าน

3 แต่ยังมีข้อดีอยู่บ้างในตัวท่านเพราะท่านได้ทำลายเสาเจ้าแม่อาเชราห์จากแผ่นดินและตั้งใจแสวงหาพระเจ้าอย่างแน่วแน่”

เยโฮชาฟัททรงตั้งผู้พิพากษา

4 เยโฮชาฟัทประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และเสด็จไปเยี่ยมประชาชนอีก จากเมืองเบเออร์เชบาจดแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และนำพวกเขากลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

5 พระองค์ทรงแต่งตั้งผู้พิพากษาในดินแดน ในแต่ละหัวเมืองป้อมปราการของยูดาห์

6 ทรงกำชับคนเหล่านั้นว่า “ขอให้ทำอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะท่านไม่ได้วินิจฉัยคดีความเพื่อมนุษย์ แต่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่สถิตกับท่านทุกคราวที่ท่านพิพากษาตัดสิน

7 ให้ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือท่าน จงตัดสินอย่างรอบคอบ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราไม่มีความอยุติธรรม ความลำเอียง และการรับสินบน”

8 เยโฮชาฟัททรงแต่งตั้งบางคนในหมู่เลวี ปุโรหิต และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลให้ผดุงบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและตัดสินข้อพิพาทต่างๆ ในกรุงเยรูซาเล็มด้วย และคนเหล่านี้จึงอาศัยอยู่ที่นั่น

9 พระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่า “ท่านจงทำหน้าที่ด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างซื่อสัตย์และด้วยสุดใจ

10 ทุกคดีความที่มาถึงท่าน จากพี่น้องร่วมชาติในเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม หรือการละเมิดบทบัญญัติ พระบัญชา กฎหมาย หรือข้อบังคับ ท่านจะต้องว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้เขาทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เช่นนั้นพระพิโรธของพระองค์จะตกอยู่แก่ท่านและพี่น้อง จงทำเช่นนี้แล้วท่านจะไม่บาป

11 “อามาริยาห์มหาปุโรหิตจะบังคับบัญชาพวกท่านทุกเรื่องที่เกี่ยวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและเศบาดิยาห์บุตรอิชมาเอลผู้เป็นหัวหน้าเผ่ายูดาห์จะควบคุมดูแลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกษัตริย์ คนเลวีจะเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานต่างๆ ต่อหน้าท่าน จงปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับทุกคนที่ทำหน้าที่อย่างดี”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/19-f4a421008bcc8980396b1618f35e99e2.mp3?version_id=179—

Categories
2พงศาวดาร

2พงศาวดาร 20

เยโฮชาฟัทพิชิตโมอับและอัมโมน

1 ต่อมาชาวโมอับ ชาวอัมโมน และชาวเมอูนีบางคนยกทัพจะมารบกับเยโฮชาฟัท

2 มีผู้มาทูลเยโฮชาฟัทว่า “กองทัพใหญ่กำลังเข้ามารบกับฝ่าพระบาท โดยเคลื่อนทัพมาจากเอโดมอีกฟากหนึ่งของทะเลและบัดนี้มาถึงฮาซาโซนทามาร์ (คือ เอนเกดี) แล้ว”

3 เยโฮชาฟัททรงตื่นตระหนกและมุ่งแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงประกาศให้ถืออดอาหารทั่วยูดาห์

4 ชนยูดาห์มารวมกันเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขามาจากทุกเมืองในยูดาห์เพื่อแสวงหาพระองค์

5 เยโฮชาฟัททรงยืนขึ้นท่ามกลางชุมนุมประชากรของยูดาห์และของเยรูซาเล็มในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าลานใหม่

6 และทรงอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประทับในสวรรค์ไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงปกครองเหนือมวลอาณาจักรของชนชาติต่างๆ ฤทธิ์อำนาจและแสนยานุภาพอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่มีผู้ใดอาจต่อต้านพระองค์ได้

7 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ในดินแดนนี้ออกไปต่อหน้าอิสราเอลประชากรของพระองค์ และประทานดินแดนนี้ให้แก่วงศ์วานอับราฮัมสหายของพระองค์ตลอดไปไม่ใช่หรือ?

8 เราทั้งหลายได้อาศัยอยู่ที่นี่และได้สร้างสถานนมัสการเพื่อพระนามของพระองค์ และกล่าวว่า

9 ‘หากมีภัยพิบัติตกมาถึง ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ภัยพิบัติ หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะมาเข้าเฝ้าพระองค์ที่หน้าพระวิหารแห่งพระนามของพระองค์ และจะร้องทูลพระองค์ในยามทุกข์ลำเค็ญ แล้วพระองค์จะทรงสดับฟังและช่วยเหลือข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นภัย’

10 “แต่บัดนี้มีคนมาจากอัมโมน โมอับ และภูเขาเสอีร์ ซึ่งเมื่อครั้งอิสราเอลออกจากอียิปต์ พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้อิสราเอลบุกรุกดินแดนของพวกเขา อิสราเอลจึงอ้อมมาและไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา

11 แต่บัดนี้ดูเถิด พวกเขากลับตอบแทนด้วยการขับไล่พวกข้าพระองค์ออกจากดินแดนซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นกรรมสิทธิ์

12 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์จะไม่ทรงลงโทษเขาหรือ? เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีกำลังอำนาจจะรับมือกับกองทัพใหญ่ที่มาโจมตีนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่หวังพึ่งพระองค์”

13 ผู้ชายยูดาห์ทั้งปวงกับภรรยาและลูกเล็กเด็กแดงมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

14 แล้วพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาเหนือชายคนหนึ่งในกลุ่มชนนั้นคือ ยาฮาซีเอลบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรของเยอีเอล ผู้เป็นบุตรของมัททานิยาห์เผ่าเลวี วงศ์วานของอาสาฟ

15 ยาฮาซีเอลกล่าวว่า “ฟังเถิด ข้าแต่กษัตริย์เยโฮชาฟัทและทุกคนที่อาศัยอยู่ในยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม!องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับท่านว่า ‘อย่ากลัวเลย ไม่ต้องท้อแท้เพราะกองทัพใหญ่นี้ เพราะการศึกครั้งนี้ไม่ใช่ของเจ้า แต่เป็นของพระเจ้า

16 พรุ่งนี้จงออกไปรบกับเขา เขาจะปีนขึ้นมาทางช่องแคบศิส และเจ้าจะประจันหน้ากับเขาที่ท้ายหุบเขาในถิ่นกันดารเยรูเอล

17 เจ้าจะไม่ต้องรบในสงครามครั้งนี้ จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งๆ ดูการช่วยกอบกู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานแก่ท่าน ยูดาห์และเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่ากลัวหรือท้อแท้ใจไปเลย พรุ่งนี้จงออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขา และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสถิตกับเจ้า’ ”

18 เยโฮชาฟัททรงซบหน้าลงกับพื้น และชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มทั้งปวงก็หมอบกราบลงนมัสการต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 แล้วมีคนเลวีบางคนจากตระกูลโคฮาทและตระกูลโคราห์ยืนขึ้นเปล่งเสียงก้องกังวานสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

20 เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาพร้อมที่จะเคลื่อนทัพไปยังถิ่นกันดารเทโคอา เยโฮชาฟัททรงยืนขึ้นและตรัสว่า “ฟังข้าพเจ้าเถิด พี่น้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม! จงเชื่อในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านแล้วท่านจะได้รับการเชิดชู จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ”

21 หลังจากที่ทรงหารือกับประชาชนแล้ว เยโฮชาฟัทก็ทรงแต่งตั้งผู้ร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าและสรรเสริญพระองค์ในความบริสุทธิ์สูงส่งของพระองค์ขณะเดินนำหน้ากองทัพไปว่า

“จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์”

22 เมื่อพวกเขาเริ่มร้องเพลงและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางกำลังซุ่มโจมตีชาวอัมโมน ชาวโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ที่มารุกรานยูดาห์ แล้วพวกเขาก็พ่ายแพ้

23 ชาวอัมโมนกับชาวโมอับหันไปเล่นงานพันธมิตรจากภูเขาเสอีร์ ทำลายล้างพวกเขาหมดสิ้น เสร็จแล้วก็หันมาห้ำหั่นกันเอง

24 เมื่อทัพยูดาห์มาถึงท้ายหุบเขาเหนือถิ่นกันดารและมองดูกองทัพใหญ่ ก็เห็นแต่ศพเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้น ไม่มีใครหนีรอดไปได้เลย

25 เยโฮชาฟัทกับพวกจึงออกไปริบข้าวของ ได้เครื่องมือ เครื่องแต่งกายและของมีค่าจำนวนมหาศาล จนต้องใช้เวลาถึงสามวันจึงขนมาหมด

26 ในวันที่สี่พวกเขามาชุมนุมกันที่หุบเขาเบราคาห์และสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าหุบเขานี้จึงได้ชื่อว่าเบราคาห์ตราบจนทุกวันนี้

27 จากนั้นชนยูดาห์และเยรูซาเล็มทั้งหมดกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มโดยมีเยโฮชาฟัทเป็นผู้นำ ทุกคนรื่นเริงยินดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้เขาเปรมปรีดิ์เหนือศัตรู

28 พวกเขาเข้าสู่เยรูซาเล็มและไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยมีวงพิณใหญ่ พิณเขาคู่ และแตรบรรเลง

29 เมื่ออาณาจักรของชนชาติทั้งปวงได้ยินถึงการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสู้รบกับศัตรูของอิสราเอล พวกเขาก็เกรงกลัวพระเจ้า

30 และอาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึงสงบสุข เพราะพระเจ้าของพระองค์ประทานการพักสงบทุกด้าน

ปลายรัชกาลเยโฮชาฟัท

31 เยโฮชาฟัทขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 25 ปี ราชมารดาคืออาซูบาห์ธิดาของชิลหิ

32 พระองค์ทรงดำเนินตามแบบอย่างของอาสาราชบิดาโดยไม่หันเห ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า

33 แต่ไม่ได้ทรงทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และเหล่าประชากรยังไม่ได้ปักใจยึดพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

34 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเยโฮชาฟัทตั้งแต่ต้นจนจบมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของเยฮูบุตรฮานานี ซึ่งบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล

35 ต่อมากษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ทรงเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งอิสราเอลผู้ได้ชื่อว่าชั่วร้ายยิ่งนัก

36 ทั้งสองพระองค์ร่วมกันต่อเรือที่เอซีโอนเกเบอร์เพื่อเป็นกองเรือพาณิชย์

37 ครั้งนั้นเอลีเยเซอร์บุตรโดดาวาหุแห่งมาเรชาห์พยากรณ์เกี่ยวกับเยโฮชาฟัทว่า “เพราะท่านผูกมิตรกับอาหัสยาห์องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำลายกิจการของท่าน” แล้วกองเรือก็อับปางตั้งแต่ยังไม่ได้ออกทำการค้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/2CH/20-eb56e9724dd16f141eede8922797963d.mp3?version_id=179—