Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 4

พระที่นั่งในสวรรค์

1 หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองไปเห็นประตูหนึ่งเปิดไว้ในสวรรค์ต่อหน้าข้าพเจ้า และพระสุรเสียงคล้ายเสียงแตรซึ่งข้าพเจ้าได้ยินเมื่อตอนต้นนั้นตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “ขึ้นมาที่นี่เถิด เราจะสำแดงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นหลังจากนี้แก่เจ้า”

2 ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็อยู่ในพระวิญญาณและตรงหน้าข้าพเจ้ามีพระที่นั่งตั้งอยู่ในสวรรค์ มีผู้หนึ่งประทับบนพระที่นั่งนั้น

3 ผู้ประทับอยู่นั้นทรงโอ่อ่าตระการตาดั่งเพชรนิลจินดา สายรุ้งดุจมรกตล้อมรอบพระที่นั่ง

4 รายรอบพระที่นั่งนั้นมีอีกยี่สิบสี่ที่นั่งซึ่งมีผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั่งอยู่ ทุกคนนุ่งห่มขาว สวมมงกุฎทองคำบนศีรษะ

5 มีฟ้าแลบแวบวาบ เสียงฟ้าคำรนครืนๆ จากพระที่นั่งนั้น ตรงหน้าพระที่นั่งมีคบเพลิงเจ็ดอันลุกโชติช่วงอยู่คือวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า

6 และหน้าพระที่นั่งมีสิ่งซึ่งคล้ายทะเลแก้วใสเหมือนแก้วผลึก

บริเวณตรงกลางรอบพระที่นั่งมีสิ่งมีชีวิตสี่ตนซึ่งมีดวงตาเต็มไปหมดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

7 ตนแรกคล้ายสิงโต ตนที่สองคล้ายวัว ตนที่สามมีใบหน้าคล้ายคน ตนที่สี่คล้ายนกอินทรีที่กำลังบิน

8 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นี้ แต่ละตนมีหกปีกและมีดวงตาทั่วไปหมดแม้แต่ใต้ปีก ต่างร้องขานทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดว่า

“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์

คือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

ผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีตและดำรงอยู่ในปัจจุบัน

และจะเสด็จมา”

9 ทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ถวายพระสิริ พระเกียรติ และคำขอบพระคุณแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล

10 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนก็หมอบกราบพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น นมัสการพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล พวกเขาวางมงกุฎของตนลงหน้าพระที่นั่งนั้นและทูลว่า

11 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของเรา

พระองค์ทรงสมควรที่จะรับพระสิริ

พระเกียรติและเดชานุภาพ

เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่ง

และโดยพระดำริของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้น

และเป็นอยู่”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/4-1261289f2f1b57532cdf908c82becc5c.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 5

หนังสือม้วนและพระเมษโปดก

1 แล้วข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง หนังสือนี้เขียนไว้ทั้งสองด้านและปิดผนึกด้วยตราประทับเจ็ดดวง

2 และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ทรงฤทธิ์องค์หนึ่งประกาศเสียงดังว่า “ผู้ใดสมควรที่จะแกะตราและเปิดหนังสือม้วนนี้?”

3 แต่ไม่มีใครในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก หรือใต้แผ่นดินโลกสามารถเปิดหนังสือม้วนออกหรือแม้แต่มองดูข้างในได้

4 ข้าพเจ้าได้แต่ร้องไห้เพราะไม่มีใครสมควรที่จะเปิดหนังสือม้วนออกหรือดูข้างในได้

5 แล้วหนึ่งในเหล่าผู้อาวุโสนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้! ดูเถิด สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ ทายาทของดาวิดทรงชนะแล้ว พระองค์ทรงสามารถเปิดหนังสือม้วนและตราทั้งเจ็ดได้”

6 จากนั้นข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกดูประหนึ่งว่าได้ถูกฆ่าแล้ว พระองค์ประทับยืนอยู่ตรงกลางพระที่นั่ง รายล้อมด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และเหล่าผู้อาวุโส พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขาและมีตาเจ็ดดวงซึ่งเป็นวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่ทรงส่งออกไปทั่วโลก

7 พระเมษโปดกเสด็จเข้ามารับหนังสือม้วนจากพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง

8 เมื่อทรงรับแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งสี่กับเหล่าผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนก็หมอบกราบลงเบื้องหน้าพระเมษโปดก ต่างถือพิณกับขันทองคำที่เต็มด้วยเครื่องหอมซึ่งเป็นคำอธิษฐานของประชากรของพระเจ้า

9 และขับร้องเพลงบทใหม่ว่า

“พระองค์ทรงสมควรที่จะรับหนังสือม้วน

และเปิดผนึกตราของหนังสือนั้นออก

เพราะพระองค์ทรงถูกประหารแล้ว

และด้วยพระโลหิตของพระองค์ได้ทรงซื้อ

มนุษย์ทั้งหลายถวายแด่พระเจ้า

จากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกหมู่ชน และทุกชาติ

10 ทรงโปรดให้เขาทั้งหลายเป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตรับใช้พระเจ้าของเรา

และพวกเขาจะครอบครองโลก”

11 แล้วข้าพเจ้ามองดูและได้ยินเสียงทูตสวรรค์นับแสนนับล้านมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งรายล้อมพระที่นั่งกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และเหล่าผู้อาวุโส

12 ทูตสวรรค์เหล่านั้นขับร้องเสียงดังว่า

“พระเมษโปดกผู้ถูกประหาร

ทรงสมควรได้รับเดชานุภาพ ราชสมบัติ ปัญญา พลัง

พระเกียรติ พระสิริ และคำสรรเสริญ!”

13 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก และในมหาสมุทร ตลอดจนสรรพสิ่งในนั้นขับร้องว่า

“ขอถวายคำสรรเสริญ พระเกียรติ พระสิริ และเดชานุภาพ

แด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งและแด่พระเมษโปดก

สืบๆ ไปเป็นนิตย์!”

14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ร้องว่า “อาเมน” และเหล่าผู้อาวุโสหมอบกราบนมัสการ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/5-eb480054627eaa5fd178286be2686308.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 6

ตราทั้งเจ็ด

1 ข้าพเจ้ามองดูขณะพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่หนึ่งของตราทั้งเจ็ดออก แล้วข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กล่าวขึ้นด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด!”

2 ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าขาวตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฎแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก

3 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!”

4 แล้วม้าอีกตัวหนึ่งก็ออกมาเป็นสีแดงเพลิง ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน ผู้นี้ได้รับดาบเล่มใหญ่

5 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สามกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปก็เห็นม้าดำตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ถือตราชูอยู่ในมือ

6 แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงซึ่งดูเหมือนดังขึ้นจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีลิตรละหนึ่งเดนาริอันข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย!”

7 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สี่กล่าวว่า “มาเถิด!”

8 ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย และแดนมรณาตามหลังผู้นี้มาติดๆ ทั้งสองได้รับอำนาจที่จะเข่นฆ่าหนึ่งในสี่ของโลกด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน

9 เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าเห็นภายใต้แท่นบูชามีดวงวิญญาณของบรรดาผู้ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานที่เขายึดถือ

10 พวกเขาร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสัตย์จริง อีกนานเท่าใดกว่าพระองค์จะทรงพิพากษาชาวโลกและแก้แค้นให้พวกเราผู้หลั่งเลือดพลีชีวิต?”

11 จากนั้นแต่ละคนได้รับชุดสีขาวและพระองค์ตรัสบอกให้พวกเขารอต่อไปอีกหน่อยจนกว่าเพื่อนผู้รับใช้และพี่น้องซึ่งถูกฆ่าแบบเดียวกับพวกเขาจะครบจำนวน

12 ข้าพเจ้าเฝ้าดูขณะที่พระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลับมืดดำเหมือนผ้ากระสอบขนแพะ ดวงจันทร์เต็มดวงกลายเป็นสีเลือด

13 และดวงดาวในท้องฟ้าร่วงลงสู่พื้นโลกดั่งมะเดื่ออ่อนร่วงลงจากต้นเมื่อถูกพายุพัด

14 ท้องฟ้าม้วนตัวขึ้นไปดั่งหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะถูกเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม

15 จากนั้นบรรดากษัตริย์ของโลก เจ้านาย ขุนพล เศรษฐี ผู้ยิ่งใหญ่ และทุกผู้ทุกคนไม่ว่าทาสหรือไท ต่างมุดซ่อนในถ้ำ ในหลืบหินตามภูเขา

16 พวกเขาร้องบอกภูเขาและหินผาว่า “จงถล่มลงมากลบเราและซ่อนเราให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และพ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดก!

17 เพราะวันยิ่งใหญ่แห่งพระพิโรธของทั้งสองพระองค์มาถึงแล้วและใครเล่าจะทนได้?”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/6-dd7a4e6742cea72f12f82356b407fc51.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 7

ประทับตรา 144,000 คน

1 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่สี่มุมโลก ห้ามลมทั้งสี่ทิศไม่ให้พัดบนบก บนทะเล หรือบนต้นไม้ใดๆ

2 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์ขึ้นมาจากทางตะวันออกถือดวงตราของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ทูตนั้นร้องบอกเสียงดังแก่ทูตสวรรค์ทั้งสี่ซึ่งได้รับอำนาจให้ทำอันตรายแก่แผ่นดินและทะเลว่า

3 “อย่าทำอันตรายแก่แผ่นดิน ทะเล หรือต้นไม้จนกว่าเราจะได้ประทับตราบนหน้าผากบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าของเราเสียก่อน”

4 แล้วข้าพเจ้าได้ยินว่าจำนวนผู้รับการประทับตราคือ 144,000 คนจากทุกเผ่าของอิสราเอล

5 จากเผ่ายูดาห์ 12,000 คน ได้รับการประทับตรา

จากเผ่ารูเบน 12,000 คน

จากเผ่ากาด 12,000 คน

6 จากเผ่าอาเชอร์ 12,000 คน

จากเผ่านัฟทาลี 12,000 คน

จากเผ่ามนัสเสห์ 12,000 คน

7 จากเผ่าสิเมโอน 12,000 คน

จากเผ่าเลวี 12,000 คน

จากเผ่าอิสสาคาร์ 12,000 คน

8 จากเผ่าเศบูลุน 12,000 คน

จากเผ่าโยเซฟ 12,000 คน

จากเผ่าเบนยามิน 12,000 คน

ผู้คนมากมายสวมชุดสีขาว

9 หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองไปและตรงหน้าข้าพเจ้ามีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนจากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกหมู่ชน และทุกภาษายืนอยู่หน้าพระที่นั่งและต่อหน้าพระเมษโปดก พวกเขาสวมชุดสีขาวและถือทางอินทผลัม

10 และพวกเขาร้องเสียงดังว่า

“ความรอดมาจากพระเจ้าของเรา

ผู้ประทับบนพระที่นั่ง

และมาจากพระเมษโปดก”

11 ทูตสวรรค์ทั้งปวงยืนอยู่รอบพระที่นั่ง รอบเหล่าผู้อาวุโสและสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ พวกเขาหมอบกราบซบหน้าลงต่อหน้าพระที่นั่งและนมัสการพระเจ้า

12 ร้องว่า

“อาเมน!

ขอให้คำสรรเสริญ พระสิริ

ปัญญา คำขอบพระคุณ พระเกียรติ

เดชานุภาพ และกำลัง

มีแด่พระเจ้าของเราสืบๆ ไปเป็นนิตย์

อาเมน!”

13 จากนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้ที่สวมชุดสีขาวคือใครและพวกเขามาจากไหน?”

14 ข้าพเจ้าตอบว่า “ท่านเจ้าข้า ท่านย่อมทราบอยู่แล้ว”

และเขาพูดว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากความทุกข์ลำเค็ญครั้งใหญ่ พวกเขาได้ชำระล้างเสื้อผ้าของตนในพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาดแล้ว

15 เหตุฉะนั้น

“พวกเขาอยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้า

และรับใช้พระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนในพระวิหารของพระองค์

และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งจะทรงกางเต็นท์ของพระองค์เหนือพวกเขา

16 พวกเขาจะไม่หิวโหยอีก

พวกเขาจะไม่กระหายอีกแล้ว

ทั้งดวงอาทิตย์และความร้อนแรงกล้า

จะไม่แผดเผาพวกเขาอีกเลย

17 เพราะพระเมษโปดกผู้ทรงอยู่กลางพระที่นั่งนั้นจะเป็นพระผู้เลี้ยงของเขา

พระองค์จะทรงนำพวกเขาไปยังน้ำพุแห่งชีวิต

และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขา”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/7-415c07423f95601accabc037e81c9287.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 8

ตราดวงที่เจ็ดและกระถางไฟทองคำ

1 เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่เจ็ด ก็เกิดความเงียบงันไปในสวรรค์ราวครึ่งชั่วโมง

2 และข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์เจ็ดองค์ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า ทูตสวรรค์เหล่านั้นได้รับแตรเจ็ดคัน

3 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำเข้ามาและยืนที่แท่นบูชา ทูตนั้นได้รับเครื่องหอมมากมายสำหรับเผาถวายบนแท่นบูชาทองคำหน้าพระที่นั่งร่วมกับคำอธิษฐานของประชากรทั้งปวงของพระเจ้า

4 ควันเครื่องหอมจากมือของทูตนั้นลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของประชากรของพระเจ้าสู่เบื้องพระพักตร์พระองค์

5 แล้วทูตนั้นนำกระถางไฟไปบรรจุไฟจากแท่นบูชาและโยนลงบนแผ่นดินโลก ทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงครืนๆ ฟ้าแลบแวบวาบ และแผ่นดินไหว

แตรทั้งเจ็ด

6 จากนั้นทูตสวรรค์เจ็ดองค์ผู้ถือแตรเจ็ดคันก็เตรียมพร้อมที่จะเป่า

7 ทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตร ลูกเห็บและไฟปนเลือดก็ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน หนึ่งในสามของโลกถูกเผาไป ต้นไม้มอดไหม้ไปหนึ่งในสาม และหญ้าเขียวก็ถูกไฟไหม้หมดสิ้น

8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตร และมีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่ที่ติดไฟลุกโชนถูกโยนลงทะเล หนึ่งในสามของทะเลกลายเป็นเลือด

9 หนึ่งในสามของสิ่งมีชีวิตในทะเลตายสิ้น หนึ่งในสามของเรือทั้งหลายถูกทำลายไป

10 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรและดาวใหญ่ดวงหนึ่งที่ติดไฟลุกโชติช่วงดั่งคบเพลิงก็ตกจากท้องฟ้าลงบนหนึ่งในสามของแม่น้ำทั้งหลายและลงบนบ่อน้ำพุต่างๆ

11 ดาวดวงนั้นชื่อว่าบอระเพ็ดทำให้หนึ่งในสามของน้ำมีรสขมและผู้คนมากมายล้มตายไปเนื่องจากน้ำกลายเป็นน้ำขม

12 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตร หนึ่งในสามของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ ถูกทำลายลงจนมืดไป ทำให้เวลาหนึ่งในสามของกลางวันและกลางคืนไม่มีแสงสว่าง

13 ขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูก็ได้ยินเสียงนกอินทรีบินไปกลางอากาศร้องเสียงดังว่า “วิบัติ! วิบัติ! วิบัติแก่ชาวโลกเพราะเสียงแตรที่ทูตสวรรค์อีกสามองค์กำลังจะเป่า!”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/8-42ab8d85bb4d551b8405bf644b298551.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 9

1 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตรและข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าลงมาบนโลก ดาวนั้นได้รับกุญแจไขนรกขุมลึก

2 ซึ่งเมื่อเปิดออกควันก็พุ่งออกมาดั่งควันจากเตาหลอมมหึมาบดบังดวงอาทิตย์และท้องฟ้าให้มืดไป

3 มีฝูงตั๊กแตนออกจากควันนั้นบินลงมายังโลก พระเจ้าประทานพิษร้ายให้แก่พวกมันเช่นเดียวกับพิษแมงป่องในโลก

4 พวกมันถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำลายหญ้า ต้นไม้ พืชพันธุ์ในโลก แต่ให้ทำร้ายเฉพาะผู้คนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้าบนหน้าผาก

5 พระองค์ไม่ได้ให้อำนาจที่จะฆ่าคนเหล่านั้น เพียงแต่ให้ทรมานพวกเขาเป็นเวลาห้าเดือน เป็นความเจ็บปวดทรมานเหมือนถูกแมงป่องต่อย

6 ตลอดช่วงนั้นพวกเขาจะร้องหาความตายแต่จะไม่พบ อยากตายแต่ความตายจะหลบลี้หนีหน้าไปจากเขา

7 ตั๊กแตนนั้นดูคล้ายม้าศึกจะออกรบ ที่หัวมีสิ่งหนึ่งเหมือนมงกุฎทองคำ ใบหน้าคล้ายหน้ามนุษย์

8 ผมเหมือนผมผู้หญิง ฟันราวกับฟันสิงโต

9 แผงกำบังอกคล้ายเกราะเหล็ก เสียงปีกขยับเหมือนเสียงกึกก้องของฝูงม้าศึกและเสียงรถม้าศึกทะยานสู่สงคราม

10 พวกมันมีหางและเหล็กในเหมือนแมงป่อง หางของมันมีพิษสงทรมานมนุษย์เป็นเวลาห้าเดือน

11 เจ้าเหนือหัวของพวกมันคือทูตแห่งนรกขุมลึกซึ่งมีชื่อในภาษาฮีบรูว่าอาบัดโดน และมีชื่อในภาษากรีกว่า อปอลลิโยน

12 วิบัติที่หนึ่งผ่านไปแล้ว ยังมีอีกสองวิบัติที่จะมาถึง

13 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตร และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากเชิงงอนของแท่นบูชาทองคำซึ่งตั้งอยู่ต่อหน้าพระเจ้า

14 เสียงนั้นสั่งทูตองค์ที่หกซึ่งถือแตรอยู่ว่า “จงแก้มัดทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรติส”

15 และทูตสวรรค์ทั้งสี่ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับชั่วโมง วัน เดือน และปีนี้ ก็ถูกปล่อยให้ไปฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสาม

16 ข้าพเจ้าได้ยินว่าจำนวนพลทหารม้ามีสองร้อยล้าน

17 ม้าและผู้ขี่ที่ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตนั้นมีลักษณะดังนี้คือ ผู้ขี่นั้นสวมเกราะกำบังอกสีแดงเพลิง สีน้ำเงินเข้ม และสีเหลืองกำมะถัน หัวของม้าคล้ายหัวสิงโต มีไฟ ควัน และกำมะถันพุ่งออกมาจากปากของพวกมัน

18 หนึ่งในสามของมนุษย์ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติสามอย่างคือ ไฟ ควัน และกำมะถันที่พุ่งออกมาจากปากม้า

19 พิษสงของม้าอยู่ที่ปากและหางเพราะหางของมันเหมือนงูและมีหัวหลายหัวซึ่งมันใช้ทำร้ายคน

20 มนุษย์ทั้งหลายที่ไม่ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัตินี้ยังไม่ยอมสำนึกกลับใจจากการกระทำของตน ไม่เลิกกราบไหว้ภูติผีและรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ หิน และไม้ รูปเคารพซึ่งไม่สามารถเห็น ได้ยิน หรือเดิน

21 ทั้งพวกเขาไม่ได้สำนึกผิด กลับใจจากการฆ่าฟันกัน การใช้ไสยศาสตร์ เวทมนตร์ การผิดศีลธรรมทางเพศ และการลักขโมยที่ทำอยู่

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/9-3fb223eb79d554515b0b2d30a066cf5c.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 10

ทูตสวรรค์กับม้วนหนังสือเล็ก

1 จากนั้นข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์ทรงฤทธิ์อีกองค์หนึ่งลงมาจากฟ้าสวรรค์ มีเมฆคลุมกาย มีรุ้งเหนือศีรษะ ใบหน้าดั่งดวงอาทิตย์ และขาดุจเสาที่มีไฟลุกโชติช่วง

2 มือถือม้วนหนังสือเล็กๆ ซึ่งคลี่ออก เท้าขวายืนอยู่บนทะเล เท้าซ้ายเหยียบบนแผ่นดิน

3 ทูตนั้นตะโกนเสียงดังดุจสิงห์คำราม เมื่อท่านตะโกนเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดก็กล่าวตอบ

4 เมื่อเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังขึ้น ข้าพเจ้าขยับจะเขียนก็ได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “จงเก็บสิ่งที่ฟ้าร้องทั้งเจ็ดได้กล่าวไว้ให้เป็นความลับ อย่าเขียนลงไป”

5 แล้วทูตสวรรค์ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่บนทะเลและบนแผ่นดินนั้นก็ชูมือขวาขึ้นฟ้าสวรรค์

6 และปฏิญาณโดยอ้างพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดกาล ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และสรรพสิ่งในนั้น ผู้ทรงสร้างโลกกับสรรพสิ่งในนั้น ตลอดจนทะเลและสรรพสิ่งในนั้นว่า “จะไม่ล่าช้าอีกต่อไปแล้ว!

7 แต่ในวันที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเป่าแตรนั้น แผนการอันล้ำลึกของพระเจ้าก็จะสำเร็จตามที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์”

8 แล้วเสียงจากสวรรค์นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าอีกครั้งว่า “จงไปรับม้วนหนังสือที่คลี่ออกในมือทูตสวรรค์ผู้ยืนอยู่บนทะเลและบนแผ่นดินนั้นเถิด”

9 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไปขอม้วนหนังสือเล็กๆ จากทูตนั้น เขากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงรับไปกินเถิด มันจะทำให้ท้องของเจ้าเปรี้ยว แต่เมื่ออยู่ในปากของเจ้าจะหวานปานน้ำผึ้ง”

10 ข้าพเจ้ารับม้วนหนังสือเล็กๆ จากมือทูตสวรรค์มากิน เมื่ออยู่ในปากของข้าพเจ้าก็มีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง แต่เมื่อกลืนลงไปท้องของข้าพเจ้ากลับเปรี้ยว

11 แล้วมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะต้องเผยพระวจนะอีกเกี่ยวกับผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ ชนชาติต่างๆ ภาษาทั้งหลาย และกษัตริย์จำนวนมาก”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/10-9c24d0e213fb0373b362365c4bd00ec1.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 11

พยานทั้งสอง

1 ข้าพเจ้าได้รับไม้อ้ออันหนึ่ง รูปร่างเหมือนไม้วัด และได้รับคำสั่งว่า “จงไปวัดพระวิหารของพระเจ้ากับแท่นบูชาและนับจำนวนผู้นมัสการที่นั่น

2 แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกเนื่องจากที่นั่นยกให้คนต่างชาติแล้ว เขาทั้งหลายจะเหยียบย่ำนครศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลา 42 เดือน

3 เราจะมอบฤทธิ์อำนาจให้แก่พยานทั้งสองของเรา พวกเขาจะนุ่งห่มผ้ากระสอบและเผยพระวจนะเป็นเวลา 1,260 วัน

4 พยานทั้งสองคือต้นมะกอกสองต้นและคันประทีปสองคันซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของโลก”

5 ไฟจะพุ่งออกจากปากพยานทั้งสอง เผาผลาญผู้คิดจะมาทำร้าย ผู้ใดคิดจะทำอันตรายพยานทั้งสองจะต้องตายเช่นนี้

6 ทั้งสองมีฤทธิ์อำนาจที่จะปิด ท้องฟ้าไม่ให้ฝนตกขณะกำลังเผยพระวจนะและมีฤทธิ์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือด ตลอดจนบันดาลภัยพิบัติทุกชนิดมากระหน่ำโลกกี่ครั้งก็ได้ตามที่ประสงค์

7 และเมื่อทั้งสองเป็นพยานเสร็จแล้ว สัตว์ร้ายจากนรกขุมลึกจะขึ้นมาทำร้ายพวกเขา มันจะเอาชนะเขาและฆ่าเขา

8 ซากศพของพยานทั้งสองจะถูกทิ้งอยู่กลางถนนแห่งมหานครซึ่งได้รับสมญานามว่า โสโดมและอียิปต์ ที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาถูกตรึงบนไม้กางเขน

9 ตลอดสามวันครึ่งผู้คนจากทุกหมู่ชน ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกชนชาติจะมาจ้องมองซากศพของเขา และไม่ยอมให้ฝังศพนั้น

10 ชาวโลกทั้งหลายจะมองศพของเขาด้วยความยินดีและจะเฉลิมฉลองให้ของขวัญแก่กัน เพราะผู้เผยพระวจนะทั้งสองได้ทรมานบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในโลก

11 แต่หลังจากสามวันครึ่งแล้วพระเจ้าทรงระบายลมหายใจแห่งชีวิตเข้าในร่างนั้น เขาทั้งสองจึงลุกขึ้นยืน คนที่พบเห็นก็หวาดกลัวยิ่งนัก

12 แล้วพวกเขาได้ยินเสียงดังจากฟ้าสวรรค์กล่าวว่า “จงขึ้นมาที่นี่” พยานนั้นก็ขึ้นไปในเมฆสู่สวรรค์ขณะที่เหล่าศัตรูของเขามองดูอยู่

13 ในชั่วโมงนั้นเองเกิดแผ่นดินไหวร้ายแรง และหนึ่งในสิบของเมืองนั้นถล่มลง มีคนตายเจ็ดพันคนในแผ่นดินไหวครั้งนี้ ส่วนผู้ที่รอดชีวิตตกใจกลัวและถวายพระเกียรติสิริแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

14 วิบัติที่สองได้ผ่านพ้นไป วิบัติที่สามจะมาถึงในไม่ช้านี้

แตรคันที่เจ็ด

15 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตรและมีเสียงดังหลายเสียงในสวรรค์กล่าวว่า

“ราชอาณาจักรของโลกนี้ได้กลับมาเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรากับพระคริสต์ของพระองค์แล้ว และพระองค์จะทรงครองอาณาจักรเป็นนิตย์”

16 แล้วผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนซึ่งนั่งบนบัลลังก์ของตนต่อหน้าพระเจ้าก็หมอบซบหน้าลงนมัสการพระเจ้า

17 ทูลว่า

“ข้าพระองค์ทั้งหลายขอบคุณพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบันและผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีต

เพราะพระองค์ได้ทรงสำแดงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์

และได้ทรงเริ่มครอบครองอาณาจักรแล้ว

18 บรรดาประชาชาติโกรธกริ้ว

แต่พระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว

และเวลานั้นได้มาถึงแล้ว เวลาที่จะทรงพิพากษาคนที่ได้ตายไป

เวลาที่จะประทานบำเหน็จแก่เหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์

และแก่ประชากรของพระองค์และบรรดาผู้ยำเกรงพระนามของพระองค์

ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย

และเวลาที่จะทรงทำลายบรรดาผู้ที่ทำลายโลก”

19 แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิดออก และข้าพเจ้าเห็นหีบพันธสัญญาภายในพระวิหารของพระองค์ และเกิดฟ้าแลบแวบวาบ เสียงครืนๆ เสียงฟ้าร้องกึกก้อง แผ่นดินไหว และพายุลูกเห็บครั้งร้ายแรง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/11-30a198cbeac979ad95d66cd0bd6c7599.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 12

ผู้หญิงและพญานาค

1 มีหมายสำคัญอันอัศจรรย์และยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นในสวรรค์คือ หญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ ดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และดาวสิบสองดวงเป็นมงกุฎบนศีรษะ

2 หญิงนั้นตั้งครรภ์และร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะจวนจะคลอดแล้ว

3 จากนั้นมีหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในสวรรค์คือ พญานาคใหญ่สีแดงตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและสิบเขา ทั้งเจ็ดหัวสวมมงกุฎ

4 หางของมันตวัดหนึ่งในสามของดวงดาวในท้องฟ้าทิ้งลงมาบนโลก พญานาคนั้นยืนอยู่หน้าหญิงที่กำลังจะคลอดเพื่อมันจะได้กินทารกในทันทีที่เกิดมา

5 หญิงนั้นคลอดบุตรชายผู้ซึ่งจะปกครองมวลประชาชาติด้วยคทาเหล็ก บุตรนั้นถูกฉวยออกมาและนำขึ้นไปเข้าเฝ้าพระเจ้า ไปยังพระที่นั่งของพระองค์

6 ส่วนหญิงนั้นหนีไปยังถิ่นกันดารสู่ที่พำนักซึ่งพระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับนาง ที่นั่นนางจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลา 1,260 วัน

7 และเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับทูตสวรรค์ของเขาสู้รบกับพญานาคและสมุนของมัน

8 ฝ่ายของพญานาคพ่ายแพ้ ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์

9 พญานาคใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมา พญานาคนี้คืองูดึกดำบรรพ์ที่เรียกกันว่า มาร หรือ ซาตาน ผู้ล่อลวงคนทั้งโลกให้หลงผิด มันถูกเหวี่ยงลงมาบนโลกพร้อมกับทูตสวรรค์ของมัน

10 แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า

“บัดนี้ความรอด เดชานุภาพ และราชอาณาจักรของพระเจ้าของเรา

และสิทธิอำนาจแห่งพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว

เพราะผู้กล่าวโทษบรรดาพี่น้องของเรา

ซึ่งกล่าวโทษเขาต่อหน้าพระเจ้า

ของเราทั้งวันทั้งคืน

ได้ถูกเหวี่ยงลงไปแล้ว

11 พวกเขาชนะพญามาร

โดยพระโลหิตของพระเมษโปดก

และโดยคำพยานของตน

พวกเขาไม่กลัวตาย

ไม่เสียดายชีวิต

12 เพราะฉะนั้นสวรรค์และชาวสวรรค์เอ๋ย

จงชื่นชมยินดีเถิด!

แต่วิบัติแก่แผ่นดินและทะเล

เพราะมารได้ลงไปหาเจ้า!

ด้วยความโกรธยิ่งนัก

เนื่องจากรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”

13 เมื่อพญานาคเห็นว่าตนถูกทิ้งลงบนโลกก็ไล่ล่าหญิงซึ่งคลอดบุตรชายนั้น

14 หญิงนั้นได้รับปีกพญาอินทรีสองปีกเพื่อจะได้บินไปยังที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ให้นางในถิ่นกันดาร ที่นั่นนางจะได้รับการปกป้องเลี้ยงดูให้พ้นจากพญานาคตลอดหนึ่งวาระ สองวาระและครึ่งวาระ

15 พญานาคนั้นก็พ่นน้ำออกมามากมายเหมือนแม่น้ำเพื่อซัดนางให้ลอยไปตามกระแสน้ำ

16 แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ มันแยกออกสูบเอาแม่น้ำซึ่งพญานาคพ่นออกจากปากลงไป

17 แล้วพญานาคก็โกรธแค้นหญิงนั้นและไปทำสงครามกับลูกหลานของนางที่เหลือคือ คนเหล่านั้นที่เชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าและยึดมั่นในคำพยานเรื่องพระเยซู

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/12-a83decfd79cadad3d442ece80ec6d95e.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 13

1 ส่วนพญานาคยืนอยู่ริมหาด

สัตว์ร้ายจากทะเล

และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละเขามีมงกุฎสวมอยู่และแต่ละหัวมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้า

2 สัตว์ร้ายที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นคล้ายเสือดาว แต่มีตีนเหมือนตีนหมีและมีปากเหมือนปากสิงโต พญานาคยกบัลลังก์กับอำนาจยิ่งใหญ่ของมันให้แก่สัตว์ร้ายนั้น

3 หัวหนึ่งของสัตว์ร้ายนั้นดูเหมือนเคยมีแผลฉกรรจ์ปางตายแต่หายสนิทแล้ว ทั้งโลกติดตามสัตว์ร้ายนั้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจ

4 ผู้คนกราบนมัสการพญานาคเพราะมันให้อำนาจแก่สัตว์ร้ายและกราบนมัสการสัตว์ร้ายด้วย พวกเขาถามกันว่า “ใครเล่าจะเหมือนสัตว์นี้? ผู้ใดจะสู้รบกับมันได้?”

5 สัตว์ร้ายนั้นได้รับอนุญาตให้กล่าวถ้อยคำยโสโอหังและหมิ่นประมาทพระเจ้า มันได้รับอนุญาตให้ใช้อำนาจของมันเป็นเวลา 42 เดือน

6 มันเอ่ยปากลบหลู่พระเจ้า กล่าวร้ายพระนามของพระองค์ตลอดจนที่ประทับและชาวสวรรค์

7 มันได้รับอำนาจที่จะสู้รบกับประชากรของพระเจ้าและมีชัยชนะ มันได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกหมู่ชน ทุกภาษา และทุกชนชาติ

8 ชาวโลกทั้งมวลจะกราบนมัสการสัตว์ร้ายนั้น คือคนทั้งปวงที่ไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ถูกประหารตั้งแต่แรกทรงสร้างโลก

9 ใครมีหูก็จงฟังเถิด

10 ถ้าผู้ใดถูกกำหนดให้เป็นเชลย

ผู้นั้นก็จะตกเป็นเชลย

ถ้าผู้ใดถูกกำหนดให้ตายด้วยดาบ

ผู้นั้นก็จะถูกดาบปลิดชีวิต

ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าต้องมีความทรหดอดทนและความสัตย์ซื่อ

สัตว์ร้ายจากแผ่นดิน

11 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน มีสองเขาเหมือนลูกแกะแต่พูดเหมือนพญานาค

12 มันเป็นตัวแทนใช้อำนาจทั้งสิ้นของสัตว์ร้ายตัวแรกนั้น และทำให้โลกกับชาวโลกกราบไหว้สัตว์ร้ายตัวแรกซึ่งมีรอยแผลฉกรรจ์ที่หายสนิทแล้ว

13 มันแสดงหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดให้ไฟตกจากฟ้าสวรรค์ลงมาสู่โลกต่อหน้าต่อตาผู้คน

14 เนื่องด้วยหมายสำคัญเหล่านี้ที่มันได้รับอำนาจให้ทำการแทนสัตว์ร้ายตัวแรก มันล่อลวงชาวโลก สั่งให้พวกเขาสร้างรูปจำลองขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สัตว์ร้ายที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ยังไม่ตายนั้น

15 มันได้รับอำนาจที่จะให้ลมหายใจแก่รูปจำลองของสัตว์ร้ายตัวแรกเพื่อให้รูปจำลองนั้นพูดได้และทำให้คนทั้งปวงที่ไม่ยอมบูชารูปจำลองถูกฆ่าตาย

16 มันยังบังคับทุกๆ คนไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อย คนรวยคนจน ทาสหรือไทให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือหน้าผาก

17 เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้ เว้นแต่จะมีเครื่องหมายซึ่งเป็นชื่อหรือหมายเลขประจำชื่อของสัตว์ร้ายนั้น

18 ในเรื่องนี้ต้องใช้ปัญญา ผู้ใดมีความเข้าใจก็จงตรึกตรองหมายเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะหมายเลขนั้นแทนชื่อบุคคลหนึ่ง หมายเลขของเขาคือ 666

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/13-5e2bca13408ffc8f8f9a52c4009db959.mp3?version_id=179—