Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 6

เยรูซาเล็มถูกล้อม

1 “วิ่งหนีเอาชีวิตรอดเถิด ชาวเบนยามินเอ๋ย!

จงหนีจากเยรูซาเล็ม!

จงเป่าแตรในเทโคอา!

ส่งสัญญาณขึ้นเหนือเบธฮัคเคเรม!

เพราะภัยพิบัติโผล่ขึ้นมาจากทางเหนือ

เป็นหายนะร้ายแรง

2 เราจะทำลายธิดาแห่งศิโยน

ผู้งดงามและบอบบางเหลือเกิน

3 คนเลี้ยงแกะและฝูงสัตว์ของเขาจะมาต่อสู้เธอ

พวกเขาจะตั้งเต็นท์ล้อมเมือง

แต่ละคนเลี้ยงสัตว์ของเขา”

4 “จงเตรียมทำศึกกับศิโยน!

จงลุกขึ้น ให้เราบุกโจมตียามเที่ยงวัน!

แต่อนิจจา กลางวันคล้อยลงแล้ว

และร่มเงาของยามเย็นทอดยาว

5 ดังนั้นจงลุกขึ้น ให้เราโจมตีตอนกลางคืน

และทำลายป้อมปราการต่างๆ เสีย!”

6 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“จงโค่นต้นไม้

แล้วก่อเชิงเทินเพื่อสู้กับเยรูซาเล็ม

กรุงนี้ต้องถูกลงโทษ

เพราะเต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง

7 ดั่งบ่อน้ำปล่อยน้ำไหลออกมา

กรุงนี้ก็ได้ปล่อยความชั่วร้ายออกมา

ความทารุณอำมหิตและการทำลายล้างดังกระหึ่มในเมืองนี้

ความเจ็บป่วยและบาดแผลของมันมีอยู่ต่อหน้าเราเสมอ

8 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงรับการเตือน

มิฉะนั้นเราจะเบือนหน้าหนีจากเจ้า

และทำให้ดินแดนของเจ้าถูกทิ้งร้าง

จนไม่มีใครอยู่อาศัยได้”

9 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“แม้แต่ชนอิสราเอลที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือก็ต้องถูกทำลายซ้ำ

เหมือนคนเก็บองุ่น

ตรวจดูองุ่นแต่ละเถา

เพื่อเก็บพวกที่คลาดสายตาไป”

10 จะให้ข้าพเจ้าพูดและเตือนใครได้?

ใครจะฟังข้าพเจ้า?

หูของพวกเขาถูกอุด

พวกเขาจึงไม่ได้ยิน

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าระคายหูของพวกเขา

พวกเขาจึงไม่อยากฟัง

11 แต่พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สุมอยู่ที่ข้าพเจ้า

สุดที่ข้าพเจ้าจะอัดอั้นไว้

“จงระบายออกมาเหนือเด็กๆ ตามท้องถนน

เหนือกลุ่มคนหนุ่มที่มาชุมนุมกัน

ทั้งสามีและภรรยาก็ไม่เว้น

รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ที่ร่วงโรยไป

12 บ้านเรือนของเขาจะตกเป็นของคนอื่น

พร้อมทั้งที่นาและภรรยา

เมื่อเรายื่นมือออก

ต่อสู้ประชากรที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

13 “ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด

ล้วนโลภมุ่งกำไร

พวกผู้เผยพระวจนะและปุโรหิตก็ไม่ต่างกัน

ล้วนโกหกหลอกลวง

14 พวกเขาทำแผลให้ประชากรของเรา

ราวกับว่าไม่สาหัสรุนแรงเท่าไร

พวกเขากล่าวว่า ‘สันติสุข สันติสุข’

ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข

15 พวกเขาละอายใจในความประพฤติอันน่าขยะแขยงของตนบ้างหรือเปล่า?

เปล่าเลย พวกเขาไม่ละอายสักนิด

ไม่รู้เลยว่าการมียางอายนั้นเป็นอย่างไร

ฉะนั้นพวกเขาจะล้มลงในหมู่ผู้ที่ล้มลง

เขาจะตกต่ำลงเมื่อเราลงโทษเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงยืนที่ทางแพร่งและมองดู

จงถามถึงหนทางโบราณ

จงถามหาหนทางที่ดีและดำเนินในทางนั้น

แล้วเจ้าจะพบการพักสงบสำหรับจิตใจของเจ้า

แต่เจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่ยอมเดินทางสายนั้น’

17 เราตั้งยามไว้เหนือเจ้าและกล่าวว่า

‘ฟังเสียงแตรเถิด!’

แต่เจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่ฟัง’

18 ฉะนั้นจงฟังให้ดี ประชาชาติทั้งหลาย

เหล่าพยานเอ๋ย

จงสังเกตสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขา

19 แผ่นดินโลกเอ๋ย จงฟังเถิด

เรากำลังนำภัยพิบัติมาเหนือชนชาตินี้

เป็นผลจากแผนชั่วของพวกเขาเอง

เพราะพวกเขาไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา

และได้ละทิ้งบทบัญญัติของเรา

20 เราแยแสอะไรกับเครื่องหอมจากเชบา

หรือเครื่องเทศอันหอมหวลจากแดนไกล?

เครื่องเผาบูชาของเจ้าไม่เป็นที่ยอมรับ

เครื่องบูชาทั้งหลายของเจ้าไม่ได้ทำให้เราพอใจ”

21 ด้วยเหตุนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า

“เราจะตั้งเครื่องกีดขวางไว้ต่อหน้าชนชาตินี้

ซึ่งจะทำให้ทั้งผู้เป็นบิดาและผู้เป็นบุตรสะดุดล้ม

เพื่อนบ้านและมิตรสหายจะพินาศ”

22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ดูเถิด กองทัพจะมา

จากดินแดนทางเหนือ

ชนชาติยิ่งใหญ่กำลังถูกเร่งเร้า

จากทุกมุมโลก

23 พวกเขามีทั้งธนูและหอก

โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตา

เสียงควบม้าของพวกเขา

เหมือนเสียงทะเลคำราม

พวกเขายกกระบวนทัพมา

เพื่อโจมตีเจ้า ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย”

24 เราได้ยินกิตติศัพท์เลื่องลือเกี่ยวกับกองทัพ

ของเขา

แขนขาของเราก็หมดเรี่ยวหมดแรง

ความทุกข์ทรมานเกาะกุมเรา

เราเจ็บปวดเหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก

25 อย่าออกไปที่ทุ่งนา

หรือเดินตามถนน

เพราะศัตรูถือดาบพร้อมที่จะสังหาร

และไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ความสยดสยอง

26 พี่น้องร่วมชาติเอ๋ย จงสวมเสื้อผ้ากระสอบ

และเกลือกกลิ้งอยู่ในกองขี้เถ้าเถิด

จงร้องไห้คร่ำครวญอย่างรันทดขมขื่น

เหมือนสูญเสียลูกชายคนเดียวที่มีอยู่

เพราะในทันทีทันใด

ผู้ทำลายล้างจะยกมาโจมตีเรา

27 “เราได้ทำให้เจ้าเป็นนักวิเคราะห์แร่

และประชากรของเราเป็นสินแร่

เพื่อเจ้าจะสังเกต

และทดสอบวิถีทางต่างๆ ของพวกเขา

28 พวกเขาล้วนเป็นนักกบฏดื้อด้าน

เที่ยวนินทาว่าร้ายไปทั่ว

พวกเขาเป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์และเหล็ก

ล้วนประพฤติตัวเสื่อมทราม

29 สูบลมก็สูบอย่างดุเดือด

เพื่อให้ไฟเผาตะกั่วให้หมดไป

แต่การถลุงก็เปล่าประโยชน์

คนชั่วไม่ถูกหลอมชำระให้บริสุทธิ์ได้เลย

30 พวกเขาจะได้ชื่อว่าเป็น ‘เงินที่ถูกทิ้งแล้ว’

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงละทิ้งพวกเขาแล้ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/6-5f200c3d8b6c99df996e85403eb7e9d6.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 7

ศาสนาจอมปลอมอันไร้ค่า

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า

2 “จงยืนที่ทางเข้าพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าและประกาศว่า

“‘ชนยูดาห์ทั้งปวงซึ่งผ่านเข้าประตูเหล่านี้เพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าจงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติและวิถีทางของเจ้าเสียใหม่ แล้วเราจะอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่

4 อย่าไปเชื่อคำหลอกลวงและพูดว่า “นี่คือพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า!”

5 หากเจ้าแก้ไขความประพฤติและวิถีทางต่างๆ อย่างจริงจัง และปฏิบัติต่อกันอย่างยุติธรรม

6 หากเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย ไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือดที่นี่ หากเจ้าไม่ติดตามพระอื่นๆ ให้เจ้าเองได้รับอันตราย

7 เมื่อนั้นเราจะอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในแผ่นดินซึ่งเรายกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์

8 แต่ดูสิ เจ้ากำลังเชื่อคำหลอกลวงที่ไร้ค่า

9 “ ‘เจ้าจะลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี และสาบานเท็จเผาเครื่องหอมถวายพระบาอัลและติดตามพระอื่นๆ ซึ่งเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน

10 แล้วก็เข้ามายืนอยู่ต่อหน้าเราในนิเวศแห่งนี้ซึ่งใช้ชื่อของเรา แล้วเจ้าก็พูดว่า “เราปลอดภัย” ปลอดภัยเพื่อจะทำสิ่งที่น่าเกลียดชังทั้งปวงเหล่านี้หรือ?

11 นิเวศแห่งนี้ซึ่งใช้ชื่อของเรากลายเป็นซ่องโจรสำหรับเจ้าแล้วหรือ? เรากำลังจับตาดูอยู่!องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

12 “ ‘บัดนี้จงไปที่ชิโลห์ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีเราใช้เป็นที่สถาปนานามของเรา ไปดูซิว่าเราทำอะไรกับที่แห่งนั้นเนื่องด้วยความชั่วร้ายของชนอิสราเอลประชากรของเรา

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ขณะที่เจ้าทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เราได้พูดกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าไม่ยอมฟัง เราได้เรียกเจ้า แต่เจ้าไม่ตอบ

14 ฉะนั้นเราได้ทำแก่ชิโลห์อย่างไร บัดนี้เราจะทำอย่างนั้นแก่นิเวศซึ่งใช้ชื่อของเรา แก่พระวิหารซึ่งเจ้าไว้วางใจ แก่สถานที่ซึ่งเรายกให้แก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าอย่างนั้น

15 เราจะเหวี่ยงเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนที่เราได้ทำแก่ชนเอฟราอิมพี่น้องของเจ้า’

16 “ดังนั้นอย่าอธิษฐานเผื่อชนชาตินี้ อย่าอ้อนวอนหรือทูลขอเพื่อพวกเขาอีกต่อไป อย่าร้องทูลเราเพราะเราจะไม่ฟังเจ้า

17 เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ทั่วหัวเมืองทั้งหลายของยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม?

18 พวกเด็กๆ เก็บฟืนมา แล้วผู้เป็นพ่อก็ก่อไฟ ส่วนพวกผู้หญิงนวดแป้งทำขนมเพื่อถวายเทวีแห่งสวรรค์ พวกเขาเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระอื่นๆ เพื่อยั่วโทสะเรา

19 แต่เราคือผู้ที่เขากำลังยั่วยุหรือ?องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ พวกเขากำลังทำร้ายตัวเอง สร้างความอัปยศอดสูแก่ตัวเองมากกว่าไม่ใช่หรือ?

20 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะระบายความโกรธและความเกรี้ยวกราดของเราเหนือที่แห่งนี้ เหนือมนุษย์และสัตว์ เหนือต้นไม้ในท้องทุ่ง เหนือพืชผลทั้งปวงบนแผ่นดิน เป็นไฟโทสะอันเผาผลาญซึ่งไม่มีใครดับได้

21 “ ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ไปเลย ไปเพิ่มเครื่องเผาบูชานอกเหนือจากเครื่องบูชาทั้งหลายอีก และเอาเนื้อมากินเสียเอง!

22 เพราะเมื่อเราพาบรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากอียิปต์และพูดกับเขา เราไม่ได้สั่งเรื่องเครื่องเผาบูชาและของถวายต่างๆ เท่านั้น

23 แต่เรายังสั่งพวกเขาว่า จงเชื่อฟังเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้าและเจ้าจะเป็นประชากรของเรา จงดำเนินตามวิถีทางทั้งปวงซึ่งเราสั่งเจ้า แล้วเจ้าจะอยู่เย็นเป็นสุข

24 แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่ใส่ใจ กลับทำตามใจชั่วร้ายที่มักจะดื้อดึงของตน เขาถอยหลังเข้าคลองแทนที่จะรุดไปข้างหน้า

25 นับตั้งแต่เมื่อครั้งบรรพบุรุษของเจ้าออกจากอียิปต์จวบจนบัดนี้ เราส่งผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรามาหาพวกเจ้าวันแล้ววันเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า

26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเรา ไม่ยอมใส่ใจ พวกเขาเป็นคนหัวแข็ง ชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก’

27 “เมื่อเจ้าบอกพวกเขาทุกอย่างตามนี้แล้ว พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เมื่อเจ้าร้องเรียก พวกเขาจะไม่ตอบ

28 ฉะนั้นจงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘นี่เป็นชนชาติที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ไม่ยอมรับการตักเตือนแก้ไข ความจริงพินาศไปแล้ว สูญสิ้นไปจากริมฝีปากของพวกเขา

29 “ ‘จงโกนผมและโยนทิ้งไป จงคร่ำครวญโศกเศร้าบนที่สูงอันโล่งเตียน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงปฏิเสธและละทิ้งคนในชั่วอายุนี้ ซึ่งตกอยู่ภายใต้พระพิโรธของพระองค์

หุบเขาแห่งการประหัตประหาร

30 “ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ชนยูดาห์ทำชั่วในสายตาของเรา พวกเขาได้ตั้งเทวรูปอันน่าชิงชังในนิเวศซึ่งใช้ชื่อของเรา และทำให้ที่นั่นเป็นมลทิน

31 พวกเขาได้สร้างสถานบูชาบนที่สูงต่างๆ ของโทเฟทขึ้นในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อเผาลูกชายลูกสาวของตนเป็นเครื่องบูชายัญ นี่เป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่ง ไม่เคยเข้ามาในความคิดของเราเลย

32 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดังนั้นจงระวัง เพราะจะถึงเวลาที่ผู้คนจะไม่เรียกหุบเขาแห่งนั้นว่าโทเฟทหรือหุบเขาเบนฮินโนมอีกต่อไป แต่เรียกว่า “หุบเขาแห่งการเข่นฆ่า” เพราะพวกเขาจะฝังคนตายในโทเฟทจนไม่มีที่เหลืออีก

33 แล้วซากศพของชนชาตินี้จะเป็นอาหารของนกในอากาศและสัตว์ต่างๆ บนพื้นดิน และไม่มีใครมาไล่พวกมันไป

34 เราจะหยุดเสียงรื่นเริงบันเทิงใจ เสียงสุขหรรษาของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม เพราะดินแดนแห่งนี้จะกลายเป็นที่ร้าง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/7-9e59e0e986670191a2dc2decd8d5a3af.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 8

1 “‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าเมื่อถึงเวลานั้นกระดูกของบรรดากษัตริย์และขุนนางของยูดาห์ กระดูกของเหล่าปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ และกระดูกของชาวเยรูซาเล็มจะถูกขุดออกมาจากหลุมฝังศพ

2 และถูกทิ้งกระจัดกระจายไว้กลางแจ้งภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และมวลหมู่ดาวแห่งฟ้าสวรรค์ซึ่งพวกเขารักและปรนนิบัติ ติดตามขอคำปรึกษาและนมัสการ กระดูกของพวกเขาจะไม่ถูกเก็บรวบรวมขึ้นมาอีกหรือถูกฝังไว้ แต่จะเป็นเหมือนขยะที่ทิ้งไว้บนพื้น

3 และบรรดาผู้ที่ยังเหลือรอดอยู่ในหมู่ประชาชาติชั่วร้ายนี้ จะเรียกหาความตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ในที่ซึ่งเราจะเนรเทศพวกเขาไปนั้น พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนี้’

บาปและโทษทัณฑ์

4 “จงไปบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

“ ‘เมื่อคนล้มลง เขาจะไม่ลุกขึ้นหรือ?

เมื่อเขาไปผิดทาง เขาจะไม่ย้อนกลับมาหรือ?

5 แล้วทำไมประชากรเหล่านี้หันไปทางอื่น?

เหตุใดเยรูซาเล็มจึงหันไปทางอื่นเสมอ?

พวกเขายึดติดกับความหลอกลวง

พวกเขาไม่ยอมหันกลับมา

6 เราตั้งใจฟัง

แต่พวกเขาไม่ได้พูดสิ่งที่ถูกต้อง

ไม่มีใครกลับตัวกลับใจจากความชั่วร้ายของตน

และกล่าวว่า “ข้าได้ทำอะไรลงไป?”

แต่ละคนไปตามทางของตนเอง

เหมือนม้าทะยานออกศึก

7 แม้แต่นกกระสาในท้องฟ้า

ยังรู้กำหนดฤดูกาล

เช่นเดียวกับนกพิราบ นกกระเรียน และนกนางแอ่น

ยังรู้จักสังเกตว่าได้เวลาอพยพ

แต่ประชากรของเรา

ไม่รู้ข้อกำหนดต่างๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

8 “ ‘เจ้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า “เราเฉลียวฉลาด

เพราะเรามีบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

ในเมื่อปากกามุสาของเหล่าอาลักษณ์

ได้บิดเบือนบทบัญญัตินั้น?

9 คนฉลาดเหล่านั้นจะต้องอับอายขายหน้า

พวกเขาจะหวาดกลัวท้อแท้และติดกับ

เนื่องจากได้ละทิ้งพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เขามีสติปัญญาประเภทไหนกัน?

10 ฉะนั้นเราจะยกภรรยาของพวกเขาให้ชายอื่น

และยกที่นาของพวกเขาให้เจ้าของคนใหม่

ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด

ล้วนโลภมุ่งกำไร

พวกผู้เผยพระวจนะและปุโรหิตก็ไม่ต่างกัน

ล้วนโกหกหลอกลวง

11 พวกเขาทำแผลให้ประชากรของเรา

ราวกับว่าไม่สาหัสรุนแรงเท่าไร

พวกเขากล่าวว่า “สันติสุข สันติสุข”

ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข

12 พวกเขาละอายใจในความประพฤติอันน่าขยะแขยงของตนบ้างหรือเปล่า?

เปล่าเลย พวกเขาไม่ละอายสักนิด

ไม่รู้เลยว่าการมียางอายนั้นเป็นอย่างไร

ฉะนั้นพวกเขาจะล้มลงในหมู่ผู้ที่ล้มลง

เขาจะตกต่ำลงเมื่อเราลงโทษเขา

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

13 “ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

เราจะริบผลิตผลของเขาไป

จะไม่มีผลองุ่นติดอยู่บนเถา

ไม่มีมะเดื่อบนต้น

ใบของมันจะเหี่ยวเฉาไป

อะไรที่เราให้พวกเขาไว้

จะถูกยึดไป’ ”

14 “เราจะมานั่งรอความตายอยู่ที่นี่ทำไม?

มาเถิด ไปด้วยกัน!

ให้เราหนีไปยังหัวเมืองป้อมปราการต่างๆ

ไปตายเสียที่นั่น!

เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้กำหนดให้เราพินาศย่อยยับแล้ว

และทรงยื่นถ้วยยาพิษให้เราดื่ม

เพราะเราได้ทำบาปต่อพระองค์

15 เรามุ่งหวังสันติสุข

แต่มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

เรามุ่งหวังเวลาแห่งการเยียวยารักษา

ก็มีแต่เพียงความสยดสยอง

16 เสียงหายใจฟืดฟาดของม้าฝ่ายศัตรู

ได้ยินมาจากเมืองดาน

ทั่วทั้งดินแดนสั่นสะท้าน

ด้วยเสียงม้าศึก

ศัตรูกำลังมาเขมือบ

ทั้งดินแดนนี้และทุกสิ่งที่นี่

ไม่ว่านครหรือผู้คนที่อาศัยอยู่ในนั้น”

17 “ดูเถิด เราจะส่งงูพิษมาในหมู่พวกเจ้า

งูพิษซึ่งไม่มีใครสะกดได้

จะมาฉกเจ้า”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

18 โอ ข้าแต่องค์ผู้ทรงปลอบโยนข้าพเจ้าในยามโศกเศร้า

ดวงใจของข้าพเจ้าอ่อนระโหยอยู่ภายในข้าพเจ้า

19 ฟังเสียงร่ำไห้ของพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า

จากแดนไกลโพ้นเถิด

พวกเขาถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ประทับอยู่ในศิโยนหรือ?

องค์กษัตริย์แห่งศิโยนไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วหรือ?”

“ทำไมหนอพวกเขาจึงยั่วโทสะเราด้วยรูปเคารพ

และด้วยเหล่าเทวรูปต่างชาติอันไร้ค่า?”

20 “ฤดูเก็บเกี่ยวผ่านพ้นไป

ฤดูร้อนก็หมดไป

และยังไม่มีใครช่วยเราให้รอด”

21 เพราะว่าพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าถูกบดขยี้ ดวงใจของข้าพเจ้าจึงแหลกสลาย

ข้าพเจ้าคร่ำครวญอาดูรและความสยดสยองเกาะกุมข้าพเจ้า

22 ในกิเลอาดไม่มียาหรือ?

ที่นั่นไม่มีแพทย์เลยหรือ?

ทำไมจึงไม่มีการเยียวยาบาดแผล

ของพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าให้หาย?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/8-b4acb98597652dc33cb2dba44767e502.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 9

1 โอ ถ้าศีรษะของข้าพเจ้าเป็นเหมือนแหล่งน้ำ

และตาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนบ่อน้ำพุแห่งน้ำตา!

ข้าพเจ้าจะได้ร่ำไห้ทั้งวันทั้งคืน

เพื่อพี่น้องร่วมชาติซึ่งถูกสังหาร

2 โอ ข้าพเจ้าอยากมีที่พักแรม

สำหรับคนเดินทางในถิ่นกันดารนัก

เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไปให้พ้น

จากพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า

เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนล่วงประเวณี

เป็นฝูงชนที่ไม่ซื่อสัตย์

3 “พวกเขาโก่งลิ้นเหมือนคันศร

เพื่อยิงคำโกหกออกมา

ความเท็จจึงมีชัย

เหนือความจริงในแผ่นดิน

พวกเขาทำบาปอย่างหนึ่ง

แล้วก็แล่นไปสู่บาปอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่ยอมรับเรา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

4 “จงระวังเพื่อนของเจ้า

และอย่าไว้ใจพี่น้องของเจ้า

เพราะว่าพี่น้องทุกคนเป็นคนหลอกลวง

และเพื่อนทุกคนเป็นนักใส่ร้ายป้ายสี

5 เพื่อนหลอกลวงเพื่อน

และไม่มีใครพูดความจริง

พวกเขาฝึกลิ้นตัวเองให้โกหก

ทำให้ตัวเองเหนื่อยล้าด้วยการทำบาป

6 เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางการหลอกลวง

เพราะความหลอกลวงของพวกเขา พวกเขาจึงไม่ยอมรับเรา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

7 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ดูเถิด เราจะถลุงและทดสอบพวกเขา

เพราะนอกจากนี้เราจะทำสิ่งอื่นใดได้อีก

เนื่องจากบาปที่ประชากรของเราได้ทำ?

8 ลิ้นของพวกเขาเป็นลูกศรคร่าชีวิต

พูดจาตลบตะแลง

ทุกคนพูดอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านของเขา

แต่ในใจคิดวางแผนเล่นงานเขา

9 ไม่ควรหรือที่เราจะลงโทษพวกเขาเพราะเหตุนี้?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“ไม่ควรหรือที่เราจะแก้แค้น

ชนชาติที่เป็นเช่นนี้?”

10 ข้าพเจ้าจะร้องไห้คร่ำครวญเพื่อภูเขาทั้งหลาย

และเปล่งคำคร่ำครวญเรื่องทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ถูกทิ้งร้าง

มันถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครสัญจรไปมา

ไม่ได้ยินเสียงสัตว์ร้อง

ทั้งนกในอากาศและสัตว์ทั้งปวง

ก็หนีไปหมด

11 “เราจะทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นซากปรักหักพัง

เป็นถิ่นที่อยู่ของหมาใน

และเราจะทำให้หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่รกร้าง

เพื่อจะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น”

12 ใครหนอฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้? ใครบ้างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสอนและอธิบายได้? เหตุใดดินแดนจึงถูกทำให้ย่อยยับและถูกทิ้งร้างเหมือนถิ่นกันดารที่ไม่มีใครผ่านไปมา?

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ก็เพราะพวกเขาละทิ้งบทบัญญัติของเรา ซึ่งเราตั้งไว้ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังเรา หรือทำตามบทบัญญัติของเรา

14 พวกเขากลับทำตามใจดื้อดึงของตน เขานมัสการพระบาอัลตามที่บรรพบุรุษสอน”

15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “ดูเถิดเราจะทำให้ชนชาตินี้กินอาหารขมและดื่มน้ำซึ่งมีพิษ

16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ ซึ่งพวกเขาเองหรือบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะถือดาบไล่ล่าพวกเขาจนกว่าเราจะได้ทำลายล้างพวกเขาให้สิ้น”

17 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“บัดนี้จงพิจารณาดู! จงตามนางร้องไห้มา

เรียกคนที่ชำนาญที่สุดมา

18 จงให้พวกนางรีบมาโดยเร็ว

มาร่ำไห้เพื่อพวกเรา

จนน้ำตาท่วมตาของเรา

และธารน้ำหลั่งรินจากนัยน์ตาของเรา

19 ได้ยินเสียงร่ำไห้ดังจากศิโยนว่า

‘เราพินาศย่อยยับแล้ว!

เราอัปยศอดสูนัก!

เราต้องทิ้งดินแดนไป

เพราะบ้านเรือนของเราปรักหักพัง’ ”

20 บัดนี้ หญิงเอ๋ย จงฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จงเปิดหูฟังพระดำรัสจากพระโอษฐ์ของพระองค์

จงสอนลูกสาวทั้งหลายของเจ้าให้ร่ำไห้

และจงสอนเพลงคร่ำครวญให้เพื่อนบ้านของตน

21 ความตายได้ปีนเข้ามาทางหน้าต่างของเรา

มันทะลวงป้อมต่างๆ เข้ามา

คร่าเอาเด็กๆ ไปจากท้องถนน

และคร่าคนหนุ่มๆ ไปจากลานเมือง

22 จงบอกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“ ‘ซากศพจะระเนระนาดเหมือนขยะอยู่ในทุ่งโล่ง

เหมือนข้าวที่ถูกตัดเก็บไว้ข้างหลังผู้เกี่ยว ไม่มีใครมาเก็บรวบรวม’ ”

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“คนฉลาด อย่าโอ้อวดสติปัญญาของตน

คนแข็งแรง อย่าโอ้อวดพละกำลังของตน

คนรวยก็อย่าโอ้อวดทรัพย์สมบัติของตน

24 แต่ให้ผู้ที่อวดจงอวดเรื่องนี้

คือที่เขามีความเข้าใจและรู้จักเรา

รู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ผู้ผดุงความเมตตากรุณา

ความยุติธรรมและความชอบธรรมในโลกนี้

เพราะเราปีติยินดีในสิ่งเหล่านี้”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะลงโทษคนทั้งปวงที่เข้าสุหนัตแต่เพียงทางกาย

26 คือชาวอียิปต์ ชาวยูดาห์ ชาวเอโดม ชาวอัมโมน ชาวโมอับ และคนทั้งปวงที่อาศัยในถิ่นกันดารในที่ห่างไกลเพราะชนชาติทั้งหมดนี้ยังไม่ได้เข้าสุหนัตอย่างแท้จริง และแม้แต่พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลก็ไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/9-573ee9e0cf6d48555a6904ea580f4bbd.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 10

พระเจ้ากับรูปเคารพ

1 พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเจ้า

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“อย่าเอาอย่างวิถีต่างๆ ของประชาชาติทั้งหลาย

และอย่าตกใจกลัวเนื่องด้วยหมายสำคัญต่างๆ ในท้องฟ้า

ดังที่ประชาชาติทั้งหลายหวาดกลัวอยู่นั้น

3 เพราะธรรมเนียมของชนชาติต่างๆ นั้นไร้ค่า

เขาโค่นต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า

ให้ช่างฝีมือใช้สิ่วแกะสลักเป็นรูปทรง

4 พวกเขาตกแต่งด้วยทองและเงิน

จากนั้นใช้ค้อนและตะปูตอกตรึงให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา

เพื่อมันจะไม่โอนเอน

5 เทวรูปเหล่านั้นเหมือนหุ่นไล่กาในสวนแตง

มันพูดไม่ได้

ต้องอาศัยคนยกไป

เพราะมันเดินไม่ได้

อย่าไปกลัวเทพเจ้าเหล่านั้น

เพราะมันทำอะไรไม่ได้

ไม่ว่าทำประโยชน์หรือทำร้าย”

6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์

พระองค์ทรงยิ่งใหญ่

และพระนามของพระองค์เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ

7 ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งประชาชาติ

ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์?

พระเกียรตินี้คู่ควรแด่พระองค์

ท่ามกลางนักปราชญ์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติ

และอาณาจักรทั้งปวงของพวกเขา

ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์

8 พวกเขาล้วนสิ้นคิดและโง่เขลา

พวกเขาถูกสอนโดยเทวรูปไม้อันไร้ค่า

9 เขานำเงินซึ่งเคาะแล้วมาจากเมืองทารชิช

และทองคำมาจากเมืองอุฟาส

แล้วผลงานของช่างฝีมือ ช่างทอง

ก็ได้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินและสีม่วง

รูปเคารพเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของ

ช่างที่ชำนาญ

10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้

พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เป็นองค์กษัตริย์ตลอดนิรันดร์กาล

เมื่อพระองค์ทรงพระพิโรธ โลกก็สะเทือนสะท้าน

ประชาชาติทั้งหลายไม่อาจทนต่อพระพิโรธของพระองค์ได้

11 “จงบอกพวกเขาว่า ‘เทพเจ้าเหล่านี้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะพินาศไปจากโลกและจากใต้ฟ้าสวรรค์’ ”

12 แต่พระเจ้าทรงสร้างโลกโดยฤทธานุภาพ

ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระปรีชาญาณ

และทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยความเข้าใจ

13 เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ห้วงน้ำในฟ้าสวรรค์ก็ร้องคำราม

พระองค์ทรงให้เมฆลอยขึ้นจากสุดปลายแผ่นดินโลก

ทรงส่งฟ้าแลบให้มากับสายฝน

และทรงนำกระแสลมออกมาจากคลัง

14 มนุษย์ทั้งปวงก็สิ้นคิดและขาดความรู้

ช่างทองทุกคนก็อับอายขายหน้าเพราะรูปเคารพของตน

เทวรูปของเขาเป็นสิ่งจอมปลอม

พวกมันไม่มีลมหายใจ

15 มันเป็นของไร้ค่า เป็นสิ่งที่น่าเยาะเย้ย

เมื่อถึงเวลาพิพากษามันก็พินาศ

16 แต่พระองค์ผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือยาโคบไม่เหมือนเทวรูปเหล่านี้

เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่ง

รวมทั้งเผ่าพันธุ์อิสราเอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

หายนะที่จะมาถึง

17 ประชาชนที่ถูกล้อมเมืองไว้

จงเก็บข้าวของเพื่อเดินทางออกจากดินแดนนั้นเถิด

18 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“บัดนี้เราจะเหวี่ยง

ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ออกไป

เราจะนำความทุกข์ลำเค็ญมายังพวกเขา

เพื่อพวกเขาจะรับรู้ถึงความโกรธของเรา”

19 วิบัติแก่ข้าพเจ้าเนื่องด้วยการบาดเจ็บนี้!

บาดแผลของข้าพเจ้าเยียวยาไม่ได้!

ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็บอกตัวเองว่า

“นี่เป็นความเจ็บป่วยของเราเอง และเราก็ต้องทน”

20 เต็นท์ของข้าพเจ้าถูกทำลายสิ้น

เชือกขึงทั้งหมดก็ขาดผึง

ลูกๆ ไปจากข้าพเจ้าหมด

ไม่เหลือใครอยู่ช่วยกางเต็นท์

หรือสร้างที่พักพิงให้ข้าพเจ้า

21 คนเลี้ยงแกะก็สิ้นคิด

และไม่ได้ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า

ดังนั้นเขาจึงไม่เจริญ

และฝูงแกะของเขาก็กระจัดกระจายไปหมด

22 ฟังเถิด! มีรายงานข่าวมาว่า

เสียงอึกทึกกึกก้องดังมาจากแผ่นดินทางเหนือ

เขาจะทำให้หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ถูกทิ้งร้าง

เป็นถิ่นของหมาใน

คำอธิษฐานของเยเรมีย์

23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ตระหนักว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง

ไม่ได้เป็นผู้บงการย่างก้าวของตน

24 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงตีสอนข้าพระองค์เถิด แต่ขอทรงโปรดให้ความเป็นธรรม

อย่าทรงทำด้วยพระพิโรธ

มิฉะนั้นข้าพระองค์จะพินาศไป

25 ขอทรงระบายพระพิโรธลงเหนือบรรดาประชาชาติ

ที่ไม่ยอมรับพระองค์

และเหนือชนชาติทั้งหลายที่ไม่ยอมออกพระนามของพระองค์

เพราะพวกเขากลืนกินยาโคบ

พวกเขากลืนกินจนหมดสิ้น

และทำลายล้างถิ่นฐานของยาโคบย่อยยับไปหมด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/10-0cae09444bab2e9e830dedc6bc9bd9f7.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 11

พันธสัญญาถูกละเมิด

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า

2 “จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ และแจ้งชนยูดาห์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

3 บอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘คำสาปแช่งตกแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้

4 คือข้อกำหนดซึ่งเราได้บัญชาบรรพบุรุษของพวกเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาหลอมเหล็ก’ เรากล่าวว่า ‘จงเชื่อฟังเรา และทำตามสิ่งที่เราสั่งทุกประการ แล้วเจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า

5 แล้วเราจะทำให้สำเร็จตามที่เราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือยกดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้พวกเขา’ คือดินแดนที่เจ้าครอบครองอยู่ทุกวันนี้”

ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด”

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงป่าวประกาศข้อความทั้งหมดนี้ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มว่า ‘จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้และปฏิบัติตาม

7 ตั้งแต่เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “จงเชื่อฟังเรา”

8 แต่เขาไม่ฟังและไม่เคยใส่ใจ กลับทำตามทิฐิแห่งใจชั่วของเขา เราจึงนำคำสาปแช่งทั้งปวงตามพันธสัญญามายังเขา เราได้สั่งให้เขาปฏิบัติตาม แต่เขาไม่ยอมทำ’ ”

9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ในหมู่ชนยูดาห์และชนเยรูซาเล็มมีการสมรู้ร่วมคิดกัน

10 พวกเขาหวนกลับไปทำบาปตามบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมฟังคำของเรา เขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ ทั้งพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ละเมิดพันธสัญญาระหว่างเรากับบรรพบุรุษของเขา

11 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะนำภัยพิบัติมายังเขา ซึ่งเขาจะหนีไม่พ้น ถึงแม้เขาอ้อนวอนเรา เราก็จะไม่ฟัง

12 หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มจะไปสวดอ้อนวอนเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งตนเผาเครื่องหอมถวาย แต่พระเหล่านั้นจะไม่ช่วยพวกเขาเลยเมื่อภัยพิบัติมาถึง

13 ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเทพเจ้าหลายองค์เหมือนที่มีหลายเมืองเชียวนะ และแท่นบูชาที่เจ้าก่อขึ้นเพื่อเผาเครื่องหอมแก่พระบาอัลอันน่าอดสูก็มีมากมาย เหมือนถนนหนทางของเยรูซาเล็ม’

14 “อย่าอธิษฐานเผื่อชนชาตินี้ ไม่ต้องอ้อนวอนหรือร้องขอเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องเรียกเราในยามทุกข์ยากลำบาก

15 “ผู้เป็นที่รักของเรามาทำอะไรอยู่ในวิหารของเรานี้?

ในเมื่อนางทำตามแผนการชั่วหลายอย่าง

เครื่องสัตวบูชาจะช่วยให้เจ้าพ้นโทษทัณฑ์ได้หรือ?

เจ้าจึงหลงระเริง

ในความชั่วของเจ้า”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกเจ้าว่าต้นมะกอกซึ่งงามดี

มีผลดกงาม

แต่ด้วยเสียงกึกก้องของพายุใหญ่

พระเจ้าจะให้ไฟเผามัน

และกิ่งก้านของมันก็หักโค่น

17 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ปลูกเจ้าทรงประกาศให้ภัยพิบัติตกแก่เจ้า เนื่องจากพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ทำชั่ว ยั่วยุพระพิโรธโดยเผาเครื่องหอมถวายพระบาอัล

เยเรมีย์ถูกปองร้าย

18 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเผยให้ข้าพเจ้าทราบถึงแผนการของพวกเขา ทรงให้ข้าพเจ้าทราบว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

19 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกแกะเชื่องๆ ถูกพาไปฆ่า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพวกเขาคบคิดกันจะทำร้ายข้าพเจ้า เขากล่าวว่า

“ให้เราทำลายทั้งต้นและผลของมัน

ให้เรามาช่วยกันกำจัดเขาไปจากโลกนี้

เพื่อจะได้ไม่มีใครจดจำชื่อของเขาได้อีก”

20 แต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ทรงตัดสินอย่างเที่ยงธรรม

และทรงพิสูจน์ความคิดจิตใจ

โปรดให้ข้าพระองค์เห็นการแก้แค้นของพระองค์ตกแก่พวกเขา

เพราะข้าพระองค์มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์

21 “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชาวอานาโธทที่มุ่งเอาชีวิตของเจ้าและขู่ว่า ‘อย่าเผยพระวจนะในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามิฉะนั้นเจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของเรา’

22 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เราจะลงโทษพวกเขา คนหนุ่มๆ จะตายในสงคราม ลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะตายเพราะอดอยาก

23 จะไม่มีคนสักหยิบมือเดียวเหลือรอด เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาสู่ชาวอานาโธทในปีแห่งการลงโทษพวกเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/11-6d970f1a565c3272c18623257b0adfad.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 12

คำร้องทุกข์ของเยเรมีย์

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงชอบธรรมเสมอ

เมื่อข้าพระองค์นำความมากราบทูล

ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็ขอกราบทูลเรื่องความยุติธรรมของพระองค์

เหตุใดหนทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง?

เหตุใดบรรดาคนอสัตย์อธรรมจึงสุขสบายดี?

2 พระองค์ทรงปลูกเขา เขาก็หยั่งรากลึก

เจริญงอกงามและเกิดผล

เขามักพูดถึงพระองค์ติดปาก

แต่ใจของเขาห่างไกลพระองค์

3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์

ทรงเห็นและทรงทดสอบความคิดของข้าพระองค์เกี่ยวกับพระองค์

ขอทรงลากพวกเขาออกไปเหมือนแกะสำหรับฆ่า!

ขอทรงแยกเขาไว้สำหรับวันประหาร!

4 ดินแดนนี้จะต้องแตกระแหงไปนานเท่าใด?

และทุ่งหญ้าทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด?

เนื่องจากผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้ชั่วร้าย

บรรดาสัตว์และนกทั้งหลายจึงพินาศไป

ยิ่งกว่านั้นเหล่าประชากรพากันพูดว่า

“พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”

คำตอบจากพระเจ้า

5 “หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์

แล้วเขายังทำให้เจ้าหมดแรง

แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?

หากเจ้าสะดุดล้มในดินแดนที่ปลอดภัย

เจ้าจะทำอย่างไรในป่าที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?

6 แม้แต่พี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้า

ก็ยังทรยศเจ้า

พวกเขาร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า

อย่าเชื่อใจเขา

แม้เขาจะพูดดีกับเจ้า

7 “เราได้ทิ้งนิเวศของเรา

เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง

เราได้ปล่อยผู้ที่เรารักดั่งดวงใจ

ไว้ในมือของศัตรู

8 มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงโตในป่าสำหรับเรา

เขาคำรามใส่เรา

ดังนั้นเราจึงเกลียดเขา

9 มรดกของเรา

กลับกลายเป็นนกสีสดใสสะดุดตา

นกอื่นๆ จึงรุมล้อมเล่นงานมันไม่ใช่หรือ?

ไปเถิด ไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งหลาย

มาเขมือบกินมัน

10 คนเลี้ยงแกะมากมายจะทำลายสวนองุ่นของเรา

เหยียบย่ำท้องทุ่งของเรา

พวกเขาจะทำให้ท้องทุ่งอันรื่นรมย์ของเรา

กลายเป็นที่ทิ้งร้าง

11 มันจะกลายเป็นถิ่นร้างแตกระแหง

และถูกทิ้งร้างต่อหน้าเรา

แผ่นดินทั้งสิ้นถูกทิ้งร้าง

เพราะไม่มีใครเอาใจใส่ดูแล

12 ผู้ทำลายกรูกันเข้ามาเหนือที่สูง

อันถูกทิ้งร้างในถิ่นกันดาร

เพราะดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายล้าง

จากสุดเขตแดนด้านหนึ่งไปจดอีกด้านหนึ่ง

จะไม่มีใครหนีรอดปลอดภัย

13 พวกเขาได้หว่านข้าวสาลี แต่เก็บเกี่ยวหนาม

จะตรากตรำทำงาน แต่ไม่ได้อะไร

ดังนั้นเขาจึงเก็บเกี่ยวได้แต่ความอับอาย

เนื่องจากพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เราจะถอนรากถอนโคนชนชาติเพื่อนบ้านผู้ชั่วร้ายทั้งปวงออกจากดินแดน ผู้ซึ่งยึดสมบัติที่เราให้ประชากรอิสราเอล และถอนรากถอนโคนพงศ์พันธุ์ยูดาห์จากหมู่พวกเขา

15 แต่หลังจากที่เราถอนรากถอนโคนพวกเขาแล้ว เราจะเอ็นดูสงสาร และนำพวกเขาแต่ละคนกลับสู่ทรัพย์สินและดินแดนของตนอีกครั้งหนึ่ง

16 และหากพวกเขาเรียนรู้วิถีทางของประชากรของเราและปฏิญาณโดยอ้างนามของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ เหมือนที่พวกเขาเคยสอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยอ้างพระบาอัล เมื่อนั้นเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ท่ามกลางประชากรของเรา

17 แต่หากชาติใดไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะกำจัดและทำลายชาตินั้นให้สูญสิ้นไป”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/12-81cb75dcf2f4af8e7203ba7334b89dc5.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 13

ผ้าคาดเอวลินิน

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไปซื้อผ้าคาดเอวลินินมาคาดไว้ แต่อย่าให้มันถูกน้ำ”

2 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไปซื้อผ้าลินินผืนหนึ่งมาคาดเอวไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง

3 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า

4 “จงเอาผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อและคาดอยู่นั้นออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ในซอกหิน”

5 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง

6 หลายวันต่อมาองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้จงไปที่แม่น้ำนั้น เอาผ้าคาดเอวที่เราสั่งให้เจ้าซ่อนไว้มา”

7 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและขุดผ้าคาดเอวออกมาจากซอกที่ได้เอาไปซ่อนไว้ แต่บัดนี้มันขาดยุ่ยใช้การไม่ได้เลย

8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำลายเกียรติภูมิของยูดาห์และเยรูซาเล็มอย่างนี้แหละ

10 ประชากรที่ชั่วร้ายเหล่านี้ ซึ่งไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา ชอบดื้อดึงทำตามใจตนเอง และหันไปติดตามปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้คือใช้การไม่ได้เลย!’

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ผ้าคาดเอวแนบติดกับเอวของคนฉันใด เราได้ทำให้ยูดาห์และอิสราเอลแนบสนิทกับเราเพื่อเป็นประชากรของเรา เป็นเกียรติภูมิ ชื่อเสียง และคำสรรเสริญของเราฉันนั้น แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง’

ถุงหนังใส่เหล้าองุ่น

12 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม’ และหากพวกเขาตอบว่า ‘เรารู้แล้วไม่ใช่หรือว่าถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม?’

13 ก็จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะทำให้ทุกคนที่อาศัยในดินแดนนี้เมามาย ตั้งแต่กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ ตลอดจนคนทั้งปวงซึ่งอาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม

14 เราจะจับพวกเขากระแทกกันเอง ไม่ว่าพ่อหรือลูก เราจะไม่ยอมให้ความสงสารหรือความเมตตาเอ็นดูมายับยั้งเราไม่ให้ทำลายล้างพวกเขาเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

จะต้องตกเป็นเชลย

15 จงฟังและใส่ใจ

อย่าเย่อหยิ่ง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้แล้ว

16 จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมนมา

ก่อนที่เท้าของท่านสะดุดล้ม

บนภูเขาอันมืดมน

ท่านมุ่งหวังความสว่าง

แต่พระองค์ทรงผันแปรมันเป็นความมืดมน

เปลี่ยนมันเป็นความมืดทึบ

17 แต่หากท่านไม่ยอมฟัง

ข้าพเจ้าจะแอบร้องไห้

เนื่องด้วยความหยิ่งยโสของท่าน

ข้าพเจ้าจะร่ำไห้ด้วยความขมขื่น

ดวงตาของข้าพเจ้าจะหลั่งน้ำตานองหน้า

เพราะฝูงแกะขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกจับไปเป็นเชลย

18 จงทูลกษัตริย์และราชมารดาว่า

“ลงมาจากราชบัลลังก์เถิด

เพราะมงกุฎอันธำรงเกียรติ

จะร่วงหล่นจากพระเศียรของพระองค์”

19 เมืองต่างๆ ในเนเกบจะถูกปิด

และจะไม่มีใครเปิดได้

ยูดาห์จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

ถูกกวาดต้อนไปจนหมดสิ้น

20 จงเงยหน้าขึ้นมองดูคนทั้งหลาย

ที่มาจากทางเหนือ

ไหนล่ะฝูงแกะที่เรามอบหมายให้เจ้าดูแล

ฝูงแกะที่เจ้าโอ้อวด?

21 เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

ทรงตั้งผู้ที่เจ้าถือว่าเป็นพันธมิตรนั้นมาครอบครองเจ้า?

เจ้าจะไม่เจ็บปวด

เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกหรือ?

22 และหากเจ้าถามตัวเองว่า

“ทำไมหนอเรื่องทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา?”

ก็เพราะบาปมากมายของเจ้าน่ะสิ

กระโปรงของเจ้าจึงถูกฉีกขาด

และกายของเจ้าถูกย่ำยี

23 ชาวเอธิโอเปียจะเปลี่ยนสีผิวของตนได้หรือ?

เสือดาวจะลบลายของมันได้หรือ?

พวกเจ้าซึ่งคุ้นเคยกับการทำชั่ว

ก็ไม่สามารถทำดีได้

24 “เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายเหมือนแกลบ

ที่ถูกลมทะเลทรายพัดปลิวไป

25 นี่คือชะตากรรมของเจ้า

เป็นส่วนที่เรากำหนดให้เจ้า”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เพราะเจ้าลืมเรา

และไปวางใจในเทพเจ้าจอมปลอม

26 เราจะถลกกระโปรงของเจ้าขึ้นปิดหน้าเจ้า

เพื่อให้ความอัปยศอดสูของเจ้าเป็นที่ประจักษ์

27 คือการล่วงประเวณี ความมักมากในกาม

การขายเนื้อขายตัวอย่างไร้ยางอายของเจ้า!

เราได้เห็นความประพฤติอันน่าเดียดฉันท์ของเจ้า

บนภูเขาทั้งหลายและตามท้องทุ่งต่างๆ

วิบัติแก่เจ้า เยรูซาเล็มเอ๋ย!

เจ้าจะแปดเปื้อนมลทินไปอีกนานสักเท่าใดหนอ?”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/13-aff9fd18f2552c82f45c3ed7ff101b6e.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 14

การกันดารอาหาร ความแห้งแล้ง และสงคราม

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับความแห้งแล้งว่า

2 “ยูดาห์คร่ำครวญ

เมืองต่างๆ ซึมเซา

พวกเขาร่ำไห้ให้กับดินแดน

และมีเสียงร้องระงมขึ้นจากเยรูซาเล็ม

3 บรรดาขุนนางส่งคนใช้ออกไปหาน้ำ

พวกคนใช้ไปที่บ่อ

แต่ไม่มีน้ำ

คนใช้ถือเหยือกเปล่ากลับมา

อย่างอับอายและสิ้นหวัง

คลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด

4 ผืนแผ่นดินแตกระแหง

เพราะขาดฝน

ชาวนาอับอายและสิ้นหวัง

และคลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด

5 แม้แต่กวางในท้องทุ่ง

ก็ทิ้งลูกของมันที่เพิ่งเกิด

เพราะไม่มีหญ้า

6 ลาป่ายืนเคว้งบนเนินโล่งเตียน

และหอบเหมือนหมาใน

ตาของมันพร่ามัว

เพราะไม่มีหญ้ากิน”

7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ว่าบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายปรักปรำตัวเอง

แต่ขอทรงโปรดช่วยเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเสื่อมทรามยิ่งนัก

เราได้ทำบาปต่อพระองค์

8 ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล

พระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาในยามทุกข์ลำเค็ญ

เหตุใดทรงเป็นเช่นคนแปลกหน้าในแผ่นดินนี้

เป็นเช่นคนเดินทางซึ่งแวะพักแรมเพียงคืนเดียว?

9 เหตุใดทรงเป็นดั่งคนที่งงงวย

เหมือนนักรบที่หมดเรี่ยวหมดแรงจะช่วย?

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย

และผู้คนเรียกข้าพระองค์ทั้งหลายตามพระนามของพระองค์

ขออย่าทรงทอดทิ้งเหล่าข้าพระองค์!

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชนชาตินี้ว่า

“พวกเขารักที่จะหลงเตลิด

พวกเขาไม่ยั้งเท้าบ้างเลย

ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ยอมรับพวกเขา

บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขา

และลงโทษพวกเขาเพราะบาปทั้งหลาย”

11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าอธิษฐานเผื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของชนชาตินี้

12 แม้พวกเขาถืออดอาหาร เราจะไม่ฟังคำอ้อนวอนของเขา แม้เขาถวายเครื่องเผาบูชาและธัญบูชา เราก็จะไม่รับ แต่เราจะทำลายพวกเขาด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด”

13 แต่ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตบรรดาผู้เผยพระวจนะพร่ำบอกพวกเขาว่า ‘เจ้าจะไม่เห็นสงครามหรือการทนทุกข์กับการกันดารอาหาร แท้ที่จริงเราจะให้สันติสุขที่ยั่งยืนแก่เจ้าในสถานที่แห่งนี้’ ”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บรรดาผู้เผยพระวจนะพยากรณ์เท็จโดยอ้างชื่อของเรา เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป ไม่ได้แต่งตั้ง และไม่ได้พูดกับเขา เขาเผยพระวจนะเป็นนิมิต คำพยากรณ์เท็จ การกราบไหว้รูปเคารพและภาพหลอนในใจของเขาเอง

15 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะลงโทษผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ ซึ่งเผยพระวจนะในนามของเรา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป พวกเขาก็ยังพูดว่า ‘สงครามหรือการกันดารอาหารจะไม่มาแผ้วพานดินแดนนี้’ พวกเขาเองนั่นแหละจะตายด้วยสงครามและการกันดารอาหาร

16 ส่วนผู้คนที่ฟังเขาพยากรณ์เท็จนั้นจะถูกเหวี่ยงออกมากลางถนนสายต่างๆ ของเยรูซาเล็มเนื่องมาจากสงครามและการกันดารอาหาร จะไม่มีใครมาฝังศพพวกเขาหรือภรรยา บุตรชาย บุตรสาวของเขา เราจะเทหายนะลงมาเหนือพวกเขาอย่างสาสม

17 “จงบอกพวกเขาว่า

“ ‘ขอให้น้ำตาของเราไหลริน

ไม่หยุดหย่อนทั้งวันทั้งคืน

เพราะธิดาพรหมจารีของเราคือประชากรของเรา

ถูกตีและนอนซมด้วยบาดแผลฉกรรจ์

18 หากเราออกไปที่ทุ่งกว้าง

ก็เห็นร่างบรรดาผู้ถูกปลิดชีวิตด้วยดาบ

หากเข้าไปในเมือง

ก็เห็นศพผู้เป็นเหยื่อการกันดารอาหาร

ทั้งผู้เผยพระวจนะและปุโรหิต

ได้ไปยังดินแดนที่ตนไม่รู้จัก’ ”

19 พระองค์ทรงทอดทิ้งยูดาห์เสียสิ้นแล้วหรือ?

ทรงเกลียดชังศิโยนหรือ?

เหตุใดทรงทรมานเรา

จนเยียวยาไม่หาย?

ข้าพระองค์ทั้งหลายหวังว่าจะได้รับสันติสุข

แต่ไม่มีอะไรดี

หวังว่าจะได้รับการบำบัดรักษา

แต่มีเพียงความอกสั่นขวัญแขวน

20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายทราบถึงความชั่วร้ายของข้าพระองค์ทั้งหลาย

และความผิดของเหล่าบรรพบุรุษ

ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์จริงๆ

21 เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขออย่าทรงเกลียดชังข้าพระองค์ทั้งหลายเลย

ขออย่าให้บัลลังก์อันทรงเกียรติของพระองค์เสื่อมศักดิ์ศรี

โปรดทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ทรงมีต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย

และอย่าทิ้งพันธสัญญานั้น

22 มีรูปเคารพอันไร้ค่าของบรรดาประชาชาติองค์ไหนบ้างที่ประทานฝนให้ได้?

หรือท้องฟ้าเทฝนลงมาเอง?

เปล่าเลย แต่เป็นพระองค์นั่นแหละ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

ฉะนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายจึงหวังในพระองค์

เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ทำสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/14-997f8d5903a015746e3c1228cf2a0053.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 15

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ต่อให้โมเสสและซามูเอลมายืนวิงวอนเพื่อชนชาตินี้ต่อหน้าเรา เราก็จะไม่ใจอ่อนช่วยพวกเขา เอาพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเรา! ไปให้พ้น!

2 และหากพวกเขาถามเจ้าว่า ‘จะให้เราไปที่ไหน?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายก็ตายไป

ผู้ที่จะต้องตายในสงครามก็ตายในสงคราม

ผู้ที่จะต้องอดตายก็อดตาย

และผู้ที่ต้องไปเป็นเชลยก็ไปเป็นเชลย’”

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราจะแต่งตั้งผู้ทำลายสี่แบบเพื่อจัดการกับพวกเขาได้แก่ ดาบเพื่อเข่นฆ่า สุนัขเพื่อฉีกทึ้ง นกในอากาศและสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกเพื่อกลืนกินและทำลายเสีย

4 เนื่องด้วยสิ่งที่มนัสเสห์โอรสกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ได้ทำในเยรูซาเล็ม เราก็จะทำให้พวกเขาเป็นที่น่าขยะแขยงแก่อาณาจักรทั้งปวงในโลก

5 “เยรูซาเล็มเอ๋ย ใครจะสงสารเจ้า?

ใครจะคร่ำครวญให้กับเจ้า?

จะมีใครไยดีถามทุกข์สุขของเจ้า?”

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าได้ละทิ้งเรา

และหวนกลับไปหาบาปร่ำไป

เราจึงฟาดเจ้าและทำลายเจ้า

เราจะไม่เมตตาเจ้าอีกต่อไป

7 เราจะฝัดร่อนพวกเขาที่ประตูเมือง

ด้วยส้อมซัดข้าว

เราจะนำวิปโยคและหายนะมาสู่ประชากรของเรา

เพราะเขาไม่ยอมหันจากวิถีต่างๆ ของตน

8 เราจะทำให้มีแม่ม่ายในหมู่พวกเขา

มากยิ่งกว่าทรายในทะเล

กลางวันแสกๆ เราจะนำผู้ทำลาย

มาเล่นงานบรรดาแม่ของคนหนุ่ม

เราจะนำความทุกข์ร้าวรานและความอกสั่นขวัญแขวน

มายังพวกเขาอย่างฉับพลัน

9 แม่ลูกเจ็ดจะเป็นลมหมดสติไป

และสิ้นลมหายใจ

ดวงตะวันของนางลับหายไปทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน

นางต้องอับอายขายหน้า

เราจะมอบผู้รอดชีวิตให้แก่ดาบ

ต่อหน้าศัตรูทั้งหลาย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

10 อนิจจา แม่ของลูกที่ให้กำเนิดลูกมา

ลูกถูกคนทั้งแผ่นดินต่อสู้และชิงดีชิงเด่น!

ลูกไม่เคยให้ใครหยิบยืมอะไร หรือไปหยิบยืมใคร

แต่ทุกคนก็แช่งด่าลูก

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“แน่นอน เราจะช่วยกู้เจ้าเพื่อผลดีที่ตั้งใจไว้

แน่นอน เราจะทำให้ศัตรูของเจ้ามาอ้อนวอนเจ้า

ในยามภัยพิบัติและในยามทุกข์ลำเค็ญ

12 “มนุษย์จะหักแท่งเหล็กจากภาคเหนือ

หรือแท่งทองสัมฤทธิ์ได้หรือ?

13 “เราจะทำให้ทรัพย์สมบัติ

และความมั่งคั่งของเจ้าถูกริบไปเปล่าๆ

เพราะบาปทั้งปวงทั่วดินแดนของเจ้า

14 เราจะให้ศัตรูทั้งหลายจับเจ้าไปเป็นเชลย

ในดินแดนที่เจ้าไม่รู้จัก

เพราะโทสะของเราจะลุกเป็นไฟ

ซึ่งจะเผาผลาญเจ้า”

15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเข้าพระทัย

ขอทรงระลึกถึงและดูแลรักษาข้าพระองค์

ขอพระองค์ทรงแก้แค้นผู้ข่มเหงเหล่านี้เพื่อข้าพระองค์

พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านาน ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสีย

ขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ทนการตำหนิเพราะเห็นแก่พระองค์มากเพียงใด

16 เมื่อพระวจนะของพระองค์มาถึง ข้าพระองค์ก็กินพระวจนะนั้น

เป็นความชื่นชมยินดีและปลื้มปีติในจิตใจของข้าพระองค์

เพราะเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

17 ข้าพระองค์ไม่เคยนั่งในหมู่คนที่สรวลเสเฮฮา

ไม่ร่วมรื่นเริงเบิกบานกับพวกเขา

ข้าพระองค์นั่งอยู่ตามลำพังเพราะพระหัตถ์ของพระองค์อยู่เหนือข้าพระองค์

และพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความขุ่นเคืองใจ

18 เหตุใดข้าพระองค์ปวดร้าวไม่สิ้นสุด

และบาดแผลฉกรรจ์ของข้าพระองค์รักษาไม่หาย?

พระองค์จะทรงเป็นเหมือนลำห้วยที่ลวงตาข้าพระองค์

เหมือนตาน้ำซึ่งไม่มีน้ำหรือ?

19 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า

“หากเจ้าหันกลับมา เราจะให้เจ้าคืนสู่ปกติสุข

เพื่อเจ้าจะปรนนิบัติรับใช้เรา

หากเจ้าพูดสิ่งที่มีคุณค่า ไม่พูดเหลวไหลไร้สาระ

เจ้าจะเป็นผู้แถลงถ้อยคำของเรา

ให้ชนชาตินี้หันมาหาเจ้า

แต่เจ้าต้องไม่หันไปหาพวกเขา

20 เราจะทำให้เจ้าเป็นกำแพงสำหรับชนชาตินี้

เป็นปราการทองสัมฤทธิ์อันแน่นหนา

พวกเขาจะต่อสู้เจ้า

แต่เอาชนะไม่ได้

เพราะเราอยู่กับเจ้า

เพื่อจะกอบกู้และช่วยเจ้าให้รอด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

21 “เราจะช่วยเจ้าจากเงื้อมมือของคนชั่ว

และไถ่เจ้าจากอุ้งมือของคนอำมหิต”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/15-8ae00524e4c3d2349b742840912087aa.mp3?version_id=179—