Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 9

คนไหว้รูปเคารพถูกฆ่า

1 แล้วข้าพเจ้าได้ยินพระองค์เปล่งพระสุรเสียงอันดังว่า “จงนำผู้รักษาการณ์ประจำกรุงนี้มาที่นี่ ให้แต่ละนายถืออาวุธของตนมาด้วย”

2 และข้าพเจ้าเห็นชายหกคนมาจากทางประตูด้านบนซึ่งหันไปทางทิศเหนือ แต่ละคนถืออาวุธพิษสงร้ายกาจมาด้วย พวกเขามาพร้อมกับชายคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าลินิน ผู้มีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกาย พวกเขาเข้ามายืนอยู่ข้างแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์

3 พระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลเคลื่อนขึ้นจากเหนือเครูบที่เคยสถิตมายังธรณีประตูพระวิหาร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกชายที่นุ่งห่มผ้าลินินและมีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกายนั้น

4 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม กาเครื่องหมายบนหน้าผากของบรรดาผู้ที่เศร้าโศกและคร่ำครวญเพราะสิ่งที่น่าเกลียดชิงชังทั้งสิ้นซึ่งคนทั้งหลายทำกันในกรุงนี้”

5 ขณะที่ข้าพเจ้าฟังอยู่ ก็ได้ยินพระองค์ตรัสกับคนอื่นๆ ว่า “จงตามเขาไปทั่วกรุงและเข่นฆ่าทุกคน อย่าได้สงสารหรือเมตตาปรานีเลย

6 จงฆ่าทั้งคนแก่ หนุ่มสาว ผู้หญิง และเด็ก แต่อย่าแตะต้องผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น จงเริ่มต้นตั้งแต่สถานนมัสการของเรานี้เลย” คนเหล่านั้นจึงตั้งต้นฆ่าตั้งแต่ผู้อาวุโสซึ่งอยู่ที่หน้าพระวิหาร

7 แล้วพระองค์ตรัสว่า “จงทำให้พระวิหารเป็นมลทิน และทิ้งร่างผู้ที่ถูกประหารไว้ให้เกลื่อนลาน จงไปเถิด!” พวกเขาจึงออกไปและตั้งต้นฆ่าคนทั่วกรุง

8 ขณะที่พวกเขากำลังฆ่าคนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็อยู่แต่ลำพัง ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงร้องทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต! พระองค์จะทรงทำลายล้างคนหยิบมือที่เหลืออยู่ในอิสราเอลไปหมดด้วยพระพิโรธที่ทรงระบายเหนือเยรูซาเล็มครั้งนี้หรือ?”

9 พระองค์ตรัสตอบว่า “บาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ใหญ่หลวงนัก แผ่นดินเต็มไปด้วยการนองเลือดและความอยุติธรรม พวกเขากล่าวว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งดินแดนนี้ไปเสียแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเห็น’

10 ฉะนั้นเราจะไม่เอ็นดูสงสารหรือไว้ชีวิตเขา แต่เราจะให้สิ่งที่พวกเขาทำไว้นั้นย้อนกลับมาตกแก่พวกเขาเอง”

11 แล้วชายที่นุ่งห่มผ้าลินินซึ่งมีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกายนั้นก็กลับมาทูลรายงานว่า “ข้าพระองค์ได้ทำตามพระบัญชาเรียบร้อยแล้ว”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/9-7fe67f80f93241820c32b6c98831cd7c.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 10

พระเกียรติสิริพรากจากพระวิหาร

1 ข้าพเจ้ามองดูและเห็นบางสิ่งคล้ายพระที่นั่งไพฑูรย์อยู่เหนือฟ้ากว้างที่อยู่เหนือศีรษะของเหล่าเครูบ

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับชายที่นุ่งห่มผ้าลินินนั้นว่า “จงเข้าไปท่ามกลางวงล้อใต้เหล่าเครูบ แล้วกอบถ่านไฟคุซึ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเครูบมาโปรยทั่วกรุงนี้” ชายคนนั้นก็เข้าไปขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูอยู่

3 เหล่าเครูบยืนอยู่ที่ด้านใต้ของพระวิหารเมื่อชายผู้นั้นเข้าไป และมีเมฆปกคลุมอยู่ทั่วลานชั้นใน

4 แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เคลื่อนขึ้นจากเหนือเหล่าเครูบนั้นมายังธรณีประตูพระวิหาร เมฆปกคลุมพระวิหาร และทั่วลานพระวิหารเต็มไปด้วยรังสีเจิดจ้าแห่งพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า

5 เสียงปีกของเหล่าเครูบได้ยินไปไกลถึงลานชั้นนอกเหมือนพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

6 เมื่อพระองค์ตรัสสั่งชายที่สวมผ้าลินินนั้นว่า “จงไปเอาไฟจากท่ามกลางวงล้อที่อยู่ในหมู่เครูบออกมา” ชายนั้นก็เข้าไปยืนอยู่ข้างวงล้อวงหนึ่ง

7 แล้วเครูบตนหนึ่งก็ยื่นมือออกไปที่ไฟซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกตน เอาไฟออกมาส่วนหนึ่งใส่ในมือของชายผู้สวมผ้าลินิน เขาก็รับไว้และออกมา

8 (เห็นสิ่งหนึ่งคล้ายมือมนุษย์อยู่ใต้ปีกของเครูบ)

9 ข้าพเจ้ามองดูเห็นวงล้อสี่วงอยู่ข้างเหล่าเครูบ เครูบหนึ่งตนมีวงล้อหนึ่งวง วงล้อนั้นเปล่งประกายคล้ายพลอยสีเขียวอมเหลือง

10 วงล้อทั้งสี่มีลักษณะเหมือนกัน แต่ละวงดูคล้ายมีวงล้อซ้อนขวางอยู่ข้างใน

11 วงล้อสามารถเคลื่อนไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งในสี่ทิศทางตามแต่เครูบจะมุ่งหน้าไป ล้อนั้นไม่ได้เลี้ยวเมื่อเครูบเคลื่อนไป เหล่าเครูบมุ่งหน้าไปทิศทางใดก็ได้โดยไม่ต้องหันตัวเลย

12 ทั่วร่างของเครูบ ทั้งหลังมือและปีกล้วนมีตาเต็มไปหมดเช่นเดียวกับวงล้อทั้งสี่

13 ข้าพเจ้าได้ยินเขาเรียกวงล้อนั้นว่า “วงล้อกังหัน”

14 เครูบแต่ละตนมีสี่หน้า หน้าที่หนึ่งเป็นหน้าวัวหน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต หน้าที่สี่เป็นหน้านกอินทรี

15 แล้วเหล่าเครูบก็ลอยขึ้นไป นี่คือสิ่งมีชีวิตซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์

16 เมื่อเหล่าเครูบเคลื่อนไป วงล้อที่อยู่ข้างๆ ก็เคลื่อนไปด้วย และเมื่อเครูบกางปีกเหาะขึ้นจากพื้น วงล้อนั้นก็เคียงข้างเครูบไป

17 เมื่อเครูบยืนนิ่ง วงล้อก็หยุดนิ่ง และเมื่อเครูบลอยขึ้น วงล้อก็ลอยขึ้นด้วยเพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในวงล้อ

18 แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ไปจากเหนือธรณีประตูพระวิหาร ไปหยุดอยู่เหนือเหล่าเครูบ

19 ขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูอยู่ เหล่าเครูบก็กางปีกบินขึ้นจากพื้น เมื่อเคลื่อนไป วงล้อก็เคลื่อนไปด้วย เครูบและวงล้อมาหยุดอยู่ที่ทางเข้าประตูทางตะวันออกของพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลอยู่เหนือเครูบ

20 ข้าพเจ้าเคยเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่ใต้พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่ริมแม่น้ำเคบาร์ และข้าพเจ้าตระหนักว่านั่นคือเหล่าเครูบ

21 แต่ละตนมีสี่หน้าและสี่ปีก และใต้ปีกมีสิ่งที่ดูเหมือนมือมนุษย์

22 ใบหน้าของเครูบเหล่านี้มีลักษณะเดียวกับที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์ แต่ละตนมุ่งตรงไปข้างหน้า

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/10-249eb429af73a90063549aa7370bb2f7.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 11

การพิพากษาบรรดาผู้นำอิสราเอล

1 แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น นำมายังประตูทิศตะวันออกของพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีชาย 25 คนอยู่ตรงทางเข้าประตูนั้น และในหมู่พวกเขาข้าพเจ้าเห็นยาอาซันยาห์บุตรอัสซูร์และเปลาทียาห์บุตรเบไนยาห์ ทั้งคู่เป็นผู้นำประชากร

2 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้คือคนที่คิดแผนชั่วและให้คำปรึกษาอันร้ายกาจในกรุงนี้

3 พวกเขากล่าวว่า ‘ใกล้จะถึงเวลาที่เราจะสร้างบ้านขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ?กรุงนี้เป็นเหมือนหม้อและเราเป็นเหมือนเนื้อที่ปลอดภัยอยู่ในนั้น’

4 ฉะนั้นจงเผยพระวจนะกล่าวโทษเขาเถิด บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะ”

5 แล้วพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาเหนือข้าพเจ้า พระองค์ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าพูดเช่นนั้น แต่เรารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่

6 เจ้าได้ฆ่าคนมากมายในกรุงนี้ มีคนตายเกลื่อนถนนไปหมด

7 “ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ซากศพที่เจ้าทิ้งเกลื่อนคือเนื้อ และกรุงนี้คือหม้อ แต่เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากที่นี่

8 เจ้ากลัวดาบ เราก็จะนำดาบมายังเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศไว้ดังนี้

9 เราจะขับไล่เจ้าออกจากกรุงนี้และมอบเจ้าให้แก่คนต่างชาติ เราจะลง โทษเจ้า

10 เจ้าจะล้มตายด้วยดาบและเราจะพิพากษาเจ้าที่ชายแดนอิสราเอล เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

11 กรุงนี้จะไม่ใช่หม้อสำหรับเจ้า และเจ้าก็ไม่ใช่เนื้อในหม้อนี้ เราจะพิพากษาเจ้าที่ชายแดนอิสราเอล

12 และเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เพราะเจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเราและไม่ได้รักษาบทบัญญัติของเรา แต่กลับประพฤติตามแบบอย่างของชนชาติทั้งหลายที่อยู่รายรอบเจ้า”

13 ขณะที่ข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่ เปลาทียาห์บุตรเบไนยาห์ก็สิ้นชีวิตไป ข้าพเจ้าจึงซบหน้าลงและร้องเสียงดังว่า “โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต! พระองค์จะทรงทำลายล้างชนอิสราเอลที่เหลืออยู่นี้เสียสิ้นเลยหรือ?”

14 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

15 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ผู้คนในเยรูซาเล็มได้กล่าวถึงญาติพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันกับเจ้าและพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดว่า ‘พวกเขาห่างไกลจากองค์พระผู้เป็นเจ้าดินแดนนี้จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเรา’

พระสัญญาว่าอิสราเอลจะกลับคืนมา

16 “ฉะนั้นจงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ถึงแม้เราขับไล่พวกเขาไปไกลๆ ไปอยู่ในหมู่ประชาชาติต่างๆ และทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปสู่นานาประเทศ แต่อีกไม่นานเราก็จะเป็นสถานนมัสการสำหรับพวกเขาในประเทศที่เขาไปนั้น’

17 “ฉะนั้นจงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะรวบรวมพวกเจ้าจากประชาชาติต่างๆ และนำเจ้ากลับมาจากนานาประเทศที่เราทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปนั้น ทั้งเราจะคืนดินแดนอิสราเอลให้เจ้าอีกครั้ง’

18 “พวกเขาจะกลับมาและกำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์และรูปเคารพอันน่าชิงชังให้หมดไป

19 เราจะให้พวกเขามีใจเดียว และมีจิตวิญญาณใหม่ เราจะถอนใจหินของพวกเขาออกและให้ใจเนื้อแก่พวกเขา

20 แล้วพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และจะใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา พวกเขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

21 แต่ส่วนผู้ที่มอบใจให้เทวรูปอันชั่วช้าสามานย์และรูปเคารพอันน่าชิงชัง เราจะตอบแทนให้สาสมกับที่พวกเขาทำลงไป พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศไว้ดังนี้”

22 จากนั้นเครูบซึ่งมีวงล้ออยู่ข้างๆ ก็กางปีกออก และพระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลอยู่เหนือเหล่าเครูบ

23 พระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเคลื่อนขึ้นจากในกรุงนั้น และหยุดนิ่งอยู่เหนือภูเขาด้านตะวันออกของกรุง

24 ในนิมิตซึ่งพระวิญญาณของพระเจ้าประทาน พระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น และพาข้าพเจ้ากลับมายังเหล่าเชลยในบาบิโลน

แล้วนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นก็ขึ้นไปจากข้าพเจ้า

25 ข้าพเจ้าจึงแจ้งทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าให้บรรดาเชลยฟัง

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/11-546c3663038c08f2b8f7d3c90f013fcf.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 12

สัญลักษณ์ของการตกเป็นเชลย

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางคนชอบกบฏ ซึ่งมีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน เพราะพวกเขาเป็นคนชอบกบฏ

3 “ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเก็บข้าวของเตรียมตัวอพยพในเวลากลางวัน ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงออกเดินทางจากที่ที่เจ้าอยู่ไปยังอีกที่หนึ่ง เผื่อบางทีพวกเขาจะเข้าใจ แม้พวกเขาจะเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ

4 ในเวลากลางวัน ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงนำข้าวของสัมภาระที่เจ้าเก็บไว้เพื่อการอพยพออกมา และในตอนเย็น ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงออกเดินทางไปเหมือนคนที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

5 ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงเจาะช่องที่กำแพงบ้านและแบกสัมภาระลอดกำแพงไป

6 จงหอบสัมภาระขึ้นบ่าขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูอยู่ และแบกไปยามพลบค่ำ จงคลุมหน้าเจ้าไว้เพื่อเจ้าจะมองไม่เห็นแผ่นดิน เพราะเราทำให้เจ้าเป็นหมายสำคัญแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

7 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงปฏิบัติตามพระบัญชา ข้าพเจ้านำข้าวของออกมาจัดหีบห่อเตรียมอพยพในตอนกลางวัน ครั้นตกเย็นข้าพเจ้าเจาะกำแพงบ้านด้วยมือ พอพลบค่ำข้าพเจ้าก็หอบสัมภาระใส่บ่าแบกออกไปขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่

8 เช้าวันรุ่งขึ้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

9 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลที่ชอบกบฏถามเจ้าไม่ใช่หรือว่า ‘เจ้ากำลังทำอะไร?’

10 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พระดำรัสนี้พยากรณ์ถึงเจ้านายคนนั้นในเยรูซาเล็มกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงที่นั่น’

11 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นหมายสำคัญสำหรับท่าน’

“สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างที่ข้าพเจ้าได้ทำให้เห็นนั้น พวกเขาจะต้องอพยพไปในฐานะเชลย

12 “เจ้านายในหมู่พวกเขาจะหอบข้าวของใส่บ่ายามพลบค่ำ และออกเดินทางผ่านช่องซึ่งขุดไว้ในกำแพง เขาจะคลุมหน้าไว้เพื่อเขาจะมองไม่เห็นแผ่นดิน

13 เราจะกางตาข่ายดัก แล้วเขาจะติดกับของเรา เราจะนำเขาไปยังบาบิโลนดินแดนแห่งชาวเคลเดีย แต่เขาจะไม่ได้เห็นมันและเขาจะตายที่นั่น

14 เราจะทำให้ผู้รับใช้และทหารทุกคนที่อยู่รอบตัวเขากระจัดกระจายไปกับสายลม และเราจะส่งดาบมารุกไล่พวกเขา

15 “พวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราขับไล่พวกเขาไปยังชนชาติต่างๆ และทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปยังนานาประเทศ

16 แต่เราจะไว้ชีวิตพวกเขาบางคนให้รอดจากสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด เพื่อขณะที่พวกเขาอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ พวกเขาจะสำนึกถึงการกระทำอันน่าชิงชังทั้งสิ้นของตน แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”

17 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

18 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงตัวสั่นงันงกขณะที่เจ้ากินอาหาร และสั่นสะท้านด้วยความกลัวขณะดื่มน้ำ

19 จงกล่าวแก่ประชากรในแผ่นดินนั้นว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า บรรดาผู้อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มและในแผ่นดินอิสราเอลจะกินอาหารอย่างวิตกกังวลและดื่มน้ำอย่างสิ้นหวัง เพราะทุกสิ่งในดินแดนของตนจะถูกริบไป เนื่องด้วยความทารุณอำมหิตของบรรดาคนอาศัยอยู่ที่นั่น

20 เมืองที่อาศัยอยู่จะถูกทำลายและแผ่นดินจะถูกทิ้งร้าง เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

21 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

22 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ภาษิตในอิสราเอลที่ว่า ‘วันคืนผ่านไป ไม่เห็นมีสักนิมิตที่เป็นจริง’ นั้นเจ้าหมายความว่าอะไร?

23 จงกล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะยุติภาษิตนี้ คนทั้งหลายจะไม่อ้างภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไป’ จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘วันคืนที่ทุกนิมิตจะเป็นจริงใกล้เข้ามาแล้ว

24 เพราะจะไม่มีนิมิตเท็จหรือคำทำนายประจบประแจงในหมู่ชนชาติอิสราเอลอีกต่อไป

25 แต่เรา พระยาห์เวห์จะพูดในสิ่งที่เราประสงค์ และจะเป็นจริงตามนั้นโดยไม่ล่าช้า พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏเอ๋ย ในชั่วอายุของเจ้านี่แหละ เราจะทำสิ่งที่เราพูดไว้ให้สำเร็จ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

26 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

27 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลกล่าวว่า ‘นิมิตที่เขาเห็นเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า เขาพยากรณ์ถึงเรื่องอนาคตที่ยังห่างไกล’

28 “ฉะนั้นจงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราจะไม่ยืดเวลาให้อีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่เราลั่นวาจาไว้จะถูกทำให้สำเร็จครบถ้วน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/12-e12c3bbd262df0347bb8eb0d90850ffa.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 13

คำพิพากษาผู้เผยพระวจนะเท็จ

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลซึ่งกำลังพยากรณ์อยู่ตอนนี้ จงกล่าวแก่ผู้ที่พยากรณ์ตามความคิดฝันของตนว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า!

3 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่ผู้เผยพระวจนะที่โฉดเขลาซึ่งทำตามอำเภอใจของตนเอง และไม่ได้เห็นนิมิตอะไร!

4 อิสราเอลเอ๋ย ผู้เผยพระวจนะของเจ้าเหมือนหมาในที่อยู่ท่ามกลางกองปรักหักพัง

5 พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปซ่อมรอยแยกในกำแพงให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลเพื่อมันจะได้มั่นคงแน่นหนาพร้อมสำหรับการรบในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 นิมิตของพวกเขาจอมปลอมและคำทำนายของพวกเขาก็เป็นคำโกหก เขาพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้เขาเลย ถึงกระนั้นเขาก็ยังคาดหวังว่าจะเป็นไปตามถ้อยคำของตน

7 เจ้าไม่ได้เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหกพกลมหรือ? เมื่อเจ้าพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่เราไม่ได้พูด

8 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะจัดการกับเจ้าเนื่องด้วยคำโป้ปดและนิมิตจอมปลอมของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

9 มือของเราจะต่อสู้กับบรรดาผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหก พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมสภาประชาชนของเราหรือขึ้นทะเบียนสำมะโนพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทั้งจะไม่ได้เข้าสู่ดินแดนอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

10 “ ‘ทั้งนี้เพราะพวกเขาชักจูงประชากรของเราให้หลงเตลิดไปโดยกล่าวว่า “สันติสุข” ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข และเพราะพวกเขาฉาบปูนขาวทับกำแพงอันเปราะบางที่ถูกสร้างขึ้น

11 ฉะนั้นจงบอกผู้ฉาบปูนขาวเหล่านั้นว่า กำแพงนั้นกำลังจะทลายลง ฝนจะตกลงมาห่าใหญ่ และเราจะส่งลูกเห็บซัดกระหน่ำ และพายุกล้าพัดโหม

12 เมื่อกำแพงพังครืนลง ประชากรจะไม่ถามเจ้าหรือว่า “ไหนล่ะปูนขาวที่ท่านฉาบทับ?”

13 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เราจะปล่อยพายุใหญ่ด้วยความโกรธของเรา ลูกเห็บและห่าฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างหนักด้วยโทสะของเรา

14 เราจะทลายกำแพงซึ่งเจ้าฉาบปูนขาวทับไว้ และมันจะพังราบลงกับพื้นจนมองเห็นฐานรากของมัน เมื่อมันทลายลง เจ้าจะพินาศอยู่ในนั้น แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

15 ดังนั้นเราจะระบายความโกรธแก่กำแพง และแก่พวกที่ฉาบมันไว้ด้วยปูนขาว เราจะกล่าวแก่เจ้าว่า “กำแพงพังพินาศไปแล้ว และพวกที่ฉาบปูนขาวก็เช่นกัน

16 คือบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลซึ่งพยากรณ์แก่เยรูซาเล็มและเห็นนิมิตแห่งสันติสุขในเยรูซาเล็ม ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุขเลย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น” ’

17 “บัดนี้บุตรมนุษย์เอ๋ย จงตั้งตนเป็นศัตรูกับบรรดาบุตรสาวของชนชาติของเจ้า ผู้ซึ่งพยากรณ์ตามจินตนาการของตน จงเผยพระวจนะต่อต้านพวกเขา

18 และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่หญิงที่เย็บเครื่องรางของขลังไว้รัดข้อมือ และทำผ้าคลุมหน้าขนาดต่างๆ เพื่อดักล่อประชาชน เจ้าจะลวงชีวิตประชากรของเราไปติดกับ แต่สงวนชีวิตของตนเองไว้หรือ?

19 เจ้าลบหลู่ดูหมิ่นเราในหมู่ประชากรเพราะเห็นแก่ข้าวบาร์เลย์เพียงสองสามกำมือกับเศษขนมปัง เจ้าได้ฆ่าเหล่าประชากรของเราที่ไม่สมควรตายและไว้ชีวิตคนที่ไม่สมควรอยู่โดยการโกหกประชากรเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้ที่ฟังคำเท็จ

20 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราต่อสู้กับเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่เจ้าใช้ดักล่อประชากรไว้เหมือนดักนก เราจะฉีกเครื่องรางของขลังออกจากแขนของเจ้า เราจะปลดปล่อยประชากรซึ่งเจ้าดักไว้เหมือนดักนก

21 เราจะฉีกผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก และช่วยประชากรของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้า เขาจะไม่ตกเป็นเหยื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าอีกต่อไป แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

22 ทั้งนี้เพราะคำโกหกของเจ้าบั่นทอนกำลังใจของผู้ชอบธรรมทั้งๆ ที่เราไม่ได้นำความเศร้าโศกมาให้เขา และเพราะเจ้าสนับสนุนคนชั่วให้คงอยู่ในทางอันชั่วร้ายของเขาเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของพวกเขาไว้

23 ฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้เห็นนิมิตจอมปลอมหรือทำนายได้อีก เราจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/13-102fd053c46484b6e49c5e6024a245ea.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 14

คำพิพากษาบรรดาผู้กราบไหว้รูปเคารพ

1 ผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนเข้ามาหาข้าพเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

2 แล้วพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้เทิดทูนรูปเคารพอยู่ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าตน ควรหรือที่เราจะยอมให้เขามาสอบถามอะไรจากเรา?

4 ดังนั้นจงพูดและจงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเมื่อชาวอิสราเอลคนใดเทิดทูนรูปเคารพต่างๆ ไว้ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าแล้วยังมาหาผู้เผยพระวจนะ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเองเกี่ยวกับการกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ มากมายของเขา

5 เราจะทำเช่นนั้นเพื่อยึดจิตใจประชากรอิสราเอลที่ทอดทิ้งเราและหันไปหารูปเคารพนั้นกลับคืนมา’

6 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงกลับใจใหม่! จงหันจากรูปเคารพต่างๆ และเลิกการกระทำทุกอย่างที่น่าเกลียดชัง!

7 “ ‘เมื่อชาวอิสราเอลหรือชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในอิสราเอลคนใดแยกตัวจากเรา และเทิดทูนรูปเคารพไว้ในใจ ทั้งวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้า แล้วไปหาผู้เผยพระวจนะเพื่อสอบถามอะไรจากเรา เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเอง

8 เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา ทำให้เขาเป็นอุทาหรณ์ เป็นคำเปรียบเปรย เราจะตัดเขาออกจากประชากรของเรา เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

9 “ ‘และหากผู้เผยพระวจนะคนนั้นถูกโน้มน้าวให้กล่าวพยากรณ์ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โน้มน้าวเขาเอง และเราจะเหยียดมือออกต่อสู้และทำลายล้างเขาไปจากหมู่ประชากรอิสราเอลของเรา

10 ทั้งคู่ต้องรับโทษของตน ผู้เผยพระวจนะก็ผิดพอๆ กับคนที่มาปรึกษาเขา

11 แล้วประชากรอิสราเอลจะไม่หลงเตลิดไปจากเราอีก ทั้งจะไม่ปล่อยตัวให้แปดเปื้อนบาปทั้งปวงอีก พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพิพากษาที่ไม่มีทางเลี่ยง

12 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

13 “บุตรมนุษย์เอ๋ย หากดินแดนหนึ่งทำบาปโดยไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา และเราเหยียดมือออกลงโทษโดยตัดแหล่งอาหารของเขา แล้วส่งการกันดารอาหารมาคร่าชีวิตของคนและสัตว์

14 แม้คนทั้งสามนี้คือ โนอาห์ ดาเนียลและโยบอยู่ในดินแดนนั้นด้วย พวกเขาก็เพียงแต่ช่วยตัวเองให้รอดโดยความชอบธรรมของตนเท่านั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “หรือหากเราส่งบรรดาสัตว์ป่ามาทั่วดินแดนนั้นและให้พวกมันคร่าชีวิตผู้คนจนกลายเป็นถิ่นร้าง เพื่อที่จะไม่มีใครกล้าสัญจรไปมาเพราะสัตว์ร้ายนั้น

16 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาจะช่วยได้แต่ตนเองเท่านั้น ส่วนดินแดนนั้นจะถูกทิ้งร้างไป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

17 “หรือหากเรานำดาบมาฟาดฟันดินแดนนั้นและกล่าวว่า ‘ให้ดาบกวัดแกว่งไปทั่วดินแดนนั้น’ และฆ่าทั้งคนและสัตว์

18 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น ตัวเขาเองเท่านั้นที่รอด” พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

19 “หรือหากเราส่งโรคระบาดมาเล่นงานดินแดนนั้น และระบายโทสะของเราออกเหนือแผ่นดินนั้นด้วยการนองเลือด โดยการเข่นฆ่าผู้คนและสัตว์ให้ล้มตาย

20 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้โนอาห์ ดาเนียล และโยบอยู่ที่นั่นด้วย ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาช่วยได้แต่ตนเองโดยความชอบธรรมของพวกเขาเท่านั้น

21 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เมื่อเราส่งโทษทัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสี่ประการของเรามายังเยรูซาเล็มคือ สงคราม การกันดารอาหาร สัตว์ร้าย และโรคระบาด เพื่อเข่นฆ่าทั้งคนและสัตว์!

22 แต่จะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง คือบุตรชายบุตรสาวที่ถูกนำตัวออกมา พวกเขาจะมาหาเจ้า เมื่อเจ้าเห็นความประพฤติ และการกระทำของพวกเขาแล้ว เจ้าจะใจชื้นขึ้นกับภัยพิบัติที่เรานำมาสู่เยรูซาเล็ม คือภัยพิบัติทุกอย่างที่เราได้นำมายังกรุงนี้

23 เจ้าจะใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นความประพฤติและการกระทำของพวกเขา เพราะเจ้าจะรู้ว่าเราไม่ได้ทำลงไปโดยไร้เหตุ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/14-5d437e4f5b57af09e15ec3a076ef951b.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 15

เยรูซาเล็มเถาองุ่นไร้ค่า

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ไม้องุ่นมีอะไรดีกว่ากิ่งก้านของต้นไม้ใดๆ ในป่าหรือ?

3 ไม้องุ่นจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เล่า? เอามาทำที่แขวนสิ่งใดได้หรือ?

4 และเมื่อโยนลงไปในไฟเป็นเชื้อเพลิง ไฟเผาปลายทั้งสองข้าง และลุกไหม้ตรงกลางแล้ว มันจะใช้ประโยชน์อะไรได้?

5 เมื่อมันยังดีอยู่ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อถูกไฟเผาก็ยิ่งไม่มีประโยชน์

6 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราโยนไม้องุ่นซึ่งอยู่ท่ามกลางไม้ป่าต่างๆ เป็นเชื้อไฟฉันใด เราก็จะปฏิบัติต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มฉันนั้น

7 เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา แม้พวกเขาจะตะเกียกตะกายหนีออกมาจากไฟ ไฟก็ยังจะเผาผลาญพวกเขา และเมื่อเราตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

8 เราจะทำให้ดินแดนนั้นถูกทิ้งร้าง เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/15-d74638d32c096d5c4c5b0903cba0d93f.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 16

คำอุปมาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของกรุงเยรูซาเล็ม

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประจันหน้ากับเยรูซาเล็มเพราะเรื่องการกระทำอันน่าชิงชังของนาง

3 และจงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า บรรพบุรุษและชาติกำเนิดของเจ้าอยู่ในดินแดนคานาอัน บิดาของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์และมารดาเป็นชาวฮิตไทต์

4 วันที่เจ้าเกิดมา ไม่มีใครตัดสายสะดือให้ ไม่มีใครอาบน้ำให้สะอาด ไม่มีใครเอาเกลือถูตัวหรือเอาผ้าอ้อมพันให้

5 ไม่มีใครเหลียวแลสงสารเจ้า หรือเมตตาพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เจ้า เจ้ากลับถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง เพราะวันที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์

6 “ ‘แล้วเราผ่านไปเห็นเจ้าดิ้นไปมาเนื้อตัวโชกเลือด เราก็พูดกับเจ้าซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ว่า “จงมีชีวิตอยู่!”

7 เราจะทำให้เจ้าเจริญเติบโตเหมือนต้นไม้กลางทุ่ง เจ้าเติบใหญ่จนกลายเป็นสาวทรวงอกเต่งตึงขึ้นและผมก็ยาว แต่เจ้าก็ยังล่อนจ้อนและเปลือยอยู่

8 “ ‘ต่อมาเมื่อเราผ่านไปและมองดูเจ้า ก็เห็นว่าเจ้าโตพอที่จะมีความรักแล้ว เราจึงคลี่มุมชายเสื้อของเราคลุมกายเจ้า และปกปิดความเปลือยเปล่าของเจ้าไว้ เราให้คำปฏิญาณและได้ทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าก็เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

9 “ ‘เราได้อาบน้ำให้เจ้า ชำระล้างเลือดจากตัวเจ้าและเอาน้ำมันชโลมให้เจ้า

10 เราเอาชุดปักและรองเท้าหนังสวมให้เจ้า ให้เจ้าแต่งกายด้วยผ้าลินินเนื้อดี คลุมกายเจ้าด้วยอาภรณ์ราคาแพง

11 เราตกแต่งเจ้าด้วยเพชรนิลจินดา สวมกำไลมือและสร้อยคอให้

12 ใส่ห่วงจมูก ตุ้มหู และสวมมงกุฎงามให้

13 เจ้าจึงงดงามด้วยทองคำและเงิน เสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าทำด้วยผ้าลินินเนื้อดี ผ้าราคาแพง และผ้าปัก อาหารของเจ้าคือแป้งละเอียด น้ำผึ้ง และน้ำมันมะกอก เจ้ากลายเป็นคนสวยงามมากและรุ่งโรจน์ขึ้นเป็นราชินี

14 และชื่อเสียงของเจ้าก็เลื่องลือไปในหมู่ประชาชาติเนื่องด้วยความสวยงามของเจ้า เพราะความโอ่อ่าตระการที่เรามอบให้นั้นทำให้เจ้างามเพียบพร้อม พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “ ‘แต่เจ้าวางใจในความงามของตัวเอง และใช้ชื่อเสียงของเจ้าทำตัวเป็นหญิงโสเภณี เจ้าโปรยเสน่ห์ให้ทุกคนที่ผ่านไปมาและทอดกายให้เขา

16 เจ้าเอาอาภรณ์บางส่วนของเจ้าไปทำให้สถานบูชาบนที่สูงมีสีสันฉูดฉาด ที่ซึ่งเจ้าใช้ขายเนื้อขายตัว สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นและไม่น่าเป็นไปได้

17 เจ้ายังเอาเพชรนิลจินดาชั้นเลิศซึ่งเรามอบให้ และเครื่องประดับเงินและทองคำของเราไปสร้างรูปเคารพเพศชายสำหรับตน และทำการแพศยากับรูปเคารพเหล่านั้น

18 และเจ้านำผ้าปักของเจ้าไปสวมให้รูปเคารพ เอาน้ำมันกับเครื่องหอมของเราไปบูชาต่อหน้ามัน

19 ทั้งอาหารที่เราให้เจ้าคือแป้งละเอียด น้ำมันมะกอก และน้ำผึ้ง เจ้าก็เอาไปถวายเป็นเครื่องหอมบูชาต่อหน้าพระเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

20 “ ‘และเจ้าถึงกับจับลูกชายลูกสาวที่เจ้าคลอดออกมาเพื่อเราไปเซ่นสังเวยเป็นอาหารแก่รูปเคารพต่างๆ การแพศยานอกใจของเจ้ายังไม่พออีกหรือ?

21 เจ้าถึงต้องเข่นฆ่าลูกๆ ของเรา และเผาพวกเขาเพื่อบูชายัญแก่รูปเคารพ

22 ตลอดการกระทำอันน่าชิงชังและการแพศยานอกใจของเจ้า เจ้าไม่ได้ระลึกถึงวัยเยาว์ของเจ้า เมื่อเจ้าเปลือยเปล่าตัวล่อนจ้อนและดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในกองเลือดเลย

23 “ ‘วิบัติ วิบัติแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นอกเหนือจากความชั่วร้ายทั้งหมดของเจ้าแล้ว

24 เจ้ายังได้สร้างเนินสูงให้ตัวเองและสร้างสถานบูชาที่สูงตระหง่านไว้ที่ลานชุมชนทุกแห่ง

25 เจ้าสร้างสถานบูชาอันสูงตระหง่านไว้ที่หัวถนนทุกสาย และทำให้ความงามของตนลดค่าลง โดยพลีกายให้ทุกคนที่ผ่านไปมาด้วยความสำส่อนมากยิ่งขึ้น

26 เจ้าแพศยาคบชู้กับชาวอียิปต์เพื่อนบ้านผู้มากด้วยราคะ และยั่วยุโทสะของเราด้วยความสำส่อนที่ทวีขึ้นของเจ้า

27 ฉะนั้นเราจึงเหยียดมือของเราออกต่อสู้กับเจ้า และลดพรมแดนของเจ้า เรายกเจ้าให้ความโลภโมโทสันของศัตรูของเจ้าคือบรรดาชาวฟีลิสเตียผู้ตกตะลึงในความประพฤติอันลามกต่ำทรามของเจ้า

28 เจ้ายังแพศยาคบชู้กับชาวอัสซีเรียอีกด้วย เพราะเจ้าไม่อิ่มในกาม และแม้หลังจากนั้นเจ้าก็ยังไม่หนำใจ

29 แล้วเจ้าก็ทวีความสำส่อนมากยิ่งขึ้น โดยเล่นชู้กับบาบิโลนดินแดนแห่งพ่อค้าวาณิช แต่ถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังไม่จุใจ

30 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า ทำไมเจ้าช่างอ่อนไหวใจง่ายจนทำสิ่งต่างๆ ถึงเพียงนี้ ทำตัวเป็นหญิงแพศยาหน้าด้าน!

31 เมื่อเจ้าสร้างเนินต่างๆ ไว้ที่หัวถนน และสถานบูชาที่สูงตระหง่านในลานชุมชนทุกแห่ง เจ้าก็ยังต่างจากหญิงโสเภณีก็ตรงที่เจ้าไม่แยแสค่าจ้าง

32 “ ‘เจ้าคือภรรยาแพศยา! เจ้าชื่นชอบคนแปลกหน้ายิ่งกว่าสามีของตนเอง

33 หญิงโสเภณีทุกคนได้รับค่าจ้าง แต่เจ้าให้ของกำนัลแก่ชู้รักทั้งปวง ให้สินบนจ้างเขามาหาเจ้าจากทุกหนทุกแห่ง เพื่อสนองราคะตัณหาของเจ้า

34 ฉะนั้นในการแพศยาของเจ้า เจ้าจึงแตกต่างจากโสเภณีอื่นๆ คือไม่มีใครตามจีบเอาใจเจ้า เจ้าแตกต่างมากเพราะว่าเจ้ายอมจ่ายค่าจ้าง แต่ไม่ได้อะไรตอบแทน

35 “ ‘ฉะนั้นหญิงแพศยาเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า!

36 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าโปรยหว่านราคะตัณหาและเผยความเปลือยเปล่าของตนโดยการสำส่อนกับชู้รักทั้งหลาย และเนื่องจากรูปเคารพอันน่าชิงชังของเจ้า รวมถึงการเซ่นสังเวยเลือดลูกๆ ของเจ้าแก่พระเหล่านั้น

37 ฉะนั้นเราจะรวบรวมชู้รักทุกคนที่เจ้าชื่นชอบ ทั้งผู้ที่เจ้ารักและผู้ที่เจ้าเกลียด เราจะรวบรวมเขาจากทุกด้านมาเล่นงานเจ้า เราจะริบทุกสิ่งจากเจ้าไปต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาทุกคนจะเห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า

38 เราจะตัดสินลงโทษเจ้าในฐานะผู้หญิงที่ล่วงประเวณีและฆ่าคน เราจะทำให้เจ้าโชกเลือดด้วยความกริ้วและความหึงหวงของเรา

39 แล้วเราจะมอบเจ้าแก่บรรดาชู้รักของเจ้า พวกเขาจะทลายเนินสูง และทำลายสถานบูชาที่สูงตระหง่านของเจ้า พวกเขาจะทำให้เจ้าล่อนจ้อน และริบเอาเพชรนิลจินดาสวยๆ งามๆ ไป และเปลื้องอาภรณ์ของเจ้าออก ทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่า

40 พวกเขาจะยกขบวนมาสู้กับเจ้า ซึ่งจะขว้างก้อนหินใส่เจ้าและจะฟาดฟันเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ด้วยดาบของพวกเขา

41 พวกเขาจะเผาบ้านเรือนของเจ้า และลงโทษเจ้าต่อหน้าต่อตาผู้หญิงมากมาย เราจะยุติการแพศยาของเจ้าและเจ้าจะไม่จ่ายค่าจ้างให้บรรดาชู้รักของเจ้าอีกต่อไป

42 เมื่อนั้นโทสะที่เรามีต่อเจ้าจะยุติลง และความหึงหวงของเราจะหันเหไปจากเจ้า เราจะสงบอารมณ์และจะไม่โกรธอีก

43 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เพราะเจ้าไม่ได้ระลึกถึงวัยเยาว์ของเจ้า แต่ยั่วโมโหเราด้วยสิ่งทั้งหมดนี้ แน่นอนเราจะตอบแทนเจ้าให้สาสมกับสิ่งที่เจ้าทำลงไป เจ้าไม่ได้เพิ่มความลามกต่ำทรามเข้ากับการกระทำอันน่าชิงชังทั้งหลายของเจ้าหรอกหรือ?

44 “ ‘ทุกคนที่ยกภาษิตมากล่าว จะกล่าวถึงเจ้าด้วยภาษิตที่ว่า “แม่เป็นอย่างไร ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น”

45 เจ้าเป็นลูกแท้ๆ ของแม่เจ้า ผู้เกลียดชังสามีกับลูกๆ ของตน และเจ้าเป็นน้องแท้ๆ ของพี่สาวเจ้า ผู้เกลียดชังสามีกับลูกๆ ของตน แม่ของเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์และพ่อของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์

46 พี่สาวของเจ้าคือสะมาเรียผู้อาศัยอยู่ทางเหนือกับลูกสาวทั้งหลายของนาง น้องสาวของเจ้าคือโสโดมซึ่งอาศัยอยู่ทางใต้กับลูกสาวทั้งหลายของนาง

47 เจ้าไม่เพียงแต่ดำเนินในวิถีทางอันชั่วร้ายของพวกเขา และเลียนแบบการกระทำอันน่าชิงชังของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่นานวิถีทั้งปวงของเจ้าก็ต่ำทรามยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก

48 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด โสโดมน้องสาวของเจ้ากับลูกๆ ของนางยังไม่เคยทำสิ่งที่เจ้ากับลูกสาวทั้งหลายของเจ้าทำลงไปฉันนั้น

49 “ ‘บัดนี้โสโดมน้องสาวของเจ้ามีบาปคือ นางกับลูกๆ ที่หยิ่งยโสได้รับการบำรุงบำเรอเกินขนาดและไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด พวกเขาไม่ช่วยเหลือคนยากจนขัดสน

50 เขาจองหองและทำสิ่งที่น่าชิงชังต่อหน้าเรา ฉะนั้นเราจึงกำจัดพวกเขาไปตามที่เจ้าได้เห็นแล้ว

51 สะมาเรียทำบาปไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า เจ้าทำสิ่งที่น่าชิงชังยิ่งกว่าที่พวกเขาทำ การกระทำทั้งสิ้นของเจ้าพลอยทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูชอบธรรมขึ้น

52 เจ้าจงทนรับความอับอายขายหน้าไป เพราะเจ้าทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูดีกว่า เนื่องจากบาปของเจ้าชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าของพวกเขา พวกเขาจึงดูเป็นฝ่ายชอบธรรม ฉะนั้นจงละอายแก่ใจและทนรับความอัปยศอดสูของเจ้าไปเถิด เพราะเจ้าทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูชอบธรรม

53 “ ‘แต่เราจะคืนความรุ่งโรจน์ให้แก่โสโดมกับบรรดาลูกสาวของนาง คืนให้แก่สะมาเรียกับบรรดาลูกสาวของนาง และคืนความรุ่งโรจน์ให้แก่เจ้าด้วย

54 เพื่อเจ้าจะทนรับความอับอายขายหน้าและละอายใจในสิ่งทั้งปวงที่พวกเจ้าทำลงไป ซึ่งเป็นการปลอบประโลมพวกเขา

55 แล้วพี่สาวน้องสาวของเจ้าคือ โสโดมกับลูกๆ และสะมาเรียกับลูกๆ จะคืนสู่สภาพเดิม และเจ้ากับลูกๆ ก็จะคืนสู่สภาพเดิมด้วย

56 เจ้าไม่ยอมแม้แต่จะเอ่ยถึงโสโดมน้องสาวของเจ้าในวันแห่งความหยิ่งผยองของเจ้า

57 ก่อนหน้าความชั่วร้ายของเจ้าจะถูกเปิดโปง ถึงอย่างนั้นตอนนี้เจ้าก็ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยธิดาทั้งหลายแห่งเอโดมและเพื่อนบ้านทั้งปวงของนาง รวมทั้งธิดาทั้งหลายของชาวฟีลิสเตีย คือคนทั้งปวงรอบตัวเจ้าก็ดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า

58 เจ้าจะต้องทนรับผลจากความลามกต่ำทราม และการกระทำอันน่าชิงชังของเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

59 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะจัดการกับเจ้าอย่างสาสม เพราะเจ้าลบหลู่ดูหมิ่นคำปฏิญาณของเราโดยละเมิดพันธสัญญา

60 ถึงกระนั้นเราก็จะระลึกถึงพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้าเมื่อครั้งเจ้ายังเยาว์วัย และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า

61 แล้วเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางของเจ้าและละอายใจ เมื่อเรายกพี่สาวน้องสาวของเจ้าให้เป็นลูกสาวของเจ้า แต่ไม่ใช่ตามพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้า

62 ดังนั้นเราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

63 เมื่อนั้นเราจะลบล้างมลทินบาปให้เจ้าสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าทำลงไป เจ้าจะจำได้และละอายใจ ไม่กล้าปริปากอีกเลยเนื่องจากความละอายของเจ้า’ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/16-3b200a4477858550fc105aed15b5d9b6.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 17

นกอินทรีสองตัวและเถาองุ่น

1 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยกอุทาหรณ์และกล่าวคำอุปมาแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล

3 จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า นกอินทรีใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีปีกทรงพลัง และขนยาวดกหลากสีบินมายังเลบานอน มันเกาะที่ยอดต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่ง

4 มันจิกหน่อที่สูงที่สุด และคาบไปยังนครของพ่อค้าวาณิชทั้งหลาย แล้วปลูกหน่อนั้นลงในเมืองของพ่อค้า

5 “ ‘นกอินทรีนั้นคาบเมล็ดพืชจากดินแดนของเจ้าไปปลูกไว้ในดินที่อุดมสมบูรณ์ มันปลูกไว้เหมือนต้นหลิวที่อยู่ริมน้ำอันอุดมสมบูรณ์

6 ต้นไม้นั้นก็งอกงามและกลายเป็นเถาองุ่นพุ่มเตี้ย มันแผ่กิ่งก้านเลื้อยไปทางนกอินทรี แต่รากของมันยังคงอยู่ข้างใต้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเถาองุ่นที่แผ่กิ่งก้านและใบดกหนา

7 “ ‘แต่มีนกอินทรีใหญ่อีกตัวหนึ่งบินมา มันมีปีกทรงพลังและมีขนดก เถาองุ่นก็ชอนรากจากจุดที่ขึ้นอยู่และแผ่ก้านมาหามันเพื่อให้มันรดน้ำให้

8 ทั้งๆ ที่ตัวเองก็งอกอยู่ในดินดีมีน้ำอุดมสมบูรณ์ พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขา ออกผล และกลายเป็นเถาองุ่นชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว’

9 “จงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เถาองุ่นนั้นจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่ถูกถอนรากปลิดผลจนเหี่ยวแห้งไปหรือ? ใบอ่อนของมันจะเหี่ยวแห้งหมด ไม่ต้องใช้แขนที่แข็งแรงมากหรือคนหมู่ใหญ่ในการถอนรากเถาองุ่นนั้นขึ้นมา

10 แม้มันถูกย้ายไปปลูก มันจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งไปหมดสิ้นเมื่อถูกลมตะวันออกพัดกระหน่ำหรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งคาที่ที่มันงอกขึ้นมาหรือ?’ ”

11 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

12 “จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไร?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘กษัตริย์บาบิโลนมายังเยรูซาเล็มและกวาดต้อนกษัตริย์และบรรดาขุนนางพากลับไปยังบาบิโลน

13 แล้วพระองค์ทรงพาเจ้านายผู้หนึ่งมาและได้ทำสัญญากับเขา ให้เขาถวายสัตยาบันว่าจะจงรักภักดี แล้วพระองค์ก็ทรงนำคนระดับผู้นำของดินแดนนั้นไปด้วย

14 เพื่ออาณาจักรนั้นจะตกต่ำลงและไม่สามารถรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีก จะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อรักษาสัญญา

15 แต่กษัตริย์นั้นก็กบฏต่อพระองค์โดยส่งทูตไปยังอียิปต์ ขอม้าและกองทัพใหญ่มาช่วย เขาจะทำการสำเร็จหรือ? ผู้ที่ทำเช่นนั้นจะหนีรอดไปได้หรือ? เขาละเมิดสัญญาแล้วยังจะหนีรอดไปได้หรือ?

16 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เขาจะตายในบาบิโลน ในดินแดนของกษัตริย์ผู้ที่ตั้งเขาขึ้นครองราชบัลลังก์ ผู้ที่เขาลบหลู่สัตยาบันและผิดสัญญาที่ให้ไว้ฉันนั้น

17 ฟาโรห์พร้อมกับทัพหลวงอันเกรียงไกรและกำลังพลมากมายจะช่วยเขาไม่ได้ในสงคราม เมื่อเชิงเทินถูกสร้างขึ้นและเครื่องล้อมเมืองถูกตั้งขึ้นเพื่อทำลายชีวิตคนเป็นอันมาก

18 เขาผิดสัตยาบันโดยละเมิดพันธสัญญา เพราะเขาถวายสัตยาบันแล้วยังทำเช่นนี้ เขาจะหนีไม่รอด

19 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะลงทัณฑ์เขาตามคำปฏิญาณของเราที่เขาลบหลู่ และตามพันธสัญญาของเราที่เขาละเมิดฉันนั้น

20 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะติดอยู่ในกับดักของเรา เราจะนำเขาไปยังบาบิโลนและพิพากษาลงโทษเขาที่นั่น เพราะเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา

21 ทหารทั้งปวงของเขาที่หนีไปจะตายด้วยดาบและผู้รอดชีวิตอยู่จะถูกทำให้กระจัดกระจายไปตามลม เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้

22 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราเองนี่แหละจะเอาหน่อจากยอดของสนซีดาร์ไปปลูกไว้ เราจะหักหน่ออ่อนจากยอดไปปลูกไว้บนภูเขาสูง

23 เราจะปลูกมันไว้บนยอดเขาแห่งอิสราเอล มันจะแผ่กิ่งก้านสาขาและผลิผลกลายเป็นสนซีดาร์ชั้นเยี่ยม นกทุกชนิดจะมาสร้างรังและอาศัยอยู่ใต้ร่มไม้ของมัน

24 ต้นไม้ทั้งปวงในท้องทุ่งจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โค่นต้นไม้สูงลงและทำให้ต้นไม้เตี้ยสูงขึ้น ทำให้ต้นไม้เขียวเหี่ยวเฉา และให้ต้นไม้แห้งผลิงาม

“ ‘เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำเช่นนั้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/17-4619e2d440cf2cbda68c0c91bf08680d.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 18

จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “พวกเจ้าหมายความว่าอะไรที่กล่าวภาษิตเกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลว่า

“ ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว

ลูกก็เข็ดฟัน’?

3 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เจ้าจะไม่กล่าวภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไปฉันนั้น

4 เพราะจิตวิญญาณทุกดวงเป็นของเรา ทั้งของพ่อและของลูกล้วนเป็นของเรา จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย

5 “สมมุติว่ามีคนชอบธรรมคนหนึ่ง

ซึ่งทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม

6 เขาไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา

หรือพึ่งรูปเคารพทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล

เขาไม่ได้สร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน

หรือหลับนอนกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน

7 เขาไม่ได้ข่มเหงรังแกผู้ใด

แต่คืนของประกันให้แก่ลูกหนี้

เขาไม่ได้ปล้นชิง

แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย

และให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ที่เปลือยกาย

8 เขาไม่ได้ให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ

หรือหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ

เขายั้งมือจากการทำความชั่ว

และเขาตัดสินเพื่อนมนุษย์อย่างยุติธรรม

9 เขาปฏิบัติตามกฎหมายของเรา

และรักษาบทบัญญัติของเราอย่างซื่อสัตย์

ผู้นั้นเป็นคนชอบธรรม

เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่นอน

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

10 “สมมุติว่าชายคนนั้นมีบุตรชายเหี้ยมโหดซึ่งทำให้โลหิตตกหรือทำสิ่งต่อไปนี้

11 (แม้ว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย)

“เขารับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา

เขาสร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน

12 เขาข่มเหงรังแกคนยากจนและคนขัดสน

เขาปล้นชิง

เขาไม่ยอมคืนของประกัน

เขาพึ่งรูปเคารพ

เขาทำสิ่งที่น่าชิงชัง

13 เขาให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุและหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ

คนเช่นนั้นจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือ? ไม่เลย! เพราะเขาทำสิ่งน่าชิงชังทั้งปวงนี้ เขาจะต้องถูกประหารอย่างแน่นอน และที่เขาต้องตายนั้นก็เป็นความผิดของเขาเอง

14 “แต่หากชายคนนี้มีบุตรชายซึ่งเห็นบาปทั้งปวงที่บิดาทำ และแม้เห็นก็ไม่ได้ทำตาม

15 “เขาไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา

หรือพึ่งรูปเคารพทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล

เขาไม่ได้สร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน

16 เขาไม่ได้ข่มเหงรังแกผู้ใด

หรือเรียกร้องของประกันในการกู้ยืม

เขาไม่ได้ปล้นชิง

แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย

และให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ที่เปลือยกาย

17 เขายั้งมือจากบาป

และให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ หรือหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ

เขารักษาบทบัญญัติและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเรา

เขาจะไม่ตายเพราะบาปของบิดา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน

18 ส่วนผู้เป็นบิดานั้นจะตายเพราะบาปของตน เนื่องจากเขาขู่กรรโชกทรัพย์ ปล้นชิงพี่น้อง และทำผิดในหมู่ประชากรของเขา

19 “กระนั้นเจ้าก็ยังถามว่า ‘ทำไมลูกไม่ต้องร่วมรับโทษความผิดของพ่อ?’ เมื่อลูกได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม และได้ใส่ใจทำตามกฎเกณฑ์ของเราอย่างถี่ถ้วน เขาจะดำรงชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

20 ผู้ใดที่ทำบาป ผู้นั้นจะต้องตาย ลูกไม่ต้องร่วมรับโทษกับความผิดของพ่อ ทั้งพ่อก็ไม่ต้องร่วมรับโทษกับความผิดของลูก คนชอบธรรมจะได้รับผลแห่งความชอบธรรมของเขา และคนชั่วก็จะได้รับการกล่าวโทษจากความชั่วร้ายของเขา

21 “แต่หากคนชั่วหันหนีจากบาปทั้งปวงที่ตนทำ แล้วรักษากฎหมายทั้งสิ้นของเราและทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย

22 ความผิดพลาดทั้งสิ้นที่เขาได้ทำลงไปจะไม่เป็นที่จดจำและไม่นำมาเป็นข้อกล่าวโทษเขา เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งชอบธรรมที่เขาได้ทำนั้น

23 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เราพึงพอใจในความตายของคนชั่วร้ายหรือ? เราไม่ยินดีมากกว่าหรือเมื่อเขาหันจากทางชั่วของตนและมีชีวิตอยู่?

24 “แต่หากคนชอบธรรมหันหนีจากความชอบธรรมของตนไปทำบาป และทำสิ่งที่น่าชิงชังเช่นเดียวกับคนชั่ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ? ความชอบธรรมทั้งปวงที่เขาได้ทำจะไม่เป็นที่จดจำ เขาจะตายโทษฐานที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพราะบาปทั้งหลายที่เขาได้ทำ

25 “ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ? วิถีทางของเจ้าต่างหากไม่ใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม?

26 หากคนชอบธรรมหันหนีจากความชอบธรรมของตนไปทำบาป เขาจะตาย เขาจะตายเพราะบาปที่เขาได้ทำลงไป

27 แต่หากคนชั่วหันหนีจากความชั่วที่ทำไปแล้ว และกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะช่วยชีวิตตนเองไว้

28 เพราะเขาใคร่ครวญ และหันหนีจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้นที่ทำไปแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย

29 ถึงกระนั้นพงศ์พันธุ์อิสราเอลก็ยังกล่าวว่า ‘วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ ประชากรอิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ? วิถีทางของเจ้าต่างหากไม่ใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม?

30 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ฉะนั้นพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะตัดสินเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของเจ้า จงกลับใจใหม่! หันหนีจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้นของเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ต้องพินาศล่มจมเพราะบาป

31 จงละทิ้งการล่วงละเมิดทั้งสิ้นที่ทำลงไป และรับเอาจิตใจและวิญญาณใหม่เถิด พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะตายทำไมเล่า?

32 เพราะเราไม่ได้พึงพอใจในความตายของผู้หนึ่งผู้ใด จงกลับใจใหม่และมีชีวิตอยู่เถิด! พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/18-001fd0c9e85ecf06aa49d5fa5671ca3b.mp3?version_id=179—