Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 19

บทคร่ำครวญแด่เจ้านายของอิสราเอล

1 “จงคร่ำครวญอาลัยถึงบรรดาเจ้านาย ของอิสราเอล

2 และกล่าวว่า

“ ‘มารดาของเจ้าช่างเหมือนนางสิงห์

ในหมู่สิงห์เสียนี่กระไร!

นางเอนกายลงในหมู่สิงห์หนุ่ม

และเลี้ยงดูลูกๆ ของนาง

3 ลูกสิงห์ตัวหนึ่งของนาง

เติบโตเป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า

เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ

และขย้ำมนุษย์

4 เมื่อประชาชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องของเขา

ก็ดักจับเขาไว้ได้ในหลุมพราง

พวกเขาเอาขอเกี่ยวสิงห์หนุ่มนั้น

นำเขาไปยังดินแดนอียิปต์

5 “ ‘เมื่อนางสิงห์เห็นว่าความหวังไม่เป็นจริง

ความคาดหมายก็สูญสิ้นไป

นางจึงเอาลูกสิงห์อีกตัวหนึ่งมาเลี้ยง

ให้เป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า

6 เขาเที่ยวไปในหมู่สิงห์

เพราะบัดนี้เขาเป็นสิงห์หนุ่มแกร่งกล้า

เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ

และขย้ำมนุษย์

7 เขาทลายที่มั่น

และทำลายล้างเมืองต่างๆ ของพวกเขา

ดินแดนนั้นและพลเมืองทุกคนก็ตระหนกตกใจ

เมื่อเขาขู่คำราม

8 แล้วประชาชาติทั้งปวงจากภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ

ก็มาสู้กับเขา

พวกเขากางตาข่ายดักเขา

แล้วก็จับเขาได้ในหลุมพราง

9 เขาถูกลากด้วยขอเกี่ยวไปขังไว้ในกรง

ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์บาบิโลน

เขาถูกขังไว้ในคุก

จึงไม่ได้ยินเสียงคำรามของเขา

บนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลอีกต่อไป

10 “ ‘มารดาของเจ้าเหมือนเถาองุ่น

ปลูกไว้ริมน้ำในสวนองุ่นของเจ้า

มีผลดกและเต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขา

เพราะมีน้ำท่าบริบูรณ์

11 กิ่งก้านของมันแข็งแรง

เหมาะเป็นคทาของผู้ครอบครอง

มันชูก้านสูง

เหนือแขนงอันหนาทึบ

โดดเด่นเพราะชูขึ้นสูง

และแผ่ก้านงาม

12 แต่มันถูกถอนรากขึ้นมาด้วยโทสะอันแรงกล้า

และถูกเหวี่ยงทิ้งลงกับพื้น

ลมตะวันออกทำให้มันเหี่ยวเฉา

ผลของมันถูกปลิดไป

กิ่งก้านแข็งแรงของมันเหี่ยวเฉา

และไฟก็เผาผลาญมัน

13 บัดนี้มันถูกนำไปปลูกไว้ในถิ่นกันดาร

ซึ่งพื้นดินแห้งแล้งแตกระแหง

14 มีไฟลามออกมาจากกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่งของมัน

เผาผลของมันวอดวาย

จึงไม่เหลือกิ่งก้านแข็งแรง

ที่เหมาะจะทำเป็นคทาของผู้ครอบครองอีก’

“นี่คือบทคร่ำครวญและเอาไว้ใช้ในยามคร่ำครวญ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/19-53d0f5fccaabe5e4f7e355eacecebf30.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 20

อิสราเอลจอมกบฏ

1 ในวันที่สิบเดือนที่ห้าของปีที่เจ็ดผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนมาร้องขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

2 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้ามาถามเราหรือ? เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ยอมให้เจ้ามาถามอะไรเราฉันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’

4 “เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ? เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ บุตรมนุษย์เอ๋ย? ถ้าเช่นนั้น จงกล่าวโทษเรื่องความประพฤติอันน่าชิงชังของบรรพบุรุษของพวกเขา

5 จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราเลือกอิสราเอล เราชูมือขึ้นกล่าวปฏิญาณแก่ลูกหลานของพงศ์พันธุ์ของยาโคบและแสดงตัวแก่พวกเขาในอียิปต์ เราชูมือขึ้นกล่าวกับพวกเขาว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า”

6 ในวันนั้นเราปฏิญาณต่อพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนที่เราสรรหาให้พวกเขา เป็นดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นดินแดนอันงดงามที่สุด

7 และเรากล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าทุกคน จงกำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่เจ้าหมายพึ่งและอย่าปล่อยตัวให้เป็นมลทินด้วยบรรดารูปเคารพของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

8 “ ‘แต่พวกเขาก็กบฏต่อเราและไม่ยอมฟังเรา เขาไม่ได้กำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่ตนหมายพึ่ง ทั้งไม่ได้ละทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ ฉะนั้นเราจึงได้ลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะอันรุนแรงลงเหนือพวกเขาในอียิปต์

9 แต่เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราทำสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้นามของเราเป็นที่ลบหลู่ในสายตาของชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย และที่ได้เห็นเราแสดงตัวแก่อิสราเอลโดยการนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์

10 ฉะนั้นเราจึงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ พาเข้าสู่ถิ่นกันดาร

11 เรามอบกฎหมายของเราแก่เขา และให้พวกเขาเรียนรู้บทบัญญัติของเรา ซึ่งผู้ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัติเหล่านั้น

12 และเราได้มอบวันสะบาโตแก่พวกเขา เป็นหมายสำคัญระหว่างเราทั้งสองฝ่าย เพื่อพวกเขาจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์

13 “ ‘ถึงอย่างนั้นชนชาติอิสราเอลก็กบฏต่อเราในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา แต่ละคนทิ้งบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัตินั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมองที่สุด ฉะนั้นเราจึงลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะลงเหนือพวกเขา และทำลายล้างพวกเขาในถิ่นกันดาร

14 แต่เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราจึงปกป้องนามของเราไว้ ไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของชนชาติทั้งหลายซึ่งเห็นเรานำอิสราเอลออกมา

15 และเราชูมือปฏิญาณในถิ่นกันดารว่าจะไม่นำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนซึ่งเรามอบให้ ดินแดนอันงดงามที่สุด อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง

16 เนื่องจากพวกเขาละทิ้งบทบัญญัติของเรา ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง เพราะจิตใจของเขาฝักใฝ่ในรูปเคารพ

17 ถึงกระนั้นเราก็เหลียวแลพวกเขาด้วยความสงสาร ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา หรือให้พวกเขาถึงจุดจบในถิ่นกันดาร

18 เรากล่าวแก่ลูกหลานของพวกเขาในถิ่นกันดารว่า “อย่าประพฤติตามกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษของเจ้า หรือทำตามบทบัญญัติของพวกเขา หรือทำตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา

19 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า จงปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และรักษาบทบัญญัติของเราอย่างถี่ถ้วน

20 จงรักษาสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้า เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

21 “ ‘แต่ลูกหลานนั้นก็กบฏต่อเรา พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา ไม่ได้ใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ปฏิบัติตามจะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยบทบัญญัติเหล่านั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง เราจึงลั่นวาจาไว้ว่าเราจะเทโทสะอันรุนแรงลงบนพวกเขาและระบายความโกรธต่อพวกเขาในถิ่นกันดาร

22 แต่เราก็ยั้งมือไว้เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราจึงปกป้องนามของเราไว้ไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของชนชาติทั้งหลายซึ่งเห็นเรานำอิสราเอลออกมา

23 และเราชูมือปฏิญาณต่อพวกเขาในถิ่นกันดารว่า เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปยังชนชาติและประเทศต่างๆ

24 เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังบทบัญญัติของเรา แต่ได้ละทิ้งกฎหมายของเรา และทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง ทั้งยังมีตากระสันหารูปเคารพทั้งหลายของบรรพบุรุษของพวกเขา

25 เราทิ้งพวกเขาไว้กับกฎเกณฑ์ที่ไม่ดีและกับบทบัญญัติซึ่งไม่ช่วยให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้

26 เราปล่อยให้พวกเขาเป็นมลทินโดยการถวายลูกหัวปีแก่รูปเคารพเพื่อเราจะทำให้พวกเขาสยดสยอง พวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’

27 “ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงบอกประชากรอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในเรื่องนี้บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ยังได้หมิ่นประมาทเราโดยการละทิ้งเรา

28 เมื่อเรานำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนที่เราปฏิญาณไว้ว่าจะมอบให้พวกเขา และพวกเขาเห็นภูเขาสูงหรือต้นไม้ใบดก พวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาต่างๆ ถวายเครื่องหอมและเทเครื่องดื่มบูชา พวกเขาถวายเครื่องเซ่นสังเวยต่างๆ ยั่วโทสะเรา

29 เราจึงกล่าวแก่พวกเขาดังนี้ว่า สถานบูชาบนที่สูงที่พวกเจ้าไปนั้นคืออะไรกัน?’ ” (เขาจึงเรียกกันว่าบามาห์ตราบจนทุกวันนี้)

การพิพากษาและการกลับสู่สภาพดี

30 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะทำตัวเป็นมลทินแบบเดียวกับบรรพบุรุษ และกระสันหาเหล่าเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ของพวกเขาหรือ?

31 เมื่อเจ้าเซ่นสังเวยโดยให้ลูกชายของเจ้าเป็นเครื่องบูชาในกองไฟเจ้าก็ยังคงปล่อยตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพตราบจนทุกวันนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราควรยอมให้เจ้ามาถามเราหรือ? พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ยอมให้เจ้ามาถามเราฉันนั้น

32 “ ‘เจ้ากล่าวว่า “เราอยากเป็นเหมือนประชาชาติ เหมือนชนชาติต่างๆ ในโลกที่ปรนนิบัติไม้และหิน” แต่สิ่งที่เจ้าคิดหมายไว้ในใจจะไม่มีวันเป็นไปได้

33 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะปกครองเจ้าด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่เหยียดออก และด้วยโทสะที่ระบายลงมาฉันนั้น

34 เราจะนำเจ้ามาจากชาติต่างๆ และรวบรวมเจ้าออกมาจากนานาประเทศที่เจ้าถูกทำให้กระจัดกระจายไปด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่เหยียดออก และด้วยโทสะที่ระบายลงมา

35 เราจะนำเจ้าเข้าสู่ถิ่นกันดารของชนชาติต่างๆ และเราจะพิพากษาลงโทษเจ้าซึ่งๆ หน้าที่นั่น

36 เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นกันดารของอียิปต์อย่างไร เราจะพิพากษาเจ้าอย่างนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

37 เราจะนับเจ้าขณะเจ้าผ่านไปใต้คทาของเรา และจะนำเจ้าเข้าสู่ข้อผูกมัดแห่งพันธสัญญา

38 เราจะชำระและแยกเจ้าออกมาจากบรรดาผู้ที่กบฏและทรยศเรา แม้ว่าเราจะนำคนเหล่านั้นออกมาจากดินแดนที่เขาอาศัยอยู่ แต่เขาจะไม่ได้เข้าในแผ่นดินอิสราเอล เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

39 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ฝ่ายเจ้าจงไปปรนนิบัติรูปเคารพต่างๆ ของเจ้าเถิด เจ้าทุกคนนี่แหละ! แต่ภายหลังเจ้าจะฟังเราอย่างแน่นอน และไม่ลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเราด้วยของถวายและรูปเคารพทั้งหลายของเจ้าอีกต่อไป

40 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดจะปรนนิบัติเราบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา บนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล เราจะยอมรับพวกเขาที่นั่น เราประสงค์เครื่องบูชาและของถวายที่คัดมาอย่างดีที่สุดพร้อมทั้งเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ทุกอย่างของเจ้า

41 เราจะรับเจ้าไว้เป็นเครื่องหอมเมื่อเรานำเจ้าออกมาจากประชาชาติต่างๆ และรวบรวมเจ้าออกมาจากนานาประเทศที่เราทำให้เจ้ากระจัดกระจายออกไปนั้น เราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราในหมู่พวกเจ้าต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย

42 เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเรานำเจ้าเข้าสู่ดินแดนอิสราเอล คือดินแดนที่เราได้ชูมือขึ้นปฏิญาณไว้ว่าจะยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้า

43 เจ้าจะหวนระลึกถึงความประพฤติและการกระทำทุกอย่างที่เจ้าทำให้ตัวเองเป็นมลทินที่นั่น และเจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะความชั่วร้ายทั้งปวงที่เจ้าได้ทำลงไป

44 วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเราจัดการกับเจ้าโดยเห็นแก่นามของเรา ไม่ใช่ตามวิถีชั่วร้ายและความประพฤติอันเสื่อมทรามของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษเมืองทางใต้

45 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

46 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังทิศใต้ กล่าวตำหนิเมืองทางใต้และพยากรณ์กล่าวโทษป่าไม้ของแดนใต้

47 จงกล่าวแก่ป่าไม้แดนใต้ว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะจุดไฟเผาเจ้า ซึ่งจะเผาผลาญต้นไม้ทุกต้นของเจ้า ทั้งที่เขียวสดและเหี่ยวแห้ง เปลวไฟลุกจ้าจะไม่ดับ และทุกใบหน้าจากทิศใต้ไปถึงทิศเหนือจะถูกไฟนั้นแผดเผา

48 ทุกๆ คนจะเห็นว่า เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้จุดไฟนั้น มันจะไม่ดับลง’ ”

49 แล้วข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต! พวกเขากำลังกล่าวเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า ‘เขาเพียงแต่กำลังกล่าวคำอุปมาไม่ใช่หรือ?’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/20-e9db97cb0ee172c9e90bb653b4a0bc3d.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 21

บาบิโลนคือดาบแห่งการพิพากษาของพระเจ้า

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังเยรูซาเล็ม และกล่าวตำหนิสถานนมัสการ จงพยากรณ์แก่ดินแดนอิสราเอล

3 และกล่าวแก่ดินแดนนั้นว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะชักดาบออกจากฝัก และเอาชีวิตทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมไปจากเจ้า

4 เพราะเราจะไม่ไว้ชีวิตทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม เราจะชักดาบออกจากฝักฟาดฟันทุกคนจากเหนือจดใต้

5 แล้วคนทั้งปวงจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ชักดาบของเราออกจากฝักและจะไม่เก็บมันเข้าฝักอีก’

6 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย! จงคร่ำครวญต่อหน้าพวกเขาด้วยหัวใจที่แตกสลายและด้วยความทุกข์ระทมขมขื่น

7 และเมื่อพวกเขาถามว่า ‘เจ้าครวญครางทำไม?’ จงกล่าวว่า ‘เพราะข่าวที่มาถึงทำให้หัวใจทุกดวงฝ่อลง ทุกมือก็อ่อนเปลี้ย วิญญาณทุกดวงหมดแรง ทุกเข่าอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ’ สิ่งนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

8 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

9 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่ง

ลับไว้คมกริบและเปล่งประกายแวววับ

10 ลับไว้เพื่อเข่นฆ่า

คมกริบเปล่งประกายดั่งสายฟ้า!

“ ‘ยังจะให้พวกเราชื่นชมยินดีในไม้คทาแห่งยูดาห์ลูกของเราหรือ? ดาบนั้นรังเกียจไม้เช่นนั้นทุกอัน

11 “ ‘ดาบถูกลับไว้คมกริบ

กุมไว้มั่นกระชับมือ

ลับให้ขึ้นเงาไว้แล้ว

เตรียมพร้อมอยู่ในมือเพชฌฆาต

12 บุตรมนุษย์เอ๋ย จงร้องไห้คร่ำครวญเถิด

เพราะดาบนั้นฟาดฟันประชากรของเรา

มันห้ำหั่นบรรดาเจ้านายของอิสราเอล

พวกเขาตกเป็นเหยื่อคมดาบ

พร้อมกับประชากรของเรา

ฉะนั้นจงตีอกชกตัวตนเอง

13 “ ‘การทดสอบจะมาถึงอย่างแน่นอน จะว่าอย่างไรหากคทาแห่งยูดาห์ซึ่งดาบนั้นรังเกียจจะไม่คงอยู่ต่อไป? พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’

14 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์

จงปรบมือของเจ้า

ให้ดาบนั้นฟาดฟันสองครั้ง

หรือสามครั้ง

มันเป็นดาบเพื่อการเข่นฆ่า

คือเป็นดาบสำหรับการเข่นฆ่าครั้งใหญ่

ฟาดฟันพวกเขาจากรอบทิศ

15 หัวใจของเขาจึงฝ่อลงด้วยความกลัว

และผู้คนล้มตายเป็นเบือ

เราได้ตั้งดาบเข่นฆ่า

ไว้ที่ประตูทุกบาน

ดาบนั้นถูกกวัดแกว่งเปล่งประกายดั่งสายฟ้า

ถูกกุมไว้เพื่อการเข่นฆ่า

16 ดาบเอ๋ย จงฟันขวับไปทางขวา

แล้วฟันขวับไปทางซ้าย

ที่ไหนก็ได้ตามแต่คมของเจ้าจะพลิกหันไป

17 เราเองก็จะปรบมือด้วย

และโทสะของเราจะเบาบางลง

เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้”

18 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

19 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกาเครื่องหมายบอกทางสองสายไว้บนแผนที่ เพื่อให้ดาบของกษัตริย์ของบาบิโลนติดตามไป ทั้งสองสายเริ่มต้นจากประเทศเดียวกัน ทำป้ายบอกทางไว้ที่ถนนแยกเข้ากรุง

20 จงขีดบอกทางสายหนึ่งไว้ให้ดาบมาฟาดฟันเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน และอีกสายหนึ่งไปฟาดฟันยูดาห์กับเยรูซาเล็มซึ่งมีป้อมปราการ

21 เพราะกษัตริย์ของบาบิโลนจะหยุดอยู่ที่ทางแพร่ง ทางแยกของถนนสองสาย เขาจะเสี่ยงทายด้วยการเขย่าลูกธนู จะขอคำตอบจากรูปเคารพของเขา จะตรวจดูตับสัตว์เสี่ยงทาย

22 สลากของกรุงเยรูซาเล็มอยู่ในมือขวาของเขา เขาจะตั้งเครื่องกระทุ้งกำแพง ออกคำสั่งให้เข่นฆ่า โห่ร้องออกศึก ใช้เครื่องกระทุ้งกำแพงพังประตู ก่อเชิงเทินและสร้างปราการล้อมเมือง

23 สำหรับบรรดาผู้ถวายสัตยาบันเป็นพันธมิตรกับเขา จะรู้สึกว่ามันเป็นการเสี่ยงทายจอมปลอม แต่เขาจะทำให้คนเหล่านั้นระลึกถึงความผิดของตน แล้วก็จับคนเหล่านั้นไปเป็นเชลย

24 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากพวกเจ้าทำให้นึกถึงความผิดของเจ้า ที่เจ้าได้ทำการทรยศอย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผยบาปของตนออกมาในการกระทำทุกอย่าง เพราะเจ้าได้ทำเช่นนี้ เจ้าจึงจะตกเป็นเชลย

25 “ ‘เจ้านายแห่งอิสราเอลผู้ชั่วช้าเลวทรามเอ๋ย กำหนดเวลามาถึงเจ้าแล้ว วาระแห่งโทษทัณฑ์ของเจ้ามาถึงที่สุดแล้ว

26 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงปลดผ้าโพกศีรษะ จงถอดมงกุฎออก มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้ต่ำต้อยจะได้รับเกียรติ และผู้ทรงเกียรติจะตกต่ำลง

27 หายนะ! หายนะ! เราจะทำให้ถึงความหายนะ! จะไม่ได้กลับสู่สภาพดีจนกว่าผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมนั้นจะมา ซึ่งเราจะมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้นั้น’

28 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสเกี่ยวกับชาวอัมโมนและคำสบประมาทของพวกเขาไว้ว่า

“ ‘ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่ง

ถูกชักออกมาเพื่อการเข่นฆ่า

ลับไว้คมกริบเพื่อคร่าชีวิต

กวัดแกว่งเปล่งประกายดั่งสายฟ้า!

29 ทั้งๆ ที่มีนิมิตจอมปลอมเกี่ยวกับเจ้า

และคำทำนายเท็จเรื่องเจ้า

ดาบนั้นก็จ่ออยู่ที่คอของคนชั่ว

ผู้ที่กำลังจะถูกสังหาร

วันของเขามาถึงแล้ว

เวลาแห่งโทษทัณฑ์ของเขามาถึงที่สุดแล้ว

30 “ ‘จงเก็บดาบเข้าฝัก

เราจะพิพากษาเจ้า

ในที่ซึ่งเจ้าถูกสร้างขึ้น

ในดินแดนของบรรพบุรุษของเจ้า

31 เราจะระบายโทสะลงเหนือเจ้า

เราจะพ่นความเกรี้ยวกราดร้อนแรงใส่เจ้า

เราจะมอบเจ้าไว้ในมือของคนอำมหิต

ผู้ช่ำชองในการทำลายล้าง

32 เจ้าจะเป็นเชื้อฟืนให้ไฟ

เลือดของเจ้าจะหลั่งชโลมในดินแดนของเจ้า

จะไม่มีใครจดจำเจ้าอีก

เพราะเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/21-31a2dac3ec6824cd9f9e2a8f0274f2ba.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 22

บาปของเยรูซาเล็ม

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษากรุงนี้ไหม? เจ้าจะพิพากษานครแห่งการนองเลือดนี้หรือไม่? ฉะนั้นจงประณามพฤติกรรมอันน่าชิงชังของมัน

3 และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า กรุงที่นำหายนะมาสู่ตนเองโดยทำให้มีการหลั่งเลือดและปล่อยตัวแปดเปื้อนมลทินโดยการสร้างรูปเคารพ

4 เจ้ามีความผิดเพราะทำให้หลั่งเลือด และเจ้าแปดเปื้อนมลทินเพราะรูปเคารพที่ตนสร้างขึ้น เจ้านำจุดจบและอวสานมาถึงตัวเอง ฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าตกเป็นเป้าของการดูหมิ่นของชาติต่างๆ และเป็นที่เย้ยหยันของนานาประเทศ

5 ทั้งบรรดาผู้อยู่ใกล้และผู้อยู่ไกลจะเยาะเย้ยเจ้า โอ กรุงที่เสียชื่อและเต็มไปด้วยความโกลาหล

6 “ ‘ดูเถิด เจ้านายแต่ละองค์ของอิสราเอลใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้เกิดการนองเลือด

7 ในกรุงนี้ผู้คนดูหมิ่นเหยียดหยามพ่อแม่ของตน ในกรุงนี้พวกเขากดขี่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย

8 เจ้าดูหมิ่นสิ่งบริสุทธิ์ของเราและทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง

9 ในกรุงนี้มีคนพูดให้ร้าย มุ่งทำให้โลหิตตก ในกรุงนี้มีคนที่กินเลี้ยงในสถานบูชาบนภูเขาและทำสิ่งที่ชั่วช้าลามก

10 ในกรุงนี้มีผู้ล่วงประเวณีกับภรรยาของบิดา ในกรุงนี้มีคนหลับนอนกับผู้หญิงขณะที่นางมีประจำเดือนอันเป็นเวลาที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี

11 ในกรุงนี้มีคนที่ทำเรื่องต่ำช้าสามานย์กับภรรยาของเพื่อนบ้าน ในกรุงนี้บางคนทำให้ลูกสะใภ้เป็นมลทินน่าละอาย บางคนล่วงเกินพี่สาวน้องสาวร่วมบิดา

12 ในกรุงนี้มีคนที่รับสินบนเพื่อทำให้โลหิตตก มีเจ้าหนี้หน้าเลือดเรียกดอกเบี้ยอย่างขูดรีดขู่กรรโชกเอากำไรเพื่อนบ้าน และพวกเจ้าหลงลืมเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

13 “ ‘เราจะทุบกำปั้นลงเหนือกำไรที่เจ้าได้มาอย่างไม่ยุติธรรม และเหนือเลือดที่เจ้าทำให้หลั่งนองในหมู่พวกเจ้า

14 ในวันที่เราจัดการกับเจ้า เจ้าจะฝืนทนต่อไปได้หรือ? มือทั้งสองของเจ้าจะยังเข้มแข็งอยู่หรือ? เราผู้เป็นพระเจ้าได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น

15 เราจะกระจายพวกเจ้าออกไปท่ามกลางประชาชาติต่างๆ และนานาประเทศ เราจะเผาผลาญความโสมมของเจ้า

16 เมื่อเจ้าเป็นที่เสื่อมเสียในสายตาของชนชาติทั้งหลาย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

17 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

18 “บุตรมนุษย์เอ๋ย วงศ์วานอิสราเอลกลายเป็นขี้แร่สำหรับเรา เขาทั้งปวงเป็นทองแดง ดีบุก เหล็ก ตะกั่ว ที่เหลืออยู่ในเตาหลอม พวกเขาเป็นเพียงขี้แร่ของเงินเท่านั้น

19 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากเจ้าทั้งปวงกลายเป็นขี้แร่ เราจะรวบรวมเจ้าเข้าสู่เยรูซาเล็ม

20 ดั่งคนรวบรวมเงิน ทองแดง เหล็ก ตะกั่ว และดีบุกเข้าสู่เบ้าหลอม เพื่อถลุงด้วยไฟอันร้อนแรง เราก็จะรวบรวมพวกเจ้าด้วยความโกรธและโทสะของเรา กักเจ้าไว้ในกรุงนั้น แล้วหลอมเจ้า

21 เราจะรวบรวมเจ้า และกระพือโทสะอันร้อนแรงของเรากระหน่ำเจ้า แล้วเจ้าจะถูกหลอมอยู่ในกรุงนั้น

22 เจ้าจะหลอมเหลวอยู่ในกรุงนั้นเหมือนแร่เงินในเตาไฟ และเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ระบายโทสะลงเหนือเจ้า’ ”

23 พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกว่า

24 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ดินแดนนั้นว่า ‘เจ้าเป็นดินแดนที่ไม่ได้รับฝนหรือการชะล้างในวันแห่งพระพิโรธ’

25 บรรดาเจ้านายในดินแดนนั้น คบคิดการร้ายเหมือนสิงโตคำรามและฉีกเหยื่อ พวกเขาเขมือบชีวิตผู้คน ยึดทรัพย์สมบัติและของมีค่า และทำให้แม่ม่ายทวีจำนวนขึ้นในเขตแดน

26 เหล่าปุโรหิตของดินแดนนั้นละเมิดบทบัญญัติของเราและลบหลู่สิ่งบริสุทธิ์ของเรา เขาไม่แยกแยะระหว่างสิ่งที่บริสุทธิ์กับสิ่งสามัญ เขาสอนว่าสิ่งที่สะอาดและสิ่งที่มีมลทินก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน เขาปิดหูปิดตาไม่รักษาสะบาโตของเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงถูกลบหลู่ดูหมิ่นในหมู่พวกเขา

27 ข้าราชบริพารในดินแดนนั้นเป็นเหมือนสุนัขป่าขย้ำเหยื่อ พวกเขาทำให้เกิดการนองเลือดและเข่นฆ่าคนเพื่อผลประโยชน์ที่ได้มาอย่างไม่ยุติธรรม

28 บรรดาผู้เผยพระวจนะของดินแดนนั้นกลบเกลื่อนการกระทำให้พวกเขา โดยอ้างนิมิตเท็จและคำทำนายจอมปลอม พวกเขากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า’ ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัส

29 ชาวแผ่นดินนั้นทำการขู่กรรโชกและปล้นชิง เขากดขี่ข่มเหงผู้ยากไร้และขัดสน รังแกและไม่ให้ความเป็นธรรมแก่คนต่างด้าว

30 “เรามองหาใครสักคนในพวกเขาที่จะสร้างกำแพงขึ้นและยืนอยู่ต่อหน้าเรา อุดช่องโหว่เพื่อดินแดนนั้น เราจะได้ไม่ทำลายดินแดนนั้น แต่เราก็ไม่พบเลย

31 ฉะนั้นเราจะระบายโทสะลงเหนือเขา เผาผลาญพวกเขาด้วยความโกรธอันร้อนแรง ให้สิ่งทั้งปวงที่เขาทำไว้หวนกลับมาตกแก่เขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/22-d4e6fc79cde587b546ae69f22d9eb2fa.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 23

พี่น้องสองสาวผู้ล่วงประเวณี

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย มีพี่น้องสองสาวร่วมมารดา

3 ทั้งคู่กลายเป็นโสเภณีอยู่ในอียิปต์ ทำตัวแพศยาตั้งแต่สาวรุ่น หน้าอกของนางทั้งสองถูกเคล้าคลึง และอกพรหมจารีของนางถูกกอดรัดในดินแดนนั้น

4 พี่สาวชื่อโอโฮลาห์ น้องสาวคือโอโฮลีบาห์ ทั้งสองเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวหลายคน โอโฮลาห์คือสะมาเรีย ส่วนโอโฮลีบาห์คือเยรูซาเล็ม

5 “โอโฮลาห์เริ่มขายตัวตั้งแต่นางยังเป็นของเรา นางกระสันหาชู้รักของนาง คือเหล่านักรบอัสซีเรีย

6 ซึ่งล้วนเป็นหนุ่มหล่อเหลา แต่งกายชุดสีน้ำเงิน มีทั้งผู้ว่าการ แม่ทัพ และทหารม้า

7 นางทอดกายเยี่ยงโสเภณีแก่บรรดาผู้ทรงอำนาจของอัสซีเรีย และปล่อยตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งปวงของทุกคนที่นางกระสันหา

8 นางไม่ได้ละทิ้งการแพศยาที่นางเริ่มขึ้นในอียิปต์ เมื่อนางยังเป็นสาวรุ่นมีคนหลับนอนกับนาง กอดจูบอกพรหมจารีของนางและระบายราคะตัณหาแก่นาง

9 “ฉะนั้นเราจึงมอบนางแก่ชาวอัสซีเรีย ชู้รักซึ่งนางกระสันหา

10 เขาเหล่านั้นได้ปอกลอกนางจนล่อนจ้อนและฆ่านางด้วยดาบ จับลูกๆ ของนางไป นางถูกลงทัณฑ์และกลายเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ผู้หญิง

11 “โอโฮลีบาห์น้องสาวของนางเห็นเช่นนี้แล้ว กลับทำตัวเลวทรามยิ่งกว่าพี่สาวเสียอีก ในเรื่องราคะตัณหาและการขายตัว

12 นางก็เช่นเดียวกันไปกระสันหาชาวอัสซีเรีย ทั้งผู้ว่าการ แม่ทัพ นักรบในเครื่องแบบ ทหารม้าผู้โอ่อ่า ล้วนเป็นหนุ่มหล่อเหลา

13 เราเห็นว่านางก็แปดเปื้อนมลทินด้วย ทั้งสองคนเดินตามรอยเดียวกัน

14 “แต่การแพศยาของโอโฮลีบาห์ยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก นางเห็นภาพวาดสีแดงของชาวเคลเดียบนผนัง

15 คาดเข็มขัด คาดผ้าพลิ้วสะบัดบนศีรษะ มองดูเหมือนพลรถรบบาบิโลน ชาวพื้นเมืองของเคลเดีย

16 ทันทีที่นางเห็นก็ลุ่มหลงพวกเขา และถึงกับส่งทูตไปหาเขาในเคลเดีย

17 ชาวบาบิโลนจึงมาหานางถึงเตียงรัก และทำให้นางแปดเปื้อนด้วยราคะของพวกเขา หลังจากที่นางเป็นมลทินเพราะพวกเขาแล้ว นางก็เบือนหน้าหนีจากพวกเขาด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

18 เมื่อนางทำตัวแพศยาต่อไปอย่างโจ่งแจ้ง และเปิดเผยความเปลือยเปล่าของนาง เราก็เบือนหน้าหนีจากนางด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ เหมือนที่เราได้หันหน้าหนีจากพี่สาวของนาง

19 ถึงกระนั้นนางยิ่งสำส่อนเหลวแหลกมากขึ้น เมื่อระลึกถึงวัยสาวขณะเป็นโสเภณีอยู่ในอียิปต์

20 ที่นั่นนางกระสันหาชู้รักทั้งหลายของนางผู้ซึ่งอวัยวะเพศเหมือนของลาและอสุจิเหมือนของม้า

21 ดังนี้แหละ เจ้าจึงโหยหาความเหลวแหลกในวัยสาวเมื่อครั้งอยู่ในอียิปต์ ที่อกของเจ้าถูกกอดรัดและทรวงอกสาวของเจ้าถูกเคล้าคลึง

22 “ฉะนั้นโอโฮลีบาห์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะเร่งเร้าบรรดาชู้รักซึ่งเจ้าเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจนั้นมาสู้กับเจ้าจากทุกด้าน

23 ชาวบาบิโลน ชาวเคลเดียทั้งปวง ชายชาวเปโขดและโชอากับโคอา กับชาวอัสซีเรียทั้งปวงที่เป็นหนุ่มหล่อเหลา ทั้งผู้ว่าการและแม่ทัพ พลรถรบ ชนชั้นสูงทั้งหมดจะขี่ม้ามา

24 พวกเขาจะมาสู้รบกับเจ้าโดยมีอาวุธรถม้าศึก ขบวนเกวียน และกองทัพใหญ่ เขาจะตั้งฐานรบเพื่อสู้กับเจ้ารอบด้าน โดยมีโล่ใหญ่น้อยและหมวกเกราะ เราจะมอบเจ้าให้เขาลงโทษ เขาจะลงทัณฑ์เจ้าตามเกณฑ์ของเขา

25 เราจะนำโทสะอันหึงหวงของเรามาจัดการกับเจ้า พวกเขาจะเล่นงานเจ้าด้วยความเกรี้ยวกราด เขาจะตัดหูตัดจมูกของเจ้า ส่วนผู้ที่เหลืออยู่จะตายด้วยคมดาบ เขาจะจับตัวลูกชายลูกสาวของเจ้าไป และพวกเจ้าที่เหลืออยู่จะถูกเผาผลาญด้วยไฟ

26 เขาจะเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ และเพชรนิลจินดางดงามออกจากกายของเจ้า

27 เราจะยุติความลามกต่ำทรามและการแพศยาซึ่งเจ้าเริ่มขึ้นในอียิปต์ เจ้าจะไม่เหลียวแลสิ่งเหล่านี้ด้วยความปรารถนาหรือระลึกถึงอียิปต์อีกเลย

28 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะมอบเจ้าไว้ในเงื้อมมือของบรรดาผู้ที่เจ้าเกลียดชังและเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ

29 เขาจะจัดการกับเจ้าด้วยความเกลียดชังและปล้นชิงทุกอย่างที่เจ้าลงแรงทำ เขาจะทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่าและล่อนจ้อน และความอัปยศจากการขายตัวของเจ้าจะถูกเปิดโปง

30 ความสำส่อนและความมักมากของเจ้าได้นำเหตุร้ายนี้มายังเจ้า เพราะเจ้าหลงใหลชนชาติต่างๆ และปล่อยตัวเป็นมลทินเนื่องด้วยรูปเคารพของเขา

31 เจ้าเดินตามรอยพี่สาวของเจ้า ฉะนั้นเราจะเอาถ้วยเหล้าของพี่สาวเจ้าใส่ในมือของเจ้า

32 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“เจ้าจะดื่มจากถ้วยของพี่สาวของเจ้า

เป็นถ้วยใหญ่และลึก

ถ้วยนั้นจะนำความอัปยศและการเย้ยหยันมาให้

เป็นถ้วยที่จุได้มากมาย

33 เจ้าจะเมามายและเต็มไปด้วยความโศกสลด

ถ้วยของสะมาเรียพี่สาวของเจ้า

ถ้วยแห่งความพินาศและเริศร้าง

34 เจ้าจะดื่มและซดจนเกลี้ยง

เจ้าจะฟาดมันแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เจ้าจะตีอกชกตัวด้วยความทุกข์ระทม

เราได้ลั่นวาจาไว้ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

35 “เหตุฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าได้ลืมเราและเหวี่ยงเราไปข้างหลัง เจ้าจึงต้องรับผลอันเนื่องมาจากความสำส่อนและการแพศยาของเจ้า”

36 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษาโทษโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์หรือไม่? ฉะนั้นจงประณามพฤติกรรมอันน่าชิงชังของนางทั้งสอง

37 เพราะนางได้ล่วงประเวณีและมือของนางเปื้อนเลือด นางล่วงประเวณีโดยการเซ่นไหว้รูปเคารพ ถึงกับจับลูกๆ ซึ่งพวกนางคลอดให้เรานั้นบูชายัญแก่พระทั้งหลาย

38 พวกนางได้ทำแก่เราถึงเพียงนี้ คือในเวลาเดียวกันก็ทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทินและทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง

39 ในวันที่พวกนางเซ่นสังเวยลูกๆ แก่รูปเคารพ นางก็เข้ามาในสถานนมัสการของเรา และทำให้นิเวศของเราเป็นมลทิน นั่นคือสิ่งที่พวกนางได้ทำในนิเวศของเรา

40 “นางถึงกับส่งผู้สื่อสารไปเสาะหาผู้ชายจากแดนไกล และเมื่อคนเหล่านั้นมาถึง นางก็อาบน้ำชำระกายเพื่อเขา ทาตาและสวมเพชรนิลจินดา

41 นางนั่งบนตั่งอันงามโอ่อ่า มีโต๊ะอยู่ตรงหน้าซึ่งใช้วางเครื่องหอมและน้ำมันที่เป็นของเรา

42 “เสียงของพวกเสเพลดังอยู่รอบตัวนาง คนซาเบียนถูกนำมาจากถิ่นกันดารพร้อมกับคนงาน เขาสวมกำไลคล้องแขนของหญิงนั้นกับน้องสาว และสวมมงกุฎงามบนศีรษะของนาง

43 เราจึงกล่าวถึงนางผู้ทรุดโทรมไปเพราะการคบชู้ว่า ‘ก็ให้พวกเขาทำแก่นางเยี่ยงโสเภณี เพราะนางเป็นได้แค่นี้แหละ’

44 และเขาก็หลับนอนกับนางเหมือนที่หลับนอนกับโสเภณี เขาหลับนอนกับโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์ผู้สำส่อนนี้

45 แต่ผู้ชอบธรรมจะตัดสินพวกนางให้รับโทษทัณฑ์ของหญิงผู้ล่วงประเวณีและทำให้โลหิตตก เพราะพวกนางทำตัวแพศยาคบชู้และมือเปื้อนเลือด

46 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงนำฝูงชนมาสู้กับพวกนาง และมอบพวกนางให้แก่ความอกสั่นขวัญแขวนและการปล้นชิง

47 ฝูงชนนั้นจะเอาหินขว้างและฆ่าพวกนางด้วยดาบ เขาจะฆ่าลูกชายลูกสาวของนาง และเผาบ้านเรือนของพวกนางหมดสิ้น

48 “ดังนี้แหละเราจะยุติความสำส่อนในดินแดนนี้เพื่อผู้หญิงทุกคนจะรับคำเตือน และไม่เอาเยี่ยงอย่างเจ้าทั้งสองพี่น้อง

49 เจ้าจะทนรับโทษทัณฑ์แห่งความสำส่อน และผลลัพธ์จากบาปเรื่องรูปเคารพ แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/23-fb57dcc58bd9fceb5e76a44234fbde6f.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 24

หม้อหุงต้ม

1 ในวันที่สิบเดือนที่สิบของปีที่เก้า พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงบันทึกวันนี้ไว้เพราะกษัตริย์บาบิโลนได้ล้อมกรุงเยรูซาเล็มวันนี้

3 จงกล่าวคำอุปมาแก่พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘จงตั้งหม้อขึ้น

แล้วเทน้ำใส่

4 ใส่ชิ้นเนื้อลงไป

ชิ้นเนื้อดีๆ ทั้งหมดคือเนื้อสะโพกและเนื้อสันขาหน้า

จงเลือกเอากระดูกชิ้นที่ดีที่สุดใส่ให้เต็มหม้อ

5 คัดแกะตัวเยี่ยมสุดจากฝูงมา

สุมฟืนใต้หม้อเพื่อต้มกระดูก

ต้มให้เดือด

และเคี่ยวกระดูกในหม้อนั้น

6 “ ‘เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘วิบัติแก่กรุงซึ่งนองเลือด

วิบัติแก่หม้อซึ่งบัดนี้ตะกรันเขรอะ

ไม่หลุดกะเทาะออกมา!

จงเอาเนื้อออกมาทีละชิ้นๆ

โดยไม่ต้องจับฉลากว่าจะเอาชิ้นไหนก่อน

7 “ ‘เพราะกรุงนี้ทำให้โลหิตหลั่งนองไปทั่ว

นางเทลงบนหินโล่งเตียน

ไม่ได้เทลงบนพื้น

เพื่อให้ฝุ่นกลบไว้

8 เพื่อกระตุ้นโทสะและการแก้แค้น

เราจึงทิ้งโลหิตของนางบนหินโล่งเตียน

เพื่อโลหิตนั้นจะไม่ถูกกลบ

9 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘วิบัติแก่กรุงซึ่งนองเลือด!

เราก็จะสุมฟืนเป็นกองสูงเช่นกัน

10 ฉะนั้นจงสุมฟืนเข้าไป

และจุดไฟ

ใส่เครื่องเทศต่างๆลงไป

ต้มเนื้อจนสุกดี

และเคี่ยวจนกระดูกไหม้

11 แล้ววางหม้อเปล่าบนถ่าน

จนมันร้อนและทองแดงสุกปลั่ง

ตะกอนต่างๆ จะได้หลอมละลาย

และตะกรันหนาเขรอะไหม้ไปหมด

12 แต่ก็เสียแรงเปล่า

แม้ไฟจะร้อน

ตะกรันหนาเขรอะของมันก็ไม่กะเทาะไป

13 “ ‘ขี้ตะกรันของเจ้าคือความสำส่อน เพราะเราพยายามชำระเจ้า แต่เจ้าก็ไม่อาจชำระจากมลทินได้ เจ้าจะไม่สะอาดเอี่ยมอ่องอีก จนกระทั่งโทสะที่เรามีต่อเจ้าสงบลง

14 “ ‘เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะลงมือ เราจะไม่ยั้งมือ เราจะไม่เห็นใจหรือเวทนาสงสาร เจ้าจะถูกพิพากษาตามความประพฤติและการกระทำของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

ภรรยาของเอเสเคียลสิ้นชีวิต

15 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

16 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราจะพรากแก้วตาดวงใจของเจ้าไปในพริบตาเดียว แต่อย่าคร่ำครวญร่ำไห้หรือหลั่งน้ำตา

17 จงถอนใจเงียบๆ อย่าไว้ทุกข์แก่ผู้ตาย จงโพกผ้าไว้และสวมรองเท้า อย่าเอาผ้าคลุมหน้า หรือกินอาหารตามธรรมเนียมของผู้ไว้ทุกข์”

18 ข้าพเจ้าจึงแจ้งคนทั้งหลายตามนั้นในตอนเช้า ครั้นตกเย็นภรรยาของข้าพเจ้าก็สิ้นชีวิต เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าจึงทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้

19 คนทั้งหลายก็ถามข้าพเจ้าว่า “บอกได้ไหมว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างไรบ้าง?”

20 ข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าดังนี้ว่า

21 จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะย่ำยีสถานนมัสการของเราอันเป็นที่มั่นซึ่งเจ้าทั้งหลายภาคภูมิใจ และเป็นแก้วตาดวงใจที่เจ้าแสนรักนั้น บุตรชายบุตรสาวที่เจ้าละไว้เบื้องหลังจะล้มตายด้วยคมดาบ

22 แล้วเจ้าจะทำเหมือนที่เอเสเคียลได้ทำ เจ้าจะไม่เอาผ้าคลุมหน้าหรือกินอาหารตามธรรมเนียมของผู้ไว้ทุกข์

23 เจ้าจะโพกผ้าและสวมรองเท้า เจ้าจะไม่คร่ำครวญหรือร้องไห้แต่จะทรุดโทรมไปเพราะบาปของเจ้าและโอดครวญต่อกัน

24 เอเสเคียลจะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า เจ้าจะทำอย่างที่เขาได้ทำ เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต’

25 “สำหรับเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย ในวันที่เราริบที่มั่นของพวกเขาไป อันเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชมและภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งชื่นตาชื่นใจใฝ่ปรารถนาของพวกเขา พร้อมทั้งบุตรชายบุตรสาวของพวกเขาด้วย

26 ในวันนั้นผู้ลี้ภัยจะมาแจ้งข่าวเจ้า

27 ถึงตอนนั้นปากของเจ้าจะเปิดออก เจ้าจะพูดกับพวกเขาและจะไม่เป็นใบ้อีกต่อไป ฉะนั้นเจ้าจะเป็นหมายสำคัญแก่พวกเขา และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/24-3a6ebe97830b93ac0326968a40dc6bb1.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 25

คำพยากรณ์กล่าวโทษอัมโมน

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประจันหน้ากับชาวอัมโมน และพยากรณ์กล่าวโทษพวกเขา

3 จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าสมน้ำหน้าสถานนมัสการของเราที่ถูกย่ำยี และสมน้ำหน้าดินแดนอิสราเอลที่ถูกทำให้เริศร้าง และสมน้ำหน้าชาวยูดาห์เมื่อเขาตกเป็นเชลย

4 ฉะนั้นเราจะมอบเจ้าให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวตะวันออก พวกเขาจะตั้งค่ายและตั้งเต็นท์ในหมู่พวกเจ้า พวกเขาจะกินพืชผลและดื่มนมของเจ้า

5 เราจะทำให้รับบาห์กลายเป็นทุ่งหญ้าสำหรับอูฐ และอัมโมนเป็นที่พักสำหรับฝูงแกะ แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

6 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าปรบมือกระทืบเท้า และกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยใจคิดร้ายต่อดินแดนอิสราเอล

7 ฉะนั้นเราจะลงมือทำโทษเจ้า และมอบเจ้าให้ชนชาติต่างๆ ปล้นชิง เราจะทำให้เจ้าสิ้นชาติและไม่มีประเทศของเจ้าอีก เราจะทำลายล้างเจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษโมอับ

8 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากโมอับและเสอีร์กล่าวว่า “ดูเถิด พงศ์พันธุ์ยูดาห์ก็กลายเป็นเหมือนชนชาติอื่นๆ ทั้งปวง”

9 ฉะนั้น เราจะเปิดฐานกำลังของโมอับ เริ่มตั้งแต่เมืองชายแดนต่างๆ ได้แก่ เบธเยชิโมท บาอัลเมโอน และคีริยาธาอิม ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีของดินแดนนั้น

10 เราจะมอบโมอับพร้อมทั้งชาวอัมโมนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวตะวันออก เพื่อชนชาติทั้งหลายจะไม่นึกถึงอัมโมนอีก

11 และเราจะลงโทษโมอับ พวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษเอโดม

12 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากเอโดมแก้แค้นพงศ์พันธุ์ยูดาห์อย่างโหดเหี้ยม และผิดมากที่ทำเช่นนั้น

13 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะลงมือทำโทษเอโดม ประหารทั้งผู้คนและสัตว์ เราจะทิ้งมันให้เริศร้าง และคนทั้งหลายจากเทมานถึงเดดานจะล้มตายด้วยคมดาบ

14 เราจะแก้แค้นเอโดมโดยอาศัยน้ำมืออิสราเอลประชากรของเรา และพวกเขาจะจัดการกับเอโดมตามโทสะและความเกรี้ยวกราดของเรา เพื่อพวกเขาจะรู้จักการแก้แค้นของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษฟีลิสเตีย

15 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากชาวฟีลิสเตียอาฆาตและแก้แค้นด้วยใจชั่วร้าย และมุ่งทำลายยูดาห์เพราะเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่โบราณ

16 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะลงมือทำโทษฟีลิสเตีย และกำจัดชาวเคเรธี และทำลายล้างคนทั้งหลายที่เหลืออยู่ตามชายฝั่ง

17 เราจะแก้แค้นพวกเขาครั้งใหญ่ และลงโทษพวกเขาด้วยความเกรี้ยวกราด แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราแก้แค้นพวกเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/25-ca3be4de138a699c622eb1f52705be1f.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 26

คำพยากรณ์กล่าวโทษไทระ

1 ในวันที่หนึ่งของเดือนนั้นในปีที่สิบเอ็ด พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เนื่องจากไทระกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘อะฮ้า! ประตูสู่ชนชาติต่างๆ ทลายลงแล้ว มันเปิดกว้างให้ข้า มันพังทลาย ส่วนข้าจะรุ่งเรือง’

3 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ไทระเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า และเราจะนำชนชาติต่างๆ มาสู้กับเจ้าเหมือนทะเลซัดคลื่นกระทบฝั่ง

4 ชนชาติเหล่านั้นจะทลายกำแพงเมืองของไทระและพังหอคอยต่างๆ แล้วเราจะปัดเศษอิฐเศษหินของมันออกไป ทำให้มันเป็นหินโล่งเตียน

5 มันจะกลายเป็นที่ตากแหตากอวนกลางทะเล เราลั่นวาจาไว้แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น มันจะกลายเป็นสถานที่ที่ให้ชนชาติต่างๆ ปล้นชิง

6 และถิ่นฐานอาคารต่างๆ บนแผ่นดินใหญ่จะถูกทำลายด้วยคมดาบ เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

7 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะนำกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน จอมราชันจากทางเหนือมาสู้กับไทระ พร้อมด้วยม้า รถม้าศึก พลม้า และกองทัพใหญ่

8 เขาจะทำลายล้างถิ่นฐานอาคารต่างๆ ของเจ้าบนแผ่นดินใหญ่ด้วยคมดาบ เขาจะตั้งเครื่องล้อมเมืองต่อสู้กับเจ้า สร้างเชิงเทินต่อกับกำแพงทั้งหลายของเจ้า และตั้งปราการขึ้นเพื่อสู้กับเจ้า

9 เขาจะออกคำสั่งให้กระทุ้งกำแพงของเจ้า และทลายหอรบต่างๆ ของเจ้าด้วยอาวุธของเขา

10 ม้าของเขามีมากมายจนฝุ่นตลบทั่วเมือง กำแพงเมืองสั่นสะเทือนเพราะเสียงของม้าศึก ขบวนเกวียน และรถม้าศึกที่เขายกทัพเข้าประตูเมืองของเจ้าราวกับผู้คนที่ทะลักเข้าสู่กรุงที่กำแพงทลาย

11 กีบม้าของเขาจะย่ำลงบนถนนทุกสายของเจ้า เขาจะฆ่าประชากรของเจ้าด้วยดาบและโค่นเสาแข็งแกร่งของเจ้าลงราบกับพื้น

12 เขาจะปล้นทรัพย์สมบัติของเจ้า ริบข้าวของของเจ้าไป เขาจะทลายกำแพงและบ้านเรือนดีๆ ของเจ้า พร้อมทั้งเหวี่ยงก้อนหิน ไม้ และเศษอิฐเศษปูนทิ้งลงทะเล

13 เราจะยุติเสียงเพลงอึกทึกของเจ้า และจะไม่มีใครได้ยินเสียงพิณของเจ้าอีกต่อไป

14 เราจะทำให้เจ้าเป็นศิลาโล่งเตียน และเจ้าจะกลายเป็นสถานที่ตากแหตากอวน เจ้าจะไม่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีก เพราะเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ไทระดังนี้ว่า ชายฝั่งทะเลทั้งหลายจะไม่สะท้านหวั่นไหวต่อเสียงล่มจมของเจ้าหรือเมื่อผู้บาดเจ็บร้องครวญครางและมีการเข่นฆ่าในเจ้า

16 เมื่อนั้นบรรดาเจ้านายแห่งชายฝั่งทะเลจะก้าวลงจากบัลลังก์ของเขา เปลื้องเครื่องทรง ถอดชุดปักออก เอาความอกสั่นขวัญแขวนคลุมกาย นั่งลงที่พื้นสั่นสะท้านหวาดกลัวอยู่ทุกขณะเพราะเจ้า

17 แล้วพวกเขาจะคร่ำครวญเรื่องเจ้าและกล่าวแก่เจ้าว่า

“ ‘อนิจจา นครอันเลื่องชื่อ

คับคั่งด้วยชาวทะเล ถูกทำลายลงถึงเพียงนี้!

เจ้ากับพลเมืองเรืองอำนาจอยู่ในทะเล

เจ้าทำให้บรรดาผู้อาศัยอยู่ที่นั่นคร้ามกลัว

18 บัดนี้ชายฝั่งทั้งหลายสะเทือนสะท้าน

ในวันที่เจ้าล่มจม

เกาะต่างๆ ในทะเล

ขวัญหนีดีฝ่อที่เจ้าล้มครืน’

19 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เมื่อเราทำให้เจ้าเป็นเมืองร้างเหมือนกรุงต่างๆ ซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัยอีกแล้ว และเมื่อเรานำห้วงสมุทรลึกซัดโถมเจ้าและให้ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ท่วมเจ้า

20 เมื่อนั้นเราจะผลักเจ้าลงไปพร้อมกับบรรดาผู้ลงสู่เหวลึก ลงไปหาคนสมัยโบราณ เราจะทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในโลกบาดาล อยู่กับซากดึกดำบรรพ์ร่วมกับบรรดาผู้ลงสู่เหวลึก เจ้าจะไม่ได้กลับมาหรืออาศัยอยู่ในดินแดนของผู้มีชีวิตอีกต่อไป

21 เราจะนำเจ้าสู่จุดจบอันน่าขนพองสยองเกล้า และจะไม่มีเจ้าอีกแล้ว ผู้คนจะเสาะหาเจ้า แต่ไม่พบเจ้าอีกเลย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/26-fb1c674e6f3c4fb375283ed4891f74ed.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 27

บทคร่ำครวญแด่ไทระ

1 พระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงคร่ำครวญเกี่ยวกับเมืองไทระ

3 จงกล่าวแก่ไทระซึ่งตั้งอยู่ที่ทางออกสู่ทะเล นครวาณิชแห่งชนชาติทั้งหลายตามแผ่นดินชายฝั่งว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ไทระเอ๋ย เจ้ากล่าวว่า

“เรางามพร้อม”

4 เจ้าขยายอาณาจักรออกไปในท้องทะเล

เหล่าผู้สร้างเจ้าทำให้เจ้างามสมบูรณ์แบบ

5 เจ้าเปรียบเหมือนเรือใหญ่ลำหนึ่ง

ไม้กระดานทั้งสิ้นของเจ้าได้จากต้นสนแห่งเสนีร์

เขานำไม้สนซีดาร์มาจากเลบานอน

เพื่อทำเป็นเสากระโดงให้เจ้า

6 พวกเขาทำกรรเชียงของเจ้า

จากไม้โอ๊กแห่งบาชาน

ทำดาดฟ้าเรือของเจ้า

ด้วยไม้สนไซเปรสจากชายฝั่งทะเลไซปรัสแล้วฝังด้วยงาช้าง

7 ใบเรือของเจ้าทำด้วยผ้าลินินปักจากอียิปต์

และใช้เป็นธงของเจ้าด้วย

กันสาดของเจ้าเป็นผ้าสีน้ำเงินและสีม่วง

จากชายฝั่งแห่งเอลีชาห์

8 ชาวไซดอนและชาวอารวัดเป็นฝีพายให้เจ้า

ไทระเอ๋ย ผู้เชี่ยวชาญการเดินเรือมาเป็นลูกเรือให้เจ้า

9 ช่างผู้ชำนาญจากเมืองเกบาลอยู่ประจำเรือ

มาเป็นช่างประจำคอยดูแลรักษาเรือของเจ้า

เรือเดินทะเลทั้งสิ้นพร้อมลูกเรือ

มาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับเจ้า

10 “ ‘ชาวเปอร์เซีย ชาวลิเดียและชาวพูต

เป็นทหารในกองทัพของเจ้า

เขาแขวนโล่และหมวกเกราะที่กำแพงของเจ้า

ทำให้เจ้าดูงามสง่า

11 ชาวอารวัดและชาวเฮเลค

ประจำการที่กำแพงของเจ้าทุกด้าน

ชาวกัมมาด

อยู่ในหอรบของเจ้า

พวกเขาแขวนโล่ไว้รอบกำแพงของเจ้า

ทำให้เจ้าสง่างามสมบูรณ์แบบ

12 “ ‘ชาวทารชิชไปมาค้าขายกับเจ้า เพราะเจ้ามีสินค้ามากมายหลายชนิด เขานำเงิน เหล็ก ดีบุก และตะกั่วมาแลกกับสินค้าของเจ้า

13 “ ‘ชาวกรีก ชาวทูบัล และชาวเมเชคค้าขายกับเจ้า เขาเอาทาสและเครื่องทองสัมฤทธิ์มาแลกกับผลิตผลของเจ้า

14 “ ‘ชาวเบธโทการมาห์ เอาม้า ม้าศึก และล่อมาแลกกับสินค้าของเจ้า

15 “ ‘ชาวโรดส์ค้าขายกับเจ้า ดินแดนชายฝั่งทะเลทั้งหลายเป็นลูกค้าของเจ้า พวกเขานำงาช้างและไม้มะเกลือมาเป็นค่าสินค้า

16 “ ‘ชาวอารัมติดต่อค้าขายกับเจ้า เพราะเจ้ามีสินค้าหลากชนิด เขานำพลอยขี้นกการเวก ผ้าสีม่วง ผ้าปัก ผ้าลินินเนื้อดี หินปะการัง และทับทิมมาแลกกับสินค้าของเจ้า

17 “ ‘ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลค้าขายกับเจ้า นำข้าวสาลีจากเมืองมินนิท ขนมน้ำผึ้ง น้ำมัน และขี้ผึ้งมาแลกกับสินค้าของเจ้า

18 “ ‘ชาวดามัสกัสนำเหล้าองุ่นจากเมืองเฮลโบนและขนแกะจากเมืองศาฮาร์มาค้าขายกับเจ้า เพราะเจ้ามีผลผลิตและสินค้าหลากชนิด

19 “ ‘ชาวดานและชาวกรีกจากเมืองอุซาลซื้อขายกับเจ้า เขานำเหล็กหล่อ อบเชย และเครื่องเทศมาแลกกับสินค้าของเจ้า

20 “ ‘ชาวเดดานค้าขายผ้ารองอานม้ากับเจ้า

21 “ ‘ชาวอาระเบียและเจ้านายทั้งปวงแห่งเคดาร์เป็นลูกค้าของเจ้า พวกเขานำลูกแกะ แกะผู้ และแพะมาแลกเปลี่ยนสินค้าของเจ้า

22 “ ‘พ่อค้าแห่งเชบาและราอามาห์ค้าขายกับเจ้า เขานำเครื่องเทศชั้นเยี่ยมทุกชนิดและอัญมณีกับทองคำมาแลกสินค้าของเจ้า

23 “ ‘ชาวฮาราน ชาวคานเนห์ ชาวเอเดน พ่อค้าเชบา ชาวอัสชูร์ และชาวคิลมาดค้าขายกับเจ้า

24 พวกเขานำเสื้อผ้าสวยงาม ผ้าสีน้ำเงิน ผ้าปัก พรมหลากสีทำด้วยเกลียวเชือกมัดอย่างแน่นหนามาค้าขายในตลาดของเจ้า

25 “ ‘บรรดาเรือแห่งทารชิช

เป็นพาหนะบรรทุกสินค้าของเจ้า

เจ้ามีสินค้าเก็บไว้เต็มคลังของเจ้า

ที่ใจกลางทะเล

26 พลกรรเชียงพาเจ้าออกไป

กลางทะเลใหญ่

แต่ลมตะวันออกจะซัดเจ้าให้อับปาง

ที่ใจกลางทะเล

27 ทรัพย์สมบัติ สินค้า ผลผลิต

นักเดินเรือ กะลาสี ช่างประจำเรือ

นายวาณิช ทหารทั้งปวงของเจ้า

ตลอดจนทุกคนที่อยู่ในเรือ

จะจมดิ่งลงสู่ใจกลางทะเล

ในวันที่เรือของเจ้าอับปาง

28 ชายฝั่งทะเลจะสั่นสะท้าน

เมื่อลูกเรือของเจ้าส่งเสียงร้อง

29 บรรดาผู้ถือกรรเชียง

จะสละเรือ

นักเดินเรือและลูกเรือทั้งหลาย

จะยืนอยู่ที่ชายฝั่ง

30 พวกเขาจะส่งเสียงร่ำไห้

ขมขื่นอาลัยเจ้า

พวกเขาจะโปรยฝุ่นใส่ศีรษะ

และเกลือกกลิ้งในกองขี้เถ้า

31 พวกเขาจะโกนผมไว้ทุกข์ให้เจ้า

และสวมเสื้อผ้ากระสอบ

พวกเขาจะร่ำไห้ให้เจ้าด้วยความทุกข์ทรมานในวิญญาณ

และคร่ำครวญด้วยความขมขื่น

32 ขณะร่ำไห้และคร่ำครวญเรื่องเจ้า

พวกเขาจะคร่ำครวญเกี่ยวกับเจ้าว่า

“มีใครหรือที่เคยถูกทำลายราบคาบเหมือนไทระ

ที่นิ่งเงียบอยู่ก้นทะเล?”

33 เมื่อเจ้านำสินค้าออกสู่ทะเล

เจ้าทำให้ชนหลายชาติพอใจ

เจ้าทำให้บรรดากษัตริย์ของโลกร่ำรวย

ด้วยทรัพย์สินมั่งคั่งและสินค้าของเจ้า

34 บัดนี้เจ้าเหมือนเรือที่แตก

อยู่ในทะเลลึก

สินค้าและลูกเรือทั้งปวงของเจ้า

จมลงไปพร้อมกับเจ้า

35 ชาวดินแดนชายฝั่งทะเลตกตะลึง

ในชะตากรรมอันเลวร้ายของเจ้า

กษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความสยดสยอง

ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว

36 พ่อค้าวาณิชของชนชาติต่างๆ รู้สึกว่าเรื่องของเจ้านั้นเหลือเชื่อ

เจ้ามาถึงจุดจบอันน่าสยดสยอง

และไม่มีเจ้าอีกต่อไป’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/27-b4140605da3397776cb6f9dd0d50f027.mp3?version_id=179—

Categories
เอเสเคียล

เอเสเคียล 28

คำพยากรณ์กล่าวโทษกษัตริย์ไทระ

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ผู้ปกครองเมืองไทระว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ด้วยความหยิ่งผยองในจิตใจ

เจ้ากล่าวว่า “ข้าคือเทพเจ้า

ข้านั่งเหนือบัลลังก์ของเทพเจ้า

ที่ใจกลางห้วงสมุทร”

แต่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่เทพเจ้า

แม้เจ้าจะคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดเสมอเทพเจ้า

3 เจ้าฉลาดกว่าดาเนียลหรือ?

ไม่มีความลับใดซ่อนเร้นจากเจ้าหรือ?

4 โดยสติปัญญาและความเข้าใจ

เจ้าหาทรัพย์สมบัติมาให้ตนเอง

และสะสมเงินทอง

ไว้ในคลังของเจ้า

5 โดยความช่ำชองในการค้าขาย

เจ้าทำให้ทรัพย์สมบัติของตนทวีขึ้น

และเนื่องจากความมั่งคั่งของเจ้า

จิตใจของเจ้าก็หยิ่งผยองขึ้น

6 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘เนื่องจากเจ้าคิดว่าตัวเองฉลาด

มีสติปัญญาเสมอเทพเจ้า

7 เรากำลังจะนำคนต่างชาติมาสู้รบกับเจ้า

เป็นประชาชาติที่อำมหิตที่สุด

พวกเขาจะชักดาบห้ำหั่นความงามและสติปัญญาของเจ้า

และทำลายความโอ่อ่าตระการตาของเจ้า

8 คนเหล่านั้นจะผลักเจ้าลงสู่เหวลึก

และเจ้าจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

ที่ใจกลางห้วงสมุทร

9 ถึงตอนนั้นเจ้าจะพูดไหมว่า “ข้าคือเทพเจ้า”

ต่อหน้าบรรดาผู้สังหารเจ้า?

เจ้าจะเป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่เทพเจ้า

ในเงื้อมมือของผู้ที่ปลิดชีวิตเจ้า

10 เจ้าจะตายอย่างคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต

โดยน้ำมือของชาวต่างชาติ

เราได้ลั่นวาจาไว้ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

11 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

12 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงคร่ำครวญเกี่ยวกับกษัตริย์ไทระและกล่าวแก่เขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘เจ้าเป็นแบบฉบับของความสมบูรณ์

เปี่ยมด้วยสติปัญญาและความงามเพียบพร้อม

13 เจ้าอยู่ในเอเดน

ในอุทยานของพระเจ้า

มีอัญมณีล้ำค่าประดับประดา

ได้แก่ ทับทิม บุษราคัม มรกต

เพชร เพทาย โกเมน

มณีโชติ ไพฑูรย์ และเบริล

ทั้งเรือนและหนามเตยทำด้วยทองคำ

สิ่งเหล่านี้จัดเตรียมไว้พร้อมสรรพในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา

14 เจ้าได้รับการเจิมตั้งให้เป็นเครูบผู้พิทักษ์

เพราะเราได้กำหนดเจ้าไว้เช่นนั้น

เจ้าอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

และดำเนินอยู่ท่ามกลางอัญมณีอันส่องประกายโชติช่วงดุจไฟ

15 ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้น

ความประพฤติของเจ้าก็ปราศจากที่ติ

จนกระทั่งพบความชั่วร้ายในตัวเจ้า

16 การทำมาค้าขึ้น

ทำให้เจ้าเต็มไปด้วยความอำมหิต

และเจ้าได้ทำบาป

ฉะนั้นเราจึงขับไล่เจ้าไปจากภูเขาของพระเจ้าด้วยความอดสู

เครูบผู้พิทักษ์เอ๋ย เราจึงไล่เจ้าไป

จากท่ามกลางอัญมณีอันส่องประกายโชติช่วงดุจไฟ

17 จิตใจของเจ้าหยิ่งผยอง

เพราะความงามของเจ้า

และเจ้าได้ทำให้สติปัญญาของตนเสื่อมทรามไป

เพราะความโอ่อ่าตระการของตน

ฉะนั้นเราจึงเหวี่ยงเจ้าลงบนแผ่นดินโลก

ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายตกตะลึง

18 เจ้าได้ทำให้สถานนมัสการทั้งหลายของเจ้าตกต่ำ

เพราะบาปหนาและการค้าอันทุจริตของเจ้า

ฉะนั้นเราจึงบันดาลไฟออกมาจากเจ้า

เผาผลาญเจ้า

และทำให้เจ้าเหลือแต่เถ้าถ่าน

กองอยู่ที่พื้นต่อหน้าคนพบเห็น

19 มวลประชาชาติที่รู้จักเจ้า

ก็ตกตะลึงเพราะเจ้า

เจ้ามาถึงจุดจบอันน่าสยดสยอง

และไม่มีเจ้าอีกต่อไป’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษไซดอน

20 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

21 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประณามไซดอน กล่าวพยากรณ์แก่เมืองนั้นว่า

22 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ไซดอนเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า

และเราจะได้รับเกียรติสิริจากสิ่งที่เราจะทำกับเจ้า

เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

เมื่อเราลงอาญาเจ้า

และสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราแก่เจ้า

23 เราจะส่งภัยพิบัติมาเหนือเจ้า

และทำให้เลือดหลั่งนองตามถนนหนทาง

ผู้ที่ถูกสังหารจะล้มตายในเจ้า

ด้วยดาบซึ่งฟาดฟันอยู่รอบด้าน

เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

24 “ ‘ประชากรอิสราเอลไม่ต้องพบกับเพื่อนบ้านที่ชั่วร้ายซึ่งเป็นหนามทิ่มแทงให้เจ็บปวดอีกต่อไป เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

25 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เมื่อเรารวบรวมชนชาติอิสราเอลออกมาจากชาติต่างๆ ที่เขาถูกทำให้กระจัดกระจัดกระจายไปนั้น เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านพวกเขาต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย จากนั้นพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตน ซึ่งเรามอบให้ยาโคบผู้รับใช้ของเรา

26 พวกเขาจะอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย จะสร้างบ้านเรือน ทำสวนองุ่น จะอาศัยอยู่อย่างสงบสุข เมื่อเราลงทัณฑ์บรรดาประเทศเพื่อนบ้านผู้ประทุษร้ายเขา เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/28-702f7c65703b4661a357a5cca4a7f004.mp3?version_id=179—