Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 11

พันธสัญญาถูกละเมิด

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า

2 “จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ และแจ้งชนยูดาห์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

3 บอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘คำสาปแช่งตกแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้

4 คือข้อกำหนดซึ่งเราได้บัญชาบรรพบุรุษของพวกเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาหลอมเหล็ก’ เรากล่าวว่า ‘จงเชื่อฟังเรา และทำตามสิ่งที่เราสั่งทุกประการ แล้วเจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า

5 แล้วเราจะทำให้สำเร็จตามที่เราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือยกดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้พวกเขา’ คือดินแดนที่เจ้าครอบครองอยู่ทุกวันนี้”

ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด”

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงป่าวประกาศข้อความทั้งหมดนี้ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มว่า ‘จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้และปฏิบัติตาม

7 ตั้งแต่เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “จงเชื่อฟังเรา”

8 แต่เขาไม่ฟังและไม่เคยใส่ใจ กลับทำตามทิฐิแห่งใจชั่วของเขา เราจึงนำคำสาปแช่งทั้งปวงตามพันธสัญญามายังเขา เราได้สั่งให้เขาปฏิบัติตาม แต่เขาไม่ยอมทำ’ ”

9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ในหมู่ชนยูดาห์และชนเยรูซาเล็มมีการสมรู้ร่วมคิดกัน

10 พวกเขาหวนกลับไปทำบาปตามบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมฟังคำของเรา เขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ ทั้งพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ละเมิดพันธสัญญาระหว่างเรากับบรรพบุรุษของเขา

11 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะนำภัยพิบัติมายังเขา ซึ่งเขาจะหนีไม่พ้น ถึงแม้เขาอ้อนวอนเรา เราก็จะไม่ฟัง

12 หัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มจะไปสวดอ้อนวอนเทพเจ้าต่างๆ ซึ่งตนเผาเครื่องหอมถวาย แต่พระเหล่านั้นจะไม่ช่วยพวกเขาเลยเมื่อภัยพิบัติมาถึง

13 ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเทพเจ้าหลายองค์เหมือนที่มีหลายเมืองเชียวนะ และแท่นบูชาที่เจ้าก่อขึ้นเพื่อเผาเครื่องหอมแก่พระบาอัลอันน่าอดสูก็มีมากมาย เหมือนถนนหนทางของเยรูซาเล็ม’

14 “อย่าอธิษฐานเผื่อชนชาตินี้ ไม่ต้องอ้อนวอนหรือร้องขอเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องเรียกเราในยามทุกข์ยากลำบาก

15 “ผู้เป็นที่รักของเรามาทำอะไรอยู่ในวิหารของเรานี้?

ในเมื่อนางทำตามแผนการชั่วหลายอย่าง

เครื่องสัตวบูชาจะช่วยให้เจ้าพ้นโทษทัณฑ์ได้หรือ?

เจ้าจึงหลงระเริง

ในความชั่วของเจ้า”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกเจ้าว่าต้นมะกอกซึ่งงามดี

มีผลดกงาม

แต่ด้วยเสียงกึกก้องของพายุใหญ่

พระเจ้าจะให้ไฟเผามัน

และกิ่งก้านของมันก็หักโค่น

17 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ปลูกเจ้าทรงประกาศให้ภัยพิบัติตกแก่เจ้า เนื่องจากพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ทำชั่ว ยั่วยุพระพิโรธโดยเผาเครื่องหอมถวายพระบาอัล

เยเรมีย์ถูกปองร้าย

18 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเผยให้ข้าพเจ้าทราบถึงแผนการของพวกเขา ทรงให้ข้าพเจ้าทราบว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

19 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกแกะเชื่องๆ ถูกพาไปฆ่า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพวกเขาคบคิดกันจะทำร้ายข้าพเจ้า เขากล่าวว่า

“ให้เราทำลายทั้งต้นและผลของมัน

ให้เรามาช่วยกันกำจัดเขาไปจากโลกนี้

เพื่อจะได้ไม่มีใครจดจำชื่อของเขาได้อีก”

20 แต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ทรงตัดสินอย่างเที่ยงธรรม

และทรงพิสูจน์ความคิดจิตใจ

โปรดให้ข้าพระองค์เห็นการแก้แค้นของพระองค์ตกแก่พวกเขา

เพราะข้าพระองค์มอบเรื่องของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์

21 “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชาวอานาโธทที่มุ่งเอาชีวิตของเจ้าและขู่ว่า ‘อย่าเผยพระวจนะในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามิฉะนั้นเจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของเรา’

22 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เราจะลงโทษพวกเขา คนหนุ่มๆ จะตายในสงคราม ลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะตายเพราะอดอยาก

23 จะไม่มีคนสักหยิบมือเดียวเหลือรอด เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาสู่ชาวอานาโธทในปีแห่งการลงโทษพวกเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/11-6d970f1a565c3272c18623257b0adfad.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 12

คำร้องทุกข์ของเยเรมีย์

1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงชอบธรรมเสมอ

เมื่อข้าพระองค์นำความมากราบทูล

ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็ขอกราบทูลเรื่องความยุติธรรมของพระองค์

เหตุใดหนทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง?

เหตุใดบรรดาคนอสัตย์อธรรมจึงสุขสบายดี?

2 พระองค์ทรงปลูกเขา เขาก็หยั่งรากลึก

เจริญงอกงามและเกิดผล

เขามักพูดถึงพระองค์ติดปาก

แต่ใจของเขาห่างไกลพระองค์

3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์

ทรงเห็นและทรงทดสอบความคิดของข้าพระองค์เกี่ยวกับพระองค์

ขอทรงลากพวกเขาออกไปเหมือนแกะสำหรับฆ่า!

ขอทรงแยกเขาไว้สำหรับวันประหาร!

4 ดินแดนนี้จะต้องแตกระแหงไปนานเท่าใด?

และทุ่งหญ้าทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด?

เนื่องจากผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้ชั่วร้าย

บรรดาสัตว์และนกทั้งหลายจึงพินาศไป

ยิ่งกว่านั้นเหล่าประชากรพากันพูดว่า

“พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”

คำตอบจากพระเจ้า

5 “หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์

แล้วเขายังทำให้เจ้าหมดแรง

แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?

หากเจ้าสะดุดล้มในดินแดนที่ปลอดภัย

เจ้าจะทำอย่างไรในป่าที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน?

6 แม้แต่พี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้า

ก็ยังทรยศเจ้า

พวกเขาร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า

อย่าเชื่อใจเขา

แม้เขาจะพูดดีกับเจ้า

7 “เราได้ทิ้งนิเวศของเรา

เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง

เราได้ปล่อยผู้ที่เรารักดั่งดวงใจ

ไว้ในมือของศัตรู

8 มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงโตในป่าสำหรับเรา

เขาคำรามใส่เรา

ดังนั้นเราจึงเกลียดเขา

9 มรดกของเรา

กลับกลายเป็นนกสีสดใสสะดุดตา

นกอื่นๆ จึงรุมล้อมเล่นงานมันไม่ใช่หรือ?

ไปเถิด ไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งหลาย

มาเขมือบกินมัน

10 คนเลี้ยงแกะมากมายจะทำลายสวนองุ่นของเรา

เหยียบย่ำท้องทุ่งของเรา

พวกเขาจะทำให้ท้องทุ่งอันรื่นรมย์ของเรา

กลายเป็นที่ทิ้งร้าง

11 มันจะกลายเป็นถิ่นร้างแตกระแหง

และถูกทิ้งร้างต่อหน้าเรา

แผ่นดินทั้งสิ้นถูกทิ้งร้าง

เพราะไม่มีใครเอาใจใส่ดูแล

12 ผู้ทำลายกรูกันเข้ามาเหนือที่สูง

อันถูกทิ้งร้างในถิ่นกันดาร

เพราะดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายล้าง

จากสุดเขตแดนด้านหนึ่งไปจดอีกด้านหนึ่ง

จะไม่มีใครหนีรอดปลอดภัย

13 พวกเขาได้หว่านข้าวสาลี แต่เก็บเกี่ยวหนาม

จะตรากตรำทำงาน แต่ไม่ได้อะไร

ดังนั้นเขาจึงเก็บเกี่ยวได้แต่ความอับอาย

เนื่องจากพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เราจะถอนรากถอนโคนชนชาติเพื่อนบ้านผู้ชั่วร้ายทั้งปวงออกจากดินแดน ผู้ซึ่งยึดสมบัติที่เราให้ประชากรอิสราเอล และถอนรากถอนโคนพงศ์พันธุ์ยูดาห์จากหมู่พวกเขา

15 แต่หลังจากที่เราถอนรากถอนโคนพวกเขาแล้ว เราจะเอ็นดูสงสาร และนำพวกเขาแต่ละคนกลับสู่ทรัพย์สินและดินแดนของตนอีกครั้งหนึ่ง

16 และหากพวกเขาเรียนรู้วิถีทางของประชากรของเราและปฏิญาณโดยอ้างนามของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ เหมือนที่พวกเขาเคยสอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยอ้างพระบาอัล เมื่อนั้นเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ท่ามกลางประชากรของเรา

17 แต่หากชาติใดไม่ยอมเชื่อฟัง เราจะกำจัดและทำลายชาตินั้นให้สูญสิ้นไป”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/12-81cb75dcf2f4af8e7203ba7334b89dc5.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 13

ผ้าคาดเอวลินิน

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไปซื้อผ้าคาดเอวลินินมาคาดไว้ แต่อย่าให้มันถูกน้ำ”

2 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไปซื้อผ้าลินินผืนหนึ่งมาคาดเอวไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง

3 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า

4 “จงเอาผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อและคาดอยู่นั้นออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ในซอกหิน”

5 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง

6 หลายวันต่อมาองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้จงไปที่แม่น้ำนั้น เอาผ้าคาดเอวที่เราสั่งให้เจ้าซ่อนไว้มา”

7 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและขุดผ้าคาดเอวออกมาจากซอกที่ได้เอาไปซ่อนไว้ แต่บัดนี้มันขาดยุ่ยใช้การไม่ได้เลย

8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำลายเกียรติภูมิของยูดาห์และเยรูซาเล็มอย่างนี้แหละ

10 ประชากรที่ชั่วร้ายเหล่านี้ ซึ่งไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา ชอบดื้อดึงทำตามใจตนเอง และหันไปติดตามปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้คือใช้การไม่ได้เลย!’

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ผ้าคาดเอวแนบติดกับเอวของคนฉันใด เราได้ทำให้ยูดาห์และอิสราเอลแนบสนิทกับเราเพื่อเป็นประชากรของเรา เป็นเกียรติภูมิ ชื่อเสียง และคำสรรเสริญของเราฉันนั้น แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง’

ถุงหนังใส่เหล้าองุ่น

12 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม’ และหากพวกเขาตอบว่า ‘เรารู้แล้วไม่ใช่หรือว่าถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม?’

13 ก็จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะทำให้ทุกคนที่อาศัยในดินแดนนี้เมามาย ตั้งแต่กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ ตลอดจนคนทั้งปวงซึ่งอาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม

14 เราจะจับพวกเขากระแทกกันเอง ไม่ว่าพ่อหรือลูก เราจะไม่ยอมให้ความสงสารหรือความเมตตาเอ็นดูมายับยั้งเราไม่ให้ทำลายล้างพวกเขาเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

จะต้องตกเป็นเชลย

15 จงฟังและใส่ใจ

อย่าเย่อหยิ่ง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้แล้ว

16 จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมนมา

ก่อนที่เท้าของท่านสะดุดล้ม

บนภูเขาอันมืดมน

ท่านมุ่งหวังความสว่าง

แต่พระองค์ทรงผันแปรมันเป็นความมืดมน

เปลี่ยนมันเป็นความมืดทึบ

17 แต่หากท่านไม่ยอมฟัง

ข้าพเจ้าจะแอบร้องไห้

เนื่องด้วยความหยิ่งยโสของท่าน

ข้าพเจ้าจะร่ำไห้ด้วยความขมขื่น

ดวงตาของข้าพเจ้าจะหลั่งน้ำตานองหน้า

เพราะฝูงแกะขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกจับไปเป็นเชลย

18 จงทูลกษัตริย์และราชมารดาว่า

“ลงมาจากราชบัลลังก์เถิด

เพราะมงกุฎอันธำรงเกียรติ

จะร่วงหล่นจากพระเศียรของพระองค์”

19 เมืองต่างๆ ในเนเกบจะถูกปิด

และจะไม่มีใครเปิดได้

ยูดาห์จะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

ถูกกวาดต้อนไปจนหมดสิ้น

20 จงเงยหน้าขึ้นมองดูคนทั้งหลาย

ที่มาจากทางเหนือ

ไหนล่ะฝูงแกะที่เรามอบหมายให้เจ้าดูแล

ฝูงแกะที่เจ้าโอ้อวด?

21 เจ้าจะว่าอย่างไรเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

ทรงตั้งผู้ที่เจ้าถือว่าเป็นพันธมิตรนั้นมาครอบครองเจ้า?

เจ้าจะไม่เจ็บปวด

เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกหรือ?

22 และหากเจ้าถามตัวเองว่า

“ทำไมหนอเรื่องทั้งหมดนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา?”

ก็เพราะบาปมากมายของเจ้าน่ะสิ

กระโปรงของเจ้าจึงถูกฉีกขาด

และกายของเจ้าถูกย่ำยี

23 ชาวเอธิโอเปียจะเปลี่ยนสีผิวของตนได้หรือ?

เสือดาวจะลบลายของมันได้หรือ?

พวกเจ้าซึ่งคุ้นเคยกับการทำชั่ว

ก็ไม่สามารถทำดีได้

24 “เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายเหมือนแกลบ

ที่ถูกลมทะเลทรายพัดปลิวไป

25 นี่คือชะตากรรมของเจ้า

เป็นส่วนที่เรากำหนดให้เจ้า”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เพราะเจ้าลืมเรา

และไปวางใจในเทพเจ้าจอมปลอม

26 เราจะถลกกระโปรงของเจ้าขึ้นปิดหน้าเจ้า

เพื่อให้ความอัปยศอดสูของเจ้าเป็นที่ประจักษ์

27 คือการล่วงประเวณี ความมักมากในกาม

การขายเนื้อขายตัวอย่างไร้ยางอายของเจ้า!

เราได้เห็นความประพฤติอันน่าเดียดฉันท์ของเจ้า

บนภูเขาทั้งหลายและตามท้องทุ่งต่างๆ

วิบัติแก่เจ้า เยรูซาเล็มเอ๋ย!

เจ้าจะแปดเปื้อนมลทินไปอีกนานสักเท่าใดหนอ?”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/13-aff9fd18f2552c82f45c3ed7ff101b6e.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 14

การกันดารอาหาร ความแห้งแล้ง และสงคราม

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับความแห้งแล้งว่า

2 “ยูดาห์คร่ำครวญ

เมืองต่างๆ ซึมเซา

พวกเขาร่ำไห้ให้กับดินแดน

และมีเสียงร้องระงมขึ้นจากเยรูซาเล็ม

3 บรรดาขุนนางส่งคนใช้ออกไปหาน้ำ

พวกคนใช้ไปที่บ่อ

แต่ไม่มีน้ำ

คนใช้ถือเหยือกเปล่ากลับมา

อย่างอับอายและสิ้นหวัง

คลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด

4 ผืนแผ่นดินแตกระแหง

เพราะขาดฝน

ชาวนาอับอายและสิ้นหวัง

และคลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด

5 แม้แต่กวางในท้องทุ่ง

ก็ทิ้งลูกของมันที่เพิ่งเกิด

เพราะไม่มีหญ้า

6 ลาป่ายืนเคว้งบนเนินโล่งเตียน

และหอบเหมือนหมาใน

ตาของมันพร่ามัว

เพราะไม่มีหญ้ากิน”

7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ว่าบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายปรักปรำตัวเอง

แต่ขอทรงโปรดช่วยเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเสื่อมทรามยิ่งนัก

เราได้ทำบาปต่อพระองค์

8 ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล

พระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาในยามทุกข์ลำเค็ญ

เหตุใดทรงเป็นเช่นคนแปลกหน้าในแผ่นดินนี้

เป็นเช่นคนเดินทางซึ่งแวะพักแรมเพียงคืนเดียว?

9 เหตุใดทรงเป็นดั่งคนที่งงงวย

เหมือนนักรบที่หมดเรี่ยวหมดแรงจะช่วย?

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย

และผู้คนเรียกข้าพระองค์ทั้งหลายตามพระนามของพระองค์

ขออย่าทรงทอดทิ้งเหล่าข้าพระองค์!

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชนชาตินี้ว่า

“พวกเขารักที่จะหลงเตลิด

พวกเขาไม่ยั้งเท้าบ้างเลย

ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ยอมรับพวกเขา

บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขา

และลงโทษพวกเขาเพราะบาปทั้งหลาย”

11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าอธิษฐานเผื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของชนชาตินี้

12 แม้พวกเขาถืออดอาหาร เราจะไม่ฟังคำอ้อนวอนของเขา แม้เขาถวายเครื่องเผาบูชาและธัญบูชา เราก็จะไม่รับ แต่เราจะทำลายพวกเขาด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด”

13 แต่ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตบรรดาผู้เผยพระวจนะพร่ำบอกพวกเขาว่า ‘เจ้าจะไม่เห็นสงครามหรือการทนทุกข์กับการกันดารอาหาร แท้ที่จริงเราจะให้สันติสุขที่ยั่งยืนแก่เจ้าในสถานที่แห่งนี้’ ”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บรรดาผู้เผยพระวจนะพยากรณ์เท็จโดยอ้างชื่อของเรา เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป ไม่ได้แต่งตั้ง และไม่ได้พูดกับเขา เขาเผยพระวจนะเป็นนิมิต คำพยากรณ์เท็จ การกราบไหว้รูปเคารพและภาพหลอนในใจของเขาเอง

15 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะลงโทษผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ ซึ่งเผยพระวจนะในนามของเรา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้พวกเขาไป พวกเขาก็ยังพูดว่า ‘สงครามหรือการกันดารอาหารจะไม่มาแผ้วพานดินแดนนี้’ พวกเขาเองนั่นแหละจะตายด้วยสงครามและการกันดารอาหาร

16 ส่วนผู้คนที่ฟังเขาพยากรณ์เท็จนั้นจะถูกเหวี่ยงออกมากลางถนนสายต่างๆ ของเยรูซาเล็มเนื่องมาจากสงครามและการกันดารอาหาร จะไม่มีใครมาฝังศพพวกเขาหรือภรรยา บุตรชาย บุตรสาวของเขา เราจะเทหายนะลงมาเหนือพวกเขาอย่างสาสม

17 “จงบอกพวกเขาว่า

“ ‘ขอให้น้ำตาของเราไหลริน

ไม่หยุดหย่อนทั้งวันทั้งคืน

เพราะธิดาพรหมจารีของเราคือประชากรของเรา

ถูกตีและนอนซมด้วยบาดแผลฉกรรจ์

18 หากเราออกไปที่ทุ่งกว้าง

ก็เห็นร่างบรรดาผู้ถูกปลิดชีวิตด้วยดาบ

หากเข้าไปในเมือง

ก็เห็นศพผู้เป็นเหยื่อการกันดารอาหาร

ทั้งผู้เผยพระวจนะและปุโรหิต

ได้ไปยังดินแดนที่ตนไม่รู้จัก’ ”

19 พระองค์ทรงทอดทิ้งยูดาห์เสียสิ้นแล้วหรือ?

ทรงเกลียดชังศิโยนหรือ?

เหตุใดทรงทรมานเรา

จนเยียวยาไม่หาย?

ข้าพระองค์ทั้งหลายหวังว่าจะได้รับสันติสุข

แต่ไม่มีอะไรดี

หวังว่าจะได้รับการบำบัดรักษา

แต่มีเพียงความอกสั่นขวัญแขวน

20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายทราบถึงความชั่วร้ายของข้าพระองค์ทั้งหลาย

และความผิดของเหล่าบรรพบุรุษ

ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์จริงๆ

21 เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขออย่าทรงเกลียดชังข้าพระองค์ทั้งหลายเลย

ขออย่าให้บัลลังก์อันทรงเกียรติของพระองค์เสื่อมศักดิ์ศรี

โปรดทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ทรงมีต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย

และอย่าทิ้งพันธสัญญานั้น

22 มีรูปเคารพอันไร้ค่าของบรรดาประชาชาติองค์ไหนบ้างที่ประทานฝนให้ได้?

หรือท้องฟ้าเทฝนลงมาเอง?

เปล่าเลย แต่เป็นพระองค์นั่นแหละ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

ฉะนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายจึงหวังในพระองค์

เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ทำสิ่งทั้งปวงเหล่านี้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/14-997f8d5903a015746e3c1228cf2a0053.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 15

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ต่อให้โมเสสและซามูเอลมายืนวิงวอนเพื่อชนชาตินี้ต่อหน้าเรา เราก็จะไม่ใจอ่อนช่วยพวกเขา เอาพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเรา! ไปให้พ้น!

2 และหากพวกเขาถามเจ้าว่า ‘จะให้เราไปที่ไหน?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายก็ตายไป

ผู้ที่จะต้องตายในสงครามก็ตายในสงคราม

ผู้ที่จะต้องอดตายก็อดตาย

และผู้ที่ต้องไปเป็นเชลยก็ไปเป็นเชลย’”

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราจะแต่งตั้งผู้ทำลายสี่แบบเพื่อจัดการกับพวกเขาได้แก่ ดาบเพื่อเข่นฆ่า สุนัขเพื่อฉีกทึ้ง นกในอากาศและสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกเพื่อกลืนกินและทำลายเสีย

4 เนื่องด้วยสิ่งที่มนัสเสห์โอรสกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ได้ทำในเยรูซาเล็ม เราก็จะทำให้พวกเขาเป็นที่น่าขยะแขยงแก่อาณาจักรทั้งปวงในโลก

5 “เยรูซาเล็มเอ๋ย ใครจะสงสารเจ้า?

ใครจะคร่ำครวญให้กับเจ้า?

จะมีใครไยดีถามทุกข์สุขของเจ้า?”

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าได้ละทิ้งเรา

และหวนกลับไปหาบาปร่ำไป

เราจึงฟาดเจ้าและทำลายเจ้า

เราจะไม่เมตตาเจ้าอีกต่อไป

7 เราจะฝัดร่อนพวกเขาที่ประตูเมือง

ด้วยส้อมซัดข้าว

เราจะนำวิปโยคและหายนะมาสู่ประชากรของเรา

เพราะเขาไม่ยอมหันจากวิถีต่างๆ ของตน

8 เราจะทำให้มีแม่ม่ายในหมู่พวกเขา

มากยิ่งกว่าทรายในทะเล

กลางวันแสกๆ เราจะนำผู้ทำลาย

มาเล่นงานบรรดาแม่ของคนหนุ่ม

เราจะนำความทุกข์ร้าวรานและความอกสั่นขวัญแขวน

มายังพวกเขาอย่างฉับพลัน

9 แม่ลูกเจ็ดจะเป็นลมหมดสติไป

และสิ้นลมหายใจ

ดวงตะวันของนางลับหายไปทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน

นางต้องอับอายขายหน้า

เราจะมอบผู้รอดชีวิตให้แก่ดาบ

ต่อหน้าศัตรูทั้งหลาย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

10 อนิจจา แม่ของลูกที่ให้กำเนิดลูกมา

ลูกถูกคนทั้งแผ่นดินต่อสู้และชิงดีชิงเด่น!

ลูกไม่เคยให้ใครหยิบยืมอะไร หรือไปหยิบยืมใคร

แต่ทุกคนก็แช่งด่าลูก

11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“แน่นอน เราจะช่วยกู้เจ้าเพื่อผลดีที่ตั้งใจไว้

แน่นอน เราจะทำให้ศัตรูของเจ้ามาอ้อนวอนเจ้า

ในยามภัยพิบัติและในยามทุกข์ลำเค็ญ

12 “มนุษย์จะหักแท่งเหล็กจากภาคเหนือ

หรือแท่งทองสัมฤทธิ์ได้หรือ?

13 “เราจะทำให้ทรัพย์สมบัติ

และความมั่งคั่งของเจ้าถูกริบไปเปล่าๆ

เพราะบาปทั้งปวงทั่วดินแดนของเจ้า

14 เราจะให้ศัตรูทั้งหลายจับเจ้าไปเป็นเชลย

ในดินแดนที่เจ้าไม่รู้จัก

เพราะโทสะของเราจะลุกเป็นไฟ

ซึ่งจะเผาผลาญเจ้า”

15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเข้าพระทัย

ขอทรงระลึกถึงและดูแลรักษาข้าพระองค์

ขอพระองค์ทรงแก้แค้นผู้ข่มเหงเหล่านี้เพื่อข้าพระองค์

พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านาน ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสีย

ขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ทนการตำหนิเพราะเห็นแก่พระองค์มากเพียงใด

16 เมื่อพระวจนะของพระองค์มาถึง ข้าพระองค์ก็กินพระวจนะนั้น

เป็นความชื่นชมยินดีและปลื้มปีติในจิตใจของข้าพระองค์

เพราะเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

17 ข้าพระองค์ไม่เคยนั่งในหมู่คนที่สรวลเสเฮฮา

ไม่ร่วมรื่นเริงเบิกบานกับพวกเขา

ข้าพระองค์นั่งอยู่ตามลำพังเพราะพระหัตถ์ของพระองค์อยู่เหนือข้าพระองค์

และพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความขุ่นเคืองใจ

18 เหตุใดข้าพระองค์ปวดร้าวไม่สิ้นสุด

และบาดแผลฉกรรจ์ของข้าพระองค์รักษาไม่หาย?

พระองค์จะทรงเป็นเหมือนลำห้วยที่ลวงตาข้าพระองค์

เหมือนตาน้ำซึ่งไม่มีน้ำหรือ?

19 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า

“หากเจ้าหันกลับมา เราจะให้เจ้าคืนสู่ปกติสุข

เพื่อเจ้าจะปรนนิบัติรับใช้เรา

หากเจ้าพูดสิ่งที่มีคุณค่า ไม่พูดเหลวไหลไร้สาระ

เจ้าจะเป็นผู้แถลงถ้อยคำของเรา

ให้ชนชาตินี้หันมาหาเจ้า

แต่เจ้าต้องไม่หันไปหาพวกเขา

20 เราจะทำให้เจ้าเป็นกำแพงสำหรับชนชาตินี้

เป็นปราการทองสัมฤทธิ์อันแน่นหนา

พวกเขาจะต่อสู้เจ้า

แต่เอาชนะไม่ได้

เพราะเราอยู่กับเจ้า

เพื่อจะกอบกู้และช่วยเจ้าให้รอด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

21 “เราจะช่วยเจ้าจากเงื้อมมือของคนชั่ว

และไถ่เจ้าจากอุ้งมือของคนอำมหิต”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/15-8ae00524e4c3d2349b742840912087aa.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 16

วันแห่งภัยพิบัติ

1 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “เจ้าอย่าแต่งงาน อย่ามีลูกชายหรือลูกสาวในที่แห่งนี้”

3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับลูกชายลูกสาวที่เกิดในดินแดนนี้และชายหญิงผู้เป็นพ่อแม่ของเขาว่า

4 “พวกเขาจะตายด้วยโรคร้าย ไม่มีใครไว้ทุกข์หรือฝังศพให้ พวกเขาจะเป็นเหมือนกองขยะที่พื้น พวกเขาจะพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหาร ร่างของพวกเขาจะเป็นอาหารแก่นกในอากาศและสัตว์ป่าต่างๆ บนแผ่นดิน”

5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานศพ อย่าไปไว้ทุกข์หรือแสดงความเห็นใจ เพราะเราได้ถอนพร ความรัก และความสงสารไปจากชนชาตินี้แล้ว”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

6 “ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจะตายในดินแดนนี้และไม่มีใครฝังศพให้ ไม่มีใครไว้ทุกข์ ไม่มีใครเชือดเนื้อเถือหนังหรือโกนศีรษะเพื่อไว้อาลัยให้พวกเขา

7 จะไม่มีใครให้อาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อปลอบโยนผู้ที่คร่ำครวญอาลัยถึงผู้ตาย แม้ว่าผู้ตายเป็นบิดามารดาก็ตาม

8 “และอย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานเลี้ยงและไปนั่งกินดื่มกับพวกเขา

9 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ในช่วงชีวิตของเจ้าและต่อหน้าต่อตาเจ้านี่แหละ เราจะยุติเสียงเฮฮา เสียงรื่นเริงบันเทิงใจ และเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในดินแดนนี้

10 “เมื่อเจ้าบอกสิ่งทั้งปวงนี้แก่พวกเขา และพวกเขาถามเจ้าว่า ‘เหตุใดหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมีประกาศิตให้เกิดหายนะอันยิ่งใหญ่เพียงนี้แก่พวกเรา? พวกเราทำผิดอะไร? เราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างไร?’

11 เจ้าจงบอกพวกเขาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า ‘เพราะบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ละทิ้งเราไปปรนนิบัตินมัสการพระต่างๆ พวกเขาได้ทอดทิ้งเราและไม่ได้รักษาบทบัญญัติของเรา

12 แต่พวกเจ้าประพฤติเลวทรามยิ่งกว่าบรรพบุรุษเสียอีก ดูเถิด เจ้าต่างก็ทำตามใจดื้อดึงถือทิฐิชั่วของตนแทนที่จะเชื่อฟังเรา

13 ฉะนั้นเราจะเหวี่ยงเจ้าออกจากดินแดนนี้ ไปยังดินแดนซึ่งเจ้าและบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่นๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเราจะไม่มีความโปรดปรานใดๆ ให้เจ้า’ ”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “อย่างไรก็ตาม เวลานั้นจะมาถึง เวลาซึ่งคนทั้งหลายจะเลิกปฏิญาณโดยอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’

15 แต่จะอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศพวกเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ ทั้งนี้เพราะเราจะนำพวกเขากลับมายังดินแดนซึ่งเรายกให้แก่บรรพบุรุษของเขา”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่บัดนี้เรากำลังส่งชาวประมงหลายคนมาจับพวกเขา หลังจากนั้นเราจะส่งพรานมากมายมาตามล่าพวกเขาจากภูเขา เนินเขาทุกลูก และจากซอกหิน

17 เราจับตาดูทางทั้งปวงของเขา ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากเรา บาปของพวกเขาไม่อาจถูกปิดบังไว้จากสายตาของเรา

18 เราจะลงโทษเขาเป็นสองเท่าเพราะความชั่วช้าและบาปของพวกเขาที่ทำให้ดินแดนของเราแปดเปื้อนมลทินด้วยรูปเคารพต่ำช้าไร้ชีวิต ทำให้กรรมสิทธิ์ของเราเต็มไปด้วยรูปเคารพอันน่าเกลียดชังของพวกเขา”

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพละกำลัง เป็นป้อมปราการ

และเป็นที่ลี้ภัยในยามทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์

ประชาชาติต่างๆ จากสุดโลก

จะมาเฝ้าพระองค์และกราบทูลว่า

“บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ครอบครองสิ่งใดนอกจากเทพเจ้าจอมปลอม

เป็นรูปเคารพอันไร้ค่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้

20 มนุษย์จะสร้างพระเจ้าให้ตนเองได้หรือ?

ได้สิ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้าเลย!”

21 “ฉะนั้นเราจะสั่งสอนพวกเขา

คราวนี้เราจะสอนให้เขารู้ถึง

ฤทธานุภาพและฤทธิ์อำนาจของเรา

แล้วพวกเขาจะรู้ว่า

นามของเราคือพระยาห์เวห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/16-f6b06892a6bc9e0b8c473f0ba71adaec.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 17

1 “บาปของยูดาห์ถูกสลักไว้ด้วยปากกาเหล็ก

จารึกไว้ด้วยปลายเพชร

ลงบนแผ่นหัวใจของเขา

และบนเชิงงอนที่แท่นบูชาของพวกเขา

2 แม้แต่ลูกหลานของเขาก็ระลึกถึง

แท่นบูชาและเสาเจ้าแม่อาเชราห์

ข้างต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา

และบนภูเขาสูงทั้งหลาย

3 ภูเขาของเราในดินแดนนั้น

และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเจ้า

ตลอดจนสถานบูชาบนที่สูงของเจ้า

เราจะให้ศัตรูมาริบไป

เพราะบาปทั่วแดนของเจ้า

4 โดยความผิดของเจ้าเอง

เจ้าจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่เรามอบให้

เราจะส่งเจ้าไปเป็นทาสของศัตรู

ในดินแดนซึ่งเจ้าไม่รู้จัก

เพราะเจ้าจุดไฟโทสะของเรา

มันจะเผาผลาญตลอดไป”

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“คำสาปแช่งตกอยู่แก่ผู้ที่ไว้วางใจในมนุษย์

พึ่งพละกำลังของเขา

และเอาใจออกห่างองค์พระผู้เป็นเจ้า

6 เขาจะเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่นกันดาร

มองไม่เห็นความเจริญรุ่งเรืองที่มาถึง

เขาจะอาศัยในถิ่นแห้งแล้งของทะเลทราย

ในเขตดินกร่อยซึ่งไม่มีใครอาศัย

7 “แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่ไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในพระองค์

8 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ

ซึ่งหยั่งรากลงไปริมธารน้ำ

มันไม่กลัวความร้อนที่มาถึง

ใบของมันเขียวขจีอยู่เสมอ

มันไม่วิตกในปีที่แห้งแล้ง

และไม่หยุดออกผล”

9 จิตใจเป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งอื่นใด

และเสื่อมทรามจนสุดจะแก้

ใครจะเข้าใจจิตใจนั้นได้?

10 “เราผู้เป็นพระยาห์เวห์พิเคราะห์ดูจิตใจ

และตรวจสอบความคิด

เพื่อให้บำเหน็จแก่ทุกคนตามผลการกระทำ

และตามความประพฤติของเขา”

11 ผู้ซึ่งมั่งมีด้วยวิธีทุจริต

ก็เหมือนนกที่กกไข่ซึ่งมันไม่ได้วาง

เมื่อถึงวัยกลางคน ทรัพย์สมบัติก็พรากจากเขาไป

และในบั้นปลายเขาจะกลายเป็นคนโง่เขลา

12 สถานนมัสการของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นบัลลังก์อันรุ่งเรือง

ได้รับการเทิดทูนไว้ตั้งแต่ต้น

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล

คนทั้งปวงที่ละทิ้งพระองค์จะอัปยศอดสู

ผู้ที่หันไปจากพระองค์จะถูกจารึกไว้ในธุลีดิน

เพราะเขาละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า

ผู้ทรงเป็นบ่อน้ำพุซึ่งมีน้ำที่ให้ชีวิต

14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงรักษาข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะหายดี

ขอทรงช่วย แล้วข้าพระองค์จะรอด

เพราะพระองค์คือผู้ที่ข้าพระองค์ถวายการสรรเสริญ

15 พวกเขาพร่ำพูดกับข้าพระองค์ว่า

“ไหนล่ะ พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า?

ให้มันเป็นไปตามนั้น เดี๋ยวนี้สิ!”

16 ข้าพระองค์ไม่ได้หนีจากการเป็นคนเลี้ยงแกะของพระองค์

พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์ไม่ได้ปรารถนาวันแห่งความสิ้นหวัง

สิ่งที่ข้าพระองค์เอ่ยปากบอกพวกเขา ก็แจ้งอยู่ต่อหน้าพระองค์

17 ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์คร้ามกลัว

พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันแห่งภัยพิบัติ

18 ขอให้ผู้กดขี่ข่มเหงข้าพระองค์ต้องอับอายขายหน้า

แต่ขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากความอัปยศ

ขอให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน

แต่ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์ให้พ้นจากความหวาดหวั่น

ขอทรงนำวันแห่งภัยพิบัติมายังเขา

ขอทรงทำลายเขาด้วยหายนะที่รุนแรงเป็นสองเท่า

รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไปยืนอยู่ที่ประตูเมืองเยรูซาเล็มซึ่งกษัตริย์ยูดาห์เสด็จเข้าออก รวมทั้งประตูอื่นๆ ทั้งหมดของเยรูซาเล็ม

20 จงบอกคนทั้งปวงว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด กษัตริย์ยูดาห์ ชนยูดาห์ และชาวกรุงเยรูซาเล็มซึ่งผ่านเข้าออกประตูเหล่านี้

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่าจงระวังอย่าแบกสิ่งของในวันสะบาโต หรือนำสิ่งใดผ่านเข้าออกประตูของเยรูซาเล็ม

22 อย่าแบกสิ่งใดออกจากบ้านเรือนของเจ้า หรือกระทำกิจการงานใดๆ ในวันสะบาโต แต่จงรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ตามที่เราได้บัญชาบรรพบุรุษของเจ้าไว้

23 แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง ไม่ใส่ใจ พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง ไม่ยอมใส่ใจและรับฟังคำตักเตือน

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า แต่ถ้าพวกเจ้าใส่ใจเชื่อฟังเรา และไม่แบกสิ่งใดผ่านประตูในวันสะบาโต แต่รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์โดยไม่ทำงานใดๆ ในวันนั้น

25 เมื่อนั้นเหล่ากษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ของดาวิดจะเข้าออกประตูต่างๆ ของกรุงนี้พร้อมกับเหล่าขุนนาง พวกเขาจะนั่งบนรถม้าศึกและหลังม้า ติดตามด้วยชนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม และกรุงนี้จะมีผู้คนอาศัยอยู่ตลอดไป

26 ประชาชนจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และหมู่บ้านต่างๆ รอบเยรูซาเล็ม จากเขตแดนของเบนยามิน จากเชิงเขาตะวันตก จากแถบภูเขาและเนเกบ จะนำเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องหอม และเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

27 แต่หากพวกเจ้ายไม่เชื่อฟังเรา ไม่ยอมรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ หากเจ้ายังนำสัมภาระผ่านประตูเมืองทั้งหลายของเยรูซาเล็มในวันสะบาโต เราก็จะจุดไฟเผาประตูเมืองเหล่านี้ เป็นไฟไม่รู้ดับซึ่งจะเผาผลาญป้อมต่างๆ ของเมืองนี้จนหมดสิ้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/17-3f068316f133c8a42df349c060e1c9fc.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 18

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ

1 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า

2 “จงลุกขึ้นลงไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น”

3 ข้าพเจ้าก็ไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เขากำลังทำงานอยู่ที่แป้น

4 แต่ภาชนะที่เขากำลังปั้นอยู่นั้นเสียรูปทรงอยู่ในมือของเขา เขาจึงนวดขยำเป็นก้อนและเริ่มปั้นใหม่ตามที่เขาเห็นว่าดีที่สุด

5 แล้วพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

6 “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราทำกับเจ้าแบบเดียวกับช่างปั้นหม้อผู้นี้ไม่ได้หรือ?”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเราเหมือนดินเหนียวที่อยู่ในมือของช่างปั้น

7 เมื่อใดก็ตามที่เราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนที่เราจะรื้อถอนและทำลาย

8 แล้วหากชาตินั้นซึ่งเราได้เตือนไว้หันกลับจากความชั่วร้ายของตน เราก็จะเปลี่ยนใจไม่ส่งภัยพิบัติมายังพวกเขาตามที่เราได้ตั้งใจไว้แต่แรก

9 และหากเราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนซึ่งเราจะสร้างและก่อตั้งขึ้น

10 แต่แล้วชาตินั้นอาณาจักรนั้นทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของเราและไม่ยอมเชื่อฟังเรา เมื่อนั้นเราก็จะเปลี่ยนใจยังไม่อวยพรพวกเขาอย่างที่คิดไว้

11 “ฉะนั้นจงไปเตือนชนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราเตรียมนำภัยพิบัติมายังเจ้า และมีแผนการลงโทษเจ้า ฉะนั้นเจ้าแต่ละคนจงหันจากวิถีชั่วของเจ้าและแก้ไขแนวทางกับการกระทำของเจ้า’

12 แต่พวกเขาจะตอบว่า ‘พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เราจะทำตามแผนการของเราต่อไป เราแต่ละคนจะทำตามทิฐิในใจชั่วของเรา’ ”

13 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงถามดูในหมู่ชนชาติต่างๆ

ใครเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้าง

อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ได้ทำ

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด?

14 หิมะเคยหายไปจากภูผาของเลบานอนหรือ?

สายน้ำเย็นจากภูเขาที่ห่างไกลนั้นเคยหยุดไหลหรือ?

15 ถึงกระนั้นประชากรของเราก็ลืมเรา

พวกเขาเผาเครื่องหอมถวายรูปเคารพอันไร้ค่า

ซึ่งทำให้เขาสะดุดล้มในวิถีทางของตน

และในหนทางโบราณ

ทำให้พวกเขาต้องลงไปเดินข้างทาง

บนถนนที่ไม่ได้สร้างขึ้น

16 ดินแดนของเขาจะถูกทิ้งร้าง

เป็นเป้าของการดูหมิ่นตลอดกาล

ผู้คนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึง

และส่ายหน้า

17 เราจะเหวี่ยงประชากรของเราให้กระจัดกระจายไปต่อหน้าศัตรูของพวกเขา

เหมือนลมตะวันออกซัดฝุ่นฟุ้งกระจาย

เราจะหันหลังให้พวกเขา

ในเวลาแห่งภัยพิบัติของเขา”

18 พวกเขากล่าวว่า “เรามาวางแผนกำจัดเยเรมีย์กันเถอะ เพราะว่าสิ่งที่ปุโรหิตสอนจากธรรมบัญญัติ คำปรึกษาจากปราชญ์ และถ้อยคำจากผู้เผยพระวจนะจะไม่สูญหายไป ฉะนั้นให้เราโจมตีเขาด้วยลิ้นของเราและอย่าใส่ใจสิ่งที่เขาพูด”

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังข้าพระองค์

ฟังถ้อยคำของบรรดาผู้กล่าวหาข้าพระองค์!

20 ควรหรือที่พวกเขาจะตอบแทนความดีด้วยความชั่ว?

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์

ขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์

กราบทูลพระองค์เพื่อพวกเขา

ให้ทรงหันเหพระพิโรธไปจากพวกเขา

21 ด้วยเหตุนี้ ขอให้ลูกๆ ของพวกเขาอดตาย

ขอให้พวกเขาเป็นเหยื่อคมดาบ

ขอให้ภรรยาของพวกเขาเป็นม่ายและถูกพรากลูกไปหมด

ขอให้พวกผู้ชายของเขาถูกสังหาร

ให้คนหนุ่มของพวกเขาถูกฆ่าฟันในสงคราม

22 ขอให้ได้ยินเสียงกรีดร้องจากบ้านเรือนของพวกเขา

เมื่อพระองค์นำกองทหารเข้าจู่โจมพวกเขาอย่างฉับพลัน

เพราะพวกเขาได้ขุดหลุมดักข้าพระองค์

และซุ่มวางกับดักตามทางของข้าพระองค์

23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงทราบแผนการทุกอย่างที่

เขาคบคิดกันสังหารข้าพระองค์

โปรดอย่าทรงอภัยให้พวกเขา

ขออย่าทรงลบบาปทั้งหลายของเขาไปจากสายพระเนตรของพระองค์

แต่ขอให้พวกเขาถูกโค่นล้มลงต่อหน้าพระองค์

ขอทรงจัดการกับพวกเขาในเวลาแห่งพระพิโรธของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/18-2450ba4f6e2b3bf015cf0c45b0eab273.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 19

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปซื้อไหดินใบหนึ่งจากช่างปั้น และพาผู้อาวุโสบางคนของเหล่าประชากรและปุโรหิตอาวุโสบางคนไปกับเจ้าด้วย

2 และจงไปที่หุบเขาเบนฮินโนม ใกล้ทางเข้าประตูกองเศษหม้อของตัวเมือง และจงพูดกับเขาตามถ้อยคำที่เราบอกเจ้าที่นั่นว่า

3 ‘กษัตริย์ยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำภัยพิบัติมาเหนือสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทุกคนที่ได้ยินจะถึงกับขนลุกขนพอง

4 เพราะพวกเขาได้ละทิ้งเรา และทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งพระต่างชาติ พวกเขาเผาเครื่องบูชาแก่พระต่างๆ ซึ่งตัวเขาก็ดี บรรพบุรุษของเขาก็ดี บรรดากษัตริย์ยูดาห์ก็ดี ไม่เคยรู้จักมาก่อน และพวกเขาทำให้สถานที่แห่งนี้นองด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์

5 เขาได้สร้างสถานบูชาบนที่สูงของพระบาอัล เพื่อเผาลูกชายของตนสังเวยพระบาอัล นี่เป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือพูดถึง และไม่เคยเข้ามาในความคิดของเราเลย

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าดังนั้นจงระวังให้ดี เพราะจะถึงเวลาที่ผู้คนจะไม่เรียกที่แห่งนี้ว่าโทเฟทหรือหุบเขาเบนฮินโนมอีกต่อไป แต่เรียกว่า “หุบเขาแห่งการเข่นฆ่า”

7 “ ‘ในที่แห่งนี้ เราจะทำลายแผนการต่างๆ ของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เราจะทำให้พวกเขาล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเหล่าศัตรู ในมือของผู้ที่หมายเอาชีวิตของพวกเขา เราจะทิ้งศพของพวกเขาให้เป็นเหยื่อของนกในอากาศและสัตว์ต่างๆ บนแผ่นดินโลก

8 เราจะทำให้กรุงนี้ถูกทิ้งร้างเป็นเป้าของการดูหมิ่น ทุกคนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึงและเย้ยหยัน เมื่อได้เห็นความหายนะทั้งหมดของมัน

9 ในขณะที่ถูกบีบคั้นโดยศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของพวกเขาซึ่งล้อมเขาไว้ เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง และพวกเขาจะกินเนื้อกันเอง’

10 “จากนั้นเจ้าจงทุบไหใบนั้นต่อหน้าคนเหล่านั้นที่มากับเจ้า

11 และบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า เราจะบดขยี้ชนชาตินี้และเมืองนี้ให้แหลกลาญเหมือนที่ไหใบนี้แตกป่นปี้และซ่อมแซมไม่ได้ พวกเขาจะฝังศพผู้ตายที่โทเฟท จนไม่มีที่ว่างเหลืออยู่อีก

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า นี่คือสิ่งที่เราจะทำต่อสถานที่แห่งนี้และแก่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เราจะทำให้เมืองนี้เป็นเหมือนโทเฟท

13 บ้านเรือนในกรุงเยรูซาเล็มและวังทั้งหลายของกษัตริย์ยูดาห์จะเป็นมลทินเหมือนโทเฟท คือบ้านทั้งหลายที่เผาเครื่องหอมบูชาบนหลังคาถวายแด่พระแห่งดวงดาวและเทเครื่องดื่มบูชาแด่พระอื่นๆ’ ”

14 แล้วเยเรมีย์เดินทางกลับจากโทเฟทที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ให้ไปกล่าวคำพยากรณ์ เขามายืนอยู่ที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวแก่ประชากรทั้งปวงว่า

15 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จงฟังเถิด! เราจะนำภัยพิบัติทั้งมวลที่เราประกาศมาสู่กรุงนี้และเมืองต่างๆ โดยรอบ ซึ่งเราได้ประกาศกล่าวโทษ เพราะพวกเขาหัวแข็งและไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/19-98ad522ea5f9cf0403ddcac637eff21e.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 20

เยเรมีย์และปาชเฮอร์

1 เมื่อปุโรหิตปาชเฮอร์บุตรอิมเมอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยินเรื่องที่เยเรมีย์กำลังเผยพระวจนะอยู่

2 ก็ให้คนทุบตีผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ และจับกุมตัวใส่ขื่อคาขังไว้ที่ประตูเบนยามินด้านบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อปาชเฮอร์มาปล่อยเยเรมีย์ออกจากขื่อคา เยเรมีย์กล่าวกับเขาว่า “ชื่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งให้ท่านไม่ใช่ปาชเฮอร์ แต่เป็นมาโกร์มิสสาบิบ

4 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเป็นที่สยดสยองทั้งแก่ตัวเจ้าเองและแก่เพื่อนฝูงทั้งปวงของเจ้า ตาของเจ้าเองจะเห็นพวกเขาล้มตายด้วยคมดาบของเหล่าศัตรู เราจะมอบยูดาห์ไว้ในเงื้อมมือกษัตริย์บาบิโลน ซึ่งจะกวาดต้อนพวกเขาไปยังบาบิโลนหรือฆ่าทิ้ง

5 เราจะมอบทรัพย์สมบัติทั้งปวงของกรุงนี้แก่ศัตรูของพวกเขา ได้แก่ผลิตผลทั้งปวง ทรัพย์สินมีค่าและสมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์ยูดาห์ ศัตรูจะปล้นและริบไปยังบาบิโลน

6 ส่วนเจ้า ปาชเฮอร์และทุกคนในครัวเรือนของเจ้าจะต้องไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ตายและฝังที่นั่น ทั้งตัวเจ้าและเพื่อนๆที่เจ้าพยากรณ์เท็จให้ฟัง’ ”

เยเรมีย์คร่ำครวญ

7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงหลอกลวงข้าพระองค์และข้าพระองค์ก็ถูกหลอกให้ตายใจ

พระองค์เหนือกว่าข้าพระองค์และทรงชนะข้าพระองค์

ข้าพระองค์ถูกหัวเราะเยาะวันยังค่ำ

ทุกคนเย้ยหยันข้าพระองค์

8 เมื่อใดที่พูด ข้าพระองค์เป็นต้องป่าวร้อง

ประกาศความรุนแรงและความพินาศย่อยยับ

ฉะนั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ทำให้ข้าพระองค์ถูกเย้ยหยันและถูกติเตียนวันยังค่ำ

9 แต่หากข้าพระองค์จะกล่าวว่า “ข้าพระองค์จะไม่พูดถึงพระองค์

หรือไม่พูดอะไรในพระนามของพระองค์อีกต่อไป”

พระดำรัสของพระองค์ในจิตใจของข้าพระองค์

ก็เป็นเหมือนไฟที่แผดเผาอยู่ในกระดูก

และข้าพระองค์หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะทนเก็บไว้ได้

ข้าพระองค์เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ

10 ข้าพระองค์ได้ยินเสียงซุบซิบหนาหูว่า

“ความสยดสยองอยู่รอบด้าน!

ให้เรารายงานเรื่องเขา! รายงานเรื่องเขา!”

เพื่อนๆ ของข้าพระองค์

คอยให้ข้าพระองค์พลาดล้ม พวกเขาพูดว่า

“บางทีเขาอาจจะถูกหลอก

แล้วเราจะชนะเขา

และแก้แค้นเขาได้”

11 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างข้าพระองค์ประหนึ่งนักรบผู้เกรียงไกร

ฉะนั้นบรรดาผู้ข่มเหงข้าพระองค์จะล้มลงและไม่ชนะ

พวกเขาจะล้มเหลวและอัปยศอดสู

พวกเขาจะถูกตราหน้าและเสียเกียรติตลอดไป

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์ทรงพิเคราะห์ผู้ชอบธรรม

ทรงพินิจดูความคิดจิตใจ

ขอโปรดให้ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงแก้แค้นคนเหล่านี้

เพราะข้าพระองค์ได้มอบเรื่องราวของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์แล้ว

13 จงร้องเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า!

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า!

พระองค์ทรงกู้ชีวิตของผู้ขัดสน

จากเงื้อมมือของคนชั่ว

14 ขอแช่งวันที่ข้าพเจ้าถือกำเนิดมา!

ขออย่าให้วันที่แม่คลอดข้าพเจ้าออกมานั้นได้รับพร!

15 ขอแช่งคนที่นำข่าวไปบอกพ่อของข้าพเจ้า

คนที่ทำให้พ่อของข้าพเจ้าดีใจมาก

โดยบอกว่า “ท่านได้ลูกชายแล้ว!”

16 ขอให้คนนั้นเป็นเหมือนเมืองต่างๆ

ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคว่ำทลายโดยปราศจากความเมตตาสงสาร

ขอให้เขาได้ยินเสียงร่ำไห้ในยามเช้า

เสียงโห่ร้องทำศึกยามเที่ยงวัน

17 เนื่องจากเขาไม่ฆ่าข้าพเจ้าเสียตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ให้ท้องของแม่เป็นหลุมฝังศพของข้าพเจ้า

ให้ท้องของแม่โตอยู่อย่างนั้นตลอดไป

18 ทำไมหนอข้าพเจ้าจึงออกมาจากท้องแม่

ต้องเห็นความทุกข์โศกลำเค็ญ

และชีวิตหมดไปกับความอัปยศอดสู?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/20-e4262adb2a9c295f854d5c0da0430fae.mp3?version_id=179—