Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 11

ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์

1 ชาวอิสราเอลทั้งปวงมาเข้าเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรน และทูลว่า “ข้าพระบาททั้งหลายเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตของฝ่าพระบาท

2 ตั้งแต่ในรัชกาลของกษัตริย์ซาอูล ฝ่าพระบาทก็ทรงเป็นผู้นำอิสราเอลในการรบ พระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทได้ตรัสกับฝ่าพระบาทไว้ว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดูและเป็นผู้ปกครองของอิสราเอลประชากรของเรา’ ”

3 เมื่อผู้อาวุโสทั้งปวงของอิสราเอลมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน พระองค์ทรงทำสัญญากับพวกเขาที่นั่นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและพวกเขาเจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล เป็นจริงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้แล้วผ่านทางซามูเอล

ดาวิดพิชิตเยรูซาเล็ม

4 ดาวิดและชนอิสราเอลทั้งปวงเดินทัพมายังเยรูซาเล็ม (คือเมืองเยบุส) ชาวเยบุสซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น

5 กล่าวกับดาวิดว่า “เจ้าเข้ามาในนี้ไม่ได้หรอก” แต่ดาวิดยึดป้อมของเมืองศิโยน ซึ่งเรียกว่า “เมืองดาวิด” ได้

6 ดาวิดบอกไว้ว่า “ผู้ใดที่นำทัพบุกโจมตีเมืองเยบุสจะได้เป็นแม่ทัพ” โยอาบบุตรนางเศรุยาห์บุกไปเป็นคนแรก จึงได้เป็นแม่ทัพของดาวิด

7 ดาวิดจึงประทับอยู่ในป้อมปราการนั้น ที่นั่นจึงได้ชื่อว่า “เมืองดาวิด”

8 ดาวิดทรงขยายเมืองนั้นออกไปรอบๆ ป้อมปราการไปจนถึงกำแพงที่ล้อมรอบเมือง ในขณะที่โยอาบซ่อมแซมส่วนอื่นๆ ที่เหลือของเมือง

9 และดาวิดทรงยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์สถิตอยู่ด้วย

ยอดนักรบของดาวิด

10 ต่อไปนี้คือหัวหน้านักรบของดาวิด ซึ่งร่วมกับชนอิสราเอลทั้งปวงเสริมแสนยานุภาพของดาวิดทั่วราชอาณาจักร ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้แล้ว

11 รายชื่อหัวหน้านักรบของดาวิดคือ

ยาโชเบอัมแห่งตระกูลฮัคโมนี เป็นหัวหน้ากองทหารของดาวิด เขาใช้หอกสังหารข้าศึกถึงสามร้อยคนในคราวเดียวกัน

12 คนต่อมาคือเอเลอาซาร์ บุตรโดดัยชาวอาโหอาห์

13 เขาอยู่เคียงข้างดาวิดในสงครามกับฟีลิสเตียที่เมืองปัสดัมมิม กองทัพอิสราเอลที่อยู่ในทุ่งข้าวบาร์เลย์กำลังเริ่มถอยหนี

14 แต่ดาวิดกับเขาปักหลักอยู่กลางทุ่ง รับมือและพิชิตชาวฟีลิสเตีย และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่

15 ครั้งหนึ่งสามยอดนักรบของสามสิบยอดนักรบมาหาดาวิดที่ศิลาที่ถ้ำอดุลลัม ขณะกองทหารของฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม

16 ครั้งนั้นดาวิดอยู่ในที่มั่น ส่วนแนวรบของฟีลิสเตียอยู่ที่เมืองเบธเลเฮม

17 ดาวิดกระหายน้ำและเปรยขึ้นว่า “ถ้ามีใครไปนำน้ำจากบ่อใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มก็ดี!”

18 สามยอดนักรบนี้ก็ตีฝ่าแนวรบของฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อนั้นมาให้ แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม กลับรินลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 และกล่าวว่า “ขอพระเจ้าห้ามไว้ไม่ให้เราดื่มน้ำนี้! ควรหรือที่เราจะดื่มเลือดของคนเหล่านี้ซึ่งเสี่ยงชีวิตไปเอามา?” เนื่องจากพวกเขาเสี่ยงชีวิตไปเอาน้ำมา ดาวิดจึงไม่ยอมดื่ม

นี่คือวีรกรรมของสามยอดนักรบ

20 อาบีชัยน้องชายของโยอาบเป็นหัวหน้าของสามยอดนักรบ เขาใช้หอกสังหารข้าศึกถึงสามร้อยคน เขาจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือเทียบเท่าสามยอดนักรบ

21 เขาเป็นหัวหน้าและมีเกียรติเป็นสองเท่าเหนือสามยอดนักรบ แม้จะไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

22 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาเป็นทหารกล้าจากเมืองขับเซเอลผู้สร้างวีรกรรมหลายครั้ง เขาสังหารยอดฝีมือสองคนของโมอับ ครั้งหนึ่งเขาลงไปในหลุมฆ่าสิงโตในวันที่หิมะตกหนัก

23 และเขาได้สังหารคนอียิปต์คนหนึ่งซึ่งสูงถึง 5 ศอกแม้ว่าคนนั้นถือหอกใหญ่เท่ากับไม้กระพั่นทอผ้า แต่เบไนยาห์ถือไม้พลองเข้าสู้ เขากระชากหอกจากมือของชาวอียิปต์คนนั้นและสังหารด้วยหอก

24 นี่คือวีรกรรมของเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เขาก็มีชื่อเสียงเลื่องลือเทียบเท่าสามยอดนักรบด้วย

25 เขามีเกียรติมากกว่าใครๆ ในสามสิบยอดนักรบ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในสามยอดนักรบ ดาวิดทรงแต่งตั้งให้เขาดูแลกองทหารรักษาพระองค์

26 เหล่านักรบ ได้แก่

อาสาเฮลน้องชายของโยอาบ

เอลฮานันบุตรโดโด คนเบธเลเฮม

27 ชัมโมทคนฮาโรด

เฮเลสคนเปโลน

28 อิราบุตรอิกเขชคนเทโคอา

อาบีเอเซอร์คนอานาโธท

29 สิบเบคัยคนหุชาห์

อิลัยคนอาโหอาห์

30 มาหะรัยคนเนโทฟาห์

เฮเลดบุตรบาอานาห์คนเนโทฟาห์

31 อิธัยบุตรรีบัยคนกิเบอาห์ในเขตเบนยามิน

เบไนยาห์คนปิราโธน

32 หุรัยคนห้วยกาอัช

อาบีเอลคนอารบา

33 อัสมาเวทคนบาฮารู

เอลียาห์บาคนชาอัลโบน

34 เหล่าบุตรของฮาเชมคนกิโซ

โยนาธานบุตรชากีคนฮาราร์

35 อาหิอัมบุตรสาคาร์คนฮาราร์

เอลีฟัลบุตรเออร์

36 เฮเฟอร์คนเมเคราห์

อาหิยาห์คนเปโลน

37 เฮสโรคนคารเมล

นาอารัยบุตรเอสบัย

38 โยเอลน้องชายของนาธัน

มิบฮาร์บุตรฮากรี

39 เศเลกคนอัมโมน

นาหะรัยคนเบโรท ผู้เชิญอาวุธประจำตัวของโยอาบบุตรนางเศรุยาห์

40 อิราคนอิธรา

กาเรบคนอิธรา

41 อุรียาห์คนฮิตไทต์

ศาบาดบุตรอาห์ลัย

42 อาดีนาบุตรชิซาคนรูเบน เป็นหัวหน้าของคนรูเบนและคนสามสิบคนที่อยู่กับเขา

43 ฮานานบุตรมาอาคาห์ โยชาฟัทคนมิธเน

44 อุสซียาคนอัชเทรัท

ชามาและเยอีเอลบุตรโฮธามคนอาโรเออร์

45 เยดียาเอลบุตรชิมรีและโยฮาคนทิไซต์ผู้เป็นน้องชาย

46 เอลีเอลคนมาหะไวต์

เยรีบัยและโยชาวิยาห์บุตรเอลนาอัม

อิทมาห์คนโมอับ

47 เอลีเอล โอเบด และยาอาซีเอลคนเมโซบัย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/11-893211def070bbdd8401ff4867c70bf1.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 12

เหล่านักรบมาสมทบกับดาวิด

1 ต่อไปนี้คือผู้ที่มาสมทบกับดาวิดที่ศิกลาก ขณะที่เขาถูกไล่ไปให้พ้นจากพระพักตร์ซาอูลบุตรคีช (พวกเขาอยู่ในหมู่นักรบซึ่งช่วยดาวิดสู้รบ

2 ล้วนเป็นนักธนูและเป็นมือสลิงผู้เชี่ยวชาญทั้งมือซ้ายและมือขวา ต่างก็มาจากเผ่าเบนยามินเช่นเดียวกับซาอูล) ได้แก่

3 หัวหน้าอาหิเยเซอร์และโยอาช ทั้งคู่เป็นบุตรของเชมาอาห์แห่งเมืองกิเบอา เยซีเอล และเปเลทบุตรของอัสมาเวท เบราคาห์ เยฮูจากเมืองอานาโธท

4 อิชมัยยาห์จากเมืองกิเบโอนผู้เป็นทหารกล้าซึ่งอยู่ในระดับผู้นำของสามสิบยอดนักรบ เยเรมีย์ ยาฮาซีเอล โยฮานัน โยซาบาดจากเมืองเกเดราห์

5 เอลูซัย เยรีโมท เบอัลลิยาห์ เชมาริยาห์ และเชฟาทิยาห์ จากตระกูลฮารูฟ

6 เอลคานาห์ อิสชีอาห์ อาซาเรล โยเอเซอร์กับยาโชเบอัมจากตระกูลโคราห์

7 และโยเอลาห์กับเศบาดิยาห์บุตรเยโรฮัมชาวเกโดร์

8 นักรบบางคนจากเผ่ากาดก็แปรพรรคมาอยู่กับดาวิดในที่มั่นในถิ่นกันดาร พวกเขาเป็นนักรบกล้าหาญผู้เจนศึกและช่ำชองในการใช้โล่กับหอก เป็นคนหน้าตาดุร้ายเหมือนสิงห์ ไวเหมือนละมั่งบนภูเขา

9 เอเซอร์เป็นหัวหน้า

โอบาดีห์เป็นรองหัวหน้า คนที่สามคือเอลีอับ

10 คนที่สี่คือมิชมันนาห์ คนที่ห้าคือเยเรมีย์

11 คนที่หกคืออัททัย คนที่เจ็ดคือเอลีเอล

12 คนที่แปดคือโยฮานัน คนที่เก้าคือเอลซาบาด

13 คนที่สิบคือเยเรมีย์ คนที่สิบเอ็ดคือมัคบันนัย

14 คนกาดเหล่านี้เป็นนายทัพที่ด้อยที่สุดก็ยังเหมาะกับพลนับร้อย และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เหมาะกับพลนับพัน

15 พวกเขาข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปในเดือนที่หนึ่งซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก และสู้รบกับทุกคนในหุบเขาทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก

16 มีคนอื่นๆ จากเผ่าเบนยามินและยูดาห์มาหาดาวิดในที่มั่น

17 ดาวิดออกไปพบพวกเขาและกล่าวว่า “หากพวกท่านมาหาเราอย่างสันติ มาช่วยเรา เราก็พร้อมที่จะให้ท่านเข้าพวก แต่หากท่านมาเพื่อทรยศมอบเราให้แก่ศัตรูของเรา ทั้งๆ ที่มือของเราไม่ได้ทำร้ายใคร ก็ขอให้พระเจ้าของบรรพบุรุษของเราทอดพระเนตรและตัดสินโทษท่านเถิด”

18 แล้วพระวิญญาณเสด็จลงมาเหนืออามาสัยผู้นำของสามสิบยอดนักรบ และเขากล่าวว่า

“ดาวิดเอ๋ย! เราเป็นพวกท่าน

บุตรเจสซีเอ๋ย! เราเป็นฝ่ายท่าน

ความสำเร็จจงเป็นของท่าน

ความสำเร็จจงเป็นของทุกคนที่ช่วยเหลือท่าน

เพราะพระเจ้าของท่านจะทรงช่วยท่าน”

ดาวิดจึงรับพวกเขาไว้และตั้งให้เป็นหัวหน้ากองโจร

19 มีบางคนจากเผ่ามนัสเสห์แปรพรรคมาอยู่กับดาวิดเมื่อเขาร่วมทัพฟีลิสเตียจะไปรบกับซาอูล (ดาวิดกับพวกไม่ได้ช่วยชาวฟีลิสเตียรบ เพราะเมื่อขุนพลของฟีลิสเตียปรึกษากันแล้ว พวกเขากล่าวว่า “ถ้าเขาละทิ้งพวกเรา กลับไปเป็นพวกของซาอูลนายเดิม หัวของพวกเราคงหลุดจากบ่า”)

20 คนมนัสเสห์ที่มาเป็นพวกกับดาวิดขณะที่เขาไปศิกลากได้แก่ อัดนาห์ โยซาบาด เยดียาเอล มีคาเอล โยซาบาด เอลีฮู และศิลเลธัย ล้วนเป็นหัวหน้ากองพันในมนัสเสห์

21 พวกเขาเป็นนักรบกล้าหาญ เป็นนายทัพช่วยเหลือดาวิดต่อสู้กับกองโจร

22 มีคนมาสบทบกับดาวิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดาวิดมีกองทัพยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหมือนกองทัพของพระเจ้า

คนอื่นๆ ที่มาสมทบกับดาวิดที่เมืองเฮโบรน

23 ต่อไปนี้เป็นจำนวนพลรบที่มาสมทบกับดาวิดที่เมืองเฮโบรน เพื่อจะตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์แทนซาอูล ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้แล้ว

24 มีนักรบจากยูดาห์ 6,800 คน มีโล่และหอกพร้อม

25 มีนักรบพร้อมออกศึกจากสิเมโอน 7,100 คน

26 จากเลวี 4,600 คน

27 รวมเยโฮยาดาซึ่งเป็นหัวหน้าในครอบครัวของอาโรนพร้อมกับคน 3,700 คน

28 และศาโดกนักรบหนุ่มผู้กล้าหาญพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 22 คนจากครอบครัวของเขา

29 จากเบนยามินญาติพี่น้องของซาอูลมี 3,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เคยภักดีต่อฝ่ายซาอูลมาก่อน

30 มีนักรบกล้าหาญจากเอฟราอิม 20,800 คน ล้วนมีชื่อเสียงในตระกูลของตน

31 เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าส่งคนมาตามรายชื่อที่ระบุไว้ 18,000 คน เพื่อตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์

32 มีหัวหน้าตระกูลจากอิสสาคาร์ 200 คน พร้อมทั้งญาติที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาทุกคนที่เข้าใจจังหวะเวลา และรู้ว่าอิสราเอลควรทำอย่างไร

33 มีนักรบเจนศึกจากเศบูลุน 50,000 คน พร้อมออกศึกโดยใช้อาวุธทุกชนิดและมีความภักดีต่อดาวิดอย่างแน่วแน่

34 มีเจ้าหน้าที่จากนัฟทาลี 1,000 คน และทหาร 37,000 คน ถือโล่และหอก

35 จากดานมี 28,600 คน พร้อมออกศึก

36 มีทหารเจนศึกจากอาเชอร์ 40,000 คน พร้อมรบ

37 ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าจากฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 120,000 คน มีอาวุธทุกชนิด

38 ทั้งหมดนี้เป็นนักรบที่สมัครใจออกศึก พวกเขามายังเมืองเฮโบรน ตั้งใจเต็มที่ที่จะเชิญดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ชาวอิสราเอลอื่นๆ ทั้งหมดก็พร้อมใจกันที่จะตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์

39 พวกเขากินเลี้ยงร่วมกับดาวิดเป็นเวลาสามวัน เพราะครอบครัวของพวกเขาได้จัดเตรียมเสบียงมาให้

40 ทั้งยังมีประชาชนทั้งใกล้และไกลเช่น อิสสาคาร์ เศบูลุน และนัฟทาลี นำอาหารบรรทุกมาบนลา อูฐ ล่อ และวัว นอกจากนั้นได้นำสิ่งของมากมายมาร่วมงานฉลองนี้ได้แก่ แป้ง มะเดื่ออัด ขนมลูกเกด เหล้าองุ่น น้ำมัน วัว และแกะ เพราะมีความชื่นชมยินดีในอิสราเอล

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/12-891ee178ad573efc11995caf7f9e4ed1.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 13

อัญเชิญหีบพันธสัญญากลับมา

1 ดาวิดทรงหารือกับแม่ทัพนายกองทั้งปวง

2 แล้วตรัสกับชุมชนอิสราเอลทั้งปวงว่า “หากท่านทั้งหลายเห็นดีและเป็นพระประสงค์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ให้เราส่งข่าวไปยังพี่น้องของเราทั่วแดนอิสราเอลทั้งใกล้หรือไกล รวมทั้งบรรดาปุโรหิตและคนเลวีในเมืองและในทุ่งหญ้าของพวกเขาให้มาร่วมกับเรา

3 ให้เราอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าของเรากลับคืนมา เพราะในรัชกาลกษัตริย์ซาอูล เราได้ละเลยหีบนั้น”

4 ชุมนุมประชากรทั้งหมดล้วนเห็นพ้องต้องกัน เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งถูกต้อง

5 ดาวิดจึงทรงชุมนุมพลอิสราเอลทั่วแดน ตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ในอียิปต์จนจดเมืองเลโบฮามัทเพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาจากคีริยาทเยอาริม

6 ดาวิดและชนอิสราเอลทั้งปวงจึงไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์ (คีริยาทเยอาริม) เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าพระยาห์เวห์ซึ่งประทับระหว่างเครูบ อันเป็นหีบพันธสัญญาที่เรียกตามพระนาม

7 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของอาบีนาดับขึ้นบนเกวียนเล่มใหม่ โดยมีอุสซาห์และอาหิโยเป็นผู้นำทางมา

8 ดาวิดกับประชากรอิสราเอลทั้งปวงเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าพระเจ้า มีการขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา ฉาบ และแตร

9 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของคิโดน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกรับหีบพันธสัญญา

10 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ พระองค์ทรงประหารเขาที่ยื่นมือออกแตะต้องหีบพันธสัญญา เขาจึงสิ้นชีวิตลงต่อหน้าพระเจ้า

11 ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์ตั้งแต่นั้นมา

12 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับไปกับเราได้อย่างไร?”

13 ในที่สุดดาวิดก็ไม่ได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาไปยังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท

14 หีบพันธสัญญาคงอยู่กับครอบครัวของโอเบดเอโดมตลอดสามเดือน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครัวเรือนและกิจการงานทุกอย่างของเขา

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/13-50d37819b25a621c8182143d230333e8.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 14

ครอบครัวของดาวิด

1 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระส่งทูตมาเข้าเฝ้าดาวิด พร้อมกับช่างสกัดหินและช่างไม้ และส่งซุงไม้สนซีดาร์มาเพื่อช่วยสร้างพระราชวังของดาวิด

2 ดาวิดทรงตระหนักว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และทรงเชิดชูอาณาจักรของดาวิดอย่างมาก ก็เพื่อเห็นแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์

3 ที่กรุงเยรูซาเล็มดาวิดทรงมีมเหสีอื่นๆ อีกและมีโอรสธิดามากมาย

4 โอรสซึ่งประสูติที่นั่นได้แก่ ชัมมุวา โชบับ นาธัน โซโลมอน

5 อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลเปเลท

6 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย

7 เอลีชามา เบเอลยาดาและเอลีเฟเลท

ดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตีย

8 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ก็ระดมพลทั้งหมดมาตามหาดาวิด ดาวิดทรงทราบเรื่องจึงออกไปรับมือ

9 เมื่อชาวฟีลิสเตียมาถึงและได้บุกเข้าปล้นหุบเขาเรฟาอิม

10 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรออกไปโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของข้าพระองค์หรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”

11 ดาวิดกับพวกจึงบุกเข้าโจมตีทัพฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและมีชัยชนะ ดาวิดตรัสว่า “พระเจ้าทรงถาโถมเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าดั่งสายน้ำเชี่ยวด้วยมือของข้าพเจ้า” ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า บาอัลเปราซิม

12 ชาวฟีลิสเตียทิ้งรูปเคารพของตนไว้ และดาวิดสั่งให้เผาทิ้ง

13 ต่อมาชาวฟีลิสเตียมาปล้นหุบเขาแห่งนั้นอีก

14 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าอีกและพระเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าบุกโจมตีทางด้านหน้า แต่จงโอบล้อมแล้วรุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าของหมู่ต้นยางสน

15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงย่ำเท้าบนยอดต้นยางสน จงบุกเข้าโจมตี เพราะเป็นสัญญาณว่าพระเจ้าได้เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเล่นงานกองทัพฟีลิสเตียแล้ว”

16 ดังนั้นดาวิดก็ทำตามที่พระเจ้าตรัสสั่ง และทำลายล้างทัพฟีลิสเตียตลอดทางตั้งแต่เมืองกิเบโอนจนถึงเมืองเกเซอร์

17 ชื่อเสียงของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่วทุกแดน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ชนชาติทั้งปวงยำเกรงดาวิด

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/14-9b6c0992e66e64b16707c49d05af57c0.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 15

อัญเชิญหีบพันธสัญญามายังกรุงเยรูซาเล็ม

1 หลังจากดาวิดได้สร้างพระตำหนักต่างๆ สำหรับพระองค์ในเมืองดาวิดแล้ว ดาวิดก็ทรงเตรียมที่สำหรับหีบพันธสัญญาของพระเจ้าและตั้งพลับพลาขึ้นหลังหนึ่ง

2 แล้วดาวิดตรัสว่า “อย่าให้ผู้ใดอื่นเว้นแต่ชนเลวีอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้า เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกพวกเขาให้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์ตลอดไป”

3 ดาวิดจึงทรงให้เรียกชุมนุมอิสราเอลทั้งปวงในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังที่ซึ่งดาวิดจัดเตรียมไว้

4 แล้วทรงให้วงศ์วานของอาโรนและชนเลวีมาพร้อมหน้ากัน

5 จากวงศ์วานโคฮาท

อุรีเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 120 คน

6 จากวงศ์วานเมรารี

อาสายาห์เป็นหัวหน้าและญาติ 220 คน

7 จากวงศ์วานเกอร์โชน

โยเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 130 คน

8 จากวงศ์วานเอลีซาฟาน

เชไมอาห์เป็นหัวหน้าและญาติ 200 คน

9 จากวงศ์วานเฮโบรน

เอลีเอลเป็นหัวหน้าและญาติ 80 คน

10 จากวงศ์วานอุสซีเอล

อัมมีนาดับเป็นหัวหน้าและญาติ 112 คน

11 แล้วดาวิดทรงบัญชาให้ปุโรหิตทั้งสองคือ ศาโดกกับอาบียาธาร์ และคนเลวีได้แก่ อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมอาห์ เอลีเอล และอัมมีนาดับมาเข้าเฝ้า

12 แล้วตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของเลวี ท่านและพวกพ้องชาวเลวีจงชำระตนให้บริสุทธิ์และนำหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลมายังสถานที่ซึ่งเราได้จัดเตรียมไว้

13 ครั้งก่อนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงพระพิโรธพวกเรา เพราะพวกท่านซึ่งเป็นคนเลวีไม่ได้เป็นผู้อัญเชิญหีบพันธสัญญา เราไม่ได้ทูลถามพระองค์ถึงวิธีการที่จะนำหีบมาตามที่ทรงกำหนดไว้”

14 ฉะนั้นเหล่าปุโรหิตและคนเลวีจึงชำระตนเพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล

15 จากนั้นคนเลวีได้ยกหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นบ่าโดยใช้คานหาม ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

16 ดาวิดตรัสสั่งบรรดาหัวหน้าของคนเลวีให้แต่งตั้งพี่น้องเป็นนักร้อง เพื่อขับร้องบทเพลงรื่นเริงยินดีคลอเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ได้แก่ พิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบ

17 ชนเลวีจึงแต่งตั้งเฮมานบุตรโยเอล แต่งตั้งอาสาฟบุตรเบเรคิยาห์จากหมู่พี่น้องของเขา และแต่งตั้งเอธานบุตรคูชายาห์จากพี่น้องตระกูลเมรารี

18 พี่น้องที่เป็นผู้ช่วยรองลงมาได้แก่ เศคาริยาห์ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอลยามเฝ้าประตู

19 นักดนตรีคือเฮมาน อาสาฟ และเอธานเป็นผู้ตีฉาบทองสัมฤทธิ์

20 เศคาริยาห์ เอซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสอาห์ และเบไนยาห์เล่นพิณใหญ่คลอตามทำนองอาลาโมท

21 มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซาซิยาห์ เล่นพิณเขาคู่คลอตามทำนองเชมินิท

22 เคนานิยาห์หัวหน้าของคนเลวีรับผิดชอบดูแลการขับร้องเพราะเขาเชี่ยวชาญมาก

23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นยามประตูเฝ้าหีบพันธสัญญา

24 เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ ล้วนเป็นปุโรหิตผู้เป่าแตรนำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า โอเบดเอโดมกับเยฮียาห์ก็เป็นยามประตูเฝ้าหีบพันธสัญญาด้วย

25 ดาวิดและบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลและนายทัพนายกองจึงไปอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาจากบ้านของโอเบดเอโดมด้วยความชื่นชมยินดี

26 เพราะพระเจ้าทรงช่วยคนเลวีที่หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาทั้งปวงจึงถวายวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัว

27 ดาวิดพร้อมทั้งคนเลวีทั้งหมดที่อัญเชิญหีบพันธสัญญา คณะนักร้อง และเคนานิยาห์ผู้รับผิดชอบคณะนักร้องต่างก็สวมชุดผ้าลินิน ดาวิดทรงสวมเอโฟดลินินด้วย

28 เป็นอันว่าปวงชนอิสราเอลได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็มท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมยินดี เสียงเป่าเขาแกะและแตร เสียงฉาบ เสียงพิณใหญ่และพิณเขาคู่

29 ขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่เมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลมองจากหน้าต่าง เห็นกษัตริย์ดาวิดทรงร่ายรำและเฉลิมฉลองก็นึกดูแคลนอยู่ในใจ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/15-b7153bcabd7b1cec59aa52c84cdac71c.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 16

1 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาตั้งไว้ในพลับพลาซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาต่อหน้าพระเจ้า

2 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอวยพรประชาชนในพระนามของพระยาห์เวห์

3 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่อิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง

4 ดาวิดทรงแต่งตั้งคนเลวีบางคนให้ปฏิบัติงานอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการทูลขอ ขอบพระคุณ และถวายคำสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่

5 อาสาฟเป็นหัวหน้า รองลงมาคือเศคาริยาห์ คนอื่นๆ ได้แก่ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล คนเหล่านี้เล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ

6 ปุโรหิตเบไนยาห์และยาฮาซีเอลเป่าแตรเป็นประจำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

บทสดุดีขอบพระคุณของดาวิด

7 ในวันนั้นดาวิดทรงมอบบทสดุดีขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าให้อาสาฟกับผู้ช่วยของเขาเป็นครั้งแรกดังนี้ว่า

8 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าและร้องทูลออกพระนามของพระองค์

ให้ประชาชาติทั้งหลายได้รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำ

9 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสรรเสริญถวายพระองค์

บอกถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์

10 จงเทิดทูนพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

ให้จิตใจของผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี

11 จงหมายพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพลังอำนาจของพระองค์

จงแสวงหาพระพักตร์พระองค์เสมอ

12 จงระลึกถึงปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงกระทำ

ถึงการอัศจรรย์และคำพิพากษาที่พระองค์ทรงประกาศ

13 วงศ์วานอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย

ลูกหลานของยาโคบที่ทรงเลือกสรรเอ๋ย

14 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

การพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก

15 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล

ทรงระลึกถึงพระดำรัสที่ทรงบัญชาไว้ตลอดพันชั่วอายุคน

16 พันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับอับราฮัม

คำปฏิญาณที่พระองค์ทรงสัญญากับอิสอัค

17 พระองค์ทรงยืนยันต่อยาโคบเป็นกฎเกณฑ์

ต่ออิสราเอลเป็นพันธสัญญานิรันดร์

18 “เราจะยกดินแดนคานาอันให้เจ้า

ให้เป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย”

19 เมื่ออิสราเอลยังมีจำนวนน้อยนัก

น้อยเหลือเกิน และเป็นเพียงคนแปลกหน้าในดินแดนนั้น

20 พวกเขาระเหเร่ร่อนจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง

จากอาณาจักรหนึ่งไปอีกอาณาจักรหนึ่ง

21 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ใครข่มเหงรังแกเขา

เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำราบกษัตริย์ทั้งหลาย

22 “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมตั้งไว้

อย่าทำอันตรายใดๆ แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะของเรา”

23 ทั่วทั้งโลกจงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน

24 จงประกาศพระเกียรติสิริของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย

ประกาศพระราชกิจล้ำเลิศของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งมวล

25 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก และควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด

พระองค์ทรงเป็นที่เคารพยำเกรงเหนือพระทั้งปวง

26 เพราะพระของชนชาติต่างๆ เป็นเพียงรูปเคารพ

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์

27 สง่าราศีและพระบารมีอยู่ต่อหน้าพระองค์

พระเดชานุภาพและความปีติยินดีอยู่ในที่ประทับของพระองค์

28 ทุกครอบครัวในชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์

29 จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์

จงนำเครื่องบูชามาต่อหน้าพระองค์

จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าในสง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์ของพระองค์

30 โลกทั้งโลกจงสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์

โลกได้รับการสถาปนาไว้อย่างมั่นคง จะไม่มีวันคลอนแคลน

31 ฟ้าสวรรค์จงชื่นชมยินดี แผ่นดินโลกจงเปรมปรีดิ์

ให้ประชาชาติทั้งหลายกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง!”

32 ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้นจงแซ่ซ้องกังวาน

ท้องทุ่งและทุกสิ่งในนั้นจงร่าเริง

33 แล้วต้นไม้ในป่าจะร้องเพลง

พวกมันจะร้องเพลงอย่างชื่นบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาแผ่นดินโลก

34 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

35 จงร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเจ้า องค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด

ขอทรงรวบรวมและกอบกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องสรรเสริญพระองค์”

36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

แล้วให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน” และ “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า”

37 ดาวิดทรงมอบหมายให้อาสาฟและคณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอที่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยจัดการทุกอย่างให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดทุกวัน

38 และให้โอเบดเอโดม และเพื่อนร่วมงาน 68 คนร่วมปรนนิบัติด้วย โอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนและโฮสาห์เป็นยามเฝ้าประตู

39 ดาวิดทรงให้ปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตคนอื่นๆ ซึ่งรับใช้ร่วมกันกับเขาประจำอยู่ที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนสถานบูชาบนที่สูงในกิเบโอน

40 เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าทุกเย็นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่อิสราเอล

41 และให้เฮมาน เยดูธูน กับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้รับเลือกและระบุชื่อไว้เป็นผู้ถวายคำขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์”

42 เฮมานกับเยดูธูนรับผิดชอบการเป่าแตร ตีฉาบ และบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ คลอไปกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งหลายของเยดูธูนประจำอยู่ที่ประตู

43 จากนั้นประชาชนทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนดาวิดเสด็จกลับพระราชวังไปอวยพรเชื้อพระวงศ์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/16-5e99144a2fb855fa0a35c12188daa12e.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 17

คำสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิด

1 หลังจากดาวิดเข้าประทับในพระราชวังแล้ว พระองค์ตรัสกับผู้เผยพระวจนะนาธันว่า “ดูเถิด เราอยู่ในวังไม้สนซีดาร์ ในขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในเต็นท์”

2 นาธันทูลตอบว่า “ขอทรงทำตามพระดำริของฝ่าพระบาทเถิด เพราะพระเจ้าสถิตกับฝ่าพระบาท”

3 ในคืนนั้นมีพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงนาธันความว่า

4 “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าไม่ใช่ผู้ที่จะสร้างวิหารให้เราอยู่

5 เราไม่เคยอยู่ในวิหารเลย นับตั้งแต่เรานำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์จวบจนทุกวันนี้ เราไปมากับเต็นท์ตลอด ไม่ว่าย้ายไปที่ไหน

6 ไม่ว่าเราไปที่ไหนกับปวงชนอิสราเอล เราเคยออกปากกับผู้นำคนใดซึ่งเราสั่งให้เลี้ยงดูประชากรของเราหรือว่า “ทำไมไม่สร้างวิหารด้วยไม้สนซีดาร์ให้เรา?”’

7 “บัดนี้จงบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า เราพาเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการต้อนฝูงแกะมาปกครองอิสราเอลประชากรของเรา

8 เราอยู่กับเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่ไหนและเราทำลายศัตรูทั้งปวงของเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเจ้า บัดนี้เราจะทำให้นามของเจ้าเลื่องลือไปเหมือนนามบุคคลสำคัญทั้งหลายของโลก

9 และเราจัดเตรียมที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเราตั้งรกราก เพื่อเขาจะมีบ้านเรือนเป็นของตนเองและไม่ต้องถูกรบกวนอีก คนชั่วจะไม่มาข่มเหงรังแกพวกเขาอย่างที่เคยทำอีกต่อไป

10 และเป็นอย่างนั้นเรื่อยมานับตั้งแต่เราได้ตั้งผู้นำทั้งหลายปกครองอิสราเอลประชากรของเรา เราจะปราบศัตรูทั้งปวงของเจ้าด้วย

“ ‘เราขอประกาศว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสถาปนาวงศ์วานสำหรับเจ้า

11 เมื่อเจ้าหมดอายุขัยและล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะตั้งบุตรชายคนหนึ่งของเจ้าขึ้นครองราชย์ต่อจากเจ้า เป็นบุตรคนหนึ่งของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา

12 เขาเป็นผู้ที่จะสร้างวิหารให้เรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาตลอดกาล

13 เราจะเป็นบิดาของเขาและเขาจะเป็นบุตรของเรา เราจะไม่ริบความรักมั่นคงของเราไปจากเขา เหมือนที่เราริบจากผู้ที่ปกครองก่อนหน้าเจ้า

14 เราจะตั้งเขาไว้ในนิเวศและอาณาจักรของเราตลอดไป เราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาไว้ตลอดนิรันดร์’ ”

15 นาธันจึงกราบทูลพระดำรัสทั้งสิ้นที่ทรงเปิดเผยนี้ให้ดาวิดทราบ

คำอธิษฐานของดาวิด

16 จากนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงเสด็จเข้าไปประทับนั่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและทูลว่า

“ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า วงศ์ตระกูลของข้าพระองค์เป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาถึงเพียงนี้?

17 และไม่เพียงเท่านี้ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังตรัสถึงอนาคตของวงศ์วานผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์ราวกับว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงส่ง ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์

18 “ดาวิดจะกราบทูลอะไรมากไปกว่านี้ได้ที่ทรงให้เกียรติผู้รับใช้ของพระองค์ถึงเพียงนี้? เพราะพระองค์ทรงรู้จักผู้รับใช้ของพระองค์

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ และประทานคำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ เพราะเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และตามพระประสงค์ของพระองค์

20 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมากับหู ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์

21 และมีชนชาติใดเล่าทั่วพิภพที่เสมอเหมือนอิสราเอลประชากรของพระองค์ ซึ่งพระเจ้าของเขาเสด็จมาไถ่ประชากรเพื่อพระองค์เอง และเพื่อนำเกียรติยศมาสู่พระนามของพระองค์ และทรงกระทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม โดยขับไล่ประชาชาติต่างๆออกไปให้พ้นหน้าประชากรของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ออกจากอียิปต์

22 พระองค์ทรงให้อิสราเอลประชากรของพระองค์เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เองตลอดนิรันดร์ และข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา

23 “และบัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้คำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้เกี่ยวกับผู้รับใช้และวงศ์วานนั้นได้รับการสถาปนาไว้ตลอดนิรันดร์ ขอทรงกระทำตามพระสัญญา

24 เพื่อการนั้นจะตั้งมั่นอยู่และเพื่อพระนามของพระองค์จะยิ่งใหญ่นิรันดร์ แล้วคนทั้งหลายจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าเหนืออิสราเอล ทรงเป็นพระเจ้าของอิสราเอล’ และวงศ์วานดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าพระองค์

25 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปิดเผยแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่าจะทรงสถาปนาวงศ์วานเพื่อเขา ดังนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าทูลอธิษฐานเช่นนี้

26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า! พระองค์ทรงสัญญาจะประทานสิ่งดีเหล่านี้ให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์

27 บัดนี้พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะอวยพรวงศ์วานของผู้รับใช้ของพระองค์ให้ยืนยงตลอดไปในสายพระเนตรของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงอวยพรวงศ์วานของข้าพระองค์แล้ว และพวกเขาจะได้รับพระพรของพระองค์สืบไปนิรันดร์”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/17-40523d9f77262161d8167c1f7e934c41.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 18

ชัยชนะของดาวิด

1 ต่อมาดาวิดทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียอย่างราบคาบ ทรงยึดเมืองกัทและหมู่บ้านโดยรอบจากฟีลิสเตีย

2 ดาวิดยังได้ทรงพิชิตชาวโมอับด้วย พวกเขาตกเป็นเมืองขึ้นและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย

3 ยิ่งกว่านั้นดาวิดยังทรงสู้รบกับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ไปจนถึงเมืองฮามัท ในคราวที่ฮาดัดเอเซอร์ทรงเสด็จไปสถาปนาราชอำนาจแถบแม่น้ำยูเฟรติส

4 ดาวิดทรงยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน พลรถรบเจ็ดพันคน และทหารราบสองหมื่นคน ทรงตัดเอ็นขาม้าศึกทั้งหมด ยกเว้นม้าสำหรับเทียมรถหนึ่งร้อยตัว

5 เมื่อชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงสังหารพวกเขา 22,000 คน

6 ทรงวางกำลังทหารไว้ในอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัส ชาวอารัมก็ขึ้นกับดาวิดและต้องส่งบรรณาการมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

7 ดาวิดทรงนำโล่ทองคำของบรรดานายทหารของฮาดัดเอเซอร์มายังกรุงเยรูซาเล็ม

8 และนำทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลมาจากเมืองเทบาห์และเมืองคูนของฮาดัดเอเซอร์ โซโลมอนทรงใช้ทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ทำขันสาคร เสาหาน และภาชนะทองสัมฤทธิ์ต่างๆ

9 เมื่อกษัตริย์โทอูแห่งเมืองฮามัทได้ข่าวว่าดาวิดทรงรบชนะทั้งกองทัพของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์

10 ก็ส่งฮาโดรัมราชโอรสมาถวายคำนับกษัตริย์ดาวิดและร่วมยินดีในชัยชนะเหนือฮาดัดเอเซอร์ เพราะฮาดัดเอเซอร์และโทอูเป็นศัตรูที่ขับเคี่ยวกันมา ฮาโดรัมนำเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องทองสัมฤทธิ์มาถวายด้วย

11 กษัตริย์ดาวิดทรงถวายสิ่งเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับเงินและทองที่ทรงริบมาจากชนชาติทั้งหมดต่อไปนี้คือ เอโดม โมอับ อัมโมน ฟีลิสเตีย และอามาเลข

12 อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์สังหารชาวเอโดม 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ

13 เขาวางกำลังทหารไว้ในเอโดม และชาวเอโดมทั้งปวงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อดาวิดองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

ข้าราชบริพารของดาวิด

14 ดาวิดทรงปกครองทั่วแดนอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมเพื่อปวงประชากรของพระองค์

15 โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นแม่ทัพเยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง

16 ศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต ชัฟชาเป็นราชเลขา

17 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาดูแลคนเคเรธีและคนเปเลท บรรดาโอรสของดาวิดเป็นราชมนตรี

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/18-75a78ccf60f4c8eb5a0cf0ec58796785.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 19

ดาวิดพิชิตชาวอัมโมน

1 ต่อมากษัตริย์นาหาชแห่งอัมโมนสิ้นพระชนม์ และโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

2 ดาวิดทรงรำพึงว่า “เราจะแสดงความกรุณาต่อฮานูนบุตรนาหาชเพราะบิดาของเขาเคยแสดงความกรุณาต่อเรา” ดาวิดจึงทรงส่งทูตไปแสดงความเสียใจต่อฮานูนที่สูญเสียราชบิดา

แต่เมื่อคณะทูตของดาวิดมาเข้าเฝ้าฮานูนที่ดินแดนอัมโมนเพื่อแสดงความเห็นใจต่อเขา

3 พวกขุนนางชาวอัมโมนทูลฮานูนว่า “ฝ่าพระบาททรงคิดว่าดาวิดให้เกียรติแก่ราชบิดาของฝ่าพระบาทโดยส่งคนเหล่านี้มาแสดงความเห็นใจต่อฝ่าพระบาทหรือ? พวกเขามาสอดแนมดูลาดเลาก่อนเข้าโจมตีไม่ใช่หรือ?”

4 ดังนั้นฮานูนจึงจับคนของดาวิดโกนเคราและตัดเสื้อผ้าตรงสะโพกออก แล้วปล่อยไป

5 เมื่อดาวิดทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงส่งผู้สื่อสารไปพบคนเหล่านั้นเพราะพวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก กษัตริย์ตรัสว่า “จงพักอยู่ที่เยรีโคจนกว่าเคราจะขึ้นดังเดิม แล้วค่อยกลับมา”

6 ถึงตอนนี้ชาวอัมโมนตระหนักดีว่าได้ยั่วยุดาวิดอย่างร้ายแรง ฮานูนและชาวอัมโมนจึงนำเงินหนักประมาณ 34 ตันไปจ้างรถม้าศึกและพลรถรบจากอารัมนาหะราอิม อารัม มาอาคาห์ และโศบาห์

7 ฮานูนทรงจ้างรถม้าศึก 32,000 คันและพลรถรบ และให้เงินกษัตริย์มาอาคาห์กับกองทัพซึ่งมาตั้งค่ายพักอยู่ใกล้เมืองเมเดบา ขณะที่ชาวอัมโมนเคลื่อนทัพมาจากเมืองต่างๆ เพื่อสู้รบ

8 เมื่อดาวิดทรงทราบเช่นนั้นก็ส่งโยอาบและกองทัพอิสราเอลทั้งหมดไป

9 กองทัพอัมโมนออกมาตั้งประจันหน้ากับกองทัพของดาวิดที่ทางเข้าเมืองของพวกเขา ในขณะที่บรรดากษัตริย์ซึ่งเสด็จมาร่วมรบด้วยนั้นตั้งค่ายอยู่ในที่โล่งนอกเมือง

10 โยอาบเห็นว่ากองกำลังของศัตรูตั้งแนวรบอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ก็จัดกำลังทหารฝีมือดีที่สุดของอิสราเอลส่วนหนึ่งไปรับมือชาวอารัม

11 โยอาบให้ทหารส่วนที่เหลืออยู่ภายใต้การบัญชาการของอาบีชัยน้องชายของเขา และจัดทัพเคลื่อนออกไปรับมือกับชาวอัมโมน

12 โยอาบกล่าวว่า “ถ้าพวกอารัมแข็งแกร่งเกินกำลังของเรา เจ้าจงมาช่วยเรา แต่ถ้าพวกอัมโมนแข็งแกร่งเกินกำลังของเจ้า เราจะไปช่วยเจ้า

13 จงเข้มแข็งและให้เราต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อพี่น้องร่วมชาติของเรา และเพื่อนครแห่งพระเจ้าของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำตามที่ทรงเห็นชอบ”

14 แล้วโยอาบกับกองทหารก็บุกเข้าโจมตี ชาวอารัมก็ถอยหนี

15 เมื่อชาวอัมโมนเห็นชาวอารัมล่าถอย พวกเขาก็ถอยหนีจากอาบีชัยน้องชายของโยอาบเข้าไปในเมือง โยอาบจึงยกทัพกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม

16 หลังจากชาวอารัมเห็นว่าถูกอิสราเอลรุกไล่พวกเขาก็ส่งคนไปนำกำลังชาวอารัมจากอีกฟากหนึ่งของ แม่น้ำยูเฟรติสโดยแม่ทัพโชฟาคของฮาดัดเอเซอร์นำทัพมา

17 เมื่อดาวิดทรงทราบข่าว พระองค์ทรงระดมพลอิสราเอลทั้งหมดและข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปรบกับศัตรู ทรงตั้งแนวรบประจันหน้ากับชาวอารัมและสู้รบกัน

18 แต่พวกเขาพ่ายหนีต่อหน้าอิสราเอล และดาวิดทรงสังหารพลรถรบของพวกเขาเจ็ดพันคนกับทหารราบอีกสี่หมื่นคน และทรงสังหารโชฟาคแม่ทัพของพวกเขาด้วย

19 เมื่อข้ารับใช้ของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้อิสราเอลก็ขอสงบศึกและยอมเป็นเมืองขึ้นของดาวิด ชาวอารัมจึงไม่กล้ามาช่วยชาวอัมโมนสู้รบอีกเลย

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/19-1ce087e8074f626e93b7551c8dd464dd.mp3?version_id=179—

Categories
1พงศาวดาร

1พงศาวดาร 20

การยึดเมืองรับบาห์

1 ในฤดูใบไม้ผลิอันเป็นช่วงที่กษัตริย์ทั้งหลายมักออกไปรบ โยอาบนำทัพอิสราเอลไปทำลายล้างดินแดนของชาวอัมโมน แล้วเขาก็ไปล้อมเมืองรับบาห์ แต่ดาวิดยังคงประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม โยอาบโจมตีรับบาห์และทิ้งให้เป็นซากปรักหักพัง

2 ดาวิดทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรของกษัตริย์ของพวกเขามาสวมบนพระเศียรของพระองค์ มงกุฎนั้นทำด้วยทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัมประดับเพชรนิลจินดา ดาวิดทรงริบของเชลยได้มากมายจากเมืองนั้น

3 และทรงเกณฑ์ชาวเมืองนั้นให้มาทำงานโดยใช้เลื่อย จอบ เสียมและขวาน ดาวิดทรงทำเช่นนี้กับทุกเมืองของอัมโมน แล้วดาวิดกับกองทัพทั้งหมดก็กลับกรุงเยรูซาเล็ม

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

4 ต่อมามีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่เกเซอร์ ครั้งนั้นสิบเบคัยชาวหุชาห์ได้สังหารสิปปัยวงศ์วานของพวกมนุษย์ยักษ์เรฟาอิม และชาวฟีลิสเตียก็ยอมแพ้

5 ในการรบกับฟีลิสเตียอีกครั้งหนึ่ง เอลฮานันบุตรยาอีร์ได้สังหารลามีน้องชายของโกลิอัทชาวกัท ผู้ซึ่งถือหอกด้ามใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า

6 ในการรบอีกครั้งที่เมืองกัท คนร่างยักษ์ผู้หนึ่งมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วรวมเป็น 24 นิ้ว ซึ่งเป็นวงศ์วานราฟาเช่นกัน

7 ได้มาข่มขู่อิสราเอล แต่ถูกโยนาธานบุตรชิเมอาพี่ชายของดาวิดสังหาร

8 แล้วดาวิดและทหารปลิดชีพคนเหล่านี้ซึ่งเป็นวงศ์วานของราฟาแห่งเมืองกัท

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/20-cc602cce891e222ed9d414751465fcf9.mp3?version_id=179—