Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 14

พระเมษโปดกกับชน 144,000 คน

1 แล้วข้าพเจ้ามองไปเห็นพระเมษโปดกประทับยืนอยู่บนภูเขาศิโยนกับชน 144,000 คนซึ่งมีพระนามของพระองค์และพระบิดาเขียนไว้บนหน้าผาก

2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์เหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกรากและเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินนั้นเหมือนเสียงเพลงที่เหล่านักพิณบรรเลง

3 และเขาทั้งหลายขับร้องเพลงบทใหม่หน้าพระที่นั่งต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และเหล่าผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถร้องเพลงบทนั้นได้ นอกจากชน 144,000 คนที่ทรงไถ่ไว้จากแผ่นดินโลก

4 คนเหล่านี้ไม่ข้องแวะกับสตรีเพศให้เป็นมลทินเพราะพวกเขารักษาตัวให้บริสุทธิ์ พวกเขาตามเสด็จพระเมษโปดกไปทุกแห่ง พวกเขาเป็นผู้ที่ทรงไถ่ไว้จากมวลมนุษย์เพื่อเป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก

5 ไม่มีคำมุสาจากปากของเขา พวกเขาไม่มีตำหนิด่างพร้อยเลย

ทูตสวรรค์ทั้งสาม

6 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะขึ้นไปกลางอากาศและประกาศข่าวประเสริฐนิรันดร์แก่ชาวโลกทุกชนชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษา และทุกหมู่ชน

7 ทูตนั้นประกาศเสียงดังว่า “จงยำเกรงพระเจ้าและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์เพราะวาระแห่งการทรงพิพากษามาถึงแล้ว จงกราบนมัสการพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเลและบ่อน้ำพุทั้งหลาย”

8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองติดตามมาและประกาศว่า “ล่มแล้ว! บาบิโลนมหานครซึ่งทำให้มวลประชาชาติมัวเมาเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของมันได้ล่มสลายแล้ว”

9 ทูตสวรรค์องค์ที่สามติดตามมาและประกาศเสียงดังว่า “ถ้าผู้ใดบูชาสัตว์ร้ายกับรูปจำลองของมันและรับเครื่องหมายของมันที่หน้าผากหรือที่มือ

10 ผู้นั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้าซึ่งเทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่ผสมสิ่งอื่นใด เขาจะถูกทรมานด้วยไฟกำมะถันต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และต่อหน้าพระเมษโปดก

11 ควันแห่งการทรมานของเขาพลุ่งขึ้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์ คนทั้งหลายที่กราบนมัสการสัตว์ร้ายกับรูปจำลองของมันหรือผู้ที่ได้รับเครื่องหมายชื่อของมันจะไม่ได้หยุดพักเลยไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน”

12 ในเรื่องนี้ประชากรของพระเจ้าผู้เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์และยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเยซูต้องมีความทรหดอดทน

13 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “จงเขียนดังนี้นับแต่นี้ไปความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่พลีชีพเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า”

พระวิญญาณตรัสว่า “ใช่แล้วเขาทั้งหลายจะหยุดพักจากการตรากตรำของตนเพราะผลงานของเขาจะติดตามเขาไป”

การเก็บเกี่ยวโลก

14 ข้าพเจ้ามองไปเห็นเมฆขาวและผู้หนึ่ง “เหมือนบุตรมนุษย์”ประทับนั่งอยู่บนเมฆนั้น สวมมงกุฎทองคำบนพระเศียรและในพระหัตถ์มีเคียวคมกริบ

15 แล้วทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารร้องบอกผู้นั่งอยู่บนเมฆนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “ใช้เคียวของท่านเกี่ยวไปเถิด ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้วเพราะผลที่จะเก็บเกี่ยวจากโลกก็สุกดีแล้ว”

16 ดังนั้นผู้นั่งอยู่บนเมฆจึงตวัดเคียวไปเหนือโลกและโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว

17 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวคมกริบเช่นกัน

18 และยังมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งดูแลไฟออกมาจากแท่นบูชา และร้องเสียงดังบอกทูตผู้ถือเคียวคมกริบว่า “ใช้เคียวคมกริบของท่านเกี่ยวเก็บพวงองุ่นแห่งแผ่นดินโลกเถิดเพราะผลองุ่นสุกได้ที่แล้ว”

19 ทูตสวรรค์ผู้ถือเคียวจึงตวัดเคียวไปบนโลกเก็บเกี่ยวผลองุ่นและโยนลงในบ่อใหญ่ซึ่งเป็นบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

20 พวกเขาถูกเหยียบย่ำในบ่อย่ำองุ่นนอกเมือง เลือดทะลักท่วมจากบ่อย่ำสูงถึงระดับบังเหียนม้า ไหลนองไปเป็นระยะทาง 1,600 ซทาดิออน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/14-a0ffe7a75fc4a2ff96095463e665f5da.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 15

ทูตสวรรค์เจ็ดองค์กับวิบัติทั้งเจ็ด

1 ข้าพเจ้าเห็นหมายสำคัญอันอัศจรรย์และยิ่งใหญ่อีกอย่างในสวรรค์คือ ทูตสวรรค์เจ็ดองค์กับวิบัติทั้งเจ็ดอันเป็นภัยพิบัติครั้งสุดท้ายเพราะพระพิโรธของพระเจ้าสิ้นสุดลงที่ภัยพิบัติเหล่านี้

2 ข้าพเจ้าแลเห็นสิ่งหนึ่งคล้ายทะเลแก้วปนไฟ บรรดาผู้มีชัยชนะเหนือสัตว์ร้ายกับรูปจำลองและหมายเลขประจำชื่อของมันยืนอยู่ข้างๆ ทะเลนั้น เขาทั้งหลายถือพิณซึ่งพระเจ้าประทาน

3 และขับร้องบทเพลงของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าและบทเพลงของพระเมษโปดกว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ยิ่งนัก

ข้าแต่องค์ราชันของทุกยุคสมัย

วิถีของพระองค์ล้วนเที่ยงธรรมและเที่ยงแท้

4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าจะไม่เกรงกลัวพระองค์

และไม่เทิดทูนพระนามของพระองค์

เพราะพระองค์แต่ผู้เดียวทรงบริสุทธิ์

มวลประชาชาติจะเข้ามา

และกราบนมัสการต่อหน้าพระองค์

เพราะกิจอันชอบธรรมของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แล้ว”

5 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นพระวิหารในสวรรค์เปิดออก พระวิหารนั้นคือพลับพลาแห่งสักขีพยาน

6 ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดออกมาจากพระวิหาร นุ่งห่มผ้าลินินสะอาดสุกใส คาดแถบทองคำที่อก

7 แล้วหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสี่หยิบขันทองคำเจ็ดใบซึ่งเต็มด้วยพระพิโรธของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดกาลส่งให้ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด

8 และแล้วควันจากพระเกียรติสิริและเดชานุภาพของพระเจ้าก็ปกคลุมไปทั่วพระวิหาร ไม่มีผู้ใดเข้าไปในพระวิหารได้จนกว่าภัยพิบัติทั้งเจ็ดจากทูตสวรรค์เจ็ดองค์จะเสร็จสมบูรณ์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/15-ab42a97c8908bd94773138c1af290926.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 16

ขันทั้งเจ็ดแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

1 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังออกมาจากพระวิหารสั่งทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดว่า “จงไปเทพระพิโรธของพระเจ้าที่อยู่ในขันทั้งเจ็ดลงบนโลกเถิด”

2 ทูตสวรรค์องค์แรกออกไปเทขันของตนลงบนแผ่นดินโลก แผลร้ายน่าเกลียดที่สร้างความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นที่ตัวของบรรดาผู้มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและกราบนมัสการรูปจำลองของมัน

3 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเทขันของตนลงบนทะเล ทะเลก็กลายเป็นเลือดดั่งเลือดของคนตาย สิ่งมีชีวิตในนั้นจึงตายหมด

4 ทูตสวรรค์องค์ที่สามเทขันของตนลงบนแม่น้ำและบ่อน้ำพุทั้งหลาย น้ำก็กลายเป็นเลือด

5 แล้วข้าพเจ้าได้ยินทูตสวรรค์ผู้ดูแลห้วงน้ำกล่าวว่า

“ข้าแต่องค์ผู้บริสุทธิ์

พระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ทั้งในอดีตและในปัจจุบ้น

พระองค์ทรงพิพากษาลงโทษอย่างยุติธรรมแล้ว

6 เนื่องจากพวกเขาทำให้ประชากรของพระเจ้า

และผู้เผยพระวจนะของพระองค์ต้องหลั่งเลือด

สมควรแล้วที่พระองค์ทรงให้พวกเขาดื่มเลือด”

7 และข้าพเจ้าได้ยินแท่นบูชาขานรับว่า

“จริงเช่นนั้นข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

การพิพากษาของพระองค์เที่ยงแท้และเที่ยงธรรม”

8 ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เทขันของตนลงบนดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ได้รับอำนาจที่จะแผดแสงเผามนุษย์

9 พวกเขาถูกความร้อนแรงกล้าแผดเผาและพวกเขาแช่งด่าพระนามของพระเจ้าผู้ทรงควบคุมภัยพิบัติเหล่านี้ แต่พวกเขาไม่ยอมกลับใจสำนึกผิดและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์

10 ทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเทขันของตนลงบนบัลลังก์ของสัตว์ร้ายนั้น อาณาจักรของมันก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด ผู้คนกัดลิ้นด้วยความทุกข์ทรมาน

11 และแช่งด่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพราะความเจ็บปวดรวดร้าวและแผลร้ายของตน แต่พวกเขาไม่ยอมกลับใจจากบาปที่ได้ทำไป

12 ทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงบนแม่น้ำใหญ่ชื่อยูเฟรติส น้ำก็เหือดแห้งเพื่อเตรียมทางไว้สำหรับกษัตริย์ทั้งหลายจากตะวันออก

13 แล้วข้าพเจ้าเห็นวิญญาณชั่วสามตนรูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค จากปากของสัตว์ร้าย และจากปากของผู้เผยพระวจนะเท็จ

14 พวกมันเป็นวิญญาณของผีมารที่ทำหมายสำคัญต่างๆ มันออกไปหาปวงกษัตริย์ทั่วโลกเพื่อระดมกษัตริย์เหล่านั้นมาทำสงครามในวันยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

15 “ดูเถิด เราจะมาเหมือนขโมยที่มาโดยไม่มีใครคาดคิด ความสุขมีแก่ผู้ที่ตื่นอยู่และแต่งตัวเตรียมพร้อมเพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเดินเปลือยกายให้อับอายขายหน้า”

16 แล้ววิญญาณชั่วทั้งสามก็ระดมกษัตริย์ทั้งหลายมาชุมนุมกันในที่ซึ่งภาษาฮีบรูเรียกว่า อารมาเกดโดน

17 ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเทขันของตนลงในอากาศและมีเสียงมาจากพระที่นั่งในพระวิหารว่า “สำเร็จแล้ว!”

18 จากนั้นเกิดฟ้าแลบแวบวาบ เสียงครืนๆ เสียงฟ้าร้องกึกก้อง และแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนับตั้งแต่มนุษย์อยู่บนโลกมาไม่เคยมีแผ่นดินไหวร้ายแรงเช่นครั้งนี้เลย

19 มหานครแยกออกเป็นสามส่วน เมืองใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ พังทลายลง พระเจ้าทรงจดจำบาปของบาบิโลนมหานครได้ พระองค์ทรงให้มันดื่มจากถ้วยที่เต็มด้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธอันใหญ่หลวงของพระองค์

20 เกาะทุกเกาะและภูเขาทุกลูกจมหายไปหมด

21 ลูกเห็บมหึมาตกจากฟ้าใส่ผู้คน แต่ละก้อนหนักราว 50 กิโลกรัมและพวกเขาแช่งด่าพระเจ้าเพราะภัยพิบัติจากลูกเห็บนี้ร้ายแรงยิ่งนัก

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/16-33fbf8c769e50243c3876d91bb8da84d.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 17

ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนสัตว์ร้าย

1 หนึ่งในทูตสวรรค์เจ็ดองค์ซึ่งถือขันทั้งเจ็ดนั้นมาบอกข้าพเจ้าว่า “มาเถิด จะให้ดูการลงโทษหญิงโสเภณีตัวฉกาจผู้นั่งบนห้วงน้ำ มากหลาย

2 บรรดากษัตริย์ทั่วโลกล่วงประเวณีกับนาง และชาวโลกทั้งหลายก็มัวเมาไปกับเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของนาง”

3 แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นได้ให้ข้าพเจ้าเห็นนิมิต พระวิญญาณทรงนำข้าพเจ้าเข้าไปในถิ่นกันดาร ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้ม สัตว์นี้มีชื่ออันเป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้าเต็มไปทั้งตัว มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา

4 หญิงนั้นนุ่งห่มผ้าสีม่วงและสีแดงเข้ม ตัวนางแพรวพราวไปด้วยเครื่องทอง เพชรนิลจินดาและไข่มุก นางถือถ้วยทองคำอันเต็มไปด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและของโสโครกแห่งการล่วงประเวณีของนาง

5 มีสมญานามเขียนไว้ที่หน้าผากของนางว่า

ความลี้ลับ

บาบิโลนมหานคร

มารดาแห่งหญิงโสเภณี

และสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายของโลก

6 ข้าพเจ้าเห็นหญิงนั้นเมามายด้วยเลือดของประชากรของพระเจ้าและเลือดของผู้ที่เป็นพยานเพื่อพระเยซู

เมื่อข้าพเจ้าเห็นนางแล้วก็ประหลาดใจยิ่งนัก

7 แล้วทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เหตุใดท่านจึงประหลาดใจ? ข้าพเจ้าจะอธิบายความลี้ลับของหญิงนั้นกับสัตว์ร้ายเจ็ดหัวสิบเขาที่นางขี่ให้ฟัง

8 สัตว์ร้ายที่ท่านได้เห็นนั้น ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ แต่บัดนี้ไม่มี มันจะขึ้นมาจากนรกขุมลึกและไปสู่ความพินาศของมัน ชาวโลกทั้งหลายซึ่งไม่มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตนับตั้งแต่ทรงสร้างโลกจะประหลาดใจเมื่อเห็นสัตว์ร้ายนี้ เพราะครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิตอยู่และบัดนี้ไม่มี แต่มันจะมาในอนาคต

9 “ในเรื่องนี้ต้องใช้ปัญญาตริตรอง เจ็ดหัวคือเนินเขาเจ็ดยอดที่หญิงนั้นนั่งอยู่

10 ทั้งยังหมายถึงกษัตริย์เจ็ดองค์ ซึ่งห้าองค์ล่วงไปแล้ว องค์หนึ่งเป็นอยู่ อีกองค์หนึ่งยังไม่มา แต่เมื่อมาแล้วจะอยู่เพียงชั่วระยะหนึ่ง

11 สัตว์ร้ายซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่แต่บัดนี้ไม่มีคือกษัตริย์องค์ที่แปด มันร่วมในกลุ่มของกษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ด้วยและกำลังจะไปสู่ความพินาศของมัน

12 “ส่วนเขาทั้งสิบที่เห็นนั้นคือกษัตริย์สิบองค์ที่ยังไม่ได้ครองราชย์ แต่จะได้รับอำนาจในฐานะกษัตริย์ร่วมกับสัตว์ร้ายนั้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ

13 พวกเขาจะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มอบฤทธิ์เดชและอำนาจแก่สัตว์ร้ายนั้น

14 พวกเขาจะทำศึกกับพระเมษโปดก แต่พระเมษโปดกจะทรงพิชิตพวกเขาเพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและสาวกผู้สัตย์ซื่อที่พระองค์ทรงเรียกและทรงเลือกไว้จะอยู่กับพระองค์”

15 แล้วทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “น้ำมากหลายที่ท่านเห็นหญิงโสเภณีนั้นนั่งอยู่คือเผ่าพันธุ์ หมู่คน ชนชาติ และภาษาต่างๆ

16 สัตว์ร้ายและสิบเขาที่ท่านได้เห็นจะเกลียดชังหญิงโสเภณีนั้น พวกมันจะทำลายและปล่อยให้นางเปลือยเปล่า จะกินเนื้อของนางและเผานางด้วยไฟ

17 เพราะพระเจ้าทรงดลใจพวกเขาให้ทำตามพระดำริของพระองค์ โดยให้พวกเขาเห็นพ้องกันที่จะมอบอำนาจการปกครองของเขาให้แก่สัตว์ร้ายนั้นจนกว่าจะเป็นจริงตามพระวจนะของพระเจ้า

18 หญิงที่ท่านได้เห็นนั้นคือนครใหญ่ซึ่งปกครองบรรดากษัตริย์ของโลก”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/17-9c1f953b5d7a4c0d3e6ca91929ba69e9.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 18

บาบิโลนล่ม

1 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ทูตนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่และรัศมีของท่านทำให้โลกสว่างไสว

2 ท่านประกาศด้วยเสียงกึกก้องว่า

“ล่มแล้ว! บาบิโลนมหานครได้ล่มสลายแล้ว!

นครนี้ได้กลายเป็นเรือนปีศาจ

และเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณชั่ว

เป็นที่สิงสู่ของนกทุกชนิดที่เป็นมลทินและน่าชิงชัง

3 เพราะมวลประชาชาติได้ดื่มเหล้าองุ่นแห่งการล่วงประเวณีของมัน

ซึ่งทำให้คลุ้มคลั่งไป

บรรดากษัตริย์ของโลกร่วมประเวณีกับมัน

และพ่อค้าทั้งหลายของโลกร่ำรวยขึ้นด้วยความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของมัน”

4 แล้วข้าพเจ้าได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังมาจากสวรรค์ ว่า

“ประชากรของเราเอ๋ย ออกมาจากนครนั้นเถิด

เพื่อเจ้าจะได้ไม่มีส่วนร่วมในบาปผิดของมัน

เพื่อเจ้าจะได้ไม่ต้องรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับมัน

5 เพราะบาปของนครนั้นกองสูงขึ้นถึงสวรรค์แล้ว

พระเจ้าทรงจดจำความผิดอันชั่วร้ายของมันได้

6 จงคืนให้แก่มันเหมือนกับที่มันได้ให้ผู้อื่น

จงคืนสนองมันสองเท่าของสิ่งที่มันได้ทำ

จงผสมเหล้าให้แรงเป็นสองเท่าของถ้วยที่มันให้คนอื่น

7 มันฟุ้งเฟ้อบำรุงบำเรอตัวเองเท่าใด

จงให้ทุกข์โศกความทรมานแก่มันเท่านั้น

มันลำพองใจว่า

‘ข้านั่งบัลลังก์เป็นราชินี ข้าไม่ใช่หญิงม่าย

ข้าจะไม่มีวันทุกข์โศก’

8 ฉะนั้นภายในวันเดียวภัยพิบัติต่างๆ จะจู่โจมนครนั้น

คือความตาย ความทุกข์โศก และความอดอยาก

มันจะถูกไฟเผาวอดวาย

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษามันนั้นทรงฤทธิ์

9 “เมื่อบรรดากษัตริย์ของโลกที่ร่วมประเวณีและร่วมฟุ้งเฟ้อกับนครนั้นเห็นควันไฟที่เผามัน พวกเขาจะร่ำไห้และไว้อาลัยให้นครนั้น

10 พวกเขากลัวภัยแห่งความทุกข์ทรมานของมันจึงยืนอยู่ห่างๆ และร้องว่า

“ ‘วิบัติ! วิบัติแล้ว โอ มหานคร

โอ บาบิโลน นครซึ่งเรืองอำนาจ!

เพียงชั่วโมงเดียวความพินาศย่อยยับก็มาถึงเจ้า!’

11 “พ่อค้าทั้งหลายของโลกจะร่ำไห้ไว้อาลัยนครนั้นเพราะไม่มีใครซื้อสินค้าของเขาอีกแล้ว

12 คือทองคำ เงิน เพชรพลอยและไข่มุก ผ้าลินินเนื้อดี ผ้าสีม่วง ผ้าไหมและผ้าสีแดงเข้ม ไม้หอมทุกชนิดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากงาช้าง ไม้ราคาแพง ทองสัมฤทธิ์ เหล็กและหินอ่อน

13 สินค้าอื่นๆ คืออบเชย เครื่องเทศ เครื่องหอม มดยอบ กำยาน เหล้าองุ่น น้ำมันมะกอก แป้งละเอียด ข้าวสาลี วัว แกะ ม้า รถม้า ร่างกายและวิญญาณมนุษย์

14 “เขาทั้งหลายจะกล่าวว่า ‘ผลที่เจ้าใฝ่หาได้พ้นมือเจ้าไปแล้ว ทรัพย์สมบัติและความหรูหราทั้งปวงของเจ้าได้สูญสิ้นไปแล้ว มันไม่มีวันฟื้นตัวขึ้นมาอีกแล้ว’

15 บรรดาพ่อค้าที่ร่ำรวยจากการขายสินค้าให้นครนั้นจะยืนอยู่ห่างๆ เพราะกลัวภัยแห่งความทุกข์ทรมานของมัน พวกเขาจะร่ำไห้ไว้อาลัย

16 และร้องว่า

“ ‘วิบัติ! วิบัติแล้ว โอ มหานคร

เจ้านุ่งห่มผ้าลินินเนื้อดี ผ้าสีม่วง และผ้าสีแดงเข้ม

แพรวพราวด้วยทองคำ เพชรพลอย และไข่มุก

17 เพียงชั่วโมงเดียวทรัพย์สมบัติอลังการทั้งหลายก็ได้ถูกทำลายย่อยยับไป!’

“นายเรือทุกคน ผู้โดยสาร ลูกเรือ และคนทั้งปวงที่หาเลี้ยงชีพจากทะเลจะยืนอยู่ห่างๆ

18 เมื่อเห็นควันที่เผานครนั้นพวกเขาจะร้องว่า ‘เคยมีนครไหนบ้างที่เหมือนนครยิ่งใหญ่นี้?’

19 พวกเขาจะโปรยผงคลีใส่ศีรษะของตน ร่ำไห้คร่ำครวญ และร้องว่า

“ ‘วิบัติ! วิบัติแล้ว โอ มหานคร

ที่นี่ทำให้ทุกคนผู้มีเรือเดินทะเล

ร่ำรวยด้วยความมั่งคั่งของมัน

เพียงชั่วโมงเดียวมันก็ถูกทำลายย่อยยับไป!’

20 “สวรรค์เอ๋ย จงชื่นชมยินดีเนื่องด้วยนครนี้!

ประชากรของพระเจ้า อัครทูต และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย

จงเปรมปรีดิ์เถิด! พระเจ้าทรงพิพากษา

ลงโทษนครนี้ให้ท่านแล้ว”

21 จากนั้นทูตสวรรค์ผู้ทรงฤทธิ์องค์หนึ่งยกหินก้อนขนาดเท่าหินโม่ใหญ่ทุ่มลงในทะเลแล้วกล่าวว่า

“บาบิโลนมหานครจะถูกทุ่มลง

ด้วยความรุนแรงเช่นนี้แหละ

จะไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย

22 จะไม่มีใครได้ยินเสียงดนตรีจากนักพิณและ

นักดนตรี คนเป่าขลุ่ยและคนเป่าแตรในนครนี้อีกเลย

จะไม่พบช่างสาขาใดๆ

ในนครนี้อีกแล้ว

จะไม่มีเสียงโม่แป้งให้ได้ยิน

ในนครนี้อีกต่อไป

23 จะไม่มีแสงตะเกียง

ในนครนี้อีกแล้ว

จะไม่ได้ยินเสียงของบ่าวสาว

ในนครนี้อีกต่อไป

สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะพ่อค้าทั้งหลายของเจ้าได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

เจ้าได้ใช้มนต์สะกดมวลประชาชาติให้หลงไป

24 ในนครนี้เขาได้พบเลือดของเหล่าผู้เผยพระวจนะและเลือดของประชากรของพระเจ้า

และเลือดของคนทั้งปวงที่ถูกฆ่าบนแผ่นดินโลก”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/18-4c8d50861a65c5cae92c98fad1d9b8f0.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 19

สรรเสริญพระเจ้า!

1 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงกึกก้องราวกับเสียงผู้คนเป็นอันมากในสวรรค์ร้องตะโกนว่า

“ฮาเลลูยา!

ความรอดมาจากพระเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระเกียรติสิริและเดชานุภาพ

2 เพราะบรรดาการพิพากษาของพระองค์เที่ยงธรรมและเที่ยงแท้

พระองค์ทรงตัดสินโทษหญิงโสเภณีตัวฉกาจนั้นแล้ว

ผู้ซึ่งทำให้โลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง

พระองค์ทรงให้นางชดใช้เลือดของผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว”

3 และพวกเขาร้องตะโกนอีกครั้งว่า

“ฮาเลลูยา!

ควันไฟจากนครนั้นพลุ่งขึ้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์”

4 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่หมอบกราบนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า

“อาเมน ฮาเลลูยา!”

5 แล้วมีเสียงหนึ่งดังจากพระที่นั่งกล่าวว่า

“ท่านทั้งปวงที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์

ผู้ที่ยำเกรงพระองค์

ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย

จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา”

6 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงผู้คนมากมายเหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกรากและเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องตะโกนว่า

“ฮาเลลูยา!

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

ของเราทรงครอบครองอยู่

7 ให้เราทั้งหลายชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์

และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์!

เพราะถึงกำหนดอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกแล้ว

และเจ้าสาวของพระองค์เตรียมตัวพร้อมแล้ว

8 ทรงให้เจ้าสาวสวมชุดผ้าลินินเนื้อดี

ที่สะอาดสดใสแล้ว”

(ผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการประพฤติอันชอบธรรมของประชากรของพระเจ้า)

9 แล้วทูตสวรรค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนว่า ‘ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญมายังงานเลี้ยงฉลองอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก!’ ” และทูตนั้นกล่าวอีกว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า”

10 ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าหมอบลงแทบเท้าทูตสวรรค์เพื่อนมัสการ แต่ทูตนั้นกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าทำเช่นนั้น! เราเป็นเพื่อนผู้รับใช้ร่วมกับท่านและร่วมกับพี่น้องของท่านที่ยึดมั่นในคำพยานเรื่องพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า! เพราะคำพยานเรื่องพระเยซูนั้นคือหัวใจของการเผยพระวจนะ”

ผู้ทรงม้าขาว

11 ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์เปิดอยู่และมีม้าขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นคือพระผู้สัตย์ซื่อและเที่ยงแท้ พระองค์ทรงพิพากษาและสู้ศึกด้วยความยุติธรรม

12 พระเนตรของพระองค์ดุจไฟโชติช่วง บนพระเศียรมีมงกุฎหลายอัน ทรงมีพระนามจารึกไว้บนพระกาย ไม่มีผู้ใดรู้จักพระนามนั้นเลยนอกจากพระองค์เอง

13 ทรงฉลองพระองค์ซึ่งได้จุ่มในเลือด และพระนามของพระองค์คือพระวาทะของพระเจ้า

14 บรรดากองทัพสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าลินินเนื้อดีขาวสะอาดนั่งบนหลังม้าขาวกำลังตามเสด็จพระองค์ไป

15 พระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ทรงใช้พระแสงนี้ฟาดฟันประชาชาติ “พระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก”พระองค์ทรงเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำแห่งพระพิโรธเกรี้ยวกราดของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

16 ที่เสื้อคลุมและต้นขาจารึกพระนามของพระองค์ว่า

กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย เจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย

17 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่ที่ดวงอาทิตย์ร้องเสียงดังประกาศแก่นกทั้งมวลซึ่งบินอยู่กลางอากาศว่า “จงมาร่วมชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า

18 เพื่อเจ้าจะได้กินเนื้อของกษัตริย์ เนื้อของขุนพลและนายทหาร เนื้อม้าและเนื้อคนขี่ม้า และเนื้อประชาชนทั้งปวง เนื้อของทาสและไท เนื้อของผู้ใหญ่และผู้น้อย”

19 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้นกับบรรดากษัตริย์ของโลกพร้อมทั้งกองทัพของพวกเขามาชุมนุมกันเพื่อรบกับพระองค์ผู้ทรงม้าขาวและกองทัพของพระองค์

20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้เผยพระวจนะเท็จซึ่งได้ทำหมายสำคัญแทนสัตว์ร้ายนั้น ด้วยหมายสำคัญเหล่านี้เขาได้ล่อลวงบรรดาผู้ที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้นและได้กราบนมัสการรูปจำลองของมัน ทั้งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จถูกโยนลงในบึงไฟกำมะถันลุกโชนทั้งเป็น

21 ส่วนพวกที่เหลือถูกฆ่าด้วยพระแสงดาบซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้าขาว แล้วนกทั้งปวงก็รุมทึ้งกินเนื้อคนเหล่านั้น

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/19-bab4789c3ce0b01997e642ecf8ce058a.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 20

ช่วงพันปี

1 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจนรกขุมลึกและโซ่เส้นใหญ่ในมือ

2 ทูตนั้นจับพญานาคคืองูดึกดำบรรพ์ผู้เป็นมารหรือซาตานล่ามมันไว้พันปี

3 ท่านโยนมันลงในนรกขุมลึก ลั่นกุญแจประทับตราเพื่อไม่ให้มันออกมาล่อลวงประชาชาติต่างๆ ได้อีกจนกว่าจะครบพันปี หลังจากนั้นต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะสั้นๆ

4 ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ต่างๆ ซึ่งผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นคือบรรดาผู้ได้รับอำนาจให้พิพากษา และข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของบรรดาผู้ถูกตัดหัวเนื่องจากเป็นพยานเพื่อพระเยซูและเนื่องด้วยพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายหรือรูปจำลองของมันและไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือ คนเหล่านี้คืนชีวิตเป็นขึ้นมาใหม่และครอบครองร่วมกับพระคริสต์พันปี

5 (ส่วนผู้ตายอื่นๆ ยังไม่กลับมีชีวิตจนกว่าจะสิ้นพันปีนั้น) นี่คือการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรก

6 ผู้ร่วมในการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรกนี้ก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านี้ พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์เป็นเวลาพันปี

ซาตานพินาศ

7 เมื่อพันปีล่วงไปแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกจากที่คุมขัง

8 มันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั่วสี่มุมโลกที่เรียกว่าโกกและมาโกก ระดมพวกเขามาทำศึก คนพวกนี้มีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายฝั่งทะเล

9 พวกเขากรีธาทัพข้ามโลกมาล้อมค่ายของประชากรของพระเจ้า คือนครซึ่งพระองค์ทรงรักนั้น แต่ไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาเสียสิ้น

10 และพญามารที่ล่อลวงพวกเขาก็ถูกโยนลงในบึงไฟกำมะถันที่ลุกโชน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายกับผู้เผยพระวจนะเท็จถูกโยนลงไปก่อนแล้ว พวกมันจะทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันกลางคืนสืบๆ ไปเป็นนิตย์

การพิพากษาคนตาย

11 แล้วข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวพร้อมทั้งผู้ที่ประทับบนพระที่นั่งนั้น เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ แผ่นดินโลกและท้องฟ้าก็หายไป ไม่มีที่สำหรับทั้งสองสิ่งนี้แล้ว

12 และข้าพเจ้าเห็นบรรดาผู้ตายทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง หนังสือเล่มต่างๆ เปิดออก หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายแล้วทั้งหมดก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนตามที่บันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น

13 ทะเลคืนคนตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนมรณาก็คืนคนตายที่อยู่ในนั้นและแต่ละคนถูกพิพากษาตามการกระทำของตน

14 แล้วความตายและแดนมรณาก็ถูกโยนลงในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละคือความตายครั้งที่สอง

15 ถ้าผู้ใดไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตผู้นั้นต้องถูกทิ้งลงในบึงไฟ

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/20-f963f7b3ef4512a6e35c5b92fce69bf5.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 21

เยรูซาเล็มใหม่

1 และข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และโลกใหม่เพราะฟ้าเดิมและโลกเดิมได้ดับสูญไปแล้ว ทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว

2 ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ คือเยรูซาเล็มใหม่ที่พระเจ้าทรงให้เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์ นครนี้ได้รับการตระเตรียมไว้เหมือนเจ้าสาวแต่งกายงดงามรอรับผู้เป็นสามี

3 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า “บัดนี้ที่ประทับของพระเจ้ามาอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะสถิตกับพวกเขา เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของพระองค์ และพระเจ้าเองจะทรงอยู่กับพวกเขาและเป็นพระเจ้าของพวกเขา

4 พระองค์จะทรงซับน้ำตาทุกๆ หยดของพวกเขา จะไม่มีความตาย หรือการคร่ำครวญ หรือการร่ำไห้ หรือความเจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป เพราะระบบเก่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว”

5 พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นตรัสว่า “เรากำลังสร้างสรรพสิ่งขึ้นใหม่!” และตรัสอีกว่า “จงเขียนสิ่งนี้ลงไปเพราะข้อความเหล่านี้เที่ยงแท้และเชื่อถือได้”

6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากธารน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

7 ผู้ที่มีชัยชนะจะได้รับทั้งหมดนี้เป็นกรรมสิทธิ์ เราจะเป็นพระเจ้าของเขาและเขาจะเป็นบุตรของเรา

8 ส่วนคนขี้ขลาดตาขาว คนที่ไม่เชื่อ คนชั่วช้า ฆาตกร คนผิดศีลธรรมทางเพศ คนใช้คาถาอาคม คนกราบไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดโกหก ที่ของเขาคือบึงไฟกำมะถันลุกโชน นั่นคือความตายครั้งที่สอง”

9 หนึ่งในทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือขันแห่งภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้ายนั้นมาบอกข้าพเจ้าว่า “มาเถิด เราจะให้ท่านดูเจ้าสาว คู่อภิเษกของพระเมษโปดก”

10 โดยพระวิญญาณทูตนั้นนำข้าพเจ้าไปที่ภูเขาสูงใหญ่ และสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ คือเยรูซาเล็มที่พระเจ้าทรงให้เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์

11 นครนั้นเปล่งประกายด้วยพระเกียรติสิริของพระเจ้าส่องแสงเจิดจ้าดั่งแสงอัญมณีล้ำค่าเช่นโมราใสกระจ่างดั่งแก้ว

12 นครนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีสิบสองประตู แต่ละประตูมีทูตสวรรค์หนึ่งองค์ประจำอยู่ บนประตูแต่ละประตูจารึกชื่อตระกูลหนึ่งในอิสราเอลสิบสองเผ่า

13 ด้านตะวันออกมีสามประตู ด้านเหนือมีสามประตู ด้านใต้มีสามประตูและด้านตะวันตกมีสามประตู

14 กำแพงนครนั้นมีสิบสองฐานและบนฐานเหล่านั้นจารึกชื่ออัครทูตทั้งสิบสองคนของพระเมษโปดก

15 ทูตสวรรค์องค์ที่พูดกับข้าพเจ้าถือไม้วัดทองคำเพื่อวัดขนาดของนครนั้นและประตูกับกำแพง

16 นครนั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวเท่ากัน เขาเอาไม้วัดระยะนครนั้นได้ 12,000 ซทาดิออนความกว้างความสูงเท่ากับความยาว

17 เขาวัดความหนาของกำแพงได้ 144 ศอกตามมาตราวัดของมนุษย์ซึ่งทูตสวรรค์ใช้

18 กำแพงก่อด้วยโมรา ส่วนนครนั้นสร้างจากทองคำบริสุทธิ์ สุกใสดั่งแก้ว

19 ฐานรากของกำแพงประดับด้วยอัญมณีล้ำค่านานาชนิด ฐานที่หนึ่งคือโมรา ฐานที่สองคือพลอยสีน้ำเงิน ฐานที่สามคือพลอยสีเขียว ฐานที่สี่คือมรกต

20 ฐานที่ห้าคือโกเมน ฐานที่หกคือพลอยหลากสี ฐานที่เจ็ดคือพลอยสีเขียวเหลือง ฐานที่แปดคือพลอยสีน้ำเงินเขียว ฐานที่เก้าคือบุษราคัม ฐานที่สิบคือหยก ฐานที่สิบเอ็ดคือพลอยสีแดงส้ม ฐานที่สิบสองคือพลอยสีม่วง

21 ประตูทั้งสิบสองทำด้วยไข่มุกขนาดใหญ่ประตูละเม็ด ถนนในเมืองทำด้วยทองคำเนื้อดีสุกปลั่งดั่งแก้วใส

22 ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารในนครนี้เลยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และพระเมษโปดกคือวิหารแห่งนคร

23 นครนี้ไม่ต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ เพราะพระเกียรติสิริของพระเจ้าคือแสงสว่าง และพระเมษโปดกคือดวงประทีปแห่งนครนี้

24 นานาประชาชาติจะดำเนินในแสงสว่างของนครนี้ และเหล่ากษัตริย์ของโลกจะนำความโอ่อ่าอลังการของตนเข้ามาในนครนี้

25 ประตูนครไม่เคยปิดเลยสักวันเพราะที่นั่นไม่มีกลางคืน

26 ประชาชาติทั้งหลายจะนำเกียรติและศักดิ์ศรีเข้ามาในนคร

27 สิ่งใดๆ ที่เป็นมลทิน หรือผู้ทำสิ่งที่น่าละอายหรือโป้ปดมุสาจะไม่มีวันได้เข้าในนครนั้นเลย เฉพาะผู้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าได้

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/21-68c1680643df3188cbfe6f5cd1b77dd4.mp3?version_id=179—

Categories
วิวรณ์

วิวรณ์ 22

แม่น้ำแห่งชีวิต

1 แล้วทูตนั้นสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิตใสดั่งแก้วไหลจากพระที่นั่งของพระเจ้าและพระเมษโปดก

2 ลงมากลางถนนใหญ่ของนครนั้น สองฟากแม่น้ำมีต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งออกผลสิบสองครั้ง คือออกผลทุกๆ เดือน และใบของต้นไม้นั้นใช้รักษาบรรดาประชาชาติให้หาย

3 ไม่มีการสาปแช่งใดๆ อีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ในนครนั้นและบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์

4 เขาทั้งหลายจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์และมีพระนามของพระองค์ประทับบนหน้าผากของพวกเขา

5 จะไม่มีกลางคืนอีกแล้ว เขาทั้งหลายไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงแดดเพราะพระเจ้าผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความสว่างแก่พวกเขาและพวกเขาจะครอบครองสืบๆ ไปเป็นนิตย์

6 ทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ข้อความเหล่านี้จริงแท้และเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งดวงวิญญาณของเหล่าผู้เผยพระวจนะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาสำแดงแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้เห็นสิ่งต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้”

พระเยซูกำลังจะเสด็จมา

7 “ดูเถิด เราจะมาในไม่ช้า! ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดถือคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้”

8 ข้าพเจ้ายอห์นคือผู้ได้ยินได้เห็นสิ่งเหล่านี้ และเมื่อเห็นแล้วได้ยินแล้วข้าพเจ้าก็หมอบลงเพื่อนมัสการแทบเท้าทูตสวรรค์ผู้สำแดงแก่ข้าพเจ้า

9 แต่ทูตนั้นบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าทำเช่นนี้! เราเป็นเพื่อนผู้รับใช้ร่วมกับท่านและร่วมกับพี่น้องของท่าน คือเหล่าผู้เผยพระวจนะและคนทั้งปวงที่ถือรักษาถ้อยคำในหนังสือนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด!”

10 แล้วทูตนั้นบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าปิดผนึกคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้ว

11 ผู้ที่ทำผิดก็ให้ทำผิดต่อไป ผู้ที่ชั่วช้าก็ให้ชั่วช้าต่อไป ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็ให้ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป และผู้ที่บริสุทธิ์ก็ให้รักษาตัวให้บริสุทธิ์ต่อไป”

12 “ดูเถิด เราจะมาในไม่ช้านี้! บำเหน็จอยู่ที่เราและเราจะให้แก่ทุกคนตามการกระทำของเขา

13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน

14 “ความสุขมีแก่บรรดาผู้ชำระเสื้อผ้าของตนเพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิตและผ่านประตูเข้าสู่นครนั้นได้

15 พวกที่อยู่ภายนอกคือสุนัข คนที่ใช้คาถาอาคม คนที่ผิดศีลธรรมทางเพศ ฆาตกร คนกราบไหว้รูปเคารพ และทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตามนั้น

16 “เรา เยซู ส่งทูตสวรรค์ของเรามาเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้แก่ท่านเพื่อคริสตจักรต่างๆ เราเป็นทายาทและเป็นเชื้อสายของดาวิดและเราเป็นดาวแห่งรุ่งอรุณอันสุกใส”

17 พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “มาเถิด!” และให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า “มาเถิด!” ผู้ใดกระหายให้ผู้นั้นเข้ามาและผู้ใดปรารถนาให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

18 ข้าพเจ้าขอเตือนทุกคนที่ได้ยินคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้ ผู้ใดเพิ่มเติมสิ่งใดลงไป พระเจ้าจะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่บรรยายไว้ในหนังสือนี้แก่เขา

19 และถ้าผู้ใดตัดทอนข้อความจากคำเผยพระวจนะนี้ พระเจ้าจะทรงตัดส่วนแบ่งของเขาในต้นไม้แห่งชีวิตและในนครบริสุทธิ์นั้นซึ่งบรรยายไว้ในหนังสือนี้

20 พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ตรัสว่า “แน่นอนเราจะมาในไม่ช้า” อาเมน องค์พระเยซูเจ้า โปรดเสด็จมาเถิด

21 ขอให้พระคุณขององค์พระเยซูเจ้าดำรงอยู่กับประชากรของพระเจ้าเถิด อาเมน

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/REV/22-6f5955a0c34fcef014bfcdf52a2ce167.mp3?version_id=179—