Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 16

วันแห่งภัยพิบัติ

1 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า

2 “เจ้าอย่าแต่งงาน อย่ามีลูกชายหรือลูกสาวในที่แห่งนี้”

3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับลูกชายลูกสาวที่เกิดในดินแดนนี้และชายหญิงผู้เป็นพ่อแม่ของเขาว่า

4 “พวกเขาจะตายด้วยโรคร้าย ไม่มีใครไว้ทุกข์หรือฝังศพให้ พวกเขาจะเป็นเหมือนกองขยะที่พื้น พวกเขาจะพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหาร ร่างของพวกเขาจะเป็นอาหารแก่นกในอากาศและสัตว์ป่าต่างๆ บนแผ่นดิน”

5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานศพ อย่าไปไว้ทุกข์หรือแสดงความเห็นใจ เพราะเราได้ถอนพร ความรัก และความสงสารไปจากชนชาตินี้แล้ว”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

6 “ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจะตายในดินแดนนี้และไม่มีใครฝังศพให้ ไม่มีใครไว้ทุกข์ ไม่มีใครเชือดเนื้อเถือหนังหรือโกนศีรษะเพื่อไว้อาลัยให้พวกเขา

7 จะไม่มีใครให้อาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อปลอบโยนผู้ที่คร่ำครวญอาลัยถึงผู้ตาย แม้ว่าผู้ตายเป็นบิดามารดาก็ตาม

8 “และอย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานเลี้ยงและไปนั่งกินดื่มกับพวกเขา

9 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ในช่วงชีวิตของเจ้าและต่อหน้าต่อตาเจ้านี่แหละ เราจะยุติเสียงเฮฮา เสียงรื่นเริงบันเทิงใจ และเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในดินแดนนี้

10 “เมื่อเจ้าบอกสิ่งทั้งปวงนี้แก่พวกเขา และพวกเขาถามเจ้าว่า ‘เหตุใดหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมีประกาศิตให้เกิดหายนะอันยิ่งใหญ่เพียงนี้แก่พวกเรา? พวกเราทำผิดอะไร? เราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างไร?’

11 เจ้าจงบอกพวกเขาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า ‘เพราะบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ละทิ้งเราไปปรนนิบัตินมัสการพระต่างๆ พวกเขาได้ทอดทิ้งเราและไม่ได้รักษาบทบัญญัติของเรา

12 แต่พวกเจ้าประพฤติเลวทรามยิ่งกว่าบรรพบุรุษเสียอีก ดูเถิด เจ้าต่างก็ทำตามใจดื้อดึงถือทิฐิชั่วของตนแทนที่จะเชื่อฟังเรา

13 ฉะนั้นเราจะเหวี่ยงเจ้าออกจากดินแดนนี้ ไปยังดินแดนซึ่งเจ้าและบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่นๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเราจะไม่มีความโปรดปรานใดๆ ให้เจ้า’ ”

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “อย่างไรก็ตาม เวลานั้นจะมาถึง เวลาซึ่งคนทั้งหลายจะเลิกปฏิญาณโดยอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’

15 แต่จะอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศพวกเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ ทั้งนี้เพราะเราจะนำพวกเขากลับมายังดินแดนซึ่งเรายกให้แก่บรรพบุรุษของเขา”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่บัดนี้เรากำลังส่งชาวประมงหลายคนมาจับพวกเขา หลังจากนั้นเราจะส่งพรานมากมายมาตามล่าพวกเขาจากภูเขา เนินเขาทุกลูก และจากซอกหิน

17 เราจับตาดูทางทั้งปวงของเขา ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากเรา บาปของพวกเขาไม่อาจถูกปิดบังไว้จากสายตาของเรา

18 เราจะลงโทษเขาเป็นสองเท่าเพราะความชั่วช้าและบาปของพวกเขาที่ทำให้ดินแดนของเราแปดเปื้อนมลทินด้วยรูปเคารพต่ำช้าไร้ชีวิต ทำให้กรรมสิทธิ์ของเราเต็มไปด้วยรูปเคารพอันน่าเกลียดชังของพวกเขา”

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพละกำลัง เป็นป้อมปราการ

และเป็นที่ลี้ภัยในยามทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์

ประชาชาติต่างๆ จากสุดโลก

จะมาเฝ้าพระองค์และกราบทูลว่า

“บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ครอบครองสิ่งใดนอกจากเทพเจ้าจอมปลอม

เป็นรูปเคารพอันไร้ค่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้

20 มนุษย์จะสร้างพระเจ้าให้ตนเองได้หรือ?

ได้สิ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้าเลย!”

21 “ฉะนั้นเราจะสั่งสอนพวกเขา

คราวนี้เราจะสอนให้เขารู้ถึง

ฤทธานุภาพและฤทธิ์อำนาจของเรา

แล้วพวกเขาจะรู้ว่า

นามของเราคือพระยาห์เวห์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/16-f6b06892a6bc9e0b8c473f0ba71adaec.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 17

1 “บาปของยูดาห์ถูกสลักไว้ด้วยปากกาเหล็ก

จารึกไว้ด้วยปลายเพชร

ลงบนแผ่นหัวใจของเขา

และบนเชิงงอนที่แท่นบูชาของพวกเขา

2 แม้แต่ลูกหลานของเขาก็ระลึกถึง

แท่นบูชาและเสาเจ้าแม่อาเชราห์

ข้างต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา

และบนภูเขาสูงทั้งหลาย

3 ภูเขาของเราในดินแดนนั้น

และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเจ้า

ตลอดจนสถานบูชาบนที่สูงของเจ้า

เราจะให้ศัตรูมาริบไป

เพราะบาปทั่วแดนของเจ้า

4 โดยความผิดของเจ้าเอง

เจ้าจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่เรามอบให้

เราจะส่งเจ้าไปเป็นทาสของศัตรู

ในดินแดนซึ่งเจ้าไม่รู้จัก

เพราะเจ้าจุดไฟโทสะของเรา

มันจะเผาผลาญตลอดไป”

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“คำสาปแช่งตกอยู่แก่ผู้ที่ไว้วางใจในมนุษย์

พึ่งพละกำลังของเขา

และเอาใจออกห่างองค์พระผู้เป็นเจ้า

6 เขาจะเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่นกันดาร

มองไม่เห็นความเจริญรุ่งเรืองที่มาถึง

เขาจะอาศัยในถิ่นแห้งแล้งของทะเลทราย

ในเขตดินกร่อยซึ่งไม่มีใครอาศัย

7 “แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่ไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในพระองค์

8 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ

ซึ่งหยั่งรากลงไปริมธารน้ำ

มันไม่กลัวความร้อนที่มาถึง

ใบของมันเขียวขจีอยู่เสมอ

มันไม่วิตกในปีที่แห้งแล้ง

และไม่หยุดออกผล”

9 จิตใจเป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งอื่นใด

และเสื่อมทรามจนสุดจะแก้

ใครจะเข้าใจจิตใจนั้นได้?

10 “เราผู้เป็นพระยาห์เวห์พิเคราะห์ดูจิตใจ

และตรวจสอบความคิด

เพื่อให้บำเหน็จแก่ทุกคนตามผลการกระทำ

และตามความประพฤติของเขา”

11 ผู้ซึ่งมั่งมีด้วยวิธีทุจริต

ก็เหมือนนกที่กกไข่ซึ่งมันไม่ได้วาง

เมื่อถึงวัยกลางคน ทรัพย์สมบัติก็พรากจากเขาไป

และในบั้นปลายเขาจะกลายเป็นคนโง่เขลา

12 สถานนมัสการของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นบัลลังก์อันรุ่งเรือง

ได้รับการเทิดทูนไว้ตั้งแต่ต้น

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล

คนทั้งปวงที่ละทิ้งพระองค์จะอัปยศอดสู

ผู้ที่หันไปจากพระองค์จะถูกจารึกไว้ในธุลีดิน

เพราะเขาละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า

ผู้ทรงเป็นบ่อน้ำพุซึ่งมีน้ำที่ให้ชีวิต

14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงรักษาข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะหายดี

ขอทรงช่วย แล้วข้าพระองค์จะรอด

เพราะพระองค์คือผู้ที่ข้าพระองค์ถวายการสรรเสริญ

15 พวกเขาพร่ำพูดกับข้าพระองค์ว่า

“ไหนล่ะ พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า?

ให้มันเป็นไปตามนั้น เดี๋ยวนี้สิ!”

16 ข้าพระองค์ไม่ได้หนีจากการเป็นคนเลี้ยงแกะของพระองค์

พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์ไม่ได้ปรารถนาวันแห่งความสิ้นหวัง

สิ่งที่ข้าพระองค์เอ่ยปากบอกพวกเขา ก็แจ้งอยู่ต่อหน้าพระองค์

17 ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์คร้ามกลัว

พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันแห่งภัยพิบัติ

18 ขอให้ผู้กดขี่ข่มเหงข้าพระองค์ต้องอับอายขายหน้า

แต่ขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากความอัปยศ

ขอให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน

แต่ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์ให้พ้นจากความหวาดหวั่น

ขอทรงนำวันแห่งภัยพิบัติมายังเขา

ขอทรงทำลายเขาด้วยหายนะที่รุนแรงเป็นสองเท่า

รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์

19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไปยืนอยู่ที่ประตูเมืองเยรูซาเล็มซึ่งกษัตริย์ยูดาห์เสด็จเข้าออก รวมทั้งประตูอื่นๆ ทั้งหมดของเยรูซาเล็ม

20 จงบอกคนทั้งปวงว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด กษัตริย์ยูดาห์ ชนยูดาห์ และชาวกรุงเยรูซาเล็มซึ่งผ่านเข้าออกประตูเหล่านี้

21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่าจงระวังอย่าแบกสิ่งของในวันสะบาโต หรือนำสิ่งใดผ่านเข้าออกประตูของเยรูซาเล็ม

22 อย่าแบกสิ่งใดออกจากบ้านเรือนของเจ้า หรือกระทำกิจการงานใดๆ ในวันสะบาโต แต่จงรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ตามที่เราได้บัญชาบรรพบุรุษของเจ้าไว้

23 แต่คนเหล่านั้นไม่ฟัง ไม่ใส่ใจ พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง ไม่ยอมใส่ใจและรับฟังคำตักเตือน

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า แต่ถ้าพวกเจ้าใส่ใจเชื่อฟังเรา และไม่แบกสิ่งใดผ่านประตูในวันสะบาโต แต่รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์โดยไม่ทำงานใดๆ ในวันนั้น

25 เมื่อนั้นเหล่ากษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ของดาวิดจะเข้าออกประตูต่างๆ ของกรุงนี้พร้อมกับเหล่าขุนนาง พวกเขาจะนั่งบนรถม้าศึกและหลังม้า ติดตามด้วยชนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม และกรุงนี้จะมีผู้คนอาศัยอยู่ตลอดไป

26 ประชาชนจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และหมู่บ้านต่างๆ รอบเยรูซาเล็ม จากเขตแดนของเบนยามิน จากเชิงเขาตะวันตก จากแถบภูเขาและเนเกบ จะนำเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องหอม และเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

27 แต่หากพวกเจ้ายไม่เชื่อฟังเรา ไม่ยอมรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ หากเจ้ายังนำสัมภาระผ่านประตูเมืองทั้งหลายของเยรูซาเล็มในวันสะบาโต เราก็จะจุดไฟเผาประตูเมืองเหล่านี้ เป็นไฟไม่รู้ดับซึ่งจะเผาผลาญป้อมต่างๆ ของเมืองนี้จนหมดสิ้น’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/17-3f068316f133c8a42df349c060e1c9fc.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 18

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ

1 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า

2 “จงลุกขึ้นลงไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น”

3 ข้าพเจ้าก็ไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เขากำลังทำงานอยู่ที่แป้น

4 แต่ภาชนะที่เขากำลังปั้นอยู่นั้นเสียรูปทรงอยู่ในมือของเขา เขาจึงนวดขยำเป็นก้อนและเริ่มปั้นใหม่ตามที่เขาเห็นว่าดีที่สุด

5 แล้วพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

6 “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราทำกับเจ้าแบบเดียวกับช่างปั้นหม้อผู้นี้ไม่ได้หรือ?”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเราเหมือนดินเหนียวที่อยู่ในมือของช่างปั้น

7 เมื่อใดก็ตามที่เราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนที่เราจะรื้อถอนและทำลาย

8 แล้วหากชาตินั้นซึ่งเราได้เตือนไว้หันกลับจากความชั่วร้ายของตน เราก็จะเปลี่ยนใจไม่ส่งภัยพิบัติมายังพวกเขาตามที่เราได้ตั้งใจไว้แต่แรก

9 และหากเราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนซึ่งเราจะสร้างและก่อตั้งขึ้น

10 แต่แล้วชาตินั้นอาณาจักรนั้นทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของเราและไม่ยอมเชื่อฟังเรา เมื่อนั้นเราก็จะเปลี่ยนใจยังไม่อวยพรพวกเขาอย่างที่คิดไว้

11 “ฉะนั้นจงไปเตือนชนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราเตรียมนำภัยพิบัติมายังเจ้า และมีแผนการลงโทษเจ้า ฉะนั้นเจ้าแต่ละคนจงหันจากวิถีชั่วของเจ้าและแก้ไขแนวทางกับการกระทำของเจ้า’

12 แต่พวกเขาจะตอบว่า ‘พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เราจะทำตามแผนการของเราต่อไป เราแต่ละคนจะทำตามทิฐิในใจชั่วของเรา’ ”

13 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงถามดูในหมู่ชนชาติต่างๆ

ใครเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้าง

อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ได้ทำ

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด?

14 หิมะเคยหายไปจากภูผาของเลบานอนหรือ?

สายน้ำเย็นจากภูเขาที่ห่างไกลนั้นเคยหยุดไหลหรือ?

15 ถึงกระนั้นประชากรของเราก็ลืมเรา

พวกเขาเผาเครื่องหอมถวายรูปเคารพอันไร้ค่า

ซึ่งทำให้เขาสะดุดล้มในวิถีทางของตน

และในหนทางโบราณ

ทำให้พวกเขาต้องลงไปเดินข้างทาง

บนถนนที่ไม่ได้สร้างขึ้น

16 ดินแดนของเขาจะถูกทิ้งร้าง

เป็นเป้าของการดูหมิ่นตลอดกาล

ผู้คนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึง

และส่ายหน้า

17 เราจะเหวี่ยงประชากรของเราให้กระจัดกระจายไปต่อหน้าศัตรูของพวกเขา

เหมือนลมตะวันออกซัดฝุ่นฟุ้งกระจาย

เราจะหันหลังให้พวกเขา

ในเวลาแห่งภัยพิบัติของเขา”

18 พวกเขากล่าวว่า “เรามาวางแผนกำจัดเยเรมีย์กันเถอะ เพราะว่าสิ่งที่ปุโรหิตสอนจากธรรมบัญญัติ คำปรึกษาจากปราชญ์ และถ้อยคำจากผู้เผยพระวจนะจะไม่สูญหายไป ฉะนั้นให้เราโจมตีเขาด้วยลิ้นของเราและอย่าใส่ใจสิ่งที่เขาพูด”

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังข้าพระองค์

ฟังถ้อยคำของบรรดาผู้กล่าวหาข้าพระองค์!

20 ควรหรือที่พวกเขาจะตอบแทนความดีด้วยความชั่ว?

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์

ขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์

กราบทูลพระองค์เพื่อพวกเขา

ให้ทรงหันเหพระพิโรธไปจากพวกเขา

21 ด้วยเหตุนี้ ขอให้ลูกๆ ของพวกเขาอดตาย

ขอให้พวกเขาเป็นเหยื่อคมดาบ

ขอให้ภรรยาของพวกเขาเป็นม่ายและถูกพรากลูกไปหมด

ขอให้พวกผู้ชายของเขาถูกสังหาร

ให้คนหนุ่มของพวกเขาถูกฆ่าฟันในสงคราม

22 ขอให้ได้ยินเสียงกรีดร้องจากบ้านเรือนของพวกเขา

เมื่อพระองค์นำกองทหารเข้าจู่โจมพวกเขาอย่างฉับพลัน

เพราะพวกเขาได้ขุดหลุมดักข้าพระองค์

และซุ่มวางกับดักตามทางของข้าพระองค์

23 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงทราบแผนการทุกอย่างที่

เขาคบคิดกันสังหารข้าพระองค์

โปรดอย่าทรงอภัยให้พวกเขา

ขออย่าทรงลบบาปทั้งหลายของเขาไปจากสายพระเนตรของพระองค์

แต่ขอให้พวกเขาถูกโค่นล้มลงต่อหน้าพระองค์

ขอทรงจัดการกับพวกเขาในเวลาแห่งพระพิโรธของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/18-2450ba4f6e2b3bf015cf0c45b0eab273.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 19

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปซื้อไหดินใบหนึ่งจากช่างปั้น และพาผู้อาวุโสบางคนของเหล่าประชากรและปุโรหิตอาวุโสบางคนไปกับเจ้าด้วย

2 และจงไปที่หุบเขาเบนฮินโนม ใกล้ทางเข้าประตูกองเศษหม้อของตัวเมือง และจงพูดกับเขาตามถ้อยคำที่เราบอกเจ้าที่นั่นว่า

3 ‘กษัตริย์ยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำภัยพิบัติมาเหนือสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทุกคนที่ได้ยินจะถึงกับขนลุกขนพอง

4 เพราะพวกเขาได้ละทิ้งเรา และทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งพระต่างชาติ พวกเขาเผาเครื่องบูชาแก่พระต่างๆ ซึ่งตัวเขาก็ดี บรรพบุรุษของเขาก็ดี บรรดากษัตริย์ยูดาห์ก็ดี ไม่เคยรู้จักมาก่อน และพวกเขาทำให้สถานที่แห่งนี้นองด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์

5 เขาได้สร้างสถานบูชาบนที่สูงของพระบาอัล เพื่อเผาลูกชายของตนสังเวยพระบาอัล นี่เป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือพูดถึง และไม่เคยเข้ามาในความคิดของเราเลย

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าดังนั้นจงระวังให้ดี เพราะจะถึงเวลาที่ผู้คนจะไม่เรียกที่แห่งนี้ว่าโทเฟทหรือหุบเขาเบนฮินโนมอีกต่อไป แต่เรียกว่า “หุบเขาแห่งการเข่นฆ่า”

7 “ ‘ในที่แห่งนี้ เราจะทำลายแผนการต่างๆ ของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เราจะทำให้พวกเขาล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเหล่าศัตรู ในมือของผู้ที่หมายเอาชีวิตของพวกเขา เราจะทิ้งศพของพวกเขาให้เป็นเหยื่อของนกในอากาศและสัตว์ต่างๆ บนแผ่นดินโลก

8 เราจะทำให้กรุงนี้ถูกทิ้งร้างเป็นเป้าของการดูหมิ่น ทุกคนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึงและเย้ยหยัน เมื่อได้เห็นความหายนะทั้งหมดของมัน

9 ในขณะที่ถูกบีบคั้นโดยศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของพวกเขาซึ่งล้อมเขาไว้ เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง และพวกเขาจะกินเนื้อกันเอง’

10 “จากนั้นเจ้าจงทุบไหใบนั้นต่อหน้าคนเหล่านั้นที่มากับเจ้า

11 และบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า เราจะบดขยี้ชนชาตินี้และเมืองนี้ให้แหลกลาญเหมือนที่ไหใบนี้แตกป่นปี้และซ่อมแซมไม่ได้ พวกเขาจะฝังศพผู้ตายที่โทเฟท จนไม่มีที่ว่างเหลืออยู่อีก

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า นี่คือสิ่งที่เราจะทำต่อสถานที่แห่งนี้และแก่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เราจะทำให้เมืองนี้เป็นเหมือนโทเฟท

13 บ้านเรือนในกรุงเยรูซาเล็มและวังทั้งหลายของกษัตริย์ยูดาห์จะเป็นมลทินเหมือนโทเฟท คือบ้านทั้งหลายที่เผาเครื่องหอมบูชาบนหลังคาถวายแด่พระแห่งดวงดาวและเทเครื่องดื่มบูชาแด่พระอื่นๆ’ ”

14 แล้วเยเรมีย์เดินทางกลับจากโทเฟทที่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ให้ไปกล่าวคำพยากรณ์ เขามายืนอยู่ที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวแก่ประชากรทั้งปวงว่า

15 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จงฟังเถิด! เราจะนำภัยพิบัติทั้งมวลที่เราประกาศมาสู่กรุงนี้และเมืองต่างๆ โดยรอบ ซึ่งเราได้ประกาศกล่าวโทษ เพราะพวกเขาหัวแข็งและไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/19-98ad522ea5f9cf0403ddcac637eff21e.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 20

เยเรมีย์และปาชเฮอร์

1 เมื่อปุโรหิตปาชเฮอร์บุตรอิมเมอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยินเรื่องที่เยเรมีย์กำลังเผยพระวจนะอยู่

2 ก็ให้คนทุบตีผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ และจับกุมตัวใส่ขื่อคาขังไว้ที่ประตูเบนยามินด้านบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อปาชเฮอร์มาปล่อยเยเรมีย์ออกจากขื่อคา เยเรมีย์กล่าวกับเขาว่า “ชื่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งให้ท่านไม่ใช่ปาชเฮอร์ แต่เป็นมาโกร์มิสสาบิบ

4 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเป็นที่สยดสยองทั้งแก่ตัวเจ้าเองและแก่เพื่อนฝูงทั้งปวงของเจ้า ตาของเจ้าเองจะเห็นพวกเขาล้มตายด้วยคมดาบของเหล่าศัตรู เราจะมอบยูดาห์ไว้ในเงื้อมมือกษัตริย์บาบิโลน ซึ่งจะกวาดต้อนพวกเขาไปยังบาบิโลนหรือฆ่าทิ้ง

5 เราจะมอบทรัพย์สมบัติทั้งปวงของกรุงนี้แก่ศัตรูของพวกเขา ได้แก่ผลิตผลทั้งปวง ทรัพย์สินมีค่าและสมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์ยูดาห์ ศัตรูจะปล้นและริบไปยังบาบิโลน

6 ส่วนเจ้า ปาชเฮอร์และทุกคนในครัวเรือนของเจ้าจะต้องไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ตายและฝังที่นั่น ทั้งตัวเจ้าและเพื่อนๆที่เจ้าพยากรณ์เท็จให้ฟัง’ ”

เยเรมีย์คร่ำครวญ

7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงหลอกลวงข้าพระองค์และข้าพระองค์ก็ถูกหลอกให้ตายใจ

พระองค์เหนือกว่าข้าพระองค์และทรงชนะข้าพระองค์

ข้าพระองค์ถูกหัวเราะเยาะวันยังค่ำ

ทุกคนเย้ยหยันข้าพระองค์

8 เมื่อใดที่พูด ข้าพระองค์เป็นต้องป่าวร้อง

ประกาศความรุนแรงและความพินาศย่อยยับ

ฉะนั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ทำให้ข้าพระองค์ถูกเย้ยหยันและถูกติเตียนวันยังค่ำ

9 แต่หากข้าพระองค์จะกล่าวว่า “ข้าพระองค์จะไม่พูดถึงพระองค์

หรือไม่พูดอะไรในพระนามของพระองค์อีกต่อไป”

พระดำรัสของพระองค์ในจิตใจของข้าพระองค์

ก็เป็นเหมือนไฟที่แผดเผาอยู่ในกระดูก

และข้าพระองค์หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะทนเก็บไว้ได้

ข้าพระองค์เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ

10 ข้าพระองค์ได้ยินเสียงซุบซิบหนาหูว่า

“ความสยดสยองอยู่รอบด้าน!

ให้เรารายงานเรื่องเขา! รายงานเรื่องเขา!”

เพื่อนๆ ของข้าพระองค์

คอยให้ข้าพระองค์พลาดล้ม พวกเขาพูดว่า

“บางทีเขาอาจจะถูกหลอก

แล้วเราจะชนะเขา

และแก้แค้นเขาได้”

11 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างข้าพระองค์ประหนึ่งนักรบผู้เกรียงไกร

ฉะนั้นบรรดาผู้ข่มเหงข้าพระองค์จะล้มลงและไม่ชนะ

พวกเขาจะล้มเหลวและอัปยศอดสู

พวกเขาจะถูกตราหน้าและเสียเกียรติตลอดไป

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์ทรงพิเคราะห์ผู้ชอบธรรม

ทรงพินิจดูความคิดจิตใจ

ขอโปรดให้ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงแก้แค้นคนเหล่านี้

เพราะข้าพระองค์ได้มอบเรื่องราวของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์แล้ว

13 จงร้องเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า!

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า!

พระองค์ทรงกู้ชีวิตของผู้ขัดสน

จากเงื้อมมือของคนชั่ว

14 ขอแช่งวันที่ข้าพเจ้าถือกำเนิดมา!

ขออย่าให้วันที่แม่คลอดข้าพเจ้าออกมานั้นได้รับพร!

15 ขอแช่งคนที่นำข่าวไปบอกพ่อของข้าพเจ้า

คนที่ทำให้พ่อของข้าพเจ้าดีใจมาก

โดยบอกว่า “ท่านได้ลูกชายแล้ว!”

16 ขอให้คนนั้นเป็นเหมือนเมืองต่างๆ

ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคว่ำทลายโดยปราศจากความเมตตาสงสาร

ขอให้เขาได้ยินเสียงร่ำไห้ในยามเช้า

เสียงโห่ร้องทำศึกยามเที่ยงวัน

17 เนื่องจากเขาไม่ฆ่าข้าพเจ้าเสียตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ให้ท้องของแม่เป็นหลุมฝังศพของข้าพเจ้า

ให้ท้องของแม่โตอยู่อย่างนั้นตลอดไป

18 ทำไมหนอข้าพเจ้าจึงออกมาจากท้องแม่

ต้องเห็นความทุกข์โศกลำเค็ญ

และชีวิตหมดไปกับความอัปยศอดสู?

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/20-e4262adb2a9c295f854d5c0da0430fae.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 21

พระเจ้าทรงเมินคำทูลขอของเศเดคียาห์

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมาถึงเยเรมีย์เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์ส่งปาชเฮอร์บุตรมัลคิยาห์และปุโรหิตเศฟันยาห์บุตรมาอาเสอาห์มาพบเยเรมีย์และกล่าวว่า

2 “ช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราด้วย เพราะกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนยกทัพมาโจมตีเรา บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะทำการอัศจรรย์เพื่อพวกเราเหมือนในอดีต เนบูคัดเนสซาร์จะได้ถอนทัพกลับไป”

3 แต่เยเรมีย์ตอบพวกเขาว่า “ไปทูลเศเดคียาห์เถิดว่า

4 ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะหันอาวุธทั้งปวงในมือของเจ้าซึ่งเจ้าใช้ต่อกรกับกษัตริย์บาบิโลนและกับชาวบาบิโลนที่กำลังล้อมเมืองเจ้าอยู่นั้นให้หวนกลับมาเล่นงานเจ้า และเราจะรวบรวมพวกเขาเข้ามาในกรุงนี้

5 เราเองจะสู้รบกับเจ้าด้วยมือที่เงื้ออยู่ และด้วยแขนอันทรงพลัง เนื่องจากความโกรธ ความเกรี้ยวกราด และโทสะอันใหญ่หลวง

6 เราจะเล่นงานทุกชีวิตในกรุงนี้ ทั้งคนและสัตว์จะตายด้วยภัยพิบัติร้ายแรง

7 หลังจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าเราจะมอบกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ข้าราชการและชาวกรุงนี้ที่รอดจากโรคระบาด สงคราม และการกันดารอาหารไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและในมือศัตรูซึ่งหมายเอาชีวิตของพวกเขา เนบูคัดเนสซาร์จะเข่นฆ่าเขาด้วยดาบ ไม่ยอมเมตตาเอ็นดูหรือสงสารเลย’

8 “อีกทั้งจงบอกเหล่าประชากรว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราให้เจ้าเลือกเอาระหว่างความเป็นกับความตาย

9 ผู้ที่อยู่ในกรุงนี้จะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด แต่ใครก็ตามที่ออกไปยอมแพ้แก่ชาวบาบิโลนซึ่งมาล้อมเมืองอยู่ก็จะรอดชีวิต

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราตั้งใจจะทำร้ายกรุงนี้ ไม่ใช่ทำดี กรุงนี้จะตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน เขาจะเผามันวอดวาย’

11 “นอกจากนี้จงกล่าวแก่ราชวงศ์ยูดาห์ว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

12 วงศ์วานของดาวิดเอ๋ยองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ทุกเช้าจงอำนวยความยุติธรรม

จงช่วยเหลือผู้ที่ถูกปล้น

จากมือของผู้กดขี่ข่มเหง

มิฉะนั้นโทสะของเราจะระเบิดออกและแผดเผาดั่งไฟ

เผาผลาญโดยไม่มีใครดับได้

เนื่องจากความชั่วร้ายที่พวกเจ้าได้ทำ

13 เยรูซาเล็มเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า

ผู้อาศัยอยู่เหนือหุบเขาแห่งนี้

บนที่ราบอันเต็มไปด้วยหิน

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

เจ้าผู้พูดว่า “ใครจะมาสู้เราได้?

ใครจะเข้ามายังที่ลี้ภัยของเราได้?”

14 เราเองจะลงโทษเจ้าให้สาสมกับความประพฤติของเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

เราจะจุดไฟในป่าของเจ้า

ซึ่งจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเจ้า’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/21-d8f78035a4e37fd734b4a99cd8df95f2.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 22

การพิพากษาเหล่ากษัตริย์ผู้ชั่วร้าย

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปที่วังของกษัตริย์ยูดาห์และประกาศว่า

2 ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด กษัตริย์ยูดาห์ผู้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ตลอดจนข้าราชการและประชาชนของเจ้าที่ผ่านเข้าออกประตูเหล่านี้

3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม ช่วยเหลือผู้ที่ถูกปล้นชิงให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้ที่ข่มเหงรังแก อย่าทารุณหรือรังแกคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย และอย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือดที่นี่

4 เพราะหากเจ้าใส่ใจปฏิบัติตามคำบัญชาเหล่านี้ กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดจะได้นั่งรถม้าศึกหรือขี่ม้าผ่านเข้าออกประตูวังนี้ พร้อมด้วยข้าราชการและราษฎรทั้งหลาย

5 แต่หากเจ้าทั้งปวงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราขอสาบานในนามของเราเองว่า พระราชวังแห่งนี้จะกลายเป็นซากปรักหักพัง’ ”

6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับวังของกษัตริย์ยูดาห์ว่า

“แม้เจ้าจะเป็นเหมือนกิเลอาดสำหรับเรา

เหมือนยอดเขาแห่งเลบานอน

เราก็จะทำให้เจ้าเหมือนถิ่นกันดาร

เหมือนเมืองซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัย

7 เราจะส่งผู้ทำลายมาเล่นงานเจ้า

แต่ละคนถืออาวุธของตนมา

เขาจะรื้อคานสนซีดาร์ชั้นดีของเจ้าออก

และโยนเข้ากองไฟ

8 “ผู้คนจากหลายชาติจะเดินผ่านซากปรักหักพังของกรุงนี้และถามกันว่า ‘ทำไมหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงทำกับกรุงใหญ่ถึงเพียงนี้’

9 คำตอบที่จะได้ก็คือ ‘เพราะเหล่าประชากรละทิ้งพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ’ ”

10 อย่าร่ำไห้ให้แก่กษัตริย์ที่ตายหรือคร่ำครวญถึงความสูญเสียของเขาเลย

แต่จงร้องไห้อย่างขมขื่นให้แก่บรรดาคนที่ตกเป็นเชลย

เพราะเขาจะไม่ได้กลับมา

เห็นบ้านเกิดเมืองนอนอีกแล้ว

11 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงชัลลูมบุตรของโยสิยาห์ ผู้ครองราชย์ในยูดาห์ต่อจากโยสิยาห์ราชบิดาแต่ต้องไปจากสถานที่แห่งนี้ว่า “เขาจะไม่ได้กลับมาอีก

12 เขาจะตายในที่ซึ่งถูกจับไปเป็นเชลย เขาจะไม่ได้กลับมาเห็นดินแดนนี้อีก”

13 “วิบัติแก่เขาซึ่งสร้างวังของตนจากความอธรรม

และต่อเติมตำหนักชั้นบนจากความอยุติธรรม

เกณฑ์ให้พี่น้องร่วมชาติทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน

ใช้แรงงานพวกเขาโดยไม่มีค่าจ้าง

14 เขาพูดว่า ‘เราจะสร้างวังของเราให้ใหญ่โต

มีตำหนักชั้นบนซึ่งกว้างใหญ่’

แล้วเขาก็เจาะหน้าต่างบานใหญ่

กรุด้วยไม้สนซีดาร์

ประดับประดาด้วยสีแดง

15 “เจ้าได้เป็นกษัตริย์

เพราะเจ้าสะสมไม้สนซีดาร์มากๆ หรือ?

บิดาของเจ้ากินดีอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม

เพราะเหตุนี้ เขาจึงอยู่เย็นเป็นสุข

16 เขาได้ตัดสินคดีของคนยากไร้และคนขัดสนอย่างยุติธรรม

เขาจึงอยู่เย็นเป็นสุข

การรู้จักเราหมายความอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

17 “แต่ส่วนเจ้า ทั้งตาทั้งใจ

มุ่งอยู่ที่ผลกำไรทุจริต

อยู่ที่การทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือด

การกดขี่ข่มเหงและการรีดนาทาเร้น”

18 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ว่า

“ผู้คนจะไม่ร่ำไห้อาลัยให้เขาว่า

‘อนิจจา พี่น้องของเรา!’

ผู้คนจะไม่ร่ำไห้อาลัยให้เขาว่า

‘อนิจจา นายเหนือหัว! อนิจจา ฝ่าพระบาท!’

19 ศพของเขาจะถูกจัดการเหมือนลาตัวหนึ่ง

คือถูกลากออกไปโยนทิ้ง

นอกประตูเมืองเยรูซาเล็ม”

20 “จงขึ้นไปบนภูเขาเลบานอนและป่าวร้อง

จงเปล่งเสียงในบาชาน

จงร้องออกมาจากอาบาริม

เพราะพันธมิตรทั้งปวงของเจ้าถูกบดขยี้หมดแล้ว

21 เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่ครั้งที่เจ้ายังรู้สึกมั่นคงปลอดภัย

แต่เจ้าตอบว่า ‘ข้าพระองค์จะไม่ฟัง!’

เจ้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

คือไม่ยอมเชื่อฟังเรา

22 ลมจะพัดคนเลี้ยงแกะทุกคนของเจ้ากระจัดกระจายไป

และพันธมิตรของเจ้าจะตกเป็นเชลย

แล้วเจ้าจะอับอายขายหน้า

เพราะความชั่วช้าทั้งปวงของเจ้า

23 เจ้าผู้อาศัยใน ‘ตำหนักเลบานอน’

ผู้พักสบายในเรือนไม้สนซีดาร์

เจ้าจะร้องครวญครางสักเท่าใด เมื่อความเจ็บปวดมาถึงเจ้า

เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่คลอดลูก!”

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ถึงแม้ว่าเจ้าเยโฮยาคีนบุตรกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์เป็นแหวนตราประจำมือขวาของเรา เราก็ยังจะถอดเจ้าออกฉันนั้น

25 เราจะมอบเจ้าให้แก่บรรดาผู้มุ่งเอาชีวิตของเจ้า ผู้ที่เจ้าหวาดกลัว คือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและชาวบาบิโลนทั้งหลาย

26 เราจะเหวี่ยงเจ้าและแม่ของเจ้าออกจากบ้านเกิดเมืองนอน และเจ้าจะตายในต่างแดน

27 เจ้าจะไม่ได้กลับมายังดินแดนซึ่งเจ้าปรารถนาจะกลับมาอีก”

28 เยโฮยาคีนผู้นี้เป็นหม้อแตกที่ถูกเหยียดหยาม

เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการหรือ?

เหตุใดเขากับลูกๆ จะถูกเหวี่ยงออกไป

ยังดินแดนที่พวกเขาไม่รู้จัก?

29 แผ่นดินเอ๋ย แผ่นดินเอ๋ย แผ่นดินเอ๋ย

จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด!

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงบันทึกถึงชายผู้นี้

ราวกับว่าเขาไร้ทายาท

เป็นผู้ที่จะไม่เจริญเลยตลอดชีวิต

เพราะไม่มีลูกคนไหนของเขาเจริญรุ่งเรือง

หรือจะได้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด

หรือปกครองในยูดาห์อีกต่อไป”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/22-576730bb4cf5ae2b4f7db6027028e142.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 23

กิ่งอันชอบธรรม

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่บรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งผลาญทำลายและทำให้ลูกแกะในท้องทุ่งของเรากระจัดกระจายไป!”

2 ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับบรรดาคนเลี้ยงแกะซึ่งดูแลพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าว่า “เนื่องจากเจ้าทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าขับไล่ไสส่งและไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พวกเขา ฉะนั้นเราจะลงโทษพวกเจ้าเพราะความชั่วที่เจ้าได้ทำ”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

3 “เราเองจะรวบรวมฝูงแกะที่เหลือออกจากประเทศต่างๆ ที่เราขับไล่พวกเขาไป และจะนำพวกเขากลับมายังท้องทุ่งเดิม ที่ซึ่งพวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

4 เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะซึ่งรับผิดชอบดูแลเขา เขาจะไม่ต้องหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนอีกต่อไป และจะไม่มีคนใดขาดหายไป”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “วันนั้นจะมาถึง

เมื่อเราจะสถาปนากิ่งอันชอบธรรมให้แก่ดาวิด

ผู้นั้นเป็นกษัตริย์ซึ่งจะปกครองอย่างชาญฉลาด

และทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมในแผ่นดิน

6 ในยุคสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้

และอิสราเอลจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย

เขาผู้นั้นจะได้รับการขนานนามว่า

‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’”

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง ประชากรจะไม่พูดอีกต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’

8 แต่จะพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำวงศ์วานอิสราเอลออกมาจากดินแดนทางเหนือและจากทุกประเทศที่พระองค์ทรงเนรเทศเขาไปนั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตนเอง”

ผู้เผยพระวจนะเท็จ

9 พระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะความว่า

ดวงใจข้าพเจ้าแหลกสลายอยู่ภายใน

กระดูกทุกซี่สั่นสะท้าน

ข้าพเจ้าเหมือนคนเมา

เหมือนคนที่ถูกครอบงำด้วยฤทธิ์เมรัย

เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้า

และพระวจนะอันบริสุทธิ์ของพระองค์

10 แผ่นดินเต็มไปด้วยคนล่วงประเวณี

เพราะคำสาปแช่งผืนแผ่นดินก็แตกระแหง

ทุ่งหญ้าในถิ่นกันดารก็เหี่ยวเฉาไป

เหล่าผู้เผยพระวจนะทำชั่ว

และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม

11 “ทั้งปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะล้วนแต่อธรรม

แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังเห็นความชั่วช้าเลวทรามของพวกเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

12 “ฉะนั้นหนทางของเขาจึงลื่น

เขาจะถูกขับไล่ไสส่งไปสู่ความมืดมน

และจะล้มตายที่นั่น

เราจะนำภัยพิบัติมาสู่พวกเขา

ในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

13 “ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของสะมาเรีย

เราเห็นสิ่งน่ารังเกียจคือ

พวกเขาพยากรณ์ในนามพระบาอัล

และนำประชากรอิสราเอลของเราหลงผิดไป

14 และเราก็เห็นสิ่งน่าขยะแขยง

ในหมู่ผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็มคือ

พวกเขาล่วงประเวณีและดำเนินชีวิตอยู่ในความหลอกลวง

พวกเขาสนับสนุนคนทำชั่ว

เพื่อจะไม่มีใครหันกลับจากความชั่วร้ายของตน

สำหรับเรา พวกเขาเป็นเหมือนโสโดม

ชาวเยรูซาเล็มเป็นเหมือนโกโมราห์”

15 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า

“เราจะทำให้พวกเขากินอาหารขม

และดื่มน้ำมีพิษ

เพราะความอธรรมก็ระบาดไปทั่วดินแดน

จากบรรดาผู้เผยพระวจนะของเยรูซาเล็ม”

16 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“อย่าฟังสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นพยากรณ์แก่เจ้า

พวกเขาให้แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ

แจ้งนิมิตต่างๆ จากความคิดของตน

ไม่ใช่ถ้อยคำจากพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 เขาพร่ำบอกคนที่หมิ่นประมาทเราว่า

‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พวกท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข’

บอกกับคนที่ทำตามใจดื้อดึงว่า

‘จะไม่มีภัยอันตรายใดๆ เกิดแก่ท่าน’

18 แต่มีคนไหนบ้างในพวกเขาซึ่งยืนอยู่ในที่ชุมนุมขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อจะเห็นหรือได้ยินพระวจนะของพระองค์?

มีใครบ้างที่ฟังและได้ยินถ้อยคำของพระองค์?

19 ดูเถิด พายุขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จะปะทุขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด

เป็นพายุหมุนลงมา

เหนือศีรษะของบรรดาคนชั่วร้าย

20 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่หันกลับ

จนกว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายในพระทัยของพระองค์ทุกประการ

ในภายภาคหน้า

เจ้าจะเข้าใจสิ่งนี้แจ่มแจ้ง

21 เราไม่ได้ใช้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้มา

แต่พวกเขาก็กล่าวถ้อยคำของตนออกมา

เราไม่ได้ตรัสอะไรกับเขา

แต่พวกเขาก็พยากรณ์

22 แต่หากเขายืนอยู่ในที่ประชุมของเรา

ก็คงจะประกาศถ้อยคำของเราแก่เหล่าประชากร

และชักจูงให้เหล่าประชากรหันจากวิถี

และการกระทำอันชั่วร้ายของตน”

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“เราเป็นพระเจ้าผู้อยู่แต่เพียงใกล้ๆ แค่นั้นหรือ?

ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้อยู่ห่างไกลด้วยหรือ?”

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“มีใครสามารถหลบซ่อนในที่ลับจนเรามองไม่เห็นหรือ?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“เราอยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกไม่ใช่หรือ?”

25 “เราได้ยินคำพูดของผู้เผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์เท็จโดยอ้างนามของเรา พวกเขาพูดว่า ‘ข้าพเจ้าฝันเห็น! ข้าพเจ้าฝันเห็น!’

26 อีกนานสักเท่าไรที่สิ่งนี้จะคงอยู่ในใจของผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ซึ่งพยากรณ์ภาพหลอนในใจของตนเอง?

27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่ตนเล่าสู่กันฟังจะทำให้ประชากรของเราลืมนามของเรา เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้ลืมนามของเราไปกราบไหว้พระบาอัล

28 ให้ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เล่าความฝันของเขาไปเถิด แต่ผู้ที่มีถ้อยคำของเราก็จงประกาศไปอย่างซื่อสัตย์ เพราะฟางข้าวก็ต่างจากเมล็ดข้าวไม่ใช่หรือ?”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

29 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถ้อยคำของเราเหมือนไฟ และเหมือนค้อนที่ทุบหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่หรือ?”

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ฉะนั้นเราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะที่พยากรณ์แล้วอ้างว่าเป็นถ้อยคำของเรา และพวกเขาขโมยถ้อยคำเหล่านั้นจากกันและกัน”

31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ถูกแล้ว เราเป็นศัตรูกับผู้เผยพระวจนะซึ่งกระดกลิ้นตัวเอง แต่ก็ยังอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’ ”

32 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แน่ละ เราเป็นศัตรูกับผู้พยากรณ์เท็จที่เล่าฝันซึ่งกุขึ้นมาเอง พวกเขาชักนำประชากรของเราให้หลงผิดโดยคำโกหกคล่องปาก ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้เขาหรือแต่งตั้งเขา เขาไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ประชากรเหล่านี้แม้แต่น้อย”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์และผู้เผยพระวจนะเท็จ

33 “เมื่อใครในหมู่ประชากร ผู้เผยพระวจนะหรือปุโรหิตมาถามเจ้าว่า ‘วันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสอะไรบ้าง?’ เจ้าจงตอบว่า ‘พระดำรัสน่ะหรือ?องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราจะเหวี่ยงเจ้าทิ้ง’

34 ถ้าปุโรหิตหรือผู้เผยพระวจนะหรือผู้หนึ่งผู้ใดแอบอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นกับครอบครัวของเขา

35 ที่พวกเจ้าแต่ละคนเฝ้าถามกับญาติมิตรของตนว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’

36 แต่เจ้าอย่าพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ อีกเลย เพราะเมื่อเจ้าเอาคำพูดของตัวเองมาแอบอ้างเป็นพระดำรัสของพระองค์ เจ้าก็บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าของเรา

37 เจ้าทั้งหลายมักพูดกับผู้เผยพระวจนะว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสตอบท่านว่าอย่างไร?’ หรือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสอะไร?’

38 ถึงแม้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าใช้คำพูดว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ทั้งๆ ที่เราห้ามไม่ให้เจ้าอ้างว่า ‘นี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า’

39 ฉะนั้นเราจะลืมเจ้าและเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเราอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกรุงนี้ซึ่งเราได้ยกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า

40 เราจะนำความอัปยศอดสูตลอดกาลมาสู่เจ้า ความอับอายเนืองนิตย์ซึ่งไม่มีวันลืม”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/23-8197f26673ed1686dbbfa3c365fe9a59.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 24

บทเรียนจากมะเดื่อสองกระจาด

1 หลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้คุมตัวเยโฮยาคีนโอรสกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และกวาดต้อนบรรดาข้าราชการ ช่างฝีมือ และช่างเหล็กไปเป็นเชลยที่บาบิโลนองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นมะเดื่อสองกระจาดวางอยู่ที่หน้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

2 กระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่ดีมากเหมือนมะเดื่อสุกต้นฤดู ส่วนอีกกระจาดหนึ่งมีมะเดื่อที่เน่ามาก เน่าจนกินไม่ได้

3 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง?”

ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “มะเดื่อพระเจ้าข้า ที่ดีก็ดีมาก ที่เน่าก็เน่าจนกินไม่ได้”

4 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า

5 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราถือว่าเชลยจากยูดาห์ซึ่งเราส่งไปยังดินแดนของชาวบาบิโลนนั้นเป็นเหมือนมะเดื่อที่ดี

6 เราจะจับตาดูเขาเพื่อประโยชน์สุขของเขา และนำเขากลับมายังดินแดนแห่งนี้อีก เราจะสร้างพวกเขาขึ้นและไม่รื้อลง เราจะปลูกเขาไว้และไม่ถอนทิ้ง

7 เราจะให้จิตใจแก่เขาที่จะรู้จักว่าเราคือพระยาห์เวห์ เขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเขา เพราะเขาจะหันกลับมาหาเราอย่างสุดใจ’

8 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘แต่เหมือนมะเดื่อเน่า ซึ่งเน่าจนกินไม่ได้ เราจะจัดการเช่นนั้นกับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ข้าราชการของเขา และผู้ที่เหลือรอดจากเยรูซาเล็ม ไม่ว่าจะยังอยู่ในแผ่นดินนี้ หรืออาศัยอยู่ที่อียิปต์

9 เราจะทำให้พวกเขาเป็นที่ขยะแขยงน่ารังเกียจแก่มวลอาณาจักรในโลกนี้ เป็นคำตำหนิติเตียน คำเปรียบเปรย เป็นคำเยาะเย้ย และคำสาปแช่ง ไม่ว่าเราจะเนรเทศเขาไปที่ใด

10 เราจะส่งสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดไปเล่นงานพวกเขา จนกระทั่งเขาถูกทำลายล้างจากดินแดนซึ่งเราได้ยกให้แก่เขาและบรรพบุรุษของเขา’ ”

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/24-7fd972b697e2666572eef4869b01a3c0.mp3?version_id=179—

Categories
เยเรมีย์

เยเรมีย์ 25

เจ็ดสิบปีแห่งการตกเป็นเชลย

1 พระดำรัสของพระเจ้าเกี่ยวกับประชากรทั้งปวงของยูดาห์มาถึงเยเรมีย์ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นปีแรกที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนขึ้นครองราชย์

2 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์จึงกล่าวแก่ชาวยูดาห์ทั้งปวงและชาวเยรูซาเล็มว่า

3 ตลอด 23 ปีตั้งแต่ปีที่สิบสามแห่งรัชกาลโยสิยาห์โอรสของกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์จนถึงวันนี้ ได้มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเรื่อยๆ และข้าพเจ้าก็ถ่ายทอดให้พวกท่านฟังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท่านก็ไม่ยอมฟัง

4 และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง ไม่ยอมใส่ใจ

5 พวกเขากล่าวว่า “พวกเจ้าแต่ละคน จงหันกลับจากวิถีและความประพฤติชั่วร้ายเถิด แล้วเจ้าจะอยู่ในดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตลอดไปได้

6 อย่าไปติดตาม ปรนนิบัติ นมัสการพระอื่นๆ อย่ายั่วให้เราโกรธด้วยสิ่งที่มือของเจ้าเองสร้างขึ้น แล้วเราก็จะไม่ทำอันตรายเจ้า”

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟังเรา และยั่วให้เราโกรธโดยสิ่งที่มือของเจ้าสร้างขึ้น เจ้ารนหาทุกข์ภัยมาใส่ตัว”

8 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เนื่องจากเจ้าไม่ฟังถ้อยคำของเรา”

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราก็จะเรียกชนชาติทั้งปวงจากทางเหนือ และกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามาชุมนุมกัน เราจะนำพวกเขามาต่อสู้ดินแดนและชาวถิ่นนี้ ตลอดจนชนชาติต่างๆ ที่รายรอบอยู่ ทั้งหมดนี้ เราจะทำลายล้างพวกเจ้าให้หมดสิ้น ทำให้เจ้าเป็นเป้าของความสยดสยองและการดูหมิ่นและเป็นความหายนะตลอดกาล

10 เราจะกำจัดเสียงสรวลเสเฮฮา เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโม่แป้ง และแสงตะเกียงไปจากเจ้า

11 ดินแดนทั้งหมดนี้จะกลายเป็นซากทิ้งร้างว่างเปล่า และชนชาติเหล่านี้จะรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเป็นเวลาเจ็ดสิบปี”

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่เมื่อครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและชนชาติของเขา ซึ่งก็คือแผ่นดินของชาวบาบิโลนเพราะความผิดของพวกเขา เราจะทำให้ดินแดนของเขาถูกทิ้งร้างตลอดไป

13 เราจะทำกับดินแดนนั้นตามที่เราได้ลั่นวาจาไว้ทุกประการ ตามที่เขียนไว้ในหนังสือนี้และที่เยเรมีย์ได้พยากรณ์ไว้เกี่ยวกับประชาชาติทั้งปวง

14 พวกเขาจะตกเป็นทาสของกษัตริย์ยิ่งใหญ่จากชาติต่างๆ และเราจะลงโทษพวกเขาให้สาสมกับความประพฤติและการกระทำของพวกเขา”

ถ้วยแห่งพระพิโรธ

15 พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงรับถ้วยที่เต็มด้วยเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธนี้จากมือของเรา และให้ประชาชาติทั้งปวงที่เราใช้เจ้าไปหาดื่มจากถ้วยนี้

16 เมื่อดื่มแล้ว พวกเขาจะโซซัดโซเซและคลุ้มคลั่งไป เพราะดาบที่เราจะส่งมาท่ามกลางพวกเขา”

17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงรับถ้วยจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและให้มวลประชาชาติที่พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปหานั้นดื่มจากถ้วยนี้

18 เยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ พร้อมทั้งกษัตริย์และขุนนาง จะถูกทำให้เป็นซากรกร้าง เป็นเป้าของความสยดสยอง เป็นที่ดูหมิ่นและเป็นที่สาปแช่งเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

19 ทั้งฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ ขุนนาง ข้าราชบริพาร และราษฎรทั้งปวง

20 ตลอดจนคนต่างด้าวทั้งปวงซึ่งอยู่ที่นั่น รวมทั้งกษัตริย์ทั้งปวงแห่งดินแดนอูสและแห่งฟีลิสเตีย (ผู้ครองอัชเคโลน กาซา เอโครน และประชาชนซึ่งเหลืออยู่ที่อัชโดด)

21 ทั้งเอโดม โมอับ และอัมโมน

22 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งไทระและไซดอน บรรดากษัตริย์แห่งภูมิภาคซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเล

23 เดดาน เทมา บูส และคนทั้งปวงในที่ไกลโพ้น

24 กษัตริย์อาระเบียทั้งปวงและของชนเร่ร่อนเผ่าต่างๆ ในทะเลทราย

25 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งศิมรี เอลาม และมีเดีย

26 เหล่ากษัตริย์ของดินแดนทางเหนือทั้งใกล้และไกล จากแดนหนึ่งไปสู่อีกแดนหนึ่งและทั่วอาณาจักรทั้งปวงของโลก และในที่สุดกษัตริย์เชชักเองก็จะดื่มจากถ้วยนี้ด้วย

27 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า จงดื่ม จงเมามายและอาเจียน และล้มลงจนลุกขึ้นมาอีกไม่ได้เพราะดาบซึ่งเราจะส่งมาในหมู่พวกเจ้า’

28 แต่หากพวกเขาไม่ยอมรับถ้วยนี้จากมือของเจ้ามาดื่ม จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า เจ้าต้องดื่ม!

29 ดูเถิด เรากำลังเริ่มต้นนำหายนะมาสู่เมืองซึ่งใช้ชื่อของเรา ส่วนเจ้าจะลอยนวลพ้นโทษไปได้หรือ? ไม่เลย เจ้าจะไม่พ้นโทษเพราะเราจะสั่งให้ลงดาบเหนือชาวโลกทั้งปวง’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

30 “บัดนี้จงพยากรณ์ถ้อยคำเหล่านี้แก่พวกเขา จงบอกพวกเขาว่า

“ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปล่งเสียงกัมปนาทจากเบื้องบน

พระองค์จะทรงเปล่งพระสุรเสียงจากที่ประทับอันบริสุทธิ์

และส่งเสียงดังสนั่นต่อสู้ดินแดนของพระองค์

พระองค์จะทรงเปล่งเสียงเหมือนเสียงคนย่ำองุ่น

จะเปล่งเสียงดังต่อชาวพิภพทั้งปวง

31 ความโกลาหลอลหม่านจะดังก้องไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงดำเนินคดีกับประชาชาติทั้งหลาย

จะทรงพิพากษาลงโทษมวลมนุษยชาติ

จะทรงประหารคนชั่วด้วยดาบ’ ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

32 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ดูเถิด! ภัยพิบัติกำลังแพร่ไป

จากชาติหนึ่งไปยังอีกชาติหนึ่ง

พายุใหญ่กำลังปั่นป่วนขึ้น

จากทุกมุมโลก”

33 ในครั้งนั้นบรรดาคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประหารจะเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่ง จากสุดโลกด้านหนึ่งถึงสุดโลกอีกด้านหนึ่ง จะไม่มีใครร้องไห้ให้เขาหรือรวบรวมซากศพไปฝัง มีแต่ทิ้งไว้บนพื้นเหมือนขยะ

34 จงร่ำไห้และคร่ำครวญเถิด บรรดาคนเลี้ยงแกะ

พวกผู้นำฝูงแกะ จงเกลือกกลิ้งในธุลี

เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะถูกประหาร

เจ้าจะล้มตายและถูกขยี้แหลกลาญเหมือนเครื่องปั้นดินเผาชั้นดี

35 บรรดาคนเลี้ยงแกะไม่รู้จะหนีไปที่ไหน

พวกผู้นำฝูงแกะไม่รู้จะหลบไปที่ใด

36 จงฟังเสียงร้องของเหล่าคนเลี้ยงแกะ

เสียงร่ำไห้ของบรรดาผู้นำฝูงแกะ

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำลังทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา

37 ท้องทุ่งอันสงบสุขจะถูกทิ้งร้าง

เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า

38 พระองค์จะเสด็จมาจากที่ประทับเหมือนราชสีห์

และดินแดนของพวกเขาจะถูกทิ้งร้าง

เพราะดาบของผู้กดขี่ข่มเหง

และเพราะพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

—https://api-cdn.youversionapi.com/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/25-758a26a73e66d59afd8842a953337368.mp3?version_id=179—